ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ThE KiNgDoM! มหาอาณาจักรเกมออนไลน์ทะลุโลก

    ลำดับตอนที่ #8 : การทดสอบนรกแตก[150% เพิ่มให้จุใจ ขอเวลาปั่นตอนใหม่แป๊บนึง]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.29K
      0
      17 ก.ค. 52




    ตำนานหน้าที่
    7 การทดสอบนรกแตก
     
    “...น่ารำคาญ”เสียงเรียบๆของเหมันต์ทำให้สายลมคิมหันต์ฯสะอึก แต่รัตติเบิกตาค้าง
     
     ...จะว่ายังไงดี เสียงของเหมันต์เป็นอะไรที่พิเศษ...ทุ้มๆนุ่มๆ ฟังดูไม่ค่อยเหมือนเสียงผู้ชาย แต่มันก็ไม่คล้ายเสียงของผู้หญิง...อ๊าก!! นี่เรื่องนี้มันจะเปลี่ยนพระเอกแล้วใช่มั๊ย!! เค้าไม่ยอมน้า~!(ตกลงว่ามันคิดอยู่เรื่องเดียว)
     
    “หุบปากแล้วให้สมองคิดซะ...ไม่งั้นอยู่ไปก็เกะกะเปล่าๆ ไปตายซะไป...”
     
    เฮือก!! ใครจะคิดว่าท่าทางเงียบๆแบบนั้นจะพูดได้กระชากจิตคนฟังได้ถึงขนาดนี้!! พระเจ้า!! รัตติที่เพิ่งได้ยินเสียงของอรุณแรกฯเป็นครั้งแรกในชีวิตก็ถึงกับเหวอ แต่ก็ช่วยคิดทั้งที่ยังมึนๆอยู่เล็กน้อย
     
    ส่วนคิมหันต์ นานๆจะได้ยินเสียงน้องตัวเองที...แต่มันกลับเป็นคำด่า!!
     
    พี่ชายล่ะเศร้า...เค้าทำอะไรผิดง่ะ…เอาน้องสุดน่ารักของเค้าคืนมาน้า~!!!
     
    “อืม...น่าจะเป็นแถวๆตรงนี้แหละครับ”รัตติพูดพลางชี้ไม้ใช้มือไปที่ผนังถ้ำด้านหนึ่ง ขัดความคิดของคนหัวเขียวที่ลอยไปไกลลิบเกือบๆถึงดาวอังคาร ดวงตาสีถ่านจับจ้องอยู่ที่กระดาษแผ่นเล็กในมือแบบไม่วางตา นิ้วเรียวลากช้าๆก่อนจะหยุดลงเมื่อสัมผัสได้ถึงรอยขีดที่จมลึกลงไปในแผ่นกระดาษ แต่กลับมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
     
    ใช่แล้ว...นอกจากจะมีข้อความที่เขียนถึงปริศนา กระดาษแผ่นนี้ยงมีร่องรอยของแผนที่ที่จะให้พวกเขาเดินไปต่ออีกด้วย!!
     
    “...”ความเงียบอย่างเฉียบพลันก่อตัวขึ้นเมื่อดวงตาสีเขียวใสของคิมหันต์ตวัดมาที่รัตติ
     
    มันคือตัวการที่ทำให้น้องเขาเปลี๊ยนไป๋(เริ่มเพี้ยน) ไม่ยอมเว้ย!!...รัตติเริ่มรู้สึกถึงลางไม่ดี
     
    โอ๊ย!! เสียงโอดครวญดังขึ้น ไม่ใช่เสียงของคนหัวดำ แต่ก็ไม่ใช่ของหนุ่มหัวเขียว จำเลยที่สามอย่างร่างสูงตาสีครามรับแรงกระแทกเข้าไปเต็มๆเล่นเอาเซ...
     
    ชิ้ง~ สายตาทิ่มแทงปนอาฆาตแบบนิ่งๆของอรุณแรกฯทำให้คนเป็นพี่ซึ่งมีชนักติดหลังกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ 
     
                “เจี๊ยก~!! เหมันต์พี่ขอโทษ”คิมหันต์ตะโกนลั่นถ้ำ เมื่อดาบวิหคเพลิงเหมันต์ถูกยกขึ้นอย่างน่าหวาดเสียว มันโงนเงนไปมาเล็กน้อยเพราะดูเหมือนแขนข้างเดียวจะรับน้ำหนักมันไม่ค่อยไหว (ปกติคนธรรมดาต่อให้มีสี่มือก็ยังไม่ไหวเลยมั้งเพ่ หนัก 50 กิโลฯกว่าๆ พอๆกับพลองเจ็ดเปลี่ยนเชียวนะนั่น)
     
                ฉึก...!! เสียงดาบเล่มยักษ์ปักลงไปในเนื้อหินตรงบริเวณที่รัตติชี้เข้าเต็มๆเฉียดผ่านลำคอไปอย่างน่าหวาดเสียว เรียกเลือดให้ไหลออกมาซิบๆ ก่อนจะตามมาด้วยความ...
     
    ...เงียบ...เงียบ...และเงียบ
     
                ความเงียบอย่างน่าสยองทำให้สายลมคิมหันต์ลืมตาขึ้นมาช้าๆ...ก่อนที่เจ้าตัวจะคิดได้ว่าไม่น่าลืมตาขึ้นเลย!! ในเมื่อมีสายตาเย็นเยียบที่กำลังคุกรุ่นอยู่อย่างน่ากลัว และทำท่าเหมือนจะกระชากหัวเขาให้หลุดรออยู่ตรงหน้า!!
     
