คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #29 : ไกรทอง ตอนที่ 25
ท้าวรำไพนั่งยิ้มละไมมองหน้าเจ้าหลานชายตัวดีที่มักจะชอบหนีหายหน้าอยู่เสมอเป็นอาจิณ
มานั่งยิ้มประจบน่าเอ็นดูให้กับเขาถึงสถานที่บำเพ็ญเพียรแห่งนี้
“สงสัยวันนี้อากาศจะแปรปรวน
เกิดอาเพศให้ผู้คนตกใจที่หลานมาหาเยี่ยมเยียนปู่ถึงที่นี่ด้วยตนเอง ไม่ต้องลำบากให้ข้ารับใช้ไปตามตัว”
เพราะนิสัยของเจ้าหลานชายตัวดีผู้นี้
มันมีนิสัยเสียติดตัวอยู่อย่างนึงที่แก้ไม่หายสักที ก็คือชอบหายตัวไปไหนมาไหนไม่ยอมบอกกล่าว ซึ่งบทนึกจะโผล่ก็โผล่มาเหมือนขอมดำดิน บทจะหายหน้าไปก็หายไปกับสายลม ผลุบๆโผล่ๆตามใจตัวเองจนเขาชินเสียแล้ว
“ท่านปู่กล่าวหาหลานเกินไปนะขอรับ
พอดีช่วงนี้มีแต่เรื่องยุ่งยากให้สะสางหลานจึงหายหน้าไป ไม่มีเวลามาพูดคุยบ่อยๆเหมือนแต่ก่อน”
ใบหน้างดงามที่แต่งแต้มด้วยรอยยิ้มสดใสและเสียงนุ่มนวลอ่อนหวานน่าฟังอันเป็นเอกลักษณ์ของหลานรัก ทำให้กุมภีร์วัยชราอดไม่ได้ที่จะหวนคิดถึง
เจ้าลูกจระเข้ตัวน้อยๆที่เพิ่งจะฟักออกจากไข่มาลืมตาดูโลกเมื่อวันวาน
ได้เติบใหญ่ขึ้นมาเป็นพญากุมภีร์ผู้งามสง่า ไม่ทิ้งเชื้อทิ้งแถวปู่กับพ่อมันจริงๆ
ผมดำขลับเรียบลื่นเป็นประกายยาวจรดสะโพกถูกประดับด้วยเครื่องทองลายวิจิตรงดงามฝีมือชั้นครู
เชกเช่นเดียวกับอาภรณ์ชั้นเลิศที่สวมใส่อยู่ก็ถูกทักถอมาจากไหมพิเศษนุ่มลื่นผสมเข้ากับด้ายทองคำแท้ ลวดลายบนตัวผ้าก็ปักด้วยดิ้นเงิน ดิ้นทอง
ซึ่งพอมาอยู่บนกายของชาละวันแล้ว.....อา....ชายหนุ่มช่างดูงดงาม ดูเปล่งประกาย
มีสง่าราศีเจิดจ้า
ดึงดูดให้สายตาของใครต่อใครจับจ้องมาจนไม่อยากละสายตาไปที่ใดได้อีก
ด้วยเพราะท้าวรำไพอยู่ในสถานะนักบวช
ในสถานที่บำเพ็ญเพียรแห่งนี้จึงไม่มีเครื่องเรือนภายในมากนักนอกจากของใช้จำเป็น ชาละวันจึงต้องนั่งพับเพียบคุยสนทนากับผู้เป็นปู่
แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนหรือขัดข้องที่ต้องมานั่งกับพื้นเช่นนี้
“หลานไม่ได้มาพูดคุยกับท่านปู่เสียนาน
หลานจึงอยากจะรู้ว่าท่านปู่สบายดีหรือไม่ขอรับ มีสิ่งใดต้องการเพิ่มเติมอีกหรือไม่ขอรับ หลานจะได้จัดหามาให้ครบถ้วน”
“
ปู่สบายดีขอบใจนะที่เป็นห่วง
ส่วนเรื่องข้าวของเครื่องใช้หลานไม่ต้องหามาเพิ่มให้ปู่หรอกนะ มีแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว”
สองปู่หลานต่างฝ่ายต่างเงียบ
ต่างฝ่ายต่างจ้องตากันไม่มีผู้ใดยอมละสายตาไปจากกัน
...คนเป็นปู่มีหรือจะไม่รู้เท่าทันนิสัยของคนเป็นหลาน
“หลานคิดว่ามันคุ้มกันแล้วใช่ไหม?
