ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Basilisk Eye' : เสน่หา ทาส นาคิน (Yaoi) (จบแล้วจร้า)

    ลำดับตอนที่ #21 : ค่ำคืนที่ 19 : ของขวัญ ..100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 630
      19
      11 ต.ค. 58

    หยาดน้ำโปรยปรายจากฟากฟ้าสีดำ เสียงตกพร่ำของสายฝนบนผืนทรายฟังแล้วช่างแสนเศร้าสลด ราวกับทวยเทพเบื้องบนล่วงรู้ว่าควรไว้อาลัยให้กับการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่แด่องค์ชายแห่งอนาคาน..


    มิกิเฝ้ามองสายพิรุณที่ตกพร่ำลงมาอยู่แบบนั้นผ่านหน้าต่างในห้อง แม้จะรู้สึกเสียใจจนอยากกลั่นน้ำตาระบายเพื่อคนที่จากไป แต่กลับไม่มีน้ำตาไหลออกมาเลยสักหยด ทว่าความอึดอัดที่เกิดขึ้นกลางแผ่นอก กลับทวีเพิ่มขึ้นทุกวินาทีที่นึกถึงความผิดพลาดของตัวเอง


     เขาคิดว่าทุกอย่างจบลงด้วยดีแล้ว...หากความจริงคือเขาคิดไปเองหมดทุกอย่าง แม้แต่คนใกล้ตัวที่คิดว่าหลอมละลายหัวใจอันเยือกเย็นได้ ก็กลับเป็นแค่ภาพฝันซึ่งไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ถึงความโหดร้ายจะเป็นเรื่องธรรมชาติของโลกใบนี้ที่เขารู้จักดี แต่การใช้สายเลือดตัวเองเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงกลับเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถยอมรับได้

     

    ฉันคิดว่านายเปลี่ยนไปแล้ว... น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเสียใจ ใบหน้าที่แสดงความผิดหวังหันกลับมามองบุคคลที่ยืนอยู่ตรงหน้าประห้อง แต่ความจริงคือไม่เลย..นายไม่เคยเปลี่ยนไปแม้แต่นิดเดียว


    มิกิ...” กายสูงขยับเข้าไปใกล้คนอยู่ริมหน้าต่าง สีหน้าที่ยังคงบ่งบอกถึงความเสียใจในตัวเขายังคงแสดงออกอย่างชัดเจน บาซิกค์ใช้มือทั้งสองจับไหล่บางเอาไว้ หวังจะพูดบางสิ่ง แต่ทว่ากลับถูกปัดทิ้งอย่างไร้เยื่อไย


    อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!” ดวงตาคู่สวยมองอย่างแข็งกร้าว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย็นชา


    นายมันโหดร้าย ฆ่าได้แม้แต่น้องของตัวเอง!”


    ความเสียสละจำเป็นสำหรับเรื่องนี้ เพื่อที่จะรักษาความสัมพันธ์กับซาคาเดียร์ คนที่ทำผิดก็ควรยอมรับการตัดสิน


    แต่บาฮาลคือน้องชายของนาย! มันน่าจะมีทางออกที่ดีกว่านี้ !”


    เช่นทางไหนล่ะ!” ขึ้นเสียงดังกลับจนคนที่เริ่มเรื่องสะดุ้ง จะบอกว่าความผิดฐานรอบปลงพระชนม์สามารถแลกด้วยคำว่าขอโทษหรือยังไง มิกิก้มหน้าลงเพราะพูดอะไรไม่ออก รู้สึกขอบตาทั้งสองข้างเริ่มร้อนผ่าวเสียจนมีน้ำใสๆ คลออยู่บนดวงตาก่อนจะหยดลงมา “ในเมื่ออนาคานปฏิเสธสิ่งที่ซาคาเดียร์ต้องไปทุกอย่างแล้ว สิ่งใดกันเล่ามิกิ ถึงจะคู่ควรและชดใช้กับความบาดหมางครั้งนี้ได้” เสียงที่สั่นไหวกว่าทุกครั้ง ทำเอาเด็กหนุ่มต้องเงยหน้าขึ้นมา

     

     สิ่งที่เห็น..ในดวงเนตรขององค์เทพปรากกฏความเจ็บปวดไม่แพ้กัน

    บางครั้ง...ความตายอาจไม่ใช่ทางออกของทุกสิ่ง แต่สำหรับเรื่องนี้ไม่ใช่ คำตอบสุดท้ายช่างแสนเศร้า นัยน์ตาตู่สวยหลับลง มือเรียวยกขึ้นป้องปากกลั้นเสียงสะอื้น ศีรษะทิ้งลงพิงกับแผ่นอกกว้างราวกับคนกำลังหมดเรี่ยวแรง มีเพียงอ้อมแขนอันอบอุ่นที่โอบกอดแผ่นหลังปลอมประโลมร่างที่สั่นไหว

    อย่าห่วงไปมิกิ...จากนี้บาฮาลจะได้ชีวิตใหม่ที่ดีกว่าอนาคานเคยมอบให้ มือใหญ่ลูบลงบนเส้นผมสีอ่อน ได้ยินเสียงร้องไห้และสัมผัสได้ถึงกายที่สั่นไหว ถึงแม้เขาจะทำเสมือนไร้ความรู้สึกใด ทว่าในดวงตากลับซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงไว้ไม่มิด

     

    จะรู้ไหมว่าเขาเจ็บปวดเพียงใด..

    จะรู้ไหมว่าต้องรับภาระไว้แค่ไหน..

    หากทั้งหมดไม่เชื่อเพื่ออนาคาน เขาคงไม่ตัดสินใจเช่นนี้ บางทีการเป็นคนธรรมดาคงดีกว่า เกิดเป็นองค์เทพเพื่อลิขิตชีวิตคน..

    ขอโทษนะบาฮาล..


     


    หลังจากที่พ้นความวุ่นวาย ซาคาเดียร์กลับสู่ภาวะปกติอีกครั้ง ทว่าสายฝนที่พร่ำตกลงมาอย่างหนักกลับทำให้บรรยากาศในราชวังช่างแสนเศร้าสลด


    ราชีนีคิเมดาห์เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องบรรทมไม่ยอมตรัสสิ่งใดเป็นเวลากว่าหลายชั่วโมง เพราะไม่คิดมาก่อนว่าบทสรุปสุดท้ายของซาคาเดียร์จะไม่มีสิ่งใดสมปรารถนา แม้ชีวิตขององค์ชายบาฮาลจะเป็นสิ่งที่เธอไม่ได้คาดหวัง แต่ก็อดทึ่งกับการตัดสินใจอันเด็ดขาดของราชาแห่งอนาคาน และความกล้าหาญขององค์ชายบาฮาลเป็นไม่ได้ ความละอายแก่ใจทำให้เธอไม่สามารถลุกขึ้นค้านอนาคานได้อย่างครั้งก่อน แม้แต่พระศพขององค์ชายก็ยังไม่กล้าเปิดมองและยกให้องครักษ์ข้างกายเป็นคนจัดการ


    ราชิสหลังจากเข้าเฝ้าองค์ราชีนีเสร็จ ก็ถอนหายใจอยู่หน้าประตู เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างผลกระทบร้ายแรงทางจิตใจกว่าที่คิดไว้นัก แม้สายฝนจะจากไปแล้วแต่ก็ยังคงเหลือร่องรอยให้มองเห็นว่าเกิดสิ่งใดขึ้นที่นี่ หยาดน้ำตาของน้องชายเขาคงเป็นคำตอบได้อย่างดิบดี ซาอิดร้องไห้เสียใจจนหมดสติไปต่อหน้า จนเวลานี้ก็ยังไม่ฟื้น ความเสียใจที่เกิดขึ้นกับการสูญเสียคนสำคัญ ทำให้เขาเข้าใจดีว่าเหมือนกับการถูกเฉือนเนื้อหัวใจให้เหวอะวิ่น


    เคยรู้สึกเช่นนั้น

    เจ็บปวดมากกว่านั้น

    แต่ยามที่เจอคนคนนั้น ความเจ็บปวดกลับไม่สามารถแปลงเปลี่ยนเป็นความเกลียดชังได้อย่างที่ควรจะเป็น

    เขายังคงรัก..

