ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จบแล้ว (EXO) น้องปลา (Kaihun Ft.Chanbaek,Krislay)

    ลำดับตอนที่ #21 : ปลาตัวที่ 16.1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.18K
      71
      18 เม.ย. 64


    ปลาตัวที่  16.1




     

     

    บริษัท  บ้านปลา

     

    06.00 น.

     

    Rrrrr!!!

    Rrrrr!!!

    Rrrrr!!!

     

     

                (........???!!)

     

                เป็นเช้าวันหยุด...ที่ถูกรบกวนด้วยเสียงสมาร์ทโฟนที่วางอยู่บนหัวเตียง  และถึงแม้วันนี้จะต้องเดินทางไปมหาวิทยาลัยXXXกับแฟนตอนสิบโมง  แต่การถูกปลุกก่อนเวลาที่ตั้งค่าเอาไว้ก็ทำให้รู้สึกหงุดหงิดใจอยู่ไม่ใช่น้อย  และเมื่อคนที่ชอบนอนอยู่บนอกกว้างมากกว่าการนอนอยู่บนเตียงนุ่มๆเอื้อมมือเพื่อคว้าโทรศัพท์มากดรับ  แต่เสียงรอสายที่บ่งบอกว่ามันเป็นการวีดิโอคอลพร้อมชื่อของหญิงสาวที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอทัชสกรีน  มันกลับทำให้เช้าวันอาทิตย์ที่แสนสดใสหม่นลงได้ภายในพริบตา  แถมยังเพิ่มความหงุดหงิดให้มีมากขึ้นกว่าเดิมจนอยากปาเครื่องมือสื่อสารราคาหลักหมื่นออกไปนอกหน้าต่าง

     

    แต่การที่เจ้าของเครื่อง...บันทึกชื่อหญิงสาวคนนี้  และต่อท้ายด้วยตัวซีแล้วตามด้วยอีโมติคอนรูปปลามันก็ช่วยลดระดับความน่าหงุดหงิดลงได้บ้างเล็กน้อย  (น้อยมากๆ)

     

    Rrrr!!

    Rrrr!!

     

                ตัวC.และอีโมติคอนรูปปลา...ที่ต่อท้ายชื่อของทุกคนในสมาร์ทโฟนเครื่องนี้หมายถึงลูกค้าที่เคยสั่งทำตู้ปลาไปประดับบ้านหรือตามสถานที่ต่างๆ  แต่การที่ลูกค้าโทรเข้ามาแบบไม่รู้เวล่ำเวลา  ไม่รู้กาลเทศะ  ไม่มีมารยาทและยังเป็นลูกค้าที่ชอบสร้างรอยร้าวให้เกิดขึ้นกับความรักของคนอื่นซ้ำแล้วซ้ำเล่ามันก็เริ่มทำให้หัวใจของของเด็กอายุ  16  ปีมันร้อนคล้ายถูกไฟสุม

     

    Rrrr!!! 

    Rrrr!!! 

    ติ๊ดด!!!

     

                “คุณคิมมม...คุยสายหน่อยฮะ  ลูกค้าโทรมา  หนูรับให้แล้ววว!!

     

                เสียงโทรศัพท์เงียบไปสักพัก...แล้วดังขึ้นอีกหลายครั้ง  เป็นเหตุให้คนที่ไม่อยากรับสายจำเป็นต้องเลื่อนนิ้วโป้งลงไปบนหน้าจอทัชสกรีนที่มีสัญลักษณ์สีเขียว  แต่!!แทนที่จะคุยสายเองเพื่อให้หายข้องใจ  เจ้าตัวกลับปลุกหนุ่มผิวเข้มพร้อมหันหน้าจอโทรศัพท์ให้ใครบางคนเห็นชัดๆว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในเช้าวันนี้  ตอนนี้  และวินาทีนี้มันเป็นเช่นไร

     

    ฟอดดดด!!!

     

                “มอนิ่งครับ...เด็กดีของคุณคิม”

     

                “มอร์นิ่งฮะ  แฟนของหนู!!!...(จุ้บ)”

     

                หอมมาก็จูบกลับ...และมันก็ได้ผลเกินคาด  เพราะการที่ไม่ได้บอกเจ้าของเครื่องว่าปลายสายคือการวีดิโอคอลมันก็ทำให้คนที่ได้ยินได้เห็นภาพบาดหูบาดตาเมื่อครู่ถึงกับต้องเบือนหน้าหนี  ปลาตัวน้อย...ปรายตามองหญิงสาวในสมาร์ทโฟนแล้วซบหน้าลงบนอกกว้างตามเดิม  ส่วนคนที่เพิ่งทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในเช้านี้ก็เริ่มทำตัวไม่ถูกเมื่อรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองถืออยู่ในมือมันเป็นใครที่โทรเข้ามาหรือเป็นการโทรแบบใด  แล้วก็อาจจะมีพายุลูกใหญ่ตามมาหลังจากที่จบการสนทนาก็เป็นได้  T^T

     

                (ว่าไง...มินะ?)

     

                “เราจะโทรมาถามว่าวันนี้ไคจะไปมหาลัยหรือเปล่า  พอดีแชยองมันโทรมาชวน...แล้วบอกเราว่าไคจะมาแข่งบาสกับรุ่นน้อง”

     

                (ไปสิ...ป๋าโทรมาชวนเองเลยนะ  ไม่ไปได้ไง)

     

                “งั้นเจอกันที่มหาลัยนะ”

     

                (อืม...แล้วคราวหลังก็ไม่ต้องโทรมาแต่เช้านะ  แฟนเรายังเด็ก  น้องมันนอนไม่พอ  อีกอย่าง...มินะควรโทรแบบปกติจะดีกว่า  บางทีแฟนเราก็ไม่ได้ใส่เสื้อผ้า)

     

                “เราขอโทษละกัน  ไคนอนต่อเถอะ  เราไม่กวนแล้ว”

     

                ปัญหาที่เคยเกิดขึ้น...มันสอนให้คุณคิมเลิกใจอ่อนกับผู้หญิงคนนี้  รวมถึงอีกหลายๆคนที่อาจทำให้เรื่องเล็กลุกลามจนกลายเป็นเรื่องใหญ่  และเขาก็ต้องขอบคุณแหวนบนนิ้วนางข้างซ้ายที่มันช่วยตอกย้ำว่าคนที่นอนทับอยู่บนอกสำคัญกว่าอะไรทั้งหมดในโลกนี้  มือหนาวางสมาร์ทโฟนไว้บนเตียงเมื่อจบการสนทนาที่คล้ายจะเป็นการตัดสายสัมพันธ์มากกว่าการตัดสายในการสื่อสาร  และเรื่องที่เกิดขึ้นเช้านี้ก็ทำให้จงอินทราบอีกอย่างหนึ่งว่า...แฟนเด็กของเขาก็สามารถเก็บอารมณ์  แก้ไขสถานการณ์  รวมถึงแยกแยะเรื่องงานออกจากเรื่องส่วนตัวได้ดีกว่าผู้ใหญ่บางคนเสียอีก

     

    แต่ความเข้าใจของปลาตัวน้อย...ก็ยังมีข้อสงสัยที่ต้องการคำตอบ??

     

                “วันนี้คุณคิมจะไปเจอแฟนเก่าเหรอฮะ U_U

     

                “ถ้าต้องเจอกันในงานพี่ก็เลี่ยงไม่ได้  แต่พี่ไม่ได้ตั้งใจจะไปหาเธอสักหน่อย”

     

                “หนูไม่อยากไปมหาลัยของพี่คริสจ๋าแล้วฮะ  หนูไม่อยากให้คุณคิมเจอกับผู้หญิงคนนั้น”

     

                “เจอก็เจอไปสิ...พี่ไม่สนใจใครทั้งนั้นนอกจากน้องปลา”

     

                “จริงนะฮะ...คุณคิมห้ามไปสนใจคนอื่น  คุณคิมต้องตามใจหนูคนเดียว  รักหนูคนเดียว  แล้วก็ต้องรักเยอะๆด้วยนะฮะ”

     

                “ถ้าไม่รัก...พี่คงไม่ขอน้องปลาแต่งงานหรอกครับ”

     

                “งือออ...หนูก็จะแต่งงานกับคุณคิมคนเดียว  รักคุณคิมคนเดียว  รักมากๆ  รักที่สุดในโลกเลยฮะ”

     

    จุ้บบ!!!

