ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My wife ขอโทษที คนนี้เมียกู [END]

    ลำดับตอนที่ #11 : .....My wife.....{11}

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 15.63K
      21
      4 ธ.ค. 54

    .....My wife.....{11}

     [Victor]

                ผมรีบออกจากห้องแล้วมุ่งหน้าไปที่รถตัวเองทันที ตอนแรกผมกะว่าจะไปล้อไอ้เซนท์ที่ให้พี่ไนน์มารับถึงที่เสียหน่อย ระหว่างที่กำลังอารมณ์ดีๆอยู่นั้น ผมก็ต้องเปลี่ยนใจในทันที เพราะไอ้ข้อความเจ้าปัญหาที่ถูกส่งมาจากไอ้คนที่ผมเกลียดมันที่สุดในตอนนี้

    คอนโด XXX ไม่งั้นลงเน็ต

    ถ้าอ่านแค่นั้น อาจจะไม่เข้าใจแน่ๆ และดูไม่มีสาระแต่มันจะไม่เป็นอะไรเลย ถ้ามันไม่ได้ส่งรูปๆหนึ่งมาด้วย รูปที่ผมกลัวที่สุดในเวลานี้ ใช่ รูปของผมเองแหละ ในสภาพที่ไม่มีอะไรเลย กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงกับคราบสีแดงที่เปื้อนอยู่นิดๆบนเตียงนอนนั่น ใช่ มันเป็นรูปในไม่กี่วันที่ผ่านมา วันนั้นวันที่ผมอยากจะลืมมันไปที่สุด แต่มันกลับเป็นความทรงจำที่ชัดที่สุดที่ตามหลอกผมมาตลอดหลายวันนี้ และมันทำให้ผมเจ็บถึงมากที่สุด

    “เมื่อไรมึงจะเลิกยุ่งกับกูสักทีวะ ไอ้พาสต้า” ผมบ่นอย่างหัวเสียในขณะขับรถ เป้าหมายของผมแน่นอนว่าไม่ต้องบอกทางก็น่าจะรู้กัน สำหรับคอนโดหรูแบบนั้น และถ้าผมไม่รู้จริงๆยังไงไอ้พาสก็ไม่มีทางบอกผมแน่ ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องไป ไม่งั้นผมขอตายดีกว่าที่รูปนั้นจะถูกเผยแพร่ ผมไม่รู้ว่ามันคิดจะทำอะไร แต่ตอนนี้กับมัน ผมไม่มีอะไรต้องเสียอีกแล้ว ไปเจอกับมันหน่อยจะเป็นไรไปล่ะ ผมเข้ามาในบริเวณที่จอดรถของคอนโด เมื่อรถจอดผมก็โทรหามันทันที

    ว่าไงเสียงปลายสายพูดกับผมอย่างสบายๆ ผิดกับผมเลยที่กำลังเดือด

    มึงอยู่ไหนผมถามมันไปห้วนๆ

    แหม พูดไม่เพราะเลยนะเนี่ย มันน่าบอกไหม

    อย่าเรื่องมาก ให้มากูก็มาแล้ว บอกมาดีๆผมไม่มีอารมณ์มาเล่นกับมันหรอกนะ

    ทำตัวดีๆหน่อย อย่าก้าวร้าวให้มากนักเสียงไอ้พาสต้าพูดกลับมาอย่างข่มอารมณ์

    มึงนั่นแหละ อย่ามีปัญหา บอกกูมา มึงอยู่ไหน

    ห้อง XXX’

    แค่นั้นแหละผมพูดจบแล้วตัดสายมันทิ้งทันที ผมไม่สนใจมันหรอก แค่มาให้เรื่องจบๆไปแค่นั้นแหละ มันบอกให้มาผมก็มา แต่ผมคงต้องคุยกับมันเหมือนกันล่ะนะ ผมใช้ความสามารถพิเศษและความพยายามส่วนตัว ค้นหาห้องมันจนเจอ และตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่ที่หน้าห้องของไอ้ตัวปัญหาพาสต้า ผมรวบรวมความกล้าของตัวเอง ก่อนจะลงมือกดกริ่งหน้าประตู

     

     [Pasta]

              ผมนั่งดูโทรทัศน์รอไอ้วิคเตอร์อย่างใจเย็นในห้องของตัวเอง ตอนที่ผมส่งรูปนั้นไปคือตอนที่ผมกำลังกลับมาจากมหาวิทยาลัย และบังเอิญมันพอกับเวลาเลิกของพวกเด็กม.ปลายของโรงเรียนไอ้วิคเตอร์พอดี ผมต้องรู้สิ ในเมื่อผมเคยเรียนที่นั่นมาก่อนนี่ ไม่รู้เหมือนกันว่าผมเกิดนึกอะไรขึ้นมาถึงได้ส่งรูปไป แต่ที่แน่ๆเหตุผลง่ายๆเลยคือผมอยากเจอมัน แค่นั้นแหละ แต่อย่างมันถ้าเรียกมาเฉยๆมันไม่มีทางมาแน่ๆล่ะ ต้องมีการขู่กันหน่อย เป็นความจริงที่ว่าในวันนั้นหลังจากที่มันสลบไป ผมแอบถ่ายรูปมันเก็บไว้เยอะเลย แบบภาพคมชัดเสียด้วย อ่านะ เวลาว่างๆไม่มีอะไรทำผมก็จะกลับมานั่งดูเพลินๆ อย่างน้อยผมก็ไม่เบื่อกับมันเลยจริงๆ

    เสียงโทรศัพท์เข้า ดึงผมออกจากความคิด ในเวลานี้คงมีแค่มันเท่านั้นแหละนะ

    ‘.....’

