ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นักเดินทางแห่งสายลม

    ลำดับตอนที่ #16 : เศษซากแห่งนครรัฐ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 424
      0
      14 ก.ย. 50

                ร่างในชุดสีขาวเคลื่อนไปตามถนนปูอิฐทอดยาวไร้ผู้คน นักเดินทางเหลียวมองรอบกาย ข้างทางเต็มไปด้วยกองอิฐสีเทา ซึ่งครั้งหนึ่งคงจะเคยเป็นบ้านเรือนสีขาว

                เธอเดินตัดผ่านสถานที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นตลาด ร้านค้ากลายเป็นเศษไม้ หญ้าแทงขึ้นตามช่องอิฐตรงลานตลาดนัด

                ไร้วิญญาณโดยสิ้นเชิง เมืองทั้งเมืองกลายเป็นซากของอิฐ หินและเศษไม้

                นักเดินทางจำได้ว่าเมื่อปีนานมานี้เธอยังได้ยินชื่อของเมืองแห่งนี้ในถานะหนึ่งในสามรัฐที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแถบนี้ เหตุใดเมืองทั้งเมืองจึงกลายเป็นซากเช่นนี้?

                นักเดินทางเดินวนรอบเมืองสองรอบ ลัดเลาะทุกตรอกซอยพยายามหาร่องรอยของสาเหตุแห่งความพินาศของรัฐ หรือชาวเมืองสักคนที่ยังเหลืออยู่ แต่เธอไม่เจอใครเลยสักคนเดียว

                เธอหันมองไปที่ซากของปราสาทสีหม่นซึ่งแทงยอดขึ้นสูงเสียดฟ้า ครั้งหนึ่งปราสาทแห่งนี้เคยเป็นสีขาว งดงาม สว่างไสว ว่ากันว่าเมื่อต้องแสงสนธยามันเคยงดงามที่สุดในปราสาททั้งมวล นักเดินทางตัดสินใจมุ่งหน้าขึ้นไปบนปราสาท

                คูน้ำรอบปราสาทยังคงใสสะอาดอยู่ นักเดินทางเดินข้ามสะพานหินอ่อนสู่ทวารประตู ประตูเหล็กเปิดแง้มค้างไว้ ร่างในชุดขาวจึงเบียดตัวผ่านช่องประตูเงียบๆ

                เจ้าเป็นใคร!” เสียงหนักแน่นเอ่ยถาม

                นักเดินทางหันไปมอง ชายหนุ่มหน้าตาดีเดินลงมาจากปราสาทในจังหวะพอดีกับที่เธอเข้ามาในปราสาท เขาแต่งกายในชุดของทหารเก่าซีด ด้วยเครื่องแบบที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของอาณาจักรนี้ก่อนที่มันจะล่มสลายไป

                ข้าถามว่าเจ้าเป็นใคร เหตุใดจึงบังอาจบุกเข้ามาในวังเช่นนี้”

                เขาถามซ้ำพร้อมกับชักดาบออกมาชี้ตรงมาที่นักเดินทาง

                นักเดินทางกำลังจะชี้แจ้งแต่มีเสียงหนึ่งดังแทรกเสียก่อน หญิงสาวนางหญิงตะโกนบอกให้ชายหนุ่มหยุดจากระเบียงด้านบน หลังจากนั้นไม่นานเธอก็วิ่งลงมาจากปราสาทด้วยท่าทางร้อนรนแต่ยังคงสง่างาม เธอมีผมสีทองเป็นประกายดุจเดียวกับนักเดินทาง มีผิวขาวผ่อง ดวงหน้าสดใสและกริยางดงาม

                เธอจีบกระโปรงถอนสายบัว กล่าวขออภัยนักเดินทาง

                ข้าคือราชีนีแห่งอาณาจักรนี้” เธอเอ่ย “ขอขอบคุณท่านนักเดินทางแห่งสายลมที่ให้เกียรติย่างเท้าผ่านอาณาจักรของเรา”

                นักเดินทางไม่ทราบว่าควรจะตอบกลับไปอย่างไรดี หญิงสาวตรงหน้าเธอเป็นราชินีของเศษแห่งอาณาจักรแห่งนี้

                ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะรับรู้ถึงความอึดอัดของนักเดินทางจึงเชิญนักเดินทางเข้าไปคุยข้างใน

                นางกำนัลแก่ๆ นางหนึ่งนำชามารินให้นักเดินทางก่อนจะเดินหายลับไป

                ราชินียิ้มให้นักเดินทางก่อนจะเอ่ย “นางค่อนข้างจะมีหน้าที่ยุ่งยากเพราะนาง เป็นนางกำนัลเพียงนางเดียวของวังแห่งนี้ ข้าต้องขออภัยที่ไม่อาจต้อนรับท่านได้ดีกว่านี้ไม่มีแขกมาเยี่ยมเยียนพวกเราสามคนหลายปีแล้ว”

