ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My wife ขอโทษที คนนี้เมียกู [END]

    ลำดับตอนที่ #41 : .....My wife.....{41}

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.68K
      9
      12 ก.พ. 59

    .....My wife..... {41}


    [Victor]  

    “มีอะไรจะอธิบายป่ะ” ไอ้เซนท์นั่งจ้องหน้าผมแบบตาไม่กระพริบเลยอ่ะครับ โอ้ย ขอพี่พาสต้ากลับมานี่ก่อนได้ไหม ผมไม่กล้าสู้หน้าไอ้เซนท์มันเลยตอนนี้เนี่ย เราย้ายกันมาอยู่ที่นั่งหน้าบ้านครับ ส่วนไอ้ววินเนอร์ก็ย้ายตัวเองเข้าไปในบ้านแทน ไอ้นี่ก็ทิ้งน้องกันเลยทีเดียว

    “....” ผมเงียบครับ ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรนี่ครับ เอาจริงๆว่ายังตกใจไม่หายเลยครับที่อยู่ๆไอ้เซนท์ก็โผล่มาเนี่ย ทำไมอยู่ๆมันถึงคิดตามมานี่ยังงค้างอยู่เลย

    “....” แต่พอผมเงียบไม่ยอมพูด ไอ้เซนท์ก็เงียบแข่งผมเสียอย่างนั้น แถมนั่งจ้องหน้าทสงครามประสาทกับผมอีกต่างหาก อะไรของมันกันเนี่ย

    “เออ กูยอมแล้ว กูคบกับพี่พาสต้า จบป่ะ”

    “ก็แค่นั้น” ดูไอ้เซนท์มันจะไม่รู้สึกแปลกใจอะไรเลยสักนิด แต่ก็จะครับ สำหรับคนที่รักพี่ไนน์แบบไม่เปลี่ยนใจแบบมัน คงไม่แปลกหรอกเรื่องผู้ชายคบกันเนี่ย

    “แล้วไปคบกันได้ไงวะ”

    “เรื่องมันยาว ถ้ามึงอยากฟังอ่ะนะ”

    “ไม่อ่ะ ยังไม่อยากตอนนี้” อ่านะ ดีแล้วล่ะ เอาเข้าจริงผมก็คงไม่กล้าเล่าทั้งหมดหรอกครับ แน่ล่ะสิครับตอนเริ่มของเรื่องนี้มันออกจะน่าอาย เรื่องอะไรผมจะเล่าหมด

    “แล้วพี่พาสต้านี่รู้จักพี่มึงด้วยหรือไง”

    “ก็พี่พาสต้าอ่ะ เพื่อนไอ้วินเนอร์มันตอนมัธยมเลยล่ะ กูก็จำไม่ได้หรอก พึ่งมารู้เนี่ยแหละ” พูดไปก็น่าเคืองนะ ไอ้วินเนอร์ก็รู้เห็นเป็นใจแต่ก็ปิดบังเอาไว้ตั้งนาน

    “แล้วพวกมึงคบกันนานยัง” ไอ้นี่ก็ถามเซ้าซี้จังเลย

    “ก็ไม่นานอ่ะ”

    “ออ เป็นเหตุผลที่ช่วงนี้หายตัวไปบ่อย ไม่อยู่กับเพื่อนว่างั้น”

    “ก็ไม่ขนาดนั้นป่ะวะ ก็พี่มันนัดกูก่อนนี่หว่า ก็ช่วยไม่ได้” มันเรื่องจริงนี่นา ปกติไอ้พวกนี้ชอบนัดแบบปุบปับ ต่างกับพี่พาสต้าที่นัดล่วงหน้าตลอดไง แล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะ

    อยู่ๆไอ้เซนท์ก็เงียบไป สายตาจ้องมองอยู่กับต้นไม้ข้างบ้านผม ซึ่งต่อให้ดูซ้ำกี่รอบผมว่ามันก็ไม่มีอะไรที่น่าสนใจถึงขนาดต้องจ้องขนาดนั้นนะ ราวกับมันกำลังใช้ความคิดบางอย่างอยู่

    “มึงมีความสุขหรือเปล่าวะ”  สักพักมันก็พูดออกมา ทำเอาผมไปต่อไม่ถูกเลย

    “มึงหมายความว่าไงวะ” ผมไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่มันกำลังจะสื่อเท่าไร

    “ตอนนี้มึงมีความสุขหรือเปล่า”

    “ทำไมมึงถึงถามแบบนั้นวะ” ผมว่าคำตอบที่มันต้องการต้องไม่ใช่เรื่องว่าตัวผมมีความสุขหรือเปล่าแน่ ดูจากสีหน้าของมันผมว่านี่คงไม่ใช่คำถามทั่วไป

