ลำดับตอนที่ #24
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : ไกรทอง ตอน20 (แก้ไข)
มนุษย์นี่หน่าช่างน่ารำคาญเสียจริงเชียว นิสัยที่ชอบสอดรู้เรื่องผู้อื่นเขาไปทั่ว อยู่ว่างๆไม่ได้ต้องนินทาเรื่องคนนั้นที คนโน้นทีไปเรื่อยๆไม่มีวันจะหยุดพูด.....อย่างเช่นเรื่องของไม้ที่กลับมาเป็นขี้ปากของชาวบ้านอีกครั้ง หลังจากกลับมาอยู่บ้านได้ไม่นาน
....จากที่รู้สองคนก็ขยับขยายเป็นสาม สี่ ห้า ไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็รู้กันไปทั้งหมู่บ้าน บ้างเสียงก็เล่าว่าที่นิสัยเด็กหนุ่มเปลี่ยนไปเพราะอกหัก อีกด้านหนึ่งหาว่าโดนผีเข้า หนักหน่อยก็จะเป็นไปติดสาวบ้านอื่นจนถูกไล่ตะเพิด จนกลายเป็นเรื่องสนุกปากประจำหมู่บ้านไป
อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ
ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน
แค่องค์พระปฎิมายังมีราคิน
คนเดินดินหรือจะสิ้นคนนินทา
...นี่ล่ะน้าธรรมชาติของมนุษย์ต้องมีเสียงติฉินนินทาผู้อื่นไม่รู้จักจบจักสิ้น เรื่องนี้เข้ามา เรื่องโน้นเข้ามา มีพูดกันไม่หยุดปาก จนเขาอยากจะรู้นักว่าถ้าคนพวกนี้ไม่สอดรู้เรื่องคนอื่นแล้วมันจะลงแดงตายหรือไง...
“มีเรื่องอะไรจะพูดจงรีบพูดออกมาไม่ใช่มาจ้องเอา จ้องเอาแบบนี้ เกิดข้าเป็นปลากัดขึ้นมาเดี๋ยวได้ท้องกันพอดี”
...อย่าว่าแต่พวกมนุษย์เลย ขนาดไอ้กุมภีร์ตัวหนึ่งที่นั่งเลี้ยงไก่ชนอยู่ข้างๆกัน มันก็ชอบเสือกเรื่องของคนอื่นเขาเหมือนกัน....คงเป็นเพราะส่งมันไปเป็นหน่วยสอดแนมอยู่บ่อยๆเลยได้นิสัยอยากรู้อยากเห็นติดกลับมาด้วย
‘งานหน้าส่งเจ้านี่ไปเป็นหน่วยรบแนวหน้าดีกว่า เผื่อนิสัยแบบนี้จะหายไปจากตัวสักที’
“ถ้าเอ็งเป็นปลากัดจริงข้าไม่ยอมเสียลูกกระตาจ้องให้เอ็งท้องหรอกโว้ย! บรึ๋ย!พูดมาได้”
ชายหนุ่มร่างหนาแหวใส่เพื่อนด้วยท่าทีขนลุกชันและน้ำเสียงหวาดผวากับความคิดพิเรนเยี่ยงนี้.....มีอย่างที่ไหนมาเปรียบกุมภีร์เป็นปลากัด...ข้ากะเอ็งมันพันธุ์ระดับพญานะโว้ย! ไม่ใช่พันธุ์กิ้งก่า กิ้งกือทั่วไป... แหม่ พูดซะเสียหายหมด
“เอาล่ะมีอะไรพูดมา ไม่ใช่มานั่งอุ้มไก่ชนด่าข้าอยู่ในใจแบบนี้”
พอเจอคำพูดนิ่งๆดักคอ เพื่อนร่างหนาก็พาลหมดอารมณ์ยอมพูดสิ่งที่ใจคิดออกมาให้อีกฝ่ายรับฟัง
“ชาละวัน...เอ็งจริงใจกับมนุษย์พวกนี้มากแค่ไหน?”
