ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Miracle Earth พิภพปาฏิหาริย์ : ปฐมบทแห่งราชันย์

    ลำดับตอนที่ #45 : ตอนที่ 43 เรื่องเล่าตอนหลับและตอนตื่น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.29K
      123
      9 พ.ย. 65

              โนอาห์ไม่ใช่คนที่จะมากลัวกับอีแค่กดเม็ดหลอกเด็กที่ดูสมจริงอย่างเช่นตอนนี้ เหตุการณ์แบบนี้ลำพังวรยุทธ์หรือยอดวิชาในยุทธภพไม่มีทางทำได้เว้นเสียแต่คนๆนั้นกำลังหลับนอน แต่ในโลกแห่งนี้อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ด้วยสิ่งที่เรียกว่าเวทมนตร์ บางทีเขาอาจจะกำลังตกอยู่ข่ายมนต์ของใครบางคนอยู่ก็เป็นได้ ดูท่าการอยู่ใต้จมูกของหนึ่งในเจ็ดจ้าวมนตราก็หาใช่ว่าจะปลอดภัยไปซะทั้งหมดเลยจริงๆ

     

                “ข้าขอต้อนรับ…” เสียงๆหนึ่งดังก้องกังวานขึ้นมาจนแม้แต่คนจิตแข็งอย่างโนอาห์ยังต้องหันซ้ายหันขวามองหาต้นตอของเสียง จนมาสะดุดกับร่างๆหนึ่งในกรงขังที่เหมือนจะเป็นมิตรคนเดียวของในโลกที่เต็มไปด้วยความมืดมิดนี้

     

                “นึกว่าแกจะเป็นใบ้ไปแล้วซะอีก” โนอาห์ซึ่งรู้แน่ชัดเป็นอย่างดีว่าเสียงที่เขาได้ยินเมื่อซักครู่ทั้งน้ำเสียงและโทนเสียงแตกต่างไปจากความทรงจำเมื่อคืนวันนั้นอย่างสิ้นเชิง ในตอนนี้โนอาห์เองยืนอยู่ด้านหลังกรงขังจึงมองไม่เห็นหน้าค่าตาของชายชุดดำที่อยู่กรงเวทมนตร์เพื่อดูว่าจะใช่คนๆเดิมอยู่หรือเปล่า คิดดังนั้นเจ้าตัวจึงค่อยๆสาวเท้าเดินไปด้านหน้ากรงขังเพื่อพิสูจน์ดูว่าความคิดของตัวเองนั้นถูกต้อง

     

                เขาค่อยๆเดินไปอย่างช้าๆระวังตัวทุกฝีก้าวเผื่อเอาไว้ว่าจะมีอะไรมาตุ้งแช่ในตอนที่เขากำลังเผลอ โดยที่สายตายังคบจับจ้องอยู่ที่ชายในกรงขังที่เมื่อมองจากด้านข้างยิ่งเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ผู้ต้องหาคนเดิมเหมือนเคย ทั้งเสื้อผ้าที่เป็นเสื้อคลุมปิดส่วนหัวด้วยฮู้ดอย่างเรียบๆ และบรรยากาศบางอย่างที่แผ่ขยายมาจากร่างๆนั้นซึ่งโนอาห์คิดว่าน่าสะพรึงกลัวไม่แตกต่างไปจากความมืดที่ปกคลุมอยู่รอบๆ

     

                “ยินดีที่ได้รู้จัก...คนต่างถิ่นเอ๋ย” เพียงแค่ประโยคแรกซึ่งถูกเอ่ยออกมาจากชายที่อยู่ในกรง หลังจากที่เขาหยุดชะงักลงเบื้องหน้ากรงขังก็ต้องทำให้โนอาห์หันไปมองด้วยตกใจ ความตั้งใจที่จะผนึกลมปราณเตรียมจู่โจมถูกพับโครงการเก็บเข้ากรุทันทีทันใด จับจ้องชายปริศนาที่ถูกกั้นผ่านระหว่างเขาด้วยลูกกรงซี่เล็กๆ

     

                ในตอนนั้นชายที่ชื่อว่าชิวหลงรู้สึกถึงอารมณ์ที่ทำให้ยิ้มไม่ออกเป็นครั้งแรก

     

               

     

                “นึกไม่ถึงว่าจะมีคนที่อยากอัปเปหิตัวเองเข้าไปอยู่ในกรง”

     

              คนปากดียังคงเป็นคนปากดี หลังจากได้สติขึ้นมาอีกครั้งโนอาห์ไม่วายที่จะเอ่ยปากออกไปตามปกตินิสัยของเจ้าตัว พร้อมทั้งเหลือบมองรูปร่างของชายคนนั้นให้ชัดๆอีกครั้ง ใบหน้าถูกปิดไว้ด้วยฮู้ดจนมองไม่เห็นอะไรนอกจากรีมฝีปาก สองมือไผล่หลังไร้ซึ่งการพันธนาการถึงแม้เจ้าตัวจะอยู่ในกรง และสุดท้ายโนอาห์มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้าหมอนี่ต้องเป็นคนละคนกับชายชุดดำคนก่อนหน้าแน่นอน