     

                “พี่ก็รักปลาตัวน้อยคนนี้ที่สุดเหมือนกันครับ  รักมากๆ  รักจริงๆ”

     

                ความสงสัย  ความกังวล  ความหงุดหงิด...ถูกปัดเป่าด้วยอ้อมกอดที่อบอุ่นและรอยจูบอันแสนหวาน  คุณคิมเข้าใจ...ว่าคนที่เคยผิดหวังในตัวเขามาแล้วครั้งหนึ่งอาจมีความหวาดระแวงต่อสิ่งที่เหมือนจะเกิดขึ้นซ้ำ  และการสร้างความเชื่อมั่นหรือความไว้ใจก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิดเดียว  แต่เขาก็จะทำให้ปลาตัวน้อยเห็นว่าใครสำคัญที่สุด  เหมาะสมมากที่สุดและจะรักให้มากที่สุด

     

    เช้านี้...เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องนอนห้องหนึ่งของบริษัทบ้านปลาก็จบลงด้วยความเข้าใจ  แต่อีกห้องห้องหนึ่งในอีกบริษัทหนึ่งมันอาจจบลงไม่เหมือนกันก็ได้ 

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    บริษัท  มีปลา 

    08.17 น.

     

    ปังงง!!!

     

                “น้องอี้...ห้ามแต่งหน้า  แล้วก็ไปใส่กางเกงให้เรียบร้อย!!!

     

                “ถ้าไม่ให้แต่งหน้า...อี้ก็ไม่ไป!!

     

                เสียงประตูห้องน้ำ...ถูกปิดลงด้วยแรงของความหงุดหงิดเพราะคนที่ตื่นก่อน  แถมยังนั่งอยู่หน้ากระจกและเอาแต่แต่งแต้มสีสันลงบนใบหน้านวลมันทำให้ผู้เป็นสามีรู้สึกไม่พอใจ  ส่วนภรรยาที่ถูกห้ามทำนั่นทำนี่ก็รีบวางอายไลน์เนอร์ลงบนโต๊ะเครื่องแป้งด้วยความหงุดหงิดเช่นกัน  แล้วรีบลุกออกจากเก้าอี้  พร้อมทิ้งกายลงบนเตียงกว้าง  แต่!!การแต่งตัวไว้เพียงแค่ท่อนบน  และนอนโชว์ก้นอวบๆกับเรียวขาสวยๆอวดสายตาอันคมกริบของคนที่เพิ่งอาบเสร็จเมื่อครู่มันก็ทำให้บางอย่างภายใต้ผ้าขนหนูสีขาวคับพองจนอยากปลดปล่อยให้หายอึดอัด

     

     


     


     

                “น้องอี้อย่าดื้อได้ไหม  เดี๋ยวพี่ไปมหาลัยสาย”

     

                “สายก็ไม่ต้องไป”

     

                “ลุกขึ้นมาคุยกันดีๆ”

     

                “ไม่!!

     

                “น้องอี้อยากโดนพี่ทำโทษใช่ไหม?!!

     

                “ไม่...อ๊ะ!! น้องอี้เจ็บบบ!

     

                ไม่ได้ขู่...และไม่ได้อยากทำโทษหรือโมโห  แต่การเห็นความสวยงามนอนล่อตาล่อใจอยู่แบบนี้ก็ใช่ว่าผู้เป็นสามีจะอดใจได้  กายหนาสูงใหญ่...คร่อมร่างกักกันคนที่ยั่วอารมณ์ทั้งทางกายและทางใจให้กระเจิดกระเจิง  แล้วขบริมฝีปากลงบนสะโพกอวบด้วยความมันเขี้ยวจนเกิดรอยฟัน  และยิ่งร่างสวยขยับตัวเพื่อหลบหลีกการถูกทำโทษมากขึ้นเท่าไหร่มันก็ยิ่งเหมือนเป็นการยั่วยวนมากขึ้นเท่านั้น

     

                “น้องอี้คะ...อย่าดื้อได้ไหมคะ  พี่ขอร้อง”

     

                “พี่คริสทำอี้เจ็บ  อี้จะฟ้องคุณพ่อ”

     

                “แล้วดื้อทำไม  หื้มม?  น้องอี้เป็นอะไร  บอกพี่หน่อยได้ไหมคะ...มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า??”

     

                อี้ชิงไม่ใช่คนงี่เงา...ข้อนี้คริสทราบดี  แต่การที่ภรรยาอยากแต่งหน้าแต่งตัวทำเหมือนจะออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆมันทำให้สามีอย่างเขาเริ่มไม่เข้าใจ  คนที่ยังอยู่ในสภาพที่นุ่งแต่ผ้าขนหนูสีขาวพันเอวแบบหมิ่นเหม่รวบตัวภรรยามากอดเอาไว้เพื่อให้ต่างคนต่างคลายความหงุดหงิดลงก่อนที่เรื่องมันจะบานปลายไปมากกว่านี้

     

                “อี้ไม่อยากไปมหาลัยของพี่คริส  อี้ไม่ชอบให้ใครมามองพี่คริส!!

     

                “หวงเหรอคะ?”

     

                “ยังจะมาถามอีก  ถ้าอี้ไม่หวงพี่คริส  แล้วจะให้อี้ไปหวงใคร?!!!

     

                “ก็ลองหวงคนอื่นดูสิ  เตียง 3  ระเบียง  2  ห้องน้ำ 3...หนึ่งอาทิตย์  น้องอี้อยากโดนพี่ทำโทษไหมล่ะ??”

     

                “ไม่พูดด้วยแล่ว  พี่คริสก็หาแต่เรื่องเอาเปรียบอี้ตลอดนั้นแหละ”

     

                “พี่ก็ไม่อยากให้ใครมามองเมียพี่เหมือนกันนะคะ  น้องอี้ไม่ต้องแต่งหน้าได้ไหม?”

     

                “แต่งนิดเดียวได้ไหมล่ะ  อี้ลงอายไลน์เนอร์ไปแล้วข้างนึง  จะให้ลบออกก็เสียเวลา  เดี๋ยวพี่คริสก็ไปมหาลัยไม่ทันพอดี”

     

                “โอเคค่ะ...พี่ยอมแล้ว  หายหงุดหงิดนะคะ  พี่ขอโทษ”

     

                “อี้ก็ขอโทษนะครับ  อี้รักพี่คริสนะ”

     

                “พี่รู้ค่ะ  พี่ก็รักน้องอี้นะคะ”

     

    จุ้บบ!!!

     

                งานเลี้ยงสายรหัสของสามีเมื่อหลายเดือนก่อน...มันทำให้คนเป็นภรรยารู้สึกไม่ชอบใจที่เห็นใครต่อใครเอาแต่จ้องคนรักของเขาเหมือนจะกลืนกิน  หญิงสาว  หนุ่มสวยหรือแม้แต่ผู้ชายด้วยกันต่างก็มองอู๋อี้ฟานด้วยความรู้สึกที่เขาก็เดาได้ไม่ยากว่าใครคนนั้นกำลังคิดอะไร  แล้วด้วยเหตุผลข้อนี้...อี้ชิงจึงไม่อยากกลับไปรู้สึกแบบเดิมอีกครั้ง  มันอึดอัด  มันหงุดหงิดและไม่สบอารมณ์เลยสักนิดเดียว

     


                ส่วนคนเป็นสามี...ก็เหมือนจะเป็นบ้าทุกครั้งที่เห็นภรรยาแสนสวยแต่งหน้าแต่งตัว  เพราะใบหน้าหวานๆที่ถูกกรีดอายไลน์เนอร์มันน่ามองจนไม่อาจละสายตา  แก้มเนียนที่ถูกแต้มสีอ่อนๆเอาไว้ก็อยากฟัดให้ช้ำ  ริมฝีปากอวบอิ่มที่เติมลิปจนแวววาวก็อยากจูบซ้ำๆอย่างคนไม่จักพอ  ทุกๆอย่างที่ทำให้อู๋อี้ชิงดูดีขึ้นมันพาลให้ใจของคนเป็นสามีรุ่มร้อนไปหมด  ใช่ว่าตัวเองคือผู้ที่ถูกจับจ้องอยู่เพียงฝ่ายเดียว  แต่เมื่อใดที่ภรรยาแต่งตัวเติมหน้าเพื่อออกไปสังสรรค์กับเพื่อนๆหรือไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม  มันก็มักจะมีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เอาแต่จ้องเมียของเขาไม่วางตาเช่นกัน

     


    ถ้าคริส...ไม่ชอบให้ภรรยาแต่งตัวแต่งหน้า  อี้ชิงก็คงไม่ชอบตัวเองที่เกิดมามีผัวหล่อเกินไป!!

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    08.21 น.

