ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] ซวยฉิบหาย! ผมกลายเป็นเมียเขา [จบจ้า]

    ลำดับตอนที่ #54 : Forbidden rule 5: [TK] โหดกับเกรียน เกรียนกับโหด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 17.7K
      49
      4 เม.ย. 56

    04/04/13
    Forbidden rule 5: [TK] โหดกับเกรียน เกรียนกับโหด


    ใครเอ่ย? พี่เสือไง ฮ่าๆๆ



     



                    ผมยืนอ้าปากค้างทำหน้าเป็นหมาถูกยาเบื่อทันทีที่ได้พบกับคนที่ไอ้พี่ดำบอกว่าจะพามาหา  ไม่สิ จะพูดว่าคนไม่ได้ในเมื่อสิ่งมีชีวิตตรงหน้าที่ไอ้พี่ดำบอกว่าเหมือนผมก็คือหมา!! นี่มันแอบด่าผมทางอ้อมว่าผมนิสัยหมาหรือเปล่าวะเนี่ย? แบบนี้ต้องมีเคลียร์

                    “มึงจะกวนตีนกูไปถึงไหนวะ? ถ้ามึงจะล้อเล่นกูจะกลับ” ผมทำท่าโมโหก่อนจะขมวดคิ้วมองหน้าไอ้พี่ดำแสดงออกอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ผมกำลังอารมณ์ไม่ดี

                    “เดี๋ยวสิวะ  มึงไปกินรังแตนที่ไหนมา  วันนี้ทั้งวันเอาแต่ทำหน้าบูดใส่กูตลอด” ไอ้พี่ดำถามผมอย่างสงสัย

                    “ก็เบื่อหน้ามึง  ไม่อยากเจอ  ชัดไหม?”

                    “เหรอ? นั่นสินะ  อย่างมึงคงอยากจะเจอสุดที่รักสินะ?” ไอ้พี่ดำแสยะปากอย่างสมเพช  เออ ผมรู้ว่าผมน่าสมเพชที่ไปรักคนมีเจ้าของ  แต่ตอนนี้ผมไม่ได้รักแล้วโอเคไหม? ผมหลงพี่ไอก็แค่ภายนอกเท่านั้นเอง

                    “ใช่!” ผมตอบอย่างไม่คิด

                    “กูบอกแล้วไงว่าคนอย่างมึงสุดที่รักเขาไม่สนใจหรอก  ออกจะรำคาญด้วยซ้ำ  คิดยังไงถึงไปตามเขาทุกวันๆ ที่มหาลัย  ขนาดกูเห็นกูยังรำคาญเลย” ผมพูดไม่ออกทันทีที่ได้ยินแบบนั้น  รำคาญผมสินะ? รำคาญแล้วมายุ่งทำไม? รำคาญแล้วทำไมต้องลากผมมาที่นี่  ถ้ารำคาญกันขนาดนั้นผมไม่มาให้มันเห็นอีกแล้วก็ได้!

                    อยากร้องไห้ชะมัด

                    “รำคาญ? ก็ดี” ผมพยักหน้าขึ้นลงพลางก้าวถอยหลังไปที่ประตูบ้าน  ผมไม่อยากพูดอะไรมากครับ  กลัวเสียงจะสั่น กลัวมันจะรู้ว่าผมเสียใจที่ถูกพูดด้วยแบบนั้น  โอเค...ผมยอมรับว่าช่วงนี้ที่ไปมหาลัยผมไม่ได้ไปหาพี่ไอ...

