ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My wife ขอโทษที คนนี้เมียกู [END]

    ลำดับตอนที่ #23 : .....My wife.....{23}

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.09K
      9
      3 พ.ค. 56

     


    .....My wife..... {23}

    [Victor]

                ผมตอนนี้กำลังนั่งอึ้งอยู่อย่างพูดไม่ออกเลยครับ จดหมายเจ้าปัญหาถูกมือของผมขยำเสียจนเหลือเป็นก้อนเล็กนิดเดียว ตอนนี้ในหัวเล็กๆนี้ต้องเรียกได้ว่าเต็มไปด้วยคำถามมากมายจริงๆ สายตาผมมองไปยังไอ้เจ้าหมีตัวโตที่นั่งตาแป๋วอยู่อย่างระแวง ไม่ใช่ระแวงตัวมันนะ เพราะมันคงจะไม่รู้เรื่องอะไรกับเขาหรอก แต่คนที่น่าระแวงที่สุดคือไอ้คนที่ส่งมันมาต่างหาก

                “เป็นไงบ้างลูก พี่เราส่งมาอะไรมาให้น่ะ” เสียงแม่ผมถามทันทีที่เดินเข้ามาในห้อง

    “ก็เหมือนๆเดิมแหละม๊า” ผมตอบกลับไปอย่างเซ็งๆ ในขณะที่ม๊าผมได้แต่หัวเราะ

    “จริงๆเลยน้า โตๆกันแล้วแท้ๆ ยังแกล้งกันอยู่ได้” แม่ผมหัวเราะหนักกว่าเดิมอีกครับ ทันทีที่เห็นจดหมายของไอ้พี่วินเนอร์ บ้านผมไม่รู้สึกแปลกกับจดหมายแบบนี้หรอกครับ เพราะรู้ๆกันอยู่ว่าไอ้วินเนอร์มันแกล้งผม ทกครั้งที่มันส่งมาให้ผมมันเขียนคล้ายๆแบบนี้ตลอดเลยอ่ะ

    “เออ แล้วตกลงเจ้าตุ๊กตาหมีนั่นใครส่งมาน่ะ รู้หรือยัง” เฮือก!! คำถามของแม่เล่นเอาผมถึงกับสะอึก สำหรับบ้านนี้ที่มีของแบบนี้ส่งมาเป็นใครก็ต้องแปลกใจทั้งนั้นแหละ เพราะทุกคนในบ้านต่างก็รู้ว่านี่น่ะ เป็นความลับสุดยอดของผมเลยนะ

    “อะ...เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกม๊า แค่พวกเพื่อนมันส่งมาแกล้งน่ะ” แม่ผมพยักหน้ารับรู้ ไม่ติดใจอะไร ก่อนจะนั่งลงแล้วหยิบดูของที่ไอ้พี่ตัวร้ายมันส่งมา ดูไปก็นั่งยิ้มไป ซะงั้นอ่ะ ขอฟ้องเลยครับ  บ้านผมไม่มีใครเข้าข้างผมเลยอ่ะ ป๊ากับม๊าไม่ช่วยผมเลยตอนโดนไอ้วินเนอร์แกล้งอ่ะ แถมยังดูมีความสุขมากด้วยซ้ำ เพราะแบบนี้ไง ไอ้พี่บ้ามันถึงไม่ยอมเลิกแกล้งผมสักที

    “แล้วนี่จะเก็บไว้หรือเปล่าน่ะ เจ้าตุ๊กตาหมีตัวเบ่อเร่อเนี่ย” แม่ผมหันมาถาม

    “เอ่อ....” ผมที่กำลังจะบอกว่าไม่เอา อยู่ๆก็มีข้อความของคนๆหนึ่งปรากฏขึ้นในหัว

    แต่ถ้าที่รักทิ้งน้องหมีไปก่อนก็ไม่บอกเหมือนกันนะ

    “เก็บไว้ก่อนก็ได้ครับ” ชิ!! คิดว่าคนอย่างผมอยากได้เก็บไว้นักหรอ ของจากไอ้คนสารเลวนั่นน่ะ แต่เพราะความอยากรู้ที่มีมากกว่าในตอนนี้ผมเลยต้องจำใจเก็บมันไว้ก่อนไงล่ะ

    “นั่นสินะ ของมาใหม่ จะไม่รับเก็บไว้เลยมันก็ไม่ดีนะ” คำพูดที่เห็นด้วยนั้นของแม่ ทำเอาผมโล่งใจไปหน่อย ที่อย่างน้อยก็ไม่สงสัยอะไรมากกับไอ้เจ้าตุ๊กตาหมี ที่ไม่น่าต้อนรับนี่

    “ผมเอาของไปเก็บก่อนนะม๊า” ผมบอกกับแม่ผมที่นั่งรื้อของจากกล่องของไอ้วินเนอร์อยู่ ก่อนจะหอบกล่องแผ่นเกมขึ้นมาแล้วคว้าคอไอ้เจ้าตุ๊กตาหมีนั่นมาด้วย ใช่ครับฟังไม่ผิดหรอกครับ ผมคว้าคอไอ้หมีนี่จริงๆแล้วหิ้วมันทั้งอย่างนั้นแหละครับ แล้วจึงเดินขึ้นห้องไป

    “มีเรื่องต้องเคลียร์แน่นอน ไอ้หมี” ผมดึงมันชขึ้นมาพูดด้วยระหว่างเดินขึ้นบันไดไปจนกระทั่งเดินเข้ามาในห้อง ผมวางกล่องแผ่นเกมลงบนโต๊ะที่ใกล้ตัวจัดการล็อกห้อง จากนั้นก็

    ผลัวะ!!!!!