     

     



     


                ทุกคู่รัก...ดูจะมีปัญหาให้ต้องเคลียร์ใจ  แต่ยกเว้นคู่รักต่างไซส์ของบริษัทบ้านปลาอีกคู่ที่ดูเหมือนจะหวานมากกว่าทุกๆวัน  เพราะตอนนี้ต่างคนต่างก็กำลังหาชุดที่เหมาะสมให้แก่กันและกัน  แถมคนเป็นสามียังเลือกแหวน  กำไลหรือนาฬิกาข้อมือให้เข้ากับการชุดที่ภรรยาต้องใส่ไปร่วมงานของมหาวิทยาลัยอีกด้วย  เป็นหนึ่งเรื่องที่เข้ากันได้ดีเนื่องจากคนทั้งคู่ชอบให้แต่ละฝ่ายดูดีเมื่อต้องออกไปไหนมาไหนด้วยกัน

     

     

                ชานยอล...รู้ว่าคนตัวเล็กต้องแต่งหน้าทุกครั้งถ้ามีเหตุให้ต้องออกไปพบเจอผู้คนภายนอก  ส่วนแบคฮยอน...ก็รู้ว่าสามีชอบใส่เสื้อผ้าชุดเดิมซ้ำๆทั้งที่ในตู้ก็มีเสื้อผ้ามากมาย  ถ้าไม่เลือกให้  ไม่หยิบหรือไม่ใส่ใจ  ชานยอลก็มักจะคว้าเสื้อฮู้ดสีดำกับกางเกงยีนส์ขาดๆมาใส่เสมอ  และคิดว่าสิ่งที่ช่วยให้ดูดีขึ้นก็หนีไม่พ้นเครื่องประดับที่มีเยอะจนแทบซื้อบ้านได้อีกเป็นร้อยๆหลัง  ซึ่งนั่นก็คือโรเล็กซ์ประมาณ 10 เรือนที่วางเรียงอยู่ในลิ้นชักห้องแต่งตัว

     

    แต่!!ในเมื่อนาฬิกามันใช้นอนแทนเตียงไม่ได้และบ้านก็ไม่ได้เป็นตัวบอกเวลา  แบคฮยอนจึงไม่อยากบ่นเรื่องของรักของหวงอย่างโรเล็กซ์ราคาหลักแสนสักเท่าไหร่

     

                “แบค...ไปส่องกระจกดูหน้าตัวเองดีๆดิ่!!”

     

                “ทำไมอะ??  มีอะไรก็พูดมาเลย  จงอินมันรออยู่”

     

                “แบคไปดูเอาเองเหอะ”

     

                “อะไรวะ...!!!!!!!!

     

                ยิ่งรีบเหมือนยิ่งช้า...เนื่องจากเจ้าของหางตาตกที่แต่งแต้มสีสันลงบนใบหน้าจนดูสดใสกลับลืมเขียนคิ้วด้านซ้าย  และที่เป็นแบบนี้ก็เพราะมัวแต่เลือกเสื้อผ้าให้สามีจนลืมไปว่าตัวเองได้ทำอะไรค้างไว้ก่อนหน้านั้น  รวมถึงเสียงของรถแวนที่สตาร์ทเครื่องรออยู่ข้างบ้านก็เหมือนเป็นตัวเร่งเวลาจนทำให้แบคฮยอนลนลานไปหมด

     

                “แบค...พี่จะใส่รองเท้าคู่ไหนดี?”

     

                “ก็ไนกี้ไง...ที่ซื้อมาคู่กันอะ  วันนี้จะแข่งบาสด้วยไม่ใช่เหรอ?  แล้วถ้าจะลงไปใส่รองเท้าข้างล่างแบคฝากเดินไปตบจงอินด้วยนะ  นี่รีบจนมือสั่นไปหมดละ!!

     

                “ปล่อยให้มันรอไปเถอะ  กว่าการแข่งจะเริ่มก็ช่วงบ่ายนู้น!!  แล้วที่นัดกันสิบโมง...เฮียคริสคงอยากพาเมียเดินเล่นรอบงานละมั้ง?”

     

                “แบคก็อยากไปเดินเล่นเหมือนกันนะ  จบมานานจนลืมว่ามหาลัยมีงานประจำปี”

     

                “อยากไปเดินเล่นหรืออยากไปเจอใครกันแน่?!!

     

                “อย่ามาหาเรื่องแบคนะ  พี่ชานยอลนั้นแหละ...ที่ไม่รีบเพราะกลัวแบคไปเจอใครหรือเปล่า?  บอกมาเลย  บอกมาเดี๋ยวนี้?!!

     

                “เจอใคร  อะไร  ไม่มี๊!!!  พี่รู้ตัวว่าหล่อมาก  เมียก็สวย  ไม่นอกใจด้วย  บอกเลยว่าไม่เคยกลัวใครทั้งนั้น”

     

                “จ้าาาา...พ่อสุดหล่อของน้องแบคคนเดียว”

     

                ยอมรับ...ว่าปมในใจของแต่ละคนมันค่อนข้างเจ็บปวด  แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะมาทะเลาะกันเพราะเรื่องเก่าๆที่จบไปพร้อมๆกับการเรียน  และทั้งคู่ก็ไม่เคยรื้อฟื้นเรื่องในอดีตมาทำให้ปัจจุบันที่สมบูรณ์อยู่แล้วต้องมาพังลงเพียงเพราะคำพูดไม่กี่ประโยค  มือบาง...ละจากการแต่งเติมคิ้วเมื่อทุกอย่างพร้อม  และการถูกร่างกายของคนที่ตัวใหญ่กว่าสวมกอดจากทางด้านหลัง  ซึ่งเป็นภาพสะท้อนที่เห็นผ่านกระจกหน้าโต๊ะเครื่องแป้งมันก็สามารถช่วยสร้างรอยยิ้มให้กับคู่รักต่างไซส์ได้ในทันที

     

     

     

     

     

     

     

     

     


      

     

     

     

     

     

     

     

    มหาวิทยาลัย XXX

    10.00 น.

     

     

    Rrrrr!!! 

    Rrrrr!!!

      

                “เฮียอยู่ไหน?!...พวกผมมาถึงแล้วนะ”

     

                (อยู่คณะAAA...มึงไปเดินเล่นก่อนได้เลย  บาสจะเริ่มแข่งตอนบ่ายสามที่โรงยิมคณะวิศวะฯ)

     

                “แล้วตกลง...ผมกับชานยอลต้องแข่งบาสจริงๆใช่ไหมเฮีย?”

     

                (มึงเคลียร์กับป๋าเองไหมล่ะ??  เดี๋ยวกูเอาเบอร์ให้?)

     

                “แข่งดิเฮียยย!!...ไหนๆก็มาแล้ว”

     

                (ถ้ามีปัญหาอีกกูจะให้ป๋าโทรเข้าเครื่องมึง)

     

                “โธ่เฮีย...อย่าขี้ฟ้องดิ  ผมก็แค่ถามดูเฉยๆ”

     

                (ดูแลน้องกูดีๆละกัน...แล้วก็อย่าให้กินอะไรมั่วซั่ว  เดี๋ยวน้องกูท้องเสีย!!)

     

                “คร้าบบบบ...แล้วเจอกันที่โรงยิมนะค้าบบบ”

     

                เกือบมาไม่ทันตามเวลาที่ได้นัดหมายกันไว้...เพราะมัวแต่รอพี่ชายต่างแม่แต่งหน้าอยู่นานสองนาน  แล้วพอมาถึงพี่เขยที่วันนี้แต่งตัวดีกว่าทุกวันก็รีบพาภรรยาไปเดินเที่ยวงานประจำปีของมหาวิทยาลัยทันที  มือหนาเก็บสมาร์ทโฟนใส่กระเป๋ากางเกงหลังจากจบการสนทนากับรุ่นพี่คนสนิท  พร้อมกวาดสายตามองไปรอบๆงานก่อนที่จะพาแฟนเด็กไปที่ซุ้มขายของกิน

     

     

                แซนวิชกับนมกล้วย...ที่แบคฮยอนเตรียมไว้ให้มันคงช่วยบรรเทาความหิวของปลาตัวน้อยได้ไม่นานนัก  จงอินจึงต้องรีบหามื้อเช้าที่ทำให้แฟนเด็กอิ่มท้องได้มากกว่านี้  ผู้คนมากมายภายในงานของมหาวิทยาลัยทำให้น้องปลารู้สึกตื่นเต้น  แต่ไม่ได้มีความหวาดกลัวเหมือนเมื่อก่อน  แถมร้านค้าที่ทางนักศึกษาจัดทำขึ้นเพื่อขายของต่างๆก็ดูน่าซื้อน่าทานไปหมด  มือบางที่ถูกหนุ่มผิวเข้มกอบกุมไว้ตั้งแต่เดินเข้ามาในงานก็เริ่มกระชับแน่นขึ้น  เพราะคนยิ่งมาก...ความหึงความห่วงก็ยิ่งมีมากขึ้นตามจำนวนของคนที่เดินสวนกันไปมา  และคณะที่มีของกินอร่อยที่สุดในมหาวิทยาลัยก็คงหนีไม่พ้นคณะABC

     

                “น้องปลาอยากกินอะไรครับ?”

     

                “อยากกินหมดเลยฮะ  มีแต่ของน่ากินทั้งนั้นเลย!!