                    ผมเดินก้มหน้าถอยหลังไปที่หน้าประตูก่อนจะเปิดประตูออกไปแล้วเดินกดโทรศัพท์โทรเรียกไอ้โตให้มันเอารถมารับผม

                    “มึงจะไปไหนไอ้คิม!?!” ไอ้พี่ดำมันวิ่งออกมากระชากแขนผมไว้ก่อนจะถามเสียงดัง

                    “จะกลับบ้าน” ผมพูดเสียงปกติ

                    “อ้าวไอ้นี่? กูพามึงมาค้างที่บ้านกูนะ”

                    “กูไม่ค้าง!” ผมตะคอกก่อนจะสะบัดแขนออกจากการเกาะกุม  จังหวะเดียวกันนั้นน้องทิวาที่ดูเหมือนเพิ่งกลับมาจากเรียนพิเศษก็ลงจากรถวิ่งเข้ามาหาพวกเราทันที  ท่าทางจะคิดว่าผมกับไอ้พี่ดำกำลังทะเลาะกันอยู่  มันก็ใช่อ่ะนะ

                    “เกิดอะไรขึ้นคะพี่ๆ?”

                    “ไม่มีอะไรครับทิวา  พี่กลับก่อนนะ” ผมพูดยิ้มๆ ก่อนจะรีบสับขาเดิน

                    “เดี๋ยวไอ้คิม!

                    “มึงหยุดอยู่ตรงนั้นแหละ!! รำคาญกูนักกูก็จะไม่มาให้มึงเห็น!” ผมตะโกนบอกมันก่อนจะวิ่งออกไปที่หน้าบ้าน  พอดีกับเห็นรถของตัวเองมาจอดเทียบท่าพอดี  ดูเหมือนไอ้โตจะรู้จักทางดีแฮะ  แค่บอกว่าอยู่ที่ไหนแค่ครั้งเดียวก็มาถูกเลย  มาเร็วอีกต่างหาก




     

                    “คิม...มึงโอเคนะ?” ไอ้โตถามหลังจากที่ผมขึ้นรถไปได้เพียงหนึ่งนาที  ผมงงกับคำถามมันก่อนจะเข้าใจเมื่อน้ำใสๆ มันร่วงกระทบหลังมือ

                    ผม...ร้องไห้ทำไม?




     

                    ผมกลับมานอนฟุบอยู่ที่บ้านหลังจากไปส่งไอ้โตแล้วขับรถกลับมาเอง  ตอนแรกไอ้โตมันก็เป็นห่วงกลัวผมจะแหกโค้งไปเฝ้ายมบาลเพราะตาผมมันบวมแดงอีกทั้งยังแสบไปทั้งแถบ  แต่สุดท้ายผมก็ดื้อจะกลับเองให้ได้  พอกลับมาถึงบ้านพ่อก็ยืนจังก้าเตรียมจะด่าแต่ผมไม่มีอารมณ์มากวนตีนพ่อตอนนี้ผมจึงเดินซึมๆ ขึ้นห้องตัวเองทำเอาพ่อด่าไม่ออกซักคำ

                    ทำไมไอ้บ้านั่นต้องมามีอิทธิพลเหนือความรู้สึกของผมด้วย? หรืออาจจะเป็นเพราะว่าผมเสียตัวให้มันก็ได้  ผมปฏิเสธไม่ได้หรอกว่ายังนึกถึงรสสัมผัสของมันอยู่แม้สัมผัสนั้นจะดุดันและป่าเถื่อนก็ตามที  ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ที่ผมเริ่มมองหามันแทนที่จะเป็นพี่ไอ

                    แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วล่ะครับว่ามันก็ใช้ผมเป็นแค่ที่ระบายความใคร่ไม่ได้คิดจริงจังอะไร  พอมาคิดๆ ดูก็มีแค่ผมนั่นแหละที่ทำเป็นเนียนไปหามัน  มันไม่เคยคิดจะมาหาผมเลยสักครั้ง  วันไหนที่ผมไม่ได้โผล่ไปที่มหาลัยก็ไม่เห็นมันจะเดือดร้อนอะไร  มีแค่ผม...ที่คิดถึงอยู่ฝ่ายเดียว

                    เลิกดีกว่า  ผู้ชายกับผู้ชายมันไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก  อีกอย่างฝ่ายนั้นเขาก็เป็นผู้ใหญ่  ผมมันก็แค่เด็กบ้าที่ผ่านเข้าไปป่วนชีวิตของเขาก็เท่านั้น