     ไอ้น้องหมีที่ผมคงคิดว่ามันน่ารักดี ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้คนส่งมา ถูกผมต่อยเข้าไปเต็มแรงด้วยหมัดที่เต็มไปด้วยความโกรธจนปลิวกระเด็นไปนอนกองคว่ำหน้าอยู่บนเตียงผมอย่างหมดสภาพไร้ทางตอบโต้ อย่าว่าผมโหดร้ายเลยครับ แค่ผมไม่เตะมันแทนนี่ก็ถือว่าปราณีแล้วนะ

    “หึ จำไว้เลยนะ ที่แกต้องโดนแบบนี้ก็เพราะไอ้คนที่มันส่งแกมานั่นแหละ” ผมตะโกนใส่มันก่อนที่จะเบือนหน้าหนีอย่างช่วยไม่ได้ ทำไงได้ล่ะครับ ไอ้ที่ว่าชอบไหม ตุ๊กตาหมีตัวนี้เนี่ย ตอบตามตรงเลยครับว่าชอบมากยิ่งตัวสีขาวนุ่มนิ่มแบบนี้ด้วยแล้ว แต่เพราะความเกลียดที่ผมมีต่อไอ้คนที่ส่งมาน่ะสิ ผมเลยกล้าลงมือแบบนี้น่ะ สงสารก็สงสารอยู่หรอก แต่พอเห็นหน้ามันแล้ว หน้าไอ้คนส่งก็ลอยขึ้นมาซ้อนทับแบบนี้ ความโกรธจะมีมากกว่าความสงสารเสียอีก

    “หึ่ย แค่นี้ยังตามหลอกหลอนกูไม่พออีกหรอวะ ยังจะส่งไอ้หมีบ้านี่มาอีก” เสียงข้อความเข้า ทำให้ผมต้องเลิกทะเลาะกับไอ้หมีขาวนี่ก่อน แต่พอผมเปิดอ่านจบเท่านั้นแหละ

    “อ๊ากก ไปตายซะเถอะมึง!!!”   

    ผลัวะ!!!!!

    ไอ้หมีขาวที่นอนซมอยู่เจอผมหยิบมาต่อยเข้าที่ท้องอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด ไอ้เจ้าหมีขาวปลิวกระเด็นไปชนกำแพงบนหัวเตียงแล้วตกแหมะอยู่ตรงหัวเตียงอย่างน่าอนาถ

    “หึ ถ้าจะโทษใครสักคนก็ไปโทษคนที่ส่งแกมาละกัน”

    อ๊ะ ลืมบอกไป ห้ามทำร้ายน้องหมีด้วยนะครับที่รัก มันน่าสงสารออกแบบนั้น

    ข้อความสั้นๆแต่สร้างความโกรธได้มหาศาลที่พึ่งส่งมานั่นแหละ ที่เป็นเหตุให้ไอ้ตุ๊กตาหมีที่สงสารต้องไปกองแหมะอยู่ที่หัวตียงผมแบบนั้นน่ะ ส่งไอ้หมีนี่มาให้โดนทรมาณชัดๆ

    “หืม จริงสิ ไม่แน่ว่า....” อยู่ๆผมก็นึกอะไรบางอย่างออก ถ้าถามเอาจากไอ้เลวนั่นผมว่าคงจะไม่ได้เรื่องอะไรแน่ๆ หึ ผมมีคนๆนั้นอยู่นี่นา ถามเอาจากคนๆนั้นก็ได้ สายโทรศัพท์ถูกต่อออกไปอย่างรีบร้อน หึ ถ้าคิดว่าแค่นี้จะชนะกูได้ ไม่มีทางหรอกว่ะ ไอ้พาสต้า

    “ฮัลโหล แฟร์หรอ นี่วิคเตอร์นะ....”  

     

    [Pasta]

              “นี่พี่พาส ไปทำอะไรให้ยัยแฟร์งอนอีกล่ะ” น้องสาวแท้ๆของผมครับ ยัยพิซซ่า ถามขึ้นหลังจากนั่งดูผมกับยัยแฟร์นั่งเงียบกันอยู่ในฟ้องนั่งเล่นมานาน

    “ก็เปล่านี่ ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ถ้าเรื่องเมื่อวานที่ให้กลับก่อนก็ไม่เห็นจะว่าอะไรเลย” ผมตอบครับ มันปวดหัวจริงนะ อยู่กับยัยน้องสองคนเนี่ย หนักกว่าไอ้วิคเตอร์อีกอ่ะ

    “ไม่ได้ทำอะไรล่ะ เมื่อเช้าหนูเห็นนะ ตุ๊กตาตัวนั้นอ่ะ นี่ พี่พิซซ่า พี่พาสซื้อตุ๊กตาหมีตัวเบ้อเริ่มเลยให้นายวิคเตอร์ล่ะ” ได้ทียัยแฟร์ก็ฟ้องทันทีเลยครับ 

    “พี่พาส!!” เสียงยัยพิซซ่าครับ พอเป็นแบบนั้นผมถึงกับถอนหายใจเลยครับ อะไรกันเนี่ย

    “นี่ พวกเธอนี่ก็ แค่ซื้อของให้ มันจะเป็นอะไรนักหนาล่ะ แล้วนั่นก็พี่สะใภ้พวกเธอด้วย”