                “น่าเสียดาย...”เสียงบ่นแผ่วเบานั่นแม้แต่รัตติก็อดไม่ได้ที่จะไม่ขนลุก!!
     
                ...แบบว่า เสียดายอะไรของพี่เหรอคร้าบ~!!
     
                แล้วคนหัวเขียวก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อมือเรียวขาวผ่องของเหมันต์กระชาก(ย้ำว่า กระชาก!)ดาบที่ปักอยู่ในเนื้อหินหลุดติดมือขึ้นแล้วกะซวก(ย้ำอีกครั้ง ว่ากะซวก!!)จ้วงดาบใส่เนื้อหินนั้นไม่ยั้งราวกับเคยเหยียบตาปลากันมาแต่ชาติปางก่อน ต่อให้เป็นบุญเลิศตัวไหนกลับชาติมาเกิดดูแวบเดียวก็น่าจะรู้...
     
                อสูรกายมาจุติแล้ว!!
     
                สองหนุ่มพากันปาดเหงื่ออย่างหวาดๆเมื่อร่างสูงผุดลุกขึ้นยืนพร้อมกับดวงตาสีครามที่ยังคงวาววับอย่างหงุดหงิด ทางที่ร่างสูงนั่งขุด(เรียกว่ากะซวกหินระบายอารมณ์จะถูกกว่า)อยู่นานสองนานตอนนี้กลายเป็นโพรงที่ไม่ทราบความลึก
     
    รัตติผ่อนลมหายใจช้าๆอย่างโล่งอกเมื่อดาบยักษ์เล่มสวยถูกเก็บเข้าฝักที่กลางหลังอย่างที่ควรเป็น
     
                ...นึกว่าจะต้องตายซะแล้ว...ซิก...น่ากลัวอ่ะ...คิมหันต์แทบจะก้มลงกราบขอบคุณคนแต่งที่ยังอุตส่าห์เห็นแก่ชีวิตมีลมหายใจรอดพ้นพายุอารมณ์ (ร้าย) ของใครบางคนมายืนซีดอยู่ตรงนี้ได้
     
                ปึ้ก! แต่ด้วยความแค้นยังคุกรุ่นคนเป็นน้องแต่ไม่รู้จักกตัญญู(แอบหันมาเถียงด้วยสายตาว่า เกิดหลังมันสามนาทีต้องกตัญญูด้วยเหรอ?)ก็ประเคนลูกถีบงามๆให้พี่ชายอย่างเคารพรักส่งร่างสูงปราดเปรียวของสายลมคิมหันต์ลงหลุม(?)ไปก่อน
     
                ใบหน้าใต้เงาผ้าคลุมนั้นเอนฟังเสียงอย่างไม่ใส่ใจ
     
                กรี๊ด!!!(?!)
     
                อ๊าก!!!
     
                เย้ยยยยยย~
     
                โอ๊ย!!!
     
                เจี๊ยก~~~~~~~!!!!!!!!!!!!!!
     
    รัตติแอบฉีกยิ้มน้อยๆยามแว่วเสียงโหยหวนของใครบางคนลอดออกมาจากปากช่องทางนั้น  ตรงข้ามกับอีกคน เพราะไม่ว่าอย่างไร...เหมันต์ก็คือเหมันต์ ใบหน้าเรียบเฉยนั้นไม่มีวันเปลี่ยนแปลงต่อให้เกิดสึนามิ พายุเฮอริเคน หรือแม้แต่แผ่นดินไหว 9.8 ริกเตอร์ก็ตามที(อันนี้ก็นิ่งไป แต่ถ้าเป็นเหมันต์อาจจะจริงก็ได้นะ?)
     
    ร่างสูงโปร่งหย่อนดาบลงไปก่อนอย่างเชื่องช้าหลังจากผ่านพ้นเสียงกลุกกลักไปครู่หนึ่งก็ตามมาด้วยเสียงร้องโอดโอยของคนหัวเขียวที่(ถูกถีบ)ลงไปก่อนหน้า
     
    แอ้ก!
     
    อะไรวะ!?
     
    ชะเฮ้ย!!
     
    “...ลงไปก็ระวังด้วยแล้วกันนะครับ”รัตติพูด คนถูกเตือนก็ได้แต่พยักหน้าหงึกๆแล้วโดดลงไป
     
    ทันทีที่เท้าสัมผัสพื้นเจ้าของดวงตาสีครามก็อยากจะเฉาะหัวพี่ชายผ่าออกดูเหลือเกินว่าข้างในมันประกอบจากอะไร
     
    ...เมื่อเห็นภาพเจ้าของเรือนผมสีเขียวขวดสไปรค์กำลังนั่งตอกตะปูใส่หุ่นฟาง(ไปเอามาจากไหน?) พร้อมทั้งเผาพริกเผาเกลือ(มันพกมาเรอะ!?)สาปแช่งใครก็ไม่รู้อยู่อย่างน่าสยอง(หวังว่าคงไม่ใช่เราหรอกนะ ทำบุญ(แต่สร้างกรรม)กับมันไว้เยอะ! : รัตติกาลอันมืดมิด)
     
    “...”ทำอย่างอื่นไม่ได้นอกจากถอนหายใจ เข้าใจแล้วว่าที่รัศมีความเป็นคนปกติ (แน่ใจเหลือเกิ๊น~ ว่าตัวเองปกติ) ของตัวเองยิ่งดูหมองๆมัวๆลงทุกทีๆเพราะไอ้พี่บ้านี่แท้ๆ!!
     
