CluBWriter
ดู Blog ทั้งหมด

หลักในการเขียนนิยายแต่ละประเภท ๑

เขียนโดย CluBWriter

หลักในการเลือกเขียนนิยายแต่ละประเภท ภาค ๑

              ไม่ว่าจะเป็นการเลือกอ่านหรือเลือกเขียนก็ตาม ผู้อ่านหรือผู้เขียนต้องเข้าใจก่อนว่านิยายแต่ละแนวนั้นเป็นอย่างไร เป็นแนวที่เราชอบหรือเปล่า ? เนื้อหาจะอยู่ประมาณไหนถึงจะเรียกว่าแนวนี้แนวนั้นได้ ในที่นี้เราจะอธิบายตามหมวดฟรีสไตล์ของนิยายเฉพาะที่มีอยู่ใน Dek-d นะคะ ซึ่งมีทั้งหมด ๑๘ หมวด โอ้ว !! แค่นี้ก็เยอะพอจะตัดสินใจเขียนได้แล้วล่ะสินะคะ เอาล่ะ !! อย่ารอช้า มาเริ่มศึกษากันเลยดีกว่า

๑. สบายๆ คลายเครียด เป็นหมวดที่ชื่อหมวดตรงกับเนื้อหามากที่สุด !! เนื้อหาเป็นบทความที่อ่านแล้วอาจทำให้ฮาแตกหรืออมยิ้มแต่พอประมาณตามแต่เจ้าของนิยายจะทำได้ ไม่ถึงกับออกแนวตลกโปกฮาไปเสียหมด อาจจะมีสาระหรือไม่มีสาระก็ได้เพราะจุดเด่นอยู่ที่คำว่า "คลายเครียด" อาจเป็นเนื้อเรื่องที่เน้นไปทางอ่านแล้วรู้สึกใจเย็น เช่น เกี่ยวกับธรรมชาติ ท้องฟ้าสีคราม ต้นไม้สีเขียว เป็นต้น อาจเป็นเรื่องความรักเล็กๆ ที่ไม่หวือหวา ชิวิตคู่ที่อยู่กินกันแบบขำๆ หมาแมวไล่กัดกันก็แล้วแต่คุณจะจินตนาการได้

ข้อแนะนำ: เป็นเรื่องที่สามารถเขียนได้ตามอารมณ์แจ่มใส (แนวนี้หากกำลังเครียดไม่แนะนำให้เขียน เพราะคนอ่านอาจคิ้วพันกันได้) มีเนื้อหาที่ไม่เครียดทำให้คนเขียนสามารถเขียนได้ตลอดเวลาที่ว่าง สามารถนำชีวิตประจำวันมาเขียนได้โดยไม่ต้องปรับแต่งอะไรมากนัก เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น อาจใช้เขียนเพื่อฝึกสำนวนหรือทักษะโดยที่ไม่ต้องคิดวางแผนอะไรมาก เนื้อหาอาจเป็นไดอารี่ หรือ บทความสั้นๆ ได้ใจความไม่ต้องบรรยายอะไรให้มากนัก เพราะหากบรรยายหรือใช้สำนวนมากเกินไปจะทำให้คนอ่านเครียดมากกว่าคลายเครียด สิ่งที่จะเรียกความสบายจากผู้อ่านแนวนี้ได้มากที่สุดคือ การอ่านตัวอักษรขนาดสบายตาด้วยเรื่องราวที่เขียนด้วยถ้อยคำอ่านง่าย

แนวการเขียน: นิยายหมวดคลายเครียดสามารถใช้วิธีใดเขียนก็ได้แล้วแต่ถนัด เพราะโดยส่วนมากพบเห็นการใช้สรรพนามทั้ง ๓ แบบตามแต่ความถนัดของแต่ละบุคคล