    “กล้าพูดนะพี่พาส นายนั่นยอมคุยดีๆกับพี่แล้วหรือไง” ยัยพิซซ่าพูด โอย จุกเลย

    “โหย พูดซะเจ็บเลยยัยนี่ เพราะแบบนั้นถึงต้องซื้อให้ไงล่ะ ของแบบนี้มันต้องมีทุ่มทุนกันหน่อย จะได้ดูจริงใจบ้างไง” ว่าเข้าไปนั้น ผมว่าต่อให้ซื้อรถยุโรปอย่างหรูให้มันก็คงไม่ยอมผมง่ายๆหรอก  เด็กบ้าอะไรดื้อชะมัดเลย เอาตรงๆว่าผมไม่เคยเจอใครที่กล่อมยากขนาดนี้มาก่อนเลยนะ อุตส่าห์เปิดตัวแบบรุนแรงแล้วเชียว กลัวผมหน่อยก็ได้ดิ นี่เล่นไม่ยอมใครเลยจริงๆ

     “ไม่เกี่ยวเลยพี่พาส พูดมาได้นะ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ยอมรับนายนั่นนะ แต่นี่มันไม่ใช่ในโอกาสอะไรสักหน่อย ทีพวกหนูขอบ้างไม่เห็นจะซื้อให้เลย” ยัยแฟร์เป็นคนพูดครับ

    “ก็ไอ้นั่นมันงอนอยู่นี่ พี่ก็ซื้อให้ แปลกที่ไหนล่ะ” จริงหรอ ไม่รู้หรอกครับ ไอ้วิคเตอร์มันก็ทำท่าไม่ชอบขี้หน้าผมตลอดแหละ มันจะมารู้สึกงอนผมได้ไงล่ะ หรือถ้ามันงอนจริงก็คงไม่ให้ผมรู้หรอกครับ ผมว่านะ ป่านนี้น้องหมีผมคงอ่วมไปแล้วแน่เลย มันไม่สนข้อความผมหรอก

    “ตอนนี้หนูก็งอนพี่อยู่นะ งั้นซื้อให้หนูบ้างเลย” ยัยแฟร์ทำท่างอแงจะเอาบ้างครับ

    “ไม่ต้องเลยยัยแฟร์ เรื่องเมื่อวานพี่ยังไม่ได้เคลียร์กับเราเลยนะ ไหนตกลงกันแล้วไง ว่าจะไม่บอกยัยพิซซ่าน่ะ” จริงเลย ให้ตายสิครับ กลับบ้านผมโดนยัยพิซซ่าบ่นซะหูชาเลย ข้อหาทิ้งน้องไว้น่ะ รู้ทั้งรู้ว่าไว้ใจยังสองแสบนี่ไม่ได้ แต่ก็หวังว่ายัยแฟร์จะทำตามที่ผมพูดสักครั้ง ที่ไหนได้ เป็นไปตามคาดเลย ให้ตายสิ ยัยนี่รายงานยัยพิซซ่าตั้งแต่โทรให้มารับเลยล่ะ

    “ไม่รู้ล่ะ ยังไงพี่พาสก็ผิด พวกหนูเป็นน้องพี่นะ ตั้งแต่นายนั่นโผล่มา ก็ทิ้งพวกหนูหมดเลย แล้วแบบนี้จะไม่ให้เคืองได้ยังไงล่ะ” คราวนี้เป็นยัยพิซซ่าที่พูดบ้างครับ

    “แล้วเมื่อกี้แอบส่งข้อความอะไรก็ไม่รู้ด้วยล่ะพี่พิซซ่า ยิ้มแป้นเชียว สงสัยส่งให้นายวิคเตอร์นั่นแหงๆเลย” โอย ยัยนี่จะสังเกตอะไรนักหนา แค่ส่งไปเตือนเรื่องน้องหมีเองเนี่ยนะ

    “ว่างจัดจังเลยนะเรา มานั่งจับผิดพี่แบบนี้น่ะ” ผมพูดพลางจ้องไปที่ยัยแฟร์

    “ไม่ต้องมองแบบนั้นเลยพี่พาส พวกเราเป็นน้องพี่นะ ใส่ใจพวกเราหน่อยสิ หนูรอพี่ง้ออยู่นะ ไม่ถามอะไรหนูสักคำเลย  เอาแต่นั่งส่งข้อความให้นายวิคเตอร์อยู่ได้” ยัยแฟร์ตัวแสบพูดออกมาแบบงอนๆครับ แต่ดูก็รู้น่า ว่ายัยนี่เสแสร้งขัดๆ ยัยพวกนี้ไม่ได้งอนผมจริงหรอก

    “แบบนี้เลือกมาเลยนะพี่พาสว่าพวกหนูกับนายวิคเตอร์ใครสำคัญกว่ากัน” ยัยพิซซ่าเป็นคนถามผมครับ นั่นไงล่ะ มาอีกละ ประโยคเด็ดตั้งแต่เรื่องนายวิคเตอร์เข้ามาในบ้านนี้น่ะ ยัยสองคนนี่ กวนประสาทจริงๆเลย ให้ตายสิครับ ชอบหาเรื่องมางอนผมแล้วก็ถามแบบนี้ตลอด

    “โอ้ยนี่ พวกเธอโตๆกันแล้วนะ จะเกาะติดพี่ไปถึงเมื่อไรเนี่ย” ผมพูดออกอย่างปวดหัวครับ ให้ตายสิ ขอบอกเลยครับ ผมมีแฟนทีไรเจอยัยสองคนนี่ไปก่อกวนตลอดเลย บ่อยครั้งเลยที่ต้องเลิกกันเพราะยัยสองพี่น้อง สองแสบนี่แหละ แต่พอผมจะว่าให้หน่อย ก็วิ่งโร่ไปฟ้องพี่ไนน์ตลอดเลย ยัยแฟร์ก็ใช่ว่าจะเป็นลูกคนเดียวสักหน่อย แล้วทำไมต้องมาติดผมคนเดียวล่ะเนี่ย