    และรักเสมอ..แม้วินาทีสุดท้ายที่ร่างกายนี้จะต้องแตกสลายใต้แทบเท้า คำตอบก็ยังเป็นเช่นเดิม

     

    สองเท้าพาร่างสูงโปร่งเดินเอื่อยเฉื่อยไปรอบวัง ทีแรกเขาคิดจะไปหาน้องชายตนเพื่อไปดูอาการ แต่ก็เปลี่ยนใจถอยหลังกลับ เวลานี้พวกราชบริวารคนอื่นต่างยุ่งกับคำสั่ง ว่าให้จัดเตรียมสถานที่สำหรับพิธีศพองค์ชายแห่งอนาคานอย่างสมเกียรติ ก่อนที่จะส่งพระศพคืนแก่อนาคาน  ทั้งนี้เป็นเพราะพิธีโบราณในการรักษาความสัมพันธ์ แม้ราชาบาซิกค์จะทรงต้องการรับพระศพของน้องชายกลับไปก็ไม่สามารถทำได้ ทั้งนี้เชื่อว่ากายเนื้อที่สลายสิ้นที่แผ่นดินวิญญาณของซาคาเดียร์จักต้องได้การชำระเสียก่อน เพื่อให้กายที่ไร้หัวใจนี้บริสุทธิ์ เสมือนเป็นการลบความบาดหมางต่อทั้งสองเมืองจักได้ไม่มีสิ่งใดค้างคา ถึงจะรู้ดีว่ามันไม่มีวันลบได้ แต่คงไม่อะไรที่ดีกว่านี้ หากต้องการรักษาความสัมพันธ์


    พระศพขององค์ชายบาฮาล ถูกเก็บไว้ที่ห้องโถงกลางทางทิศใต้ของราชวัง โดยจัดร่างพระองค์ให้นอนบรรทมไว้บนแท่นนาคินทองคำ แต่น่าแปลกทั้งที่พระศพถูกพิษควรจะดำคล้ำ แต่กลับมีพระวรกายสดใสดุจยังมีลมใจ มีดวงฤทัยที่นิ่งสงบเท่านั้นเป็นเครื่องยัน ทว่าในใจลึกๆกลับสังหรใจในบางสิ่ง


    ระหว่างที่เขาออกจากห้องพระศพ และเดินไปตามทางเดินที่แสนเงียบกริบ รู้สึกตัวอีกที สุดสายตาตรงหน้า ก็คือประตูทางเข้าเชื่อมต่อไปยังสระน้ำศักดิ์สิทธิ์


     ฝีเท้าชะงักลง..เมื่อพบว่าบนพื้นมีร่างของอสรพิษทะเลทรายนอนขดตัวขวางไว้อยู่ ส่วนหัวของมันชูขึ้นมองเขา พร้อมกับปลายหางที่สั่นไหวเป็นเสียงคลื่นถี่


    ราชิสจ้องมองสิ่งมีชีวิตแปลกปลอมนิ่ง แต่เพียงแค่สบดวงตาของสัตว์ร้าย ก็เหมือนว่ามันกำลังทำให้เขาได้สื่อสารถึงใครบางคน

    ใครบางคนที่ไม่คาดคิด

    ฝะ...ฝ่าบาท เอ่ยขึ้นอย่างไม่เชื่อ หากจำไม่ผิดดวงตาของอสรพิษคู่นั้นคือดวงตาเฉกเช่นกับเทพนาคินเป็นแน่ ถึงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนัก เพราะพระองค์มีอำนาจมนตราที่เหนือนาคินทั่วไป

     แต่เหตุใดกันเล่า ถึงได้ส่งอสรพิษตัวนี้มาสื่อสารกับเขา?

    คำถามมากมายผุดขึ้นในหัว แต่จู่ๆ ก็พลันทำให้เขานึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา ไม่ทันจะได้ถามออกไป เสียงเรียบเย็นก็ดังกังวาลในหัว


    ราซิส เจ้ารู้ใช่ไหมที่ข้ามาพบเจ้าเพราะเหตุใด คำถามนั้นทำให้อดีตองครักษ์สะกิดในใจ ข้อสงสัยบางอย่างที่ข้องใจเกี่ยวกับพระศพขององค์ชายบาฮาล ถูกยกขึ้นมาในหัวเป็นอันดับแรก และหากเขาเรียงลำดับเหตุการณ์และวัดความเป็นไปได้ทั้งหมด บางทีเขาอาจจะพบแผนการที่เกินความคาดหมาย


    ตั้งแต่ที่ต่อสู้กันคราก่อน เขาจำได้ว่าองค์ชายบาฮาลถูกกริซที่อาบพิษที่ร้ายแรงที่สุดของอนาคานปักเข้าที่ท้อง และน้อยคนนักที่สามารถมีชีวิตรอดจากพิษนี้ไปได้เพียงข้ามวัน ทว่า..ตัวขององค์ชายบาฮาลกลับไม่เป็นเช่นนั้นจนน่าแปลกใจ แม้ร่างนาคินขององค์ชายจะเป็นนาคินซึ่งไร้พิษร้าย แต่กลับกันอาจเป็นนาคินที่สามารถรักษาพิษได้ด้วยตัวเอง หากพิษที่ร้ายแรงที่สุดไม่สามารถทำอันตรายได้ นับประสาอะไรกับพิษงูเห่าเล็กน้อยนี่ ถึงอย่างมากก็แค่ทำให้หัวใจหยุดเต้น แต่ก็อาจจะเป็นไปได้สูงที่จะเป็นแค่ระยะเวลาชั่วคราว และเหตุผลนี้อาจเป็นไปได้ว่า ทั้งหมดคือละครที่สร้างขึ้นบังหน้าซาคาเดียร์ ถึงจะไม่มีหลักฐานมายืนยันว่าองค์ชายแห่งอนาคานจะทรงฟื้นหรือไม่ แต่การที่ปล่อยเนื้อเข้ามาในปากเสือแล้วคงเป็นเรื่องยากที่จะเอาคืน


