ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มัดใจคุณ...อย่างเป็นทางการ : Officially be Yours

    ลำดับตอนที่ #13 : 4 ในค่ำคืนท้องฟ้าสีชมพูตุ่นๆ 3/3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.92K
      4
      22 มี.ค. 67

     

    เพราะคำยืนกรานจากปากธีรดาว่าอยากนอนกกหลาน จึงทำให้ธรณ์ลำบากใจมาจนถึงตอนนี้...

    เปรี้ยวหวานหลับตั้งแต่สองทุ่มเนื่องจากเล่นซนทั้งวัน น้องนกขาเดียวที่ตั้งใจอวดคุณอาก็ได้อวดอย่างเต็มที่ ลูกสาวเขานอนในห้องนอนเล็กกับธีรดาโดยมีธารณ์ซึ่งหอบตุ๊กตาเน่าๆ ย้ายมานอนด้วยอีกคน รายนั้นบอกว่าคิดถึงธีรดาและนานแล้วที่ไม่ได้นอนกอดเปรี้ยวหวาน ธารณ์ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว และนกสองตัวที่ว่าคือทรายรุ้งกับตัวเขาเอง

    ชายหนุ่มขลุกในห้องทำงานตั้งแต่ลูกหลับกระทั่งเข้าใกล้เที่ยงคืน งานคั่งค้างไม่มีให้จัดการด้วยจัดการไปหมดแล้วตั้งแต่ช่วงเช้า และเป็นนิสัยส่วนตัวของเขาเองที่ไม่นิยมพอกดินให้เต็มหางหมู ดวงตาสีนิลพิจารณาโซฟาตัวยาวริมผนัง มันกว้างพอที่คนตัวโตอย่างเขาจะใช้เป็นที่นอนชั่วคราว แต่หากฝืนทำเช่นนั้นจอมสงสัยต้องตงิดเข้าสักวันว่าเหตุใดพี่ชายถึงแยกห้องนอนกับพี่สะใภ้ ส่วนธารณ์เขาไม่ห่วง รายนั้นรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเขากับทรายรุ้งตั้งแต่แรก ถึงอย่างนั้นกลับไม่เคยซักไซ้ให้ระคาย หากธีรดาคือลูกช่างซักช่างฟอก ธารณ์ก็เปรียบเสมือนนักสืบในมุมลับที่พยายามไขข้อข้องใจด้วยตัวเองจากการปะติดปะต่อประกอบคิดวิเคราะห์

    น้องสาวสองคนนิสัยต่างกันสุดขั้ว ธีรดาเครียดได้กับทุกเรื่อง ส่วนหนึ่งเพราะจริงจังในทุกๆ สิ่งที่กำลังทำ น้องคนนี้เก็บความรู้สึกเก่ง ภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มในใจอาจไม่ยิ้มตาม ในขณะที่ธารณ์ไม่มีความซับซ้อนทางด้านอารมณ์ แสดงออกอย่างไรลึกๆ ก็คิดอย่างนั้น

    ธีรดารักและผูกพันกับทรายรุ้ง น้องสาวรับไม่ได้แน่หากวันหนึ่งเขากับทรายรุ้งเปลี่ยนแปลงสถานะ และเพราะเจ้าคนนี้เครียดง่ายกับทุกเรื่องรวมถึงมีเรื่องให้เครียดมากพอแล้ว เขาจึงยังไม่อยากให้น้องรู้ ทุกอย่างมีเวลาเหมาะสมในตัวมันเอง เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาเหมาะสมก็เท่านั้น

    ท้ายที่สุดธรณ์ก็ต้องออกจากห้องทำงานแล้วเปิดประตูเข้าห้องนอนแทน ไฟดวงใหญ่บนเพดานห้องถูกปิดไปแล้ว แต่โคมไฟตั้งพื้นข้างหัวเตียงยังให้แสงสว่าง ร่างบอบบางนอนซุกตัวหันหลังให้ภายใต้ผ้าห่มนวม เส้นผมยาวสลวยระหมอนหนุน ทรายรุ้งไม่ใช่คนนอนดึก เธอน่าจะหลับไปสักพักแล้ว ชายหนุ่มค่อยๆ ทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วพาตัวเองเข้าใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน พอขยับตัวให้ศีรษะเหมาะเจาะกับหมอนหนุน ภรรยาที่เขาคิดว่าหลับไปแล้วก็พลิกตัวหันหน้าให้

    “คิดว่าแซนหลับไปแล้ว ขอโทษที่ทำให้ตื่น”

    “ยังค่ะ แซนนอนไม่หลับ” ห่วงแค่ว่าสามีจะนอนที่ไหนก็เท่านั้น ด้วยความหวังเต็มเปี่ยมว่าเขาจะไม่ทรมานตัวเองโดยการนอนในห้องทำงานและเลือกนอนบนฟูกนุ่มๆ ในห้องแทน จึงทำให้เธอเปิดโคมไฟไว้ทั้งที่ปกติต้องปิดไฟให้มืดสนิทหากนอนหลับพักผ่อน

    “ไม่ต้องห่วงเปรี้ยวหวานหรอก หลับปุ๋ยไปแล้ว”

    “ค่ะ” ดูเอาเถอะ พี่ธรณ์ดันเข้าใจไปอีกรูปแบบเสียได้ “กี่โมงแล้วคะ”

    “ใกล้เที่ยงคืน” การอยู่บนเตียงด้วยกันสองคนทำให้สัตวแพทย์หนุ่มอดคิดถึงสมัยแต่งงานใหม่ๆ ไม่ได้ และเตียงนี้นี่อย่างไรที่ทำให้มีเปรี้ยวหวาน “พี่นอนไม่หลับเหมือนกัน”

