และแน่นอนว่า เพลงที่เลือกก็ต้องเป็นเพลงของ SH (Sound horizon) อยู่แล้ว เลยเลือกเพลง Takkei no Seijo ค่ะ เพราะเข้ากับ theme ของไอดีตอนนี้ (รึเปล่า) พอดี
*เป็นการแปลจากภาษาญี่ปุ่น -> อังกฤษ -> ไทย นะคะ ไม่รู้ว่าเนื้อหาจะตรงกับออริจินัลรึเปล่า ถือว่าเป็นการฝึกภาษา (?) ก็แล้วกัน ( ´ー`)ノ
ก่อนอื่นก็คงต้องเกริ่นถึงเนื้อหาในอัลบั้มนี้ก่อนล่ะค่ะ ไม่อย่างนั้นคงจะงงแน่ ๆ
เรื่องมีอยู่ว่า 'เอลิซาเบ็ธ' เป็นลูกสาวขุนนางที่ต้องใช้ชีวิตอยู่แต่ในปราสาท ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหน จนกระทั่งวันหนึ่ง 'เมล' ลูกชายของหมอคนหนึ่งได้เข้ามาชวนออกไปเล่นด้วยกัน ทำให้เอลิซาเบ็ธดีใจมาก และทั้งคู่ก็ออกไปเล่นด้วยกันบ่อย ๆ จนกระทั่งรักกัน *อารมณ์ puppy love ล่ะมั้งคะ
แต่แล้ว เมลก็ต้องย้ายบ้าน (เพราะเทเรซ่า แม่ของเขารู้ตัวว่าตัวเองถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด) เมลเลยไปลาเอลิซาเบ็ธ ฝ่ายสาวเจ้าก็เลยให้ตุ๊กตาของตัวเองกับเมล โดยบอกว่าฝากเอาไว้ก่อน ไว้เมลกลับมาหาตามสัญญาเมื่อไหร่ค่อยคืน
แต่มันก็ไม่มีวันนั้น เพราะเมลถูกผลักตกบ่อน้ำ (ตายอนาถจริงหนู) ส่วนเทเรซ่าถูกจับเผาทั้งเป็นทั้งที่ไม่มีความผิดอะไร ทำให้วิญญาณแค้นของเทเรซ่าเข้าไปสิงให้ตุ๊กตาที่เอลิซาเบ็ธได้ให้เมลเอาไว้ ตุ๊กตาตัวนั้นเลยกลายมาเป็นเอลิเซ่ ตุ๊กตาผี
ทั้งเมลและเทเรซ่าต่างก็มีความแค้นอยู่ในใจก่อนที่จะตาย ทำให้ทั้งคู่กลับมาและเที่ยวชวนคนนู้นคนนี้แก้แค้นไปทั่ว
ตัดไปที่ส่วนของเมล - เอลิซาเบ็ธเลยนะคะ *เอลิซาเบ็ธ เป็นคนสุดท้ายที่เมลชักชวนให้แก้แค้น
เอลิซาเบ็ธที่โตเป็นสาวแล้วถูกพี่ชาย (แต่คุณพี่บอกให้เรียกว่าพ่อ งงเลยค่ะ ตกลงมันเป็นอะไรกันแน่เนี่ย) บังคับให้แต่งงาน แต่เธอไม่ยอมเพราะยังไม่เคยลืมเมลที่เป็นรักแรก ทำให้พี่ชายของเอลิซาเบ็ธสั่งให้คนจับเอลิซาเบ็ธไปตรึงไม้กางเขน และพอตายไปก็กลายเป็นรูปปั้นนักบุญ
*แอบนอกเรื่อง ตอนที่คุณพี่ถามว่ามีคนมาสู่ขอแล้ว ดีใช่ไหมล่ะ คุณพี่หาว่าเอลิซาเบ็ธเป็นสาวเทื้อ กี๊ซซซซ กระทบ เอ้ย หยาบคายมาก ≧︿≦*
คร่าว ๆ ก็เท่านี้ล่ะค่ะ ที่เหลือไปดูต่อในเพลงเลย <( っ '๐')づ ...
