ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BJin] I’M JUST ANOTHER BOY。

    ลำดับตอนที่ #2 : I'M JUST ANOTHER BOY ; CHAPTER 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 216
      0
      11 ก.พ. 57



    CHAPTER 1

     
     

    'ไม่ต้องกังวลไป ทิ้งผมไว้ตรงนี้แหละ ผมอยู่ได้ด้วยตัวเอง สบายมาก I'M OK!'



     

    นี่ก็ผ่านมากว่าสองเดือนแล้วที่ฮันบินชายหนุ่มรูปงามที่หมายตาของสาวน้อยใหญ่หลายคนได้กลับมาใช้ชีวิตแบบคนโสดอีกครั้ง

    และสิ่งเดิมๆที่มักทำเป็นประจำ….ก็คงจะหนีไม่พ้นกับปาร์ตี้คนโสด และเรื่องอย่างว่า

    “มาได้แล้วหรอวะไอ้เสือ อุตส่าห์นึกว่าวันนี้จะยอมหลีกทางให้เพื่อนซะแล้ว”

    “หลีกทางอะไรของแกวะบ๊อบบี้” ฮันบินขมวดคิ้วถามผู้เป็นเพื่อน

    “เอ้า! ก็แกมาทีไรฉันงี้ดับตลอด สาวๆในคลับก็เอาแต่มองแกกันทั้งนั้น” พ่อหนุ่มตาหยีส่งยิ้มฟันกระต่ายให้

    “ทำเป็นเจียมเนื้อเจียมตัว แกมันก็ร้ายพอกันแหละ”

    “เอ่อๆ ขี้เกียจเถียงด้วยแล้ววะ ขอไปโชว์ตัวก่อนละกัน” ว่าจบคิม จีวอนก็เดินตรงไปยังฟลอร์สำหรับดีเจ

    ทันทีที่หนุ่มฟันกระต่ายปรากฏกายสาวๆหลายนางก็เริ่มตื่นเต้นกันไม่น้อย จริงอยู่ที่คิม ฮันบินค่อนข้างน่าจับตามอง แต่เพื่อนรักตัวดีอย่างคิม จีวอนก็ใช่จะไร้น้ำยา

    มือเรียวยาวของฮันบินกดไลน์หาเพื่อนรักอีกคนที่ยังไม่มาร่วมทีมกับพวกเขาเสียที

    B.I : มายัง

    YunHyung : กำลังไป

    B.I : ให้ไว!

    YunHyug : เอ่อๆๆ

    ระหว่างที่รอคอยเพื่อนรักมาสมทบ ฮันบินหันมองรอบตัว ใช่เขาจะไม่สังเกตว่ากำลังถูกสาวๆหลายคนลอบมองอย่างกระหาย ปากหยักได้รูปยกยิ้ม

    ฮันบินสอดส่องไปโดยรอบ เขายังไม่พบเป้าหมายที่ถูกใจ สาวบางรายที่ส่งสายตามาก็คนเดิมๆที่เขาเคยได้ ไม่ผิดหรอกที่จะใช้คำนี้กับพวกหล่อน เพราะใครก็รู้ดีว่าผู้ชายอย่างคิม ฮันบินไม่เคยคิดจริงจัง

    สิ่งที่เขาทำก็เพียงแค่ท่องราตรีเพื่อมองหาคนที่ถูกใจ จากนั้นก็ลุย รู้ตัวอีกทีก็บนเตียงของโรงแรมในเช้าอีกวัน ถึงเขาจะเป็นคนรักสนุกแต่ก็ไม่เคยพาใครเข้าบ้าน

    โดยปกติถ้าจะไปต่อกันก็มักเช่าโรงแรมหรูคืนสองคืน เพื่อตัดปัญหาน่ารำคาญที่เขาเคยเจอมาบ้างจากผู้หญิงหลายรายคอยตามราวี หึ! คงคิดว่าเขาจะรับผิดชอบสินะ งี่เง่าชะมัด!