    “วันนี้พี่ธรณ์ดื่มกาแฟไปตั้งหลายแก้ว”

    “คงอย่างนั้น”

    “เรา...” ทรายรุ้งกัดริมฝีปากอย่างไม่รู้ว่าจะพูดหรือไม่พูดดี แต่เมื่อคิดว่าคงหาโอกาสแบบนี้ได้ไม่บ่อยนักจึงรวบรวมความกล้าแล้วพูด “ไม่ได้นอนคุยกันแบบนี้นานแล้วนะคะ”

    “อืม” นานพอๆ กับที่เขารู้เรื่องสัญญาห้าปีนั่นเข้า

    “ตอนแซนแต่งงานและย้ายมาอยู่ที่บ้านเรือนหอใหม่ๆ แซนนอนไม่หลับเพราะแปลกที่ แต่พี่ธรณ์ก็อยู่เป็นเพื่อนด้วยกันจนดึกดื่น”

    ธรณ์นึกความหลังตาม อยู่เป็นเพื่อน อยู่ด้วยจนดึกดื่นไม่ใช่อยู่คุยด้วยหรือนั่งเล่นเป็นเพื่อน แต่ทุกคืนเขามีวิธีเฉพาะตัวที่ทำให้ภรรยาร่างหอมกรุ่นหลับสบายโดยไม่สะดุ้งตื่นมากลางดึก ถึงแม้หนึ่งอาทิตย์หลังย้ายมาอยู่ด้วยกันทรายรุ้งจะชินกับสถานที่และนอนหลับได้ปกติ ทว่าเขายังยืนยันจะ อยู่เป็นเพื่อนด้วยทุกค่ำคืน

    “คืนนี้คงนอนไม่หลับ ถ้าแซนยังเปิดโคมไฟ” เขาปิดโคมไฟหลังพูดจบ

    “แซน...ตั้งใจค่ะ” พอทั้งห้องมืดมิด ความกล้าของเธอก็มากขึ้นโข “เผื่อพี่ธรณ์กลับมานอนห้องจะได้ไม่ต้องคลำทางมาที่เตียง”

    “ทำอย่างกับห้องนี้ เตียงนี้ ไม่ใช่ของพี่อย่างนั้น” คราวนี้ชายหนุ่มตะแคงข้างคุยกับแม่ของลูกภายใต้ความมืด

    “แต่พี่ธรณ์ก็ไม่ได้นอนตั้งนาน”

    “พี่ปิดไฟแล้ว ง่วงบ้างหรือยัง”

    “นิดหนึ่งแล้วมั้งคะ” ใครว่ากัน สามีกลับมานอนร่วมเตียง เห็นทีเธอคงตาสว่างยันเช้า

    “ไม่เป็นไร จะช่วยทำให้ง่วง”

    ทรายรุ้งรู้สึกถึงอุณหภูมิอุ่นๆ บนแก้ม มองไม่เห็นแต่สัมผัสได้ว่าความอบอุ่นที่กำลังแผ่ซ่านนั้นมาจากฝ่ามือของผู้ชายที่เธอรักหมดหัวใจมาเนิ่นนาน น้ำตาที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนหยดแหมะลงบนหมอนพร้อมๆ กับที่เขาขยับแนบชิดและใช้หมอนใบเดียวกันรองศีรษะ ช่องว่างระหว่างกันจึงแทบไม่เหลือ หญิงสาวปิดเปลือกตาลงเมื่อริมฝีปากแสนคุ้นชินประทับรอยจารึกบนหน้าผาก ก่อนค่อยๆ เลื่อนลงซับน้ำตาแล้วหยอกล้อกับปลายจมูก ครู่หนึ่งจึงประกบกลีบปากเธอ

    ธรณ์กดจูบแผ่วเบาซ้ำๆ หลายครั้ง รู้ชัดแล้วว่าไม่อาจทดแทนความคิดถึงที่ผ่านมาได้เลย ฝ่ามือที่แนบใบหน้านวลเลื่อนลูบไล้แผ่นหลังจนกลายเป็นกอด ลิ้นหนาค่อยๆ แทรกแซงเข้าหาความนุ่มในโพรงปาก มันหวานล้ำยิ่งกว่าที่ผ่านมาหลายเท่านัก จากจูบหวานละมุนเปลี่ยนเป็นดูดดื่มนานเกือบสิบนาที กระทั่งคนในอ้อมกอดหายใจไม่ทันเขาจึงหยุดจูบ แล้วจุมพิตหน้าผากหนึ่งที

    “เรื่องจูบแซนยังแพ้พี่เหมือนเดิม”

    ประโยคนั้นคล้ายหยอกล้อให้เขินเสียมากกว่า ทรายรุ้งอดอมยิ้มไม่ได้ แขนเรียวกอดตอบแล้วซุกหน้ากับอกแกร่ง ลอบสูดกลิ่นจากกายเขาเข้าปอด โชคดีที่ปิดไฟแล้วจึงไม่ต้องกังวลว่าธรณ์จะเห็นหรือไม่ ได้แต่ภาวนาว่าความช่างหยอกช่างล้อนี้จะคงอยู่ตลอดกาล ไม่หายไปเหมือนดังรถฟักทองของซิลเดอเรลลาในเวลาเที่ยงคืนและทิ้งรองเท้ากีฬาคู่โปรดไว้ให้เธอดูต่างหน้าแทนความคิดถึง

    ท้องฟ้าข้างนอกตอนนี้เป็นสีชมพูขึ้นมาบ้างหรือยังหนอ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×