                สามคน?” นักเดินทางทวนคำ

                ราชินียิ้ม “ถูกแล้วอาณาจักรแห่งนี้เหลื่อเพียงทหารหนึ่งคน นางกำนัลหนึ่งคน และข้าเท่านั้น”

                เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น”

                แววตาของราชินีขุ่นลงแวบหนึ่ง ก่อนที่เธอจะเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้ม “เจ็ดปีก่อนหลังจากเสด็จพ่อของข้าสิ้นลม ข้าจึงขึ้นเป็นราชินีท่ามกลางความปั่นป่วนของการเมือง แคว้นหลายแคว้นที่เคยตกอยู่ใต้อิทธิพลของของอาณาจักรเราประกาศแข็งเมืองไม่ขึ้นต่อเราอีกต่อไป ตอนนั้นเหล่าขุนนางที่ปรึกษาล้วนเสนอให้ข้าตั้งทัพยกไปจัดการพวกเขาให้เข็ดหลาบ”

                เธอเว้นระยะเล็กน้อย นักเดินทางสังเกตสีหน้าของทหารองครักษ์เพียงหนึ่งเดียวของอาณาจักรที่ยืนอยู่ด้านหลังราชินี

                ข้ากลับไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงต้องทำเช่นนั้น เขาเหล่านั้นล้วนถือกำเนิดมาบนผืนแผ่นดินของพวกเขาจากท้องของบิดามารดาดุจเดียวกับข้า ในเมื่อก่อนหน้านี้เราบีบบังคับล่ามโซ่พวกเขาเขาด้วยกำลัง ย่อมเป็นสิทธิ์อันชอบธรรมที่เขาจะปลดโซ่ของตัวเองออกจากตัวใช่หรือไม่?”

                นักเดินทางไม่อาจให้คำตอบ

                แล้วเหตุใดข้าต้องเกณฑ์ประชาชนของข้ากรีฑาทัพแสนไกลเพื่อไปเข่นฆ่า หรือเพื่อไปถูกฆ่า? ข้าไม่เข้าใจเลย พวกเขาจะตายเพื่ออะไรกัน ทั้งประชาชนของข้า และประชาชนของต่างเมืองต่างก็มีเลือดสีแดงมีศักดิ์ศรีในเกรียติของตน เหตุใดข้าต้องให้พวกเขาหลั่งเลือดเพื่อเกียรติของข้า? ข้าจึงตัดสินใจไม่กรีฑาทัพ และรับรองการเป็นเอกราชของพวกเขา”

                อาณาจักรของท่านจึงล่มสลาย?”

                ราชินีพยักหน้า

                นั้นทำให้ประชาชนและขุนนางไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง แคว้นประเทศราชทั้งหมดตั้งตัวเป็นเอกราชทันที เศรษฐกิจของอาณาจักรไม่อาจดำรงอยู่ได้เมื่อไม่ได้รับส่วย และเจอคู่แข่งทางการค้า เมืองปากทะเลเปิดตลาดการค้ากับแดนไกลทันที่ที่ไม่มีเราห้าม เราไม่อาจซื้อปัจจัยด้วยราคาถูกจากการบังคับแคว้นเล็ก ประชาราชของข้าด่าทอข้า ขุนนางหลบลี้หนี้หาย... ในที่สุดข้าก็ไม่เหลือใครเลย”

                แววตาของนางขุ่นมัวขึ้นอีกครั้ง

                ท่านเสียใจหรือไม่”

                ไม่ ไม่เลยข้าไม่เคยเสียใจ สิ่งที่ล้มสลายไปเป็นเพียงอาณาจักร เป็นเพียงสิ่งที่ประชาชนสมมุติขึ้นแม้แต่ถานะราชินีของข้าเองก็เช่นกัน แต่ข้ารักษาชีวิตของประชาชนของข้าไว้ได้ ตราบที่พวกเขายังไม่ตายรัฐจะสร้างขึ้นใหม่เมื่อไหร่ก็ได้”

                ถึงแม้ว่าเขาจะไม่คิดว่าตัวเองเป็นประชาชนของท่านอีกแล้วก็ตาม” ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหลังพูดต่อให้เธอ ราชินีหันไปยิ้มให้เขา

                ก็นั้นแหละ ไม่สำคัญนักหรอกใช่ไหม”

                นักเดินทางนึกภาพของราชินียามเธอยืนอยู่บนระเบียงปราสาท ที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยตั้งอยู่ใจกลางของนคร นึกภาพท่านหญิงทอดสายตาไปไกลกวาดมองซากอาณาจักรของเธอที่อาบด้วยแสงจันทร์

                ราชินีหันกลับมายิ้มให้นักเดินทางเช่นกันก่อนจะเชิญให้นักเดินทางเลือกพักในห้องใดก็ได้ในปราสาทอันกว้างใหญ่เกินไปสำหรับคนสามคนแห่งนี้



    ...........................................................................................................................................
    ตอนนี้ไม่ค่อยได้ดั้งใจเลยแฮะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×