กับการตัดสินใจในครั้งนี้”
...คนเป็นหลานมีหรือไม่รู้ความคิดของคนเป็นปู่
“หากเป็นการทำเพื่อท่านพ่อ หลานก็คิดว่ามันคุ้มขอรับท่านปู่”
“หลานมั่นใจ”
“ขอรับ”
เสียงตอบรับที่หนักแน่นและแววตาที่มั่นคง ทำให้ท้าวรำไพถึงกับต้องถอนหายใจออกมากับความดื้อแพ่งไม่ยอมปล่อยวางของหลานรักที่ดันทุรังจะทำสงครามทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามให้ได้ แม้จะทำเป็นลืมตาข้างหนึ่งปิดตาข้างหนึ่งเรื่องนี้มานานหลายปี
แต่ครั้งนี้ท่านจำเป็นต้องเตือนสติหลานชายเอาไว้ ด้วยเกรงว่าหลานอาจจะพลาดพลั้งพ่ายแพ้ให้กับศัตรูจนต้องสังเวยชีวิตหรือไม่ก็.....
“คิดจะทำสิ่งใดหลานควรตริตรองให้รอบคอบ ชีวิตคนไม่ใช่หมากเบี้ย...อย่าดึง ‘เขา’ ให้มาเดือดร้อนเพราะสงคราม
ปล่อยให้เขาได้อยู่อย่างสงบตามเส้นทางชีวิตที่ควรจะเป็นเถิดนะ”
“หลานเดินหมากมาไกลเกินกว่าจะถอยกลับ...หลานจะไม่ยอมอยู่ในที่แจ้งรอให้ศัตรูมาทำร้ายเหมือนอย่างที่พ่อเคยทำ...หลานไม่ยอมปล่อย
‘พวกมัน’ ไปเด็ดขาด
และหลานก็จะไม่ยอมปล่อยมือจาก ‘เด็กนั่น’ ด้วย เขาเป็นของหลาน ”
หือ?
เด็กนั่นงั้นรึ...เชื้อไม่ทิ้งเจ้าลูกชายตัวดีจริงๆ....พวกนิยมเคี้ยวหญ้าอ่อน
“ถ้าเช่นนั้นปู่ก็จะทำเป็นไม่รู้เรื่องต่อไปแล้วกัน
ดูแลดวงใจของหลานให้ดีแล้วกันเพราะศัตรูจะไม่ปล่อยให้เด็กนั่นอยู่อย่างสงบสุขต่อไปแน่”
ชาละวันฟังคำสับยอกของปู่แล้วเกิดคิ้วกระตุกไม่กล้าสบตาด้วยอีกต่อไป ‘ไม่น่าเปิดช่องให้ท่านปู่รู้เลย งานนี้โดนล้อจนแก่แน่ๆ’
“เอาล่ะเปลี่ยนเรื่องคุยกันดีกว่านะ ไหนๆหลานก็มาปู่ทั้งที
ปู่ก็มีเรื่องสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่อยากจะคุยกับหลานมานานแล้ว”
“เรื่องใดรึขอรับ?”
“รับหน้าที่ทำงานแทนปู่มานาน
ไม่คิดอยากได้อำนาจการปกครองแบบเต็มตัวมาไว้ในมือรึ?”
เมื่อคนอยากให้เอ่ยปากพูดมาอย่างนี้
“อยากได้ขอรับ...แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้”
“ยังไม่ใช่ตอนนี้งั้นรึ?”
“เมื่อก่อนหลานเคยต้องการเพียงแค่อำนาจที่อยู่เหนือเหล่าจระเข้
หลานไม่เคยสนใจว่าบนทางเดินการก้าวขึ้นสู่บัลลังค์จะต้องเหยียบหัวใคร
ใช้ประโยชน์จากผู้อื่นไปมากน้อยแค่ไหน แต่ความกระหายเหล่านี้ก็ได้ลดทอนลงไปเมื่อหลานได้พบกับคนบนนั้น...คนที่หลานอยากอยู่ไปด้วยกันตลอดชีวิต
คนที่ทำให้หลานต้องผิดคำสาบานที่เคยให้ไว้กับดวงวิญญาณของพ่อว่าจะแก้แค้น....”