    “มึงชอบพี่พาสต้าไหม” เอาอีกแล้ว นี่มันต้องการอะไรของมันเนี่ย

    “ก็เออดิวะ ไม่งั้นกูจะยอมคบหรอ” ผมฝืนความอายตอบไปตรงๆ เพราะท่าทางไอ้เซนท์ตอนนี้มันคงไม่ใช่จะแค่แกล้งถามผมแน่นอน

    “แล้วพี่พาสต้าก็ชอบมึงใช่ไหม” 

    “มึงเป็นอะไรของมึงวะ ไอ้เซนท์” ผมว่ามันแปลกเกินไปแล้ว มันกำลังคิดอะไรของมันกัน 

    “กูก็แค่อยากรู้ว่าความสุขระหว่างคนสองคนที่คบกัน มันจะเป็นยังไง” ผมว่าผมพอรู้ละ

    “ไอ้เซนท์ กูไม่รู้นะเว้ยว่าพี่พาสต้าชอบกูจริงหรือเปล่า แต่แค่ในตอนนี้พี่มันเลือกกู กูว่าแค่นั้นกูก็พอแล้วว่ะ ตอนนี้ที่เป็นอยู่แบบนี้กูก็สุขดีแล้ว” ไอ้เซนท์ยังคงเหม่อลอย

    “แต่กว่าจะเป็นแบบนี้กูก็เกือบที่จะต้องเสียพี่มันไปครั้งหนึ่งแล้วนะ กว่ากูจะหายงี่เง่าแล้วลดทิฐิตัวเองไปได้ มันก็เกือบจะสายไป ยังดีที่ไอ้วินเนอร์มันคอยพูดกรอกหูกูเนี่ย ไม่งั้นกูก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นยังไงเหมือนกัน แต่ก็เพราะแบบนั้นกูถึงไม่คาดหวังอะไรมากมายไง”

    “แต่ตอนนี้กูกำลังจะเสียมันไป แล้วก็ไม่มีใครคอยช่วยกูได้ด้วย” นั่นคือสิ่งที่ไอ้เซนท์ตอบกลับผมมา ผมเข้าใจมันนะในสถานการณ์แบบนี้ และผมก็รู้ด้วยว่ามันกำลังพูดถึงอะไร

    “ทำไมวะ แค่ได้อยู่ข้างๆกันแล้วมีความสุข แค่นั้นมันก็น่าจะพอแล้วไม่ใช่หรือไงวะ แม้จะเป็นแค่เวลาสั้นๆแต่กูก็เห็นมันยิ้มได้ มันก็รู้ว่ายังไงกูก็มีมันคนเดียว แต่แล้วทำไมต้องเอาเรื่องคนอื่นมาคิดด้วย แบบนั้นมันไม่ยุติธรรมเลยสักนิด ทำไมต้องแคร์เรื่องอื่นมากขนาดนั้นด้วย ทั้งๆที่เรื่องมันก็เคลียร์แล้วแท้ๆ” ผมว่าคำพูดนี้าไอ้เซนท์ไม่ได้ต้องการพูดกับผมแน่ๆ   

    มันอาจจะดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะ แต่ก็เพราะเป็นมันนั่นแหละ คนที่ไม่อยากให้เพื่อนต้องมาคิดมากด้วย เลยทำเหมือนไม่เป็นไร แต่อาจจะเพราะผมสนิทกับมันมาก แถมเจอเรื่องคล้ายๆกันอีก ก็ไม่แปลกที่มันจะแสดงด้านที่อ่อนแอของตัวเองออกมาบ้าง

    “ถ้ามึงจะถามกูจะเว้ยไอ้เซนท์ กูบอกตรงๆเลยว่าเรื่องของมึงกูก็ไม่รู้จะช่วยยังไงล่ะ ขนาดมึงที่รู้จักพี่ไนน์มากที่สุดยังทำอะไรไม่ได้เลย แล้วกับกูจะทำอะไรได้วะ” ผมบอกออกไปตามตรง ไม่ใช่ว่าผมไม่สนใจที่เพื่อนเป็นแบบนี้นะครับ แต่ว่าผมไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไรจริงๆ

    “เฮ้อ..” สิ่งที่มันทำคือได้แต่ถอนหายใจออกมา ผมเองในเวลานี้ก็พูดอะไรไม่ได้มากเพราะในขณะที่เพื่อนคนตรงหน้าผมกำลังเศร้า แต่ของผมเองกลับอยู่ในทางตรงกันข้าม แม้จะไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกันเลบสักนิด แต่ผมเองก็อดจะรู้สึกแย่ไม่ได้