    มึงนั่นแหละ อย่ามีปัญหา บอกกูมา มึงอยู่ไหน

    ห้อง XXX’

    แค่นั้นแหละ

    ‘.........’ สายถูกตัดทิ้งทันทีที่มันพูดจบ หึหึ ไอ้วิคเตอร์ เด็กแสบ พูดกับผมห้วนๆไม่พอ แถมยังตัดสายผมทิ้งไปดื้อๆอีก แบบนี้เห็นทีผมคงต้องสั่งสอนมันหน่อยแล้ว ไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับผมเลยนะ ผมวางโทรศัพท์ลงแล้วนั่งรอมันไป จนกระทั่งกริ่งสัญญาณดัง

    “หึ” ผมแสยะยิ้มกับความว่างเปล่าก่อนจะเดินไปเปิดประตู และทันทีที่ประตูเปิดออก ผมก็เจอกับเด็กม.ปลายร่างเล็กยืนทำหน้าบึ้งอยู่ ในชุดเครื่องแบบนักเรียนเต็มยศที่ทำผมค้าง

    น่ารักว่ะความคิดพิลึกๆแทรกเข้ามาในหัวผมทันที่เห็นมัน ร่างเล็กของคนตรงหน้ากับผิวขาวเนียนในชุดนักเรียนมัธยมปลาย ใบหน้าน่ารักนั่นในเวลาแบบนี้เล่นทำเอาผมแทบคลั่ง ผมว่าวันนั้นไอ้วิคเตอร์ก็น่ารักพอแล้วนะ ผมถึงขนาดหยุดตัวเองไม่ได้เลย แค่คิดว่าจะแกล้งมันนิดหน่อยก็เถอะ แต่มันก็เกินกว่าที่คิดได้ ช่วยไม่ได้นี่ ใครให้มันน่ารักก่อนเองล่ะ ยิ่งสภาพของมันในชุดนักเรียนแบบนี้ด้วยแล้ว หึหึ เห็นแล้วอยากจับกดชะมัด

    “มึงจะจ้องอีกนานไหม มีปัญหาหรือไง” แต่มันจะไม่น่ารักก็ตรงปากมันเนี่ยแหละ

    “เปล่า แค่แปลกใจที่มึงมาจริงๆ” ใช่ ผมก็สงสัยเหมือนกันแหละ สงมัยมันกลัวจริง

    “เหอะ มีไอ้เชี่ยที่ไหนจะโง่ยอมปล่อยให้รูปตัวเองโดนแพร่ล่ะ” มันพูดแล้วเสมองไปทางอื่น มันคงไม่อยากพูดถึงรูปนั้นสินะ อ่า มันก็จริง รูปนู๊ดสุดเซ็กซี่เชียวนี่นา

    “หึ ทีตัวเองถ่ายรูปคนอื่นล่ะไม่คิด” ทีกับรูปเต็มมือถือมันนั่นล่ะ ไม่เห็นจะคิดถึงคนอื่นเขาบ้างเลยสักนิด ถ่ายเก็บเพราะความสะใจตัวเองแท้ๆ ทีของตัวเองล่ะเดือดร้อน

    “เรื่องของกู มึงมีอะไรว่าม” มันพูดแบบไม่มองหน้าผมเลยสักนิด

    “สัส มีอย่างที่ไหน พูดแล้วไม่มองหน้า” ไม่สบอารมณ์แฮะ กูยืนอยู่นี่ทั้งคนนะ

    “กูเกลียดขี้หน้ามึง พอใจไหม” จึกเลย อันนี้ก็ตรงไปนะมึง

    “อ่าว พูดงี้แสดงว่าอยากโดนดี เรื่องคุยโทรศัพท์เมื่อกี้กูยังไม่ได้เคลียร์เลยนะ”

    “ไม่เกี่ยวเหอะ มึงกวนกูก่อน ว่ามา เรียกกูมาทำไม” มันหันมามองหน้าผมอย่างหาเรื่อง พร้อมกับประโยคคำถามที่ดูมันจะรังเกียจผมเหลือเกินนะเนี่ย

    “พึ่งมาถึงก็รีบแล้วหรือไง ธุระเยอะมากนักหรอมึงน่ะ” ผมถามมันกลับอย่างกวนๆ

    “เออ โดนเฉพาะกับคนอย่างมึง เวลากูไม่มีว่ะ”