ท้าวรำไพอดที่จะประหลาดใจไม่ได้เมื่อได้ยินน้ำเสียงและแววตาที่เต็มไปด้วยความสับสนของเจ้าหลานชาย เพราะตั้งแต่เกิดโศกอนาตกรรมในครั้งนั้น
ชาละวันก็เปเลี่ยนเป็นคนมุ่งมั่น เด็ดขาด
จนดูคล้ายก้อนหินไร้ซึ่งจิตใจ
ไร้ซึ่งความรู้สึก
ไม่ทางเลยที่จะว่อกแว่กหรือแสดงความไม่มั่นใจในการตัดสินใจออกมาให้เห็น
ทำให้ข้าชักอยากจะเห็นหน้า
‘เด็กนั่น’
ขึ้นมาเสียแล้วสิ ....คงเก่งไม่เบาที่สามารถเปลี่ยนชาละวันให้กลับมามีชีวิตจิตใจได้เหมือนจระเข้ปกติทั่วไป
“ปู่ว่าก็ดีออกนะที่หลานรักของปู่จะมีคนที่รักอยู่เคียงข้างกาย
ถ้าโคจรรู้เรื่องนี้เข้าจะต้องร้องเร่าๆอยากเห็นหน้าว่าที่ลูกสะใภ้ในอนาคตแน่ๆ”
ไม่แค่ร้องว่าอยากเห็นหน้าหรอก
คงจะตามตื้อล้อมหน้าล้อมหลังลูกชายตัวเองอยากให้พามาแนะนำตัว
ดีไม่ดีอาจจะแอบดอดขึ้นไปดูว่าที่ลูกสะใภ้จนต้องเสียเวลาไปลากคอมันกลับมาให้อับอายขายขี้หน้าลูกน้อง
“ท่านปู่คิดว่าพ่อจะดีใจจริงหรือขอรับ?”
“แน่นอนก็ปู่เป็นพ่อของพ่อหลาน ย่อมรู้ใจเจ้าโคจรดีกว่าใคร”
เมื่อได้ยินคำยืนยันจากปู่ที่เคารพ ชาละวันจึงค่อยรู้สึกโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
แต่ถึงเช่นไรแผนการในการกำจัดศัตรูยังคงต้องดำเนินต่อไป เพียงแค่ปรับเปลี่ยนแผนนิดหน่อยเพื่อปกป้องคนสำคัญให้ปลอดภัยจากกลุ่มคนอันตรายพวกนั้น
“คนของเจ้ายังไม่รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของหลานใช่ไหม?”
“ขอรับ
หลานแค่รอเวลาให้เรื่องทุกอย่างเรียบร้อยถึงจะเปิดเผยตัว....ไม่ใช่สิ หลานแค่รอให้ เด็กนั่น
มีชีวิตอยู่คนเดียวไม่ได้ถ้าหากไม่มีหลาน
รอให้ใจของเขามีแต่หลานคนเดียวตลอดไป
หลานถึงจะเปิดเผยตัว”
ท้าวรำไพมองสีหน้าและแววตาเจ้าเล่ห์ของหลานชายแล้วก็เกิดกลัวแทนเด็กนั่นขึ้นมาเสียจริงๆ
...นิสัยเจ้าเล่ห์ช่างคิดวางแผนนี่มันได้มาจากใครกันหนอ
สงสัยจะเป็นเจ้าโคจรอย่างที่คำกล่าวโบราณเคยบอกไว้ว่าลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น เป็นพ่อเป็นลูกกันนิสัยย่อมต้องเหมือนกัน
“ท่านรำไพขอรับ ท่านวิมาลาเสด็จมาเยี่ยมขอรับ”
พญากุมภีร์ผู้แสนเยือกเย็นถึงกับต้องเผยสีหน้าเหนื่อยหน่ายและบึ้งตึงออกมาทันที
ที่ได้ยินเสียงข้ารับใช้ด้านนอกบอกข่าวการมาเยือนของคู่หมั้น
นี่ละมั้งที่เขาเรียกว่าหนีเสือปะจระเข้.....อุตส่าห์หนีจากสตรีน่ารำคาญตามตื้อจากด้านบนมาหาท่านปู่