*หมายเหตุ: ขอใช้คำสรรพนาม 'ข้า - เจ้า' ในการแปลนะคะ เพราะเนื้อเรื่องดำเนินอยู่ในยุโรปสมัยที่ยังมีการล่าแม่มด น่าจะใช้สรรพนามนี้ได้
และอยากลองแปลออกมาเป็นแนวโดจินฯตามต้นตำรับของซันโฮระดูค่ะ ^‿^
Takkei no Seijo
{Zorn}
{ความโกรธแค้น}
["sankei no todaeta Kirche tabiaruki no Geigenspieler
mizou to natta haritsuke no seijo
kimi wa naze kono kyoukai o koete shimatta no ka?
saa utatte goran..."]
[โบสถ์ที่ปราศจากผู้แสวงบุญและนักเดินทาง
นักบุญผู้ถูกตรึงกางเขนที่กลายมาเป็นรูปสักการะอันศักดิสิทธิ์
เหตุใดเจ้าจึงได้ข้ามผ่านมายังพรมแดนแห่งนี้
เอาเถอะ จงขับขานบทเพลงเพื่อข้าเถิด] #เมล
(Es kam! Zeit des schicksals. Es kam! Zeit des Versprechens.
Es kam! Zeit des schicksals. Es kam! Zeit des Versprechens.)
(มันมาถึงแล้ว! เวลาแห่งโชคชะตา มันมาถึงแล้ว! เวลาแห่งสัตย์สัญญา
มันมาถึงแล้ว! เวลาแห่งโชคชะตา มันมาถึงแล้ว! เวลาแห่งสัตย์สัญญา)
nibiiro no ashidori ketsui de susumeru
senaka ni kaze o kanjite ichido dake furikaeru
yoiyami no nioi wa fushigi to natsukashiku
senaka o oshite kureru sou sonna ki sae shita wa
แต่ละก้าวย่างเต็มไปด้วยความหม่นหมอง หากก็ยังต้องเดินต่อไป
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายลมเบื้องหลัง จึงได้เหลียวกลับไปมองครั้งหนึ่ง
ภาพของแสงตะวันในยามสายัณห์ช่างคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด
และสิ่งนั้นกลายมาเป็นแรงผลักดันให้ก้าวเดินต่อไป
oshiyoseru kanashimi ni hitori furuete yubi de nazoru haruka tooi yakusoku
ตัวข้าสั่นสะท้านไปกับความโศกเศร้าจากคำสัญญาเมื่อวันวานที่ได้ให้แก่กันไว้ด้วยปลายนิ้วมือ
wakiagaru
(aa utsuro na mama)
nikushimi no
(ibitsu na aa)
moroku ibitsu na toki no hate ni yami o mitsume kuchizuke
(utsurou mama tsumi o atsume kuchizuke)
ima de mo wasurerarenai
(ima nao omoidasenai)
ณ จุดสิ้นสุดของความเปราะบาง
(อา... มันยังคงว่างเปล่า...)
ของเวลาที่บิดเบี้ยว
(มันคือโชคชะตาและความเกลียดชัง...)
หัวใจที่มีความเกลียดชังอยู่เต็มเปี่ยม ข้าได้แนบจุมพิตลงไปบนความมืดมิดนั้น
(รวบรวมบาปทั้งปวงด้วยจุมพิต...)
ถึงแม้ว่า ข้ายังไม่เคยลืมเลือน
(ถึงแม้ว่า ข้ายังไม่อาจจดจำ)
"denka, ojousama o o-tsure itashimashita"
"un. Elisabeth, yorokobe! omae no kekkon aite ga kimatta zo!
kyuukon shite kita no wa Rhein Pfalz da.
ikiokure ni wa negatte mo nai aite darou?"
"o-kotoba desu ga oniisama"
"otousama to yobe to nando ittara wakaru n da?"
"iie oniisama, watashi wa donata no moto ni mo totsugu ki wa gozaimasen!"