     

                “ระหว่างเจ้ากับข้า....ใครกันแน่ที่ยังอยู่ในกรงขัง” น้ำเสียงที่คาดเดาอายุไม่ได้ถูกเอ่ยออกมาจากปากของชายปริศนาอีกครั้ง ทางด้านโนอาห์เองได้แต่เลิกคิ้วขึ้นตีสีหน้าแปลกๆเนื่องจากนานมากแล้วไม่เจอคนที่นิยมสนทนาภาษาที่ไม่ใช่ภาษาคน

     

                “แกคงสมองกลับไม่ก็กำลังเมาอากาศแล้วล่ะ ตอนนี้ใครกำลังอยู่ในกรงก็รู้ๆกันอยู่ไม่ใช่เหรอไง” โนอาห์สวนกลับทันควัน อยากรู้นักว่าชายตรงหน้าจะมาไม้ไหน

     

                “เจ้าก็รู้ว่าที่แห่งนี้มันไม่ใช่ที่ของเจ้าไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมจะต้องฝืนทนอยู่ในกรงที่เรียกว่าอิซซูมีลอีกทั้งที่เจ้าก็ยังมีที่ให้กลับไป...” ชายปริศนาเอ่ยทวนขึ้นอีกครั้ง ทำให้คนฟังเพียงหนึ่งเดียวอย่างโนอาห์ต้องชะงักกึกประมวลผลข้อมูลที่ตนได้รับในตอนนี้

     

                โนอาห์คิดว่าคนตรงหน้ารู้ดีว่าตนเป็นใครและอาจจะรู้ไปถึงสาเหตุที่ทำให้เขาต้องมายังโลกแห่งนี้ด้วยซ้ำไป และถ้าดูจากลักษณะการพูดจาเขาคาดเดาเอาว่าบางทีการคงอยู่ของเขาอาจจะไปขัดมือขัดเท้าชายคนนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่การเล่นงานเขาได้ถึงแม้จะเป็นการโจมตีทางเวทมนตร์ที่ตัวเขาอ่อนด้อนที่สุดก็นับว่ามีฝีมือ ยิ่งในโรงเรียนอวาลอนซึ่งมีหลายคนเหลือเกินพากันบอกว่าการป้องกันช่างแข็งแกร่งยิ่งกว่าอะไร

     

                มีคนก่อตั้งถึงสี่คน ทำไมไม่แบ่งคนมาดูแลด้านนี้ให้เป็นกิจจะลักษณะไปเลยล่ะนี่

     

                ต้องมาคอยให้คนรุ่นหลังตามล้างตามเช็ดอยู่เรื่อย

     

                “แกอาจจะคิดว่าที่แห่งนี้ไม่เหมาะสำหรับฉัน แต่ขอโทษที....รู้สึกว่าเราสองคนไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรมากไปกว่าคนพึ่งเคยเจอกัน เพราะงั้นเรื่องของฉันก็ต้องให้ฉันเป็นคิดเองถึงจะถูก ถึงแม้อาจจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด....แต่ถ้าฉันได้เลือกไปแล้วก็แก้ไขอะไรไม่ได้ล่ะนะ” เขายักไหล่วืดพูดกลั้วหัวเราะ

     

                “ช่างเป็นคนต่างถิ่นที่อวดดียิ่งนัก....” ชายปริศนาเอ่ยขึ้นมา ถ้าโนอาห์ได้ยินไม่ผิดเขาเองรู้สึกว่าจะมีเสียงหัวเราะเบาๆลอยมาตามลมกับน้ำเสียงนั้นด้วย

     

                “แกคงไม่รู้ล่ะสิว่าในโลกที่ฉันจากมายังมีคนที่ปากกล้ากว่าฉันอีกเยอะ” ชายหนุ่มสวนกลับไปทันควัน จริงอยู่ที่ตัวเขาเลือกจะไม่โจมตีคนที่อยู่ในกรงเพราะยังประเมินไม่ได้แน่ชัดว่าฝีมืออยู่ในระดับไหน อีกทั้งดูเหมือนว่าชายปริศนาจะไม่ได้มาเพื่อต่อสู้ ถึงแม้จะเล่นใหญ่ไปหน่อยก็ตามที

     