    “เออ พูดดีไปเถอะมึง” เดี๋ยว อย่าให้กูได้เอาคืนนะ

    “อย่าเล่นดิสัส บอกมา เรียกกูมาทำไม”

     “ก็แค่อยากเห็นหน้า” นั่นแหละ เหตุผลที่ดูดีที่สุด มันมีแค่นั้นจริงๆนี่  จะให้ว่าไงล่ะ ผมเห็นมันสำหน้ามันสะดุดไปนิดๆ ก่อนจะปรับคืนสภาพแล้วพูด

    “ไอ้เวร กูไม่เล่นว่ะ เอาจริงๆ” แล้วมันก็ไม่เชื่อ ว่าแล้วไง ทำไงได้ ทำกับมันไว้เยอะนี่ มันจะระแวงบ้างก็ไม่แปลกนักหรอก

    “อยากได้ความจริงว่างั้น” ผมถามย้อนมันเพื่อยืนยันคำพูดมันให้แน่ใจ

    “เออ” มันตอบแล้วมองย้อนผมอย่างไม่กลัวเกรง

    “หึ กูแค่มีเรื่องคุยกับมึงแค่นั้นแหละ” เหตุผลดีๆไม่ชอบ แล้วอย่าหาว่ากูใจร้ายละกัน

    “เรื่องเชี่ยไร” พอมันถามแบบนี้ทำเอาผมยิ้มออกมาอย่างสะใจนิดๆ เข้าทางกูแล้วมึง

    “ยิ้มไรมึง” แน่ เห็นทันด้วยอีกนะ ตาไวไปละมึง

    “เปล่าๆ” ผมบอกปัดมันไป แต่ดูเหมือนไอ้คนตรงหน้านี้ไม่ค่อยสนใจเท่าไร

    “จะเล่นอีกนานไหน” มันพูดเสียงต่ำ อย่างกับมันหมดความอดทนแล้ว แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก อยากได้เหตุผลรุนแรงก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ

    “ใจเย็นๆ เข้ามาก่อนดิ” ผมพูดแล้วหลีกทางให้มันเดิน แต่มันไม่มีท่าทีจะขยับเลยซะงั้น

    “ไม่ต้อง มึงมีไรก็ว่ามา กูไม่ได้ว่างมาก”  ไอ้นี่ มีต่อรองซะด้วย

    “เฮ้ย อย่าดื้อนักดิวะ มึงรีบนักก็ฟังๆกูดิ” ผมบอกกับมันอย่างรำคาญนิด แทนที่มันจะเชื่อฟังผมให้จบๆไปนะ ยังจะมาต่อรองอีก เรื่องมากจริงว่ะ

    “ชิ อย่าเล่นตุกติกนะมึง” มันพูดแล้วมองมาที่ผมอย่างระแวง

    “เออน่า ไม่ไว้ใจกูหรือไง” ผมถามมันอย่างลองเชิง แม้จะรู้คำตอบดีก็เถอะ

    “แน่ล่ะ เชื่อมึงก็ควายแล้ว” เหอะ ไม่ต่างจากที่คิด

    “อย่าพูดมาก กูไม่ทำอะไรมึงหรอก อยากกลับเร็วก็เข้ามาดีๆ” ผมบอกมันอย่างเอือมนิดๆ ดื้ออะไรนักหนาวะ ทำตัวเหมือนเด็กขี้ระแวง ชิ โดนกูจัดการแล้วแท้ๆยังจะมาเรื่องมากอีก

    “แล้วถ้ากูไม่เข้าไปล่ะ” แน่ะ เล่นตัวอีกนะมึง มันจ้องหน้าผมอย่างท้าทาย

    “กูก็จะแพร่รูปมึงซะ หึ เด็ดกว่าที่มึงเห็นยังมีอีกเยอะ” ผมมองหน้ามันตอบ แล้วบอกมันด้วยสีหน้าของผู้ชนะ แน่นอนล่ะ เกมนี่ผมคุม

    “สารเลว ไอ้โคตรเหี้ย” มันกัดฟันด่าผมอย่างโกรธแค้น สู้อะไรกูไม่ได้ล่ะสิมึง

    “ข่มขืนมึงกูยังทำมาแล้ว กับมึงเลวกว่านี้กูก็ทำได้” ผมพูดอย่างไม่สะทกสะท้านกับที่มันด่า ส่วนไอ้วิคเตอร์น่ะเหรอ ยืนตัวสั่นจะฆ่าผมได้อยู่แล้วมั้ง หึหึ โหมดเลวๆนี้เพื่อมันโดยเฉพาะ

    “ไอ้.....” ถึงกับด่าไม่ออกเลยมึง นิ้วมือที่ชี้หน้าผมอยู่มันไม่ทำให้ผมรู้สึกอะไรได้หรอก

