ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    9th letter

    ลำดับตอนที่ #6 : วันที่ 1 ตอนที่ 4

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 182
      0
      8 เม.ย. 52

        />

    รวีอยู่ที่สะพานเดินเรือ ความจริงเธอรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อยเพราะไม่คุ้นชินกับการเดินทางโดยเรือ แต่พอเห็นท่าทางสนอกสนใจเหล่าเครื่องมือควบคุมเรือของปองพลแล้วเธอก็ไม่อยากขัดขวางความสุขของเขา

    ชายหนุ่มถามเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับการบังคับเรือและอุปกรณ์ต่างๆ ในสะพานเดินเรือจากไต้ก๋งวัยกลางคนที่ถือพังงานอยู่

    รวีมองพวกเขาแล้วยิ้มเงียบๆ

    ความจริงเธอหวาดกลัวจดหมายฉบับนั้นแทบตาย จดหมายไร้ชื่อผู้ส่ง เธอรู้สึกขยะแขยงซองสีขาวที่ประทับตาสีแดงราวหยดเลือดนั่นอย่างไร้เหตุผล และเพียงเปิดอ่านข้อความด้านใน หญิงสาวรู้สึกขนลุกเกรียวโดยไร้สาเหตุ

    ทว่าเมื่อเขาได้รับจดหมายฉบับนั้นเช่นกันเธอก็วางใจ นี่เป็นเรื่องบังเอิญที่น่ายินดีจริงๆ บางทีเธออาจจะเป็นคนขี้กลัวเกินไปอย่างที่ใครๆ บอกก็ได้

    คุณสองคนเป็นแฟนกันเหรอครับ

    เสียงไต้ก๋งนายเรือเอ่ยถามปนสำเนียงใต้ ดึงรวีออกจากห้วงความคิด

    อ... เอ่อ คือ เธอรู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าว

    เราอยู่มหาลัยเดียวกันน่ะครับ ปลงพลตอบ ด้วยคำที่สามารถแปลความหมายไปได้ทั้งสองทาง

    ไต้ก๋งหัวเราะเสียงดัง ไม่ต้องอายไปหรอก ท่าทางแบบนี้ใครๆ ก็ดูออก

    อย่างงั้นเหรอ? เราดูเหมือนคู่รักกันขนาดนั้นเลยเหรอ หญิงสาวคิดในใจแล้วก็รู้สึกว่าหน้าร้อนยิ่งกว่าเดิม ส่วนชายหนุ่มได้แต่เกาหัวแกรกๆ

                    ว่าแต่... ปองพลเปลี่ยนหัวข้อสนทนา พี่เป็นทีมงานของเกมส์นี้เหรอครับ

                    เปล่าหรอกครับ เขาจ้างผมมาอีกที ไต้ก๋งตอบเสียงสดใส เห็นได้ชัดว่าเขาพอใจที่ถูกเรียกว่าพี่

                    ปองพลทำท่ากระซิบข้างหูอีกฝ่าย ผมถามจริงๆ เถอะ เรื่องพินัยกรรมนี้เป็นเรื่องจริงรึเปล่าครับ

                    พินัยกรรม?”

                    ครับ คุณทนายบอกว่าเกมส์นี้เป็นพินัยกรรมของเจ้าคุณ หรือไม่ก็เศรษฐีอะไรสักอย่าง

                    ไต้ก๋งเงียบไปครู่หนึ่ง รวีรู้สึกได้ถึงความเครียดในบรรยากาศ

                    อย่างงั้นเหรอ เขาพูด ก่อนจะเงียบราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

                    ปองพลหัวเราะขืนๆ ด้วยความหวังว่าจะแก้ไขบรรยากาศอึมครึมนี้ ไม่เอาน่าครับ ผมถามจริงๆ ว่านี่เป็นเรื่องตลกของทีมงานที่สร้างรายการนี้รึเปล่า คนที่จ้างพี่เป็นคนของทีมงานของรายการทีวีรึเปล่าครับ