    “ไม่ต้องมาหัวเราะเลย พวกเธอน่ะ เออๆ ไว้จะพาไปเลี้ยงไอติมให้ละกัน” ผมว่าเข้าให้ครับ เพราะยัยสองแสบยืนยิ้มหน้าบานเลยที่ทำให้ผมอารมณ์เสียได้ ว่างจังเลยนะ ยัยสองคนนี่ โอย เมื่อไรจะหาแฟนเป็นตัวเป็นตนสักทีเนี่ย จะได้ไม่ว่างมายุ่งเรื่องของผมน่ะ

    “ให้มันจริงเถอะน่า ไม่ใช่ว่าจะหนีไปเที่ยวกับนายวิคเตอร์นั่นก่อนหรอกนะ” นั่นไงล่ะ ยัยแฟร์ยังไม่วายกลับมากัดผมเรื่องนี้อีกนะ ต้องยอบรับล่ะครับ ว่าตั้งแต่เรื่องของวิคเตอร์เข้ามา ผมห่างเหินจากยัยสองคนนี้ไปมากเลยครับ ก็ไม่แปลกหรอกที่จะง้องแง้งใส่ผมแบบนี้น่ะ แต่ถ้าถามว่าทำไมยัยสองคนนี้ถึงยอมรับนายวิคเตอร์ๆง่ายนะหรอครับ อ่า ในเวลานี้ขอให้มันเป็นความลับไปก่อนละกัน ขืนผมบอกไปตอนนี้เรื่องราวมันก็ไม่สนุกกันพอดีน่ะสิ

    “ไม่รู้ ไม่รับปาก” ผมพูดไปแค่นั้นแล้วหันความสนใจกลับมาที่หนังสืออ่านเล่นในมือต่อ

    “โหย ตลอดอ่ะพี่พาส เห็นเมียตัวเองสำคัญกว่าน้องนุ่งตลอดเลย ชิ” ยัยพิซซ่าบ่นออกมาแล้วโยนหมอนใส่ผมทันทีเลยครับ แต่ผมปัดออกไปได้ก่อน เรื่องอะไรจะให้โดนล่ะครับ แหม่

    “แล้วเรื่องพี่วินเนอร์ล่ะ พี่พาส จะทำไงล่ะทีนี้น่ะ จะกลับมาแล้วไม่ใช่หรอ” ยัยพิซซ่าที่พึ่งจะนั่งลงข้างๆผม ถามขึ้น เพราะถ้าเกิดมีคนเข้ามาร่วมวงอีกคน จะเกิดอะไรบ้างก็ไม่รู้

    “ช่างไอ้วินเนอร์สิ ไม่เห็นจะมีอะไรต้องกลัวเลย มันไม่ทำอะไรหรอกน่า”

    “มั่นใจจังเลยนะคุณพี่ชาย แกล้งน้องชายเขาไปตั้งขนาดนั้น พี่วินเนอร์จะยอมหรอ”

    “คอยดูไปเถอะน่า” ต้องบอกว่าไงดีครับ ยัยสองคนนี้รู้แค่ว่าผมกำลังจัดการความแสบของไอ้วิคเตอร์อยู่ แต่ไม่รู้ว่าผมทำอะไรขนาดไหนบ้าง แหงสิครับ ขืนยัยสองคนนี่รู้ผมได้โดนกันไม่ให้เจอกันพอดีน่ะสิ ส่วนเรื่องไอ้วินเนอร์ก็เหมือนกันแหละครับ เรื่องบางเรื่อง พวกนี้ก็ไม่จำเป็นต้องรู้แหละครับ ไอ้หมอนั่นไม่มีทางมาขัดขวางเรื่องของผมหรอกน่า รับรองเลย

    “พูดแบบนี้มีแผนแล้วหรือไง” ยัยพิซซ่าถาม

    “ไม่จำเป็นต้องมีหรอกน่า เรื่องแบบนี้น่ะ เรื่องบางเรื่องก็อย่ารู้เลยพวกเธอน่ะ” ผมพูดแล้วจับหัวยัยน้องสาวตัวดีโยกเล่น ยัยพิซซ่าปัดมือผมออก ทันใดนั่นก็มีเสียงโทรศัพท์ปริศนาดังขึ้นมาท่างกลางคนสามคน ผมกับพิซซ่าจ้องไปที่ยัยแฟร์ที่กำลังควานหาโทรศัพท์อย่างรีบร้อน

    “หัดวางไว้ในที่ๆมันเจอง่ายๆหน่อยสิ เดี๋ยวก็หายหรอก” ยัยพิซซ่าพูดบอกยัยแฟร์ครับ เอาตรงๆเลยนะครับ ในเราสามคนน่ะ น้องเล็กสุดของเราเนี่ยแหละ ทำของหายบ่อยที่สุดละ

    “พี่พาส!!” ยัยแฟร์ที่หาโทรศัพท์เจอแล้วเรียกชื่อผมดังดังลั่นเลยครับ

    “อะไร ตกใจอะไรนักหนาน่ะเรา เรียกซะดังเลย” ไม่ใช่ผมนะ ยัยพิซซ่านู่นเลย

    “นายวิคเตอร์โทรมา” เห ว่าไงนะ ไอ้ตัวแสบงั้นหรอ โทรมาเสียเหมาะเจาะจริงๆ

    “สงสัยโทรมาถามเราเรื่องพี่แน่เลย รับไปก่อน” ยัยแฟร์หันมาทำหน้าเหลอหลาใส่ผมอย่างไม่อยากรับ อ่า จะว่าไงดีล่ะครับ ยัยยัยแฟร์ก็รู้จักวิคเตอร์ดีแหละน่า ว่ารับมือยากแค่ไหน