     

                    วันต่อมาผมก็ไปโรงเรียนตามปกติ  เพื่อนแซวกันใหญ่เลยครับว่าผมที่ร่าเริงแหกปากโวยวายได้ทุกวันทำไมวันนี้ถึงเงียบผิดปกติ  จะมีก็แค่ไอ้โตที่ไม่ได้พูดอะไรเพราะมันก็คงจะรู้ว่าผมมีปัญหากับไอ้พี่ดำจนร้องห่มร้องไห้  ด้วยนิสัยของไอ้โตที่ไม่ชอบถามซอกแซกเรื่องคนอื่นมันจึงไม่ถามอะไรผมสักคำ  มันก็คงจะรู้ว่าถ้าผมพร้อมผมก็คงจะบอกมันเอง




     

                    ตั้งแต่ที่ทะเลาะกับไอ้พี่ดำไปวันนั้นนี่ก็หนึ่งเดือนเข้าไปแล้ว  พี่มันก็คงจะดีใจที่เด็กบ้าๆ อย่างผมออกไปจากชีวิตได้สักที  แต่ผมก็เอาแต่คิดเรื่องของพี่มันจนไม่เป็นอันทำอะไร  เรียนก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องแถมยังชอบเหม่อจนเพื่อนสงสัยอีกต่างหาก  เดี๋ยวพอเวลาผ่านไปนานเข้าผมก็คงจะทำใจได้เอง

                    “พี่คิม...เป็นอะไรหรือเปล่าคะ? ช่วงนี้ภาพที่พี่วาดมันดูหม่นหมองยังไงก็ไม่รู้นะคะ” น้องทิวาทักขึ้นขณะที่ผมกำลังสอนพวกน้องวาดภาพ  วันนี้ไม่ได้ไปสอนที่บ้านน้องทิวาหรอกครับเพราะผมปฏิเสธเอง  ไม่อยากจะเจอคนที่หาว่าผมมันน่ารำคาญ  แต่มันก็คงจริงอย่างที่เขาว่า  ขนาดพี่สาวแท้ๆ ยังบอกว่าผมน่ารำคาญเลย

                    “อ๋อ ช่วงนี้พี่อยากลองวาดแนวดาร์กๆ ดูน่ะ  ไม่สวยเหรอ?” ผมหลุดออกจากภวังค์ก่อนจะยิ้มฝืนๆ ให้น้องทั้งสองคน

                    “พี่คิมวาดอะไรก็สวยทั้งนั้นแหละค่ะ  แต่ดูแล้วมันเศร้าๆ ยังไงก็ไม่รู้” น้องไลลาพูดพลางทำหน้าอินไปกับภาพที่ผมวาด

                    แผ่นหลังกว้างในเงามืดที่ไม่ว่าจะพยายามไขว่คว้ามากเท่าไหร่มันก็ยิ่งดูเหมือนจะไกลออกไป  ภาพที่ผมวาดก็คือมือที่พยายามไขว่คว้าแผ่นหลังที่ถูกสีดำปกคลุม

                    “เขาว่ากันว่าภาพมันสื่อถึงอารมณ์ของศิลปิน  ช่วงนี้พี่คิมเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?” น้องทิวาถามขึ้น  ผมหันไปส่งยิ้มให้นิดๆ ก่อนจะส่ายหน้าไปมา

                    “เอ้า วาดกันต่อสิ  เดี๋ยวเจ้าของร้านเขาก็มาไล่หรอก ฮ่าๆ” ผมแกล้งตัดบททำให้พวกน้องๆ รีบก้มหน้าก้มตาวาดภาพให้ผมวิจารณ์ทันที  พวกเรามานั่งวาดที่ร้านไอติมน่ะครับ  บรรยากาศมันดีเหมาะสำหรับการผ่อนคลายจริงๆ




     