     “เข้าไป!!” ผมขยับตัวออกมาแล้วสั่งมันอย่างบังคับ เข้าสู่โหมดโหดแล้ว เล่นตัวดีนัก พูดดียังไงก็แล้วยังจะมาทำตัวเรื่องมากอีกนะ ทำตัวเองทั้งนั้นนะมึง อย่าโทษกูละกัน

    “ไม่!! เข้าไปกูก็โคตรโง่แล้ว” ดูเหมือนไอ้วิคเตอร์จะเริ่มเข้าใจอะไรบ้างแล้วล่ะนะ

    “มึงโง่ตั้งแต่มานี่แล้ว!” ผมไม่พูดเปล่า คว้าแขนไอ้วิเคเตอร์ทันที

    “ไอ้พาส!!  โอ๊ย!!” มันตะโกนใส่ผมทันทีที่โดนจับ แต่ผมไม่สนใจกระชากแขนมันเข้ามาในห้องอย่างเร็ว จนมันร้องออกมาเพราะแรงกระชากที่แขนของมัน

    “พูดดีๆไม่ชอบนะมึง” เมื่อมันเข้ามาแล้วผมจัดการปิดประตูแล้วล็อกห้องเรียบร้อย

    “มึงจะทำอะไร” เสียงไอ้วิคเตอร์เริ่มสั่นมากขึ้น เมื่อมันเห็นผมทำแบบนั้น ผมหันกลับมาเผชิญหน้ากับมัน ในขณะที่มันพยยามรักษาระยะห่างกับผมอย่างห่างสุดๆ

    “แล้วคิดว่ากูจะทำอะไรล่ะ” ผมมองหน้ามันอย่างผู้ที่เหนือกว่า

    “ไอ้เชี่ยพาส” มันทำหน้าตกใจเหมือนกับคิดอะไรที่มันไม่อยากเกิดให้เกิดที่สุดออก แต่น่าเสียดายว่าสิ่งที่มันคิด ในเวลานี้คงจะเป็นสิ่งเดียวกับที่ผมคิดอยู่ มันพยายามมองซ้ายมองขวาเพื่อหาทางหนีที่เร็วที่สุดที่จะมุ่งไปที่ประตูได้

    “คิดจะหนีก็ไม่ทันแล้วว่ะ” ผมบอกมันอย่างรู้ทัน ไอ้วิคเตอร์ตวัดสายตามองผมอย่างโกรธๆ แววตาของร่างเล็กเริ่มสั่นเพราะความหวาดกลัว

    “ไหมว่ามึงจะคุยกับกูไง”

    “หึ ก็เรื่องของมึงกับกูไงล่ะ” ผมเดินก้าวเข้าไปหามันอย่างช้าๆ ขณะเดียวกันมันก็ถอยห่างออกจากผมไปด้วยเหมือนกัน ก้าวต่อก้าวเลยล่ะ

    “แต่กูไม่มีอะไรเกี่ยวกับมึง” มันพูดอย่างบอกปัด คิดจะเลี่ยงให้ได้สินะ

    “พูดตอนนี้ช่วยไรมึงได้หรือไง”

    “.......” มันไม่ตอบ หนีกูได้หนีไป ห้องนี้ไม่ได้กว้างเท่าโลกนะมึง เดินได้กี่ก้าวเอง

    “หึ กูพูดดีด้วยเสือกเถียง กูพูดเสือกไม่ฟัง คิดว่าจะไม่ทำอะไรแล้วนะ”

    “งั้นก็ปล่อยกูไปซะสิ” แม้แต่ตอนนี้ที่มันบอกให้ผมปล่อยมันไป มันยังมีแววตาหยิ่งๆยู่เลย ทั้งๆที่กลัวผมแท้ๆ ถ้ามันทำหน้าขอร้องผม ไม่แน่นะ ผมอาจจะใจอ่อนก็ได้

    “ปล่อยมึงงั้นหรอ พูดง่ายไปไหม ทีกูพูดดีด้วยเมื่อกี้มึงฟังกูไหมล่ะ”

    “แต่มึงบอกจะไม่ทำอะไรกู” เหอะ รู้จักเล่นนี่ เอาคำพูดผมมาใช่งั้นหรอ

    “หึ ใครให้มึงโง่เชี่อล่ะ โดนกูหลอกเอามาทีนึงแล้วไม่เข็ดนะมึง”

    “ไอ้พาส!!” มันตะโกนชื่อผม คงโกรธมาสินะที่โดนพูดย้อนความหลังแบบนี้น่ะ ก้าวที่เดินถอยหลังไปเรื่อยดูเหมือนว่าจะกำลังจะหยุดลงในอีกไม่ช้า เพราะผมเห็นแล้วล่ะ หึ ทางตัน

    “อ๊ะ..” เสียงไอ้วิคเตอร์อุทานออกมาเมื่อหลังชนเข้ากับโต๊ะและในจังหวะที่มันหันไปดูนั่นเอง ผมใช้ความได้เปรียบของคนตัวสูง ก้าวขายาวอย่างเร็วจนถึงตัวมัน แต่มันหันมาทันแล้วเบี่ยงตัวหลบผมไปได้ แต่ก็นะ ขาสั้นๆแบบนั้นจะไปได้สักเท่าไรเชียว