    “นี่ ตอนนี้เราเป็นแฟนนายนั่นอยู่นะ อย่าลืมสิ รับไปก่อน แล้วค่อยว่ากัน” ผมบอกครับ

    “ก็ได้ๆ” ยัยแฟร์กดรับอย่างช่วยไม่ได้ เพราะโดนสายตากดดันจากผมและยัยพิซซ่า

    “ว่าไงวิคเตอร์” ผมกับพิซซ่านั่งฟังยัยแฟร์คุยโทรศัพท์อย่างใจเย็น

    “อยากเจอเราหรอ คิดถึงเราล่ะสิ แหม” เรียกได้ว่า ถ้าไม่ติดว่าไม่อยากมีพิรูธอะไรผมกับยัยพิซซ่าคงส่งเสียงแหวะออกมาดั้งลั่นเลยล่ะครับ โหย พูดมาได้ เลี่ยนชะมัดเลย ยัยแฟร์หันมาหาพวกผมแล้วทำท่าเหมือนขอความช่วยเหลือ สงสัยจะถามเรื่อยจะออกไปดีไหม ผมเลยพูดแบบไม่มีเสียง กับทำท่าทางบอกให้ยัยแฟร์ตอบตกลงไปให้หมดก่อน

    “ก็ได้นะ เราก็ว่างอยู่ล่ะ กี่โมงดีล่ะ” พวกผมปล่อยให้ยัยแฟร์คุยโทรศัพท์ไป ผ่านไปสักพักก็วางสาย สาวร่างเล็กถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน แล้วหันมาทางผม

    “พี่พาส นี่มันอะไรกันเนี่ย หนูไม่อยากเจอหมอนั่นตอนนี้นะ ขืนไปนี่ก็โดนซักฟอกจนขาวสะอาดกันพอดี” ยัยน้องสาวไม่แท้ของผมทำหน้าเหมือนจะลาโลกให้ได้พูด

    “ไอ้วิคเตอร์พูดอะไรถึงพี่ไหม” ผมถามก่อนเพื่อความแน่ใจครับ

    “ไม่พูดเลย แต่อยู่ๆก็มานัดแบบนี้กหลังจากเรื่องเมื่อวานแล้ว จะมีอะไรให้คุยอีกล่ะ”

    “โอย ไม่ต้องเลย ก็ทำตัวให้น่าสงสัยทั้งคู่นั่นแหละ แทนที่คนที่ตามนายนั่นไปเมื่อวานจะเป็นยัยแฟร์ ดันกลายเป็นพี่พาสไปซะงั้น มันมีเหตุผลอะไรที่พี่ชายแฟนต้องไปตามแฟนของน้องสาวด้วยล่ะ” ผมกับยัยแฟร์มองหน้ากันอย่างคิดไม่ตกกับคำพูดของยัยพิซซ่า

    “ก็มัน.... โอ้ยนี่ แล้วจะให้พี่ทำยังไงล่ะ” ผมพูดออกมาอย่างจนปัญญาครับ

    “อ้าวพี่พาส ไหงเป็นงี้อ่ะ แล้วก็ดันให้หนูตอบตกลงไปเนี่ยนะ” ยัยแฟร์โอดครวญมั่งครับ

    “อ๊ะ....งานนี้หนูไม่รู้ด้วยนะ พี่พาสกับยัยแฟร์ก็จัดการกันเองสองคนไปนะ” หนีก่อนเลยนะ ยัยน้องสาวคนนี้นี่ พิซซ่าพูดทิ้งไว้แบบนั้นก่อนจะเดินออกห้องไปครับ สงสัยไปหาไรกินมั้ง

    “พี่พาส ทำอะไรสักอย่างเถอะ ไม่งั้นหนูจะสารภาพให้หมดเปลือกเลยนะ”

    “อย่าเชียวนะ ถ้าเราทำ พี่โกรธเราจริงด้วย เอางี้ละกัน เดี๋ยวพี่ไปกับเราด้วย”  ผมพูดขู่ครับ ไม่ได้ๆ แผนการของผมจะรั่วไหลไปถึงหูของไอ้วิคเตอร์มันไม่ได้เด็ดขาด

    “เฮ้ย!! พี่พาส พี่จะไปให้หมอนั่นงับหัวพี่เล่นหรือไงล่ะ” ยัยแฟร์พออกมาอย่างตดใจครับ

    “เออ เถอะน่า พี่มีวิธีของพี่ละกัน ไปเตรียมตัวได้แล้วเราน่ะ” ผมบอกไว้แล้วไล่ยัยแฟร์ไปเตรียมตัวครับ ยัยนี่ก็ซื่อจริง ผมบอกให้ตกลงไปให้หมด ยัยนี่ก็ดันตกลงเวลาอบบไม่คิดเลยซะงั้น โอย เล่นเอาซะใกล้เลยเชียวนะ ไม่มีเวลาให้หายใจเลยบ้างหรือไงกัน

    “โอย หนูขี้เกียจไปจริงๆนะ พี่พาสไปคนเดียวได้ไหม เมียสุดรักของพี่ไม่ใช่หรือไง”