                    วันต่อมาที่โรงเรียน  ขณะที่ผมกำลังจะเดินไปที่โรงรถเพื่อขับกลับบ้านตามปกติผมก็เห็นร่างสูงคุ้นตายืนพิงรถผมอยู่ผมจึงรีบหลบ  หัวใจผมเต้นรัวเลยล่ะครับที่เห็นไอ้พี่ดำมายืนกอดอกพลางดูนาฬิกาข้อมือเหมือนกับว่ากำลังรอเจ้าของรถที่มันกำลังพิง  ซึ่งเจ้าของรถคันนั้นก็คือผมเอง

                    ทำไงดีล่ะครับ? ผมยังไม่อยากเจอมันเลย  ผมยังทำใจไม่ได้  ผมยังนึกถึงคำว่าพี่มันบอกว่ามันรำคาญผมอยู่เลย

                    “เฮ้ย มึง! มึงขับรถเป็นป่ะ?” ผมคว้าแขนเพื่อนร่วมห้องผู้ชายของผมเอาไว้คนหนึ่งขณะที่มันกำลังจะเดินไปที่โรงจอดรถ

                    “เป็น ทำไมวะ?” หมอนั่นถาม

                    “คือ...มึงช่วยไปเอารถให้กูหน่อยได้ป่ะ? รถที่มีเด็กมหาลัยยืนพิงอยู่น่ะ” ผมขอร้อง

                    “ทำไมมึงไม่ไปเอาเองวะ?” หมอนั่นถาม

                    “คือว่า...พอดีว่ากูเผลอไปยุ่งกับผู้หญิงของไอ้หมอนั่นมันก็เลยตามมากระทืบกูอ่ะดิ  ขอร้องล่ะ  กูไม่อยากถูกกระทืบ” ผมรีบหาข้ออ้างมาตอแหลใส่เพื่อนทันทีซึ่งมันก็เชื่อเพราะผมมีเรื่องทำนองนี้อยู่บ่อยๆ

                    “เออ งั้นมึงไปรอกูหน้าโรงเรียน  เดี๋ยวกูขับไปให้” ผมรีบไหว้ขอบคุณไอ้เพื่อนร่วมห้องคนนั้นทันทีก่อนจะวิ่งอ้อมอาคารเรียนออกไปที่ประตูทางออกของโรงเรียน

                    แต่ก่อนที่ผมจะวิ่งไปผมขอแอบดูก่อนว่าไอ้พี่ดำมันจะทำยังไงเมื่อผมไม่ได้ไปเอารถคันนั้นด้วยตัวเอง

                    “รถของน้องเหรอครับ?” ไอ้พี่ดำถาม

                    “ครับ” ไอ้เพื่อนของผมแอบเหลือบตามามองผมนิดหน่อยก่อนจะรีบตอบ  ฉลาดมากเพื่อน

                    “อ่า...โทษทีนะ  สงสัยพี่เข้าใจผิดว่าเป็นรถของคนรู้จัก” ไอ้พี่ดำพูดก่อนจะเดินหลีกทางให้รถออก  เห็นดังนั้นผมก็รีบแจ้นไปหน้าโรงเรียนทันที




     

                    พอกลับมาถึงบ้านผมก็ขึ้นมานอนฟุบบนที่นอนของตัวเองทันที  ทำไมมันต้องมาหาผมที่โรงเรียนเอาตอนนี้ด้วย  ทำไมไม่มาให้มันเร็วกว่านี้เล่า! เอ๊ะ หรือว่ามันไม่ได้มาหาผมแต่มารับน้องสาวตัวเอง นั่นสินะ  อาจจะใช่  คงจะมารับน้องทิวาแล้วบังเอิญเห็นรถผมเข้าก็เลยมายืนรอตรงนั้นล่ะมั้ง  เฮ้อ...เสียใจ

                    ผมนอนคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อยเปื่อยจนพี่ครีมมาเรียกไปกินข้าว  กินเสร็จผมก็มานั่งวาดรูปนิดๆ หน่อยๆ แล้วไปอาบน้ำเพื่อเข้านอน  ดูเหมือนช่วงนี้พ่อจะดีใจมากครับที่ผมไม่ออกไปเถลไถลที่ไหนแถมยังเข้านอนเร็วกว่าปกติมาก  สภาพหนังหน้าของผมตอนนี้ก็เลยใสกิ๊งเป็นพิเศษ  เมื่อก่อนขอบตาเป็นหมีแพนด้าเชียว  แต่ถึงตาจะเป็นหมีแพนด้าแต่พอไปจีบใครก็ติดทุกรายนะครับ ฮึๆ




     

                    ตุบ!