                “ดูท่าคนต่างถิ่นอย่างเจ้าจะลืมตัวไปเสียหน่อยว่าตัวเจ้าไม่ใช่คนของที่นี้ เจ้าเองอาจจะบอกว่าอยากใช้ชีวิตอยู่ที่โลกแห่งนี้มากขนาดไหนก็ตาม....แต่สุดท้ายแล้วเจ้ามันก็มีกำพืดเป็นแค่คนเร่ร่อนพเนจรไปเรื่อยเหมือนดังเช่นที่ผ่านมา ไม่มีที่แห่งใดที่กักตัวเจ้าไว้ได้นาน ข้อนี้เจ้าเองน่าจะรู้ดีที่สุดใช่หรือไหม ชิวหลง” น้ำเสียงที่เหมือนจะเจรจาทำให้คนที่ถูกพูดถึงต้องเบ้ปาก โนอาห์ส่ายนิ้วไปมาทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคออย่างล้อเลียน

     

                “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแกเป็นใคร แต่อย่ามาทำเป็นรู้ดีมากนักเลย ตัวฉันเองก็ไม่รู้ว่าแกเป็นใครนอกจากตัวนแกเอง และแกเองก็จะไม่รู้เหมือนกันว่าฉันคิดยังไงกันแน่ เพราะงั้นอย่าพยายามเกลี้ยกล่อมนักเลย ขอบอกเลยว่าเปล่าประโยชน์" โนอาห์คลี่ยิ้มออกมาบางๆ ไม่สะทกสะท้านอะไรใดๆกับคำพูดของชายปริศนาเลยแม้แต่น้อย

     

                “เจ้าเป็นคนฉลาด ย่อมรู้ดีว่าการคงอยู่ของเจ้าามันจะทำให้คนรอบข้างเดือนร้อนแค่ไหน...” ชายคนนั้นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

     

                “นี่แกกำลังขู่ฉัน?” เขาเลิกคิ้วขึ้นทวนเสียงแสร้งทำเป็นว่าไม่เข้าใจ

     

                “เจ้าเองอาจจะเก่งกล้าสามารถ...แต่ใช่ว่าตัวเจ้าในตอนนี้จะปกป้องทั้งตัวเองและคนๆอื่นได้ตลอด” ชายปริศนาเอ่ยออกมาเหมือนจะเร่งให้โนอาห์ตัดสินใจ

     

                 ในขณะที่ชายหนุ่มผมดำกำลังตรึกตรองอะไรบางอย่างในใจ ขืนลงมือตอนนี้ก็อาจจะมีสิทธิ์ที่ชายเบื้องหน้าจะเป็นเพียงภาพลวงตา แต่ภาพลวงตาจะเกิดไม่ได้เลยถ้าไม่มีต้นตอ และนี่คือสิ่งที่โนอาห์อยากรู้ว่าทำไมเจ้านี่ถึงโผล่หน้ามาหาเขาในตอนนี้ทั้งที่ตัวมันเองน่าจะรับรู้ได้ตั้งแต่แรก และอีกหลายๆเรื่องที่เขายังคงสงสัย แต่ดูท่าบทสนทนานี้จะกินเวลามามากพอแล้ว

     

                ลมปราณมหาเมฆา เคล็ด ปลดปล่อย

     

                บรรยากาศรอบๆสั่นไหวเหมือนกำลังจะถูกฉีดขาด ความืมดบางส่วนเริ่มแตกออกเหมือนว่าพวกมันเป็นกระจก ทั้งนี้ทั้งนั้นต้นตอมาจากบุรุษที่ยืนอยู่นอกกรงขังซึ่งถ้าดูแต่ตาเปล่าเหมือนกำลังยืนอยู่เฉยๆ แต่ถ้ามองในสายตาของผู้ฝึกยุทธ์ด้วยกันแล้วจะพบว่าบุรุษคนนั้นกำลังเร่งโคจรลมปราณจนมันเอ่อล้นออกจากถึงข้างนอก

                “เป็นแค่ภาพลวงตาอย่างที่คิดไว้จริงๆด้วยสินะ เล่นแตกออกมาอีหรอบนี้” โนอาห์กลั้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดีขณะแหงนหน้ามองบรรยากาศรอบๆที่เริ่มมีแสงสว่างเล็ดลอดเข้ามาบ้างแล้ว

     

                โนอาห์ก้มหน้าลงมามองชายปริศนาที่ยังคงยืนอยู่เฉยๆไม่ทำอะไรแม้ว่าสถานการณ์กำลังส่งผลให้โนอาห์เป็นต่อก็ตาม เหมือนกับคิดมาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่ายังไงชายต่างโลกคนนี้คงดื้อดึงไม่ยอมรับข้อเสนอของเขาง่ายๆ

     

                “แล้วเจ้าจะต้องเสียใจที่เลือกเส้นทางนี้” ชายปริศนากล่าวทิ้งท้ายออกมาก่อนจะค่อยๆสลายหายไปเช่นเดียวกับความมืดที่ปกคลุมอยู่รอบๆ

               

                “เออ ฉันล่ะเสียใจมากเลยจะบอกให้รู้ไว้” โนอาห์แค่นหัวเราะให้กับชายปริศนาที่ตอนนี้กลายเป็นหมอกควันสีดำจางๆลอยละล่องหายไปกับอากาศเบื้องหน้า

     

