ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~+...เทพนิยาย...ประวัติศาสตร์...+~

    ลำดับตอนที่ #82 : คำปตุตันคาเมน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 216
      0
      2 ต.ค. 50

    คำสาปตุตันคาเมน



    เรื่องของคำสาปนับเป็นเรื่องเหลือเชื่ออย่างหนึ่งในบรรดาสิ่งลึกลับทั้งหลายในโลกของเราเชียวล่ะครับ เชื่อกันว่าโดยทั่วไปแล้วก็คือคำแช่งชักหักกระดูกของ นักบวช ผู้วิเศษ พ่อมด หมอผีในศาสนาและความเชื่อต่างๆ แถมยังเป็นวิธีที่สืบต่อดำเนินนนนนเรื่อยมาตั้งแต่ครั้งที่มนุษย์เรายังไม่รู้เรื่องความศิวิไลซ์ จนกระทั่งเดี๋ยวนี้เมื่อมีอารยธรรมแล้ว บางพวกบางคนก็ยังไม่วายทำอยู่ 
    ส่วนเรื่องจะได้ผลมากน้อยแค่ไหน ก็แล้วแต่ความลึกลับและความฉมังในศาสตร์ของคน
    แต่ว่าในบรรดาคำสาปทั้งหลายที่มีอาถรรพณ์แรงกล้าในโลกเรานี้ เห็นนจะต้องนับว่าคำสาปของพวกอียิปต์โบราณโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากบรรดาสุสานกษัตริย์ เป็นคำสาปที่ขลังและดุที่สุด สามารถเจาะจงติดตามรังควานเฉพาะคนที่ล่วงละเมิดความสงบสุขของผู้เสียชีวิตไปแล้วเท่านั้น
    ชาวอียิปต์โบราณเป็นพวกที่มีศรัทธาแน่นแฟ้นในเรื่องชีวิตหลังความตาย ศาสนาเก่าแก่ของเขาสอนให้เชื่อว่าาคนที่ตายไปแล้วอาจฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ได้ในกาลเวลาหนึ่งข้าางหน้าด้วยศรัทธาอย่างนี้ชาวไอยคุปต์จึงนิยมรักษาซากศพไว้เป็นอย่าางดี ฝังไว้ในสุสาน ลึกลับพร้อมกับส่วนตัวมากมาย รอวันที่จะกลับฟื้นคืนชีพอีกในอนาคต
    แผ่นดินไอยคุปต์จึงเต็มไปด้วยสุสานทั้งในที่ลับและที่แจ้งนับไม่ถ้วน ทั้งแบบของข้าแผ่นดินที่ยากจน ร่ำรวย และสุสานกษัตริย์อันใหญ่โตโอฬารจนกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก สมบัติมหาศาลในสุสานต่างๆ เหล่านี้ เป็นสิ่งเย้ายวนใจพวกมิจฉาทิฐิจนไม่มีใครทนทานได้ จึงพากันลักลอบขโมยขุดสุสานเพื่อหยิบเอาทรัพย์เหล่านั้นมาเป็นประโยชน์แก่ตัวเอง บางรายเข้าไปขโมยตั้งแต่ศพอาบน้ำยาเพิ่งบรรจุในสุสานไม่ทันกี่วันเลยด้วยซ้ำ เรียกว่าไม่เปิดโอกาสให้ท่านที่เชื่อว่าจะคืนชีพเหล่านั้นลุกขึ้นมาใช้ประโยชน์จากทรัพย์ของตนเลย ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นสุสานของกษัตริย์ผู้ยิ่งยงของแผ่นดินหรือไม่ด้วย ขึ้นชื่อว่ามีสมบัติอยู่ตรงไหน หัวขโมยเป็นยอมเสี่ยงเพื่อให้ได้ทรัพย์นั้นมาแน่