๒. รักหวานแหวว เป็นหมวดยอดนิยมที่ไม่ว่ายังไงก็ติดอันดับ ๑ ใน ๑๐ เสมอ เป็นเรื่องความรักระหว่างหนุ่มสาวซึ่งอาจจะมาพบกันโดยบังเอิญ จับคลุมถุงชน บุพเพสันนิวาส หรืออะไรอาละวาดก็แล้วแต่ ในที่นี้ก็ขึ้นอยู่กับจินตนาการของนักเขียนแนวใหม่ที่จะสรรค์สร้างอะไรที่ไม่ซ้ำแบบใครขึ้นมาบ้าง เพราะพล๊อตเรื่องเดิมๆ นั้นอาจสร้างความเบื่อหน่ายให้กับนักอ่านไม่มากก็น้อย เนื้อหาของนิยายรักหวานแหววส่วนมากจะเน้นไปตรงความสุขสมหวัง หรือความไม่สมหวังของคู่พระเอกนางเอกมากกว่ารายละเอียดอื่นๆ ส่วนจุดเด่นที่น่าจับตามองที่สุดของนิยายหวานแหววก็คือ เรื่องของความรัก คาดว่ายิ่งพิศดารเท่าไหร่คนอ่านแนวนี้ก็จะยิ่งชอบเท่านั้น อาจผสมผสานความตลกขบขัน ความเศร้าและความเครียดเข้าไปเล็กน้อย นั่นจะทำให้นิยายความรักของคุณมีรสชาติมากยิ่งขึ้น

ข้อแนะนำ: ถึงจะเป็นเรื่องที่เขียนง่ายเพราะเป็นเรื่องที่แทบจะทุกคนเคยประสบเจอมากับตัวเองแล้ว ทำให้นักเขียนเองสามารถจินตนาการถึงเหตุการณ์และความรู้สึกในช่วงเวลานั้นได้ง่าย รวมทั้งคนอ่านเองก็สามารถอ่านและเข้าใจอารมณ์ได้ง่ายเช่นกัน แต่อันที่จริงแล้วหากจะเขียนให้ไม่ซ้ำแบบใครนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แม้รูปแบบความรักจะมีมากมาย แต่ส่วนใหญ่แล้วสิ่งที่วัยรุ่นเราพบเจอมักจะเป็นแบบเดียวกันทั้งสิ้น หากจะเขียนแนวนี้ แนะนำให้เลือกประสบการณ์ที่ไม่เคยพบเห็นใครเขียนมาก่อนจะดีที่สุด หรือหากบังเอิญเหมือนกับคนอื่นเข้าก็ควรปรับแต่งให้เป็นแบบของเราเอง ไม่ว่ายังไงความรักก็ออกแบบไม่ได้ใช่ไหมคะ ?

แนวการเขียน: นิยายหวานแหววยุคปัจจุบันมักใช้วิธีการเขียนโดยใช้สรรพนามบุรุษที่ ๑ คือ ตัวผู้เขียนเป็นนางเอกหรือพระเอกเสียเองไปเลย เพราะเป็นวิธีการสื่ออารมณ์ของตัวละครเอกได้ง่ายที่สุด และทำให้คนอ่านเข้าใจความรู้สึกของตัวเอก แถมยังเดาความรู้สึกของตัวละครอื่นไม่ได้อีกด้วย บางคนอาจใช้สรรพนามบุรุษที่ ๒ เพื่อเน้นบรรยากาศรอบด้านระหว่างคู่รักทั้งสองและแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกของคนทั้ง ๒ ไปพร้อมกัน

๓. ซึ้งกินใจ เป็นหมวดที่คล้ายกับนิยายหวานแหววแต่เรื่องราวไม่ค่อยราบรื่นเหมือนหวานแหววซะเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเป็นความรักที่เจออุปสรรคนับร้อยและต้องฟันฝ่าไปให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการที่พระเอกต้องวิ่งผ่านคลื่นสึนามิไปหาคนรักที่ลอยคออยู่กลางทะเล หรือสงครามที่ทำให้พระเอกกับนางเอกต้องแยกจากกัน แล้วพระเอกก็ส่งจดหมายรักที่เขาพยายามสละเวลารบใช้ถ้อยคำปลูกต้นรักในใจของนางเอกไปเรื่อยๆ จนกว่าตนเองจะมีโอกาสได้กลับไปหาเธออีกครั้ง (หรือไม่มีโอกาสแล้วก็ดี) เป็นหมวดที่อ่านแล้วชวนน้ำตาตก แต่ไม่ใช่ตกเพราะความเศร้า มันคือ การร้องไห้ให้กับความซึ้งในความพยายามที่พระเอกกับนางเอกมีให้กันนั่นเอง !!