    “อ่าว เฮ้ย!!” ผมไวกว่าคว้าแขนมันได้แล้วดึงเข้าหาตัวแล้วไม่ทันให้มันได้ตั้งตัวอะไรต่อ ผมก็จัดการแบกร่างเล็กที่พยายามดิ้นอยู่ขึ้นบ่าทันที โดยไม่ฟังเสียงทักท้วง

    “เฮ้ย ไอ้พาส ปล่อยกูลงนะเว้ย!!” ร่างเล็กของไอ้วิคเตอร์พยายามดิ้น มือของมันที่เผ้นอสระพยายามประทุษร้ายผมอย่างสุดกำลัง แต่ดูท่ามันจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยมากกว่า

    “เงียบไปเหอะ มึงน่ะ แหกปากอยู่ได้ ทำอย่างกับยังมีอะไรให้เสียอยู่อย่างนั้นแหละ”

    “ไอ้เชี่ยพาส!! โธ่เว้ย ไอ้ ไอ้สารเลว ไอ้โคตรเหี้ย ไอ้ชั่ว ไอ้......” ผมปล่อยให้มันด่าไปอย่างนั้นแหละ  เดี๋ยวมันก็จะได้หุบปากเองแล้ว

    “เดี๋ยวเด้ เฮ้ย  ไม่เอานะเว้ย ปล่อยกู!!!” เสียงท้วงมันดังหนักขึ้นเมื่อผมแบกมันเดินเข้าห้องนอนอย่างหน้าตาเฉย หึ คนอย่างไอ้เสือพาสต้า ลูกกวางหลงเข้ามาแล้วเรื่องอะไรจะปล่อย

    ตุบ!!

                “โอ๊ย!” ผมทิ้งไอ้วิคเตอร์ลงกับเตียงอย่างไร้ความปราณี จนมันร้องออกมาเสียงดัง แหงล่ะ หลังกระทบเตียงเสียงดังตั้งขนาดนั้น ไม่เจ็บให้มันรู้ไปดิ

    “หึ สุดท้ายก็เหมือนเดิมแหละน่า” ผมพูดกับมันอย่างเยาะเย้ยกับสภาพของมันตอนนี้ ร่างเล็กในชุดนักเรียนโดนกดลงกับเตียงโดยถูกคนตัวโตกว่าคร่อมอยู่ ความพยายามดิ้นเท่าไรก็สูญเปล่า ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเจ็บตัวเอง เพราะแรงบีบที่ข้อมือก็จะมากขึ้นไปด้วย แต่ว่าผมก็มองความพยายามมันอยู่อย่างนั้นแหละ จนไอ้วิคเตอร์เหมือนจะเริ่มงงๆกับผมเลยหันมาสบตาผมแทน

    “......” ไม่มีเสียงพูดอะไรระหว่างเราสองคน ผมเชื่อว่าถ้าผมจู่โจมมันตอนนี้ สิ่งที่ผมจะได้เห็นคงเป็นมันร้องไห้อีกแล้วล่ะ ผมอดทนรอจนมันหันมามองผมเนี่ยแหละ แม้ในเวลานี้ผิวขาวๆของมันภายใต้ชุดนักเรียนที่มันใส่อยู่แล้วโคตรน่ารักนี่จะยั่วผมมากเลยก็เถอะ แต่ลงมือทำอะไรตอนนี้ก็อาจจะมีแต่ความรุนแรงก็ได้ อะไรบางอย่างที่อยู่ลึกๆในตัวผมพยายามบอกว่าผมไม่ควรทำร้ายมันอีก หรืออย่างน้อยผมก็ไม่ควรโหดร้ายกับมันมากนัก

    “อะไร” เหมือนความสงสัยในตัวผมจะมีอิทธิพลมากกว่าความกลัว ทำให้มันถึงกล้าสบตาผมแล้วพูดถามออกมาแบบนี้น่ะ เรื่องของคนสองคน ถ้าใครคนหนึ่งยอมอ่อนลง เดี๋ยวเรื่องมันก็ดีเอง เหมือนตอนนี้แหละ ไอ้วิคเตอร์ไม่ด่าผมสักแอะเลย ดิ้นสักนิดมันก็ยังไม่มี

    “หึ” ผมส่งเสียงแค่นั้นพร้อมกับรอยยิ้มแล้วก้มลงสูดความหอมจากแก้มนุ่มของมัน

    “ฮะ เฮ้ย!! อื้อ เป็นอะไรมึงเนี่ย” มันถามผมอีกครั้งหลังจากโดนผมหอมแก้มไปทีหนึ่ง งานนี้ไม่มีขัดขืนแฮะ สีหน้าตกใจกับความงงๆของมันที่ผสมกันอยู่ทำเอาผมถึงกับยิ้มออกมาเลยทีเดียว อ่านะ สมควรที่มันจะงง เมื่อกี้ยังฉุดกระชากมันอยู่เลย ตอนนี้กลับอ่อนโยนซะงั้น

    “คบกับกูนะ”

     

    [Victor]

    !!!!!!