"ฝ่าบาท ข้าได้พาตัวท่านหญิงมาแล้ว" #วอลเตอร์
"โอ้ เอลิซาเบ็ธ ยินดีด้วย! ว่าที่เจ้าบ่าวของเจ้าได้ตัดสินใจแล้ว ผู้ที่แสดงเจตจำนงขอแต่งงานกับเจ้าคือไฮน์ ไฟซ์ *เขียนว่า Rhein Pfalz ค่ะ ไม่รู้ว่าออกเสียงอย่างนี้รึเปล่า แหะ ๆ* เขาดีพอสำหรับผู้หญิงอายุมากขนาดนี้แต่ยังไม่ได้แต่งงานอย่างเจ้า ใช่ไหมล่ะ?" #ราชา (?)
"ขอโทษค่ะ ท่านพี่..." #เอลิซาเบ็ธ
"เรียกข้าว่า 'พ่อ' ต้องให้ข้าบอกเจ้าสักกี่ครั้งกัน?" #ราชา
"ไม่ค่ะ ท่านพี่... ข้ายังไม่มีความคิดที่จะแต่งงานกับใครทั้งนั้น!" #เอลิซาเบ็ธ
ai o itsuwatte ikiru kurai nara
shinjitsu to tomo ni shisu koto mo itowanai wa
ถ้าหากข้าต้องมีชีวิตอยู่กับความรักที่จอมปลอม
ข้ายินยอมตายไปพร้อมกับความรักที่แท้จริงเสียยังดีกว่า
futari de mitsuketa nobara ga
kimi o tsutsumu koto o negatte bohyou no mawari ni ueta kedo
kekkyoku tsui no tsui made saku koto wa nakatta ne
ข้าปรารถนาให้ดอกกุหลาบป่าที่เราเคยเจอด้วยกันในป่าได้โอบกอดเจ้าเอาไว้
ข้าจึงได้ปลูกมันเอาไว้รอบสุสานของเจ้า
ทว่า... สุดท้ายแล้ว ดอกไม้เหล่านั้นก็ไม่เคยเบ่งบาน
gekkou ni koi o shita torikago no shiroi tori wa
chi ni ochiru to shirinagara saigo made habataku yo
dakara koso yoiyami ni utau no wa urami no uta ja nai wa
เจ้าวิหคสีขาวภายในกรงได้หลงใหลในแสงจันทร์
ถึงแม้มันจะรู้ดีว่าสุดท้ายจะต้องร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน
มันก็จะขอกระพือปีกไปจนถึงในวินาทีสุดท้าย
ดังนั้น บทเพลงที่ฉันขับขานในความมืดมิดจึงไม่ใช่บทเพลงแห่งความเสียใจ...
"Walter, omae to hahaue ga mibun o itsuwatte made
mamorou to shita mono no kekka ga kore da"
"denka..."
"hahahahaha. kono baka musume o haritsuke ni shiro"
"denka!"
"วอลเตอร์ เจ้าและแม่ต่างก็พยายามปกป้องเด็กคนนี้ ดูสิว่าผลเป็นอย่างไร" #ราชา
"ฝ่าบาท..." #วอลเตอร์
"ฮ่าฮ่า จับยายเด็กโง่ไปตรึงไม้กางเขนเสีย!" #ราชา
"ฝ่าบาท!" #วอลเตอร์
["naruhodo sore de kimi wa haritsuke ni sareta wake da ne
ichizu na omoi o tsuranuku no mo kekkou da
hatashite kare wa kimi no shi to hikikaete made
hontou ni sore o nozomu no ka na?
maa ii. saa fukushuugeki o hajimeyou ka"]
["ข้าเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเจ้าจึงได้ถึงตรึงไม้กางเขนเช่นนี้
เจ้ายังคงมุ่งมั่นที่จะกระทำตามความปรารถนาของตัวเองจนกระทั่งถึงวาระสุดท้าย ช่างน่าชื่นชมนัก
แต่เจ้าคิดว่า 'เขา' ปรารถนาให้เรื่องทั้งหมดจบลงพร้อมกับชีวิตของเจ้าเช่นนี้หรือ?