                    ระหว่างที่ผมกำลังเคลิ้มจะหลับจู่ๆ ก็รู้สึกถึงน้ำหนักที่กดทับร่างของตัวเอง  อึดอัดชะมัด  อย่าบอกนะว่าผมถูกผีขี้เล่นอำเข้าให้แล้ว  ไม่นะไม่ ผมยังไม่พร้อมจะถูกผีอำตอนนี้

                    “นโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต...” ผมเริ่มพนมมือหลับหูหลับตาสวดมนต์ทันที  ไม่กล้าลืมตาเลยจริงๆ ครับ  กลัวจะเจอน่ะสิ

                    จุ๊บ!

                    อ๊ากกกก ผีมันเอามือมาปิดปากผมไม่ให้ผมสวดมนต์ด้วยอ่ะ  ผีที่ไหนวะเนี่ยทำไมมันเฮี้ยนแบบนี้!?! เดี๋ยวนะ  มือผี...ทำไมถึงชื้นล่ะ? แล้วมือมันดูดปากคนได้ด้วยเหรอวะ? หรือว่า...ผมถูกผีปล้ำ!?!

                    เมื่อนึกได้แบบนั้นผมก็เริ่มดิ้นครับ  ทำไมผีผู้หญิงมันแรงเยอะงี้วะ  เห็นว่ากูหล่อแล้วเอาใหญ่เลยนะ  ใครก็ได้ช่วยเอาพระมาคล้องคอผมที  ผมกลัวอ่ะ  แถมตอนนี้ไอ้ผีหื่นนั่นก็ยังพยายามปล้ำผมให้ได้  พอผมดิ้นมันก็รวบข้อมือผมเอาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว  ผมเริ่มจะสงสัยแล้วล่ะครับว่าผีที่กำลังปล้ำผมอยู่ไม่ใช่ผู้หญิงแต่เป็นผู้ชาย

                    “อ๊าก!! ไอ้ผีเลว!” ผมโวยวายเสียงดังเมื่อไอ้ผีตนนั้นมันเลื่อนมือมาบิดหัวนมของผมผ่านเนื้อผ้า  ผมโกรธมากก็เลยถีบไอ้ผีตนนั้นก่อนจะรีบกดเปิดโคมไฟบนหัวเตียง  ตอนนี้ไม่กลัวแล้วครับ  ผมมีไฟ ถ้าผมเปิดไฟมันคงไม่กล้าเข้าใกล้ผมแน่นอน

                    “โอ๊ย! ไอ้เด็กบ้า  ถีบมาได้” เสียงนั้นทำให้ผมเบิกตากว้างมองร่างที่นอนกลิ้งอยู่บนพื้น  มันเป็นผีจริงๆ ครับ  ผีทะเลน่ะสิ

                    อะ...ไอ้พี่ดำมันเข้ามาที่ห้องของผมได้ไงน่ะ!?!

                    “มะ...มึงมาทำไม!?” ผมถอยกรูดชิดหัวเตียงก่อนจะถามอย่างตกใจ

                    “กูมาหามึงไงไอ้โง่” ไอ้พี่ดำลุกขึ้นยืนพลางลูบหัวตัวเองป้อยๆ  ไอ้เสียงดังตุบก่อนหน้านี้คงจะเป็นเสียงหัวกระแทกตู้เสื้อผ้าสินะ

                    “มึงมาได้ไง?”

