ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บันทึก(ไม่)ลับ เด็กวิทย์ หัวใจศิลป์

    ลำดับตอนที่ #7 : พ่อแม่ VS ลูก : คณะนี้ ใครเรียนกันแน่~

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.49K
      2
      8 พ.ค. 51

    เอาหล่ะ สำหรับคนที่ขึ้นม.ปลายแล้ว ควรจะรู้ถึงสิ่งที่เราอยากจะเป็นในอนาคตกันหมดแล้วนะคัฟผม ผมเชื่อว่าทุกคนต้องมีฝันกันบ้างหล่ะ ว่าอยากเป็นนู่นอยากเป็นนี่ ว่าแต่ตอนนี้ เราจะทำให้ฝันนั้นเป็นจิงได้รึเปล่า เท่านั้นเอง ^^

     

    เมื่อก่อนแม่บอก(เป่าหูอ่าแหละ)บ่อยๆว่า โตขึ้นต้องเป็นหมอนะลูกน้าหมอดีอย่างนู้น หมอดีอย่างนี้ หมอๆๆๆๆๆๆๆๆ ก็เลยติด แล้วก็ปฏิญาณกับตัวเองไว้เลยว่า “_รูจะเป็นหมอหั้ยได้!!!!”

     

    เมื่อก่อนผมก็เป็นเด็กเรียนดี (จิงๆน่า) ตอนอยู่ประถมได้ 4 ตลอด แม่ก็เลยปักใจเชื่อเลยว่า ต้องเข้าหมอได้แน่นอนลูกคนนี้ แบบหวังไว้มากจัด โดยหารู้ไม่ว่า ลูกคนเนี้ย ชอบภาษาไทยกับอังกิด มากกว่ามานั่งเรียนสปช.ซะอีก

     

    ด้วยความที่เป็นเด็กเรียนได้ทุกวิชา โดดเด่นก็แค่ 2 วิชานี้ ก็เลยเข้าสายวิดด้วยเกรดงามๆตอนอยู่ ม.3 555+

     

    อย่างที่ผมเคยบอกไป ควรเลือกให้เหมาะสมกับตัวเองซะด้วย (- - สายไปแร้วตอนนี้)

     

    จะบอกหั้ย ตอนแรกผมจะเรียนศิลป์-ฝรั่งเศสแล้วด้วย ด้วยความหลงใหลในความงามของภาษา อิอิ

     

    โม้เรื่องตัวเองนานและ เข้าเรื่องๆๆๆๆๆ ^^

     

    เชื่อว่าหลายครอบครัวก็เป็นเหมือนๆกับครอบครัวผม อันนี้ผมก็เข้าใจอยู่ส่วนนึงนะ คนเป็นพ่อเป็นแม่ ย่อมอยากให้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูก แต่เค้าอาจจะลืมคิดไปถึงจิตใจลูกบ้าง ว่าจิงๆแล้ว ลูกต้องการอะไรกันแน่ บางคนอยากให้ลูกเป็นหมอ ลูกก็บ้าจี้เรียนๆไป โดยที่ความจิงแล้ว ตัวเองชอบวิดวะมากกว่า อะไรประมาณเนี้ย

     

    จำไว้อย่างนึงว่า เรียนจบแล้ว เราต้องอยู่ไปกับสิ่งนั้นตลอดชีวิตเชียวนะ

    เราจบหมอ เราก็ต้องเป็นหมอไปตลอดชีวิต (มีใครจบหมอแล้วไปนั่งขายสายสี่หมี่เกี๊ยว - -)

    เราจบวิดวะ เราก็เป็นวิศวกรไปตลอดชีวิต (มีใครจบวิดวะแล้วไปนั่งดูหมอใต้ต้นมะขาม)

     

    เพราะฉะนั้นมีโอกาสเลือกเพียงแค่ครั้งเดียว เลือกให้ดี

     

    อยากให้คิดว่า สิ่งที่เรากำลังจะทำอยู่ตอนนี้ มันคืออนาคตทั้งอนาคตของเรา เราชอบสิ่งไหนก็ควรจะเลือกทำสิ่งนั้น อย่าให้ผู้ใหญ่มาตีกรอบความคิดให้กับเรามากจนเกินไป แต่ก็ไม่ใช่ไปโวยวายใส่เค้าซะงั้นนะ เราจะต้องอธิบายเหตุผลให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจ

     

    เด็กสายวิดรร.ผมหลายคนเลยที่เปลี่ยนไปเรียนทางศิลป์

     

    บางคน.... เรียนชีวะไปเพื่อเรียนการโรงแรม?