เอาล่ะ เรามาเริ่มการแก้แค้นด้วยการเลยดีกว่า"] #เมล
"iie. watashi wa sonna koto o nozonde nado inai wa
hito ni wa sorezore seou beki tachiba to unmei ga aru
anata ga ai ni kite kureta watashi ni wa sore dake de juubun
nee hontou ni oboete inai no? imanao mabayui ano hibi sae mo"
"ไม่... ข้าไม่ได้ต้องการเช่นนั้น
ทุกคนต่างก็มีชีวิตของตัวเอง และโชคชะตาที่ต้องฝ่าฟันด้วยกันทั้งนั้น
เพียงแค่เจ้ามาหาข้า แค่นี้ก็ทำให้ข้ามีความสุขยิ่งนัก
นี่... เจ้าจำไม่ได้หรือ... วันเก่า ๆ ที่แสนสดใสเหล่านั้น..."
- รำลึกอดีต -
("ee. sore yori watashi ima totemo dokidoki shite iru wa.
datte mori wa sekai wa konna ni horoi n desu mono")
("ข้าตื่นเต้นจังเลย ทั้งป่า... ทั้งโลกใบนี้...ช่างกว้างใหญ่เหลือเกิน")
("kirei na o-hana")
("waa hontou")
("tsukete ageru yo")
("hontou? kawaiku shite ne")
("niau yo")
("houtou? ureshii)
"ดูนั่นสิ ดอกไม้น่ารักจังเลย"
"ว้าว จริงด้วย"
"ข้าจะเอามาทัดผมให้เจ้าเอง"
"จริงหรือ? ทำให้สวยนะ"
"เหมาะกับเจ้ามากเลย"
"จริงหรือ?"
- ตัดฉากก่อนที่ทั้งสองคนต้องจากกัน -
("Meru zettai zettai mukae ni kite ne")
("aa yakusoku sa")
"เมล เจ้าจะกลับมาหาข้าใช่ไหม?"
"แน่นอน ข้าสัญญา"
- กลับมาที่เดิม -
"Meru sonna ni natte made yakusoku o mamotte kureta no ne"
"เมล... เจ้ายังคงรักษาสัญญาที่ได้ให้ไว้กับข้า...ใช่ไหม แม้ว่าเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานเท่าไรก็ตาม..."
hikari o nakushita kimi o shibaru tsumetai kusari wa
hikari o nakushita kimi o omou futari no aizou
โซ่อันเย็นยะเยือกที่ได้พันธนาการเจ้าผู้สูญเสียเปลวเพลิง (แสงสว่าง) เอาไว้
นั่นคือความรักและความเกลียดชังของคนสองคนที่มีต่อเจ้า ผู้ได้นำความรัก (แสงสว่าง) จากไปพร้อมกับความตาย
tori wa sora e shitai wa tsuchi e
kami o uragiritsuzuketa
yoru wa akete owari no asa e tsugi no wakare koso eien
วิหคที่โผบินขึ้นสู่ท้องฟ้า และซากศพที่กลับคืนสู่ผืนดิน
พวกเรายังคงทรยศต่อพระเจ้าเรื่อยไป
รัตติกาลดับสลายเมื่อวันใหม่ได้มาถึง และเมื่อนั้นถึงเวลาแห่งการจากลาของเราตลอดกาล
demo koukai nado shite inai wa
aa kore ga watashi no jinsei
von Wettin de mo
von Sachsen de mo nai wa
watashi wa Elisabeth
tada kimi dake o aishita
tada no Elisabeth
แต่... ข้าไม่เคยเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
อา... นี่คือชีวิตของข้า
ทั้งสตรีผู้สูงศักดิ์ (von Wettin)
และหญิงสาวผู้ถูกเลือกทั้งเจ็ด (von Sachsen) ต่างก็ไม่ใช่ตัวข้า
เป็นเพียงเอลิซาเบ็ธ ผู้หญิงที่แสนธรรมดาคนหนึ่ง
เป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งที่รักเจ้า
เป็นเพียงแค่ "เอลิซาเบ็ธ" เท่านั้น...