                นั้นเป็นภาพสุดท้ายที่โนอาห์ได้เห็น

     

        “ตื่นซักทีนะนะครับ เล่นเอาหลายๆคนเป็นห่วงแทบแย่”

             

                เสียงแรกที่ได้ยินดังเข้ากระทบโสตประสาทของคนที่กำลังตื่น เขาคนนั้นลืมตาปรือๆมองสถานการณ์เบื้องหน้าที่ดูเหมือนว่าตนจะนอนอยู่บนเตียงแล้วคนที่นั่งเฝ้าจะเป็นเพื่อนของเขาทั้งสองคน แต่สภาพโดยรวมของห้องมันกลับทำให้เขาประหลาดใจเพราะว่ามันไม่ใช่ห้องนอนในหอพักที่เคยนอนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

     

                “ที่นี่ที่ไหน” ชายที่นอนอยู่บนเตียงมีผ้าห่มคลุมอย่างดีตัดสินใจถามออกไป

     

                “ห้องพยาบาล นายสลบไปนานพอดูเลยล่ะ นึกไม่ถึงเลยว่าคนอย่างโนอาห์จะมีสารรูปแบบนี้กับเขาเหมือนกัน” อารันเป็นคนตอบพร้อมกับนิกซ์ที่ทำหน้าไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นัก ส่วนทางด้านคนฟังซึ่งก็คือโนอาห์ได้แต่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดทบทวนเรื่องที่ผ่านมาในหัวอีกครั้งว่าเรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่

     

                เรื่องทั้งหมดคงเกิดมาจากมิติบ้าๆนั้น

     

                โนอาห์นึกย้อนไปในตอนที่ตนใช้ลมปราณมหาเมฆาทดลองทำลายภาพลวงตาจากภายใน ซึ่งผลที่ได้มันทำให้ชายหนุ่มพึงพอใจเป็นอย่างสูง เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เขาสรุปออกมาได้ว่าเวทมนตร์ก็เป็นพลังงานเฉกเช่นเดียวกับลมปราณในโลกเก่าของโนอาห์ที่สามารถถูกทำลายได้ด้วยพลังที่เหนือกว่า และจากที่เขาสังเกตตลอดมาลมปราณมหาเมฆามันเป็นดาวข่มเวทมนตร์โดยธรรมชาติ ตั้งตอนวันสอบเข้าที่เขาทำลายเวทมนตร์ระดับกลางและวันนี้ที่แหกภาพลวงตาออกมาได้ด้วยคลื่นพลังวัตร

     

                ถ้าไม่เป็นเพราะเขาใช้พลังเกินตัว คงเป็นเพราะสลบตั้งแต่โดนดึงจิตไปยังมิติภาพมายาแห่งนั้น พร้อมกับชายปริศนาที่เหมือนจะรู้ดีไปเกือบซะทุกอย่างโผล่หน้ามายื่นข้อเสนอที่ทำให้เขาตัดสิตใจลำบาก ไม่ใช่ลำบากในขั้นตอนที่ต้องตัดสินใจ แต่ลำบากใจในเรื่องที่ว่าจะไล่มันไปยังไงดี

     

                ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขอบคุณสติของเขาที่ทำให้ลอบโคจรลมปราณมหาเมฆาตั้งแต่เนิ่นๆ

     

                “ฉันไม่ได้สตินานเท่าไหร่แล้ว” โนอาห์เอ่ยถามพลางมองไปรอบๆห้องพยาบาลจนพบกับคำใบ้ของคำถามตัวเอง สายของชายหนุ่มไปสะดุดเข้ากับหน้าต่างที่เป็นกระจกบอกเวลาได้อย่างดีว่าตอนนี้พระอาทิตย์ได้ตกดินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

     

                “ซักสองถึงสามชั่วโมงน่ะครับ ผมเองก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่” นิกซ์พูด ในขณะคนฟังก็ได้แต่พยักหน้าหงึกๆรับรู้

     

                ก็ค่อยยังชั่วที่มันยังไม่กินเวลาเขามากนัก

     

                “แล้วนี่....เรื่องมันเป็นมายังไงฉันถึงมานอนอุตุอยู่ที่ห้องพยาบาลได้ล่ะฮื้อ?” เขาเอื้อนเอ่ยประโยคคำถามออกไปทั้งที่เจ้าตัวค่อนข้างมั่นใจถึงสาเหตุที่ทำให้มานอนเป็นผักอยู่อย่างนี้ แต่ในมุมมองของบุคคลที่สามอาจจะมีอะไรแปลกใหม่ไปกว่าที่เขารู้ก็เป็นได้

     

                อารันและนิกซ์ที่ได้ยินคำถามนั้นถึงกับหันหน้ามามองหน้ากันเหมือนกำลังสื่อสารผ่านทางกระแสจิตในสายตาของโนอาห์ และถ้าเขาดูไม่ผิดเหมือนเจ้าอารันมันจะทำหน้าประมาณว่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉัน

     

                หวังว่ามันจะแต่งเสริมให้มันเกินจริงมากกว่าเดิมแล้วกัน

     

                “อยู่ๆตอนที่นายกับหันไปถามพวกรุ่นพี่  ไม่ทันที่ใครจะได้ตอบก็สลบเหมือดไปแล้วล่ะ” อารันพูดยิ้ม แต่กลับทำให้คนฟังอย่างเขายิ้มตามด้วยไม่ออก เนื่องจากคิดไม่ถึงว่ามันจะสั้นขนาดนี้

     

                “แล้วพวกแกก็ดันแตกตื่นพาฉันมาส่งที่ห้องพยาบาลว่างั้นสิ?” ชายตัวดีที่บัดนี้นอนซมส่งรอยยิ้มฝืดๆกลับไป ด้วยหวังว่าจะลองรับส่งมุกกับคนตรงหน้าดูซะหน่อย

     

                “เปล่าๆ กับอีแค่มีเด็กปีหนึ่งคนนึงลงไปนอนกองกับพื้นน่ะไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่หรอก เอาจริงๆมีคนบอกด้วยซ้ำนะว่านายอาจจะไม่ได้กินข้าวร่างกายเลยอ่อนแอ” อารันพูดกลั้วหัวเราะเกือบจะทำให้โนอาห์หัวเราะตามไปได้ถ้าไม่ถูกเบรกจากนิกซ์เข้าซะก่อน

     

                “พอคุณสลบไปเรื่องวุ่นวายมันก็ตามมาเป็นพรวนเลยล่ะครับ” นิกซ์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน โนอาห์ที่ได้ฟังทำหน้าเหมือนจะบอกว่าน่าเสียดายไม่ใช่น้อยที่ตนหลับไปซะก่อน

     

                แต่นี่อาจจะเป็นหลักประกันชั้นดีว่าต่อให้เขาหลับหรือตื่นปัญหาต่างๆมันก็มีอยู่ดี

     

                เพราะฉะนั้นหวังว่าครั้งหน้าคงมีคนเลิกโทษเขาได้ซะทีเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้

     

                “เรื่องวุ่นวายอย่างแรกเลยกีคือชายชุดดำที่อยู่ในกรงหายไปแล้วเรียบร้อย” คำกล่าวของอารันถึงกับทำให้คนที่นอนอยู่เบิกตากว้าง ตัดสินใจฟังเพื่อนของเขาอย่างที่ไม่คิดจะขัดหรือทักท้วงอะไรแต่อย่างใด 

     

                เมื่อยิ่งฟังคำบอกเล่าของอารันยิ่งทำให้โนอาห์แสดงออกผ่านทางสีหน้ามากยิ่งขึ้นเท่านั้น หลังจากที่เขาสลบไปอยู่ดีๆชายชุดดำที่เป็นเบาะแสไม่กี่อย่างก็ดันอันตรธานหายไปราวกับไม่เคยมีตัวตนมาก่อน และต่อมาก็เป็นเสียงประตูถูกผลักออกเหมือนคนเปิดอยู่ในอารามของความตกใจ พร้อมกับแจ้งข่าวที่เหมือนจะเป็นคำตอบของโนอาห์ว่าธุระสำคัญก่อนที่เขาจะมานั้นคือเรื่องอะไร

     

     

                เรื่องเล่าที่อารันและนิกซ์คิดว่าน่าตกใจไม่แพ้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนโนอาห์สลบไปเลยแม้แต่น้อย


     

     

     

     เป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้วที่ชิวหลงอาศัยอยู่ที่นี้

     

              นับตั้งแต่เหตุการณ์ในวันนั้น วันที่ชิวหลงหรือโนอาห์ตัดสินใจขโมยคัมภีร์วณิพกพเนจรมาจากสกุลหลาง ซึ่งต้องเรียกได้ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม แต่ผลที่ตามมานั้นกลับเป็นเรื่องที่ความคาดหมายของชิวหลงไปไกล ผลพวงของการขโมยข้าวของผู้อื่นนั้นส่งผลร้ายแรงกว่าที่เขาคิดมากนัก

     

                ถ้าเขาไม่เจอกับตัวเองก็คงไม่เชื่อว่าเรื่องพวกนี้จะเป็นเรื่องจริง

     

                ทันทีที่เปิดคัมภีร์วณิพกพเนจรตัวเขาก็ถูกดึงเข้ามาอีกโลกโดยไม่ได้ตั้งใจ แม้จะต้องใช้เวลาทำความเข้าใจนานซักหน่อยเพราะเรื่องราวเหล่านี้มันเหลือเกินที่จะรับไว้เพียงลำตัวจริงๆ แต่โชคยังดีที่สวรรค์ยังคงเมตตาส่งพ่อค้าประหลาดชื่อว่าอารันมาให้เขา ชายที่บางทีก็เหมือนจะเป็นมิตรสหายที่ดีอย่างน่าใจหาย หรือวันดีคืนดีก็กลายร่างเป็นซาตานศัตรูตัวฉกาจทางความคิดของชิวหลง