                    ชายวัยกลางคนมองทะเลเบื้องหน้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียดพึมพำออกมาเบาๆ

                    อะไรนะครับ

                    อ๋อ เปล่าครับ คนที่จ้างผมคือคุณทนายคนที่นั่งมาบนเรือด้วยนั่นล่ะ

                    ครับ แล้วเอ่อ... ที่ว่าเกาะนั้นเป็นของเจ้าคุณ หรือเศรษฐีอะไรสักอย่างที่พึ่งตายไปจริงไหมครับ

                    ไต้ก๋งมองตรงไปข้างหน้า เขาไม่เอ่ยคำใดออกจากปาก รวีรู้สึกเสียวสันหลังวาบ

                    ใช่ไหมครับ ปองพลถามซ้ำอีกครับ

                    ไม่รู้ครับเขาเอ่ยออกมาเรียบๆ

                    เสียงหัวเราะคิกๆ ดังขึ้นเบาๆ ปองพลกับรวีหันไปทางทีมาของเสียงด้วยความตกใจ

                    ทำไมไม่บอกมาเลยล่ะคะ ว่าเกาะนี้เป็นของ พระยานาวีพิทยายุทธหญิงสาวผมสีอ่อนเดินเข้ามาในสะพานเดินเรือ เธอยิ้มจางๆ ใช่ไหมล่ะค่ะ

                    ไต้ก๋งหลับตาครู่หนึ่งด้วยท่าทางยุ่งยากใจ ครับใช่
                    หญิงสาวผู้มาใหม่ยิ้มให้ รวีและปองพล
    เรียกดิชั้นว่าเคทก็ได้ค่ะ ก่อนจะเอ่ยกับไต้ก๋งอีกครั้ง ไม่คิดจะเล่าให้พวกเราฟังหรอกคะ ทั้งเรื่องพระยานาวีพิทยายุทธ... และคำสาปนั้น

                    คำสาป!” รวีเผลออุทานออกมา ในขณะที่เคทหัวเราะคิกๆ เบาๆ

                    ว่ายังไงล่ะคะ?”

                    ท่าทางคุณจะทราบดีอยู่แล้วนี่

                    เคทยิ้มจางๆ แต่ก็อยากได้ยินจากปากคนในพื้นที่มากกว่าค่ะ

                    คำสาป! นี่มันเรื่องอะไรกันคะ!” รวีโผลงตะโกนออกมา

                    รวี ปองพลห้ามเธอไว้

                    เอ่อ... ขอโทษ เรา... ตกใจไปหน่อย

                    ไต้ก๋งถอนหายใจก่อนจะค่อยๆ เอ่ยออกมาด้วยสำเนียงปนภาษาใต้

                    ผมเองก็ไม่ทราบรายละเอียดมากนัก ก็ได้ยินแต่ที่เขาลือๆ มา เรื่องก็ราวๆ ว่า เมื่อก่อนเกาะนี้เคยเป็นคุกลับสำหรับขังนักโทษการเมืองที่ว่าร้ายกว่าทางตะรุงเตา แต่พอญี่ปุ่นมันเคลื่อนทัพเข้ามาในประเทศไทยสมัยสงคราม รัฐบาลก็ยกเกาะให้ญี่ปุ่นคุมขังนักโทษ พอจบสงครามเกาะนี้ก็ตกเป็นสมบัติของท่านพระยานาวีฯ

                    คุณเล่าข้ามเรื่องสำคัญไปนะคะ เคทจี้

                    ความเงียบปกคลุมอยู่ครู่หนึ่งก่อนไต้ก๋งจะเอ่ยขึ้นในที่สุด ว่ากันว่าพวกญี่ปุ่นจับนักโทษมาทรมานที่เกาะนี้ ตามเรื่องเล่าทั้งนักโทษและทหารญี่ปุ่นพวกนั้น…”