    อึ้งครับ ตอนนี้ผมพูดได้คำเดียวว่าอึ้งจริงๆอ่ะ หลังจากที่ไอ้พาสต้า ศัตรูตัวร้ายที่พึ่งฉุดกระชากผมเมื่อกี้ อยู่ๆมันกลับมาทำตัวอ่อนโยนกับผมไม่พอ แถมมันยัง เอ่อ

    “คบกับกูนะ” เฮ้ย!! อะไรของมันเนี่ย ประสาทกลับไปแล้วหรือไง

    “มะ มึงว่าไงนะ” ผมถามมันอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เผื่อมันมีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า

    “คบกับกูซะ”  อ่าว เมื่อกี้ยังขอผมอยู่เลย ไหงรอบสองมันกลายเป็นบังคับไปแล้วเนี่ย

    “เดี๋ยวดิ อะไรของมึงอีกเนี่ย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ผีเข้าหรือไง”

    “ไม่สน กูไม่ได้ถามความสมัครใจแต่กูบังคับมึง” ซะงั้นอ่ะ ไอ้พาสนี่มันดีกับผมได้ไม่ถึงนาทีเลยมั้ง ทำไมมันกลายเป็นเหมือนเดิมไปซะแล้วล่ะ

    “ไม่เอา!! กับคนอย่างมึง ไม่มีทางหรอก อีกอย่างกูมีแฟนแล้วด้วย”

    “เลิกซะ” ไอ้เชี่ย พูดง่ายนะมึงเนี่ย จะเอาแต่ใจตัวเองไปไหนวะ

    “ไม่....” ไม่ทันผมได้พูดจบประโยค ไอ้พาสต้าก็สวนผมขึ้นมาก่อนในทันที

    “มึงคบกูปล่อย มึงไม่คบกูกด มึงเลือกเอา” เลวที่สุดเลยมึงเนี่ย อะไรของมัน จะให้ผมเลือกยังไงล่ะ ไม่มีทางที่มันดีกว่านี้แล้วหรือไง

    “ไม่มีทาง!!” ผมบอกมันอย่างตรงๆ เรื่องอะไรล่ะ อยู่ๆก็มาเป็นแบบนี้น่ะ บ้าไปแล้วหรือไง

    “กูไม่จำเป็นต้องเตือนใช่ไหม ว่ามึงน่ะ เมียกู”

    “เชี่ย ใครเมียมึง กูไม่ได้เป็นเว้ย” อย่าพูดความเลวของมึงได้หน้าตาเฉยแบบนั้นได้ไหม

    หึ เสียตัวแล้วอย่าทำหยิ่งดิ มึงน่ะ” ไอ้พาสพูดแล้วมองผมด้วยหางตา เหมือนพยายามยั่วโมโหผมอยู่ โอย โคตรกวนเลยไอ้เวรนี่น่ะ นี่มันคิดอะไรของมันอยู่เนี่ย ไม่เข้าใจจริงๆ

    “เงียบไปเลย ไอ้...ไอ้  ไอ้ป่าเถื่อน เอ๊ย!!” ผมไม่รู้จะด่าไอ้คนๆนี้ว่าอะไรแล้วนะเนี่ย ทำไมมันดื้องี้ฟะ มันหาว่าผมดื้อแต่มันนั่นแหละ ที่หนึ่งเลย ยิ่งว่าผมอีกอ่ะ แถมแบบมึนๆอีกด้วยนะ

    “แล้วไง มึงอ่ะแหละ เลือกเร็วๆ อย่าเลานมาก” มันพูดเร่งผมนะ แต่มันกลับยิ้มแปลกๆซะงั้นอ่ะ มันคิดอะไรของมันอยู่เนี่ย  แต่ผมว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องดีสำหรับผมแน่ๆ

    “เลือกเชี่ยไรมึงล่ะ ไม่เอาเว้ย กูไม่มีวันคบกับผู้ชายแน่” ไม่เอาหรอก ถ้าแค่บนเตียงอ่ะไม่เป็นไร แต่ถ้าคบเป็นจริงเป็นจังนั่นผมไม่เอาด้วยหรอก คิดภาพไม่ออกเลยจริงๆ

    “แสดงว่าคืนนี้มึงเลือกจะอยากอยู่ที่นี่ว่างั้น” สายตากรุ้มกริ่มของมันที่มองมานี่ผมไม่ชอบเลยจริงๆ แล้วที่มันพูดนี่เหมือนมันจะมีทางเลือกให้ผมนักเหลือเกินนะ

    “ไม่เกี่ยวเถอะว่ะ ดูตัวเลือกมึงดิ พูดอย่างกับถ้ากูคบมึงแล้วจะไม่โดนกดน่ะ”