    “ให้พวกกูช่วยป่ะ” ระหว่างที่ผมสองคนกำลังนั่งเงียบอยู่ก็มีเสียงของบุคคลที่สามดังขึ้น

    “นี่มึงแอบฟัง?” ผมถามพี่ตัวเองด้วยความแปลกใจ ปกติไม่ใช่นิสัยของมันนะ

    “ก็นิดหน่อย กูอยากรู้ว่าเพื่อนมึงจะซักอะไรมึงบ้างก็แค่นั้น เป็นแบบนี้ไม่หนุกเลยว่ะ” ไอ้วินเนอร์พูดแล้วเดินมานั่งลงข้างๆผม พลางมองไปที่ไอ้เซนท์อย่างเห็นใจ

    “น่าสงสารว่ะ”

    “ทำเป็นว่ามัน สภาพดีกว่ามึงก็แล้วกัน” ผมแขวะพี่ชายตัวเองอย่างหมั่นไส้ สภาพสมัยตอนมันโดนทิ้งนี่อย่าให้พูดถึงอ่ะ ยิ่งกว่าคนบ้าอีก

    “มึงก็พอกันไหม” นั่นไงละ ไม่มีทางที่มันจะไม่แขวะผมคืน

    “พวกกูก็เคยเป็นแบบที่มึงเป็นตอนนี้แหละ แต่พวกกูก็ผ่านมันไปได้ แต่ก็ต้องอาศัยตัวช่วยหน่อยว่ะ” ไอ้วินเนอร์พูด แต่ทำผมงงไปด้วยซะงั้น

    “ตัวช่วยไรวะ อย่าบอกนะว่าจะให้เพื่อนกูหนีไปพักใจแบบมึงอ่ะ”

    “โอ้ย! ตบไมเนี่ย” เฮ้ยไรเนี่ย ไม่ตอบผมไม่พอยังจะตบหัวผมอีก ไอ้พี่บ้านี่

    “ตบให้ฉลาดขึ้นไง เพื่อนมึงกับกูคนละคนกัน ทำไมมันต้องมาทำแบบกูด้วยล่ะ”

    “แล้วตัวช่วยที่มึงว่าคืออะไรล่ะ” ใครจะไปคิดออกได้ล่ะ ก็พี่ผมมันเล่นหนีไปนอกแก้ปัญหาจริงๆนี่นา

    “ผัวมึงไง” งงเข้าไปอีกนั่น พี่พาสต้าไปเกี่ยวอะไรเนี่ย

    “หมายความว่าไงพี่” และดูเหมือนไอ้เซนท์เองก็จะงงเหมือนกัน ว่าพี่พาสต้าจะช่วยอะไรมันได้ เพราะสิ่งที่มันน่าจะรู้ก็พอๆกับผมคือพี่พาสต้าเป็นแค่รุ่นน้องของพี่ไนน์ก็แค่นั้น

    “เออ ไม่ต้องถามมาก เดี๋ยวกูพูดกับมันให้ มันทำได้ละกัน ผัวมึงอ่ะ ถ้ามันทำไม่ได้ กูว่าแม่งก็หมดหวังแล้วล่ะ” พูดได้ให้กำลังใจมากเลยมึงเนี่ย

    “มึงคิดยังไงมาช่วยไอ้เซนท์มันเนี่ย” ผมถามกลับไอ้วินเนอร์ด้วยความสงสัย

    “เพราะกูก็เคยผ่านมันมาก่อนไง เหมือนมึงนั่นแหละไอ้วิคเตอร์ สิ่งที่กูเคยพลาด กูก็ไม่อยากเห็นใครพลาดอีก แค่นั้นแหละ” โหย คำพูดนี้คือยอมเลยอ่ะ

    “แต่จำไว้อย่างหนึ่งนะเว้ย สิทธิของมึงมีแค่ครั้งเดียว แม้กูจะมไสนิทกับพี่ไนน์เท่าไอ้ต้ามัน แต่กูก็พอรู้จักในระดับหนึ่ง ไม่มีโอกาสครั้งที่สองสำหรับคนอย่างพี่ไนน์นะเว้ย”

    “ไอ้เซนท์มันรู้น่า” ผมพูดแทรกพี่ตัวเองขึ้นมา แต่เหมือนมันไม่ได้สนใจ

    “มึงอาจจะพูดว่าไม่มีทางมีครั้งที่สอง แต่อะไรๆมันก็ไม่แน่นอน กูไม่รู้ว่าครั้งนี้มึงทะเลาะอะไรกับพี่ไนน์ แต่อยากให้มึงระวังตัวเองไว้ด้วย ความผิดพลาดแม้จะเกิดจากความเข้าใจผิดหรือความบังเอิญอะไรก็ตาม คนแบบพี่ไนน์ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้น เพราะคนแบบพี่ไนน์ไม่ชอบเรื่องยุ่งยากมึงก็น่าจะรู้ ดังนั้นโอกาสครั้งต่อไปไม่มีแล้วนะเว้ย” ไอ้วินเนอร์พูดกับไอ้เซนท์