    คนอย่างคิม ฮันบินไม่เคยคิดจะคบใครจริงจัง มากสุดถ้าลีลาเร้าใจจนทำให้ติดใจได้ก็ไม่น่าจะเกินสองอาทิตย์ แต่โดยปกติแล้วก็ไม่เคยเกินกว่าสองวัน

    ไม่ใช่ว่าเป็นปมด้อยหรืออยากจะประชดใครหรอกนะ เขาเลิกคิดเรื่องเก่าไปนานแล้ว

    แต่คิม ฮันบินเป็นผู้ชายเจ้าชู้ รักสนุก และก็แค่ได้มาเจอกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำให้เขาเปลี่ยนไป…. แต่แล้วเธอก็เหมือนผู้หญิงคนอื่นที่ผ่านเข้ามา ไม่ได้ต่างกันสักนิด

    เขาก็ไม่ใช่พวกโลกแคบที่จะปิดใจไม่รับใครเข้ามาหรอกนะ แต่เพราะยังไม่คิดว่าจะเจอคนที่ใช่ ….อีกแล้ว ก็แค่นั้น

    “เห้ย!” เสียงห้าวร้องทักพร้อมมือหนาตะปบบนบ่าของอีกคน ทำให้ฮันบินต้องมองตามไปยังผู้มาใหม่

    “ไง กว่าจะเสด็จออกมาได้นะเว้ย” ฮันบินทักทันทีที่เห็นว่าเป็นใคร

    “เอ่อน่า ก็มาแล้วนี่ไง จะบ่นไมวะ แล้วนี่ไอ้บ๊อบบี้มันอยู่ไหนอ่ะ” ว่าพลางมองหาเพื่อนตัวดีอีกคน

    “ไม่ต้องหาคนมาด่าต่อ ไอ้บ๊อบบี้มันไม่ชักช้าแบบแกหรอก มารอฉันตั้งนานแล้ว นู้น คุมเสียงอยู่นู้น” ว่าพลางพยักพเยิดไปทางที่คนถูกถามหาอยู่

     “ฉันก็ไม่ได้จะทำแบบนั้นซะหน่อย แค่ถามหามันดูเฉยๆ”

    “ครับๆ คุณยุนฮยอง ผมเชื่อจนสนิทใจเลย เห้ย! แล้วไหนวะที่บอกว่ามีสาวใหม่ เพิ่งได้มาสดร้อนๆ อยู่ไหนวะ ไม่พามาเปิดหูเปิดตาไง?” แกล้งใช้มือที่ถือแก้วเหล้าสีอำพันชนอกกว้างของเพื่อน

    “เลิกแล้วเว้ย”

    “อ้าว ไมไวงี้วะ เมื่อเช้ายังส่งรูปคู่มาอวดฉันอยู่เลยไม่ใช่?”

    “ก็นั่นมันตอนเช้า นี่แกรู้มั้ยว่าตอนบ่ายฉันเจออะไรมา”

    “อะไรวะ”

    “ก็ผัวมันน่ะสิ มาตามหาถึงห้อง แล้วแกรู้มัยว่าแม่คุณทำไงกับฉัน”

    “ทำไง”

    “คุณเธอบอกให้ฉันไปซ่อนตรงระเบียง นี่เกือบตกลงมาตายห่า ดีนะที่ผัวแม่คุณไม่นึกสงสัยอะไร แค่เข้ามาเอาของที่ลืมไว้แล้วจากไป”

    “ฮ่าๆๆๆๆ เอ่อวะ เจ๋งดีนี่”

    “เจ๋งยังไงวะ แม่งเสียวก็เสียว คอนโดแม่คุณก็อยู่ตั้งชั้นแปด สูงลิบลิ่ว”

    “เอาน่า คิดซะว่าเป็นประสบการณ์ใหม่” ถึงจะเป็นคำปลอบใจ แต่สีหน้าและแววตาสมน้ำหน้าจากเพื่อนรักไม่ได้ช่วยให้ยุนฮยองรู้สึกดีขึ้นเลย

    “ไอ้เวรนี่! อยากลองหาประสบการณ์ใหมๆบ้างมั้ยล่ะ” ยุนฮยองตอกกลับเพื่อนรักอย่างหัวเสีย “นี่ยังเซ็งไม่หายเลยนะเว้ย มีผัวแล้วก็ไม่บอก”

    “มันก็แบบนี้แหละว้า ผู้หญิง หึ!