“เหตุใดต้องจริงใจกับมนุษย์เหล่านี้ด้วยเหล่า ในเมื่อพวกมันเกิดมาเพียงเพื่อเป็นหมากเบี้ยให้ใช้ประโยชน์เท่านั้น หาได้มีค่าสำคัญอันใดกับข้าถึงขนาดนั้น” ชายหนุ่มหน้าตางดงามวางมือจากการสานไก่ หันมาเผชิญหน้ากับเพื่อนสนิท
ในตอนแรกเขาคิดอยากขอร้องเพื่อนสักเรื่องหนึ่งแต่ไม่กล้าเอ่ยปากขอ ด้วยเกรงว่าจะเสียงานใหญ่แต่หลังจากที่นอนก่ายหน้าผากครุ่นคิดมาหลายคืน เขาเลยอยากขอลองเสี่ยงดูสักหน่อย เผื่อว่าชาละวันอาจเริ่มมีใจผูกพันกับพวกมนุษย์เหล่านี้ จนให้ได้ในสิ่งที่เขาต้องการ
“สำหรับมนุษย์ผู้อื่นข้าไม่ค่อยสนใจหรอกแต่สำหรับบางคน...ข้าขอให้เอ็งละเว้นสักสองสามคนเท่านั้นก็พอ”
“เอ๋!?นี่ข้าฟังผิดไปหรือปล่าว...ที่ได้ยินท่านขุนศึกใหญ่อย่าง ‘ท่านคณัสนันท์’ เอ่ยปากขอร้องข้าเพื่อมนุษย์ตั้งสามคน?...อ๋อ!ให้ข้าเดาคงจะเป็นไกรทอง ทองดำ และ.......”
สายตายิ้มเยาะของคนรู้เท่าทันทำเอานันหรือคณัสนันท์ถึงกับหนาวสันหลังวูบเป็นวัวสันหลังหวะ...ไอ้นี่มีเรื่องไหนบ้างว่ะที่ไม่รู้บ้าง
เฮ้อ! ถ้าไม่ใช่เพราะคำขอร้อง...หรือต้องบอกว่าถูกบังคับน่าจะดีกว่า ข้าคงไม่เอากระดูกมาแขวนคอให้หนักเล่นหรอก.....เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกมาแขวนคอ ‘อยากเปลี่ยนตัวกับคนอื่นโว้ย! ใครก็ได้มาอยู่ตรงนี้แทนกูที’
ชาละวันเกิดความรู้สึกแขยงไปทั้งตัว เมื่อตนเองต้องมาถูกชายหนุ่มร่างสูงหนาอย่างคณัสนันท์เที่ยวคอยส่งสายตาอ้อนวอนมาให้และยิ่งทวีเพิ่มขึ้นราวกับบอกเป็นนัยๆว่า มันจะไม่ยอมหยุดทำกิริยาเช่นนี้จนกว่าเขาจะตกลง
พญากุมภีร์หนุ่มนึกคำด่าแช่งชักอยู่ในใจ ‘ให้ตายเถอะ...ถ้าคนอื่นมาทำสายตาอ้อนๆข้าก็ยังจะพอรับไหว ยกเว้นเจ้านี่ที่ข้ารู้สึกแขยงไปทั้งตัวกับสายตาของมัน...อย่าให้รู้นะว่าใครหน้าไหนมันกล้าสอนกลยุทธ์ทำสายตาหวานเชื่อมให้กับเจ้านี่ เพราะถ้าข้ารู้นะ...ข้าเอามันผู้นั้นตายแน่ ’
หากท้ายที่สุดชาละวันก็จำใจยอมรับความพ่ายแพ้พยักหน้าตกลงต่อคำเรียกร้องของไอ้เพื่อนรัก แต่ยังมิวายมีข้อแม้ให้อยู่ดีว่า...“ยกเว้นแค่ไกรทองเท่านั้นที่ข้าจะไม่ปล่อยให้หลุดมือเพราะพ่อของมันพ่อข้าถึงต้องตาย ฉะนั้นมีแค่มนุษย์ผู้นี้เท่านั้นที่ข้าจะไม่รับปากทำตามที่เอ็งขอร้อง”
นันเอาไก่ชนส่งเข้าสุ่มให้เรียบร้อยก่อนจะลุกขึ้นยืนโปรยให้ข้าวเปลือกตบท้าย
“แต่ข้าเห็นเอ็งเอ็นดูน้องเขาดีนี่หว่า...เอ็งไม่รู้สึก......”
