การเริ่มต้นเขียนนิยาย
ตอนนี้เราก็เรียนรู้คุณสมบัติที่ดีของการเป็นนักเขียนแล้ว เราก็ต้องมาเริ่มขยับไม้ขยับมือเริ่มต้นบทเรียนต่อไปกันต่อ บางคนเริ่มต้นไม่ถูกไม่รู้ว่าควรจะเริ่มตรงเขียนจากตรงไหนดี อย่างไรดี !? จู่ ๆ จะให้จับปากกาเขียนเลยเหรอ !? เปิด Word พิมพ์เลยได้ไหม !? เอาล่ะวันนี้เราจะมาเริ่มต้นเรื่องนี้กัน
๑. แนวนิยาย ก่อนอื่นเราจะต้องเลือกแนวนิยายที่เราต้องการจะเขียนก่อนว่ามันอยู่ในแนวไหน ไม่ว่าจะเป็นแนวรักหวานแหวว แฟนตาซี สืบสวนสอบสวน ฆาตกรรมโหด ภูติ ผี วิญญาณ หรือว่าจะไซฟายบู๊แหลก สำหรับผู้เริ่มต้นขอแนะนำให้เลือกแนวที่ชอบหรือถนัดแล้วจะพัฒนาไปลองแต่งแนวที่ตัวเองไม่ถนัด หรือแนวอะไรก็ค่อยเป็นลำดับต่อไปอีกที สำหรับคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองถนัดแนวอะไร หรือเหมาะกับแนวอะไรก็ให้ลองแต่งดูก่อนสักบทสองบท แล้วเอามาเทียบกันดูว่าเราถนัดแนวไหนก็ให้ลองแต่งแนวนั้นให้จริง ๆ จัง ๆ ไปเลย บางครั้งใช่ว่าชอบอ่านนิยายแฟนตาซีก็จะแต่งแฟนตาซีเก่งบางทีคุณอาจจะแต่งแนวสืบสวนเก่งก็ได้อันนี้ขึ้นอยู่กับความถนัดครับไม่เกี่ยวกับความชอบซะทีเดียว
*แนะนำให้เริ่มต้นแต่งจากแนวง่าย ๆ มีเนื้อหาไม่ซับซ้อนก่อน เช่น นิทาน รักหวานแหวว บทความสั้น ๆ หรือไดอารี่ชีวิตประจำวัน
๒. ตัวละคร ตัวละครเป็นสิ่งที่สำคัญมากและหากขาดตรงส่วนนี้ไปไม่มีทางที่นิยายของเราจะดำเนินเรื่องไปได้เลย เราจะต้องเริ่มคิดคาแรคเตอร์ของตัวละคร จำนวนตัวละครที่ต้องการแบบคร่าว ๆ ก่อน สำหรับบางเรื่องไม่จำเป็นต้องมีพระเอกและนางเอกครบก็ได้ เพียงแต่สองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เกิดมาคู่กันและช่วยสร้างสีสันให้กับนิยายได้มากเลยทีเดียว ส่วนตัวละครหลัก ตัวละครรอง และตัวละครประกอบนั้น สำหรับผู้เริ่มต้นแนะนำให้เริ่มจากตัวละครจำนวนน้อย ๆ ก่อน ไม่แนะนำให้เริ่มต้นจากจำนวนมาก ๆ เพราะจะทำให้แต่งได้ยาก เนื่องจากคุณยังไม่มีประสบการณ์การแต่งนิยายมาก่อนหากเริ่มต้นด้วยการแต่งนิยายจำนวนตัวละครเยอะนอกจากจะอาจแต่งไม่จบแล้วเนื้อเรื่องอาจจะมัวได้เพราะคุณยังผูกเนื้อเรื่องไม่ชำนาญ
๓. พล๊อตเรื่อง นี่ก็เป็นอีกสิ่งที่สำคัญเช่นกัน เมื่อได้ตัวละครที่ต้องการแล้ว เราก็ต้องมานั่งคิดกันต่อว่าจะให้ตัวละครเราทำอะไรและจะให้เกิดอะไรขึ้นบ้างอย่างคร่าว ๆ การคิดพล๊อตเรื่องที่น่าสนใจและไม่ซ้ำซากจำเจจะทำให้นิยายของเราชวนสนุกและน่าติดตาม อย่าคิดพล๊อตเรื่องแบบเดิม ๆ ที่มีกันเกลื่อนกลาด และที่สำคัญอย่าลอกเนื้อเรื่องของคนอื่น เพราะไม่มีใครชอบพวกลอกเลียนแบบหรอกครับผม
๔. เป้าหมาย แน่นอนครับเรื่องทุกเรื่องย่อมต้องมีเป้าหมายของเรื่องถ้าคุณคิดจุดนี้ไม่ได้นิยายของคุณก็จะไม่มีทางออกมาเป็นเรื่องเป็นราวสมบูรณ์หรอกครับ เช่น นิยายรักก็ต้องหวังให้พระเอกนางเอกครองรักกัน นิยายแฟนตาซีต่อสู้เพื่อปกป้องโลก หรืออะไรทำนองนี้แหละครับเขาเรียกว่าเป้าหมาย นิยายที่ขาดเป้าหมายในการดำเนินเรื่องก็เหมือนกับนิยายที่พิการนั่นแหละครับ ตัวละครดำเนินเรื่องไปด้วยความเอื่อยเฉื่อยโดยไม่รู้เลยว่าเป้าหมายถึงอะไร แล้วแบบนี้นิยายจะจบได้ยังไงครับพี่น้อง ?