    “นี่ก็ว่าจะลองมองหาคืนนี้ เอาใหม่ ขอแบบโสดๆซิงๆ”

    “โสดๆเนี่ยน่าจะมีอยู่เยอะ แต่ซิงนี่คงไม่เหลือแล้ววะ”

    บทสนทนาแบบเพื่อนเฮได้ดำเนินต่อไปเรื่อย

    “ขอโทษนะคะหนุ่มๆ ขอขัดจังหวะแปบเดี๋ยวได้มั้ยค่ะ” เสียงแหบยั่วสวาทจากสาวหุ่นดีทำให้การพูดคุยต้องชะงักกลางครัน ทั้งคู่หันไปมองที่มาของเสียง

    แม่สาวอึ๋มในชุดเกาะอกที่ผ่าไปแล้วเกือบครึ่งดูมๆของเจ้าหล่อน นี่ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินผ้าผ่อนนางเลื่อนลงไปสามเซ็นคงได้เห็นหัวกระดุมสองเม็ดกันละคราวนี้

    “เชิญครับ” ยุนฮยองตอบกลับ เสียงเข้มและแววตามีเสน่ห์รวมถึงใบหน้าที่หล่อเหลาเสียจนใครเห็นเป็นต้องหลงยิ่งทำให้สาวผู้มาเยือนเจียดยิ้มยั่วยวนอย่างเต็มกำลัง ก้นกลมมนภายใต้กางเกงสกินนี่สีดำหย่อนลงบนเบาะร่วมโต๊ะกับสองหนุ่มทันที

    “มาเที่ยวสองคนชายหนุ่ม” เว้นจังหวะก่อนจะสะบัดผมที่ปรกลงมาบังอกอิ่มออกอย่างยั่วเย้า “สนุกหรอค่ะ” เสียงกระเส่าที่ทำให้คนฟังนึกจินตนาการไม่ได้ว่าเสียงร้องยามแม่นางอยู่ใต้ร่างจะเร้าใจสักแค่ไหน

    “ก็ถ้ามีคุณร่วมด้วย คงสนุกกว่านี้เยอะ” ฮันบินตอบพร้อมส่งสายตาเจ้าเล่ห์

    “อุ๊ยตาย ปากหวานจังเลยนะคะ แต่พอดีฉันไม่ค่อยถนัดสองรุมหนึ่งซะด้วย ถ้ายังไงขออนุญาตเรียกเพื่อนมานั่งด้วยได้มั้ยค่ะ” คำพูดสองแง่สองง่ามทำให้ชายหนุ่มทั้งคู่ยกยิ้มมุมปาก ก่อนเอ่ยอนุญาต

    สาวร่างกายทองคำหายเข้าไปในฝูงชนที่กำลังขยับกายให้เข้ากับจังหวะเพลงได้ไม่นาน ก็มีสาวงามหุ่นดีอีกคนเดินตามมา บอกได้เลยว่าฮันบินรู้สึกถูกใจทั้งคู่ แต่สำหรับสาวผู้มาใหม่นั่นบอกได้เลยว่าเธอเป็นอะไรที่น่าสนใจทีเดียว

    “ขอร่วมวงด้วยคนนะคะ” เสียงเซ็กซี่ไม่แพ้เพื่อนสาวของเธอ

    “ยินดีครับ” ยุนฮยองตอบกลับพร้อมส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปให้

    “ขอแนะนำเพื่อนของฉัน” ยังไม่ทันที่สาวหมายเลขหนึ่งจะได้แนะนำเพื่อนสาวของเธอ ฮันบินก็ชิงพูดแทรกขึ้นมาก่อนด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ไม่แพ้เพื่อนตัว

    “ขอโทษนะครับที่ขัด แต่พวกเรายังไม่รู้จักคุณเลย” ถึงจะพูดเหมือนตำหนิแต่น้ำเสียงและสายตากลับดูหยอกเย้าเจ้าหล่อนเหลือเกิน

    “ตายจริง! นั่นสินะคะ ฉันชื่อจีน่า ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการ ส่วนนี่ฮยอนอาค่ะ” หันไปมองเพื่อนสาวข้างกายพร้อมทั้งแนะนำด้วยสายตายั่วยวนอีกครั้ง นี่จะไม่ให้ทนกันเลยใช่มั้ย