    ความที่เป็นหัวขโมยไม่ยำเกรงอะไร เจ้าของสุสานจึงพยามยามหาทางป้องกันทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้
    หนึ่งในจำนวนวิธีการนั้นได้แก่การร่าย " คำสาป"
    อันเป็นวิชาหนึ่งในกระบวนลึกลับศาสตร์ของไอยคุปต์ที่บัดนี้น่าจะสูญหายไป การร่ายคำสาปเช่นนี้ไม่มีการยืนยันว่าได้ผลมากน้อยแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ น่าจะเป็นเรื่องที่ชาวอียิปต์ต้องเจอะเจอความเฮี้ยนกันมามาก จนพวกที่ไม่ใช่หัวขโมยไม่กล้าเสี่ยงเล่นด้วย อย่างไรก็ตามความดุของคำสาปสุสานที่ว่า ก็ยังคงรู้กันเฉพาะในแผ่นดินไอยคุปต์เท่านั้น
    ถ้า...ไม่มีการค้นพบสุสานของยุวกษัตริย์สำคัญองค์หนึ่งที่สำคัญยิ่งยวด ยุวกษัตริย์องค์นี้คือ ตุตันคาเมน ที่เราจะพูดถึงอาถรรพณ์ของคำสาปของพระองค์
    โดยความจริงแล้ว ยุวกษัตริย์องค์นี้ไม่ได้โด่งดังเพราะพระองค์เป็นนักปกครองที่เก่งกาจหรอกนะครับ ตุตันคาเมนเป็นเพียงยุวราชาที่ได้ขึ้นครองบัลลังก์ไอยคุปต์ในเวลาที่สั้นมาก แต่ที่พระองค์ดัง เป็นเพราะการค้นพบสุสานของพระองค์ซึ่งนับว่าสมบูรณ์ที่สุดนั่นต่างหากแม้ว่าสุสานของพระองค์อาจจะถูกหัวขโมยรบกวนบ้าง แต่ก็ไม่ได้พระราชทรัพย์ที่สำคัญไปมาเท่าไหร่ ของที่เหลืออยู่จึงทำให้เราคนสมัยใหม่ได้รู้เรื่องราวของคนอียิปต์โบราณมากกว่าเดิม
    แต่...การค้นพบครั้งนี้นอกจากได้ความรู้มากขึ้น ก็กลับมีการสูญเสียมาพร้อมกัน เป็นการสูญเสียที่ผู้คนทั่วโลกจำนวนมากเชื่อว่ามาจาก คำสาป ที่วนเวียนอยู่ที่นั่นไง
    ''มรณะจักโบยบินมาสังหารสู่ผู้บังอาจรังความสันติสุขแห่งพระองค์ฟาโรห์'' 
    ข้อความนี้ คือคำสาปที่นักบวชไอยคุปต์บรรจงบรรจุไว้ในสุสานลี้ลับขององค์ตุตันคาเมน และมันก็แสดงผลในเวลาต่อมาว่าขลังและเปี่ยมด้วยอาถรรพณ์อันพึงสยดสยองจริงๆซะด้วย
    เพราะว่าบรรดาผู้ใกล้ชิดคลุกคลีกับการเปิดสุสานและหีบศพของพระองค์...คนแล้วคนเล่ามีอันต้องตายด้วยกาลกิริยาแปลกๆต่างๆโดยไม่คาดฝันถึง 23 คน !...! ประหนึ่งว่ามรณะได้โบยบินมาสังหารทุกผู้ทุกคนที่รังควานนิทรารมย์แห่งยุวราชา ตามคำสาปแช่งทุกประการ