เพื่อนพูดยังไม่ทันจบชาละวันก็รีบเอ่ยแทรกทะลุขึ้นมากลางปล้อง ด้วยรู้ดีว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรออกมา “ข้าแค่หลอกให้ตายใจเท่านั้นไม่มีความรู้สึกใดๆทั้งสิ้น”
ใช่...ไม่มีความรู้สึกอื่นนอกจากคำว่าแก้แค้น...แก้แค้นให้สาสมกับสิ่งที่พ่อมันเคยทำเอาไว้ในอดีต
“น่าเสียดายที่ขุนไกรตายไปแล้วเพราะฉะนั้นผู้ที่ต้องรับกรรมต่อต้องเป็นไกรทองลูกชายของมัน”
นันที่ยืนให้อาหารไก่อยู่ข้างๆนึกหนักใจถึงแรกเริ่มจะคอยเป็นสายส่งข่าวให้ ทำงานให้แต่เมื่อได้เห็นน้ำใจและมิตรภาพของมนุษย์เหล่านี้ย่อมต้องเกิดความผูกพันเป็นธรรมดา...ข้าคงได้แต่หวังปาฏิหาริย์เท่านั้นที่จะเปลี่ยนความแค้นของเจ้าหมอนี่ให้หมดไปจากใจได้โดยไม่มีการทำร้ายใครให้เจ็บปวด
“พี่ชาละวัน พี่นัน”
และปาฏิหาริย์คงจะมีจริงดังเขาว่าไว้ เพราะทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกของไกรทอง ไอ้แววตาแข็งกร้าวมาดร้ายก็เกิดปรับเปลี่ยนเป็นความอ่อนโยนอย่างรวดเร็ว...เอ็งไม่เคยรู้ตัวเลยสินะว่าไอ้หน้ากากที่มักชอบสวมใส่อยู่มันแฝงไปด้วยอารมณ์และความรู้สึกจริงๆไม่ใช่การแสแสร้งอยากที่เอ็งเคยเข้าใจ...เมื่อไรจะรู้หัวใจตัวเองเสียทีนะชาละวัน
“ขอโทษนะที่ฉันเข้ามากวนเวลาทำงานของพวกพี่ทั้งสองคน”
“ไม่หรอกจ๊ะ...น้องไกรทองมีอะไรกับพวกพี่รึ?” ชาละวันละมือจากงานสานซุ่มไก่มายืนคุยกับไกรทองด้วยยิ้มอ่อนโยนทั้งน้ำเสียงและแววตา ไม่ใช่ท่าทีแสแสร้งอย่างที่ตนเองเข้าใจเลยสักนิด
“เห็นว่าพรุ่งนี้ลุงคำจะมีการเกณฑ์คนงานบ้างส่วนไปช่วยกันเกี่ยวข้าวที่นา เห็นว่าได้ค่าแรงดีแต่งานมันค่อนข้างจะหนักหน่อยพวกพี่สนใจจะไปทำกันไหมจ๊ะ? เพราะฉันจะแจ้งจำนวนคนที่ไปทำงานถูก”
“ถ้าน้องไกรทองไปพี่ก็ไปจ๊ะ”
มุขหยอดคำหวานที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมาทำเอาไกรทองถึงกับต้องสะอึก...แม้ทุกวันนี้เขาจะชอบใจสั่น ใจเต้นกับชายรูปงามตรงหน้าเป็นประจำจนเกือบกลายเป็นนิสัยปกติ หากเมื่อพอได้ชิดใกล้กันไปนานๆเข้าบ้างครั้งเขาเริ่มนึกไม่แน่ใจกับอะไรในหลายๆอย่างที่ได้รับมา อาจเป็นเพราะพี่ชายคนนี้มีนิสัยแสนดีเกินไป จนเขารู้สึกไม่น่าไว้ใจไม่กล้าเข้าใกล้ชิดมากนัก
‘แม้จะยกหาเหตุผลข้ออ้างต่างๆขึ้นมาให้ดูดี หากเขาก็รู้ใจตัวเองดีว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ต้องถอยห่างออกมา เพื่อรักษาระยะห่างระหว่างกัน’
เด็กหนุ่มพยายามปรับสีหน้าให้สงบนิ่งเป็นปกติดึงความเข้มแข็งในฐานะลูกผู้ชายออกมา...มีแต่วิธีนี้เท่านั้นที่พอจะต้านทานเสน่ห์ของอีกฝ่ายได้
“สรุปว่าพี่ชาละวันจะไปช่วยงานที่นา...แล้วพี่นันล่ะจะไปด้วยกันไหม?”