    กระหม่อมไม่แน่ใจนัก ว่าทรงวางแผนใดเอาไว้ แต่คงไม่ดีหากเรื่องทั้งหมดเป็นอย่างที่กระหม่อมคิดราซิสกล่าวเรียบนิ่ง รอฟังคำตอบของอีกฝ่ายที่เงียบไปเป็นเวลานานเหมือนกำลังตัดสินใจ กระทั่งสุรเสียงจากเจ้าผู้ปกครองนาคินก้องในหูอีกครั้ง


    ทั้งหมดอาจเป็นอย่างที่เจ้าคิด อนาคานจะไม่เหลือเกียรติใดๆ อีก หากคิเมดาห์ทราบเรื่องเข้า และข้าหวังว่าครานี้ข้าจำเป็นต้องพึ่งเจ้า น้ำเสียงที่ดังในหัวอ่อนลง ราซิสหัวเราะออกมาเบาๆ ในลำคอ


    เหตุใดกระหม่อมต้องทำตามที่พระองค์ตรัสด้วยเล่า อีกอย่างทรงลืมไปแล้วหรือว่าทำสิ่งใดกับกระหม่อมไว้ กระหม่อมจะไม่มีวันทำสิ่งที่อนาคานขอร้อง น้ำเสียงนั้นช่างแข็งกร้าวไร้ซึ่งความนอบน้อมเช่นครั้งอดีต ทำไมเขาจะต้องให้ดอกไม้กับคนที่คิดจะขยี้มันทิ้งด้วย ว่าแล้วก็ชักดาบประจำตัวออกมาหมายจะฟันอสรพิษตัวแทนให้หายไปจากสายตา


    ไม่ใช่อนาคาน... คำพูดขององค์ราชาทำให้มือที่กำลังตวัดดาบลงชะงัก ประโยคต่อมาทำให้หัวใจเขาอ่อนยวบ แต่เป็นข้าที่กำลังขอร้อง แล้วไหว้วอนเจ้า


    สิ้นคำร้องขอที่ไม่เคยได้ยิน ดาบในมือก็เก็บลงฝัก ราซิสหัวเราะออกมาคล้ายกับคนเสียสติ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าหากไม่มีเรื่องเช่นนี้ บาซิกค์จะเห็นหัวเขาอยู่หรือไม่


    ทำไมกระหม่อมต้องสนใจในสิ่งที่พระองค์ต้องการ กระหม่อมไม่ใช่องครักษ์ของพระองค์อีกแล้ว ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน กระหม่อมจะไม่มีวันลืมในสิ่งที่พระองค์ทรงทำ หากองค์ราชีนีทรงรู้ว่าเรื่องนี้เป็นเพียงละครบังหน้า อนาคานจะไม่มีวันสงบสุข


    หากสิ่งนั้นเรียกว่าความแค้น โปรดนำความแค้นของเจ้ามาลงที่ข้า แต่อย่าลงกับอนาคานได้ไหมราซิส ราซิสชะงักในคำพูด อสรพิษเลื้อยเข้ามาใกล้หวังจะย้ำความจริง


     “ในอดีตถึงข้าจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของเจ้าที่มีต่อข้า แต่ข้ากลับไม่สามารถตอบแทนความรู้สึกที่เจ้าต้องการได้ กระทั่งวันนั้น..สิ่งที่เจ้าทำ มันทำให้ข้าไม่เหลือทางเลือกใด สิ้นคำพูดก็พลันทำให้ดวงตาสีครามขยายขึ้น บาซิกค์เข้าใจดีว่าในอดีตเขาได้สร้างบาดแผลให้ราซิสขึ้นมาในหัวใจยากที่จะลบล้าง แต่ก็ไม่ได้หวังว่าจะให้ร่างตรงหน้าอภัย เพราะทางออกที่ปราณีที่สุดที่เขาคิด กลับกลายเป็นสร้างความเจ็บช้ำยากจะลืมเลือน


    พระองค์เลยทรงให้กระหม่อมมาตายที่นี่ ทรงรู้อะไรไหม หากพระองค์ประทานความมตายให้ด้วยมือของพระองค์เอง กระหม่อมยังคงมีความสุขเสียกว่าส่งมาตายด้วยมือคนอื่น!” ราซิสตวาดเสียงลั่น ไม่รู้เพราะความโกรธหรือความเสียใจ แต่บริเวณอกข้างซ้ายมันเจ็บ เจ็บตรงใต้หัวใจดวงนี้ จนน้ำเย็นชื้นตาไหลออกมา ยิ่งได้ยินคำตอบมาเท่าไร ก็เหมือนต้องการขุดอดีตขึ้นมาฆ่าเขาให้ตายทั้งเป็น


    ราซิสที่ข้าทำเช่นนั้น เพราะข้ามิอาจฆ่าเจ้าได้ด้วยมือของตัวเอง


    เลือดของคนที่ถูกตราหน้าว่าทรยศ คงสกปรกเกินกว่าจะแปดเปื้อนมือพระองค์สินะ!” แผดเสียงกร้าวน้ำตาไหลพรากเป็นสาย แทบจะหมดแรงยืนรั้งร่างกาย กระหม่อมน่าจะสังหารพระองค์เสียตั้งแต่วันนั้น ให้สมกับที่ถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ!”


    เจ้าไม่เคยทรยศข้า! ข้าต่างหากที่ทรยศความรู้สึกของเจ้า!” เสียงตะโกนที่ดังกลับมาทำเอาหัวใจแทบหยุดเต้น รู้สึกเหมือนถูกแทงมีดที่ท้องจนมิดด้าม แต่กลับปลอบใจด้วยคำขอโทษ บางทีสิ่งที่เกิดขึ้นก็ยากเกินกว่าจะลบด้วยคำพูดได้ แต่ทำไมในใจดวงในกลับสั่นไหวเหลือเกิน


    จะทำอย่างไรกับหัวใจตัวเอง

    ความแค้นความเกลียดชังเพิ่มพูนจนเต็มร้อย ทว่า..คำว่ารักเพียงคำเดียวที่อาจหลงเหลือเพียงเสี้ยวใจ จะสามารถลบสิ่งเหล่านั้นได้จริงหรือ เขาก็ยังไม่รู้ตัวเอง


    ทรงกลับไปเสีย กระหม่อมไม่มีสิ่งใดที่จะทำเพื่อพระองค์อีกแล้ว


    ราซิส... น้ำเสียงที่เรียกชื่อเขาอย่างคุ้นเคยนั้น ทำเอาร่างกายเจ็บปวดยิ่งนัก เขาพยายามบอกตัวเองว่าห้ามแสดงความอ่อนแอ และจะไม่หันหลังกลับไปมอบหัวใจ แต่ทำไมตรงอกนี้ กลับมิอาจทานคำพูดต่อจากนี้ได้

    ประโยคที่หลอมละลายทุกอย่างออกจากใจ

     

    เจ้าคือคนของอนาคาน และเจ้าจะเป็นตลอดไป

     

    อสรพิษเลื้อยหายไปจนลับตา ทว่าเสียงเย็นทุ้มกลับก้องในหัวจนยากจะฝืนหัวใจ ใต้แผ่นอกนี้เจ็บปวดเหลือเกิน แต่ในขณะเดียวกันกลับเหมือนได้รับหยาดน้ำที่หวานฉ่ำจากท้องฟ้า มาราดรดบนดวงใจที่แห้งแล้งแตกละเอียด

    ขาทั้งสองไร้เรี่ยวแรง พิงกายลงที่ข้างกำแพง

    น้ำใสๆ จากริมขอบตาหยดลงมาบนพื้น..