    “ก็รู้นี่ แต่ไม่แน่ ถ้ามึงยอมคบกับกู กูอาจจะใจดีเบาๆกับมึงก็ได้นั่นไงล่ะ เชี่ยเลย ยังไงกูก็โดนใช่ไหมเนี่ย แต่แปลกนะ ถ้าเป็นเวลาแบบนี้ในหลายวันก่อน ผมคงร้องไห้ไปแล้วมั้งเนี่ย ปกติผมไม่ได้ร้องไห้ง่ายๆหรอกน่ะ แต่เรื่องที่ไอ้เวรตัวนี้ทำ มันเกินกว่าที่ผมจะทนได้น่ะสิ คนเราแม้จะกล้าแค่ไหนมันก็มีส่วนที่อ่อนไหวอยู่น่ะ ไม่มีใครเข้มแข็งได้ตลอดหรอก

    “เชี่ยไรมึงล่ะ กูไม่เลือกอะไรทั้งนั้นแหละ แม่งมีแต่เสียกับเสีย”

    “ก็รู้นี่ งั้นก็ยอมๆซะสิ จะเรื่องมากทำไมล่ะ” มันพูดแบบไม่คิดจะสนใจผมเลยซะด้วยซ้ำ

    “ไม่มีทางหรอก คนบ้าที่ไหนจะยอมคบกับคนที่พึ่งเคยเจอกัน”

    “แต่ยังไงก็ได้กันแล้ว” สวนมาทันที เหตุผลของมันนี่ทำผมอยากจะบ้าตายจริงๆเลย

    “ไม่เกี่ยวเว้ย กูไม่ได้ยอมซักหน่อย เหมารวมเอาเองได้ไงล่ะ”

    “อ่านะ ดูท่าต้องโดนอีกสักรอบถึงจะเข้าใจ” ไอ้พาสจ้าบอกผมแล้วยิ้มอย่างน่ากลัว ถ้าผมจะเกลียดอะไรในตัวมันที่สุดนอกจากนิสัยของมันแล้วก็คงเป็นยิ้มของมันเนี่ยแหละ

    “หมายความว่าไง” ผมถามมันต่ออย่างระแวง ผมว่าผมได้ยินว่ามันบอกให้ผมเลือกนะ แล้วผมไม่เข้าใจอะไรมันตรงไหน แต่ทำไมผมต้องโดนทุกกรณีเลยเนี่ย

    “กูก็พึ่งบอกไปว่าไม่ได้ถามความยินยอม แต่กูบังคับมึงอยู่” แล้วมึงจะให้กูเลือกทำไม

    “มันเรื่องใหญ่นะเฮ้ย ให้เวลากูคิดหน่อยดิ” ผมพยายามเลี่ยงมันก่อน อย่างน้อยคงยืดเวลาไปได้หลายวันอยู่ล่ะนะ

    “อืม นั่นสินะ ให้กูให้เวลามึง 1 วัน คิดมให้เรียบร้อย แล้วพรุ่งนี้เบ็นเจอกัน”

    “อ่าว เฮ้ ไม่ใจร้ายไปหน่อยหรอวะ วันเดียวเนี่ยนะ” แล้วผมจะไปทันคิดอะไรไหมเนี่ย

    “ไม่รู้ล่ะ กูให้เวลามึงแค่นี้ไม่เอาก็ตามใจ”

    “เออ ก็ได้ๆ งั้นปล่อยกูได้แล้ว” ผมจำใจต้องรับคำ มันก็ดีกว่าโดนมันกดวันนี้ล่ะนะ

    “หึหึ จูบกูก่อนสิ แล้วจะปล่อย” มากเกินไปแล้วเฮ้ย มึงจะเอากำไรให้ได้ใช่ไหมเนี่ย

    “อะไรมึงอีกล่ะ ไม่เอาเว้ย!!!” ผมบอกมันไป แต่มันกลับกดแขนผมแน่นกว่าเดิม

    “งั้นมึงก็อย่าหวังจะได้กลับ” สีหน้ามันเอาจริงๆมากเลยอ่ะ โอย วิคเตอร์อยากตายจริงๆ

    “ชิ!! ก็ได้ ปล่อยแขนกูก่อนดิ” ผมอาจจะผลักมันออกจากตัวก็ได้ แต่มันไม่ใช่ทางที่ดีเลย เพราะไอ้พาสต้าตามผมทันแน่ๆ มันปล่อยแขนผมเป็นอิสระ แต่ยังไม่ลุกออกจากตัวผมไปอยู่ดี

    “ถ้าเล่นไม่ซื่อมึงได้เจ็บตัวแน่” มันขู่ผม ไม่ต้องมากเว้ย ไอ้บ้า แค่นี้ก็กลัวจะตายอยู่แล้ว