ข้อแนะนำ: เป็นหมวดที่เขียนค่อนข้างยากพอสมควร เพราะการที่เราจะสื่อความรู้สึกเศร้าให้คนอ่านเข้าใจได้นั้นเราต้องบรรยายให้เห็นถึงความสัมพันธ์หรือความรู้สึกที่คนสองคนมีให้กันอย่างลึกซึ้ง มิฉะนั้นคนอ่านจะไม่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกเศร้าตามพระเอกหรือนางเอกเลยแม้แต่น้อย หากจะเขียนแนวนี้ต้องใส่ใจและใช้เวลากับมันให้มากๆ พยายามหาสื่อในการสร้างอารมณ์เศร้าหรือแรงจูงใจ เช่น ดูภาพยนตร์เศร้า หรือการ์ตูนเศร้า ยิ่งเป็นประสบการณ์ตรงหรือจากเพื่อนสนิทใกล้ตัวจะยิ่งดีที่สุด (แต่ไม่ใช่ไปหลอกให้เพื่อนอกหักแล้วมานั่งร้องไห้ซะอย่างนั้นหรอกนะคะ...)

แนวการเขียน: นิยายแนวซึ้งกินใจมักใช้สรรพนามบุรุษที่ ๒ เพื่อบรรยายฉากและความรู้สึกที่พระเอกกับนางเอกมีให้กันโดยละเอียด บรรยากาศรอบด้านและความคิดเห็นบางส่วนของนักเขียนที่ปะปนเข้าไปจะยิ่งทำให้นิยายมีความเศร้ามากยิ่งขึ้น นักเขียนบางคนใช้สรรพนามบุรุษที่ ๑ เพื่อเน้นความรู้สึกของตัวละครฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปเลย หรือใช้สรรพนามบุรุษที่ ๓ ให้นิยายออกไปทางแนวเรื่องเล่า หรือตำนาน ซึ่งขึ้นอยู่กับเทคนิคและวิธีการของแต่ละบุคคล

๔. รักเศร้าๆ เป็นหมวดที่ครองความเศร้าอย่างแท้จริง และเรื่องราวจะเป็นอื่นใดไปไม่ได้นอกจากความรัก ไม่ว่าจะเป็นรักของคู่รัก พี่น้องหรือความรักในครอบครัวก็ตาม ปกติแล้วจะมีการพรากจากกันเกิดขึ้นในทางใดทางหนึ่ง โดยส่วนมากจะเป็นการแยกจากกันด้วยความตาย หรือมีเหตุให้ไม่สามารถมาเจอหน้ากันได้อีก หรืออาจจะเป็นการแยกจากโดยที่ถูกอีกฝ่ายไล่ให้ออกไปจากชีวิตด้วยเหตุผลบางอย่างที่ไม่สามารถบอกได้ ไม่ควรแต่งให้เกินความจริงมากเกินไปเพราะจะทำให้อ่านแล้วตลกมากกว่าเศร้า ยิ่งคิดให้มีเหตุผลเท่าไหร่ก็ยิ่งเศร้ามากขึ้นเท่านั้น เนื้อเรื่องอาจครองความเศร้าไปตั้งแต่ต้นจนจบประมาณว่าน้ำตาท่วมจอ หรือปนเสียงหัวเราะเคล้าน้ำตาก็ตามแต่จะสะดวก

ส่วนมากนิยายที่เรียกน้ำตาได้มากที่สุดจะเป็นนิยายเกี่ยวกับการพลัดพรากของสัตว์ที่ถูกทำร้ายโดยมนุษย์ ยิ่งความโหดร้ายมากก็ยิ่งเรียกน้ำตาได้มาก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเรากำลังจะบอกให้คุณเขียนนิยายทรมานสัตว์โลกผู้น่าสงสารแบบนั้น !! ความรักสามารถเรียกความโศกเศร้าได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นรักระหว่างคนในครอบครัว เช่น พ่อแม่วาดฝันจะให้ลูกได้ดิบได้ดีแต่ลูกกับทรพีทำร้ายบุพการีตนเอง กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีท่านทั้ง ๒ ก็ด่วนจากไปเสียแล้ว... เรื่องราวทำนองนี้ก็เรียกน้ำตาจากผู้อ่านที่ชื่นชอบแนวรักเศร้าๆ ได้เช่นกัน สรุปได้ว่าจินตนาการผสมผสานกับชีวิตจริงบางส่วนสามารถทำให้ผู้อ่านเข้าใจนิยายของคุณได้อย่างดี