    รอยยิ้มที่ไม่อาจวัดได้ ว่าสุขใจหรือสมเพชตัวเอง ประดับไว้บนดวงหน้า

    บางที..นี่อาจจะเป็นอย่างสุดท้ายที่เขาทำได้ เพื่อเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งให้หวนคืน..

    ไม่ว่าเขาจะไม่อยากให้อภัยอนาคานก็ตาม..



     

    ได้ข่าวคนของเราบ้างหรือเปล่า

    ภายในห้องพักหรูของโรงแรมชั้นหนึ่งในอาราบัส ค็อตเลอร์นั่งอยู่ที่โต๊ะรับแขกชิดกับขอบหน้าต่างหน้า บุหรี่ที่อยู่ในมือถูกยกขึ้นมาสูบแล้วพ่นควันสีเทาออกมาจากปากครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับพยายามผ่อนคลายความตึงเครียด เมื่อไม่ได้รับข่าวการเคลื่อนไหวอะไรเลยตั้งแต่ 2 วันก่อน


    ไม่มีการตอบกลับเลยครับศาสตราจารย์” ลูกน้องของเขาที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามตอบเสียงแผ่ว ค็อตเลอร์ปรายตามองคนที่ให้คำตอบ คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเริ่มไม่สบอารมณ์ เขาคิดไว้อยู่แล้ว ว่าจดหมายเชิญที่ได้รับมามีอะไรแปลกๆ ถึงเนื้อความข้างในเหมือนจะรู้สิ่งที่เขาต้องการ แต่ข้อแลกเปลี่ยนที่ได้กลับมาเป็นเพียงแค่อากาศเปล่าๆ


     เขาไม่รู้ว่าคนที่ส่งจดหมายมานั้นคือใคร รู้แต่เพียงว่า ชื่อเมืองที่ระบุอยู่ข้างใน คือเมืองโบราณที่นามว่า ซาคาเดียร์


    ด้วยความที่เขาไม่มีอะไรจะเสีย เขาจึงจำยอมรับข้อเสนอกับคนที่เขาไม่รู้จัก ซึ่งบอกว่าจะนำตัวเด็กคนนั้นมาให้ หากแลกกับระเบิดเล็กๆ น้อยๆ แต่ด้วยความสังหรณ์ใจ เขาจึงส่งลูกน้องตัวเองไปแทนที่จะเป็นตัวเขา จนป่านนี้ก็ยังไม่ได้ข่าวอะไรกลับมา


    แต่...มีข้อมูลใหม่เรื่องนึงนะครับที่น่าสนใจ ชายหนุ่มเสนอขึ้นอย่างยินดี ค็อตเลอร์ตีสีหน้าสงสัยขึ้นทันที


    ศาสตาจารย์จำเมืองที่ชื่อนาคานได้ไหมครับ สายของเราในนั้นรายงานมาว่า ราชาแห่งอนาคานจะทรงเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับพระชายาต่างชาติ ว่ากันว่าเขาเป็นผู้ชายน่ะครับ ได้ยินกระนั้น คิ้วหนาก็ขมวดลงครุ่นคิด


    ราชากับผู้ชายในตำแหน่งพระชายาดูแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้เลยในยุคปัจจุบันนี้ และเหมือนจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะยอมรับกับชาวโลก แต่หากประเทศนั้นเป็นประเทศเล็กๆ ที่ไม่มีใครรู้จักแล้วล่ะก็ ข่าวนี้ก็เป็นเสมือนข่าวในที่คนนอกยากจะรับรู้ โชคดีจากการที่เขาส่งคนไปวางระเบิดที่ อนาคาน โดยผ่านตัวกลางอย่างซาคาเดียร์ซึ่งเป็นอดีตคนของที่นั่น ลูกน้องของเขาเลยฝ่าเข้าไปได้ไม่ยากเย็น ทว่าก็ไม่ได้คำตอบอยู่ดีว่า ไอเด็กเจ้าปัญหาที่เขาต้องการตัวอยู่ที่อนาคานจริงหรือไม่ เพราะไม่ทันที่คนของเขาจะกลับมารายงาน ก็เหมือนถูกฆ่าตายไปเสียก่อน แต่ถ้าเขาจำไม่ผิด ข่าวสุดท้ายที่ซาคาเดียร์ก่อนหน้าที่ลูกน้องเขาจะหายตัวไป ลูกน้องของเขาได้แจ้งข่าวมาว่ากำลังรอคอยราชาแห่งอนาคานเสด็จมาที่ซาคาเดียร์เพื่อมารับคนที่คิดปลงพระชนม์ราชินี


    หากเป็นเช่นนั้น..ก็มีความเป็นไปได้สูง ว่าอนาคานอาจขัดแย้งกับซาคาเดียร์ในเรื่องบางอย่าง และการอภิเษกกับเด็กหนุ่มต่างชาติ แถมยังเพศเดียวกัน ก็นับได้ว่าผิดมนุษย์มนาพอสมควร แต่สำหรับคนที่เป็นราชาเป็นเรื่องที่ไม่ควรเปิดเผยให้ใครรับรู้ ถึงแม้จะเป็นราชพิธีภายในก็ไม่ควรอยู่ดี เพราะประชาชนอาจจะไม่ยอมรับ ยกเว้นแต่ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนที่มีอะไรดีจนคาดไม่ถึง เขาไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นคิดอะไรอยู่แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าผู้ชายคนนั้นที่อภิเษกกับราชา อาจจะเป็นคนที่เขาตามหา เพราะหากไล่ความสัมพันธ์ที่รุมกันยุ่งเหยิง อาจมีเหตุบางอย่างที่สอดคล้องกัน ค็อตเลอร์ลองคิดภาพความสัมพันธ์ที่น่าจะพอเป็นไปได้


    หากไล่มาจาก คุณสมบัติของคนที่เขาตามหา มิกิ ถือเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดี ในตัวมีเซรุ่มสมบูรณ์แบบของดอกเพเซียผสมอยู่ในเลือด แต่ทำไมกันหนอพอนึกถึงเหตุผลถึงเรื่องที่ราชาแห่งอนาคานจะแต่งงานกับมิกิแล้ว กลับไม่พบผลประโยชน์ข้อไหนที่เอื้ออำนวยเลยสักนิด กลับมีแต่ข้อเสียอยู่เต็มไปหมด ทั้งในเรื่องของชื่อเสียงที่ทรงอภิเษกกับเพศเดียวกัน และเรื่องที่ขัดแย้งกับซาคาเดียร์ เพราะอาจผิดรักกับราชินี หากนำข้อมูลทุกอย่างมาสนับสนุนให้คิดว่าพระชายาคนนี้คือคนที่เค้าตามหาละก็  คือหนึ่งเป็นผู้ชาย สองคือเป็นชาวต่างชาติ และสามคือ ก่อนที่มิกิจะหายตัวไป เขาได้นำรูปของเจ้าตัวและสอบถามชาวเมืองอาราบัส ก่อนจะได้คำตอบหนึ่งที่น่าสนใจจาก พ่อค้าขายผ้าคลุมเกล็ดงูคนหนึ่งว่ารับซื้อผ้าคลุมมาจากเด็กคนนี้  ซึ่งผ้าคลุมนี้เป็นผ้าคลุมหายาก ว่ากันว่าได้มาจากเมืองโบราณนามว่าอนาคานเท่านั้น