     

                แต่นี่ก็เป็นต้นเหตุหนึ่งที่ทำให้ตัวเขากำเนิดชื่ออีกชื่อหนึ่งขึ้นมา ไม่มีอีกแล้วสำหรับชายที่ชื่อว่าชิวหลง จะมีก็แต่บุรุษนามว่าโนอาห์ อิคารอสเท่านั้น จะว่าไปก็ไม่ใช่อย่างนั้นซะทีเดียว เพราะความลับที่อารันมันย้ำเขาเป็นอย่างดีในตอนแรกที่เจอกันดันแตกเพล้งภายในไม่กี่วัน

     

                แน่นอนว่าเป็นความตั้งใจของพวกเขาเอง

     

                ถึงอย่างนั้นก็ต้องยอมรับจากใจจริงว่าการคงอยู่ของชายผู้นี้สร้างคุณประโยชน์ต่อตัวเขาได้อย่างมหาศาล สิ่งที่จำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่ต่างๆก็คือความรู้ในความคิดของชิวหลง และชายผู้นี้ตอบโจทย์ข้อนั้นได้เป็นอย่างดี ถึงจะมีบางสิ่งและบางอย่างที่มันไม่รู้ก็ตามที

     

                และที่สำคัญบางสิ่งเหล่านั้นเขาเองก็ดันล่วงรู้นำหน้าอารันไปได้ซะนี่

     

                และข้อเสนออันหอมหวานที่เพื่อนคนแรกในโลกแห่งนี้หยิบยิ่นมาให้เขาเป็นเรื่องธรรมดาสามัธที่คนอย่างชิวหลงซึ่งแต่เดิมไร้ที่อยู่ร่อนเร่ไปเรื่อยจะไม่ตอบตกลง ยังไงซะจุดมุ่งหมายในโลกใบนี้ของเขาก็ไม่ได้มีหลักแหล่งชัดเจน  การที่ได้ใช้ชีวิตแบบนักเรียนทั่วไปก็น่าสนใจไม่น้อย ยิ่งเป็นโรงเรียนซึ่งขึ้นชื่อลือชาเป็นนักเป็นหนาในโลกนี้ยิ่งทำให้เขาสนใจมากขึ้นกว่าเดิม ลงท้ายแล้วก็ดันสอบผ่านมายืนหน้าสลอนในรั้วโรงเรียนได้สำเร็จ

     

                อันที่จริงในโลกเก่าที่เขาจากมากก็ใช่ว่าจะไม่มีโรงเรียนในลักษณะนี้อยู่เลย แต่ถ้าไม่ใช่เป็นโรงเรียนที่สอนวิชาความรู้ทั่วๆไปเพื่อสอบเข้าบรรจุในราชการ ก็มีแต่สำนักวรยุทธที่มีอยู่ทั่วทุกภูมิภาค และแน่นอนที่สุดว่าวิทยายุทธที่สอนสั่งในสำนักเหล่านั้นตัวเขาไม่ได้สนใจ จริงอยู่ที่บางสำนักอาจจะมีดีจนแม้แต่เขายังยอมรับ แต่มันเป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อว่าอาจารย์ผู้สอนจะถ่ายทอดวิชาทั้งหมดในลูกศิษย์ทุกคน อีกทั้งจะให้ไปประจบสอพลอเป็นศิษย์คนโปรดย่อมไม่ใช่แนวทางที่เขาจะเลือกเดิน

     

                แต่ที่นี้นั้นแตกต่างออกไปจนแม้แต่คนต่างโลกอย่างเขายังสัมผัสได้

     

                ไม่ว่าจะเป็นการจริงจังในการสอนที่บางทีตัวเขาเองรู้สึกไปว่ามากเกินไป ชิวหลงยังจำได้ดีว่าเขาเผลอลืมเอารายงานเกี่ยวกับประวัติของนักแปรธาตุท่านหนึ่งที่มีชื่อเสียงมากพอดูไว้บนห้อง อาจารย์ที่สอนวิชาเล่นแร่แปรธาตุเล่นบ่นเขาซะหูแทบชา นี่ถ้าไม่ได้เจ้านิกซ์ช่วยไว้คนทั้งห้องอาจจะต้องได้ทำงานเพิ่มเพราะมีเขาเป็นต้นเหตุแล้วแท้ๆ

     