    ไม่นานร่างสูงเพรียวของเด็กหนุ่มในชุดเกราะสีดำก็ตามลงมา แอบเห็นว่าฝ่ายนั้นเบ้หน้าน้อยๆเมื่อเห็นพิธีกรรมสาปแช่งของคนหัวเขียว(มันยังไม่หยุดอีก) พอดีกับที่ดวงตาสีมรกตนั่นหันมาจับจ้องที่คนหัวดำเข้า...
     
    ร่างปราดเปรียววิ่งแบบแทบจะถลาเข้าหาแต่ก็หยุดกึกตรงหน้าของเหยื่อ(?)
     
    ฉับพลันมือเรียวก็ดึงเส้นผมของคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มากระจุกนึงพร้อมกับวิ่งกลับไปที่แท่นพิธี(สาปแช่ง)ได้อย่างรวดเร็วเสียยิ่งกว่าขามา เส้นผมสีดำถูกโปรยลงไปในกองเพลิงเล็กๆอย่างพอเหมาะพอดี ทำให้ผู้ชมทั้งสองรู้ดีแล้วว่ามันสาปใครอยู่...
     
    ...ขอให้พ้นเคราะห์ละกันนะ...(พูดเหมือนสงสารแต่แอบดีใจที่มันไม่ได้สาปเรา เอิ้กๆ)
     
    และเมื่อผลมันปรากฏเช่นนี้ …สองผู้เห็นเหตุการณ์จึงได้แต่...
     
    เงียบ...และยอมรับความบ้าของมันอย่างจำยอม...
     
    วิ้ง~! ระหว่างที่พิธีกรรมกำลังดำเนินไปอย่างราบรื่นน่ายินดี(?) แสงสว่างกลุ่มหนึ่งก็ทอประกายขึ้นเบื้องหน้าพร้อมกับการปรากฏตัวของหญิงสาวและชายหนุ่ม
     
    ฟากชายหนุ่มเป็นผู้ที่มีดวงหน้าคมคายแปลกตาด้วยนัยน์ตาเรียวยาวคมเข้มสีประหลาดด้วยข้างซ้ายสีแดงเพลิง แต่ข้างขวาเป็นสีฟ้าคราม ร่างสูงสมส่วนอยู่ในชุดสูทสีน้ำเงินเข้ม และไทต์สีเดียวกัน
     
    หญิงสาวรูปร่างอ้อนแอ้นในชุดหญิงสูงศักดิ์ของอังกฤษยุคก่อนสีน้ำเงินเข้มขับเน้นผิวขาวเรืองรองดั่งแพรไหมไข่มุกให้โดดเด่น ใบหน้าที่แม้ถูกปิดด้วยผ้าแพรผืนบางหากก็รู้ว่าคงงดงามไม่น้อย เส้นผมสีทองดัดม้วนเป็นลอนอย่างงดงามพลิ้วไหวทั้งที่ไม่มีลมพัดได้อย่างน่าพิศวง...
     
    ก่อนที่ทั้งสามจะได้เอ่ยปาก เสียงของทั้งคู่ก็ดังขึ้น...
     
    “นามของเราคือซีอุส...”ชายหนุ่มว่าพลางก้มหัวให้
     
    “มนุษย์เรียกเราว่าไกอา...”หญิงสาวในชุดผ้าสีน้ำเงินยอบกายลงทั้งๆที่ยืนอยู่บนอากาศ
     
    “ฟ้าคือฟ้า...ดินคือดิน...ฟ้าแสนปราดเปรื่อง...ดินเล่าแกร่งกล้า...ฟ้านั้นยิ่งใหญ่...หากดินมั่นคง...ฟ้าดินผสาน...ย่อมไร้ทางตัน...จงเลือกเสียนักเดินทางเอ๋ย...ทางสู่ฟ้า...หรือทางสู่ดิน...มีเพียงหนึ่งเดียวที่เจ้าต้องไป...”หนึ่งเสียงทุ้มนุ่มนวลกังวานไกลของซีอุส อีกเสียงหนึ่งหวานหูหากกึกก้องทรงพลังจากไกอา สองเสียงสอดประสานดุจเสียงเพลงขับขานจากสวรรค์
     
    สิ้นเสียงนั้นก็เกิดแสงสว่างวาบอักษรสีทองก็ค่อยๆถูกเขียนขึ้นกลางอากาศ
     
    ...ผืนดิน แผ่นฟ้า กว้างใหญ่...
     