    หึ..ทั้งหมดเป็นแบบนี้สินะ

    รอยยิ้มชั่วร้ายกระตุกที่มุมปาก ก่อนยกบุหรี่ขึ้นมาสูบจนเต็มปอดและพ่นออกจนสุด ใบหน้าของชายวัยกลางคนเงยขึ้น ดวงตาใต้กรอบแว่นหรี่ลงยากจะคาดเดา


    เตรียมตัวให้พร้อม เราจะไปร่วมเป็นสักขีพยานรักครั้งนี้แด่องค์ราชา กระตุกยิ้มเย็นเยียบ ดวงตามองออกนอกหน้าต่างยังพื้นฟ้าดับสนิท ทว่า...เขากลับรู้สึกเหมือนดวงดาวให้ชัยชนะปรากฏอยู่ข้างกาย


    พระชายาแห่งอนาคานงั้นหรือ..คิดไม่ถึงเหมือนกันนะมิกิ


     


                สองสัปดาห์ให้หลัง..


                กลิ่นบุปฝาอบอวลโชยตลบในห้องเตรียมฉลองพระองค์ในราชพิธีสำคัญ สองไหล่ประดับผ้าคลุมสีขาวขลิบทองปราณีตยาวลากพื้น ลายบนผ้าคือเทพธิดาเปลือยกายโอบกอดอสรพิษสีเงิน บนบ่าบางปักติดด้วยบั้งอสรพิษทองคำ มีชายพู่สีเหลืองห้อยระย้าลงมาอย่างงดงาม อาภรณ์แห่งพิธีสูงศักดิ์ถูกสวมใส่โดยคนที่ใครต่างก็ไม่คาดคิด ใบหน้าหวานถูกบังคับให้เชิดขึ้นเล็กน้อย ตามคำสั่งของคนที่กำลังแปลงโฉมให้สายเลือดต่างแดน เป็นบุปผาเคียงราชัน ผงแป้งสีเนื้ออ่อนค่อยๆ ปะพรมด้วยแปรงปัดบนใบหน้า ริมฝีปากกดเม้มลงบนกระดาษแดงแผ่นเล็กที่ยื่นให้อย่างว่าง่าย ก่อนกลีบปากเคลือบเป็นสีทับทิม น้ำหอมฉีดพรมไปตามร่างกาย จนโชยฟรุ้ง

    ดวงตากลมโตงดงามดุจแสงมรกตลืมขึ้น กลีบปากบางเผยอขึ้นเล็กน้อยเหมือนอยากพูดบางสิ่ง ทว่าหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะนี้กลับทำให้เขานิ่งเงียบไป เหมือนในหัวมันว่างเปล่าไปหมด


                หลังจากกลับมาถึงอนาคาน..ผ่านไปแค่สองอาทิตย์ ในที่สุดก็มาถึงวันอภิเษกสมรส


    มิกิไม่เข้าใจว่าบาซิกค์ต้องการสิ่งใด ทั้งที่อนาคานเพิ่งสูญเสียบุคคลสำคัญอย่างองค์ชายบาฮาลไปได้ไม่พ้นเดือน แต่กลับจัดพิธีมงคลอย่างรวดเร็วขึ้นทับราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น


    เขาอยากจะคัดค้าน อยากให้ทนรอ และไว้อาลัยกับคนที่เสียสละเพื่อบ้านเมือง แต่สุดท้ายคำขอของเขาก็เป็นเพียงลมพัดผ่านมาและผ่านไป..

               

    เขาไม่สิทธิ์..

              เขาไม่มีอำนาจ..

              เป็นเพียงทาสผู้อาศัย..

     

                จากวันนั้น เขาก็ไม่คุยกับบาซิกค์อีกเลยหรือแม้แต่จะเจอหน้า รู้แต่เพียงว่าอีกไม่นาน..เขาจะต้องอภิเษกสมรสกับราชาแห่งอนาคานเพื่อจบเรื่องทุกอย่าง บาซิกค์จึงส่งคนมาคอยดูแล และสอนถึงธรรมเนียมปฏิบัติต่างๆ ของอนาคาน ที่เขาต้องกระทำตามอย่างไม่มีข้อแม้ก่อนเข้าพิธี ตั้งแต่คำราชาศัพท์ การวางตัว และท่าทีที่ต้องสง่าผ่าเผยทุกกิริยาราวกับเขากำลังเป็นราชีนีที่ยิ่งใหญ่เคียงกษัตริย์

    แต่เขาไม่ใช่.. เพราะเขาเป็นเพียงแค่คนธรรมดาที่ใช้ชีวิตโลดโผนอิสระ แต่เมื่อรู้ว่าอีกไม่นานชีวิตของตัวเองกำลังเข้ามาอยู่ในกรอบของราชวงศ์ เขากลับรู้สึกไม่เป็นตัวเองเลยสักนิด แม้จะเคยได้ยินอยู่บ่อยๆ ว่าการเป็นราชีนี หรือการได้เป็นเจ้าหญิงเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนควรใฝ่ฝัน ทว่าเพศที่ตรงกันข้ามนี้มันกลับทำให้เขาประหม่าจนไม่มั่นใจ อีกทั้งยังมีเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งที่ค้างอยู่ในใจ และมันบอกเขาว่าเรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้น!


                บาซิกค์รู้ว่ามีกลุ่มคนกำลังต้องการตัวเขา ถึงจะเป็นการจัดพิธีเพียงแค่ภายใน ที่รับรองความปลอดภัยได้มาก แต่ก็อดที่จะเป็นกังวลจนทำตัวไม่ถูก


    อนาคานยังคงเป็นประเทศที่ปิด และไม่คิดจะเปิดเผยตัวตนเพราะมีความลับมากมายที่มิอาจให้ใครล่วงรู้ได้ และด้วยเพราะความที่เป็นเมืองโบราณนี้เอง เขาจึงไม่คาดคิดว่าประชาชนจะรับทั่วทั้งหัวใจ

    จะทำอย่างไรหากเกิดการต่อต้าน

    จะทำอย่างไรเขาถึงสามารถยืนในฐานะนี้ได้อย่างสมเกียรติ

    หากโลกภายนอกรู้เข้า อนาคานคงตกเป็นข่าวยักษ์ใหญ่น่าดู ที่รู้ว่าเมืองโบราณนี้มีพระชายาคู่บัลลังก์เคียงราชาเป็นเพศชาย แถมยังเป็นชาวต่างชาติ


    แม้ตัวเขาจะไม่มีอะไรให้เสีย ไม่มีอะไรให้อับอาย เพราะชีวิตสูญเสียไปหมดทุกสิ่งแล้ว แต่มาวันนี้ วันที่กำลังจะประกาศให้ทุกคนได้รับรู้ว่า เขามีตัวตนในฐานะคนรักของราชา มันทำให้เขาเริ่มกลัวจนอยากจะเปลี่ยนใจ


             แต่ถึงเป็นแบบนั้น ก็สายเกินไปที่จะปฏิเสธทุกอย่าง ราวกับโชคชะตากำลังนำพาเขาไปในเส้นทางที่ถูกลิขิตมาไว้แต่แรก..และทำให้เส้นทางที่จะทำให้ชีวิตที่ไม่มีอะไรเลยของเขา กลายเป็น..พระชายาของแผ่นดิน

                พระชายาได้เวลาเสด็จแล้ว พะย่ะค่ะ ประโยคสูงศักดิ์ที่ควรพูดกับเชื้อพระวงศ์ถูกมอบให้เขา

     มิกิหลุดออกจากภวังค์ พยายามปรับลมหายใจและหัวใจที่ดูเหมือนไม่สงบนี้ให้มั่นคงมากที่สุด

    นัยน์ตาคู่สวยหลับลง ปล่อยให้ผ้าผืนบางสีแดงคลุมบดบังใบหน้า ก่อนสิ่งสุดท้ายจะค่อยๆ สวมลงศีรษะ

    รัดเกล้าของราชินี..