    ที่แปลกกว่านั้น หลังจากมรณกรรมของผู้คนจำนวนมากเมื่อห้าสิบปีก่อนผ่านไป ก็ยังมีการตายที่น่าแปลกที่เชื่อกันว่าเป็นเพราะฤทธิ์คำสาปเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง
    สุสานตุตันคาเมนถูกเปิดในปี ค.ศ. 1922(พ.ศ. 2465) หลังจากนั้นผู้ร่วมพิธีเปิดได้เสียชีวิตไป 22 คน ครั้นห้าสิบปีผ่านไป เมื่อมีการแสดงสมบัติตุตันคาเมนเพื่อฉลองครบรอบห้าสิบปีแห่งการเปิดสุสาน ก็เกิดมรณกรรมแก่ผู้ที่บังอาจรบกวนฟาโรห์อีกครั้งอย่างไม่น่าเป็นไปได้
    ความตายตามคำสาปครั้งหลังเกิดเมื่อปี ค.ศ. 1972 (พ.ศ.2515)หลังจากที่ทางราชการอียิปต์เก็บบรรดาสมบัติชิ้นสำคัญๆ ไว้ในพิพิธภัณฑ์กรุงไคโรภายหลังมีการค้นพบสุสาน ให้ทุกอย่างสงบนิ่งอยู่ที่นั่นให้มีใครไม่มีใครแตะต้องรบกวน (ดูได้เท่านั้น) จนกระทั่งทางอังกฤษคิจะจัดเสดงสมบัติตุตันคาเมนขึ้นในกรุงลอนดอนเพื่อฉลองวาระครบ 50 ปี ที่ได้เปิดสุสานยุวราชา ผู้เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญในเรื่องการลำเลียงสมบัติของฟาโรห์ออกจากพิพิธภัณฑ์คืออธิบดีกรมโบราณณณคดีของอียิปต์ ซึ่งขณะนั้นได้แก่ ดร.กามาล เมห์เรช เขาต้องวุ่นวายอยู่กับการนำเอาครอบพระพักตร์ทองคำและโลงศพทองคำของตุตันคาเมนออกจากที่เก็บ บรรจุหีบห่อเป็นพิเศษแล้วส่งขึ้นเครื่องบินไปยังลอนดอนเพื่อเตรียมเปิดการแสดงครั้งสำคัญนี้
    ดร.เมห์เรช ไม่รู้ตัวหรอกว่าเขาได้รังความสันติสุขของฟาโรห์เข้าให้อีกครั้งหนึ่ง หลังจากได้มีการเปิดสุสานเป็นต้นมา !
    แต่ถึงแม้จะรู้ ท่านดอกเตอร์ก็ไม่สนใจ เพราะท่านเชื่อว่าความตายของผู้คนทั้ง 22 คนภายหลังจากการเปิดสุสานตุตันคาเมนเป็นเหตุบังเอิญทั้งนั้น
    ขนาดฟิลิปป์ แวนเดนเบอร์ก ไปสัมภาษณ์ท่านอธิบดีก่อนจะเขียนหนังสือชื่อ ''คำสาปฟาโรห์'' ได้หยิบเอาเรื่องคำสาปในสุสานขึ้นเป็นหัวข้อสนทนา ดร. เมห์เรชยังกล่าวอย่างมั่นใจยืนยันความเชื่อเดิม
    "มันเป็นเรื่องบังเอิญทั้งนั้น"
    แวนเดนเบอร์กถามว่า "ท่านแน่ใจหรือว่าคำสาปไม่มีจริง"
    ท่านอธิบดีโบราณคดีก็ตอบว่า "ไม่เชื่อว่ามันจะเป็นจริงขึ้นมาได้ ดูผมเป็นตัวอย่างซิ ผมคลุกคลีอยู่กับสุสานและโบราณวัตถุของฟาโรห์ไอยคุปต์มามากมายนับไม่ถ้วนตั้งหลายสิบปีแล้ว "
    ท่านอธิบดีโบราณคดีย้ำแล้วย้ำอีก ก่อนหน้านี้ที่จะเข้าไปรื้อสมบัติตุตันคาเมนจากกรุในพิพิธภัณฑ์บรรจุหีบห่อเป็นพิเศษ ส่งไปแสดงยังลอนดอน...หลังจากที่ท่านทำงานนี้เสร็จไม่กี่วันฟิลิปป์ แวนเดนเบอร์กก็ได้รับข่าวสลดใจกะทันหัน