ก็ยังจะมาเจอสตรีจอมจุ้นจ้านที่สะเออะตามมาจนถึงที่นี่อีกเรอะ
“กราบสวัสดีเจ้าค่ะท่านปู่
วันนี้วิมาลาเข้ามาขัดจังหวะการสนทนาระหว่างปู่หลานหรือปล่าวเจ้าค่ะ”
กุมภีร์สาวรูปร่างหน้าตางดงามก้มลงกราบไหว้ผู้ใหญ่อย่างกิริยาชดช้อยสมกับที่ถูกอบรมมาดี
ซึ่งหากจะดูเรียบร้อยกว่านี้มากถ้าเจ้าหล่อนไม่ถือวิสาสะรีบนั่งพับเพียบข้างกายชายหนุ่มผู้เป็นคู่หมั้น จนดูเบียดใกล้กันเกินไปจนดูไม่งาม
แต่ด้วยเพราะสถานะของทั้งคู่ทำให้ทุกอย่างพอกล้อมแกล้มลบความไม่สมควรให้ลดทอนลงไปได้พอสมควร
“วิมาลาไม่ค่อยได้มาเยี่ยมเยียนท่านปู่เสียนาน หวังว่าท่านปู่คงไม่ถือโทษโกรธวิมาลานะเจ้าค่ะ”
“ขอเพียงแค่มีใจคิดถึงและห่วงใย ปู่ก็ดีใจมากแล้ว”
“ความจริงวิมาลาก็อยากมาหาท่านปู่บ่อยๆนะเจ้าค่ะ
แต่เพราะท่านปู่ปลีกวิเวกมาบำเพ็ญเพียรวิมาลาเลยไม่อยากเข้ามารบกวน และที่สำคัญ ‘คนบางคน’
ไม่ยอมพาวิมาลามาเยี่ยม
อ้างว่าติดธุระบ้างล่ะ
ไม่มีเวลาบ้างล่ะ”
กุมภีร์สาวส่งสายตาค้อนควักแบบมีจริตจก้านส่งให้คนบางคนที่ว่า
แต่คนที่ได้รับกลับตีสีหน้าเรียบเฉยไม่สนใจอารมณ์กระเง้ากระงอดของคู่หมั้นสาวเลยสักนิด
“งั้นรึ ชาละวันนี่แย่จริงๆคราวหลังหลานก็ควรแบ่งเวลาพาวิมาลามาเยี่ยมมาคุยกับปู่บ้างนะ
คนแก่อยู่วิเวกผู้เดียวย่อมมีความรู้สึกเงียบเหงาอยู่บ้าง”
ชาละวันมองหน้า
‘คนแก่’ ที่สามารถทรยศหลานชายโยนเรื่องปวดหัวมาให้เขาได้อย่างหน้าตาเฉย...ประมาทท่านปู่ไม่ได้เลยจริงๆ
เรื่องเอาตัวรอดนี่ขอให้บอก
“ขอรับ ‘วันหลัง’ หลานจะพยายามหาเวลาพาวิมาลามาเยี่ยม ‘คนแก่’ ไม่ให้รู้สึก ‘เหงา’
นะขอรับท่านปู่”
รอยยิ้มแสแสร้งแบบกัดฟันพูดของเจ้าหลานชายตัวดี
ทำเอาท้าวรำไพต้องกลั้นอาการขบขันเอาไว้ชนิดสุดกำลังไม่ให้หลุดหัวเราะออกมาจนเจ็บท้อง ปวดแก้มไปหมด
“เจ้าสัญญาแล้วนะชาละวัน ห้ามบิดพลิ้วคำพูดกับข้าเด็ดขาด”
วิมาลาโผเข้ากอดแขนชายหนุ่มเอาไว้แน่นด้วยความดีใจไม่พอ
ยังลืมความเป็นหญิงฉวยโอกาสซบหน้าลงบนไหล่หนาต่อหน้าท้าวรำไพ
ชาละวันหมดความอดทนกับการถึงเนื้อตัวของคู่หมั้นสาวแบบไม่ได้รับอนุญาต...เขาทนฝืนอยู่ใกล้สตรีนางนี้ต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว
“ท่านปู่หลานขอกราบลาเลยนะขอรับ”
พญากุมภีร์หนุ่มก้มกราบลาปู่เสร็จสรรพก็รีบลุกเดินหนีออกไปโดยเร็ว
จนวิมาลาต้องรีบร้อนลุกเดินตามคู่หมั้นหนุ่มไป