    เมื่อเห็นประโยคนั้นรัตติก็ขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วผ่อนลมหายใจออกอย่างเชื่องช้า...ก่อนจะได้ตอบเสียงของคิมหันต์ก็ดังขึ้น
     
    “ฟ้าอาจเปรื่องปราด...ดินอาจมั่นคง...แต่ท้ายสุดแล้ว...ต้องมีทางตัน…เส้นทางที่ควรจะก้าวเดิน ไม่ใช่เพียงฟ้า ไม่ใช่แค่ดิน...”คิมหันต์ยกปลายนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากที่กำลังคลี่ยิ้มก่อนจะเอ่ยต่อ ท่ามกลางดวงตาที่เป็นประกายเบื้องหลังผ้าคลุมของหญิงสาว
     
    “หากฟากฟ้าแทนปัญญา แผ่นดินก็ย่อมแทนกำลัง ทั้งสองสิ่งเป็นสิ่งที่คู่กัน จะเน้นหนักเบาไม่ได้...มีกำลังหากไร้ปัญญา ก็ไม่ต่างกับในมือถือดาบล้ำค่า แต่ไม่มีปัญญาจะใช้ สุดท้ายก็จบลงที่การทำร้ายกระทั่งตนเอง
     
    แต่ถ้ามีปัญญาแต่ไร้กำลัง ก็ไม่เป็นผลดี...หากมีเพียงปัญญาก็มิอาจสืบสานความคิดอันปราดเปรื่อง ทำให้มันมีแค่เพียงการเพ้อฝันที่ไม่อาจเป็นจริง...”คราวนี้เป็นชายหนุ่มที่ขยับยิ้มพอใจ
     
    “...หากว่าฟ้าดินคือคำถาม ฟ้าดินก็คือคำตอบ...”เด็กหนุ่มผมสีเขียวสวยจบคำพูดลงอย่างงดงามที่สุด รัตติผิวปากเบาๆ เหมันต์ยังคงเงียบทำเพียงเงยหน้ามองสองหนุ่มสาวที่ยังลอยอยู่เบื้องหน้าพวกเขา
     
    “...”ความเงียบงันโรยตัวเข้าครอบคลุมคนทั้งห้า เวลาเพียงพริบตาที่ยาวนานราวนิจนิรันด์ ทันใดนั้นเองซีอุสและไกอาก็ประสานมือกัน แสงสีทองเจิดจรัสและสีเงินงามสาดไปทั่วโถงถ้ำพร้อมกับเสียงของทั้งสองที่ดังขึ้นอีกครั้ง...ทวนโคลงที่เป็นดังคำตอบที่แฝงอยู่ในคำถามนั้นอีกครั้ง...
     
    ...ฟ้าดินผสานย่อมไร้ทางตัน...
     
    ...พลันบานประตูสีเทาก็ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า...
     
    “อย่าเพิ่งดีใจไป...การทดสอบของฟ้าดินไม่ได้ง่ายเหมือนฟ้าหรือดินเพียงอย่างเดียว จำไว้...”หญิงสาวในชุดสีน้ำเงินเอ่ยเตือนเมื่อสัมผัสได้ถึงความคิดลิงโลดของเด็กทั้งสาม…แต่ลึกๆแล้วเธอกลับมั่นใจ...
     
    ...ไม่ตายก็คงเลี้ยงไม่โต เอ๊ย! พวกเขาจะต้องผ่านบททดสอบยากแสนเข็ญ อภิมหาลำเค็ญยิ่งกว่าทางไปนรกนี้ได้...ล่ะมั้ง...?
     
    ………………………………………………….
     
                คิมหันต์ยืนอยู่อย่างสงบ ใบหน้าหล่อเหลาเรียบเฉยจนดูผิดจากเมื่อครู่ราวกับเป็นคนละคน ดวงตาสีมรกตฉายประกายฉลาดเฉลียวทรงภูมิ
     
    ฝ่ายเหมันต์ก็กระชับดาบยักษ์ในมือมั่น...และจ้องมองทุกสิ่งด้วยดวงตาเฉยชาเช่นทุกคราว
     
    ...ส่วนรัตติที่ดูจะแปลกประหลาดที่สุด...เจ้าตัวแย้มรอยยิ้มหวานปนน่าสยอง ในขณะที่ควงพลองเจ็ดเปลี่ยนด้ามยาวเล่นอย่างไม่ทุกข์ร้อนใดๆ
     
    ร่างสูงโปร่งองทั้งสามยืนนิ่งหันหลังชนกันอยู่กลางวงล้อมของสัตว์อสูรร่างยักษ์สิงโตสีควันที่แสนสง่างามแต่ท่าทางหิวโซ(ที่หนำซ้ำอาจจะเขมือบพวกเขาเป็นมื้อดึก)เกือบร้อยตัวโดยไร้วี่แววของความหวั่นเกรง...
     
    ...การทดสอบของประตูฟ้าดินไม่ใช่เพียงการทดสอบเพียงพลังหรือปัญญา แต่เป็นทั้งสองอย่าง...คิมหันต์คิดเงียบๆ พลางครุ่นคิดหาวิธีที่จะผ่านการทดสอบ ทันใดนั้นเองความคิดหนึ่งก็ผุดพรายขึ้นมาในหัว
     
    “รัตตินายว่าไง”
     
    “...พิชัยสงครามกล่าวไว้ 36 กลยุทธ์ ประเสริฐสุดคือเผ่นครับ! โอ๊ย!”จบคำมะเหงกก็เขกลงกลางหัวทันทีข้อหาพูดอะไรไม่คิด คิมหันต์เลิกคิดจะพึ่งมันแล้วหันกลับมาคิดเองซึ่งดูจะมีประโยชน์กว่า
     
    “อืม...”
     