    “อะ อือ หลับตาก่อนดิ” ผมไม่กล้าทำแน่ๆถ้ามันยังจ้องผมแบบนี้นะ ไอ้พาสต้ากลับตามลงอย่างรอคอย ผมเอื้อมมือไปโอบรอบคอของมันแล้วโน้มลงมา ไอ้พาสต้ายอมก้มตัวลงมาอย่างว่าง่าย ผมตัดสินใจในชั่ววินาที เพื่อตัวเอง ประกบริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากของอีกคนอย่างเร็ว แต่ทันใดนั้นไอ้พาสต้าใช้มือของมันจับใบหน้าผมไว้แล้วจูบผมอย่างหนักหน่วง ลิ้นหนาแทรกเข้าภายในปากผมได้ รสจูบร้อนแรงที่ทำเอาผมแทบบ้า

    “อะ...อื้อ พะ..พอแล้ว” มือผมเปลี่ยนมาพยายามดันหน้าอกอีกคนให้ออกห่าง ขืนยอมให้มันจูบแบบนี้ผมได้เสียตัวอีกรอบแน่ๆ จนกระทั่งไอ้พาสต้าถอนริมฝีปากออกไป แต่มันไม่มีทีหน้าจะขยับใบหน้าของมันให้ออกห่างเลยสักนิด จนผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นของอีกคนพร้อมกับกลิ่นตัวในแบบเฉพาะของมันเอง ที่เล่นเอาผมสติแทบกระเจิง ไอ้บ้านี่ใจร้ายชะมัด

    “กูจะบอกมึงอยากหนึ่งนะ” ไอ้พาสถ้าเลื่อนใบหน้าหล่อๆของมันมากระซิบที่ข้างหูผมเสียงเบา ยิ่งใกล้ผมยิ่งจะเป็นบ้าจริงๆเลย นี่ผมเป็นอะไรแล้วเนี่ย

    “อะไร” ผมบิดหน้าหนีไปอีกฝั่งอย่างเลี่ยงๆ แรงจูบเมื่อกี้ยังทำผมหอบอยู่เลย

    “มึงใส่ชุดนักเรียนแล้วโคตรน่ารักเลยว่ะ หึ  แต่จะดีกว่าถ้าไม่ใส่อะไรเลยนะ” มันพูดแล้วทำสายตาหื่นใส่ผมอย่างไม่ผอดบัง แถมไม่พอ มันยังใช้สายตาแทะโลมไปทั่วตัวผมด้วยซะงั้น

    “ไอ้โรคจิต!!” ผมด่ามันออกไป แต่ทำไมกับรู้สึกร้อนๆบริเวณใบหน้าเนี่ย อย่ามาทำเป็นเขินเพราะคำพูดมันนะไอ้วิคเตอร์ แล้วนี่สรุปที่มันไม่ปล่อยผมง่ายๆ เพราะไอ้ชุดนักเรียนเจ้ากรรมนี่ใช่ไหมเนี่ย ใจร้าย ผมจะไม่ใส่ให้มันเห็นอีกแล้ว ซวยที่สุดเลย

    “โรคจิตยังไงก็ได้มึงแล้วอ่ะ” ไอ้พาสต้าลุกออกจากตัวผมอย่างช้าๆ ผิดกับผมที่เด้งตัวขึ้นมาทันทีที่มันเปลี่ยนไปนั่งที่ข้างเตียงแทน ไอ้พาสต้านั่งหันหลังให้ผม

    “ไปได้แล้ว ก่อนที่กูจะเปลี่ยนใจ” จบประโยค ผมไม่รอให้มันพูดซ้ำ ผมลุกออกจากเตียงแล้วเดินออกไปทันที โดยมีเสียงคำพูดทิ้งท้ายของไอ้คนที่ยังนั่งอยู่ที่เดิมตามมา

    “อย่าลืมละ พรุ่งนี้กูจะไปเอาคำตอบ” ไม่ได้เจอกูง่ายๆหรอก ผมคิดในใจ คอยดูเถอะ พรุ่งนี้ผมจะหลบมันให้ได้เลย ถ้าคนอย่างวิคเตอร์จะหนีทั้งที ใครก็ตามไม่เจอง่ายๆหรอก ผมรีบหลบหนีออกจากที่นั่นอย่างเร็วที่สุด พร้อมกับความคิดที่สับสนอย่างหนัก ไอ้พาสต้ามันต้องการอะไรกันแน่ มันบอกจะแก้แค้นผมแต่วิธีแบบนี้น่ะหรอ การแก้แค้นของมัน  แต่ไม่มีทางที่ผมจะยอมแพ้มันหรอกนะ ตอนแรกผมว่าให้จบๆกันไป แต่ในเมื่อมันเป็นคนไม่จบเอง ผมก็ไม่ยอมเหมือนกันแหละ ดูดิว่า เกมนี้ใครจะชนะกันแน่ ระหว่างผม...กับมัน


    **********************************************************

    จบตอนแล้วนะครับ ตอนหน้าเจอกับพี่ไนน์น้องเซนท์นะครับ อิอิ

    ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะครับผม



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×