‘เจ้าทำตัวเจ้าเองนะชาละวัน’
“นี่ชาละวันเดี๋ยวก่อนสิ จะรีบเดินหนีข้าไปไหน”
เมื่อพ้นจากสายตาผู้อื่นกุมภีร์สาวสวยเริ่มแสดงอาการไม่พอใจที่เห็นอีกฝ่ายหนีหน้าและกล้าฉีกหน้าหล่อนต่อหน้าท้าวรำไพอีก
ทั้งๆที่ในชีวิตนี้ไม่เคยมีผู้ใดขัดใจหรือทำเรื่องร้ายกาจเช่นนี้กับนางมาก่อนเลยสักครั้งเดียว
“ข้ามีธุระต้องรีบไปทำให้เสร็จ
คงไม่มีเวลาว่างมาคุยเรื่องไรสาระกับเจ้าทั้งวันหรอกนะ”
สายตาเย็นชาและน้ำเสียงแข็งกระด้างของชายหนุ่ม ทำให้วิมาลาถึงกับลืมสงบสติอารมณ์ออกโรงงิ้วเต้นผ่าง สองแก้มแดงกล่ำด้วยแรงโกรธ
“ชาละวัน! เจ้าบอกว่าไม่มีเวลาว่างหรือไม่อยากเสียเวลากับข้ากันแน่”
“ถ้าเจ้าอารมณ์เสียจากที่อื่นมาก็อย่ามาลงที่ข้า เพราะข้ามิใช่กระโถนท้องพระโรงของเจ้าวิมาลา”
กรี๊ด!!!!! ชาละวันเจ้าหยามข้าเกินไปแล้วนะ
ข้าเป็นคู่หมั้นของเจ้านะ
เจ้าต้องให้เกรียติข้ามากกว่านี้สิย่ะ!
พญากุมภีร์หนุ่มไม่สนใจอาการโกรธของหญิงสาว
ทำท่าจะเดินหนีไปจากตรงนี้แต่ยังไม่ทันที่เท้าจะก้าวเดิน
เขาก็ถูกสตรีอีกนางยืนขวางทางอยู่
ให้มันได้อย่างนี้สิ!
“ชาละวันเจ้ากลับมาแล้วเหรอ”
ร่างแสนเย้ายวนใจวิ่งถลาเข้ามาโอบกอดกายชาละวันอย่างถึงเนื้อถึงตัว
แสดงให้เห็นถึงความสนิทสนมของทั้งคู่ว่ามีความลึกซึ้งเพียงใดโดยไม่ต้องมีการอธิบายให้มากความ
เมื่อเค้าลางแห่งความวุ่นวายเริ่มส่อเค้า
ชาละวันจึงเริ่มมีอาการปวดหัวและมีอาการหงุดหงิดปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง...วันนี้มันเป็นวันซวยอะไรของข้ากันเนี่ย
“เลื่อมลายวรรณเจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
เสียงกรีดร้องแหลมไม่พอใจของวิมาลาดังแหลมจนเสียดแทงเข้าหูพญากุมภีร์หนุ่มที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
...บ้าเอ้ย! ปวดหัวไม่พอข้ายังต้องปวดหูเพราะเสียงยัยนี่อีกเรอะเนี่ย
รู้อย่างนี้รีบตามน้องไกรทองไปทุ่งนาด้วยดีกว่าจะได้ไม่ต้องมาผจญกับพวกน่ารำคาญพวกนี้
“ทำไมข้าจะอยู่ไม่ได้ ในเมื่อชาละวันอยู่ที่นี่ ข้าก็ต้องอยู่ที่นี่ด้วย....โอ๊ย! นี่ยัยบ้าข้าเจ็บนะ”
วิมาลาออกแรงกระชากแขนเลื่อมลายวรรณให้ออกห่างจากคู่หมั้น เมื่อความหึงหวงมันบังตา
หญิงสาวจึงไม่สนใจแล้วว่าผู้ใดจะคิดเช่นไรหากได้มาเห็นกิริยาอันหยาบคายของตน ตบตีแย่งชิงผู้ชายกับผู้หญิงอีกนางหนึ่ง
“เจ็บเหรอ?