     

                “ตัวแค่เนี้ย...จะกินทั้งหมดนี่ไหวเหรอครับ?”

     

                “ (^-^) ”

     

                รู้สึกดี...ที่แฟนเด็กไม่มีความหวาดระแหวงเมื่อต้องพบเจอกับผู้คนมากมายภายในงาน  แต่รอยยิ้มหวานๆบนใบหน้าเรียวสวยก็พาลให้คุณคิมต้องส่งสายตาคาดโทษให้นักศึกษาชายที่ยืนขายของกินอยู่ในซุ้มหน้าคณะ  จากที่รู้สึกดี...ก็กลายเป็นหงุดหงิด  จากเด็กที่ไม่แสดงอาการหวาดระแวง...ก็กลับกลายเป็นหนุ่มผิวเข้มที่คอยระแวงคนอื่นอยู่ตลอดเวลา  มันเหมือนประสาทจะกินที่ต้องมาเห็นแฟนของตัวเองเป็นที่หมายปองของคนในงาน

     

                “ขอโทษนะฮะ...อันนี้มันเผ็ดไหมฮะ  แล้วมีส่วนผสมของหอยหรือเปล่า??!

     

                “ไม่เผ็ดครับ  ในแกงนี้มีแต่เนื้อไก่  มันฝรั่ง  แครอทแล้วก็หอมใหญ่ครับ”

     

                “งั้นหนูเอาอันนี้  ตะ...แต่ไม่เอาหอมใหญ่ได้ไหมฮะ?”

     

                “ได้สิครับ  น้องไม่ชอบทานหอมใหญ่เหรอ?  แล้วน้องมาจากคณะไหน?  แต่เรายังดูเด็กอยู่เลยนะ  หรือว่าอยู่ปีหนึ่ง???”

     

                คนที่เหลือมือวางอยู่ข้างเดียว...ชี้นิ้วไปที่อาหารคาวอย่างหนึ่งพร้อมถามนั่นถามนี่  และเมื่อได้คำตอบที่น่าพอใจ  เจ้าตัวก็รีบสั่งมาทานทันทีเพราะท้องมันเริ่มร้องตั้งแต่เห็นของกินมากมายวางเรียงรายอยู่หน้าซุ้ม  แต่การมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี  การกล้าพูดกล้าคุย  เสียงหวานที่เอ่ยถามเพื่อหลีกเลี่ยงของที่จะทำให้ตัวเองเกิดอาการแพ้  ทุกๆกิริยาท่าทางที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีของปลาตัวน้อยมันกำลังสร้างความหงุดหงิดใจให้ผู้ที่เคยเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้อีกครั้ง

     

    แต่.......

     

                “หนูไม่ได้เรียนอยู่ที่นี่หรอกฮะ  แต่แฟนของหนูเคยเรียนอยู่คณะวิศวะฯ”

     

                “อะ...เอ่อออ  ครับ!

     

                ปากคมยกยิ้ม...และมือที่เคยประสานกันไว้ก็เปลี่ยนเป็นการโอบเอวบางเข้ามาแนบชิดจนไม่เหลือระยะห่าง  ความรุ่นร้อน  ความหงุดหงิดใจ  ความหวาดระแวงมันค่อยๆหายไปจากความรู้สึกทีละน้อยทีละน้อยเมื่อได้ยินเด็กในอ้อมแขนพูดแบบนั้น  จงอินพยายามควบคุมทั้งสติและอารมณ์ให้คงที่ก่อนจะพาให้วันแสนสุขของน้องปลาต้องมาพังพินาศเพราะเหตุของความหึงหวงไม่เข้าเรื่อง

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

                “คุณคิมมม...ตรงนั้นขายขนมปังด้วยฮะ  หนูอยากกิน”

     

                “กินแกงกะหรี่ให้หมดก่อนครับ  เดี๋ยวพี่พาไปซื้อ”

     

                “คุณคิมกินด้วยกันนะฮะ  มันเยอะม๊ากกก...หนูกินไม่หมด”

     

                “พี่ไปซื้อมาอีกจานดีกว่า  เดี๋ยวน้องปลาไม่อิ่ม”

     

                “กินด้วยกันนะฮะ  คุณคิมอ้าปากเร็ว  หนูจะป้อน”

     

                พอได้อาหารและเครื่องดื่มมาเรียบร้อย...คนที่คุ้นเคยกับสถานที่ก็รีบพาแฟนเด็กมานั่งทานมื้อเช้าที่โต๊ะไม้ด้านข้างคณะABCทันที  ช้อนพลาสติกที่มีแกงกะหรี่ไก่รวมถึงผักมากมายถูกป้อนใส่ปากคุณคิมสลับกับคนที่ไม่ชอบทานหอมใหญ่ทีละคำทีละคำจนหมดจาน  แล้วตามด้วยน้ำอัดลมที่แบ่งกันดื่มคนละครึ่งจนหมดกระป๋อง  จงอินทราบดี...ว่ารุ่นพี่คนสนิทไม่ชอบให้น้องเมียดื่มน้ำหวานรสซ่า  แต่ในเมื่อวันนี้มันเป็นวันหยุดที่เหมือนจะพิเศษกว่าทุกๆวัน  เขาจึงไม่อยากเข้มงวดกับเด็กคนนี้มากเกินไป

     

                “อิ่มไหมครับน้องปลา?”

     

                “อิ่มฮะ...แล้วคุณคิมก็ช่วยหันหน้ามาทางนี้หน่อยฮะ”

     

                “......????!!

     

                ในกระเป๋าใบโปรดรูปปลาดาว...มันไม่ได้มีแค่กรรไกรตัดเล็บหรือของใช้อำนวยความสะอาดให้กับผู้ที่เป็นเจ้าของเพียงคนเดียว  แต่ทุกอย่างที่อยู่ในเป้  ไม่ว่าจะเป็น...ทิชชู่เปียก  ครีมทามือ   ครีมกันแดดและผ้าเช็ดหน้ามันก็มีไว้เผื่อคนที่ไม่ชอบดูแลตัวเองอย่างคุณคิมด้วยเช่นกัน  ขนาดเล็บยาวจนฉีกยังใช้มีดคัตเตอร์เฉือนออก  และปากหยักที่ตอนนี้เลอะไปด้วยคราบของอาหารมื้อเช้าอย่างแกงกะหรี่ก็ถูกเช็ดด้วยมือของคนที่คุ้นชินแต่การจับอุปกรณ์ในการทำตู้ปลา  เจ้าของกระเป๋าเป้สีหวานจึงต้องเตรียมของจำเป็นหลายๆอย่างไว้เผื่อแฟนหนุ่มผิวเข้มเสมอ

     

                “ทีหลังอย่าใช้มือเช็ดมือปากอีกนะฮะ  เห็นไหมเนี่ย...มือเลอะแกงกะหรี่เต็มไปหมดเลย”

     

                “ขอบคุณนะครับน้องปลา...แฟนใครทำไมน่ารัก?”

     

                “แฟนคุณคิมไงฮะ”

     

                ปลาตัวน้อย...ดึงทิชชู่เปียกออกมาจากกระเป๋าเพื่อใช้เช็ดปากคุณคิม  แล้วดึงทิชชู่ออกมาใหม่อีกหนึ่งแผ่นเพื่อใช้เช็ดมือที่เลอะไปด้วยสีเหลืองของอาหารเช้าอย่างแกงกะหรี่  จากนั้นปากหยักที่ถูกเช็ดทำความสะอาดไปเมื่อครู่ก็ถูกเจ้าของกระเป๋าวิเศษทาลิปบาล์มไร้สีให้อย่างเบามือ  คนที่ได้รับการเอาใจใส่...รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้เด็กตรงหน้ามาเป็นแฟน  และอยากฟัดแก้มกลมๆให้หายมันเขี้ยวโทษฐานทำให้เขาหัวใจพองโต  แต่!!การทำแบบนั้นในที่สาธารณะมันก็คงไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่

     

                “น้องปลายังอยากกินขนมปังอยู่หรือเปล่าครับ  พี่จะได้พาไปซื้อ?”

     

                “แบมือด้วยฮะคุณคิม”

     

                “.......????!

     

                ไม่ได้รับคำตอบในสิ่งที่ถาม...แถมยังต้องทำตามคำสั่งโดยไม่มีการโต้แย้ง  และความเย็นจากครีมเนื้อนุ่มสีชมพูที่ถูกเทลงบนมือพร้อมการลูบไปมาจนครีมมันซึมไปทั่วมือทั้งสองข้างก็สามารถสร้างความสุขให้คุณคิมได้อีกครั้ง  น้องปลาทราบดี...ว่ามือของแฟนผิวเข้มทั้งด้านและสากมากแค่ไหน  และมันก็คงเกิดจากการทำบ้านปลาที่ต้องแบกต้องขนต้องประกอบให้มันเป็นรูปเป็นร่างมานานหลายปี...มือของคุณคิมจึงไม่ค่อยนุ่มเท่าที่ควร

     

                “เสร็จแล้วฮะ...เราไปซื้อขนมปังกันเถอะ”

     

                “แฟนของคุณคิมน่ารักที่สุดเลย  ขอบคุณอีกครั้งนะครับน้องปลา”

     

    จุ้บบ!!!