    ดร.กามาล เมห์เรช อธิบดีวัย 52 ปี ผู้มีร่างใหญ่ แข็งแรง ไม่เคยเจ็บป่วย อยู่ๆก็เป็นลมล้มตึงในห้องทำงาน และเสียชีวิตตั้งแต่ยังไม่ได้นำส่งโรงพยาบาล หมอลงความเห็นว่าหัวใจวายเฉียบพลัน
    มรณกรรมของ ดร.เมเรช อย่างปุบปับหลังจากเข้าไป "รังควาน"สมบัติของตุตันคาเมนเป็นครั้งที่สอง จึงกลายเป็นหัวข้อให้คนที่เชื่อเรื่องลึกลับเอามาร่ำลือกันว่าท่านต้องอาถรรพณ์คำสาปฟาโรห์เข้าให้อย่างช่วยไม่ได้ เลยยิ่งส่งให้ความขลังและอาถรรพณ์ของคำสาปรุนแรงมากขึ้น ตามจารึกในสุสานที่ว่าเป็นปีกแห่งมรณะจะโบยบินมาสังหารผู้รังควานความสงบของพระองค์จริงๆ
    การค้นคว้าหาอดีตอันรุ่งโรจน์ของไอยคุปต์นับเป็นเรื่องที่นักโบราณคดีทุกคนใฝ่ฝัน ตลอดเวลาตั้ง3,000-4,000 ปีของอียิปต์ หลักฐานนอกจากสถาปัตยกรรมอย่างปิรามิดต้องสูญหายไปหมด แต่ที่พวกนี้ยังตามขุดตามค้นกันอยู่ด้วยความหวังที่จะพบโบราณวัตถุตามสุสาน ซึ่งคนอียิปต์โบราณก็นำของมีค่าเหล่านี้ฝังไว้ในที่เก็บศพตามความเชื่อของตน
    ตามประวัติความเป็นมา บริเวณที่นักโบราณคดีสนใจ คือ บริเวณเทือกเขาธีบัน ทางด้านตะวันตกของนครธีบีส อดีตราชธานีของไอยคุปต์ ณ ที่นี้เป็นสถานที่ฝังพระศพของฟาโรห์แห่งราชวงศ์ 18 และ 19 จำนวนมากกว่า 30 แห่ง ในระยะเวลาที่เริ่มมีการขุดค้นนักโบราณคดีชาวตะวันตกคนแล้วคนเล่าพากันมาขุดที่นี่และต่างก็ได้รับความสำเร็จ คือ พบสุสานกับหีบพระศพ ตลอดจนโลงรูปตัวคนอยู่ในสุสานที่นั่นหลายต่อหลายครั้ง
    น่าเสียดายอย่างยิ่งที่ว่าบรรดาสุสานที่ได้พบในครั้งนั้นส่วนมากว่างเปล่าปราศจากทรัพย์สมบัติใดๆ บางแห่งแม้แต่มัมมี่เจ้าของสุสานก็ยังไม่มีในนั้นด้วยซ้ำ เพราะพวกหัวขโมยมันดอดเข้าไปขุดลักสมบัติในนั้นจนหมดไปสิ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะเวลาผ่านมานานมากสุสานก็เลยถูกขโมยซ้ำแล้วซ้ำอีกจนไม่มีอะไรเหลือ
    เหตุฉะนี้ทำให้สุสานตุตันคาเมนโดดเด่นขึ้นมาเหนือการสำรวจครั้งใดๆ ทั้งสิ้นเพราะเมื่อมีการพบสุสาน ทุกคนก็ได้รับรู้ว่าที่พำนักนิทรารมย์ของกษัตริย์หนุ่มองค์นี้กลับเป็นแห่งเดียว ที่ไม่ถูกขโมยพระราชทรัพย์ไปจนหมด