๕. ตอนจบ หลาย ๆ คนอาจจะงงว่าเพิ่งจะเริ่มต้นแท้ ๆ ทำไมถึงให้คิดตอนจบเลย เพราะหลาย ๆ คนลืมคิดถึงสิ่งนี้ไปมัวแต่คิดจะแต่ง แต่ง แต่ง แต่ง แล้วก็แต่งไปเรื่อย ๆ การแต่งนิยายโดยไม่มีตอนจบจะทำให้นิยายเราดูไร้แก่นสารและไม่มีจุดสิ้นสุด การคิดตอนจบก่อนจะทำให้เราสามารถเชื่อมโยงเนื้อเรื่องในตอนแรก ๆ ให้ไปสัมพันธ์กับตอนจบได้ เพราะฉะนั้นเมื่อคิดพล๊อตเรื่องได้แล้ว หาเป้าหมายของเรื่องได้แล้วสิ่งที่ควรทำต่อมาคือ คิดตอนจบต่อทันที จะลองยกตัวอย่างให้ดูง่าย ๆ นะครับ สมมุติตอนแรกเราคิดไว้ว่าตัวเอกเป็นเด็กหนุ่มผู้มาจากต่างดาวลงมาโลกมนุษย์เพื่อจะปฏิบัติภารกิจลับเพื่อทำลายล้างโลกมนุษย์ <-- นี่คือพล๊อตเรื่องคร่าว ๆ จากนั้นเราก็คิดว่าตอนจบจะให้เด็กหนุ่มคนนี้ตาย เอาล่ะ ! คราวนี้เราก็มีเป้าหมายที่จะแต่งต่อเพื่อที่จะให้ตอนจบเด็กหนุ่มคนนี้ตาย
นิยายเรื่องนี้อยู่ในแนว ไซฟายอวกาศ คือ แนวนิยาย
จะเห็นได้ว่าเด็กหนุ่มจากต่างดาวก็ คือ ตัวละคร
ลงมาโลกมนุษย์เพื่อจะปฏิบัติภารกิจ คือ พล๊อตเรื่อง
เพื่อทำลายล้างโลกมนุษย์ คือ เป้าหมาย
และสุดท้ายตอนจบเขาจะตายในหน้าที่ คือ ตอนจบ
จะได้ว่าเมื่อเรามี ๕ องค์ประกอบนี้มารวมกันแล้วทำให้เรื่องของเราเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้วใช่มั้ยครับ ลองดูครับว่าอ่านมาถึงตรงนี้แล้วคุณมีทุกอย่างครบหมดแล้วหรือยัง ? ถ้าครบแล้วก็อย่ามัวชักช้าครับไปแต่งนิยายกันเลย !
ห้องเรียนสีส้มแห่งจินตนาการ CluB Writer
ความคิดเห็น
เป็นไอดีที่ให้ความรู้ได้ดีมากๆนะคะ
จะลองเอามาใช้ประกอบการเขียนดูค่ะ
มากๆค่ะ
เป็นไอดีที่ดีมากๆเลย