                ต่อมาเห็นทีจะเป็นเรื่องของผู้คนในดินแดนแห่งนี้ที่ชิวหลงสังเกตได้ว่ามีชีวิตชีวาไม่แตกต่างจากยุทธภพเดิมในโลกของเขาเลย ซึ่งในที่นี้จะขอแจกแจงเป็นรายบุคคลไป นับตั้งแต่เพื่อนคนแรกของเขาที่มันอ้างว่าประกอบอาชีพเป็นพ่อค้า หากแต่ใครต่อคิดก็ต่างคิดว่ามันเป็นจอมเวทที่มีงานอดิเรกเป็นพ่อค้ามากกว่า ในด้านความรู้เชิงเวทมนตร์ลองมองดูแล้วในชั้นปีไม่มีใครฉลาดไปมากกว่ามัน อีกทั้งความสามารถทางด้านเวทมนตร์ยังไม่เป็นที่กังขา ถึงจะไปแพ้แม่สาวแว่นชื่อว่าเฟียน่าตอนสอบย่อยก็ตาม

     

                “นายยังไม่ได้บอกเหตุผลฉันเลยนา...ไปทำอีท่าไหนถึงแพ้เฟียน่าได้ล่ะฮึ? แดดมันบังตาหรือยังไง” ในตอนนั้นเขากระเซ้าไปเล่นๆ ซึ่งมารู้เอาทีหลังว่าเป็นความคิดที่ผิดมหันต์

     

                “จะให้ฉันบอกเรื่องเมื่อวันนั้นกับทุกคนดีไหมเอ่ย” ชายหัวคิดหันกลับส่งยิ้มให้เขาน้อยๆ ซึ่งชิวหลงรู้ได้โดยทันทีว่าเรื่องนั้นมันคือเรื่องอะไร นี่ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นความอับอายเพียงไม่กี่อย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตเขาแล้วล่ะก็คงไม่ปล่อยให้เจ้านี่มันเก็บไว้ต่อล้อต่อเถียงกับเขาแบบนี้หรอก

     

                หลักๆแล้วเป็นผู้ชายที่เขาไม่อยากไม่เป็นศัตรูด้วยมากที่สุด เพราะที่ร้ายยิ่งกว่าฝีมือก็คือฝีปากของอารันที่รู้จักใช้ในยามจำเป็น แตกต่างกับเขาที่เพื่อนๆในชั้นปีพากันบอกว่าส่วนมากเป็นประเภทน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงซะมากกว่า

     

                แน่นอนว่าเขายังมีเพื่อนสนิทอยู่อีกคน ซึ่งก็รู้ความจริงเกี่ยวกับตัวเขาเช่นกัน ผู้ชายที่ตัวเล็กกว่าใครในชั้นปี นิกซ์ วาเลนไทน์ หนุ่มน้อยหน้าตาน่ารักน่าชังในสายตาของสาวๆต่างหอ ซึ่งเขาไม่เห็นว่าเจ้าหมอนี่มันจะน่ารักกับเขาตรงไหนกับอีแค่โตช้ากว่าคนอื่นๆไปหน่อยก็เท่านั้น สงสัยชาตินี้เขาคงไม่เข้าใจความคิดของผู้หญิงพวกนั้นที่ปลื้มพ่อหนุ่มน้อยคนนี้พอๆกับพ่อค้าคนสำคัญที่วันๆเอาแต่ยิ้มไม่ก็ขลุกอยู่ที่ห้องสมุด

     

                สาเหตุที่เขารู้ก็เพราะเพื่อนสนิทของเขาทั้งสองคนถ้าไม่ขลุกอยู่กับเขาโดยมีเหตุผลที่ว่ากลัวเขาไปก่อเรื่องที่ไหน ก็รวมหัวกันไปที่ห้องสมุดซึ่งบางทีชิวหลงเองก็ได้ติดสอยห้อยตามไปด้วยเพื่อศึกษาความรู้เพิ่มเติมให้มากเท่าที่จะมากได้ ทดแทนในส่วนต่างที่เขาไม่มีสำหรับโลกแห่งนี้

     

                จุดเด่นเพื่อนตัวเล็กของเขานอกจากขนาดตัวที่เล็กกะทัดรัดพกพาไปไหนสะดวกก็เห็นจะมีแต่ความรู้ในเรื่องของสัตว์วิเศษและการปรุงยาที่บางเวลาดูจะรอบรู้ไปยิ่งกว่าอารัน นอกจากนี้ความคิดในแบบคนธรรมดาของมันก็ช่วยเบรกทั้งเขาและบุรุษหัวเขียวให้ทำตัวเหมือนชาวบ้านได้ในบางโอกาส

     

                ขอย้ำว่าในบางโอกาส

     

                เพื่อนผู้ชายคนอื่นๆในห้องก็ไม่มีอะไรมากนักเพราะหลักๆจะพูดคุยกันไปในทางเรื่อยเปื่อยมากกว่าจริงจัง จะมีบ้างก็เรื่องของเหตุการณ์ทางตอนเหนือของไอช่าที่ทางสภามีมติให้ประกาศเป็นที่รับทราบทั่วกัน รวมถึงทางการเองก็แพร่กระจายข่าวนี้ไปทั่วทั้งอัลเทร่า แต่ดูเหมือนพวกชาวเมืองจะไม่กังวลซักเท่าไหร่ ตามหลักแล้วก็คงจะเป็นแบบนั้นเพราะยากเหลือเกินที่จะมีใครมาสั่นคลอนรากฐานอันยิ่งใหญ่อันของทวีปมนตราแห่งนี้ได้ เว้นแต่พวกระดับสูงและพวกนักเรียนที่รู้ว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในคืนนั้น