ข้อแนะนำ: เป็นหมวดที่ยากไม่ใช่น้อย แม้การหาแนวเรื่องโศกเศร้าจะมีมากมายในชีวิต แต่หากเราบรรยายไม่ถึงจุดเศร้าที่ว่านั้น คนอ่านก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่เราจะสื่อ นิยายแนวนี้ต้องใช้ประสบการณ์มากในการบรรยาย ต้องเลือกใช้ถ้อยคำที่คัดสรรมาอย่างดี ทุกตัวอักษรต้องใช้คำที่แปลออกมาได้อย่างลึกซึ้งถึงจะทำให้ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงได้ ไม่มีอะไรยากเกินไปหากคุณตั้งใจจริงที่จะเขียนในแนวนี้

แนวการเขียน: เหมือนหมวดซึ้งกินใจ สามารถเลือกรูปแบบในการเขียนได้ตามแต่ที่คุณอยากจะสื่อนิยายของคุณให้ออกมาแบบไหน

๕. นิทาน เป็นหมวดที่เด็กอ่านได้ผู้ใหญ่อ่านดี อาจจะดัดแปลงให้หรูหราอลังการขึ้นมาสักหน่อยเป็นตำนานของเทพเจ้าสมัยโบราณ หรือเรื่องเล่าของคนเฒ่าคนแก่ก็ดี นิทานสามารถแต่งให้เหนือความจริงสุดๆ ได้ เช่น สัตว์พูดได้ โลกที่สัตว์กับคนอยู่ร่วมกัน ต้นไม้มีชีวิต ซึ่งของเหล่านี้จะออกไปทางน่ารักไม่ต้องเน้นความสมจริงสมจังหรือมีเหตุผลอะไร นิทานส่วนมากจะแฝงไปด้วยเรื่องชวนให้คิด หรือคติสอนใจที่แฝงอยู่ นับว่าเป็นประโยชน์มากเพราะสามารถให้ทั้งความบันเทิงและความรู้ในเวลาเดียวกัน เนื้อเรื่องไม่ต้องมีเยอะมาก ปกติจะเป็นตอนสั้นหลายตอน เน้นใช้คำอ่านง่ายสั้นๆ ได้ใจความ เรื่องราวมักไม่ยาวมากและจบลงให้คนอ่านจดจำได้

ข้อแนะนำ: เป็นหมวดที่ดีสำหรับนักฝึกหัด เพราะสามารถเขียนให้จบลงอย่างรวดเร็วและไม่ต้องคิดอะไรมากมาย สามารถจินตนาการสุดพิศดารอย่างที่เราต้องการได้ และมีเนื้อเรื่องสั้น จึงเหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มหัดเขียนเพราะสามารถเขียนให้จบได้ง่าย และไม่ต้องวางแผนอะไรให้ยุ่งยากเหมือนหมวดอื่น

แนวการเขียน: สรรพนามบุรุษที่ ๓ เป็นวิธีการบรรยายที่เหมาะกับนิทานมากที่สุด เพราะเป็นเรื่องเล่าถึงบุคคลที่ ๓ ที่อยู่ในเรื่องนั้น บางคนใช้เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๒ เพื่อให้นิทานของเขาเป็นเรื่องยาว

