ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คิดผิดนะฟิคนี้...ที่มีหนูเป็นลูกการิน!

    ลำดับตอนที่ #64 : :>>: บทที่ 61 :

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 365
      5
      27 ธ.ค. 56

                  ความเดิมตอนที่แล้ว >>>

     

                “ริษยาที่พี่สาวดีกว่าตัวเองทุกอย่าง ตอนที่ฉันวางแผนให้ชาญโดนยันต์สะกดจิตใจแล้วไปฆ่าพิ้งค์น่ะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ ...แถมตอนฉันทำเสร็จ ลูกหว้าก็ยังโวยวายไม่พอใจอีกตั้งหาก ...ก็ช่วยไม่ได้ ฉันฆ่าชาญปิดปากไปด้วยนี่หว่า ใครจะไปรู้กันเล่าว่ายัยนั่นแอบชอบชาญด้วย รู้งี้ไม่น่ารับปากจะทำให้เลย ให้ตายเถอะ”

     

    -------------------------------------------------------------------

     

    :>>: บทที่ 61 :<<:

    ความจริงอันน่าอดสู <2>

     

                ความจริงต่างๆ ที่ฉันเพิ่งจะรับรู้จากพริกหวาน พรั่งพรูออกมาโดยที่ฉันได้แต่ยืนช็อกอยู่แบบนั้น เทียนหอมเห็นท่าจะไม่ดี เขาเลยพูดออกมาบ้าง

                “น้ำอบ! ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริง แต่เธอคิดเหรอว่าลูกหว้าที่ทำแบบนั้นเขาจะมีความสุข!

                “....!!?!

                “ลูกหว้าก็ทนทุกข์ทรมานเหมือนกันที่ทำแบบนั้นลงไป ไม่คิดว่าเหรอว่าลูกหว้าต้องเจ็บปวดและทรมานขนาดไหนที่ต้องปิดบังเรื่องรางทั้งหมดเอาไว้ โดยที่เธอไม่สามารถบอกให้ใครๆ รู้ได้เลย!

                “...เทียนหอม...”

                ฉันเรียกชื่อเขาสั่นเครือ ...จริงสินะ ถ้าเป็นฉันที่ทำแบบนั้น ฉันก็คงจะรู้สึกผิดเอามากๆ เหมือนกัน เวลาจะบอกใครให้รับรู้ก็หวาดระแวงเหลือเกิน หวาดระแวงว่าใครสักคนที่รับรู้จะเกิดเรื่องต่างๆ ที่คาดเดาไม่ได้ขึ้นมา

                “โธ่เว้ย! หยุดดราม่าน้ำตาแตกกันได้แล้ว น่ารำคาญจริง!

            ดูเหมือนว่าพริกหวานจะทนฟังเรื่องพรรค์นี้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เขาดูคลั่งขึ้นมาพร้อมกับกดใบมีดลงมาอีก ฉันเริ่มที่จะหายใจติดขัดเพราะรู้สึกเสียวแปลบที่ลำคอ แต่มุมปากฉันเริ่มที่จะยิ้มยก และกลับกลายเป็นการแสยะยิ้มขึ้นมา

                “หึๆ...หึๆๆ”

                “หัวเราะบ้าอะไรของเธอวะ เสียสติไปแล้วรึไง!?

                พริกหวานจับร่างฉันให้หันไปประจันหน้ากับเขา เลือดตรงลำคอของฉันไหลรินลงมาจนเปรอะเปื้อนคอเสื้อนักเรียน แต่ฉันกลับหัวเราะร่าราวกับคนบ้า

                “หึๆ หึๆ ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆๆ!!

                “รำคาญเสียงหัวเราะแกว่ะ ตายซะยัยบ้าเอ้ย!

                พริกหวานพุ่งใบมีดมาที่ตัวฉันอย่างว่องไว เทียนหอมตกตะลึงได้ไม่นานก็รีบคว้าลำตัวฉันให้หันหนีใบมีดที่คมกริบ แต่ฉันกลับเอาฝ่ามือรับมีดจนได้แผลกลับมา

                ฉัวะ!