["nani yo Meru, sakki kara okashii wa yo, dou shichatta no?
anna onna no iu koto, ma ni ukecha dame yo! mou wasuremasho!
fukushuu wa tsuzukenakya ikenai wa. tatoe nani ga atta to shite mo.
sore ga watashitachi no sonzai riyuu desho!?
nee, hontou ni wakatte'ru no!? Meru...
aaaaa! mou! doushite wakatte kurenai no!? Meru no wakarazuya!
ima wa mou, watashi dake ga anata no Elise na no yo!?
kore made tanoshiku yatte kita ja nai!
futari de ironna fukushuu o tetsudatte kita ja nai!!
kore kara mo kitto tanoshii wa. sou yo, sou ni kimatte'ru wa.
anata ni wa watashi ga, watashi ni wa anata ga iru mono!
kono mama tsuzukeyou yo! zutto futari de tsuzukeyou yo! nee!!
zutto, zutto zutto zutto tsuzukeyou yo!!
kono sekai ga owaru made, uun, kono sekai ga owatte mo,
zutto zutto issho ni iyou yo! nee, iya, iya yo Meru,
iya, iya iya iya!! onegai, onegai yo, Meru... iyaaaaaa!!!"]
["เป็นอะไรไป เมล... เจ้าทำตัวแปลกไปได้สักพักแล้วนะ เกิดอะไรขึ้น?
ไม่เห็นต้องเก็บเอาคำพูดของผู้หญิงคนนั้นมาใส่ใจเลย ลืมมันไปเสียเถอะ!
เรายังต้องแก้แค้นต่อไปนะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
นั่นคือเหตุผลที่พวกเรายังต้องอยู่ต่อไปไม่ใช่หรือ?
นี่... เจ้าเข้าใจไหม เมล?
โอ๊ย! ไม่เอาน่า! เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ!? เจ้าเมลหัวทึบ!
ตอนนี้ ข้าเป็นเอลิเซ่ของเจ้าคนเดียวแล้วอย่างไรล่ะ ไม่ใช่หรือ?
พวกเราเล่นสนุกด้วยกันมาตลอด ไม่ใช่หรือ!
พวกเราช่วยคนอื่นแก้แค้นตั้งหลายครั้ง ไม่ใช่หรือ!
มันเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้พวกเราสนุกมากขึ้นนะ ใช่แล้ว... ใช่แล้ว!
เจ้ามีข้า และข้าก็มีเจ้า!
มาเล่นสนุกกันต่อเถอะ! มาทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ กันสองคน! นี่!!
ทำไปเรื่อย ๆ ... เรื่อย ๆ ... เรื่อย ๆ และตลอดไป!!
จนกว่าโลกนี้จะแตกสลาย ไม่สิ...
ต่อให้โลกนี้หายไป พวกเราก็จะอยู่ด้วยกันไปตลอดกาล!
นี่... เมล นี่! นี่!
อย่านะ! อย่า! อย่า!! ได้โปรด... ได้โปรดเถอะ เมล อย่า! อย่าาา!!!"]
["mou, ii n da yo. Elise..."]
["พอเถอะนะ เอลิเซ่"]
*คาดว่าจบลงด้วยการที่เมลและเอลิเซ่กระโดด (?) กลับลงไปในบ่อน้ำ เมลยอมล้มเลิกการล้างแค้น ส่วนเอลิเซ่นี่ไม่ทราบค่ะ คิดว่าวิญญาณคงหลุดออกไปล่ะมั้ง เพราะจากในคอน เอลิเซ่คอพับในตอนจบค่ะ -w-*
แฮ่ก เหนื่อยใช่ย่อย (*´・д・`)
ปกติก็ดูหนังฟังเพลงซับอิ้ง แต่ไม่เคยเอามาเรียงเป็นประโยค (ที่คิดว่า) สวย ๆ เลยสักครั้ง *ปาดเหงื่อ