    “แต่นั่นก็แฟนเราเหมือนกันนะ อย่างอแงสิ เดี๋ยวขากลับจะซื้อเค้กให้” ผมพูดแค่นั้นยัยแฟร์หันมาทำตาลุกวาวเลยครับ ให้มันได้อย่างงี้สิ เห็นแก่กินจริงๆเลย

    “จริงนะ” ยัยแฟร์ถามผมซ้ำครับ

    “จริง ไม่ต้องถามมากเลยเรา ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วไป” ผมดันหลังยัยแฟร์ให้เดินออกจากห้องไป ยังไงเวลานี้ก็ไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะเปิดเผยเรื่องทั้งหมดล่ะนะ ตอนนี้ทำอะไรได้ก็ทำไปก่อนละกัน

     วิคเตอร์ เราคิดว่าพี่อยากทำแบบนี้หรือไง ถ้าไม่ใช่เพราะสัญญาที่ให้ไว้กับใครบางคนน่ะ พี่จะไม่ทำแบบนี้เลยนะ คิดว่าพี่ไม่เจ็บปวดหรือไงกันที่เราต้องร้องไห้เพราะพี่น่ะ...เฮ้อ

     

    [Victor]

    ผมนั่งรออย่างใจเย็นอยู่ในร้านที่นัดหมาย แค่คาเฟ่เล็กๆเองครับ ผมพึ่งทานข้าวออกมานะ จะให้ผมนัดร้านอาหารมันก็คงไม่ใช่ละมั้ง ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ไอ้พาสต้ากับแฟร์ของผมจะมีความสัมพันธ์อะไรถึงขั้นไหน แต่ที่ว่าบอกว่าเป็นน้องสาวนั่นอาจจะจริง แต่ถ้าเป็นน้องสาว แล้วทำไมผมไม่เคยเจอไอ้พาสเลยล่ะ ช่างมันเถอะ เรื่องแค่นี้เดี๋ยวถามเอาก็ได้

    “ให้ตายสิ เรียกแฟนตัวเองออกมาเพื่อจะถามเรื่องของคนอื่นเนี่ยนะ เหอะ” ผมบ่นพึมพำกับตัวเองกับความคิดบ้าๆครับ ไม่รู้เพราะอะไร แต่คนที่ผมนึกได้คนเดียวในเวลานี้ที่จะตอบความสงสัยให้ผมได้ก็คือแฟร์คนเดียวเท่านั้นแหละครับ แม้จะไม่มั่นใจก็ตามทีเถอะ

    ผมนั่งรอไปสักพักสายตาผมก็เหลือไปเห็นแฟร์กำลังเดินเข้าร้านมา พอเจอผมก็ยิ้มให้เป็นการทักทาย ผมยิ้มตอบไป แต่ก็ต้องหุบยิ้มในทันทีเมื่อมองเห็นหน้าของคนที่แฟร์พามาด้วย

    “ไอ้สารเลวพาสต้า” ผมพูดกับตัวเองแล้วส่งสายตาอาฆาตไปให้มันอย่างไม่ปิดบังครับ ซึ่งดูเหมือนว่ามันก็คงจะรับรู้เหมือนกัน เลยส่งสายตายียวนกลับมาให้ผมเสียอย่างนั้น ไอ้....

    “วิค มานานหรือยัง” แฟร์ยิ้มใหม่ผมอย่างร่าเริงพร้อมกับนั่งลงในฝั่งตรงข้าม โดยที่ข้างๆนั้นก็ถูกจับจองโดยใครอีกคนที่มาด้วย โดยที่สายตาคมคู่นั้นมองมาที่ผมอย่างไม่วางตา

    “พึ่งมาน่ะ เอ่อ แฟร์ คือว่า....” ผมพูดติดขัดแล้วหันไปมองคนข้างๆ ซึ่งแฟร์ก็มองตาม

    “อ่อ พี่พาสไง ที่เจอเมื่อวานน่ะ พี่พาสบอกว่าเบื่อๆเลยอยากมาด้วย รบกวนวิคหรือเปล่า” แฟร์ตอบกลับผมอย่างร่าเริง ราวกับไม่รู้สึกถึงบรรยากาศระหว่างผมกับไอ้พาสเลยสักนิด

    “ว้า ทำไมมองพี่แบบนั้นล่ะครับ พี่มารบกวนพวกน้องหรือเปล่าเนี่ย” ไอ้พาสต้าตอบพลางตีหน้าเศร้า ราวกับว่าไม่รู้ตัวเลยจริงๆว่ามารบกวน  ฮึ่ย ไอ้ผู้ชายโคตรตอแหลเอ้ย!!!

    “อ่าว แฟร์ขอโทษนะวิค แฟร์เห็นพี่พาสเบื่อๆ เลย..” แฟร์ทำหน้าเศร้าแล้วพูด

    “อ๋อๆ  ไม่เป็นไรหรอก ไม่เป็นไร อยู่กันหลายคนสนุกดีออก ไม่เป็นไร ไม่รบกวนเลย” ประโยคสุดท้ายผมตั้งใจกัดฟันพูดแล้วหันไปมองไอ้พาสต้าโดยตรงเลยครับ แต่มันทำหน้าแบบไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยสักนิด เฮ้ย ไอ้ห่านี่ นี่กูไล่มึงทางอ้อมอยู่นะเว้ย จะนั่งยิ้มอยู่ทำเชี่ยไร