หนังหน้าหนาๆแบบเจ้า รู้จักคำว่าเจ็บด้วยเรอะ”
“เจ้าว่าใครหน้าหนา เจ้าต่างหากที่หน้าหนากว่าข้า”
คราวนี้เป็นเลื่อมลายวรรณบ้างที่กรีดร้องเสียงแหลมไม่พอใจ
“ก็ที่เจ้าโอบเอวคู่หมั้นของข้า
ถ้าไม่หน้าหนาแล้วจะเรียกว่าอะไร
อ๋อ! รู้แล้ว...หน้าด้าน!”
“กรี๊ด!!!”
เลื่อมลายวรรณโกรธจนถึงขีดสุด กระทืบเท้าเต้นเร่าๆที่มีคนกล้ามาด่าว่าตนหน้าด้านไร้ยางอาย
เสียงกรีดร้องแหลมผสมกับเสียงด่าทอใส่กันของหญิงสาวสองนางเริ่มทวีดังขึ้นเรื่อยๆ
จนชนิดที่ใครได้ยินคงต้องรู้สึกปวดแสบแก้วหูนอนไม่หลับไปสามวันเจ็ดวัน
ซึ่งผู้ที่ได้รับเกียรติในครั้งนี้ก็คือท่านพญากุมภีร์ชาละวัน ที่ต้องมายืนฟังเสียงสองนางทะเลาะกันดังแหลมร้องอยู่ข้างหู
ก็ช่วยไม่นี่เนอะ
ใครใช้ให้ท่านชาละวันเกิดมารูปงามและมีเสน่ห์ล้นเหลือจนเป็นเหตุให้สตรีมาแก่งแย่งกันเช่นนี้จนเป็นที่น่าอิจฉา
โดยเฉพาะผู้ที่แย่งกันยังเป็นสองสาวงามผู้มีชื่อลือเลี่ยงไปทั่วทั้งพิภพ ที่เหล่าผู้วิเศษมีฤทธิ์ทั้งหลาย ยักษ์ คนธรรพ์
ครุต นาค หรือแม้กระทั่งเทวดาบนชั้นฟ้าหลายองค์ล้วนต่างก็พากันเฝ้าถวิลหาถึงความงามของสองนางกันอยู่เป็นอาจิณ
เพราะถ้าหากคิดจะเปรียบเทียบความงามทั้งสองนางเป็นดอกไม้
ความงามแบบสวยสง่าของวิมาลาเปรียบเสมือนดอกกล้วยไม้ป่าที่ต้องน้ำค้างยามเช้า นางทั้งสวยงาม
ทั้งสูงส่งแกมบอบบางจนดูน่าทะนุทนอมไม่ให้กลีบดอกช้ำ...
แตกต่างจากเลื่อมลายวรรณที่มีความงามแบบสวยคมบาดใจ
เปรียบดั่งดอกหางนกยูงที่มีสีสันจัดจ้านเบ่งบานอวดสายตาอยู่บนต้นยังไม่ร่วงหล่นลงมา ดูเย้ายวนใจให้อยากเอื้อมมือคว้ามาครอบครอง
...ความงามที่แตกต่างของทั้งสองนางทำให้ยากที่จะตัดสินใจได้ว่าใครมีความงามมากกว่าใคร
“ชาละวันเจ้ามาอยู่ที่นี่เองรึเนี่ย ปล่อยให้ข้าตามหาเจ้าเสียแทบพลิกแผ่นดินหะ....อ้าว นี่ข้ามาขัดจังหวะการสนทนาพวกเจ้าหรือปล่าว”
การมาแบบประจวบเหมาะของคณัสนันท์
ทำให้สองสาวหยุดทำการโต้เถียงกันก่อนจะพร้อมใจกันหันขวับมองหน้าคนมาใหม่ด้วยสายตาอาฆาตน่ากลัว เล่นเอาร่างหนาแอบสะดุ้งโหยงนิดๆ
แต่ด้วยเพราะเขามีเรื่องสำคัญมากจะมาปรึกษาหารือกับชาละวัน ท่านแม่ทัพใหญ่จึงทำใจกล้าลากลูกเสือออกมาจากถ้ำแม่เสือสองตัว มากระซิบกระซาบให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคน
“เรื่องง่ายๆแค่นี้เจ้าก็ยังจัดการไม่ได้หรือไงกัน”
“โธ่! ท่านท้าวชาละวัน
ถ้าข้าจัดการได้คงทำไปตั้งนานแล้ว
ไม่มาขอให้เจ้าช่วยอย่างนี้หรอกนะ”
พญากุมภีร์หนุ่มกอดอกไม่พอใจที่สหายรักเอาเรื่องน่าปวดหัวมาโยนให้เขาช่วยเหลือ...ที่ไม่อยากช่วยมันไม่ใช่เพราะอะไรหรอกนะ นอกจากคำว่า ‘ขี้เกียจ’ หาเรื่องเอามาพัวพันกับตัวเองให้ยุ่งยากก็เท่านั้นเอง
แต่พอมาคิดดูดีๆแล้วแค่ช่วย
‘เจ้านั่น’มันหาทางออกสักหน่อยคงไม่เหนือบ่ากว่าแรงเท่าไรหรอกมั้ง...ถือว่าช่วยเอาบุญแล้วกัน
“เจ้านั่นอยู่ที่ไหนล่ะ?”