    ...นั่งบนภูดูเสือกัดกัน...
     
    พิชัยสงครามยังคงใช้ได้อยู่ในทุกยุคทุกสมัย...นี่เป็นอีกหนึ่งในกลยุทธ์ที่น่าจดจำ เมื่อเป้าหมายมีหนึ่ง แต่ผู้ต้องการครอบครองมีมากว่า ทุกฝ่ายก็จะแก่งแย่งกันเองและจะเหลือผู้ที่แกร่งที่สุดอยู่...แต่มันก็เท่านั้น...ถึงจะเก่งที่สุดแล้วยังไง เมื่อชนะได้สภาพก็คงร่อแร่เต็มทน หึหึหึ แล้วสุดท้ายผู้สังเกตการณ์อย่างเขาก็แค่รอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์...
     
    มือเรียวล้วงเข้าไปในกระเป๋าคาดเอวแล้วหยิบเอาข้าวกล่องที่รอดพ้นจากการแข่งกินของเจ้าสองตัวข้างหลังเขามาได้
     
    ...ว่าจะเก็บไว้กินเองซะหน่อย...ชิ...เด็กหนุ่มคิดอย่างเสียดายแต่ก็ปามันออกไปสุดแรง
     
    แกร๊ก...และทันทีที่ข้าวกล่องตกลงพื้น พวกสิงโตสีเทาที่ดูเหมือนจะหิวกันเต็มที่อยู่ก่อนแล้วก็กระโจนพรวดเข้าหา หมายจะขย้ำข้าวกล่องทันทีอย่างไม่รีรอ!!
     
    ทว่าคิมหันต์ก็ดีดลูกคิดรางแก้วเร็วไปซะแล้ว!!
     
    พลั่ก! ตุ้บ! เอ๋ง!(?) สิงโตที่ตัวใหญ่กว่าสิงโตตัวอื่นอย่างเห็นได้ชัดก็จัดการใช้ขาหน้าตบหัวเหล่าสิงโตสีควันที่หมายจะเขมือบข้าวกล่องลงท้องแบบเรียงตัวก่อนที่เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มจะดังขึ้นจากเจ้าสิงโตตัวนั้น
     
    “ของตกพื้นกินได้บ้านแป๊ะพวกเอ็งเหรอ!! ตะกละมากนักเดี๋ยวพัดส่งลงไปหาอะไรยัดลงท้องในนรกซะหรอก!! ไอ้พวกหัวหน้าสั่งสอนไม่รู้จักจำ!!”เค้าว่านั้นแน่ะเฮีย
     
    “หนอยยย...เป็นแค่แมวยักษ์ยังจะแสร๋นรักษาอนามัย จะให้ผมจัดโต๊ะจีนให้เลยมั๊ยครับพี่!”หนุ่มหัวเขียวตะโกนด่าอย่างเหลืออด และเส้นความอดทนของเด็กหนุ่มหัวเขียวก็ขาดผึง เมื่อสิงโตตัวนั้นแลสายมามองอย่างจิกๆ
     
    ...เออ ได้ก็ดี
     
    “ฉันจะฆ่ามานนนน~!!!!”คิมหันต์ตะโกนอย่างสติแตก แต่รัตติก็หันมาล็อคแขนคนใกล้บ้าไว้ได้อย่างทันท่วงที
     
                “ตายเป็นตายสิ แค่แมวตัวเดียว ไม่คณามือชั้นหรอก!!!!”
     
                “เฮ้ย เดี๋ยวก่อนสิ!”รัตติว่าอย่างตกใจ
     
                “...มีเพียงหนึ่งที่ต้องกำจัด อีกนับร้อยว่างเว้นจากเข่นฆ่า ไม่เช่นนั้นบททดสอบที่ผ่านมา ล้วนไร้ค่าหมดสิ้นซึ่งสำคัญ...”เสียงของไกอาดังขึ้นแว่วๆ ทำให้คิมหันต์แสยะยิ้มโรคจิตอย่างที่รัตติยังอดสยองไม่ได้
     
    ...................................................................
     
                พลั่ก!! ร่างสูงเพรียวของเหมันต์นั่งนิ่งอยู่เหนือชะง่อนหินที่สูงจากพื้นเกือบ 10 เมตร ดวงตาสีครามวาววับอย่างน่ากลัว แถมในมือยังกวัดแกว่งดาบเล่มยักษ์อย่างไร้เป้าหมาย จนบางครั้งดาบก็ถูกฟาดใส่ฝูงสิงโตที่อยู่รอบๆเป็นการระบายอารมณ์ที่คุกรุ่น
     
                ...ยิ่งคิดยิ่งแค้น!!...หนอย...พวกมันต้องเล่นตุกติกกันแหงแซะ...
     
                กึ้ง!! ดาบเล่มงามถูกยกขึ้นกันต่างโล่เมื่อสิงโตสีควันกระโจนเข้าใส่อย่างไม่กลัวตาย ดวงตาเรียวยาวสีครามกระจ่างเปล่งประกายกระหายเลือดเพียงพริบตาก่อนที่มันจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม แววตานั้นเป็นภาพที่งดงามงามนัก ราวกับเปลวไฟในก้อนน้ำแข็ง...
     
