การเจ็บครรภ์คลอด
ความเจ็บปวดเป็นเรื่องที่ซับซ้อน เนื่องจากมีความสัมพันธ์ทางจิตใจ อารมณ์ และร่างกาย สามารถอธิบายได้ดังนี้
ทฤษฎีความเจ็บปวด
ทฤษฎีควบคุมประตู (Gate control theory) ของ Melzack and wall ได้กล่าวว่า กลไกการปิดเปิดประตูมีความเกี่ยวข้องกับการส่งผ่าน พลังประสาทของความเจ็บปวดจากส่วนต่างๆของร่างกาย ซึ่งจะถูกปรับสัญญาณในระดับไขสันหลังก่อนส่งขึ้นไปรับรู้ความเจ็บปวดในระดับสมอง ดังนั้น เมื่อประตูปิดการส่งผ่านของพลัง ประสาทความเจ็บปวดจะถูกยับยั้ง ความเจ็บปวดจะไม่ถึงระดับที่ทำให้รู้สึกถึงความเจ็บปวด แต่ถ้าประตูเปิดจะมีความเจ็บปวด และหากประตูเปิดเพียงบางส่วนจะมีความเจ็บปวดน้อยลง
การส่งพลังประสาทความเจ็บปวดไปยังสมองทำได้ 3 ทาง
- การทำงานของใยประสาทการรับรู้ของใยประสาทขนาดใหญ่และขนาดเล็ก มีกลไกการปรับสัญญาณอยู่ในระดับไขสันหลังบริเวณ substantia gelationosa โดยพลังประสาทจากใยประสาทขนาดเล็กจะทำหน้าที่เปิดประตูส่วนพลังประสาทจากใยประสาทขนาดใหญ่ (อยู่บริเวณใต้ผิวหนัง) จะทำหน้าที่ปิดประตู การลูบ นวด หรือที่ผิวหนังจึงลดความเจ็บปวดได้
- การส่งสัญญาณจากเรติคูลาร์ฟอร์เมชั่นในก้านสมอง มีการปรับสัญญาณที่เข้าและออกรวมทั้ง ปริมาณความรู้สึกของพลังประสาทนำเข้าสู่สมองจากส่วนต่างๆของร่างกายให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะถ้าพลังประสาทนำเข้าไม่ว่าจะเป็นทางหูทางตามีจำนวนมากขึ้นระบบการทำงานของเรติคูลาร์ก็จะมีการยับยั้งเพิ่มขึ้นด้วย ทำให้ประตูปิดไม่มีการส่งผ่านพลังประสาทความเจ็บปวดไปถึงระดับการรับรู้ที่เปลือกสมองจึงไม่มีความเจ็บปวด เช่น การเบี่ยงเบนความสนใจอาจยับยั้งความเจ็บปวดได้ ส่วนความเบื่อ ความจำเจทำให้ความเจ็บปวดเพิ่ม
- การส่งสัญญาณจากเปลือกสมองและธาลามัส พลังประสาทในระดับนี้ทำงานเกี่ยวข้องกับกระบวนการสติปัญญา (Cognitive) และความรู้สึกหรืออารมณ์ (affective) ดังนั้น ความรู้สึกนึกคิดของ แต่ละคนจะมีอิทธิพลต่อการส่งผ่านของพลังประสาทความเจ็บปวดที่มาจากระบบควบคุมประตูไปยังระดับสมองเพื่อการรับความรู้สึกและความคิดของบุคคล เช่น ความเชื่อของบุคคล ความวิตกกังวล ประสบการณ์ความเจ็บปวดในอดีต
ทฤษฎีการเริ่มต้นเจ็บครรภ์ (Theories of labor onset)
- Oxytocin stimulation theory ระยะท้ายของการตั้งครรภ์ oxytocin เพิ่มขึ้นและเพิ่มสูงสุดระยะที่ 2 ของการคลอด ทำให้มดลูกหดรัดตัว
- Prostaglandin theory ระยะใกล้คลอด prostaglandin เพิ่มสูงทำให้มดลูกหดรัดตัว
- Estrogen stimulation theory เมื่อครรภ์ครบกำหนด estrogen เพิ่มขึ้น ทำให้มดลูกหดรัดตัวและเพิ่มการสังเคราะห์ prostaglandin
- Progesterone withdrawal theory ใกล้คลอด progesterone ลดลงทำให้มดลูกหดรัดตัว ***ออกสอบ
- Fetal cortisol theory เมื่อทารกในครรภ์โตเต็มที่ adreno corticotropic hormaone จะกระตุ้นต่อมหมวกไตให้สร้าง cortisol มากขึ้น มีผลให้มดลูกหดรัดตัว