คณัสนันท์ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่สหายตกลงยอมรับปากที่จะช่วยเหลือ
นึกว่าจะปล่อยให้เขาผจญเวรผจญกรรมคนเดียวเสียแล้ว...เฮ้อ!
“ห้องเดิม”
“บอกไว้ก่อนนะว่าถ้าเสร็จเรื่องยุ่งยากพวกนี้เมื่อไร
พวกเจ้าเตรียมตัวเจอข้าจัดการคิดบัญชีเรียงตัวแน่”
ถึงแม้ว่าจะยอมช่วยเหลือแต่ชาละวันก็อดไม่ได้ที่จะระบายความหงุดหงิดออกมา
คณัสนันท์ตบบ่าสหายรักปุ ๆ “เอาน่า
ถือเสียว่าช่วยลูกนกลูกกาเพื่อเอาบุญ
รีบไปเถอะป่านนี้เจ้านั่นเดินวนจนพื้นสึกหมดแล้วมั้ง”
“ชาละวัน! ...เจ้าจะทิ้งข้าไปแบบนี้ไม่ได้นะ” วิมาลารีบแทรกกายเข้ามาเกาะแขนข้างหนึ่งของคู่หมั้นหนุ่มเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
โดยที่อีกข้างก็ถูกเลื่อมลายวรรณยึดไว้เช่นเดียวกัน
“ใช่! ท่านห้ามไปเด็ดขาดเลยนะ”
คณัสนันท์ที่ถูกสองสาวเบียดกระเด็นไปอีกทาง ยืนก้มหน้าหัวเราะคิกคักกับตัวเองเบาๆที่ได้อุตส่าห์ได้มาเห็นฉากรักสามเศร้าของท่านพญากุมภีร์คนงามเป็นบุญตา
...ในขณะที่ ‘คนตรงกลาง’ กำลังยืนกลอกตาด้วยความเบื่อหน่ายกับนิสัยเอาแต่ใจไม่มีที่สิ้นสุดของเห็บเหาคู่นี้
...ใครหน้าไหนมาพูดว่ามีเมียหลายคนแล้วมีความสุข ข้าจะพูดค้านสุดใจว่าไม่จริงเลยสักนิด มีแต่เรื่องน่าปวดหัวและน่ารำคาญไม่มีหยุด
“ปล่อย”
ชาละวันกดเสียงลงต่ำ
ย้ำคำให้ดังและฟังชัด
แต่สองนางกลับยังคงดื้อแพ่งส่ายหน้าไม่ยอมพร้อมกับกระชับสองแขนให้รัดแน่นขึ้นกว่าเดิม
“ข้า – บอก – ให้ – ปล่อย”
ทั้งสายตาน่ากลัวที่กราดมองมาและน้ำเสียงที่เอาจริงของชาละวัน
วิมาลาและเลื่อมลายวรรณเลยเลิกเอาแต่ใจรีบปล่อยมือจากแขนแกร่งให้เป็นอิสระทันทีโดยไม่มีการพูดอีกเป็นครั้งที่สาม
“คณัสนันท์ฟังคำสั่ง
...ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญหรือคำอนุญาตจากข้า...ห้ามผู้ใดหน้าไหนเข้าไปรบกวนข้า ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นใครก็ตาม ใครกล้าขัดขืน...ตาย! ”
ท่านแม่ทัพคนสนิทจากที่ยืนหลบมุมอยู่ด้านข้าง
ก็รีบเบียดกายเข้ามาทำหน้าที่เป็นนายทวารมายืนเฝ้าขวางเส้นทางเดินเอาไว้ห้ามผู้ใดเข้าออกตามคำสั่งของผู้เป็นนายเหนือหัว
