ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Miracle Earth พิภพปาฏิหาริย์ : ปฐมบทแห่งราชันย์

    ลำดับตอนที่ #107 : ตอนที่ 105 คำชี้แจงของเมอร์ลิน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.58K
      48
      5 มี.ค. 64

            

     

     

                “เลิกทำหน้าตกใจแล้วรีบไปอยู่ข้างๆเพื่อนของเธอซะ...” อาเบลพูด สีหน้าจริงจังกว่าที่เคย ดวงตามองตรงไปยังไรเซลที่หลบการโจมตีของทหารเทพได้อย่างหวุดหวิด แต่ก็ยังช่วยให้เวทแรงโน้มถ่วงที่พันธนาการเซเรน่าอยู่ถูกคลายออกได้ ก็นับว่าคุ้มค่ามากแล้ว

     

                ในที่สุดเขาก็ค้นพบแล้วว่าหนทางที่จริงแท้นั้นคือสิ่งใด

     

                บัดนี้....ดวงตะตะวันที่เคยดับมอด ได้ลุกโชนกลับขึ้นมาอีกครั้ง

     

                    พร้อมกับยุคสมัยใหม่ที่กำลังจะมาเยือนในอีกไม่นานต่อจากนี้!!!

               

      ย้อนกลับไปเมื่อหลายวันก่อน หลังจากที่อาเบลได้พ่ายแพ้ให้กับโนอาห์ ทุกสิ่งและทุกอย่างในชีวิตของเขาเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหน้าคน บรรดาผู้ติดตามแยกหนีตีจากไปคนละทิศละทาง อีกทั้งเพื่อนฝูงที่แต่เดิมก็ไม่ได้มีอยู่แล้ว กลายเป็นว่ายิ่งโดดเดี่ยวมากกว่าเดิมเป็นเท่าทวี

     

                จากผลงานและวีรกรรมที่ผ่านมาของอาเบล ทำให้หลายๆคนไม่ค่อยชอบขี้หน้าชายผู้นี้ซักเท่าไหร่ ถึงอย่างนั้นส่วนหนึ่งก็ต้องคอยเป็นพ่อยกแม่หาบ เนื่องด้วยฐานะของอาเบลที่สูงส่งกว่าคนทั่วไป การได้มีความสัมพันธ์กับคนแบบนี้ย่อมส่งผลต่อความมั่นคงทั้งตอนอยู่โรงเรียนและจบการศึกษา ทว่าเมื่อเสาหลักซึ่งมีชื่อเด่นหราว่าอาเบลได้พังครืนลง เหล่าผู้คนที่มาประจบประแจงก็แปรสภาพเป็นศัตรูคอยกระแนะกระแหน จนอาเบลแทบจะไร้ที่หยั่งเท้าในปราสาทสีขาวหลังนี้อีกต่อไป

     

                ในขณะเดียวกันมุมมองของผู้ชนะกลับตรงกันข้าม โนอาห์ไม่เพียงจะเพิ่มชื่อเสียงให้กู่ก้องไปไกลยิ่งกว่าเดิม ซ้ำยังถูกยอมรับจากนักเรียนหลายๆคนแม้ว่าสถานะของชายผู้นี้จะถูกตีหน้าว่าเป็นคนในคำทำนาย แต่ในสังคมที่ยึดถือเพียงชื่อเสียงและความสามารถก็ไม่ใช่ว่าจะน่ารังเกียจอะไร ยิ่งในกรณีที่คำทำนายมีความคลุมเครือมาแต่เดิม ซ้ำเจ้าตัวเองยังไม่เห็นจะรู้สึกว่าเป็นคนแบบไหนซักเท่าไหร่

     

                ระหว่างอาเบลกับโนอาห์ ต่อให้โนอาห์ไร้ซึ่งยศถาบรรดาศักดิ์ นักเรียนส่วนมากก็ยังเลือกที่จะถือหางโนอาห์มากกว่าอาเบล นิสัยที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใครยกเว้นจะนำพาเรื่องน่าปวดหัวมาให้ การมีมไมตรีจิตกับคนทุกชนชั้นเป็นเหตุให้หลายๆคนเริ่มสนใจตัวปัญหานี้มากกว่าขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญรอบกายของชายผู้นั้นยังเต็มไปด้วยบุคลากรที่ไม่น่าจะมาอยู่ด้วยกันได้ โดยหลักแล้วภาษีโนอาห์หลังจากชนะการประลองย่อมดีกว่าอาเบลที่เป็นผู้ปราชัยเป็นไหนๆ