                ...ฮึ่ย เงื่อนไขบ้าบอคอแตก พวกแกก็รีบๆจัดการสิงโตเวรนั้นให้มันจบๆซะทีเซ่!!...ถ้าไม่ติดว่าวิธีจับไม้สั้นไม้ยาวบ้าบอนั่นทำให้ต้องมาเป็นคนกันไอ้สิงโตลูกกระจ๊อกพวกนี้ล่ะก็...
     
                ระหว่างที่กำลังใช้ความคิดอย่างหนักสิงโตสามตัวก็กระโจนเข้าหา
     
                ตัวแรกหลบไปได้แบบชิวๆ...รอดไปนะแก ไอ้สิงโตเฮงซวย
     
                ตัวที่สองเฉียดปลายผ้าคลุมไปหน่อย...ดาบยักษ์ฟาดใส่เต็มแรงทำเอาสลบ...ถือว่ามันซวยไปละกัน
     
                ตัวสุดท้ายเล็บคมเฉือนแก้มไปเพียงเล็กน้อยเรียกเลือดสีแดงให้ไหลอาบแก้มขาว...
     
                ...หึๆๆ...
     
                ปึด! เสียงเส้นขีดความอดทนที่ขาดสะบั้นถือเป็นลางตายของไอ้แมวไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงพวกนี้แน่!!
     
                ...มายาอัคคีน้ำแข็ง!!
     
    พรึ่บ!! สิ้นเสียงกระซิบแผ่วเบาเพลิงสีครามก็ขึ้นรอบชะง่อนผานั้น ก่อนที่ร่างปราดเปรียวกระโดดลงมาจากความสูงเกือบสิบเมตรด้วยท่าทีไม่หวั่นเกรง
     
                ...ตาย!!!
     
                “เหวอ...!! เหมันต์ อย่าเพิ่งฆ่าพวกมันนะ!!!!!!”
     
    กร๊อบ!! เสียงน้ำแข็งแตกกระจายเมื่อหมัดลุ่นๆกระทบเข้าเต็มๆเป็นการระบายอารมณ์
     
                กรอด...ร่างสูงกัดฟันแน่นดวงตาสีครามจับจ้องไปที่เหล่าสิงโตสีควันที่ถูกแช่แข็งทั้งเป็นทีละตัวๆอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่
     
                ...โดนแช่แข็งซักครึ่งชั่วโมงคงยังไม่ใจเสาะตายกันไปก่อนแล้วกัน!...
     
                ดาบยักษ์ถูกฟาดลงบนพื้นอย่างหงุดหงิด ท่ามกลางสายตาของหนึ่งหนุ่มที่กำลังฟัดกับสิงโตขาวอย่างเมามัน กับอีกคนที่กำลังเชียร์อยู่ในที่ปลอดภัย...ดวงตาสีครามวาวขึ้น ในขณะที่วิหคเพลิงเหมันต์ก็ถูกยกขึ้นพาดบ่า
     
                บัดนี้สิงโตขาวกำลังบาดเจ็บเลือดโทรมกาย แต่ดวงตาสีเงินของมันก็ยงฉายประกายดื้อรั้นไม่ยอมแพ้ มันเชิดหัวขึ้นสูงและเหลือบสายมองมายังเด็กหนุ่มทั้งสองที่เป็นคู่ต่อสู้ด้วยแววตาเหยียดหยามระคนดูถูก
     
                “เล่นด้วยคนสิ...”เสียงดังเพียงกระซิบ หากเมื่อได้ฟังกลับรู้สึกเยียบเย็นจนหนาวสั่น...ผู้ฟังทั้งสามเผลอถอยหลังออกไปกันคนละหลายก้าว
     
                ...คงไม่ต้องบรรยายว่าถ้าได้ลุย ...นรกแบบไหนกำลังจะเกิดขึ้น...
     
                “แว้ก~!! เหมันต์ ใจเย็นก่อนโยม รัตติ! เลิกเล่นได้แล้ว ฉันจะจับตัวเหมันต์ไว้ก่อน ได้แค่สิบห้านาทีนะ! รีบๆจัดการมันเร็วเข้า!”คิมหันต์กระโจนพรวดเข้าล็อคตัวคนกำลังคลั่งแอบในอย่างรวดเร็วทำให้รัตติถอนหายใจช้าๆ
     
                แหม...กะจะอู้ยืนดูดค่าประสบการณ์ซะหน่อย
     
    คิดเสร็จร่างสูงก็พุ่งเข้าหาร่างของสิงห์ร้ายตามคำสั่งด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อว่าในมือของเขามีพลองด้ามยาวที่หนักมหาศาล!!
     
    “Hi!”ทักทายเสร็จก็ถือคติเปิดก่อนได้เปรียบฟาดพลองลงสุดแรงหมายลงกลางหลังสิงโตสีขาวแปลกตานั้นให้ดับดิ้นในคราเดียว
     
    แต่จ้าวแห่งสรรพสัตว์ก็ไม่ใช่กระจอก ร่างปราดเปรียวนั้นเบี่ยงตัวหลบทำให้พลองด้ามสวยพลาดเป้าไปกระแทกแรงๆลงกับพื้น เหลือรอยเหมือนระเบิดลงมาตูมใหญ่ทิ้งไว้ให้คนมองสยองเล่น ก่อนที่อุ้งเท้าจะตะปบเข้าใส่ร่างเพรียวที่ตอนนี้ก็ไม่ต่างจากเป้านิ่งสักเท่าไหร่
     