     

                “ก็หนูรักคุณคิมหนิฮะ  แล้วคุณคิมก็ต้องกินเยอะๆด้วยนะฮะ  จะได้มีแรงแข่งบาส”

     

                เมื่อสันกรามคม...ถูกริมฝีปากสีหวานประทับจูบให้อย่างแผ่วเบา  ความสุขของผู้ที่ได้รับการเอาใจใส่มันก็ล้นจนแทบไม่เหลือที่ให้เก็บซ่อนความรู้สึกอะไรอีกแล้ว  จงอินไม่กล้าจูบ  ไม่กล้าหอม  ไม่กล้าล่วงเกินน้องปลาในที่สาธารณะเพราะเกรงว่าคนอื่นจะมองไม่ดี  แต่สุดท้าย...สิ่งที่เขาอยากทำกลับถูกเติมเต็มได้อย่างง่ายดาย  ปากหยักฉีกยิ้มให้กับการกระทำที่ซื่อตรงต่อความรู้สึกของปลาตัวน้อย  ส่วนเด็กที่มีอายุเพียง 16 ปี...ก็ไม่ได้สนใจว่าใครจะคิดเช่นไรเนื่องจากคนที่สำคัญที่สุดมันมีแค่ผู้ชายผิวเข้มที่นั่งอยู่ตรงหน้าคนนี้คนเดียวเท่านั้น

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    14.00 น.

     

    เพี๊ยะ!!!

    เพี๊ยะ!!!

     


                “เฮียยย!!...หยุดก่อน  เก็บแรงไว้แข่งบาสก่อนไหม?  เดี๋ยวจบเกมค่อยมาตบใหม่  ซี้ดด!!

     

                คนที่กล้าทำรอยรักสีแดงไว้บนลำคอขาวเนียนของน้องปลา...ถูกขนาดมือที่สามารถจับลูกบาสไว้ได้เพียงแค่ใช้นิ้วทั้งห้า  ตบลงบนศีรษะด้วยความแรงจนสมองเบลอไปหมด  และถ้าไม่เอ่ยปากห้ามเอาไว้  หัวของเขาคงถูกชู้ตลงห่วงตาข่ายพร้อมเก็บสามแต้มเป็นคะแนนขึ้นนำ  จงอินกุมศีรษะของตัวเองทันที  ก่อนที่จะถูกตบซ้ำอีกรอบเพราะหลังจากที่พาแฟนเด็กไปทานข้าวเช้าข้าวเที่ยงเรียบร้อย...เจ้าตัวก็รีบเดินมาที่โรงยิมคณะวิศวะฯตามเวลาที่ได้นัดหมายกันเอาไว้

     

    แต่...ความสุขจากการได้รับความเอาใจใส่  มันก็ทำให้เขาลืมไปเลยว่าได้ทำอะไรกับน้องปลาไว้บ้าง  และถ้าเมื่อเช้าไม่ได้ถูกรบกวนเวลาส่วนตัวจากแฟนเก่า  จงอินคงไม่ลืมให้พี่ชายต่างแม่ช่วยปกปิดร่องรอยต่างๆด้วยเครื่องสำอาง

     

                “เรื่องรอยบนคอน้องกู...มึงเตรียมจองโรงบาลไว้เลย  ส่วนเรื่องแหวน...ถ้าเหตุผลที่มึงต้องอธิบายมันฟังไม่เข้าหู  ศพมึงจะถูกฝังอยู่ที่โรงยิม”

     

                “มากไปมั้งไอ้คริส!!...เด็กมันรักกัน  แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นมันก็เป็นเรื่องปกติ  หรือมึงไม่เคยวะ!!!

     

                คน...ที่เห็นน้องชายโดนตบโดนด่าอยู่ฝ่ายเดียวรู้สึกทนไม่ได้กับพฤติกรรมบางอย่างที่ดูจะเกินเหตุมากไปหน่อย  และใช่ว่าไม่เข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่าย  แต่เรื่องของความรักมันไม่เคยหักห้ามใจ  หักห้ามความต้องการหรือทนต่อความยั่วยวนได้มากนัก   แบคฮยอนยืนเท้าเอวเถียงฉอดๆแทนคนเป็นน้องเพราะไม่คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับน้องปลามันจะร้ายแรงจนถึงขั้นต้องลงไม้ลงมือ

     

                “พี่คริสจ๋าใจเย็นๆ  อย่าทะเลาะกันเลยนะฮะ  หนูขอโทษ...หนูรักพี่คริสจ๋ามากที่สุด  พี่คริสจ๋าอย่าโมโหนะฮะ  หนูกลัว!!

     

                เสียงหวาน...ของคนที่คล้ายจะเป็นต้นเหตุ  และการถูกอ้อมกอดเล็กๆโอบเอาไว้มันก็เหมือนน้ำเย็นที่สาดใส่ใบหน้าหล่อเหลาของพี่เขยใจร้อนให้ทุเลาความเดือดดาลในใจลงได้  มือหนาเกลี่ยแก้มนุ่มของเด็กที่ตัวเองทะนุถนอมมานานหลายปีด้วยความรัก  ความเป็นห่วงและอีกหลายๆความรู้สึกที่ตีรวนกันอยู่ในอก  คริสก็ไม่ได้อยากทำให้บรรยากาศในวันหยุดอันแสนสุขต้องจบลงด้วยความขุ่นเคือง  แต่การที่น้องเมียมีรอยรักสีแดงประทับอยู่บนลำคอ  แถมนิ้วนางข้างซ้ายยังถูกสวมของมีค่าราคาแพงเอาไว้  นั่นจึงเป็นเหตุให้คนเป็นพี่เขยรู้สึกว่าถูกทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาไปมากเหลือเกิน

     

     

                คริสเข้าใจดีในเรื่องของความรัก...และการเป็นวัยรุ่นแบบจงอินกับน้องปลาก็มักจะทำทุกสิ่งไปโดยปราศจากเหตุผล  ทุกอย่างจะถูกความรู้สึกชักนำให้ทำเรื่องต่างๆไปตามที่หัวใจปรารถนา  แต่!!ถ้ามันเกินขอบเขต  ผู้ใหญ่อย่างเขาก็ต้องห้ามปรามไว้ก่อนที่เรื่องทั้งหมดจะรู้ถึงคนที่มีสิทธิ์ทำทุกอย่างมากกว่าเขา  และมันอาจจบไม่สวยเหมือนอย่างตอนนี้  ส่วนคนเป็นภรรยา...ก็เข้าใจความรู้สึกนึกคิดของทุกฝ่ายเหมือนเช่นเคย  อี้ชิงส่งยิ้มพร้อมก้มศีรษะลงเล็กน้อยคล้ายกับเป็นการขอโทษครอบครัวของหนุ่มผิวเข้มแทนผู้เป็นสามี

     

                “เฮ้ยยย!!!....มาแล้วก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าดิวะ  พวกมึงรออะไรกันอยู่??!!!

     

                “คับบบ! / ครับ!! / คร้าบบบ...ป๋าาา!!!

     

    ฟอดดดด!!!

     

                เสียงตะโกน...ของรุ่นพี่ที่ชักชวนสามหนุ่มมาแข่งบาส  มันเหมือนเป็นตัวยุติความขัดแย้งที่อยู่ในใจของแต่ละคน  และเมื่อเสียงตอบรับดังก้องขึ้นพร้อมกัน  น้องปลาก็จำเป็นต้องปล่อยอ้อมกอดจากตัวพี่เขยสุดหล่อแล้วเขย่งปลายเท้าขึ้นหอมแก้มเพื่อเป็นกำลังใจในการแข่งขันบาสเก็ตบอลที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในอีกไม่ช้า

     

                “ขอให้ชนะ ขอให้ไม่บาดเจ็บนะฮะพี่คริสจ๋า”

     

                “แล้วถ้าพี่แพ้ล่ะคะ?”

     

                “ถ้าแพ้...หนูก็จะหอมแก้มพี่คริสจ๋าสองที  ถ้าชนะ...ก็จะหอมอีกสามทีเลยฮะ  หอมมากกว่าสามทีก็ได้  หอมทุกวัยเลยฮะ”

     

                “งั้นก็หอมตอนนี้เลยสิคะ...พี่จะได้มีแรงเยอะๆ”

     

    ฟอดดด!! 

    ฟอดดด!! 

    ฟอดดด!!