๖. ผจญภัย เป็นหมวดที่เน้นไปที่เนื้อหาอันยาวเหยียด อาจแบ่งเป็นตอนใหญ่ๆ ตามเรื่องราวผจญภัยหลายเรื่องของตัวเอก ส่วนมากจะเป็นการตามหาของวิเศษ ค้นหาความจริงของตัวเอก ตามหาความทรงจำที่หายไป หรือค้นหาสมบัติโจรสลัดที่ถูกซ่อนไว้บนเกาะมฤตยู เป็นเรื่องราวผจญภัย (ตามชื่อหมวดนั่นแหละ) ที่อาจต้องออกสู้กับสัตว์ประหลาด หรือสู้กับคู่แข่งที่จะมาแย่งชิงของล้ำค่า การหนีเอาชีวิตรอดด้วยมือเปล่าและหาทางรอดอย่างชาญฉลาดจะดึงดูดผู้อ่านได้มาก ตัวเอกมักเป็นคนที่ไม่มีชื่อเสียงอะไรมาก่อน แต่สุดท้ายก็ดังกระฉ่อนไปทั่วแว่นแคว้น อาจมีความรักมาเกี่ยวบ้างแต่จะเน้นไปทางเพื่อนร่วมทางมากกว่าความรักหนุ่มสาว เพราะพระเอกกับนางเอกมักถูกกำหนดมาตายตัวแต่เริ่มแรกแล้ว

ข้อแนะนำ: เป็นหมวดที่ต้องวางแผนโครงเรื่องให้ดี ไม่ควรทำให้สั้นเพราะคนอ่านจะยังไม่ทันรู้รสชาติของการผจญภัย ควรดำเนินเรื่องให้ยากแก่การที่จะไปถึงตอนจบให้มากที่สุด เมื่อถึงตอนจบจะได้รู้สึกภาคภูมิที่ได้ของล้ำค่ามาเสียที สามารถแบ่งเป็นตอนใหญ่เพื่อหาของหลายชิ้น และเปลี่ยนบรรยากาศในการผจญภัย ควรให้การผจญภัยของคุณมีหลายรูปแบบทั้งหนีตาย ติดเกาะ ล่องเรือ มุดถ้ำ เหาะเหินเดินอากาศ เพราะจะทำให้นิยายของคุณดูลุ้นระทึกและน่าติดตาม ผู้เริ่มต้นอาจแต่งให้ศัตรูมีเพียงกลุ่มหรือสองกลุ่มก็ได้ เพียงแต่ให้พวกเขาหนีรอดปลอดภัยทุกครั้ง และตามติดตัวเอกของคุณไปทุกหนทุกแห่งก็เป็นพอแล้ว

แนวการเขียน: สรรพนามบุรุษที่ ๑ และ ๒ เป็นวิธีที่พบเห็นมากที่สุดสำหรับเนื้อเรื่องแนวผจญภัย ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มต้นมาด้วยคำแนะนำตัวของตัวเอกด้วยการบรรยายแบบสรรพนามบุรุษที่ ๑ หรือบุรุษที่ ๒ ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก จุดแตกต่างคือการบรรยายเนื้อเรื่องตางหาก !! หากต้องการที่จะเน้นไปที่ตัวเอกก็ควรใช้สรรพนามบุรุษที่ ๑ หากต้องการเน้นไปที่ฉากดินแดนลึกลับที่อุตส่าห์คิดวาดแผนที่มาข้ามเดือนข้ามปีก็ควรใช้แบบที่ ๒ เพราะไม่อย่างนั้นคนอ่านก็ไม่มีโอกาสได้นึกภาพอย่างที่คุณคิดแน่

๗. สืบสวน เป็นหมวดที่ยากสำหรับผู้เริ่มต้นแต่หากประสบความสำเร็จจะเรียกนักอ่านได้มากทีเดียว นักเขียนแนวสืบสวนมักแบ่งนิยายของตนเป็นตอนย่อยๆ เพื่อสืบสวนเรื่องราวทีละเรื่องโดยมีตัวละครเอกคนเดิมคอยสืบคดีไปเรื่อยๆ เป็นการสร้างข้อคิดปริศนาให้นักอ่านหลงเชื่อไปในทิศทางหลายๆ ด้าน หรือด้านเดียว นักเขียนแนวสืบสวนมักสร้างตัวละครหลายตัวเพื่อมาหลอกล่อผู้อ่านให้คิดว่าคนนั้นคือคนร้ายคนนี้คือคนร้าย ขณะที่คนร้ายจริงๆ นั้นแอบแฝงอยู่อย่างเงียบๆ (หรือเด่นจนเกินไป) ทำให้คาดไม่ถึงนั่นเอง ยังไงก็ตามการบรรยายถือเป็นตัวหลอกล่อที่สำคัญที่สุดของนิยายสืบสวน เพราะยิ่งเราบรรยายตรงจุดไหนมากคนอ่านก็จะรับรู้เพียงแต่จุดนั้น ขณะที่อีกจุดไม่ได้บรรยายถึงคนอ่านอาจคาดไม่ถึง หรืออาจจะนึกสงสัยขึ้นมาก็ได้ ฉะนั้นต้องจับจุดให้ได้ว่าคนอ่านกำลังคิดถึงใครอยู่ในเหตุการณ์นั้น และทำให้คนร้ายเป็นจุดที่ไม่น่าสงสัยให้ได้ (เฮ้อ...)