    “เรื่องของมึงเองกูก็พอรู้จากไอ้ต้าบ้าง กูว่ามึงคือคนที่เป็นข้อยกเว้นสำหรับพี่ไนน์ว่ะ ปกติไม่มีทางที่พี่ไนน์จะทนอะไรแบบมึงได้นะ แบบนี้ก็ยังมีหวังอยู่ อย่าพึ่งท้อละกัน”

    “ขอบคุณครับพี่”

    “เฮ้ย นี่กูมีพี่เป็นคนดีขนาดนี้เลยหรอวะเนี่ย” ผมพูดแกล้งไอ้วินเนอร์

    “แน่นอน เพราะมีกูไง น้องแบบมึงถึงมีผัวได้ไง” ไงล่ะ เจอไม้นี้เข้าไป ทำเอาผมไปไม่ถูกเลย ผมมองพี่ตัวเองอย่างคาดโทษ แต่มันทำเพียงแค่ยักคิ้วให้ผม ก่อนจะตบบ่าไอ้เซนท์เบาๆแล้วเดินเข้าบ้านไป

    “กูว่าก็ยังดีกว่าไม่ลองพยายามอ่ะนะ” ผมมองตามพี่ตัวเองก่อนจะหันกลับมาบอกกับไอ้เซนท์ ในความคิดผมยังสงสัยอยู่เลยว่าคนแบบพี่พาสต้าจะทำได้จริงหรอ

    “ตอนนี้กูไม่สนแล้วว่ะว่าจะสำเร็จจริงไหม อะไรก็ตามขอแค่ถ้ามันมีความหวังแม้เพียงน้อยนิดกูก็จะทำ กูว่ามันก็ยังดีกว่าที่กูจะต้องเสียมันไปตลอดกาล”

    ผมเลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อ เพราะไม่รู้ว่าในเวลาแบบนี้ควรจะพูดอะไรเหมือนกัน ไอ้เซนท์นั่งอยู่สักพัก ก่อนที่มันจะขอตัวกลับก่อน ทำเอาผมงงไปเลยว่าตกลงนี่มันตามผมมาเพราะต้องการอะไรกันแน่ กลายเป็นว่ามันเลิกที่จะสนใจเรื่องผมแล้วเสียอย่างนั้น

     

    [Pasta]

                ร้านกาแฟบรรยากาศเรียบง่ายที่ตั้งอยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยพอสมควรเป็นสถานที่ที่ผมเลือกเพื่อนที่จะนัดพบเจอใครคนหนึ่ง หลังจากที่เจอคำขอร้องที่ค่อนข้างหนักใจจากเพื่อนสนิท

                เฮ้ย ไอ้ต้า กูมีเรื่องให้มึงช่วยหน่อยว่ะไอ้วินเนอร์พูดขึ้นหลังจากที่ขอตัวผมแยกออกมาจากวงรับประทานอาหาร โดยปล่อยให้วิคเตอร์อยู่กับพิซซ่าที่โต๊ะ

    อะไรว่ะ ถ้าเรื่องนั้นไม่เอาแล้วนะเว้ยผมพูดดักไว้ก่อน เพราะถ้าเป็นเรื่องของมันกับคนของมันนั่นผมไม่อยากยุ่งแล้วนะ เหนื่อยเกินไป

    ไม่เกี่ยวเว้ย เรื่องเพื่อนเมียมึงอะแหละเมียผม ...วิคเตอร์ เพื่อนเมีย??

    ไอ้เซนท์?’

    เออผมมองมันอย่างงงๆ เพื่อนวิคเตอร์แล้วมาเกี่ยวอะไรกับผมล่ะเนี่ย ไอ้วินเนอร์เองมองจากสีหน้าผมก็คงรู้ในสิ่งที่ผมคิดโดยไม่ต้องถาม

    เรื่องพี่ไนน์ออ ก็นึกว่าเรื่องอะไร  แต่เดี๋ยวนะ! พี่ไนน์ ไอ้เซนท์ ทะเลาะกันไม่ใช่หรือไง

    มึงอย่าบอกนะว่าไม่นะ อย่าให้สิ่งที่ผมคิดอยู่มันเป็นจริงขึ้นมาเถอะ

    อย่างที่มึงคิดเลยเพื่อน คุยกับพี่ไนน์ให้หน่อยสิโอ้ย นั่นไงล่ะ ว่าแล้วเชียว

    เฮ้ย ไอ้วินเนอร์ พี่ไนน์นะเว้ยมึงก็รู้ ไม่ใช่แบบเมียมึงนะผมพูดอิงไปถึงใครอีกคนที่ผมเป็นสื่อกลางช่วยเหลือไอ้วินเนอร์มาพอสมควร