                ชีวิตใหม่พร้อมแล้ว..

     

                เสียงระฆังลั่นกังวาน แสงอาทิตย์ร้อนแรงลอดผ่านหมู่มวลก้อนเมฆสดใส หลังพายุร้ายได้จบสิ้นลง ชีวิตหนึ่งก็พบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่


    ท้องพระโรงเต็มไปด้วยเหล่าบรรดาเหล่าผู้อาวุโสในต่ำแหน่งสำคัญต่างๆ ทั้งราชเลขา สมุหนายก ทูตให้มาเข้าร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีศักดิ์สิทธิ์กันอย่างครบครัน


    ทันทีที่เสียงระฆังกังวานดังอีกครั้ง บันไดขั้นบนสุดปรากฏร่างที่ทุกคนรอคอย ความงดงามดุจเทพธิดาจำแลงกายก็พานให้เสียงเซ็งแซ่นั่นเงียบสนิท สายตานับร้อยดูตกตะลึงมองไปทางเดียวกันเมื่อได้ยลโฉมชายาของแผ่นดิน


    ร่างบางยืนสงบใจอยู่ชั่วครู่ เรียวขาค่อยๆ ก้าวลงจากบันไดท้องพระโรงของราชวังไปตามพรหมแดง โดยมีราชบริวารที่แต่งกายด้วยชุดสีขาวสะอาดประกอบอยู่สองฝั่ง คอยโปรยกลีบกุหลาบในพานทองลงบนพื้น


    แต่ละย่างก้าวนั้นต้องเชื่องช้าและสง่างาม ราวกับว่าต้องการตรึงสายตาจากผู้คนให้มิอาจถอดถอน แม้ใบหน้าชายาแห่งแผ่นดินนั้นจะถูกผนึกด้วยผ้าคลุมสีแดงมิให้ใครได้ยลโฉม ทว่าเพียงแค่ได้เห็นอาภรณ์สูงศักดิ์กับรูปร่างที่งดงาม กลับยิ่งทำให้ดูมีสง่าราศีสมดั่งเทวีเคียงกับฝั่งฟ้าเทวัน


    ใต้ใบหน้าที่ซ่อนเอาไว้ มิกิรู้สึกประหม่า..จนเผลอลอบกลืนน้ำลายลงคอไปหลายอึก สัมผัสได้ถึงขาทั้งสองขาแข็งเกร็งไปหมดในแต่ละย่างก้าว ส่วนหัวใจก็เต้นแรงจนไม่รู้ว่าจะควบคุมตัวเองได้นานแค่ไหน ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อนว่าจะได้แต่งงานกับใคร และยิ่งไปกว่านั้น คือไม่คิดว่าต้องมาเป็นเจ้าสาวให้กับใคร!


    แต่พอมาถึงวันนี้ วันที่เขาได้สวมชุดพระชายาของแผ่นดิน มันกลับทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก ไม่ใช่เพราะความดีใจ แต่เป็นความกังวลที่พกมาอยู่เต็มหัวใจต่างหากที่ทำให้สับสน..

    สิ่งที่กำลังทำอยู่ตอนนี้ช่างไกลเกินฝัน..

    และไม่มีชายคนใดจะได้เป็นอีกแล้ว..


    จากวันนั้น..ถึงวันนี้ ภาพความทรงจำต่างๆ ปรากฏเข้ามาในหัวเต็มไปหมด ทั้งดีและไม่ดีปะปนจนตื้นในอก ทว่า..บทสรุปสุดท้ายกลับพลิกแพลงออกไปจากอย่างที่ควรจะเป็นไว้มาก บาซิกค์กำลังรอเขาอยู่ลานพิธีด้านนอกนั้น และอีกไม่นานฐานะคนธรรมดานี้ก็จะต้องสละทิ้ง..

    เขาจะกลับไปใช้ชีวิตปกติได้ไหมนะ..

    และชื่อเสียงของอนาคานจะต้องป่นปี้เพราะตัวเขาไหมนะ

    คำถามเหล่านี้ดังก้องทับทบอยู่ในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า กระทั่งเสียงป่าวประกาศจากราชบริวารที่ทำหน้าที่นำเสด็จดังขึ้นเมื่อเขาเดินมาถึง ประตูหน้าพระราชวัง

     

    พระชายาเสด็จแล้ว

    ทุกอย่างเงียบกริบลงในบัดดล เสียงกลองแทรกขึ้นดังเป็นจังหวะรับตึงตัง พลันเอาหัวใจเต้นแรงตามไปด้วย แต่ทันทีที่ดวงตาคู่สวยทอดมองผ่านม่านคลุมศรีษะของตัวเอง เนื้อตัวก็เย็นเฉียบ เมื่อโดยรอบกลับรายล้อมไปด้วยประชาชนของอนาคานที่มาเข้าเฝ้าล้นหลามเต็มทั้งสองฝั่งฟาก โชคดีที่ใบหน้าของเขามีผ้าปิดอยู่ผู้คนจึงไม่เห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล กระทั่งราชบริวารที่ทำหน้าที่นำเสด็จ เห็นพระชายาไม่ยอมก้าวลงจากบันไดเสียที จึงโค้งคำนับเป็นสัญญาณ

    เชิญเสด็จพะย่ะค่ะพระชายา

    ราชบริวารเผยมือไปด้านหน้า มิกิได้สติกลับคืนมา นัยน์ตาสีอ่อนมองไปตามทางเดินที่ถูกพรมโปรยด้วยกลีบดอกไม้และเสาสลักรายอสรพิษ ทอดออกไปสุดสายตาคือลานพิธีกว้างใหญ่ที่ยกขึ้นสูงจากพื้นดิน บนนั้นมีโต๊ะยาว เครื่องเสวยมากมาย และแท่นพิธีศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่ ทว่าสิ่งที่ดึงสายตาของเขาไปจนมิอาจถอดถอนได้ กลับเป็นร่างสูงสง่าจากชายผู้ปกครองสูงสุดแห่งอนาคาน ในชุดสีขาวบริสุทธิ์ ที่กำลังมองมาทางเขานิ่ง


    สายลมพัดโชยเกล็ดทรายไปในอากาศ..