ข้อแนะนำ: ให้พยายามคิดว่าเราเป็นคนอ่านกำลังอ่านอยู่ เราจะสงสัยคนร้ายคนไหนมากที่สุด และพยายามหาเหตุผลให้คนๆ นั้นไม่น่าสงสัยให้ได้ เมื่อเขียนเสร็จสักตอนแล้วให้เราทดสอบโดยการนำไปให้คนใกล้ตัวอ่านก่อน เช่น เพื่อนสนิท หรือพ่อแม่พี่น้อง เพื่อให้พวกเขาลองเดาดูว่าใครคือ ตัวคนร้าย หากพวกเขาติดกับอย่างที่เราคาดไว้ก็โป๊ะเชะ !! เราสามารถใช้เทคนิคเดิมต่อไปได้เลย แต่หากเขาเดาได้ตั้งแต่ยังอ่านไม่ทันจบล่ะก็ ไม่ได้แปลว่าคุณควรจะล้มเลิกเขียนนิยายแนวนี้เสียเลย เพราะนิยายแนวสืบสวนนั้นเป็นแนวที่ยากไม่ใช่เล่น การฝึกเขียนบ่อยๆ จะช่วยได้มากที่สุด และวิธีที่ดีอีกอย่างก็คือ ศึกษาเทคนิคจากนักเขียนที่เชี่ยวชาญแล้วด้วยการอ่านหนังสือของเขา (แต่ไม่ได้แปลว่าอ่านแล้วนำคดีนั้นมาเขียน หรือลอกแนวเค้ามานะ !!) การอ่านจะช่วยพัฒนานักเขียนได้หลายอย่าง ทั้งสำนวน และวิธีการเขียนมากมายรวมอยู่ในหนังสือแล้วทั้งนั้น เพียงแต่รู้วิธีนำมาประยุกต์ใช้ก็จะเป็นผลดีต่อตัวเรา

แนวการเขียน: นักเขียนส่วนใหญ่ใช้สรรพนามบุรุษที่ ๒ ในการเขียนนิยายแนวสืบสวนเพราะหลอกผู้อ่านได้ง่าย แต่บางคนก็ใช้สรรพนามบุรุษที่ ๑ มาผสมผสานด้วยเพื่อให้คนอ่านได้คิดเหมือนกับตัวเอกที่กำลังพยายามไขปริศนานั้นไปด้วย

๘. ระทึกขวัญ เป็นหมวดที่ต้องจัดรูปประโยคและหน้ากระดาษให้เป็น เพราะเป็นส่วนหนึ่งที่จะเรียกความตื่นเต้นจากคนอ่านได้ คำพูดที่ใช้ต้องสั้นและแฝงไปด้วยความสงสัย แต่ก็เฉลยเอาไว้แล้วในตัว เพียงแต่การบรรยายจะชักชวนให้ผู้อ่านไม่เข้าใจในตอนแรก มีเนื้อหาที่ชวนให้ลุ้นและใจเต้น ดึงดูดให้ผู้อ่านไม่สามารถละสายตาจากหนังสือได้จนกว่าจะเฉลยความจริงออกมา แค่ฟังคร่าวๆ ก็ยากพอสมควรแต่นักเขียนเริ่มต้นคิดจะเขียนเรื่องนี้ก็มีจำนวนไม่น้อย เพราะเป็นเรื่องที่นักเขียนเองจะตื่นเต้นไปกับเนื้อเรื่องของตนเองด้วย อาจมีฆาตกรหรือบุคคลต้องสงสัยปรากฏตัวมาเป็นระยะในเรื่อง บางครั้งไม่มีตัวละครเอกแต่แรก เพราะตัวละครทุกตัวโผล่มาก็ถูกฆ่าตายตลอด มาจนถึงคนสุดท้ายที่สามารถรอดตายได้และพบว่าฆาตกรที่แท้จริงคือใคร จุดเด่นอยู่ที่การหนีรอดจากเงื้อมมือฆาตกรนั่นเอง