                    “กูก็ขับรถตามมึงมาไงวะ  คิดเหรอว่ากูไม่รู้ว่ามึงใช้เพื่อนมาเอารถน่ะ” ผมเม้มปากแน่นทันทีที่ถูกรู้ทัน

                    “ละ...แล้วมึงเข้ามาในห้องกูได้ไง?” ผมถาม

                    ไอ้พี่ดำมันยิ้มก่อนจะเดินมานั่งที่ปลายเตียง “กูจอดรถรอให้มืดจะได้ปีนมาหามึงไง  กูเห็นมึงออกไปยืนทำตัวเป็นพระเอกเอ็มวีที่ระเบียงก็เลยรู้ว่านี่คือห้องมึงแล้วมึงก็เสือกไม่ล็อคประตูระเบียงซะงั้น” พี่มันพูดพลางขยับมานั่งใกล้ๆ ผมแต่ผมรีบขยับออกห่าง

                    “แล้วมึงจะมาหากูทำไม?” ผมถามโดยไม่มองหน้า  นั่นสิ รำคาญแล้วจะมาหาทำไมไม่ทราบ?

                    “ก็มึงไม่ไปที่มหาลัยกูก็ต้องมาหามึงเองสิ”

                    “ก็นั่นแหละ  มึงจะมาหากูทำไม? ไหนบอกว่ารำคาญกูไง  กูไม่ไปให้มึงเหม็นขี้หน้าก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ!?!” ผมตะคอกพลางหันไปมองหน้ามันอย่างไม่เข้าใจ

                    “กูบอกตอนไหนว่ากูเหม็นขี้หน้ามึง?”

                    “แต่มึงก็พูดว่ามึงรำคาญกูไม่เหรอ!? กูไม่ไปให้มึงรำคาญมึงก็น่าจะโอเคแล้วนี่  ดีใจล่ะสิที่จะได้อยู่กับสุดที่รักของมึงน่ะ!!” ผมกัดริมฝีปากของตัวเองเมื่อพูดถึงจุดนี้  ไอ้บ้านี่มันเลว  รู้ทั้งรู้ว่าพี่ไอเป็นแฟนเพื่อนของตัวเองยังจะไปชอบเขาอีก  ชอบพี่ไอแล้วมาเอากูทำไมไอ้ควาย!!

                    “มึงนี่มันน่ารำคาญจริงๆ ด้วย...” ไอ้พี่ดำถอนหายใจก่อนจะพูดออกมาอย่างระอา  น้ำตาผมร่วงเผาะทันที  พอรู้ตัวว่ากำลังร้องไห้ผมก็รีบเบือนหน้าหนีทันที  โชคดีที่พี่มันยังไม่ทันเห็น  อย่าเห็นเลย  น้ำตาบ้าๆ นี่มันก็คงน่ารำคาญไม่ต่างจากตัวผมหรอก

                    “...”

                    “...”

                    “มึงมาทางไหนก็กลับไปทางนั้น  กูไม่อยากเห็นหน้ามึง” ผมลุกออกจากเตียงพลางเดินไปที่หน้าประตู  ถ้ามันไม่ยอมไปผมนี่แหละจะไปเอง  จะมาเพื่อบอกว่าผมน่ารำคาญแล้วจะมาทำไม  ผมรู้หรอกว่ารำคาญ ไม่ต้องลงทุนมาย้ำหรอก!

                    “มึงงอนกูเหรอ?” พี่มันถาม  ผมได้แต่ก้มหน้าจับลูกบิดประตูแน่น  ถ้ามันก้าวเข้ามาใกล้ผมก็จะรีบหนีออกจากห้องไป

                    “...”

                    หมับ!

                    ผมตกใจที่จู่ๆ ไอ้บ้านั่นก็พุ่งมากอดผมเอาไว้จากด้านหลังทำให้ผมหนีไม่ทัน  ทำแบบนี้ทำไมฮะไอ้พี่ดำ? มึงชอบพี่ไอแล้วมากอดกูทำไม!?