     

                คนถูกหอมแก้ม...ได้แต่ยิ้มดีใจที่น้องเมียยังคงเห็นความสำคัญของเขา  เพราะตั้งแต่น้องปลามีแฟนและได้ไปค้างที่บ้านของรุ่นน้องผิวเข้มทุกๆสุดสัปดาห์  มันก็รู้สึกเหมือนตัวเองถูกลดความสำคัญลงไปมากอยู่พอสมควร  บ้านที่เคยได้ยินเสียงเรียกพี่คริสจ๋า  พี่คริสจ๋าตลอด 7 วันมันเหลืออยู่แค่ 5 วัน  เสียงออดอ้อน...ที่ร้องอยากได้นั่นอยากได้นี่ก็แทบจะไม่ได้ยินอีกเลย  ทุกๆเสียงที่คริสเคยรู้สึกรำคาญหูมาหลายปีกลับทำให้เขาคิดถึงและอยากได้ยินซ้ำๆตลอดไป

     

    แต่...มันคงไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้ว?

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

     

     

      

     

     

     

     

     

    โรงยิม  คณะวิศวะฯ

    15.00 น.

     

     

                “สวัสดีครับพี่...ผมชื่อมาร์ค  นี่แจฮยอน  ส่วนนั่นยูตะครับ”

     

                “สวัสดี...อยู่ปีไหนกันแล้วล่ะ?”

     

                “ปีสองครับ...แล้วจะมีรุ่นพี่คนไหนลงแข่งอีกครับ?”

     

                “พี่ชื่อคริส  คนนั้นชื่อชานยอล  แล้วคนนู้นนนน...ชื่อจงอิน  พี่จบมาตั้งแต่ปีxxx  บาสก็ไม่ได้เล่นมานาน  น้องๆช่วยออมมือให้พี่บ้างก็แล้วกัน”

     

                ต่างคน...ต่างกำลังเตรียมตัวเพื่อจะลงแข่งขันบาสเก็ตบอลที่เหมือนจะพิเศษกว่าการแข่งทั่วๆไป  เพราะกติกาได้ถูกกำหนดขึ้นมาใหม่ทั้งหมด  ผู้เข้าแข่งขันจะมีฝ่ายละสามคนเท่านั้น  ฝ่ายใดทำได้  100  คะแนนก่อนถือเป็นผู้ชนะ  และจะพักครึ่งเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำคะแนนได้  50  แต้ม  รุ่นน้อง...โค้งตัวให้รุ่นพี่ที่ไม่เคยรู้จักแม้กระทั่งชื่อหรือว่าหน้าตา  แต่การให้เกียรติ  ให้ความเคารพ  ให้ความนอบน้อมถือเป็นสิ่งที่เด็กวิศวะฯปฏิบัติตามกันมารุ่นสู่รุ่น

     

     

                ส่วนรุ่นพี่...ที่ถูกแนะนำชื่อด้วยการชี้มือไปที่อีกฝากหนึ่งของสนามอย่างคิมจงอินก็แทบไม่ได้สนใจรุ่นน้อง  สนใจกติกาและสนใจใครเลยนอกจากแฟนเด็ก  เพราะการที่ปลาตัวน้อยต้องนั่งเชียร์การแข่งขันอยู่บนสแตนร่วมกับคนอื่นมันได้สร้างความวิตกกังวลให้คุณคิมเป็นอย่างมาก  ถึงแม้จะมีพี่ชายของเขาและพี่อี้ชิงนั่งชมการแข่งขันอยู่ด้วยกัน  แต่สายตาของหนุ่มๆในคณะวิศวะฯ  รวมถึงคณะอื่นๆมันก็ดูไม่น่าไว้ใจเลยสักนิดเดียว

     

                “สู้ๆนะฮะคุณคิม”

     

                “น้องปลากลัวไหมครับ  แล้วอึดอัดหรือเปล่า?”

     

                “กะ...ก็นิดหน่อยฮะ  แต่หนูมีพี่อี้กับบยอนนี่อยู่ด้วย  หนูก็เลยไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่”

     

                “แน่ใจนะครับ  พี่เป็นห่วงมากรู้ไหม  มีอะไรหรือรู้สึกไม่สบายตรงไหนให้รีบบอกพี่ๆทันที  ห้ามฝืน  ห้ามโกหกเด็ดขาดเลยนะครับ”

     

                “หนูจะเป็นเด็กดี...คุณคิมไม่ต้องเป็นห่วงนะฮะ”

     

                “โอเค  งั้นพี่ไปก่อนนะครับ”

     

                “โชคดีนะฮะแฟนของหนู”

     

                กล่าวคำอวยพร  แสดงความเป็นห่วงและโอบกอดกันไว้ก่อนที่จะต้องลงสนามเพื่อไปแข่งขันบาสเก็ตบอลนัดพิเศษ  มันเป็นภาพที่ใครๆเห็นก็ต้องรู้สึกอิจฉา  แต่ในสายตาของพี่ชายต่างแม่อย่างบยอนแบคฮยอนมันให้ความรู้สึกว่าน่าหมั่นไส้มากกว่า  จะไปแข่งบาสหรือไปออกรบที่ชายแดนกันแน่  ทำไมถึงต้องร่ำลากันจนดูโอเวอร์ขนาดนั้น  เข้าใจว่ารักว่าห่วง  แต่การถนอมน้องปลามากเกินไป...เด็กคนนี้ก็คงไม่รู้จักโตสักที

     

    แต่!!ผู้ใหญ่บางคน...ก็ไม่รู้จักโตเช่นกัน?

     

                “ไค!!!...สู้ๆนะ  เราเชียร์อยู่ตรงนี้”

     

                เสียงตะโกนของแฟนเก่าน้องชาย...ทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่บนสแตนหันไปมองที่ต้นเสียงทันที  รวมถึงพี่ชายอย่างเขาและแฟนตัวจริงอย่างน้องปลา  แบคฮยอนลูบหลังปลอบใจเด็กน้อยตัวขาวคนโปรดให้คลายความหงุดหงิด  เพราะตอนนี้ปากบางสีหวานเริ่มเบะออกเหมือนตอนที่ถูกขัดใจ  ส่วนมือน้อยๆข้างที่สวมแหวนเพชรน้ำงามเอาไว้ก็ถูกพี่ชายของเจ้าตัวกุมแน่นด้วยความเป็นห่วงปนโมโห  และดีที่จงอินไม่ได้ตอบรับคำเชียร์ของหญิงสาวแถมยังส่งยิ้มมาให้น้องปลา  ไม่อย่างนั้น...สนามบาสในโรงยิมของคณะวิศวะฯคงต้องกลายเป็นสนามรบด้วยฝีมือของแบคฮยอน

     

                “สู้ๆนะจงอินนน!!!...พี่กับน้องปลาจะคอยเป็นกำลังใจให้”

     

                เวลานี้...เหมือนจะไม่มีใครทำตัวเป็นผู้ใหญ่เลยสักคน  เพราะอี้ชิงก็รู้สึกไม่พอใจที่เห็นหญิงสาวคนนั้นเชียร์แฟนผิวเข้มของน้องชายจนออกนอกหน้า  รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่รัก  ไม่มีใจ  ไม่มีเยื่อใยแต่ก็ยังชอบสร้างความร้าวฉานให้ความรักของคนอื่น  และเมื่อสิ้นเสียงเชียร์ของคนที่แต่งหน้าแต่งตัวมาเต็มเพื่อชมการแข่งขันบาสเก็ตบอล  เจ้าตัวก็ปรายตามองหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านล่างเพียงเสียววินาทีแล้วยกมือของน้องปลาข้างที่สวมแหวนขึ้นโบกไปมาคล้ายเป็นการส่งกำลังใจให้หนุ่มๆทั้งสามคนที่ยืนอยู่ในสนาม

     

                “เอาสักทีไหมชิงชิง...เดี๋ยวแบคเคลียร์ทางให้”

     

                “ปล่อยมันไปก่อน  แต่ถ้ามันยังไม่หยุดสร้างปัญหาเดี๋ยวเราค่อยช่วยกันจัดการมันทีหลัง!!

     

                “Deal!!!

     

    ถ้าทีม  Avenger  มีหน้าที่ปกป้องโลกจากเหล่าร้าย  ทีมพี่ชายอย่างพวกเขา...ก็มีหน้าที่ปกป้องน้องปลาจากหญิงสาวที่คิดจะมาแย่งแฟนของคนอื่น!!

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ปี๊ดดดดดด!!!