ข้อแนะนำ: บางคนคิดว่านิยายแนวระทึกขวัญเป็นนิยายโหด แต่นั่นไม่จริงเลย หากนักเขียนต้องการเขียนนิยายแนวระทึกขวัญให้ใช้ความคิดหรือหนีเอาตัวรอดอย่างหวุดหวิดก็ทำได้ หากต้องถึงแก่ชีวิตจริง ก็แค่ตัดส่วนที่น่ากลัวออกไปก็เป็นอันเสร็จสิ้น ไม่จำเป็นต้องบรรยายให้ถึงเลือดถึงเนื้อ คนอ่านก็เข้าใจแล้วว่าคนๆ นั้นถูกฆาตกรโรคจิตปลิดชีพไปแล้ว และบางทีอาจทำเป็นตัวล่อให้คนอ่านสับสนก็ได้ว่าตกลงคนๆ นี้ตายจริงหรือเปล่า ถ้าตายแล้วใครจะมาช่วยตัวเอก เป็นต้น

แนวการเขียน: คล้ายกับนิยายสืบสวนคือ สามารถใช้สรรพนามบุรุษที่ ๒ หรือ ๑ ก็ได้อยู่ที่ว่าต้องการจะเน้นตรงจุดไหนเป็นพิเศษ เพราะการที่เราใช้สรรพนามบุรุษที่ ๑ ก็จะทำให้คนอ่านรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกไล่ล่าไปด้วย แต่หากใช้สรรพนามบุรุษที่ ๒ ก็จะทำให้คนอ่านรู้สึกตื่นเต้นและลุ้นระทึกว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป

๙. สงคราม เมื่อพูดถึงสงครามเลือดก็สาดกระเซ็นมาเต็มจอเสียแล้ว ไม่ว่ายังไงสงครามก็ต้องมีการสูญเสีย หรือเสียเลือดเนื้อในทางใดทางหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นสงครามเย็นหรือสงครามร้อนระอุลุกโชนเป็นเปลวไฟ ก็ต้องเกิดการไม่เข้าใจกันของสองฝ่ายเกิดขึ้น (อาจจะมีสามฝ่ายหรือมากกว่านั้นก็ได้) นิยายแนวสงครามอาจอิงมาจากเรื่องจริงในประวัติศาสตร์ แต่อันนี้ก็ต้องระวังนิดนึงนะคะ เพราะเรื่องบางเรื่องอาจผิดกฏหมายก็ได้ อิอิ ส่วนใหญ่นิยายแนวสงครามจึงเป็นสงครามที่นักเขียนคิดขึ้นเองจากจินตนาการที่คิดว่าอาจจะมีสงครามนี้เกิดขึ้น หรืออาจจะเคยมีสงครามอย่างนี้เกิดขึ้น

ข้อแนะนำ: แม้จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการฆ่าฟันกันก็ควรที่จะแสดงความโหดร้ายทารุณอย่างมีเหตุผล มิใช่จู่ๆ ลูกก็คว้ามีดพร้ามาฟันครอบครัวตัวเองหมดแล้วฆ่าตัวตายตามทั้งๆ ที่ข้าศึกยังไม่ได้คิดจะบุกเมืองเลยเสียด้วยซ้ำ หากต้องการแต่งให้ดูโศกเศร้าในยุคของสงครามก็อาจมีการพลัดพราก หรือใครสักคนถูกข้าศึกจับไปเป็นเชลย อีกส่วนหนึ่งถูกฆ่าไปต่อหน้าต่อตาก็ได้ การสูญเสียคนรักจำนวนมากก็ใช่ว่าจะเรียกความโศกเศร้าได้มาก เพราะจุดสำคัญอยู่ที่การบรรยายตางหาก ยิ่งบรรยายให้เศร้าเท่าไหร่คนอ่านก็ยิ่งเศร้าตามเท่านั้น สงครามอาจมีการล้างแค้นเกิดขึ้นแต่ผลสุดท้ายควรแสดงให้เห็นว่าการล้างแค้นไม่ใช่วิธีการที่ดี นิยายทุกเรื่องทุกแนวควรสอนให้คนอ่านเข้าใจในสิ่งที่เราจะสื่อตลอดเวลาด้วย ไม่ใช่ฆ่าฟันกันทั้งเรื่องตอนจบพระเอกตายแล้วก็จบ การผูกเรื่องให้มีเหตุผลเป็นอีกวิธีหนึ่งที่สำคัญสำหรับนักเขียน