    “ยินดีเช่นกันครับ ผมยุนฮยองแล้วนี่ก็

    “บีไอครับ” ฮันบินชิงพูดตัดหน้า เพราะเขาเองก็ต้องทำคะแนนแล้ว จะปล่อยให้ยุนฮยองเล่นหูเล่นตาคนเดียวไม่ได้

    ในหมู่หญิงสาวที่นี่รู้จักเขาในนามของ บีไอ เขาเคยขึ้นไปแร็ปบนฟลอร์คู่กับบ๊อบบี้ครั้งหนึ่ง โดยมียุนฮยองทำหน้าที่เป็นดีเจแทนจีวอน จีวอนนั้นมีชื่อเล่นจากการใช้ชีวิตที่อเมริกาอยู่แล้ว จึงไม่ต้องหาอะไรมาเรียกแทนให้วุ่นวาย แต่สำหรับฮันบินที่พอถูกสัมภาษณ์ให้แนะนำตัวเขาก็ไม่ใช่พวกไม่มีเซ้นส์เสียด้วย จะให้บอกชื่อจริงไปมันก็ยังไงๆอยู่

    บีไอมาจาก Hanbin เขานึกออกกะทันหัน และเห็นว่าเหมาะดีจึงใช้ชื่อนี้เรื่อยมา

    “บีไอชื่อเท่ห์จังเลยนะคะ” ฮยอนอากล่าวชม เขาคิดไว้ไม่ผิดจริงๆว่าเจ้าหล่อนต้องสนใจเขา ไม่อย่างนั้นคงไม่วางแผนให้เพื่อนมาเปิดทางก่อน คงอยากจะทำให้เกมดูยากขึ้นสินะ แต่ก็ดี เพราะเขาเองก็เริ่มเบื่อผู้หญิงที่ได้มาง่ายๆแล้วเหมือนกัน

    “ขอบคุณครับ” ยิ้มตอบกลับแบบที่รู้ว่าจะทำให้หญิงสาวละลายได้

    “แด๊นซ์มั้ยค่ะ” จีน่าเท้าคางยั่วยวนส่งสายตาไปให้ยุนฮยอง เพราะรู้ว่าเพื่อนสาวของตัวเลือกหมายตาแล้ว แต่สำหรับเธอทั้งคู่ถือว่าดูดี ใครก็ได้เธอไม่เกี่ยง

    “เอาสิคริบ” ว่าจบร่างสูงก็ลุกขึ้นผายมือให้อีกคน จีน่าหัวเราะในลำคอแบบที่สาวไฮโซมักชอบทำ

    “อย่างนี้ดีกว่าค่ะ” สาวหุ่นดีคล้องแขนแทนการยื่นมือให้ “แบบนั้นมันคลาสสิคไป” แอบกระซิบเสียงแหบข้างหูอีกคนจนคนฟังรู้สึกใจเต้น

    ทำงานเป็นระบบเหลือเกิน ฮันบินนึกขันในแผนการของสาวสวยทั้งสอง

    “ขำอะไรหรอค่ะ” ถามทั้งสายตาหวานเยิ้ม

    “เปล่าหรอกครับ แค่คิดว่า แผนของพวกคุณน่ารักจริงๆ” ฮันบินหันมาตอบฮยอนอาอย่างหยอกเย้าบ้าง เขาไม่ปล่อยให้เธอรุกอยู่ฝ่ายเดียวหรอก

    “ว่าแล้วเชียวว่าบีไอต้องรู้” สรรพนามที่ถูกเรียกแบบที่คนรู้จักเพียงผิวเผินมักจะไม่ทำกันนั้นส่งผลให้ฮันบินยกยิ้ม

    ยั่วเหลือเกินนะครับ

    “ก็ฮยอนอาตั้งใจให้ผมรู้ขนาดนี้นี่ครับ” รุกกลับบ้าง

    “แล้วชอบมั้ยค่ะ” สายตายั่วเย้าที่ทั้งคู่ต่างส่งไปให้แก่กัน ผู้หญิงคนนี้น่าสนใจจริงๆด้วย เกมนี้คงสนุกน่าดู

    ฮันบินเลื่อนหน้าไปใกล้ กระซิบที่ข้างหูของอีกคนตั้งใจพ่นลมหายใจร้อนส่งไปให้หญิงสาวได้รู้สึกเสียววาบ “ถูกใจมากครับ”