    ใบหน้าใต้มงกุฎของราชา งดงามดั่งองค์เทพจุติพื้นภพ..

    ดวงตาเรียวคมของเทพนาคิน ปรากฏเพียงภาพของตัวเขา..

    ได้ยินเสียงหัวใจเต้น ตุบดังอยู่ข้างใน..

    รอยยิ้มที่คลี่ออก แม้จะเห็นเพียงบางเบา แต่กลับสัมผัสได้ว่าเขาคือเจ้าของ..เพียงผู้เดียว

    แค่นั้น ก็พลันทำให้รอบขอบตากลับเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมา ความกังวลทั้งหมดมลายหายไปดุจมีเวทมนต์มาหลอมละลาย คำพูดเดียวที่เขาอยากบอกที่สุดก็คือ..


    ขอบคุณนะ บาซิกค์

     


    อีกทางด้านหนึ่งในกลุ่มคน หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ ได้แอบมองดูเหตูการณ์ทุกอย่างอยู่หลังฝูงชน ไม่ใกล้ไม่ไกลจากลานพิธีที่จัดอย่างโจ่งแจ้ง ทันทีที่ได้ยินเสียงป่าวประกาศว่าพระชายาเสด็จ รอยยิ้มชั่วร้ายก็ยกขึ้นที่มุมปาก คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าพิธีอภิเษกสมรสของเมืองนี้จะจัดขึ้นกลางแจ้ง


    แบบนี้ทุกอย่างก็ง่ายสำหรับเขาแล้วสินะ


    ค็อตเลอร์เผลอคิดในใจ อย่างไรเขาก็ไม่ต้องสนใจอะไรกับประเทศเล็กๆ นี่หรอกจริงไหม ถึงมีความเป็นไปได้ ว่าอาจจะเป็นข่าวดังครึกโครมหากเขาลงมือทำอะไรลงไป แต่ใช่ว่าจะสามารถจับตัวเขาได้ เพราะไม่นานเรื่องนี้ก็อาจจะต้องถูกเก็บเงียบไม่มีคนสนใจ ปกปิดพลางตัวสักหน่อย ก็คงจับมือใครดมไม่ได้ และถึงแม้จะรู้ว่าเป็นใคร แต่คงไม่มีหลักฐานจะเอาผิดเขา


    หลังจากที่ทราบเรื่องทุกอย่าง เขาก็ได้ส่งคนมาดูลาดเลาในเมืองแห่งนี้แล้ว และเมื่อพบว่าเป็นพิธีกลางแจ้งแผนของเขายิ่งง่ายขึ้น!

    ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วหรือยัง


    คนของเราอยู่ประจำจุดแล้วครับศาสตราจารย์” ได้ยินคำตอบ รอยยิ้มเหี้ยมก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า


    ได้เวลาแสดงความยินดีกับพระราชาแล้ว” ค็อตเลอร์เดินออกจากฝูงคน มุ่งตรงไปออกไปนอกเมืองในทันที

     



    ขอให้พระองค์ทั้งสอง ทรงหยดพระโลหิตลงในถ้วยปฏิญาณด้วยพ่ะย่ะค่ะ

    เสียงจากผู้อาวุโสผู้ทำหน้าที่ดำเนินพิธีประกาศต่อองค์สมมุติเทพทั้งสอง เวลานี้เขายื่นอยู่ลานพิธีเบื้องบน บนโต๊ะมีเครื่องเสวยมากมาย ทั้งผลไม้ และเนื้อสัตว์ เป็นเครื่องเซ่นไหว้ขอพรจากบรรพบุรุษเทพนาคิน เหนือขึ้นไปตรงกลางคือถ้วยกระเบื้องลายเกล็ดนาคิน ด้านในบรรจุเลือดของงูศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่เอาไว้ มีมีดเล่มเล็กวางไว้บนพานทองด้านหน้า จากที่เขาฟังมาในช่วงเวลาที่ต้องเตรียมตัว พิธีนี้ทั้งเขาและบาซิกค์จะต้องใช้มันกรีดฝ่ามือของตัวเอง แล้วให้เลือดหยดผสมลงไปในถ้วยปฏิญาณ เพื่อแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับองค์เทพนาคิน และดื่มมันให้หมด


                มิกิหันมองบาซิกค์ผ่านผ้าคลุมใบหน้า ราชาแห่งอนาคานเผยยิ้มเรียบมาให้เพื่อให้เขาอุ่นใจ ก่อนพระหัตถ์เปี่ยมอำนาจจะใช้มีดกรีดเข้าที่มือของตัวเอง จนพระโลหิตไหลออกมาจากรอยแผล ก่อนจะยื่นออกไปที่ถ้วยปฏิญาณ แล้วหยดพระโลหิตลงไปให้กลืนเป็นหนึ่งเดียวกัน


             มิกิทำตามอย่างองค์เทพ จนหยาดเลือดจากอุ้งมือหยดลงบนน้ำปฏิญาณ ผู้อาวุโสที่ดำเนินพิธีเห็นขั้นตอนทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็พยักเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะใช้ถ้วยทองคำเล็กๆ ตักน้ำที่ผสมพระโลหิตจากสมมุติเทพแห่งอนาคานทั้งสองพระองค์ขึ้นมาจากถ้วยปฏิญาณแล้วยื่นให้


                พระชายาแห่งนาคินมองน้ำสีแดงเข้มในถ้วยทองอย่างลังเลใจ แต่สุดท้ายก็รับมาอย่างเสียไม่ได้ บาซิกค์มองเขานิ่งแต่ก็มิได้เอ่ยสิ่งใด แต่เขากลับรู้สึกกดดันตัวเองอย่างห้ามไม่ได้ เพียงแค่ดื่มน้ำในถ้วยนี้จนหมด ชีวิตของเขาก็จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น และมีทุกอย่างตามต้องการ แต่ทำไมถึงได้รู้สึกว่ามีบางอย่างที่มันไม่ถูกต้อง บางอย่างมันค้างคาจนทำให้ไม่กล้าที่จะดื่มมันลง

                เป็นอะไรไป มิกิ” เสียงทุ้มนุ่มทำเอาคนที่กำลังคิดสะดุ้ง


                ขะ...ขออภัยฝ่าบาท” ท้ายที่สุดพอดึงสติกลับคืนมาได้ เมื่อรู้ว่าคิดอะไรที่ไม่สมควร ก็รีบกลั้นใจค่อยๆยกถ้วยน้ำปฏิญาณของตัวเองขึ้นจรดริมฝีปาก น้ำหยดแรกกลืนลงสู่ลำคอ รสเค็มหวานเฝื่อนๆ ของเลือดงูทำให้เขารู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้แย่เหมือนอย่างที่คิดไว้ซะทีเดียว ไม่นานร่างกายกลับค่อยๆ ร้อนรุ่มขึ้นมาทีละนิด


    สิ้นหยดสุดท้ายของน้ำในถ้วย มิกิเม้มริมฝีปากลง ยื่นถ้วยให้แก่ผู้อาวุโสที่ยิ้มรับ เมื่อทั้งคู่ทำพิธีเสร็จสิ้นแล้วก็มาถึงขั้นต่อไป