     

     

                เสียงนกหวีด...ดังขึ้นเมื่อการแข่งขันจบลงและฝ่ายของรุ่นน้องก็เป็นผู้ที่ทำคะแนนได้ 100 แต้ม  การแข่งขันดำเนินไปอย่างสนุกสนานมากกว่าเป็นการแข่งเพื่อต้องการชัยชนะ  บรรดาสามีที่เหนื่อยจากเล่นบาสมาหนึ่งชั่วโมงเต็ม  นั่งหอบหายใจอยู่บนเก้าอี้ทำเหมือนตัวเองอายุห้าสิบทั้งที่เพิ่งจะสามสิบต้นๆ  ส่วนหนุ่มผิวเข้มที่ดูเหนื่อยไม่แพ้กัน  แถมยังอายุน้อยกว่าก็เอาแต่ดื่มน้ำที่ทางคณะได้จัดเตรียมไว้ให้  จงอินยอมรับว่าเหนื่อยมากจริงๆ...เพราะห่างหายจากการเล่นกีฬามานาน  และทุกวันนี้เขาก็จับแต่อุปกรณ์ในการทำตู้ปลาอย่างพวกค้อน  กรรไกร  ไขควง  กระจกอะคริลิก  ซึ่งนี่คือครั้งแรกที่ได้จับลูกบาสหลังจากเรียนจบ

     

    จุ้บบ!!

     

                “หายเหนื่อยไหมฮะพี่คริสจ๋า?”

     

                สัญญาไว้แล้ว...ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ  พี่เขยสุดหล่อก็จะได้กำลังใจจากน้องเมียคนนี้เป็นรางวัล  แก้มสากที่เต็มไปด้วยเหงื่อถูกประทับรอยจูบที่ทำให้คริสลืมความเหนื่อยล้าได้ในทันที  ผ้าขนหนูสีขาวที่เคยอยู่ในมือของพี่เขยถูกน้องปลาหยิบมาซับใบหน้าให้อย่างแผ่วเบา  ตักกว้างของผู้ที่แพ้การแข่งขันกลายเป็นเก้าอี้ที่ช่วยให้น้องเมียสามารถมอบอ้อมกอดเล็กๆได้ถนัดมากยิ่งขึ้น

     

                “ไม่เหม็นเหรอคะน้องปลา  พี่คริสเหงื่อออกเต็มเลยนะคะ?”

     

                “ไม่ฮะ...แล้วพี่คริสจ๋าเสียใจหรือเปล่าฮะ  ที่อะ...เอ่ออ  แพ้!!?”

     

                “ไม่เสียใจเลยค่ะ...น้องปลาฟังพี่นะคะ  สมมุติว่าพี่แข่งบาสกับหนู  แล้วคนที่แพ้ก็คือหนู  น้องปลาจะเสียใจไหมคะ??”

     

                “ไม่ฮะ...เพราะเราเป็นพี่น้องกัน  แล้วมันก็คือเกมกีฬา”

     

                “ถูกค่ะ  เก่งมาก...พี่กับพวกรุ่นน้องเราเรียนอยู่ที่เดียวกันคณะเดียวกัน  เพราะฉะนั้น...พวกเขาก็ถือว่าเป็นพี่น้อง”

     

                “เข้าใจแล้วฮะ...งั้นคืนนี้หนูจะนวดขาให้พี่คริสจ๋าเอง  พี่คริสจ๋าต้องเมื่อยแน่ๆ  หนูรู้!!

     

                “เด็กดี...เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะสั่งพิซซ่ามาให้กินนะคะ แล้วก็...เอาไอติมด้วยเนอะ”

     

                “เย้ๆ ๆ...พี่คริสจ๋าใจดีที่สุดในโลกเลยฮะ”

     

                เด็กน้อย...ที่ไม่ได้ไปโรงเรียนเหมือนกับเด็กคนอื่นๆมานานหลายปี  เพิ่งเข้าใจว่าการเรียนในระดับมหาวิทยาลัยมันไม่ได้น่ากลัวเหมือนอย่างตอนที่ตัวเองเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น  เพราะหลังจบการแข่งขัน...ทุกคนต่างก็จับมือ  กอดคอและโค้งตัวเพื่อให้ความเคารพกันและกันอย่างนอบน้อม  มันไม่มีการข่มขู่  การทำร้ายหรือกลั่นแกล้งใดใดทั้งสิ้น  น้องปลาทราบดีว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้า...เขาก็ต้องเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยสักแห่งหนึ่ง  แต่จะเป็นที่ไหนมันก็คงขึ้นอยู่กับความเหมาะสม  และเขาก็อาจจะต้องปรึกษาเรื่องนี้กับผู้ที่มีประสบการณ์

     

                “เหนื่อยไหมไค!?...เราเอาน้ำแร่มาให้”

     

                แต่ตอนนี้...เรื่องการเลือกสถานที่เรียนก็คงต้องพักเอาไว้ก่อน  เพราะเสียงหวานๆที่เอ่ยถามแฟนของตัวเองถึงความเหนื่อยล้าจากการแข่งขันมันกำลังทำให้คนที่เป็นแฟนตัวจริงเริ่มไม่สบอารมณ์  ผ้าขนหนูที่เคยใช้ซับเหงื่อให้พี่เขยถูกกำแน่นคล้ายเป็นที่ระบายความหงุดหงิด  หัวใจมันเหมือนถูกบีบไว้จนแทบหายใจไม่ออก  น้องปลาไม่อยากโวยวายหรือแสดงความโกรธเกรี้ยวต่อหน้าผู้คนที่ยังเดินขวักไขว่กันอยู่ในโรงยิม  และสิ่งที่ทำได้อย่างเดียวก็คือ...การซบหน้าลงบนอกกว้างของคริสเพื่อแอบซ่อนความรู้สึกต่างๆเอาไว้

     

    และ....

     

                “เธอเป็นแฟนเก่าของจงอินใช่ไหม?”

     

                “ชะ...ใช่ค่ะ!

     

                “ถ้ารับได้...หรือจะรับไม่ได้ก็ช่างเถอะ!  พี่ขอชวนเธอไปงานแต่งงานของจงอินกับเด็กคนนี้ด้วยนะ  แล้วก็ต้องขอโทษด้วยจริงๆที่ไม่ได้ให้การ์ดเชิญอย่างเป็นทางการ”

     

                “แล้วจะแต่งกันวันไหนล่ะคะ!!?  มินะจะได้เตรียมชุด!!!

     

                “สิ้นเดือนหน้า...ที่บ้านของจงอิน  พี่หวังว่าเธอจะเตรียมชุดได้ทันเวลา  มันค่อนข้างกะทันหัน  พี่เข้าใจ  พวกพี่กับญาติๆก็กำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมงานเหมือนกัน  แต่ชีวิตมันก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหม?  แล้วการเดินถอยหลังโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ***  มันก็อาจหกล้มจนลุกไม่ขึ้นอีกเลย  อ่ออ...อีกอย่าง  เธอคงอยู่ในงานจนถึงช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ไม่ได้นะเพราะมันจะมีแต่คนสำคัญเท่านั้น”

     

                ทีมพี่ชายอีกหนึ่งคน...รีบช่วยเหลือคนเป็นน้องทันทีเพราะเข้าใจในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดแบบนี้ว่าใครกำลังรู้สึกเช่นไร  น้องปลายังเด็กเกินไป  ส่วนจงอินก็ทำอะไรไม่เด็ดขาด  และนั่นจึงเป็นเหตุให้คริสต้องลงมือทำบางสิ่งเพื่อจบปัญหา  อ้อมกอดอันแสนอบอุ่น...โอบร่างของคนที่ตัวเองเฝ้าทะนุถนอมมาตั้งแต่  10  ขวบด้วยความรักและจะไม่ให้ใครมาทำร้ายแม้กระทั่งความรู้สึก

     

     

                เรื่องของการแต่งงาน...คริสไม่ได้พูดเล่นเพื่อให้หญิงสาวที่ชื่อมินะออกไปให้พ้นจากชีวิตของรุ่นน้องคนสนิท  แต่มันคือความจริงที่เขาก็ยังไม่อยากบอกให้ใครรู้  และยอมรับว่าการแต่งงานของน้องปลากับหนุ่มผิวเข้มมันก็เร็วเกินไปจริงๆ  แต่เมื่อมันเป็นความเห็นพ้องต้องกันของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย  พี่เขยอย่างเขาก็คงต้องยอมรับโดยไม่มีข้อโต้แย้งและพร้อมที่จะยินดีไปกับความสุขของเด็กทั้งคู่ที่กำลังเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า

     

     

                การแต่งงาน...มันไม่ใช่จุดสิ้นสุดของความรัก  เรื่องนี้คริสทราบดีอยู่แก่ใจ  เมื่อรักกันแล้วก็ต้องประคับประคองทุกอย่างเอาไว้ไม่ให้มันลดน้อยหรือจบลงเพียงเพราะใครคนหนึ่งไม่ซื่อสัตย์  มันไม่ใช่เรื่องง่าย  แต่ก็ไม่ยากเกินไปถ้าต่างคนต่างมั่นคงในความรักที่มีให้แก่กัน  บางทีอาจเหนื่อยหน่าย  ทะเลาะเบาะแว้งและต่อปากต่อคำกันบ้าง  แต่ทุกการโต้เถียง...มันก็ควรจะใช้เวลาในการอธิบายเหตุผลให้มากเท่ากับเวลาที่เกิดความขัดแย้ง

     

    คริส...เกลียดความไม่ชัดเจนที่รุ่นน้องคนสนิทได้ก่อเอาไว้  และใช่ว่าจะชอบทำให้ใครเสียหน้า  แต่ในเมื่อน้องเมียกำลังเจอปัญหา  พี่เขยอย่างเขาก็คงต้องทำในสิ่งที่ไม่ชอบ!!