แต่ก็ทำให้รู้ว่าเนื้อเพลงมันซึ้งกว่าที่คิดเยอะเลยค่ะ อย่างเช่นการที่เอลิซาเบ็ธแทนตัวเองว่า นกสีขาว และให้เมลเป็น แสงจันทร์ แบบว่า เพิ่งจะคิดได้ค่ะ ฮา
นกสีขาวในกรง คือเอลิซาเบ็ธที่ต้องอยู่ในปราสาทอย่างเดียวดายมาตลอด (ชุดที่เธอใส่เป็นสีขาวค่ะ) ส่วนเมลคือแสงจันทร์ที่ทำให้เอลิซาเบ็ธรู้สึกอบอุ่น
*มันต่อเนื่องมาจากเพลงของเอลิซาเบ็ธในอัลบั้ม IDO ก่อนหน้านี้ค่ะ ครั้งแรกที่ทั้งสองคนได้เจอกันเป็นตอนกลางคืน เมลมาหาเอลิซาเบ็ธที่กำลังนั่งเล่นอยู่คนเดียวในห้อง (ด้วยท่าเกาะกระจกอย่างกับวิญญาณหลอน) และข้างหลังมีแสงจันทร์ส่องผ่านลงมา*
โอย... ฟังกี่ทีก็ฟิน ยิ่งได้แปล (จากภาษาอังกฤษ) เอง ก็ยิ่งฟิน !! ≧///≦
แบบว่า... ชอบความดราม่าค่ะ
ความรักของคู่นี้มันซึ้งมากเลย ชอบ ๆ ๆ ❤
ถ้าวันไหนอารมณ์ดี จะมาแปลเพลงอื่น ๆ นะคะ
และมีภาพแคปของ live concert ในเพลง Kono Semai Torikago no Naka de มาฝากค่ะ เอามาล่อ (?) เล่น ๆ อิอิ
(แปล Kono Semai Torikago no Naka de >> http://my.dek-d.com/Farra_jung/blog/?blog_id=10165082)
เอลิซาเบ็ธ รับบท / ให้เสียงโดย Joelle
*เธอคนนี้เสียงดีจริงค่ะ เป็นนักร้องคนแรกที่สามารถทำให้เราซื้อ CD เพลงของเธอมาเก็บไว้ได้ ❤
(ส่วนของ SH... ราคาน่ารักกระชากใจเกิน เลยมีแค่ Maxi album ค่ะ แหะ ๆ)
เมลเช่น (Märchen) หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า เมล รับบท / ให้เสียงโดย Revo
*ขอกรี๊ดดัง ๆ เป็นการส่วนตัวได้มั้ยคะ -.,-
เอลิซาเบ็ธกำลังส่งตุ๊กตาให้เมลที่สัญญาว่าจะกลับมาหา
ปิดท้ายด้วยภาพจาก Takkei no Seijo ค่ะ >w<
"ดูนั่นสิ ดอกไม้น่ารักจังเลย"
"ว้าว จริงด้วย"
"ข้าจะเอามาทัดผมให้เจ้าเอง"
"จริงหรือ? ทำให้สวยนะ"
"นี่... จำไม่ได้หรือ... วันเก่า ๆ ที่แสนสดใสเหล่านั้น..."
PS ของแถมจาก DVD live concert ของอัลบั้มนี้ค่ะ
I wish ---
That you're smilimg even now, in that brightly shining era ...
ข้าปรารถนา ---
ว่าเจ้ากำลังส่งยิ้มท่ามกลางแสงสว่าง ...
I want you to smile
In the place of tears, in the place of hate and in the place of farewells ...
ข้าต้องการให้เจ้ายิ้ม
ท่ามกลางสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำตา ความเกลียดชัง และการจากลา...
กรี๊ดมากค่ะ ชอบ ๆ ๆ
เป็นประโยคปิดท้ายของเมลถึงเอลิซาเบ็ธ (มั้ง คิดเองเออเองค่ะ)
นับถือเรโวซามะ (แต่ก่อนเรียกเรโวตัน แต่หม่อมแม่หาว่าเป็นเรโว (ท่อ) ตันทุกที เปลี่ยนก็ได้ ชิชะ) จริง ๆ ค่ะ มีความรู้สึกว่าคนที่แต่งเรื่องดราม่าแล้วทำให้คนอ่าน / ดูซาบซึ้งนี่เก่งจริง ๆ เพราะถ้าฝีมือไม่ถึง จะทำให้พาลอารมณ์เสีย + เซ็งเสียมากกว่า
อำลาของจริงแล้วค่ะ ซาโยนาระ !
ความคิดเห็น