    กูรู้ ไม่ต้องพูดเทียบหรอก แต่เพื่อนไอ้วิคเตอร์นะเว้ย น้องกูมันเป็นคนที่เห็นเพื่อนเศร้ามันก็จะไม่โอเคด้วยไง มึงจะไม่ช่วยมันหน่อยจริงหรอ ไอ้วิคเตอร์มันก็ทุกข์กับเพื่อนมันนะเฮ้ย

    กูรู้ กูก็เห็นอยู่ไหมวะ แต่นั่นพี่ไนน์ ไม่ใช่ธรรมดานะเฮ้ยใครที่รู้จักพี่ไนน์มาพอสมควรจะรู้เรื่องความใจแข็งของพี่แกได้เป็นอย่างดี แถมเรื่องรู้ทันคนนี่ไม่ต้องให้พูดอะ ที่สุดเลย

    ก็เพราะเป็นพี่ไนน์ ถึงต้องเป็นมึงไง ถ้ามึงไม่ช่วยมันก็ไม่มีทางอื่นแล้วป่ะวะผมเงียบไปสักพักอย่างใช้ความคิด แค่ผมเปิดปากพูดพี่ไนน์ต้องรู้ชัวร์ แต่จะทำไงได้ล่ะ

    เออๆ ก็ได้โว้ย จะลองดูละกัน แล้วมึงคิดไงถึงอยากช่วยไอ้เซนท์เนี่ย

    กูก็แค่ไม่อยากเห็นใครเป็นทุกข์พราะเรื่องความรักว่ะ เพราะกูรู้ว่ามันแย่แค่ไหน อีกอย่าง เพราะกูรู้ว่าน้องกูเป็นคนอบบไหนไง กูไม่อยากให้มันต้องไม่สบายใจว่ะ มึงเข้าใจนะ

    เออ แต่ไม่รับรองผลนะเว้ยดวงเท่านั้นแหละครับสำหรับพี่ไนน์

    ดีมาก ต้องแบบนี้สิวะ ถึงจะเป็นไอ้ต้าเพื่อนกู

                .....

                นี่ผมคิดดีจริงๆแล้วใช่ไหมเนี่ย เรื่องนี้น่ะ พี่ไนน์ไม่เคยมีปัญหากับการคุยเรื่องส่วนตัว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของพี่ไนน์ด้วยแหละ ผมนั่งจมอยู่กับความคิดตัวเองสักพัก ก่อนที่จะรู้สึกตัวว่ามีใครบางคนนั่งลงตรงหน้าผมอย่างเงียบๆ

    “อ้าวพี่ไนน์ หวัดดีครับ” พี่ไนน์รับไหว้ผมแล้วส่งยิ้มบางๆกลับมาให้ ไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆคนๆนี้ ถ้าผมไม่ได้รู้เรื่องอะไรมากก่อนก็ไม่มีทางรู้หรอกว่าคนตรงหน้ามีเรื่องอะไรอยู่ในใจ

    “อืม มีอะไรหรือไงอยู่ๆถึงนัดบอกว่ามีเรื่องจะคุยเนี่ย”

    “ก็นิดหน่อยครับ แต่ก็แค่อยากเจอบ้าง ไม่ได้เจอกันนานก็แค่นั้น” ผมพูดไปอย่างแกล้งๆ

    “ไม่เชื่อ คนแบบมึงเนี่ยนะ แค่อยากเจอ” จบไหมล่ะ

    “พี่ก็พูดเอาซะผมเสียหายเลย ก็จะว่าไงดีล่ะ ก็มีเรื่องที่อยากคุยด้วยจริงๆน่ะแหละ”

    “เรื่องอะไร นี่จำไม่ได้ว่า ช่วงนี้นั่นมีธุระอะไรกับมึงเมื่อไร” ไม่มีอะไรเปลี่ยนเลยสำหรับพี่ไนน์ เมื่อก่อนก็แบบนี้แหละครับ พูดจาใจร้ายแบบนี้แหละ แต่ก็คอยรับฟังคนอื่นอยู่ตลอดนะ

    “ไม่เชิงว่ามีครับ จะว่าไปมันก็ไม่เกี่ยวกับผมโดยตรงแหละ แต่มีคนเขาฝากเรื่องมานิดหน่อย เกี่ยวกับพี่แหละ” ผมพูดออกไปตามจริง เพราะไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องความลับอะไร