     

                “ขอบคุณที่เชิญนะคะ  มินะไปแน่นอนค่ะ!!

     

                “พี่หวังว่าเธอจะเข้าใจ  แต่ถ้าไม่...ก็ลองให้คิดกลับกันดูว่าถ้าวันนึงเธอมีคนรักที่รักกันมากๆ  แล้วมีแฟนเก่ามาคอยตามรังควานไม่เลิกเธอจะรู้สึกยังไง?!!  อีกอย่าง...เธอก็เป็นผู้หญิง  ทำแบบนี้มันไม่น่ารักหรอกนะ  หยุดทำตัวน่ารังเกียจหรือลดคุณค่าของตัวเองไปมากกว่านี้เลย  แล้วพี่ก็ขออวยพรให้เธอเจอคนที่เหมาะสมเร็วๆ”

     

                คริสไม่เคยให้ความหวังใคร...รักก็บอกว่ารัก  คบก็บอกว่าคบและเลิกก็คือเลิก  เขามักจะพูดทุกอย่างแบบตรงไปตรงมาเพื่อไม่ให้ปัญหามันย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองหรือคนรอบข้าง  อ้อมแขนที่ทำให้คนถูกโอบกอดรู้สึกปลอดภัยกระชับแน่นขึ้นพร้อมอุ้มน้องปลาเดินออกมาจากโรงยิมโดยไม่ได้กล่าวลารุ่นพี่อย่างอินซองและรุ่นน้องปีสองที่ร่วมแข่งบาสด้วยกันเมื่อครู่

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ปึ่กก!!!

     

     

                “เฮีย...ผมขอคุยด้วยแป๊บนึงสิ”

     

                ประตูรถถูกปิดลง...เมื่อคนเป็นพี่เขยวางน้องเมียลงบนเบาะด้านหลังพร้อมคาดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย  แต่ยังไม่ทันที่ใครจะได้แยกย้ายกันกลับบ้าน  ผู้ที่กำลังจะทำหน้าที่เป็นคนขับก็ถูกเสียงของรุ่นน้องผิวเข้มเรียกไว้เสียก่อน  คริสละมือจากประตูรถแล้วหันหน้าไปมองต้นเสียงที่เอ่ยเรียกด้วยท่าทีนิ่งเฉยจนดูน่ากลัว  จงอินกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเมื่อได้เห็นสีหน้าของว่าที่พี่เขยในอนาคต  แต่!!!ก็ยังทำใจดีสู้เสือ***  เพราะความสงสัยต่างๆมันผลักดันให้เขาต้องค้นหาคำตอบ

     

                “มีอะไรก็ว่ามา...”

     

                “เรื่องแต่งงาน...เฮียพูดจริงๆใช่ไหม?”

     

                “มึงคิดว่ากูจะเอาเรื่องสำคัญในชีวิตของน้องปลามาพูดเล่นเหรอวะ?  แล้วถ้ามึงยังเคลียร์ปัญหาเก่าๆไม่ได้  งานแต่งงานสิ้นเดือนหน้าคงต้องถูกเลื่อนออกไปก่อน”

     

                “ขอบคุณนะเฮีย...ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นผมยอมรับผิด  ผมสัญญาว่ามันจะไม่มีปัญหาอะไรอีกแล้ว  ขอบคุณอีกครั้งนะเฮีย  ขอบคุณมากๆเลยครับ”

     

                “เรื่องแต่งงาน...เดี๋ยวทางผู้ใหญ่จะจัดการให้เอง  มึงรอฟังข่าวจากพ่อมึงอีกทีก็แล้วกัน”

     

                “ผมอยากแต่งงานกับน้องปลา  ผมรักน้อง  รักมากๆ...มากจนทำบางอย่างข้ามหน้าข้ามตาผู้ใหญ่  ผมรู้ว่ามันไม่ถูกต้อง  ผมขอโทษ  แต่ผมรักน้องปลาจริงๆนะเฮีย  ผมจะไม่ทำให้น้องปลาเสียใจ  ผมสัญญา”

     

                “มึงอย่าลืม...ว่ามึงเพิ่งทำไปเมื่อกี๊!!  ถ้าวันนี้กูไม่มาแข่งบาส  กูคงไม่รู้ว่าแฟนเก่ามึงยังคอยตามจิกไม่เลิก!

     

                “ขะ...ขอโทษครับเฮีย”

     

                “มึงเลิกขอโทษกูได้ละ  เฮ้อออ!!!...กูไม่อยากสอนมึงหรอกนะจงอิน  แต่มึงโตแล้ว  มึงต้องทำตัวให้มันเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้  มึงกำลังจะได้คนที่กูรักมากๆไปดูแล  กูอยากให้มึงหนักแน่น  อย่าใจอ่อน  อย่าแคร์ความรู้สึกของใครนอกจากน้องปลา  มึงเข้าใจที่กูพูดไหม!!!!?”

     

                “เข้าใจครับเฮีย  ผมจะปรับปรุงตัวและจะดูแลน้องปลาให้ดีที่สุด”

     

                “ถ้าวันไหนมึงทำน้องกูร้องไห้  มึงจะไม่ได้เจอน้องกูอีกเลย  จำใส่หัวกระโหลกกลวงๆของมึงไว้ด้วย”

     

                “ขอบคุณอีกครั้งนะเฮีย  ขอบคุณมากๆเลยครับ”

     

                ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมีความสุขได้มากขนาดนี้...ถึงแม้จะถูกด่า  ถูกตบ  ถูกตำหนิสารพัด  แต่ก็ยังยิ้มได้เหมือนเป็นคนบ้า  หัวใจมันพองโตคล้ายลูกโป่งที่ถูกอัดแก๊สและรู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้น  จากที่เหนื่อยล้ากับการเล่นบาสมาหลายนาที...ก็ดูเหมือนจะมีกำลังมากขึ้น  จากที่เครียดเรื่องของแฟนเก่า...ก็รู้สึกผ่อนคลายลง  จากที่เคยฝันว่าสักวันจะได้แต่งงานกับปลาตัวน้อย...ก็กลับกลายเป็นจริงเพียงชั่วข้ามคืน  ชีวิตของคิมจงอินไม่ต้องการอะไรแล้วในตอนนี้เพราะทุกๆอย่างมันกำลังจะสมบูรณ์ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า

     

    แต่ก็ขอฝันต่ออีกหน่อย...ว่าหลังจากคืนวันแต่งงาน  คู่รักที่ใครๆก็เรียกว่าข้าวใหม่ปลามันจะต้องทำอะไรกันบ้าง ♥_♥

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    100%

    Cr. ภาพที่หนึ่ง : favim.com

    Cr. ภาพที่สอง : Cr. @_calkitty

    Cr. ภาพที่สาม : IG Baekhyun

    ***ใจดีสู้เสือ...หมายถึง  ทำใจกล้า  ควบคุมจิตใจให้เป็นปกติ  ไม่หวั่นไหวกับเหตุการณ์ตรงหน้าเมื่อต้องเจอกับสิ่งที่น่ากลัวหรือเป็นอันตราย

    ***ไม่ดูตาม้าตาเรือ...หมายถึง  ไม่ระมัดระวัง  ไม่พิจารณาให้รอบคอบ

     

    Talk.

    จบตอนต่อที่...16.1  นะคะ

    และขอเชิญนักอ่านทุกคน...ไปร่วมเป็นสักขีพยานในงานแต่งงานของคุณคิมกับน้องปลาด้วยค่ะ  (ยื่นซองสีชมพูหวานแหว๋ว)  และถ้าเห็นแขกคนไหนไม่น่าไว้ใจเดินเข้ามาในงานก็สามารถสะกิดเรียกพี่คริสจ๋าได้เลยนะคะ

    เหลืออีกแค่  2  ตอน...ฟิคเรื่องนี้ก็จะจบบริบูรณ์แล้วค่ะ ^-^)

    ขอบคุณนักอ่านทุกคน  ขอบคุณกำลังใจแสนดี  ขอบคุณคอมเม้นท์ทุกประโยค  ขอบคุณจากใจจริงๆค่ะ

    แล้วจะเข้ามาตรวจคำผิดเรื่อยๆนะคะ

    เลิฟสุดๆ 

    #ฟิคน้องปลา     

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×