แนวการเขียน: อาจใช้สรรพนามบุรุษที่ ๒ หรือ ๓ จะดูเหมาะสมกว่าการใช้สรรพนามบุรุษที่ ๑ เพราะสงครามมักเน้นไปที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากกว่าความรู้สึกของคนๆ เดียว แต่ใช่ว่าการใช้สรรพนามบุรุษที่ ๑ จะผิด เรื่องการบรรยายนั้นไม่มีผิดถูกเพียงแต่เราควรเลือกการบรรยายที่เหมาะสมกับตัวเราและเนื้อเรื่องของเรามากที่สุด เพื่อที่จะสื่อออกมาให้คนอ่านเห็นว่าเราต้องการสื่อถึงจุดไหน

มาถึงครึ่งทางเสียที หากยังเลือกไม่ได้จริงๆ หรือกำลังรอลุ้นจะดูหมวดในดวงใจก็เชิญติดตามได้ในครึ่งหลังนะคะ

"Slow but Sure = ช้าๆ ได้นิยายเล่มงามนะคะ"

o(.>...<.)o

ความคิดเห็น

GaBoZyui
GaBoZyui 21 พ.ค. 50 / 18:04

ข้าน้อยขอเคารวะ!! -/\-
มันสุดยอดมากจอร์จจ..จ!! T__T


PS.  '+' ข้าพเจ้าส่งนิยายเข้าพิจารณาที่สนพ.แจ่มใส ยังไงก็เชิญไปวิจารณ์ได้นะ จะขอบคุณมากๆ โอ๊ย! ตื่นเต้นว้อยยยย '+'
ความคิดเห็นที่ 2

ขอบอกว่าเยี่ยมมากเลยค่ะ

แต่มีอีกประเภทที่อยากมานำเสนอ

เคยสังเกตมั้ยคะว่านิยายที่ติดท้อบเท็นส่วนใหญ่จะมีฉาจเรตX
นั่นแหละคะคือจุดขาย ถ้าอยากให้นิยายเรามีคนเข้ามาอ่านเยอะๆก็เขียนให้มันติดเรตเข้าไว้ แทรกอะไรทีมันเศร้าๆเน่าๆตามแบบฉบับหนังไทยลงไปหน่อย แค่นี่ก็ได้แล้ว รับรองว่ามีคนมาอ่านตรึม


ปล. อย่าลืมฉาจจบพระเอกกับนางเอกต้องไปยืนกอดกันริมทะเลนะคะตะเอง
       ฉากนี้เห็นกันอยู่บ่อยๆในหนังไทย ไม่เชื่องลองสังเกตดูสิ ฮ่าๆๆๆ

*******แต่ไม่แนะนำให้เอาเป็นแบบอย่างนะคะ มันจะดีตรงไหนถ้านิยายเรามีคนมาอ่านเยอะเพราะเรื่องเรตๆ

pippi
pippi 21 ม.ค. 52 / 19:27
ขอบบบบบบบบ-คุณณณณณณณณณณณณณณณ-น๊า
PS.  หวาดดีค่า เป็นงัยกันบ้าง คือส้งข้อความลับหาบ้างจิ คืออยากได้อะนะ ขอบใจน๊าถ้าส่งให้แล้วก้อขอบใจมากด้วยที่เข้ามา เอ่อคือว่า ไปอ่านแล้วเม้นนิยาย เรื่องยัยชั่วร้ายกาบนายขี้เกียจให้หน่อยจิ
Snook
Snook 28 พ.ย. 53 / 19:58
ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่า ^O^/