    “จะบอกว่าที่เรียกกูออกมาที่ก็เพื่อช่วยคนอื่นว่างั้น เอาดิ เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับกู อยากรู้เหมือนกัน” เรื่องน่ากังวลสำหรับคนอื่นกลายเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับพี่แกไปเสียอย่างนั้น

    “คือ ผมควรจะเริ่มยังไงดีล่ะ ความจริงมันก็เรื่องคนของพี่น่ะแหละ”

    “คนของกู ใครวะ” พี่ไนน์ตอบกลับผมมาด้วยสีหน้างงงวยกับรอยยิ้มอย่างขำๆ

    “ในใจพี่ตอนนี้มีใครสักคนอยู่หรือเปล่าล่ะ” ทันทีที่ผมพูดจบ สำหน้าของพี่ไนน์ก็เปลี่ยนไปทันที หน้านิ่งๆเข้ามาแทนที่รอยยิ้มขำเมื่อกี้ จนราวกับว่าคนๆนี้ไม่เคยยิ้มมาก่อน

    “กูไม่รู้ว่ามึงมาเจอกับกูเพราะเรื่องนี้ได้ยังไงนะ แต่ถ้าจะคุยกัยเรื่องนี้กูว่ากลับเถอะ” พี่ไนน์เลือกที่จะพูดออกมาโดยไม่มองหน้าผม

    “พี่คิดจะหนีหรือไงครับ” คนตรงหน้าหันกลับมามองหน้าผม พลางหลับตาลงอย่างใช้ความคิดชั่วครู ก่อนที่จะถอนหายใจแล้วตอบกลับมา

    “ไม่ได้หนี กูมันก็แค่...คนขี้ขลาด” ผมค่อนข้างจะแปลกใจนะที่พี่ไนน์ยอมรับอะไรแบบนี้ออกมา ซึ่งปกติไม่เป็นแบบนี้เลยจริงๆนอกจากเสียว่าอยู่ในภาวะที่อ่อนแอจริงๆ

    “แต่พี่กำลังจะทำให้ใครคนหนึ่งจมอยู่กับความทุกข์ไปตลอดนะครับ”

    “กูรู้ ไอ้พาส แต่มึงจะให้กูทำยังไงได้ มึงก็รู้ว่ากูไม่ได้เข้มแข็งแบบที่ใครๆเห็น”

    “ผมรู้ครับ แต่เพราะแบบนั้น บางทีพี่ก็ควรจะมีใครสักคนอยู่ข้างๆหรือเปล่า ความรักมันไม่ได้โหดร้ายเสมอไปนะพี่ ไอ้เซนท์มันอาจจะเคยทำผิด แต่มันก็แค่อุบัติเหตุ และมันก็ไม่เคยทิ้งพี่ไปไหนเลยไม่ใช่หรือไงครับ แบบนี้พี่จะยังไม่ไว้ใจมันอีกหรอ”

    “ไอ้พาส คือกู...”

    “คนที่กำลังหนีความจริงทั้งๆที่ฝืนตัวเองกับคนที่กำลังจะต้องสูญเสียความรักไป มันเจ็บปวดไม่กันหรอกนะครับ ไม่มีใครที่รู้สึกดีเลย เรื่องแบบนี้น่ะ” เพราะความอ่อนแอ ทำให้พี่ไนน์เลือกที่จะเป็นคนที่ใจแข็ง และเลือกเป็นคนที่จะปิดกั้นตัวเองจากความรู้สึกแย่ๆทั้งหมด

    “กูไม่พร้อมที่จะเผชิญว่ะ พวกมึงอาจจะมองว่ากูเป็นคนเห็นแก่ตัว แต่กูก็ยอมรับ เพราะกูเองก็ต้องปกป้องตัวเองหรือเปล่าวะ” พี่ไนน์พยายามอธิบาย แต่มันก็เป็นเพียงคำพูด เพราะท่าทางของพี่ไนน์ในเวลานี้ไม่ได้มีความหนักแน่นสักนิด สวนทางกับสิ่งที่พูดออกมาเหลือเกิน

    “แล้วที่พี่เป็นอยู่ตอนนี้คิดว่ามันดีแล้วหรือไงครับ ผมว่าพี่ไม่น่าจะมีความสุขนะ”

    “ไม่มีหรอก” พี่ไนน์ตอบกลับมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา พร้อมกับการถอนหายใจในแบบที่คาดเดาความรู้สึกไม่ได้

    “แล้วทำไมพี่ไม่เลือกเดินในเส้นทางที่มันดีกว่านี้ล่ะครับ ผมว่าคนของพี่มันน่าจะยังรอพี่อยู่นะครับ อย่าปล่อยให้เวลามันผ่านไปเปล่าเลยๆนะครับ” ผมพูดออกไปอย่างขอร้อง ในบางครั้งแม้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมันจะไม่ใช่ปัญหาของเรา แต่ถ้าเราสามารถที่จะช่วยเหลืออะไรได้บ้างผมว่ามันก็เป็นสิ่งที่ควรจะทำนะ