เมื่อมั่นใจแล้วว่าจะไม่มีเห็บเหามารบกวนให้รำคาญใจอีก ชาละวันจึงเดินจากไปด้วยสีหน้าพออกพอใจอย่างยิ่ง
ทิ้งให้กุมภีร์สาวสองนางยืนแสดงฮึดฮัดไม่พอใจอยู่กับเจ้าทวารหน้าเหี้ยมร่างใหญ่ยักษ์ตนนี้
“เปิดทางให้ข้าไปเดี๋ยวนี้นะคณัสนันท์”
“ทำไมข้าจะต้องทำตามคำสั่งของเจ้าสองคนด้วยละหึ”
คำพูดจาโต้ตอบกลับมาที่แสนจะไร้มารยาทมองไม่เห็นหัวของชายหนุ่มตรงหน้า เล่นเอาสองสาวไม่ยอมเก็บอาการโกรธ
ออกแรงกระทืบเท้าเร่าๆ...นิสัยน่ารังเกียจพอกันทั้งเจ้านายและลูกน้องเลยนะ
“ชาละวันเป็นคู่หมั้นข้า ข้ามีสิทธิที่จะตามเขาไป”
“ส่วนข้าเป็นผู้หญิงของชาละวัน ข้าก็ย่อมจะมีสิทธิตามไปเหมือนกัน”
ท่าทางเย่อหยิ่ง
เชิดคอสูงของสองสาวทำให้คณัสนันท์เกิดอาการหมั่นไส้ขึ้นมานิดๆ
“นี่ ท่าน‘คู่หมั้นของชาละวัน’ กับ ท่าน ‘ผู้หญิงของชาละวัน’ ช่วยดูปากข้าดีๆนะ...ตัวข้าเป็น ‘ลูกน้องของชาละวัน’
ฉะนั้นข้าย่อมเชื่อฟังและทำตามแต่คำสั่งจากเจ้านายผู้เดียวเท่านั้น ส่วนตัวพ่วงอื่นข้าไม่สนใจ”
พอเห็นว่าปากกำลังจะอ้าส่งเสียงกรีดร้องเสียงแหลมบาดรูหู คณัสนันท์ก็รีบจุ๊ปาก ชูนิ้วปรามเสียง
“เจ้านายข้าบอกแล้วนะว่าห้ามผู้ใดรบกวน
ไม่ว่าจะมาเป็นตัวหรือมาเป็นเสียง...ถ้าหากเจ้าสองคนยังไม่เชื่อฟังคำเตือนดื้อรั้นจะทำก็เอาเลย แต่ขอเตือนไว้ก่อนเลยนะว่า หากชาละวันอารมณ์เสียมากๆ
ทุกอย่างหรืออะไรที่พวกเจ้าต้องการมันจะลอยหายวับไปกับตา...ข้าถือว่าข้าบอกแล้วนะ”
วิมาลาและเลื่อมลายวรรณรีบหงับปากตัวเองทันที
ไม่กล้าส่งเสียงใดๆเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินสักนิด ขนาดจะหายใจก็ยังไม่กล้า
...ดูน่าตลกจนอยากให้เจ้าชาละวันมาเห็นกับตาเสียจริงๆ รับรองว่าไอ้เจ้าหน้ากากเคร่งขรึมนั่นจะต้องหลุดหัวเราะออกมาแน่ๆ
ฝ่ายสองสาวกุมภีร์จะเข้าไปหาชาละวันก็ไปไม่ได้
ถ้าให้ยืนอยู่เฉยๆตรงนี้คงไม่ได้เรื่องอะไร
ทั้งสองเลยตัดสินใจสะบัดหน้าเดินจากไปกันคนละทาง ทางใครทางมัน
โดยที่มีเสียงหัวเราะเยาะเย้ยไล่ตามหลังให้อับอายไปตลอดทาง
กรอด...อย่าให้ถึงทีพวกข้าแล้วกัน...เจ้าคณัสนันท์
ความคิดเห็น