    ร่างสูงเบิกตากว้างก่อนจะใช้เท้าถีบพื้นแรงๆทันทีที่ตกลงมาถึง ทำให้อุ้งเท้านั้นเฉียดขาไปอย่างน่าหวาดเสียว
     
    รัตติลงถึงพื้นอย่าง(ไม่ค่อย)มั่นคงได้ไม่ทันไรก็ต้องกลิ้งหลบเป็นลูกขนุนอย่างหาความเท่ไม่เจอเมื่อร่างของสิงโตขาวกระโจนเข้าใส่อีกครั้ง
     
    “โฮกกก!!”สิงห์ขาวคำรามลั่นอย่างขุ่นเคืองเมื่อร่างปราดเปรียวนั้นหลบการโจมตีของมันไปได้อีกเช่นเคย
     
    เคร้ง! คราวนี้เกิดเสียงสะเทือนเลือนลั่นเมื่อพลองสีดำปะทะเข้ากับกรงเล็บแข็งแกร่งของสิงโตขาว
     
    เด็กหนุ่มเลิกคิ้วอย่างแปลกใจปนตกตะลึงเมื่อเห็นว่าเล็บของสิงโตตัวนี้แข็งพอๆกับเจ็ดเปลี่ยนที่เป็นถึงอาวุธในตำนาน(ตามที่คิมหันต์พล่ามให้ฟัง)
     
    แต่เวลาก็ไม่เอื้ออำนวยสักเท่าไหร่รัตติไม่มีเวลาพอจะสังเกตสังกาเล็บของใคร เมื่อตอนนี้เวลาผ่านไปเกือบนาทีแล้วเขายังทำอะไรมันไม่ได้สักแผล
     
    “ให้ตายสิ...ไม่ค่อยอยากใช้วิธีนี้เท่าไหร่เลยนะเนี่ย...”รัตติพึมพำอย่างเซ็งๆ ก่อนจะหมุนตัวหลบกรงเล็บพิฆาตอย่างสวยงาม แล้วก็ตวัดเท้าถีบเข้าเต็มๆท้องของจ้าวป่าสีขาวไปหนึ่งที ร่างใหญ่โตของมันลอยไปกระแทกกับผนังถ้ำอย่างแรง!!
     
    ในจังหวะที่ฝ่าเท้างามๆถีบเข้านั้นกรงเล็บของสิงโตขาวตวัดเฉี่ยวต้นคอขาวไปอย่างฉิวเฉียดเพราะความบังเอิญ ทิ้งรอยบาดยาวเกือบคืบเอาไว้ แต่เด็กหนุ่มผู้ถูกฝากรอยแผลก็ไม่ได้ใส่ใจ เขารีบใช้จังหวะนี้ปักพลองเข้ากลางอกของสิงโตขาว เสียงพึมพำแผ่วเบาดังขึ้น
     
    “...เหล่าวิญญาณที่เร้นกายใต้ผืนดิน เมื่อยินคำสั่งข้าผู้เป็นนาย...จงฉีกกระชากอริร้ายผู้อาจหาญให้ดับดิ้น Earth Fang[1]!!” แคว่ก!! เสียงเหมือนผ้าขาดดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันดังขึ้นต่อเนื่อง ภาพที่เห็นก็ไม่ชวนให้อยากอาหารจนเด็กหนุ่มแอบทำหน้าหงิก
     
    แต่ไม่มีใครสนใจคนที่กำลังยืนเบ้หน้าอยู่ตรงนั้นสักเท่าไหร่ เพราะเบื้องหลังของเด็กหนุ่ม สิงโตขาวตัวนั้นได้แปรสภาพเป็นเศษเนื้อนับพันชิ้นและยังกระจายไปทั่ว เด็กหนุ่มผมดำเหลือบตาไม่มอง ดวงตาคู่คมว่างเปล่าไม่ต่างจากแลสายตามองขยะไร้ค่า
     
    ทั้งที่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนมันยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่แสนสง่างาม...ตอนนี้เป็นเพียงเศษเนื้อชุ่มโชกด้วยเลือดคาวคลุ้ง...รอยยิ้มเยือกเย็นปรากฏบนเรียวปาก ไม่ใช่รอยยิ้มหวานปนสยองเหมือนทุกทีแต่คราวนี้...มันเป็นรอยยิ้มเย็นที่เหมือนไม่ใช่รอยยิ้มของมนุษย์!
     
    ...ปาร์ตี้เควสเสร็จสิ้น ผู้เล่นสังหารสีหราชแสงทิวา ระดับ 80 ได้รับกล่องปริศนา 1 กล่อง...
     
    “ปฏิบัติตามบัญชาแล้วครับผม...”รัตติว่าเสียงกวนๆก่อนจะยกพลองขึ้นพาดไหล่ สายตานิ่งเรียบของเหมันต์ไม่ได้แปลกไปจากทุกคราวอาจเป็นเพราะเคยเห็นไอ้ที่ ‘ยิ่งกว่า’ นี้มาแล้ว แต่ดวงตาของคิมหันต์มองมานั้นแปลกไป
     
    ดวงตาสีมรกตนั่นสั่นระริกด้วยความตื่นเต้น รอยยิ้มท้าทายผุดขึ้นบนเรียวปากอย่างห้ามไม่อยู่!!
     
