ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Miracle Earth พิภพปาฏิหาริย์ : ปฐมบทแห่งราชันย์

    ลำดับตอนที่ #106 : ตอนที่ 103 เรียบนิ่งดุจสายน้ำ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.51K
      53
      23 มี.ค. 64

            

     

         

     

                ถ้าหากซายากะไม่ต้องลูกธนูในวันนั้น มาถึงวันนี้พวกเธออาจจะขยับก้าวเดินได้มากกว่าที่เป็นอยู่ อีกทั้งยังไม่ต้องคอยพะวงหน้าห่วงหลังให้เสียจังหวะ แต่แบบนี้อาจจะเป็นผลดีกับตัวเซเรน่าก็ได้ที่ไม่ต้องตื่นมาเห็นภาพน่าหดหู่ที่กำลังดำเนินไปเรื่อยๆราวกับไม่มีจุดจบ จำนวนคนตายและผู้บาดเจ็บเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อฟังจากรายงานในพระราชวังคัลเดีย หรือแม้กระทั่งคำบอกเล่าของชาวบ้านที่เธอเดินผ่าน ก็ได้แต่หวังว่าเรื่องพวกนี้จะเป็นแค่ความฝันตื่นหนึ่งเท่านั้น

     

                “น่าแปลกที่มีกันสองคน แต่ก็ดี ข้าจะได้จัดการให้มันเสร็จๆไปในคราวเดียว” เสียงที่สองดังขึ้นมาในห้องพยาบาลที่ไม่น่าจะมีใครอยู่นอกจากเซเรน่า ต้นเหตุของเสียงเป็นชายอายุไม่ถึงสามสิบ เรือนผมสีชาขัดแย้งกับแววตาสีม่วงที่เรียบนิ่งจนอ่านไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เซเรน่าสรุปถึงตัวตนของชายผู้นี้ได้ในอึดใจ หนึ่งในคนที่โนอาห์และอารันบอกให้ระวังเอาไว้มากเป็นอันดับต้นๆ

     

                เจ้าของเวทมนตร์สายแรงโน้มถ่วง

     

                ไรเซล คนที่ว่ากันว่าเป็นมือขวาของชายผู้ที่อยู่เบื้องหลังความวุ่นวายทั้งหมด

     

               

     

     

     

                    ความตึงเครียดเริ่มเข้าเกาะกุมจิตใจของเซเรน่าอีกครั้ง ฝีมือของไรเซลเป็นอย่างไร หญิงสาวผมทองนั้นรู้ดีไม่แตกต่างไปจากโนอาห์และอารันที่เคยประมือมาแล้ว แต่ว่าจุดที่สองคนนั้นมี และเธอไม่มีก็คือความเก่งกาจในระดับของฝีมือ โนอาห์มีพื้นฐานวรยุทธ์พิสดารเป็นทุนเดิม เมื่อรวมกับเวทมนตร์ที่ชายต่างโลกได้ร่ำเรียน ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะผลักไสไล่ส่งไรเซลไปได้ อารันเองก็ไม่แตกต่างกันมากนัก

     

                “เข้ามาได้ยังไง” เซเรน่าถามเสียงเครียด เขตแดนของอวาลอนแข็งแกร่งขนาดไหนย่อมเป็นที่รู้กัน แต่ว่าการที่ศัตรูอันดับต้นๆมาโผล่ให้เห็นได้แบบนี้ ต่อให้เธอโง่มากกว่านี้ก็คงคิดได้ว่าสิ่งที่กำลังจะตามมาคืออะไร

     

                เพราะมันเป็นสัญญาณเตือน

     

                ว่าพวกศัตรูได้รุกเข้ามายังเขตเมืองชั้นในเป็นที่เรียบร้อย

     

                “อย่ากลัวไปเลย ในระแวกนี้มีข้าแค่คนเดียวที่ลักลอบเข้ามาได้ แต่แค่นั้นก็เกินพอสำหรับเก็บกวาดตัวเกะกะสองคนให้พ้นทาง” ชายผมสีเงินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง หากเขาแหกข่ายมนตร์ของเมอร์ลินมาได้แล้วครั้งหนึ่ง ครั้งที่สองก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร ยิ่งในสภาพโอกาสที่มหาจอมเวทผู้นั้นเปิดทางให้เขาเองยิ่งแล้วใหญ่

     

                ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ข่ายอาคมที่คอยปกปักษ์ปราสาทอวาลอนได้อ่อนลงอย่างมีนัยยะสำคัญ และนั้นอาจจะเชื่อมโยงไปถึงก้าวเดินของเมอร์ลินที่พร้อมจะทำให้พวกเขาตกจากฟ้าเอาหัวทิ่มดินได้ทุกเมื่อ แต่ไรเซลและพรรคพวกก็ยังมีความมั่นใจอยู่ลึกๆว่าหากแผนการที่วางเอาไว้ดำเนินมาถึงจุดจบ ต่อให้จะมีเมอร์ลินอยู่พร้อมกันถึงสิบคนก็แก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว

     

                และหนึ่งในแผนการก็คือลงมือสังหารเสี้ยนหนาม

     

                น่าเสียดายที่ต้องเป็นหญิงสาวสองคนนี้

     