น้ำเสียงที่เด็กหนุ่มกล่าวออกมาแม้จะฟังดูราบเรียบ แต่มีรึเขาจะฟังไม่ออก...หึ! เก่งไม่หยอกเลยเจ้าเด็กคนนี้นึกว่าจะเป็นเหมือนคนอื่นๆเสียอีก...สงสัยเขาคงต้องเพิ่มเสน่ห์ของตัวเองให้มากกว่าอีกสักหน่อย ไม่อย่างนั้นเหยื่อที่อุตส่าห์จับมาได้ก็หลุดหนีหายไปกันพอดี
“ข้า......”
“พี่นันนะไปแน่ ยกเว้นพี่ชาละวันเท่านั้นที่ยังต้องอยู่ช่วยงานที่บ้านต่อไปจ๊ะพี่ไกร”
เสียงแหลมคุ้นหูดังทะลุขึ้นมากลางปล้อง ซึ่งครั้งนี้เจ้าหล่อนไม่พูดปล่าวยังถือโอกาสกอดท่อนแขนแกร่งของชาละวันเอาไว้อย่างถือวิสาสะเช่นเคย.....จนชายหนุ่มนึกอยากไล่ตะเพิดตระเภาทองไปเสียให้พ้นหูพ้นตาเขานัก
...นี่ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งสำหรับผู้ที่ตกหลุมบ่วงเสน่หาของเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น...ดูสิ จากที่เคยเรียบร้อยมีความเป็นสตรีครบถ้วนกลับมาทำตัวไม่ต่างจากผู้หญิงต่ำๆที่เที่ยวคอยเสนอตัวให้ผู้ชายอย่างไร้ศักดิ์ศรี ถ้าไม่เห็นว่ายังพอมีประโยชน์อยู่บ้างสำหรับในอนาคตข้างหน้า สตรีเช่นนี้ไม่เคยมีความสำคัญในสายตาเขานักหรอก
แม้ในใจจะคิดดูแคลนแต่ชาละวันก็ยังคงสวมใส่หน้ากากยิ้มแย้มไม่ว่ากล่าวตักเตือน ช่างผิดด้านกับตระเภาแก้วที่ยอมเสียมารยาทกระชากตัวน้องสาวให้แยกห่างออกมา...
หญิงสาวโกรธน้องสาวมากที่กล้าทำกิริยาน่าอายออกไปโดยไม่นึกถึงหน้าพ่อกับแม่ว่าจะรู้สึกเศร้าใจแค่ไหนกับการกระทำอันน่าละอายเช่นนี้ ‘ทำไมถึงชอบทำตัวแบบนี้ยังดีนะที่ตรงนี้มีแค่พวกพี่ชายสามคนเท่านั้น ไม่อย่างนั้นเรื่องงามนี้เช่นนี้ต้องถูกเล่ากันสนุกปากแน่ๆ’
“อะไรกันพี่แก้วมากระชากกันแบบนี้ได้ยังไง” แฝดคนน้องส่งเสียงเฮ้วไม่พอใจกับการกระทำของพี่สาว
“ทำตัวดีๆนะน้องทอง”
ตระเภาแก้วกระซิบเตือนข้างหูน้องสาวเสียงแข็ง ก่อนจะปล่อยมือไหว้พี่ชายทั้งสามตามมารยาทด้วยกิริยาชดช้อยดั่งเช่นสตรีผู้ที่ซึ่งอบรมมาดี
“พี่ไกรคงจะมาบอกพวกพี่แล้วเรื่องงานเกี่ยวข้าว เพราะพ่ออยากได้คนแข็งแรงสู้งานหนักๆได้อย่างพี่ชายทั้งสองไปช่วยงานจริงๆ....พี่นันกับพี่ชาละวันสะดวกจะไปช่วยงานไหมจ๊ะ?”