                    ตายหมดไม่เหลือแม้คนเดียว เคทเอ่ยต่อ

                    ชายวัยกลางคนพยักหน้าช้าๆ คนเขาเดากันว่าคงจะฆ่าตัวตายเมื่อรู้ว่าประเทศแพ้สงคราม แต่ว่า... แต่ว่า ทหารไทยขึ้นเกาะหลังจากญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงครามแค่สองสามวัน แต่กับเจอศพพวกญี่ปุ่นในสภาพเน่าเปื่อยส่งกลิ่นคลุ้งไปแล้ว

                    หมายความว่า... รวีถามด้วยความหวาดกลัว

                    พวกเขาตายมานานแล้วก่อนที่จะรู้ว่าญี่ปุ่นแพ้สงคราม ปองพลเอ่ยช้าๆ

                    ใช่ครับ เขาตอบปนสำเนียงใต้ ว่ากันว่าทางการพบคราบเลือดแห้งเป็นรอยไปทั่วคฤหาสน์ที่พวกญี่ปุ่นใช้เป็นที่พัก ตามรอยเลือดเต็มไปด้วยศพของทหารญี่ปุ่น ราวกับว่ามีใครเดินไปตามรอยเลือดนี้แล้วก็ค่อยๆ ฆ่าทหารญี่ปุ่นทีละคนทีละคน

                    รวีขนลุกเกลียวเธอรู้สึกวิงเวียนคล้ายจะเป็นลม

                    โดยเฉพาะห้องโถง ทั้งห้องแทบจะถูกย้อมเป็นสีคล้ำด้วยเลือดที่แห้งติด อี้เก้าในห้องโถงมีศพของนายทหารนั่งอยู่ทุกตัว เว้นแต่ที่นั่งตรงหัวโต๊ะซึ่งถูกย้อมไปด้วยเลือดแต่กลับไม่มีศพนั่งอยู่

                    รวี!” ปองพลคว้าหญิงสาวที่จู่ๆ ก็ล้มทั้งยืนไว้

                    ขอโทษ ชั้น... คงจะเมาเรือ เล่าต่อเถอะค่ะ

                    เรื่องเล่าหลังจากนี้มีหลายแบบเกินกว่าจะจับประเด็นได้ บ้างก็ว่าทางการไทยใช้เป็นที่คุมขังนักโทษอีกครั้งทว่าจู่ๆ นักโทษผู้คุมก็ตายหมด บางก็ว่าถูกปล่อยรกร้าง แต่เรื่องที่ยืนยันได้คือหลังจากนั้นสิบกว่าปีทั้งคฤหาสน์ ทั้งเกาะก็ตกเป็นของพระยานาวีฯ

                    ท่ามกลางสายตาสนใจของคนที่เคยได้ยินเรื่องสยองขวัญของเกาะ ในที่สุดก็เกิดเรื่องประหลาดขึ้นอีก ว่ากันว่าลูกชายของพระยานาวีฯ เป็นโรคประสาทจึงถูกส่งให้มาอยู่ที่เกาะนี้กับหมอและคนรับใช้ แต่...

                    ไม่นานทุกคนก็ตายหมด เคทเอ่ย

                    จะเรียกว่าตายหมดก็ไม่ถูกครับ ที่พบมีเพียงศพของคนรับใช้กับหมอเท่านั้น...

                    ไต้ก่งเบาเสียงลงราวกับกลัวภูตผีจะได้ยินเรื่องที่จะเอ่ยออกมา

                    ลูกเรือที่มีหน้าที่ขนอาหารขึ้นเกาะเป็นคนเจอศพ วันนั้นเขาไม่เห็นคนออกมารับสัมภาระที่ท่าเรือตามปรกติ จึงตัดสินใจขึ้นไปดู ท่ามกลางเสียงนกนางนวลร้องระงมราวกับเสียงคนร่ำไห้ ในห้องโถงที่ถูกย้อมด้วยเลือด ทุกคนนั่งตายบนเก้าอี้ตัวเดียวในสภาพเดียวกับทหารญี่ปุ่นพวกนั้น...