                “เฮ้ย!?” ทั้งสองคนอุทานออกมาพร้อมกัน ฉันแสยะยิ้มพร้อมกับทรุดตัวลงกับพื้นปูน

                “หึๆๆ นึกว่าตัวเองจะเล่นคุณไสยเป็นคนเดียวรึไง?”

              ฉันหัวเราะหม่นๆ พร้อมกับเอานิ้วที่เปรอะเปื้อนเลือดมาวาดอักขระภาษาขอมโบราณอย่างคล่องแคล่ว ดูเหมือนพริกหวานจะตกใจ เขารีบยกมือขึ้นสูงพร้อมกับใบมีดที่ฟาดฟันหมายจะตัดหัวฉันให้ขาด แต่เทียนหอมกลับรีบกระโดดเตะใส่ท้องของพริกหวานในจังหวะที่เขาเผลอ

                ผลัวะ!

                “อ้ากกกกกกก!

                “รีบหนีเร็วน้ำอบ...!” เขารีบกระชากแขนฉันขึ้น แต่ฉันใช้แรงยื้อตัวเองเอาไว้พร้อมกับหัวเราะร่า “ฮ่าๆ ฮ่าๆๆ จะรีบไปไหนล่ะ? นายไม่คิดที่จะปิดคดีบัญชีวิปลาสก่อนรึไง”

                “หมายความว่าไง...?”

                เทียนหอมถามอย่างอึ้งๆ ในจังหวะที่เขาไม่ทันจะระวังตัว พริกหวานกลับค่อยๆ พยุงร่างของตัวเองขึ้นมาอย่างช้าๆ แต่กลับพุ่งเป้าเข้ามาที่เราทั้งคู่อย่างว่องไว

                “ไม่ยอม...งานนี้ฉันไม่ยอม! ย้ากกกกกกก!!!

                “เทียนหอมหลบ!

                ฉันกระชากเขาให้เข้ามาอยู่ในวงเวทย์ที่ฉันวาด ก่อนที่ปากของฉันจะเริ่มบริกรรมคาถาที่พ่อเคยสอนอย่างว่องไว ถึงแม้ว่าฉันจะไม่เก่งเท่า แต่ฉันมั่นใจว่าฉันจะต้องทำได้ดีถึงแม้ว่าการทำแบบนี้จะเป็นการทำครั้งแรก!

     

                ฟ้าวววววววว...!!!

                “เฮ้ย!?? อะไรวะเนี่ย!?!?

                ลมพัดรุนแรงราวกับพายุหมุนเกิดขึ้นทันทีที่ฉันบริกรรมคาถาเสร็จ แสงไฟสีเขียวเรืองรองสว่างจ้าขึ้นมาจนแทบจะแสบในภายในเสี้ยววินาทีตามอักขระที่วาดเอาไว้ด้วยเลือดของตัวเอง พริกหวานอุทานด้วยความตกใจแล้วเอาแขนป้องหน้าเพื่อป้องกันไม่ให้อะไรก็ตามเข้าตาจนมองไม่เห็นทิศทาง

                “นี่เธอทำอะไรน่ะยัยอบเชย?!

                เทียนหอมจับบ่าฉันอย่างแรง แต่ฉันกลับมองเขาด้วยแววตาที่เย็นเยียบ

                “ถ้าไม่อยากตายก็เงียบแล้วนั่งดูเฉยๆ ซะ ฉันไม่รับประกันความปลอดภัยหรอกนะ”

                “แล้วเธอทำอะไรกันล่ะ?” เขายังถามไม่เลิก ฉันจ้องมองไปยังพริกหวานที่ยืนอยู่นอกวงเวทย์ด้วยความใจเย็น มุมปากฉันเริ่มที่จะแสยะยิ้มออกมาอีกครั้ง

                “...เตรียมการให้ผู้ร้ายสารภาพบาปมากกว่าเดิมน่ะสิ”

                “หา?!

                เทียนหอมยังคงมีท่าทีสงสัย แต่ฉันก็ไม่คิดที่จะอธิบายต่อ เพราะการกระทำนั้นมันง่ายกว่าเยอะ!