    บางคน... เรียนฟิสิกส์ไปเพื่อเรียนบัญชีหรอ?

     

    อะไรที่มันไม่ใช่ตัวเอง จะฝืนให้ชอบมันก็ต้องใช้เวลาอยู่นะ

    แต่เชื่อผมเถอะว่า ถ้าเรารักที่จะทำอะไร ก็ทำอย่างนั้นไปนั่นแหละดีแล้ว

    แล้วผลที่ได้ก็จะออกมาดีเอง

     

    ถ้าเรียนหมอไปแล้วไม่มีความสุข จะเรียนไปเพื่อออออออ......

    ดีไม่ดีก็จะไปลืมกรรไกรไว้ในท้องคนไข้ซะอีก

    ปล่อยให้คนเก่งๆเค้าเรียนทางนี้ไปเหอะ ^^

    สู้เรียนในสิ่งที่เราชอบดีกว่า จิงมั้ยคัฟ ^^

     

    ผมรู้ว่า พื้นฐานของแต่ละครอบครัวน่ะ แตกต่างกัน

    บางคนยากจนมากๆ อยากจะให้ลูกได้เรียนคณะดีๆ

    หางานดีๆทำ จะได้สบายในอนาคต จะได้ไม่ต้องมาลำบากเหมือนพ่อแม่

    ผมรู้ว่าบางครอบครัวก็คิดแบบนี้ เพราะปัจจัยหลายๆอย่างในครอบครัว

     

    แต่ก็อย่างที่ผมบอกไป (หลายรอบมากๆ) ถ้ามันไม่ใช่เรา บังคับให้เราทำ มันก็ออกมาไม่ดี

     

    หมอโดนฟ้อง ก็เยอะแยะไป

    วิดวะโดนฟ้อง ก็เยอะแยะไป ดีไม่ดีกลายเป็นคนตกงานเพราะโดนยึดใบประกอบวิชาชีพอีก

    ซวยแต้ๆๆๆ -*-

     

    เอาหล่ะ! ถึงเวลาแล้วรึยัง ที่จะเปิดใจกับพ่อแม่ซักที!

    1. ต้องคุยกันแล้ว เริ่มจากน้ำเสียงนอบน้อม สุภาพสุดๆ ต้องพูดกับตัวเองว่าจะไม่รมณ์ขึ้น ถ้าพ่อแม่เกิดพูดอะไรไม่เข้าหู หรือดูถูกอาชีพที่ชอบในอนาคต
    2. บอกให้ชัดว่า เราชอบอะไรกันแน่ แล้วก็บอกไปว่า เราได้ประโยชน์อะไรจากอาชีพนี้ ชอบอาชีพนี้เพราะอะไร
    3. บอกสิ่งที่อัดอั้นตันใจมานาน (ถ้ามี) อย่างเช่น เรียนชีวะไปก็ปวดหัว ท่องทำไมไกลโคไลซิส มันหนักหัวสมองไปหมดแล้ว เรียนไปทำไม E = MC2 ผมไม่ไหวแล้วคัฟ อะไรประมาณเนี้ย
    4. รับฟังเหตุผลของพ่อกับแม่ด้วย แล้วก็ขอความเห็นใจ ให้พ่อแม่เข้าใจในตัวเราบ้าง
    5. ทำตัวให้น่าเชื่อถือมากที่สุด แล้วก็ให้พ่อแม่มั่นใจว่า เราจะไม่มีวันอับจนในอาชีพที่เราจะทำแน่นอน!

     

    คนเป็นพ่อเป็นแม่ ยังไงก็รับฟังลูกได้เสมอนะคัฟ

    ยังไงท่านก็เป็นบุพการีของเรา ของคุยกันดูนะคัฟผม ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×