    ยอดนักโบราณคดีผู้โชคดีและเก่งกาจที่สามารถค้นพบสุสานนี้จนได้เป็ฯนชาวอังกฤษชื่อโฮเวิร์ด คาร์เตอร์ ส่วนผู้ริเริ่มและอุดหนุนทุนรอนในการสำรวจครั้งสำคัญที่สุดนี้ได้แก่ขุนนางผู้มั่งคั่งมีชื่อว่า ยอร์ช.อี.เอส.เอ็ม.เฮอร์เบิร์ต เอิร์ล ที่ห้าแห่งคาร์นาวอน ซึ่งทั่วโลกรู้จักกันในนาม ลอร์ดคานาวอน 
    การสำรวจค้นหาสุสานคราวนี้เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1916 ในชั้นแรกทั้งสองไม่แน่ใจว่าจะสำเร็จ เมื่อขุดไปพบคูหาลับในหน้าผาเป็นที่เก็บวัสดุเหลือใช้จากพิธีการฝังศพฟาโรห์ กับพบแผ่นจารึกนามาภิไธย "ตุตันคาเมน"เข้าให้ ความสันทัดจันเจนก็บอกคาร์เตอร์ว่าคงจะมีสุสานของฟาโรห์นาม ตุตันคาเมน อยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งในบริเวณหุบผากษัตริย์นี่แหละ จึงบอกได้ว่าท่านลอร์ดไปตามนั้น เลยทำให้มีกำลังใจขึ้นมาทั้งสองฝ่ายในการที่จะขุดค้นให้พบสุสานของฟาโรห์ซึ่งไม่มีผู้คุ้นเคยองค์นี้
    อย่างไรก็ตาม งานครั้งนี้ก็ใช้เวลานานถึง 6 ปีกว่าจะพบสุสานของยุวราชาในวันที่ 4 พฤศจิกายน 1922 คนงานขาวพื้นเมืองขุดพบบันไดหินทอดลงไปจากระดับพื้นซึ่งอยู่ใต้สุสานของฟาโรห์รามิเซสที่ 6 ลงมาประมาณ 13 ฟุต หลังจากขุดลงไปตามขั้นบันไดจำนวน 16 ชั้น ก็พบประตูปิดสนิทแน่น เมื่อเจาะประตูนี้ออก จึงพบระเบียงทางเดินยาว 10 ฟุต ทอดไปสู่ประตูซึ่งปิดสนิทแน่นอีกบานหนึ่งขวางประตูอยู่ด้านในสุด
    หลังประตูนี้ความลับทั้งมวลของไอยคุปต์เมื่อสามพันปีแอบแฝงอยู่!
    แต่ใช่ว่าเมื่อเปิดประตูนี้จะเจอยห้องเก็บสมบัติหรือห้องบรรจุพระศพเลย กลับพบช่องทางเดินทอดยาวไปในความมืดซึ่งไปสิ้นสุดลงที่บานประตูอันปิดแน่นสนิทอีกบานหนึ่งตรงมุมด้านในสุดเช่นเดียวกับประตูแรกที่พบ
    ประตูนี้เป็นจุดความหวังของคาร์เตอร์และลอร์ดนาวอนให้ลุกโพลง เพราะหน้าประตูนั้นมีตราผนึกปิดแน่นเป็นราชลัญจกรของตุตันนคาเมนประทับไว้ เป็นอันว่าหมดปัญหา สุสานนี้เป็นของยุวราชาตุตันคาเมนแน่นอน
    เบื้องหลังประตูนี้ คือ ที่ซ่อน " สิ่งมหัศจรรย์" ซึ่งคาร์เตอร์ออกอุทานด้วยความตื่นเต้นยินดี เพราะนั่นคือห้องมุขที่เก็บพระราชทรัพ์ของตุตันคาเมนส่วนหนึ่ง ถัดห้องนี้ไปก็เป็นห้องเก็บพระบรมศพ ด้านข้างห้องเก็บพระบรมศพก็มีห้องเก็บสมบัติหรือ "ห้องพระคลังข้างที่'' กับห้องเก็บของเล็กๆ อยู่ติดกับห้องมุขอีกห้องรวมเป็นสี่ห้องแห่งความมหัศจรรย์
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×