                    “คิม...มึงคิดมากเรื่องที่กูบอกว่ารำคาญเหรอ?” พี่มันถามเบาๆ ข้างๆ หู  ผมไม่ตอบเพราะพยายามกลั้นเสียงสะอื้นและพยายามที่จะไม่สั่น “กูไม่เคยคิดจะชอบเด็กเพราะกูคิดว่ามันน่ารำคาญ...” พอพูดถึงตรงนี้ผมก็ไม่สามารถห้ามร่างกายไม่ให้สั่นได้  และยิ่งผมสั่นมากแค่ไหนมันก็จะยิ่งกอดผมแน่นมาแค่นั้น “แต่กูคิดว่ากูอยากให้มึงมาทำให้กูรำคาญต่อไปเรื่อยๆ”

                    “O__O!” มะ...เมื่อกี้มันสารภาพรักกับผมหรือเปล่าน่ะ?

                    “เลิกชอบสุดที่รักแล้วมาชอบกูดีกว่านะ” พูดจบมันก็กดจูบเบาๆ ที่โคนหูของผมก่อนจะจับตัวผมพลิกให้หันไปหาตัวเอง “มึงร้องไห้เหรอ!?!” เมื่อเห็นว่าผมกำลังร้องไห้ไอ้พี่ดำก็มีท่าทีตกอกตกใจอย่างมาก  กูร้องไห้เพราะมึงนั่นแหละไอ้โง่

                    “ก็มึง ฮึก! รำคาญกู...ฮือ” ผมเบ้หน้าร้องไห้ก่อนจะถูกสวมกอดพร้อมกับมือใหญ่ๆ ที่ลูบผมปลอบประโลม

                    “ที่หายไปเพราะแบบนี้หรอกเหรอ? ก็มึงมันน่ารำคาญจริงๆ นี่หว่า...อั่ก!” พอมันพูดว่าผมน่ารำคาญอีกผมก็ทุบอกมันทันที  เมื่อกี้ยังบอกว่าอยากให้กูทำตัวน่ารำคาญใส่ไม่ใช่หรือไงไอ้บ้า “ที่กูรำคาญมึงก็เพราะมึงเอาแต่บอกว่าชอบสุดที่รักนี่หว่า  ไปมหาลัยทีไรก็ไปหาแต่สุดที่รัก” ไอ้พี่ดำมันทำเสียงงอนๆ

                    “แล้วทีมึงล่ะ ฮึก เรียกพี่ไอว่า ฮึก สุดที่รักอยู่ได้” ผมพูดกลั้วเสียงสะอื้น

                    “หา? กูว่ามันน่ารักดี”

                    “มึงเรียกคนอื่นว่าสุดที่รักแล้วมันน่ารักตรงไหนวะ!? ฮือ” ผมโวยวายพลางดิ้นจะออกจากอ้อมแขนของพี่มันแต่ดิ้นไม่หลุด

                    “สุดที่รักน่ะเป็นชื่อจริงของพี่ไอของมึงต่างหากเล่า  กูว่ามันน่ารักดีกูก็เลยเรียกจนติดปาก” ผมชะงักเมื่อได้ยินความจริงเสียที  อ้าว...ทำไมไม่บอกกูตั้งแต่แรกวะ  ไอ้สลัดผัก  ปล่อยให้กูคิดมากอยู่ตั้งนาน “เข้าใจกันแล้วนะ  คราวหน้าคราวหลังก็อย่าหนีหายไปแบบนี้อีก  กูหงุดหงิด” ไอ้พี่ดำพูดพลางผละออกจากผมแล้วก้มหน้ามาจุ๊บปากผมเบาๆ  ที่ต้องก้มก็เพราะผมก้มอีกอย่างผมเตี้ยกว่าพี่มันด้วยนิดหน่อย  ประมาณห้าเซนได้  ผมแอบสงสัยนะครับว่าทำไมมันถึงทำผมได้ลงทั้งๆ ที่ผมเป็นผู้ชายตัวสูง  ผมคิดว่าอย่างมันน่าจะล่าพวกผู้ชายน่าตาน่ารักได้ง่ายๆ เลยนะ