                “น่าสนใจ...”
     
    ..............................................................................
     
    ในเวลาเดียวกัน ณ โลกเดียวกัน แตกต่างกันเพียงสถานที่...
     
    “ฮ้าว~ จันทร์ ยังไม่เสร็จอีกเหรอ?”ธันวา หรือ จ้าวมังกรสายฟ้า ตามชื่อในเกมเอ่ยถามหญิงสาวที่กำลังกวาดตามองม้วนกระดาษมืออย่างตั้งใจ
     
                “ยัง...”จันทรา หรือชื่อในเกมก็คือ จันทราประกาศิต (และเจ๊แกยังมีประกาศิตสมชื่อ...) ตอบทั้งๆที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นจากม้วนกระดาษ
     
                “แล้วเมื่อไหร่จะเสร็จอ่ะ...เธอนั่งจ้องม้วนกระดาษนั่นมาสามชั่วโมงเต็มๆแล้วนะ”
     
                “หุบปากซะทีได้มั๊ยยะ? ม้วนกระดาษนี่เป็นเงื่อนไขการได้อาชีพลับหลังจากเปลี่ยนแพทใหม่ มีค่ามหาศาลรู้ไว้ซะด้วย!!”ผลัวะ!! พูดจบฝ่ามืออรหันต์ก็ฟาดลงกลางหน้าผากทำให้ชายหนุ่มหงายหลังตึง
     
                “ถ้าฉลาดแล้วก็ช่วยอยู่เงียบๆไปจะเป็นพระคุณมากเจ้าค่ะ ไอ้คุณมังกรสายฟ้า พูดมากนักเดี๋ยวแม่ตบเข้าให้!!”เจ๊ก็ตบมาแล้วไม่ใช่เรอะ!!! ธันวาเถียงเสียงดัง...ในใจ(น้องเป็นยังไง พี่เป็นอย่างนั้น ครอบครัวนี้ลี้ยงลูกกันยังไงนะ?)
     
                “ครับ...”ส่วนภายนอกได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำตามคำสั่งเจ๊แกไป...อนาถจริงๆ
     
                “โอ๊ย~!! ไม่เห็นมีอะไรเลย กรี๊ดๆๆ ไอ้ม้วนกระดาษเฮงซวย!! แกทำให้ชั้นเสียเวลาในการเก็บเลเวลไปตั้งสามชั่วโมง อ๊าย!!!”จู่ๆสาวเจ้าก็โวยวายขึ้นมาเหมือนเก็บกดจนเกินทนทำให้ผู้เฝ้ามองถึงกับเหวอ...นี่ล่ะหนา...ผู้หญิง...
     
                “อ่า...ไปไหนต่อดี...?”ชายหนุ่มถามแบบไม่ค่อยแน่ใจก่อนจะหน้าซีดสนิทเมื่อดวงตาเรียวสวยที่มีหางตาตวัดขึ้นเหมือนตาแมวตวัดมองอย่างหวานซึ้ง...รึเปล่า?
     
                “ไปไหน?...ถามว่าจะไปไหนงั้นเหรอ”จันทราประกาศิตทวนพลางเผยอยิ้มหวานหยด
     
                “เอ่อ...ไม่ใช่ๆๆ ข้าน้อยผิดไปแล้ว ดะ...ได้โปรดไว้ชีวิตด้วย”ด้วยความขนหัวลุกกับรอยยิ้ม
    หวานอันเป็นเอกลักษณ์ของพี่น้องบ้านนี้ทำให้เจ้าของฉายา ‘ราชามังกร’ ที่ทุกคนในเกมต่างยกย่องในความเก่งกาจถึงกับปากคอสั่นเลยทีเดียว
     
                “แหม...พูดคำไหนคำนั้นสิ ป่ะ เราไปเก็บเลเวลกันดีกว่า”ว่าแล้วหญิงสาวก็จัดการลากเพื่อนสนิทออกจากห้องทำงานไปโดยที่คนลากยังส่งเสียงโหยหวนไปตลอดทางท่ามกลางสายตาของเหล่าสมาชิกกิลด์ที่พากันสวดส่งวิญญาณให้เขากันแล้ว
     
                ไปดีนะเฮีย...หลายคนโบกมือหยอยๆให้อย่างน่าถีบ ทำให้ชายหนุ่มพยายามจะจดจำไอ้ตัวดีพวกนี้หมายมั่นสุดจิตจะกลับมาคิดบัญชีให้จงได้..
    .
                ...ถ้าตูรอดนะ อย่าหวังว่าพวกคุณ(มรึง)จะได้ตายดี!! ชายหนุ่มเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่ไม่มีใครกลัวท่าทางนั้นเลยซักคน ทำไม? ไม่น่าถามนะ คำตอบก็ง่ายๆ ก็มันไม่มีทางกลับมาแบบครบสามสิบสองร้อก~!!!
               
     


    [1] Earth Fang (ระดับ 1) ทักษะประจำอาวุธ [พลองสยบอสูร]
    รายละเอียด คมเขี้ยวแห่งผืนดินที่ฉีกกระชากร่างของศัตรูให้เป็นชิ้นๆ พลังโจมตีขั้นต่ำ 1800 จุด เงื่อนไข ปักพลองลงในร่างของเป้าหมายได้ คูลดาวน์ 1 ชั่วโมง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×