                “อีกหนึ่งไม่รู้เดือนรู้ตะวัน อีกคนก็รู้ตัวดีว่าไม่ใช่คู่มือของเข้า แล้วทำไมถึงต้องขัดขืนโดยเปล่าประโยชน์” ไรเซลหรี่ตามองเซเรน่าที่ตอนนี้กุมไม้เท้าในมือแน่น เตรียมพร้อมรับการโจมตีทุกเมื่อเท่าที่จะทำได้ ถึงอย่างนั้นก็ไม่กล้าเปิดฉากโจมตีก่อน เพราะถ้าหากอีกฝ่ายสวนกลับมาได้เพียงจังหวะเดียว ทุกสิ่งอย่างที่พวกเธอพากเพียรทำมาก็จะสูญเปล่า

     

                “บางทีฉันคงติดนิสัยปัญญาอ่อนไม่รู้เวลามาจากคนที่พวกนายต้องการตัวมากที่สุดก็ได้ แย่จริงแฮะ…”  ใบหน้าของเธอตอนนี้ผุดไปด้วยเม็ดเหงื่อ คำพูดปลอบใจเมื่อซักครู่ก็แค่หลอกตัวเองเท่านั้น

     

     

                “ถ้างั้นก็ขอให้ตายตาหลับ” ไรเซลเงื้อมือขวาขึ้นเล็กน้อย ตวัดลงพร้อมกับการทำงานเวทมนตร์ประจำตัวที่แสนร้ายกาจ

     

                หัตถ์ขวาแห่งเทพผู้สร้าง

     

              แรงมหาศาลกดทับตัวเซเรน่าจนไม่อาจขยับไปไหน ขาอ่อนยวบประหนึ่งคนไม่มีแรงเกือบลงไปนอนกับพื้นหากใช้ไม้เท้าเวทมตร์พยุงเอาไว้ไม่ทัน ริมฝีปากกัดฟันแน่น ตอนนี้อย่าว่าแต่จะพูดเลย แค่คิดอะไรซักอย่างหัวก็แทบจะระเบิด บุตรีแห่งสวานีเซียร์ได้แต่นึกโทษความอ่อนแอของตัวเองที่มีมากเกินไป ใช้แรงเฮือกสุดท้ายเท่าที่มีมองไปทางซายากะที่นอนอยู่บนเตียงด้วยสายตาวิงวอนขอโทษ

     

                  ที่สุดท้ายแล้วเธอเองก็ปกป้องเพื่อนคนนี้เอาไว้ไม่ได้

     

                “ลาก่อน” จอมเวทแรงโน้มถ่วงประกาศคำที่เป็นดั่งสายฟ้าประกาสิทธิ์ เซเรน่าหลับตานิ่งเตรียมรับผลที่ตามมา แต่แล้วเสียงอะไรบางอย่างก็ทำให้เธอต้องลืมตาขึ้นมาเสียก่อน

     

                เสียงดังกัมปนาทไม่แพ้เสียงระเบิดได้ยินชัดเต็มสองรูหู ทันทีที่ลืมตาเธอก็พบว่าบริเวณที่ไรเซลยืนอยู่กลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่า แต่จะว่าอย่างนั้นก็ไม่เชิงเสียทีเดียวเพราะมีสิ่งๆหนึ่งมาปรากฏขึ้นแทนที่ มนุษย์ที่มีรูปร่างสูงใหญ่ยืนจังก้าอยู่ข้างหน้าเธอ สวมชุดเกราะสีขาวแวววับอย่างดี ดาบยาวในมือเปล่งรัศมีแห่งนักรบออกมาอย่างเห็นได้ชัด หากแต่ว่ารูปร่างหรือเนื้อหนังกลับไม่ใช่มนุษย์ทั่วไป แต่เป็นกลุ่มก้อนแสงจำนวนมากที่มารวมตัวกันจนเป็นมนุษย์เสียมากกว่า

     

                เวทที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดีว่าใครมักจะนิยมใช้

     

                “น...นาย!” เซเรน่าเบิกตากว้าง ไม่นึกว่าจะได้เจอคนๆนั้นในสถานการณ์แบบนี้ ผมสีดำเซ็ทไว้อย่างเป็นระเบียบ  แววตาสีเขียวอเมทิสต์ที่ชวนให้เธอรู้สึกคุ้นเคย ใบหน้าคมคายที่ยังดูดีไม่เปลี่ยนถ้าไม่นับความหยิ่งที่ส่งมอบมาให้กับคนอื่นๆอยู่ทุกครั้งไป แต่คราวนี้มันกลับมีอะไรแตกต่างออกไป ราวกับผู้ชายที่เธอเห็นเป็นคนละคนกับที่เธอรู้จัก

     

                อาเบล อัลซาเรซ หัวโจทก์อันดับหนึ่งที่เกือบมีเรื่องกันเมื่อวันนั้น

     

                อดีตเพื่อนสมัยเด็กไม่กี่คนของเธอ และปัจจุบันเกือบจะกลายเป็นศัตรูอย่างไม่คาคคิด
     

    ประกาศ

    ขออภัยสำหรับแจ้งเตือนสองครั้งซ้อนด้วยนะครับ คือครั้งแรกมันเด้งในตอนที่ผมไปเปลี่ยนคำโปรยเข้า รอบที่สองก็เพราะอัพตอนใหม่ ถ้าไปทำให้ใครรำคาญหรือรู้สึกไม่ดีก้ต้องขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×