                    “มึง...ไม่ได้ชอบพี่ไอแน่นะ?” ผมถามพลางปาดน้ำตาป้อยๆ

                    “กูชอบมึง  ชัดไหม?” หน้าผมร้อนฉ่าทันทีที่ได้ยินแบบนั้น  บทจะชัดเจนมึงก็ชัดเกินนะไอ้ดำ  เล่นเอากูเขินเลยเนี่ย “แล้วมึงล่ะ? ยังชอบสุดที่รักอยู่หรือเปล่า?” พี่มันถามกลับ

                    “มะ...ไม่...รู้” ตอนแรกจะตอบว่าไม่นั่นแหละครับแต่แบบว่าผมเขินไง  ก็เลยตอบว่าไม่รู้ซะเลย

                    “งั้นกูจะทำให้มึงรู้เอง” พูดจบมันก็อุ้มผมพาดบ่าแล้วโยนผมลงบนเตียงจากนั้นก็ตามขึ้นมาคร่อมร่างผมเอาไว้  ผมอ้าปากค้างหน้าร้อนฉ่าเมื่อไอ้บ้านั่นมันถอดเสื้อของตัวเองออกเผยให้เห็นอกกว้างๆ กล้ามแน่นๆ แถมภายในของมันก็ไม่ได้สีแทนเหมือนภายนอก  สีผิวของมันไล่เรียงกันเหมือนการระบายสีเพื่อความสวยงามเลยล่ะครับ  แท้ที่จริงมันไม่ได้ดำสินะ  ท่าทางจะตากแดดมากไปก็เลยกลายเป็นแบบนั้น  และยิ่งแสงสีส้มจากโคมไฟสลัวๆ ส่องกระทบตัวของมันก็ยิ่งดูสวยเหมือนกับภาพวาด  เอาล่ะ...ชักจะอยากวาดภาพขึ้นมาตงิดๆ

                    “ดำเดี๋ยว! อยู่นิ่งๆ นะ” ผมบอกเสียงดังทำให้พี่มันค้างอยู่ท่าเดิม  ผมค่อยๆ คลานออกจากการถูกคร่อมก่อนจะเดินไปที่โต๊ะวาดภาพแล้วเปิดโคมไฟอีกตัว

                    “มึงจะมีอารมณ์มาวาดอะไรตอนนี้วะ?” ไอ้พี่ดำมันบ่นอย่างหัวเสียก่อนจะเดินมากระชากตัวผมให้ลุกจากเก้าอี้

                    “กูบอกว่าให้อยู่นิ่งๆ ไง” ผมขมวดคิ้วบอก  ต้องรีบวาดก่อนที่จะไม่มีอารมณ์วาดอีก  ภาพเมื่อกี้สวยจริงๆ นะ

                    “มึงนั่นแหละอยู่นิ่งๆ” พี่มันสั่งก่อนจะจับผมโยนลงบนเตียงเหมือนเดิม

                    “ดำ...ขอวาดก่อน  นะ” ผมขอร้อง

                    “...”

                    “นะ” ผมขอร้องอีกครั้งเมื่อเห็นมันนิ่งไป

                    “ได้” พี่มันลุกออกจากตัวผมก่อนจะเดินไปที่โต๊ะวาดรูปพลางเลื่อนเก้าอี้ออกไปห่างๆ “ยืนวาด” มันสั่ง  ผมงงแต่ก็ทำตามที่มันบอก




    ฉากต่อไปนี้ถูกตัด  อยากอ่านต่อกรุณาเซิร์ชกูเกิ้ลคำว่า dprforfreshman คับผมๆ


    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ขอโทษที่หายไปนอนนะคะ  แต่คาดว่าตอนนี้คงทำให้หลายๆ คนฟินกัน

    ไรเตอร์ขอบอกว่า...ขอ เลือด หน่อย

    Rasp Free Theme dek-d By i'nutberry
    +Nutzto
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×