     

                แม้แต่ตัวอาเบลเองก็ยังคิดเช่นนั้น

     

                จนกระทั่งในวันที่อัลเทร่าโดนบุก อาเบลยังอยู่ในอวาลอนรับรู้ข่าวคราวเช่นเดียวกับคนอื่นๆ คนที่มีครอบครัวอยู่ในเมืองได้แต่พากันหวาดวิตกราวกับวิหคตื่นคันศร ทางด้านอาเบลกลับรู้สึกหดหู่และสิ้นหวังมากกว่าเดิมชนิดยกกำลังสอง ถึงชื่อจะมีอยู่ในตระกูลอัลซาเรซ แต่นับโดยรวมก็ยังถือว่าด้อยกว่าคนอื่นๆในตระกูลที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถ ในตอนนี้พวกพี่ๆตลอดจนญาติของเขาคงกำลังแสดงฝีมือกันอย่างสุดความสามารถ มีแต่เขาเท่านั้นที่ทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง

     

                ผ่านไปซักระยะ สถานการณ์ในอัลเทร่าทวีความรุนแรงเข้าไปทุกขณะ จนชาวบ้านต้องอพยพมายังเขตเมืองชั้นใน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือโรงเรียนอวาลอนที่เปิดเป็นแหล่งคุ้มกันภัยชั่วคราว การเรียนการสอนถูกหยุดลงไปโดยปริยาย นักเรียนบางส่วนต้องพากันไปออกหน้าดูแลความสงบเรียบร้อย ในขณะที่สมาชิกสภานักเรียนเกือบทั้งหมดได้หารือเข้าประชุมกันไปตั้งนานแล้ว ขาดก็แต่อาเบลที่ยังไม่ไปเข้าร่วม กับหญิงสาวอีกหนึ่งซึ่งได้หายตัวไปตั้งแต่เมื่อคืนวาน

     

                อาจจะเพราะเป็นสวรรค์ยังคงมองเห็นเขาอยู่

     

                หรือนรกยังไม่ต้องการตัวเขาก็เป็นได้

     

                ถึงทำให้บังเอิญไปเห็นเซเรน่าที่กำลังวิ่งกลับมาทางประตูหน้าพอดิบพอดี

     

                สีหน้าร้อนรนอย่างที่เขานานๆจะเห็น ซึ่งครั้งล่าสุดคงเป็นตอนสมัยเด็กที่แม่ของหญิงสาวเสียชีวิตลง พริบตานั้นทั่วทั้งสมองดันด้านชาไปหมด เสียงจอแจของชาวบ้านเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ โสตประสาทได้ยินแจ่มชัดแจ่มชัดเกี่ยวกับความโหดร้ายที่เกิดขึ้นด้านนอกกำแพงโรงเรียน ก่อนจะค่อยๆมองไปในทิศทางที่เซเรน่ากำลังวิ่งไปด้วยสายตาเหม่อลอย

     

                “ปล่อยให้เป็นซะแบบนี้ เจ้ายินยอมพร้อมใจแล้วหรือ” เสียงประหลาดดังขึ้นที่ข้างหู ครั้นพอหันกลับไปมองก็ไม่พบใครที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ตาทั้งสองข้างค่อยหลับลง ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตามมาด้วยการตัดสินใจที่อาจจะเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล

     

                หนทางของตัวเอง ก็ต้องให้ตัวเขาเป็นผู้กำหนดเอง

     

                และดูเหมือนว่า หนทางครั้งนี้จะดูสว่างไสวยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

     

                นั้นก็เพราะปลายทาง....มีคนกลุ่มหนึ่งยืนรออยู่

     

     

     


     

                 “ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าต้องมายุ่งเกี่ยว” ไรเซลกดเสียงต่ำ ตามข้อมูลที่เขามีอาเบลไม่ใช่คนที่จะมาทำอะไรแบบนี้ และข่าวล่าสุดตามที่สายได้รายงานมา คนผู้นี้ยังอดอาลัยตายอยากไร้คนเหลียวแล แต่พอมาวันนี้กลับชูเขี้ยวเล็บพองขนพยอง มันจะต้องมีลักลมคมในอะไรบางอย่าง

     

                อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ก็ยังจะเป็นไปตามเดินไม่มีอะไรเปลี่ยน

     

                “เห็นทีเรื่องนี้ฉันจะไม่ยุ่งไม่ได้” อาเบลยิ้ม ผ่อนคลายท่าทีเมื่อเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามก็ยังไม่

     

                

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×