    “ดีใจจัง พี่นึกว่ามารบกวนพวกเราซะอีก งั้นพี่เลี้ยงละกัน มื้อเที่ยงด้วยเป็นไง” ดูมัน อ๊ากกก มันไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไงเนี่ย ผมจ้องหน้าไอ้พาสจนแทบจะพุ่งเข้าไปงับหัวมันอยู่แล้วนะ

    “เอ่อ มีอะไรหรือเปล่าครับน้อง หน้าพี่มีอะไรติดหรอ” แม้มันจะพูดแบบนั้นแต่หน้าตาที่มันทำใส่ผมที่บอกได้เลยว่าโคตรกวนบาทาผมเลยครับ  นี่มึงสนุกมากใช่ไหม ไอ้เวรนี่

    “อ่ะ เอ่อ....วิค มีอะไรจะคุยกับเราหรอ เห็นเมื้อกี้บอก” แฟร์ที่เหมือนจะเริ่มเห็นท่าไม่ดีเลยเริ่มคุยขึ้นมาก่อน ทำเอาผมต้องละสายตาจากไอ้บ้านั่นในทันที ในขณะที่มันก้มดูเมนูแทน

    “ออ คือเรื่องพี่พาสน่ะ แฟร์ไม่เห็นเคยบอกเราเลย” ผมพูดชื่อมันแล้วหันไปมองหน้ามันทีหนึ่ง พอดีเลยกับที่มันได้ยินชื่อตัวเองแล้วเงยหน้าขึ้นมา ผมเลยเป็นคนหลบสายตาไปก่อนแทน

    “จะว่าไงดีล่ะ ก็ไม่ได้เป็นพี่น้องกันจริงๆหรอก เป็นลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกันน่ะ เลยไม่ได้บอก วิคไม่โกรธแฟร์นะ” โอ้ย ให้ตายสิครับ ถ้าเป็นเวลาปกตินี่ผมคงจะเข้าไปกอดสักที แต่นี่ไอ้พาสต้ามันเล่นจ้องเขม็งเลยอ่ะ โธ่เว้ย มันจะตามมาด้วยทำเชี่ยอะไรมันวะ ต้องจัดการแล้ว

    “เอ่อ แฟร์ คือเราขอไปห้องน้ำแป๊ปนึงนะ” ผมบอกแฟร์อย่างขอตัว

    “ออ จ๊ะ รีบไปรีบมานะ” แฟร์ยิ้มตอบให้ผมครับ แหม่ น่ารักจริงๆเลยคนนี้นี่

    “ไม่นานหรอกน่า” ผมหันไปจ้องหน้าไอ้พาสต้า แล้วส่งสัญญาณให้มันออกไปด้วยกัน มันยิ้มตอบกลับมาให้ผม ทันทีที่ผมลุก มันก็ลุกตามทันทีเลยครับ

    “พี่ก็อยากเข้าเหมือนกัน งั้นไปด้วยกันเลยก็ได้” ไอ้พาสแตะไหล่แฟร์เบาๆ คนโดนแตะก็พยักหน้าตอบอย่างรับรู้ ผมเลยเดินนำออกมาก่อน ทิ้งให้ไอ้พาสต้าเดินตามหลังมา

     

    ผมเดินออกมาจนถึงที่คิดว่าพอลับตาคนแน่แล้วก็หยุดเดินหันมาเผชิญหน้ากับไอ้คนที่ตามหลอกหลอนผมอยู่ตลอด ใบหน้าที่แบแต่รอยยิ้มนั่น ทำให้ผมอยากประเคนหมัดให้จริงเลย

    “แหม อยู่กับแฟนแท้ๆ เรียกออกมาแบบนี้คิดอะไรกับพี่หรือเปล่าครับ วิคเตอร์” แทนที่ไอ้พาสต้าจะหยุดตามผมมันกลับเดิมเข้ามาเรื่อยๆ จนผมต้องก้าวถอยหลังหนีแทน

    “ไม่ต้องมาพูดดีเลย ไอ้สัส มึงจะมาด้วยทำเหี้ยไร กูไมได้ขอ” ผมเปิดฉากด่ามันก่อนเลย อย่างไม่สนใจในสิ่งที่มันพูดก่อนหน้านี้เลยสักนิด ซึ่งดูเหมือนมันก็รับอารมณ์ผมได้ดีเลยครับ

    “กูจะไปไหนมันก็เรื่องของกู มึงมีสิทธิอะไรมาห้ามกูไม่ทราบ” มันถามผมคืน

    “สิทธิที่กูเกลียดขี้หน้ามึงไง! เมื่อไรมึงจะเลิกยุ่งกับกูสักที แค่นี้ชีวิตกูก็เหี้ยพอละนะ” เพราะไอ้สารเลวนี่คนเดียว ทำให้ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของผมถูกทำลายจนย่อยยับในคืนเดียว

    “ได้กับกูแค่นี้มันไม่ตายหรอกไอ้ห่า มันจะเหี้ยอะไรนักหนา กูก็เห็นมึงมีชีวิตอยู่แบบปกติของมึงอยู่นี่” ไอ้พาสพูดพลางก้าวเท้าเข้ามาอย่างไว แล้วคว้าแขนของผมไว้

    “อย่ามาโดนตัวกู ไอ้สัส!! น่ารังเกียจ” ผมสะบัดแขนอย่างแรงจนหลุดจากมือของไอ้พาส แต่ไม่ทันได้ทำอะไรต่อ มันก็จับไล่ผมกระแทกติดกำแพงข้างๆอย่างแรงจนผมเจ็บหลังไปหมด