ทั้งๆที่เสียงพูดฟังดูน่าฟังแต่สำหรับคณัสนันท์กับชาละวัน ภายใต้คำพูดนิ่มนวลอ่อนหวานฟังดูแข็งๆห้วนๆ และเต็มไปด้วยการคุกคามชอบกล เพราะแม้ปากจะยิ้มแย้มแจ่มใสแต่แววตากลับดูนิ่งสงบไม่ยิ้มตามเลยสักนิด... สตรีผู้นี้น้ำนิ่งไหลลึกจริงๆ
“ต้องไม่สะดวกอยู่แล้วพี่ชาละวันเพิ่งมาทำงานได้ไม่นานไปทำงานหนักอย่างนั้นไม่ไหวหรอก!”
ตระเภาทองรีบเอ่ยปากค้านเสียงหนักแน่น ไม่พอใจกับการตัดสินใจของพ่อและพี่สาว หากพี่ชาละวันตกลงไปทำงานเกี่ยวข้าวที่นาจริงๆ โอกาสที่จะเข้าหาชายหนุ่มเพื่อทำความสนิทสนมคงยากขึ้นมากกว่าเดิม
‘ข้าไม่ยอมเด็ดขาด ถ้าต้องแยกห่างจากพี่ชาละวันแบบนี้’
ถึงจะมีเสียงร้องคัดค้านดังข้างหูซึ่งชาละวันหาสนใจไม่ เพราะสิ่งเดียวที่เขาสนใจในตอนนี้มีแค่สีหน้าวิตกกังวลของคนข้างๆเท่านั้น ฉะนั้นไอ้เสียงแจ๋นๆข้างหูเขาจึงไม่คิดใส่ใจให้เสียเวลา...
“นัน...เอ็งว่าไง?”
เมื่อเพื่อนรักโยนกลองมาให้ชายร่างกำยำก็ร้องรับด้วยการหยักไหล่แสร้งทำเป็นไม่สนใจ “ถ้าเอ็งไม่มีปัญหาข้าก็ไม่มีเหมือนกัน”
คนอื่นนะไม่มีปัญหาแต่สำหรับตระเภาทองนะมีปัญหาแน่ โดยเฉพาะสายตาห่วงใยของชายหนุ่มรูปงามที่เทียวส่งให้กับพี่ชายที่เจ้าหล่อนให้ความสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก ทำให้หญิงสาวเกิดอาการระแวดระวังขึ้นมาทันทีตามสัญชาตญาณของผู้หญิง
“แล้วงานของพ่อล่ะ พี่ชาละวันจะทำยังไง ปล่อยทิ้งค้างไว้เช่นนี้เหรอจ๊ะ”
“ไม่ต้องห่วงน้องทองพ่อได้จัดหาคนมาทำหน้าที่เหล่านี้แทนแล้วจ๊ะ ฉะนั้นพวกพี่ไปช่วยเกี่ยวข้าวได้อย่างสบายใจหายห่วงแล้วนะจ๊ะ” ตระเภาแก้วรีบชี้แจงทางแก้ไขที่ถูกเตรียมให้ชายหนุ่มทั้งสองและน้องสาวฟัง
ชาละวันยิ้มเยาะในใจกับคำกล่าวที่เตรียมการมาดีของหญิงสาวคนสวย
‘เศรษฐีคำคงเตรียมการทุกอย่างไว้พร้อมเสร็จสรรพ เพราะนอกจากจะเขาให้ไปอาศัยอยู่กับน้องไกรทองเพื่อป้องกันเรื่องเสื่อมเสีย มาตอนนี้ก็ยังหาทางส่งเขาไปทำงานให้ห่างจากลูกสาวอีก.....ไม่น่าแปลกใจเท่าไรด้วยตลอดเวลาที่ทำงานอยู่ที่นี่ สตรีนางนี้มักชอบอาศัยความเป็นเจ้าบ้านเข้ามาเกาะแกะเขาอยู่ตลอดเวลา จนคนในครอบครัวเริ่มร้อนใจกลัวลูกสาวจะมีเรื่องให้ถูกครหาสินะ’