    จากนี้ไปทรงเปิดพระพักตร์พระชายา ได้แล้วพะย่ะค่ะ

    พูดจบผู้อาวุโสก็ถอยหลังออกห่างอย่างรู้หน้าที่ ทุกอย่างเงียบลงฉับพลัน มีเพียงแค่เสียงสายลมที่โชยพัดรายล้อม มิกิมองใบหน้างดงามประหนึ่งองค์เทพจุติของชายตรงหน้า แม้เมื่อก่อนจะเคยรู้สึกหวาดกลัวดวงตาคมกริบนี้ เพราะมีแต่ความโหดร้ายเย็นชาที่เขาได้รับ แต่มาบัดนี้ ในดวงเนตรกลับแสดงความอ่อนโยนและจริงใจจนไม่คาดคิด


    ทำไมกัน..ทั้งๆ ที่ไม่คิดจะรักชายผู้นี้ แต่กลับอดคิดอย่างเห็นแก่ตัวไม่ได้  เขามันเป็นเด็กน้อย..เด็กที่ไม่เคยได้รับความรักความอบอุ่นจากใครจนสุดทาง ถึงวินาทีที่จะถึงข้างหน้านี้ ด้วยความรักจากอ้อมกอดของชายผู้นี้ห่อหุ้มเขาไปทั้งหัวใจ ก็อดกลัวไม่ได้อยู่ดี


    บาซิกค์จะจากเขาไปเหมือนคนอื่นไหม

    เด็กปากมากอย่างเขาดูไม่คู่ควรเลยสักนิดแต่ทำไม ถึงไม่อยากเอ่ยปากปฏิเสธความรักของคนคนนี้

    ราวกับหัวใจมันต้องการหาที่ผูกมัด เพราะมันเหนื่อยที่จะเดินหาเต็มทน

    อยากจะรัก..

    อยากอยู่ด้วยกัน

    ตลอดไป..

    มือนั้นกำลังเลื่อนชายผ้าคลุมที่ปิดบังความรู้สึกกังวลของเขาออก เผยให้เห็นสัดส่วนทีละนิด ทั้งริมฝีปากบางสีแดงอ่อน จมูกโด่งสัน ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ดวงตาสีสวยเปล่งประกาย ใบหน้าของเจ้าแผ่นดินใกล้เพียงลมหายใจ เวลาเหมือนจะถูกสะกดหยดไว้แล้ว แต่..

     

    ปัง!!

    เสียงปืนลั่นขึ้นฟ้าซึ่งไม่รู้ดังมาจากทิศใดทำเอาทุกอย่างพังทลาย เสียงกรีดร้องดังขึ้นจากกลุ่มฝูงชนที่วิ่งหนีกันหัวซุกหัวซุนอยู่ด้านล่าง พระเนตรสีอำพันเบิกกว้าง พยายามมองหาต้นเหตุอย่างเร่งรีบ แต่ประชนกลับวิ่งหนีกันให้วุ่นวายจนไม่รู้ใครเป็นใคร มิกิรู้สึกใจคอไม่ดี สังหรณ์ใจในเรื่องบางอย่าง แต่ไม่ทันได้คิดอะไรไกล วัตถุบางอย่างถูกโยนมาจากฝูงชนขึ้นบนลานพิธีต่อหน้าใครบางคนที่ยืนข้างข้างกาย!

    บาซิกค์...” เสียงเรียกนั้นแผ่วเบาจนใจหล่นวูบ ใบหน้าหวานซีดลง ดวงตาคู่สวยมองมาที่เขาราวกับเป็นครั้งสุดท้าย..

     

    มิกิ!”

     

    ตูม!

     

    วินาทีถัดมาระเบิดควันสีเทาก็ฟุ้งกระจายไปทั่วจนมองไม่เห็นสิ่งใด กลุ่มก๊าซขยายออกเป็นวงกว้าง จมูกโด่งสันเผลอสูดดมเพียงนิดเดียวก็รู้สึกแสบทั้งที่ขอบตาและลำคอ มิกิไอสำลักควันออกมาเป็นจำนวนมาก ร่างกายที่เคยยืนขึ้นทรุดลงฮวบอยู่กับพื้น มีเสียงปืนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาพยายามมองหาบาซิกค์ทั้งที่น้ำตาคลอฉ่ำ แต่สิ่งที่เห็นกลับทำให้หัวใจหล่นวูบ เมื่อเห็นเงาคะครุ่มดำตรงหน้ากำลังจะกลายร่างเป็นนาคิน

     

    ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด พิธีนี้ไม่ได้มีแค่ชาวอนาคานและมั่นใจว่าไม่ใช่ซาคาเดียร์ แต่เป็น..

     

    อย่านะบาซิกค์อุบบ..อื๊อ!” ไม่ทันได้เอ่ยห้ามจนจบ ผ้าผืนใหญ่ก็โปะเข้าที่จมูกกับริมฝีปากจนมิด มิกิพยายามออกแรงดิ้น กายบางพยายามสะบัดให้หลุดจากการลอบจู่โจม แต่ยิ่งนานเข้าก็รู้สึกอ่อนแรงลงทุกที ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง เงาสีดำที่กำลังขยายใหญ่ทรุดตัวฮวบลงตรงหน้า ดวงตาสีเขียวอ่อนเบิกโพลนทั้งน้ำตาที่คลอฉ่ำ หัวใจหล่นหายไปอยู่แทบเท้า เนื้อตัวสั่นสะท้านราวจะใกล้จะขาดใจ แต่ไม่ทันได้เอื้อมมือไปคว้า คนตรงหน้าเอาไว้ ภาพทุกอย่างที่เห็นพร่าเบลอจนเหลือแต่ภาพสีดำ...

     

               อีกด้านหนึ่งบริเวณทะเลทรายไม่ใกล้ไม่ไกลจากประตูทางด้านหลังของนครเมืองโบราณแห่งอนาคาน เฮลิคอปเตอร์ลำใหญ่ถูกติดเครื่องจอดรอ พอเห็นรถจิ๊บคันหนึ่งวิ่งออกมาจากเมือง คนที่นั่งรออยู่ในนั้นก็แสยะยิ้มรับ เมื่อเห็นร่างผอมบางที่อยู่ในอาภรณ์สูงศักดิ์นั้นถูกแบกลงมา


    ค็อตเลอร์หรี่ตาลงมองคนที่หลับไม่ได้สติพลางเดาะลิ้นอย่างสบายอารมณ์ มือเลิกผ้าคลุมศีรษะสีแดงขึ้นพร้อมรัดเกล้าทองคำ ทันทีที่เห็นใบหน้าของพระชายาแห่งอนาคานอย่างใกล้ชิด ก็ส่ายหน้าหน่ายราวกับไม่คาดคิด


    คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าวิธีการเอาตัวรอดของเจ้าเด็กนี่จะมาเหนือชั้น มือหยาบเกลี่ยลงบนแก้มขาวนุ่มของเด็กหนุ่มที่หลับไม่ได้สติ


    แต่ยังก็ไงเถอะ นายก็ไม่รอดมือฉันอยู่ดี” รอยยิ้มร้ายยกขึ้น ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้องของตัวให้นำเครื่องขึ้น ในที่สุดเวลาที่เขารอคอยก็มาถึง


                 “ได้เวลากลับบ้านแล้ว มิกิ


    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×