    “โอ้ย!! ไอ้เชี่ยเอ้ย!” ผมดิ้นสุดแรง จนไอ้พาสเป็นมือข้างหนึ่งมาจับคางผมไว้แทน ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นแล่นผ่านไปทั่วร่างจนผมต้องหยุดนิ่งอยู่ แล้วจ้องหน้ามันอย่างเคียดแค้น

    “หึ ไม่ต้องมามองแบบนั้นเลย น่ารังเกียจงั้นหรอ หึ ถ้ากูน่ารังเกียจ งั้นไอ้คนที่มันนอนครางอยู่ใต้ตัวกู มึงจะเรียกมันว่าอะไรดีล่ะ ฮะ มึงคิดว่าตัวเองขาวสะอาดนักหรือไง ถึงพูดกับกูแบบนี้น่ะ” โธ่เว้ย เจอมันบีบคางผมอยู่แบบนี้เล่นทำเอาไม่มีแรงจะพูดอะไรสวนกลับไปเลย

    “อะ... ไอ้ คะ..คนเลว” ผมเค้นเสียงด่าออกมาอย่างยากลำบากเพราะตอนนี้มันเจ็บจริงๆ

    “เลวงั้นหรอ หึ ให้กูเลวกว่านี้เอาไหมล่ะ กูจะได้ลากมึงไปเอาตอนนี้เลยไง เอาจนกว่ากูจะหมดแรงเนี่ยแหละ อยากรู้เหมือนกันว่ามึงจะมีแรงด่ากูถึงตอนนั้นไหม” หึ่ย เจ็บใจจริงเว้ย นี่ผมทำอะไรโต้กลับไอ้บ้านี่ไม่ได้เลยหรือไงกัน มันเอาแรงมาจากไหนนักหนาวะ

    “อะ..ไอ้....อื้อ!” ผมที่กำลังจะด่าออกไปอีกรอบ กลับโดนริมฝีปากหนาของอีกคนลงมาปิดปากแทนอย่างไม่ทันตั้งตัว มือหนาที่ผ่อนแรงลงเมื้อกี้บีบคางผมอีกครั้งเพื่อให้ทางเปิด ลิ้นร้อนผ่านเข้ามาเก็บเกี่ยวในปากอย่างไม่ปราณี จูบที่รุนแรงไร้ซึ่งความอ่อนโยน ยังคงดำเนินต่อไปจนผมแทบอยากจะตายไปเสียให้ได้ นี่ไม่มีทางที่ผมจะหนีไปจากคนๆนี้ได้เลยหรือไงกัน

    “หึ นี่แค่เตือน โทษตัวมึงเองที่หาเรื่องใส่ตัวละกัน อยากเรียกกูออกมาเองนี่” ไอ้พาสถอนจูบออกไปแล้วพูดกับผมอย่างเยาะเย้ย ในขณะที่ผมถึงกับพูดอะไรไม่ออก

    “คิดที่จะสืบเรื่องของกูจากยัยแฟร์หรอ หึ มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกว่ะ แค่ตุ๊กตาหมีนั่นยังไม่บอกอะไรมึงอีกหรือไงว่ากูรู้ทุกอย่างที่เป็นมึง อย่าคิดจะต่อต้านเลย เสียเวลาเปล่าๆ”

    “ไอ้ชั่วเอ้ย!! ทำไมมึงต้องมายุ่งกับกูด้วย แค่เรื่องผู้หญิงคนเดียวต้องทำขนาดนี้เลยหรือไง แค่แฟนคนเดียวที่ทิ้งมึงมา มึงจะไปยึดติดอะไรนักหนา!!” ผมได้ทีที่ได้พาสต้าผ่อนแรงผลักมันออก แต่มันก็เร็วไม่แพ้กันจับต้นแขนผมทันทีแล้วดันให้ติดกับกำแพงอีกครั้ง

    “โง่แบบมึงแม่งมันก็คิดได้แค่นี้แหละ กูเคยบอกแล้วไม่ใช่หรือไง ว่าเรื่องของมึงกับกูมันมีมากกว่านั่น แค่ผู้หญิงคนเดียวที่มึงพูดน่ะ กูไม่แคร์หรอก ความจริงคือไม่เสียดายเลยสักนิด”

    “งั้นมึงก็พูดมาสิวะ!! ว่ามึงต้องการอะไรนักหนา ถ้าตัวกูมึงก็ได้ไปแล้วไม่ใช่หรือไง”

    “ได้แล้ว แต่อยากได้อีก มีปัญหาไหม ไม่อยากเจ็บตัวก็มาให้กูเอาทุกวันสิ กูอาจจะใจดีกับมึงมากกว่านี้ก็ได้ หึ แค่ร่างกายมึงกูจะเอาเมื่อไรก็ได้ แต่สิ่งที่กูอยากได้จากมึงจริงๆน่ะ.....”  ไอ้พาสต้าเว้นช่วงพูดไป แขนสองข้างรวบตัวผมเข้ามากอดไว้แน่น มือข้างหนึ่งจับท้ายทอยผมไว้อย่างไม่ให้หนีก่อนจะบดจูบลงบนริมฝีปากของผมอีกครั้งอย่างหนักหน่วง รสจูบที่รุนแรงเมื่อกี้ถูกเปลี่ยนเป็นความอ่อนโยนอย่างคาดไม่ถึง ความอ่อนโยนที่มากจนผมไม่คิดที่จะขัดขืน มันจูบอยู่แบบนั้นจนสักพัก ไอ้พาสต้าถอนริมฝีปากออกไปก่อนจะพูดต่อประโยคของมันที่ค้างไว้

    “หึ หัวใจมึงไง”


    **********************************************************

    ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะครับผม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×