     

                และดูเหมือนจะเป็นโชคดีที่นักเรียนในชั้นปีหนึ่งหอซูซาคุไม่มีบ้านเกิดอยู่ในเมืองที่ได้รับความสูญเสียเหล่านั้น แต่ไม่ใช่ว่าจะโชคดีไปกันซะทุกคน ชิวหลงเองทราบข่าวผ่านทางอารันมาว่ามีนักเรียนหลายคนที่พอทรายข่าวนี้และเกิดอาการวิตกกังวลเพราะบ้านเกิดพวกเขาอยู่ในเมืองที่คาดว่าถูกบุกโจมตี แต่ประเด็นจริงๆมันอยู่การหายสาบสูญไปพร้อมกันของเหล่าชาวเมืองต่างหาก คงเป็นเรื่องยากที่จะทำใจได้ว่าครอบครัวของตนอาจจะไม่มีวันได้เห็นหน้าพวกเขาอีกต่อไป

     

               

                “น่าสนุกดีนี่คะ แต่อย่าหักโหมจนเข้าเรียนสายล่ะ” ซายากะแย้มรอยยิ้มบาง

     

                “พวกนายสองคนช่วยนึกถึงหน้าตาของหอเราหน่อยก็ดีนะ...” เซเรน่ากล่าวเสียงเครียด คิ้วคู่งามขมวดแน่น

     

                “อย่าลืมเอาจานไปเก็บกันด้วยนะครับ” นิกซ์ยิ้มเจื่อนๆอย่างไม่รู้ว่าจะห้ามยังไงดี

     

                ดูเหมือนว่าโต๊ะอาหารแห่งนี้จะขาดเรื่องพรรค์นี้ไปไม่ได้จริงๆเชียว

     

                ใครคนหนึ่งคิดในใจอย่างเงียบงัน

     

               

          “มีข่าวเพิ่มเติมอะไรบ้างหรือเปล่า” ชิวหลงถามอารันเพียงหวังว่าชายคนนี้จะรู้ในเรื่องที่เขายังไม่รู้

     

                “ขอบอกว่าไม่มี...แต่ก็อย่าทำหน้าเหมือนมีบ้านอยู่ที่ทางตอนเหนือแบบนั้นสิ เรื่องแบบนี้ใครก็ไม่อยากให้เกิดทั้งนั้นแหละ” อารันตบบ่าเพื่อนของเขาที่ดูซึมจนดูผิดหูผิดตา

     

                “แต่ถ้ามันเกิดขึ้นกับครอบครัวของนายเองล่ะ…” ชิวหลงตอบกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

     

                หลังจากนั้นพวกเขาก็นิ่งเงียบไปพักใหญ่ ถ้าสามสหายประจำห้องไม่มาทักทายพวกเขาซะก่อน ที่เรียกแบบนี้ก็เพราะสามคนนี้มักไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดแม้จะไม่อยู่ห้องเดียว อันประกอบไปด้วย เดรค ไฟเยอร์ ไรอัน ดีเทล และดรากูน ทอเรีย ดูไปดูมาก็คล้ายกับพวกเขาอยู่ไม่น้อยถ้าไม่นับนิสัยเป็นกันเองที่ดูเหมือนจะไปตีซี้ได้กับทุกคนถ้าพวกนี้มันต้องการ

     

                แค่มันสามคนก็ทำให้ชื่อเสียงของชั้นปีหนึ่งบ้านซูซาคุดังขจรกรไกรไปทั่ว แน่นอนว่าไม่ใช่ในทางที่ดีซักเท่าไหร่ ถ้าไม่นับตัวชิวหลงเจ้าพวกนี้ก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่ต้องโดนเซเรน่าหัวหน้าชั้นปีเพียงหนึ่งเดียวเอ็ดได้อยู่แทบทุกวัน

     

                แต่แบบนี้ใช่ว่าคนอื่นๆจะโดนรัศมีของพวกมันสามคนกลบไปซะมิด แต่เป็นเพราะพวกที่เหลือเรื่องจะเก็บตัวไม่ค่อยสุงสิงกับใครมากกว่า โดยเฉพาะไอล์ สควอโร่ห์และเลชาน ลาฟิโอ้ สองหนุ่มที่แยกกันอยู่คนละมุมห้องภายใต้โลกส่วนตัวอันสูงลิบของเจ้าตัว และราเชลบุรุษหน้าจืดที่นานๆทีจะเข้ามามีส่วนร่วมในบทสนทนา

     

                เพราะแบบนี้ชั้นปีของพวกเขาถึงได้มีสีสัน

     

              

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×