                    ทว่าไม่มีใครพบศพของลูกชายพระยานาวีฯ ที่ควรจะนั่งตรงหัวโต๊ะนั้น ตำรวจจึงสรุปว่าคดีนี้เป็นฝีมือของลูกชายพระยานาวีผู้เสียสติไป เคทเอ่ยช้าๆ

                    อะ เอ่อ... รวีพยายามให้คำถามหลุดรอดออกมาจากคอ แล้วหลังจากนั้นมีใครพบเขาไหมค่ะ

                    เคทหรีตาลงเล็กน้อยแล้วมองไปทางไต้ก๋งเหมือนจะบอกให้เขาตอบคำถามนี้

                    ไม่มีครับ ไม่มีใครพบเขาอีกเลยจนถึงบัดนี้

                    ม... หมายความว่าตอนนี้เขาก็ยังอาจจะ...

                    ขอโทษนะครับ ปองพลเอ่ยแทรกขึ้น เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะตกน้ำไปจนหาศพไม่พบ

                    ไต้ก๋งพยักหน้า ตำรวจเองก็สรุปแบบนั้น แต่ว่าทุกคนรู้ดีว่าจากกระแสน้ำรอบๆ เกาะนี้ ถ้าตกน้ำไป ศพควรจะถูกน้ำซัดกลับมาเกยที่เกาะ

                    ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาอีก มีเพียงเสียงเครื่องยนต์ และคลื่นลม เนิ่นนาน

                    ขอโทษนะครับ ปองพลเอ่ยขึ้นในที่สุด เขาลังเลว่าควรจะเอ่ยมันออกไปหรือไม่ คือว่า เก้าอี้ที่ห้องโถงนั้นมีกี่ตัว... เอ่อ ผมหมายความว่าศพของทหาร กับพวกคนรับใช้ในตอนนั้นมีกี่ศพ

                    ชายวัยกลางคนถอนหายใจออกมาเบาๆ เหม่อมองทะเล ก่อนที่จะเอ่ยคำที่ทำให้ปองพลรู้สึกราวกับถูกสายฟ้าฟาด เก้าอี้ที่ห้องโถงมีทั้งหมดเก้าตัว เมื่อเว้นเก้าอี้หัวโต๊ะไว้หมายความว่ามีศพแปดศพครับ

                    คำสาป... รวีเอ่ยเสียงสั่น เคทหัวเราะคิกๆ เบาๆ ปองพลหลั่งเหงื่อเย็นเยียบ

                    ไร้สาระ! เสียงหนักแน่นดังขึ้น หญิงสูงอายุก้าวเข้ามา เธอยืดตัวด้วยท่าทางสง่าต่างจากหญิงสูงอายุทั่วไป สาวเท้าย่างช้าๆ ดูราวกับอาจารย์ก้าวเข้ามาในชั้นเรียน ชั้นไม่นึกว่าในยุคโลกาภิวัฒน์นี้ยังมีคนเชื่อเรื่องงมงายพวกนี้อีก คำสาปนั่นก็เป็นแค่นิทานที่ถูกเสริมแต่งให้น่าตื่นเต้นเท่านั้น เธอเอ่ยด้วยนำเสียงมีพลัง เธอยิ้มจางๆ ให้ทุกคน รอยยิ้มนั้นทำให้วรีรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย

                    ไต้ก๋งมองเธอเงียบๆ ไม่เอ่ยอะไรออกมา

                    ชั้นมาตามพวกเธอไปที่ห้องเคบิ้น พ่อทนายบอกว่ามีเรื่องที่จะชี้แจงเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เราจะขึ้นเกาะ คำอธิบายหนักแน่นชัดเจน

                    ปองพลเกาหัวแกรกๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×