    “แต่กูไม่อยากเสี่ยงอีกแล้วว่ะ”

    “ความเสี่ยงมันก็ยังคงเป็นควาเสี่ยงหรือเปล่า มันไม่ได้จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนนี่ครับ มีใครบ้างที่ไม่ใช้ชีวิตกับความเสี่ยงน่ะ ลองเสี่ยงก็ยังดีกว่าจมอยู่กับความเสียใจภายหลังหรือเปล่า” ผมเองกับวิคเตอร์ในตอนนี้ ผม็พูดไม่ได้หรอกว่าเรื่องของพวกเราจะอยู่ไปได้นานสักแค่ไหน แต่แค่วันนี้ผมยังมีมันอยู่ข้างๆแค่นั้นผมก็พอใจในตอนนี้แล้วล่ะครับ

    “ไอ้พาส”

    “พี่ไนน์ ที่พี่เป็นอยู่ตอนนี้มันไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมาเลยนะครับ ทั้งพี่เองหรือคนรอบข้างไม่ได้มีใครมีความสุขด้วยเลยที่พี่เป็นแบบนี้ พี่อาจจะบอกว่าปกป้องตัวเอง แต่มันปกป้องตัวเองแบบไหนกันครับที่ทำให้คนถูกปกป้องเองก็เจ็บปวดไปด้วยน่ะ”

    พี่ไนน์ไม่พูดอะไรตอบกลับผม เจ้าตัวเพียงแค่เอนหลังติดกับพนักพิงอย่างปล่อยวาง

    “ไม่มีความสัมพันธ์ไหนที่ไม่มีอุปสรรคหรอกนะครับ บางทีมันอาจจะดีกว่าไหมที่พี่เลือกที่จะข้ามผ่านไปด้วยกันกับคนของพี่น่ะ นี่มันแค่จะเริ่มต้นเองนะครับ ผมว่าพี่เองย่อมรู้ดีกว่าผมอยู่แล้วจริงไหมครับ”  ความรู้สึกของเราเป็นอะไรที่ยากที่จะรู้ได้ถ้าเราไม่ใช่เจ้าตัวเอง แต่ก็ไม่เสมอไปถ้าหากในบางครั้งความรู้สึกแบบนั้นมันเชื่อมต่อกับใครอีกคน แต่ก็อาจจะเพราะความเข้าใจแบบนี้เองหรือเปล่าที่ทำให้คนเราห่างเหินกันมากขึ้นน่ะ เพราะรู้สึกถึงกันได้มากเกินไป

     

    ยากหน่อยนะไอ้เซนท์กับคนหัวดื้อแบบพี่ไนน์เนี่ย แต่กูว่าทุกอย่างมันจะดีเองแหละ ขอแค่มึงให้เวลาพี่ไนน์หน่อยละกัน

     

    [Victor]

              หลังจากฝ่ามรสุมฝีปากไอ้พี่วินเนอร์ที่แซวผมตลอดการทานอาหารเย็น ตอนนี้ผมเลยอยู่ที่คอนโดของไอ้พี่ต้ามัน วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้านจะกลับมากันก็ดึกๆเลย ไอ้พี่วินเนอร์ก็ออกไปต่อที่ไหนไม่รู้ ผมเลยมานอนที่นี่เสียเลย เพราะอย่างไรเสียพรุ่งนี้ก็วันหยุดอยู่แล้วด้วย

    “คิดว่าจะได้ผลไหม” คนที่นอนหนุนตักผมเอ่ยถามขึ้นอย่างกะทันหัน แม้จะไม่ได้พูดเกริ่นมาก่อนแต่ผมก็พอจะรู้ว่าเจ้าตัวหมายถึงเรื่องอะไร

    “ไม่รู้สิ ของแบบนี้ก็แล้วแต่โชคละกัน ทำได้แค่นี้นี่นา” ผมตอบกลับไปตามความจริง ไม่ว่าพวกผมจะเห็นใจไอ้เซนท์แค่ไหน มันผมก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้แล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพี่ไนน์เท่านั้นแหละ

    “นี่วิคเตอร์ พี่ถามจริง ถ้าเรามีเรื่องแบบี้เกิดขึ้นบ้าง เราจะเป็นแบบพี่ไนน์ป่ะ” ถามอะไรของเขาเนี่ย เดาอารมณ์ไม่ถูกเลยแฮะ

    “ควรตอบว่าไงดีล่ะ”