แต่ใครจะคิดเช่นใดก็ช่าง เขาเก็บมาใส่ใจให้หนักหัวรกสมองตัวเองหรอก ดีเสียอีกที่สามารถกำจัดแมลงน่ารำคาญห่างตัวไปได้โดยไม่ต้องลงมือเองให้เหนื่อย
“เช่นนั้นพรุ่งนี้พวกพี่ขอลงไปทำงานที่นาเลยนะ”
“แล้วแต่พวกพี่จะสะดวกเลยจ๊ะ...น้องทองเราเสร็จธุระแล้วขึ้นบ้านกันเถอะ”
ตระเภาแก้วรีบจูงมือน้องสาวจะพาเดินกลับขึ้นเรือนไม่เปิดช่องให้อ่อยอิ่งอยู่นานนัก ตระเภาทองเลยเกิดอาการไม่พอใจสะบัดแขนเร่าๆ เอ่ยปากอาละวาดไม่ยอมกลับไปพร้อมพี่สาวเด็ดขาด ด้วยการกระทำที่ขาดสติทำให้กิริยาและคุณสมบัติของสตรีที่ควรพึงรักษาไว้ได้หล่นหลุดหายไปทันที
“ปล่อยน้องพี่แก้ว!ปล่อย!”
พอไกรทองจะเข้าไปช่วยเกลี่ยกล่อมก็โดนชาละวันดึงตัวไว้ไม่ให้เข้าไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่น เพราะเรื่องเช่นนี้สมควรปล่อยให้คนในบ้านเขาจัดการกันเอาเองจะเหมาะสมกว่า
ตระเภาแก้วไม่พูดจาอะไรออกมาให้มากความนอกจากบีบมือน้องสาวไว้แน่นแล้วจิกเล็บลงบนเนื้อเนียนเป็นเชิงเตือนให้รู้สึกตัว ทั้งๆที่ในใจของนางนั้นทั้งโกรธและอับอายจนไม่กล้ามองหน้าชายหนุ่มทั้งสามคนให้เสียหน้า ยิ่งโดยเฉพาะกับพี่ไกรทองหญิงสางยิ่งไม่กล้าหันไปมอง...เหตุใดน้องทองถึงเปลี่ยนนิสัยกลายเป็นสตรีเช่นนี้ได้นะ ถ้าหากพ่อกับแม่รู้เข้า ท่านทั้งสองจะต้องโกรธมากแน่ๆ
ส่วนตระเภาทองเมื่อเจอสัญญาณเตือนจากพี่สาว อาการเอาแต่ใจจึงค่อยๆสงบลงไม่กล้าแผลงฤทธิ์ขึ้นมาอีก แล้วเดินตามขึ้นเรือนไปแต่โดยดีไร้ซึ่งการขัดขืน...หญิงสาวรู้ดีแม้ปกติพี่สาวฝาแฝดคนนี้เห็นเป็นกุลสตรีเรียบร้อย อ่อนหวาน หากบทจะโกรธหล่อนก็สามารถกลายร่างแม่เสือสาวให้ผู้อื่นกลัวได้ไม่ยากเลย
เมื่อหลังจากพายุลูกใหญ่ผ่านพ้นไปความสงบได้กลับคืนมาสู่สามหนุ่มสองวัยอีกครั้งหนึ่ง...คณัสนันท์หันไปถามเด็กหนุ่มคนเดียวที่รู้เรื่องเกี่ยวกับสองศรีพี่น้องดีกว่าใครเพื่อน
“น้องแก้วเป็นคนน่ากลัวขนาดนี้เลยรึ?”