- Uterine stretch theory เมื่อครรภ์ครบกำหนด มดลูกจะยืดถึงขีดสุด เกิด depolarization ทำให้มดลูกหดรัดตัว
- Pressuretheory การเคลื่อนต่ำของส่วนนำของทารกจะกระตุ้นตัวรับรู้ความดันที่บริเวณมดลูกส่วนล่าง ส่งสัญญาณไปที่ต่อมใต้สมองให้หลั่ง oxytocin ทำให้มดลูกหดรัดตัว
- Placental aging theory หลังอายุครรภ์ 40 สัปดาห์ การไหลเวียนเลือดบริเวณรกลดลง ทำให้รกเสื่อม และผลิต progesterone ลดลง
- Changes in the estrogen/progesterone ratio ระยะต้นๆ ของการตั้งครรภ์มี progesterone มาก กระตุ้น beta-receptor ทำให้มดลูกคลายตัว ระยะท้ายของการตั้งครรภ์ estrogen เพิ่มสูงขึ้น กระตุ้น alpha-receptor ทำให้มดลูกหดรัดตัว
สาเหตุของความเจ็บปวดในระยะคลอด
- การขาดออกซิเจนของกล้ามเนื้อมดลูก
- การยืดขยายของปากมดลูก กล้ามเนื้อพื้นเชิงกราน และฝีเย็บ
- แรงกดดันของส่วนนำของทารกต่อปากมดลูก ช่องคลอด บางส่วนของท่อปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะ และทวารหนัก
ปฏิกิริยาและการตอบสนองต่อความเจ็บปวดในระยะคลอด
ด้านมารดา
- ปฏิกิริยาเฉพาะที่ มดลูกหดรัดตัวปล่อย prostaglandin กระตุ้นปลายประสาทรับความรู้สึกเจ็บปวด เนื้อเยื่อหลั่งสาร bradykinin และ histamine ทำให้มดลูกไวต่อความเจ็บปวด
- ระดับไขสันหลัง มี reflex ทำให้กล้ามเนื้อลายและหลอดเลือดหดตัว เกิด hypoxia ส่งผลให้เกิด anaerobic metabolism ส่งผลให้เกิด lactic acid และ local acidosis ทำให้เจ็บปวดกล้ามเนื้อระบบทางเดินอาหาร ระบบขับถ่ายลดลง
- ระดับเหนือไขสันหลัง พลังประสาทกระตุ้น autonomic center ในไฮโปธาลามัสเร่งการทำงานของประสาทซิมพาเธติคให้หลั่ง epinephrine เพิ่มขึ้นส่งผลให้ อัตราการเต้นของหัวใจอัตราการหายใจและความดันโลหิตสูงขึ้น หลอดเลือดส่วนปลายหดตัว ปลายมือปลายเท้าเย็น คลื่นไส้อาเจียน เหงื่อออก ขนลุก ถ้าเจ็บมากและเจ็บนาน จะกระตุ้นการทำงานของพาราซิมพาเธติคส่งผลให้อัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิตลดลง หลอดเลือดส่วนปลายขยายตัว อาจทำให้ช็อค
- ระดับเปลือกสมอง
4.1 ปฏิกิริยาทางจิต
- เร้าอารมณ์ ทำให้วิตกกังวล กลัว เศร้า โกรธ
- เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมด้านอารมณ์ อารมณ์เปลี่ยนแปลงจากปกติ หงุดหงิด โมโหง่าย ไม่มีสมาธิ กระสับกระส่าย จดจำข้อมูลไม่ได้ ถอยหนี แยกตัว ถดถอยเข้าสู่วัยที่ต่ำกว่า ท่าทีหมดหวัง ถือเอาตัวเองเป็นหลัก
- เปลี่ยนแปลงแบบแผนการดำเนินชีวิต เบื่ออาหาร นอนไม่พอ เหนื่อยล้า ความอดทนลดลง
4.2 ปฏิกิริยาทางจิตสรีระ ได้แก่ พฤติกรรมด้านน้ำเสียง ด้านการเคลื่อนไหว
ด้านทารกในครรภ์
ขณะเจ็บครรภ์ เกิด fetal distress ทารกชดเชยโดยการเพิ่ม cardiac output ถ้าขาดออกซิเจนนานอัตราการเต้นของหัวใจทารกมีภาวะ late deceleration สมองของทารกอาจได้รับความกระทบกระเทือนจากการหดรัดตัวของมดลูก
ความคิดเห็น