    “แล้วแต่เราสิ พี่ถามความเห็นเฉยๆ เราคิดว่าไงล่ะ” ไอ่พี่พาสลุกขึ้นมาจ้องหน้าผมอย่างกดดัน นี่จะจริงจังเกินไปไหม

    “แล้วถ้าเป็นแบบพี่ไนน์ขึ้นมาจะง้อไหมล่ะ”

    “ไม่ง้อ” อ่าวเฮ้ย ไหงงั้นล่ะ

    “...” ผมไม่ตอบกลับแต่มองค้อนไอ้พี่พาสไปแบบเคืองๆ แต่พออีกคนเงียบก็เลย

    “เออได้!! เอางี้ใช่ป่ะ ไม่ง้อก็ไม่ง้อดิ ไม่ได้สนใจสักหน่อย อยากทำไรก็ทำไปเลย” ผมคว้าหมอนขว้างใส่คนตรงหน้าอย่างแรก หึ่ย! น่าโมโหจริงๆเลย ผมกำลังจะลุกหนีแต่ในทันใดนั้นก็โดนมือหนาดึงให้นั่งลงที่เดิมพร้อมกับเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้

    “เพราะมันไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน”

    จุ๊บ!  เฮ้ย!! ปากผม

    “ขะ..ขี้โกงนี่!!! เล่นทีเผลออ่ะ”

    “หึหึ จะเอาคืนป่ะล่ะ  กี่เท่าครับวิคเตอร์” ไม่ต้องมาทำหน้าทะเล้นเลยนะไอ้พี่พาส

    “ไม่เอาโว้ย งอนแล้ว!

    “งอนให้เต็มที่เลยนะวิคเตอร์ คืนนี้พี่มีเวลาง้อเราทั้งคืนอยู่แล้ว หึหึ”

    “พี่ต้า !!

     

    [Nein]

    บางทีมันอาจจะดีกว่าไหมที่พี่เลือกที่จะข้ามผ่านไปด้วยกันกับคนของพี่น่ะ แม้เวลาจะล่วงเลยมาถึงเวลาสายแก่ๆของวัน แต่ทว่าคำพูดเมื่อวานของไอ้พาสยังคงก้องอยู่ในความคิด ทำเอาผมนอนไม่หลับเลยทั้งคืน ผมไม่รู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้มันเลือกที่จะมาคุยกับผมในเรื่องนี้ได้ แต่ผมว่าไม่ใช่มันคนเดียวแน่ๆที่คิดแบบนี้

    ผมนั่งใช้ความคิดอยู่ในห้องที่ว่างเปล่าของตัวเอง หลายวันที่ผ่านมาไม่เพียงแค่ห้องที่มันช่างว่างเปล่าและเงียบเหงา แต่นั้นมันคือเรื่องปกตอ แต่สิ่งที่ผมคิดว่ามันไม่ปกติคือความรู้สึกของผมต่างหาก มันช่างว่างเปล่าและเงียบเหงาเกินไป จนผมเองยังรู้สึกกลัว ในช่วงเวลาหนึ่งผมมักจะเห็นในหน้าของใครบางคนโผล่มาให้เจอทุกวัน ไม่ว่าจะด้วยสถานะใดก็ตาม จนกลายเป็นความเคยชินในทุกๆ วัน ใบหน้าที่ผมเคยบ่นเสมอว่าน่ารำคาญ แต่มาวันนี้เมื่อมันหายไป ทำไมผมกลับรู้สึกไม่พอใจเสียอย่างนั้น

    “บางที สิ่งที่กูทำตอนนี้มันอาจจะผิดก็ได้นะ” ผมพูดออกมาอย่างเหนื่อยแรง ความพยามที่จะหนีของผมที่ผมเคยคิดว่ามันถูกต้องและควรทำ แต่ก็อย่างที่ได้พาสบอก มันไม่ได้มีความสุขเลยสักนิด ซึ่งเมื่อมาถึงเวลานี้แล้วมันก็คงจะผิดจริงๆนั่นแหละ สิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าจะมองจากความเป็นจริง ไม่ว่าอย่างไรไอ้เซนท์ก็ไม่ใช่คนผิดอยู่ดีนั่นแหละนะ

    “อ้าว ไนน์ จะไปไหนน่ะลูก” แม่ผมเอ่ยทักเมื่อเห็นว่าผมกำลังจะเดินออกจากบ้าน

    “ไปบ้านไอ้เซนท์น่ะแม่”  บางทีมันก็ถึงเวลาแล้วล่ะที่ผมเองก็ควรจะทำอะไรสักอย่าง เพื่อรับผิดชอบกับเวลาที่เสียไป

    ถ้าในใจของใครคนนั้นยังรอผมอยู่น่ะนะ



    **************************100%********************************



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×