“นานๆครั้งจ๊ะพี่นันเพราะปกติแล้วน้องแก้วจะเป็นคนใจเย็นไม่ค่อยโกรธใคร ฉะนั้นเวลาโกรธขึ้นมาเลยมักจะเป็นแบบที่พวกพี่เห็นนั่นแหละ...แต่ครั้งนี้เป็นแบบเบาะๆนะยังไม่ถึงกับกลายร่างเป็นแบบแม่เสือ ขอบอกพี่ทั้งสองคนไว้ก่อนเลยนะ.....สามคำสั้นๆ...น่ากลัวมาก”
ชาละวันสบตากับนันแบบรู้กันสองคน ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงานของตัวเองให้เสร็จเรียบร้อย
“งั้นพี่ขอสานสุ่มไก่ให้เสร็จก่อนแล้วกัน จะได้ไม่เหลืองานค้างไว้ให้คนอื่นต้องลำบากมาทำต่อ”
ไกรทองอาศัยจังหวะที่นันเผลอรีบพูดเอ่ยลาชาละวันอย่างรวดเร็ว จนลิ้นแทบพันกันด้วยใบหน้าแดงกร่ำจรดใบหู
“พี่นันฉันไปนะ…พี่ชาละวัน...น้อง...น้องไกรทองไปทำงานกับทองดำทางด้านโน้นต่อนะ...ตั้งใจทำงานเข้าล่ะ”
พูดเสร็จไกรทองก็รีบโกยอ้าวเผ่นหนีไปชนิดไม่เห็นฝุ่น...ฮือๆไม่น่าแพ้ลูกอ้อนพี่ชาละวันจนต้องยอมรับปากเรียกพี่ชาละวันกับน้องไกรทองเลย
“ไปเป็นพี่เป็นน้องกันตอนไหนว่ะท่านท้าวชาละวันผู้ยิ่งใหญ่” ชายร่างใหญ่เงยหน้าจากไก่ชนมองคนรูปงาม แล้วหันไปมองแผ่นหลังที่เห็นอยู่ลิบๆของเด็กหนุ่ม
“ตอนนั้นแหละ” ชาละวันส่งยิ้มให้เพื่อนรักเสียจนหวานหยดย้อย ทำเอาคณัสนันท์ถึงกับขนแขนลุกชันด้วยความกลัวกับรอยยิ้มแสแสร้ง ที่แม้จะเห็นอยู่บ่อยครั้งแต่ก็ยังไม่ชินตาสักที
“เออๆระวังอย่าให้ยัยสองสาวนั่นรู้ก็แล้วกันไม่งั้นมีหวังน้องไกรทองของเอ็งโดนยาวแน่”
ขี้เกียจเตือนเจ้านี่แล้ววุ้ย...จะปากแข็งบอกว่าเกลียด จะลงมือกลั่นแกล้ง จะทำอะไรก็แล้วแต่เอ็งล่ะกัน ส่วนข้าคงต้องขอดูและช่วยเหลืออยู่ห่างๆแล้วกัน ไม่อยากเดือดร้อนไปมากกว่านี้อีกแล้ว
...กูจะคอยดูว่าถ้าหากวันไหนที่พญากุมภีร์เช่นเอ็งยอมรับหัวใจตัวเองแล้วว่ามีใจให้มนุษย์ที่ปากบอกว่าเกลียดนัก เกลียดนาแล้วล่ะก็...
กูขอสาบาน
ว่าวันนั้นกูจะขอหัวเราะใส่หน้าเอ็งดังลั่นไปสามวัน เจ็ดวันให้เสียงดังไปทั่วทั้งคุ้งน้ำเลยโว้ย
จำคำกูเอาไว้ให้ดี
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น