                “ฉันให้นายนับ 1 - 3 นะอีตาจอมเพี้ยน แล้วนายจะเข้าใจทุกอย่างผ่านสัมผัสที่ 6 ของนาย ...คิดว่านะ” ฉันได้หันหน้าไปหาเขา พร้อมกับยิ้มอ่อนหวาน “เอาล่ะ นับได้เลย”

                “...”

                เทียนหอมมองหน้าฉัน พร้อมกับลอบกลืนน้ำลาย ชั่วอึดใจเขาก็นับตามที่ฉันบอก

                “หนึ่ง...”

                “เล่นตุกติกมาพอแล้วนะน้ำอบ!

            พริกหวานส่งเสียงคำรามลั่นห้อง ลมพัดรุนแรงเมื่อครู่ได้จางหายไป เหลือเพียงแต่บรรยากาศเยือกยะเย็นสุดขั้วหัวใจให้หนาวเล่นๆ เขาพยายามสาวเท้าก้าวเข้ามาในวงเวทย์ ในขณะที่เทียนหอมนับ... “สอง”

                ตึงงงงง!!!

                “อ้ากกกกกกก!

               ราวกับมีบาเรียไฟฟ้าแรงสูงขวางกั้นเอาไว้ พริกหวานถึงกับกระเด็นออกไปจนกระแทกเข้ากับบานประตูที่ในตอนนี้ปิดสนิท เลือดข้นๆ ทะลักออกมาจากปากได้รูป ฉันคาดเดาว่าปอดเขาคงจะบอบช้ำซะแล้ว

                “สาม!

     

                ครืนนนนนนนนน!!!!

                ทันทีที่เทียนหอมนับจบ จู่ๆ ลมพัดรุนแรงก็บังเกิดขึ้นอีกครั้งที่ภายนอกวงเวทย์ที่ฉันสร้าง ในขณะนั้นฉันก็บริกรรมคาถาพร้อมให้หยาดเลือดของตัวเองรดรินกับตัวอักษรโบราณ ซึ่งในตอนนี้มันก็ได้เปล่งแสงสีเขียวอมเหลืองออกมาให้สว่างจ้าและแสบตาไปหมด

                “หวะ...เหวอ!!!!?

                พริกหวานถึงกับอุทานออกมาด้วยตาที่แทบจะทะลุออกมาจากเบ้า เขาหันรีหันขวางราวกับเห็นอะไรบางอย่าง แต่ฉันเดาไว้ว่าเทียนหอมคงจะเห็นแน่ๆ...

                “นายเห็นไหมเทียนหอม” ฉันหันไปถามเขาด้วยความสงสัย แต่เทียนหอมกลับส่ายหน้าดิก “ไม่เลย! ทำไมพริกหวานทำท่าเหมือนจะเห็นวิญญาณเลยล่ะ!?

                “หา!?? เป็นไปไม่ได้ที่คนมีสัมผัสที่ 6 อย่างนายจะมองไม่เห็น...!

                ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบ สายตาฉันก็เหลือบไปเห็นหยาดเลือดที่กระเซ็นใส่เสื้อนักเรียนของเขาอย่างเห็นได้ชัด ฉันได้แต่ทำท่าอึกอัก ก่อนที่จะบอกด้วยท่าทีที่ไม่ยินดีเสียเท่าไหร่

                “นั่นน่ะ... รอยเลือดฉันใช่ไหม?”

                “ไหน? ...อ๊ะ คงงั้นมั้ง น่าจะเป็นตอนที่ฉันกระชากตัวเธอให้หลบมีด แต่เธอกลับส่งมือให้มันเจื๋อนเล่นซะงั้น” เขาบอก ฉันลูบหน้าด้วยความลำบากใจ ก่อนที่จะข่มเสียงต่ำๆ แล้วปิดบังสีหน้าที่กำลังจะร้อนฉ่าผิดเวลา

                “...ถอดเสื้อนายออก แล้วโยนออกไปจากวงเวทย์ซะ”

                “เฮ้ย!?? พูดบ้าๆ!

                “ไม่บ้าหรอก ฉันพูดจริง! ตัวนายจะต้องไม่โดนเลือดฉัน ...ถอดเสื้อนักเรียนนั่นออกซะ ถ้าไม่อยากให้ฉันกระชากมันออกให้!

                ฉันพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง ผิดกับพวงแก้มที่ร้อนฉ่า เทียนหอมได้แต่มองหน้าฉันอ้าปากค้างเติ่ง ถ้านี่เป็นเวลาตลก ฉันคงจะตบกรามเขาให้เข้าที่แล้ว

                “...จริงดิ?”

                “อยากให้ฉันกระชากมันออกจริงๆ สินะ”

                “อ๋าาาาาา!!! ไม่นะ...ไม่! ใครก็ได้ช่วยด้วยยยยยย!

                “เร็วๆ สินายเพี้ยน เดี๋ยวก็ไม่รู้ความจริงหรอก”

                เสียงร้องครวญครางของพริกหวานเริ่มดังขึ้น แต่ฉันไม่สนใจ กลับเร่งเร้าให้เทียนหอมถอดเสื้อออกให้จงได้ เข้าตาจนเทียนหอมถึงได้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่เขาจะพยักหน้าหงึกๆ แล้วปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด ฉันรีบเบือนหน้าหนี แล้วไปสนใจกับอาการของพริกหวานแทน

                ในตอนนี้พริกหวานกลับชักดิ้นชักงออยู่กับพื้น น้ำลายฟูมปากเหมือนจะหายใจไม่คล่อง ดูเขาท่าทางจะทรมานดีนะ... ฉันคิดเพลินๆ ก็รู้สึกเหมือนมีใครโอบกอดเอวฉันเอาไว้ และเอาคางมาเกยไหล่ ทำให้ภาพตรงหน้าฉันกลับตาลปัตรเป็นความสยดสยองแทน

                สิ่งที่ฉันเห็นคือวิญญาณที่ดูเหมือนจะโดนชำแหละจนเละ กำลังยื่นมือบีบคอพริกหวานอยู่อย่างอาฆาตแค้น เสียงก่นด่าสาปแช่งที่ฉันได้ยินทำเอาเสียตกตะลึง ในขณะที่เทียนหอมกลับตกตะลึงยิ่งกว่า

                “ปะ..เป็นไปได้ไง?”

                “อะไรคือ เป็นไปได้ไง’ ?” ฉันถามโดยที่ไม่ละสายตาไปจากภาพตรงหน้า เสียงพริกหวานโหยหวนแกมอ้อมวอนขอชีวิตดังก้องกังวาน เทียนหอมตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ยังคงเหลือความตกตะลึงเอาไว้

                “ฉันนึกว่าวิญญาณที่ฉันเห็นคือพี่สาวของน้ำหว้ามาตลอด...!

                “หา!?? นี่ไม่ใช่วิญญาณของพี่ลูกหว้าหรอกเหรอ?!?

                “ไม่ใช่... ฉันรู้แล้วว่าวิญญาณตนนี้คือใคร...” เทียนหอมลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ฉันรู้สึกได้ถึงเสียงต้องกลืนน้ำลายด้วยความยากเย็น ก่อนที่เสียงแหบพร่าจะเปล่งออกมาจากลำคอ

                “วิญญาณตนนี้คือ... แฟนของพี่สาวลูกหว้าเป็นวิญญาณของพี่ชาญ!!!

                “!?!?!!!

              ราวกับค้อนปอนด์มากระหน่ำที่หัวฉันอย่างรุนแรง ฉันได้แต่มองวิญญาณรูปร่างน่าเกลียดนี่ด้วยความตกใจ และเสียงกรีดร้องจากก้นบึงจิตใจกำลังถามออกมาว่านี่มัน...เรื่องอะไรกัน?!?

                ในขณะที่ฉันจมดิ่งลงไปในห้วงความคิดของตัวเอง เสียงเปิดประตูห้องถ่ายเอกสารดังขึ้น พร้อมกับคำประกาศก้องอันน่าย่ำเกรงแลดูคุ้นหู

                “พอแค่นั่นแหละน้ำอบ!

     

    ::: ~~~ To be continues ~~~ :::
    -------------------------------------------------------------------



      
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×