    ฮยอนอายิ้มหวานพอใจในการกระทำของคนตรงหน้า มือเรียวสวยยกแก้วขึ้นเชิญชวน

    ฮันบินชนแก้วตอบหญิงสาว ก่อนที่ต่างฝ่ายจะยกน้ำสีอำพันเหล่านั้นดื่ม โดยที่สายตาของทั้งคู่ไม่ได้ละออกจากกันเลย

    เวลาในการทำความรู้จักผ่านไปนานพอดู ฮันบินคาดคะเนเวลาที่เหมาะสมแล้วจึงเอ่ยชวนอีกคน

    “อยากไปต่อมั้ยครับ” ถึงจะรู้คำตอบอยู่แล้วแต่ก็อยากลองหยั่งเชิงดู เผื่อว่าถ้าเจ้าหล่อนยอมเลยก็จะได้รีบคว้าโอกาสไว้

    “คือ ช่วงนี้ที่บ้านฮยอนอาค่อนข้างยุ่ง ไม่อยากกลับดึกเกินไปน่ะค่ะ นี่ก็ใกล้จะเที่ยงคืนแล้วด้วย สงสัยคงต้องขอตัวกลับก่อน ขอโทษจริงๆนะคะ” น้ำเสียงเศร้าสร้อยที่ถูกปั้นแต่งนั้นทำให้อีกคนอดยิ้มมุมปากไม่ได้

    “ถึงเวลาที่ซินเดอเรลล่าจะต้องไปแล้ว….” เว้นวรรคแล้วเขยิบเข้ามาใกล้พร้อมกับพูดเสียงเซ็กซี่ในตอนท้าย “ยังไงก็อย่าลืมทิ้งรองเท้าแก้วไว้ด้วยนะครับ” ปากเรียวที่ถูกฉาบด้วยสีแดงกระตุกยิ้ม ก่อนจะพาร่างพลิ้วนั้นหายไปในฝูงชน

    ฮันบินนับหนึ่งถึงสิบในใจ ไม่นานนักบริกรหนุ่มหน้าหวานคนหนึ่งก็ถือกระดาษเล็กในมือยื่นมาให้เขา

    “คุณผู้หญิงท่านหนึ่งฝากไว้ให้คุณครับ”

    “แล้วเธอไปไหนเสียล่ะ” ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าเจ้าตัวคงแอบมองอยู่จากที่ใดสักแห่งเป็นแน่ แต่ก็อยากจะช่วยเล่นตามเกมของเจ้าหล่อนเสียหน่อย

    “เธอกลับไปพร้อมกับเพื่อนแล้วครับ” ฟังจบฮันบินโบกมือเป็นสัญญาณว่าหมดหน้าที่ของบริกรกน้าหวานแล้ว

    มือเรียวยาวเปิดกระดาษดู

    ‘010 8827 6713 ตามหาซินเดอเรลล่าให้เจอนะคะ

    เพราะรู้ว่าอีกคนเฝ้ามองดูอยู่ ฮันบินหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดมอย่างที่เจ้าหล่อนคงต้องการ คิดไว้ไม่ผิดเลยจริงๆ กลิ่นน้ำหอมที่เขาได้สูดดมจากตัวหล่อนเมื่อสักครู่ถูกพ่นอยู่ในกระดาษใบนี้ด้วย

     

     

    “โอ๊ย! ปวดหลัง!” ชายหนุ่มหน้าโหดร้องลั่นครัว ขณะที่มือทั้งสองถูกสวมถุงมือยางก็ยังคงทำหน้าที่ของมัน ในการล้างแก้ว

    “เบาๆหน่อยจุนเฮว! จะแหกปากทำไม เดี๋ยวก็โดนไล่ออกหรอก” ชายร่างบางเอ็ด

    “โหย เขาไม่ได้ยินหรอกพี่ ข้างในเปิดเพลงสี่สิบเดซิเบลขนาดนั้น”

    “แล้วนี่จะบ่นทำไม เป็นคนคะยั้นคะยอให้มาทำเองนะ”

    “ก็ผมเป็นห่วงดงฮยอกมันนี่ รึว่าพี่ไม่ห่วง”

    “ก็ถ้าไม่ห่วงจะมานั่งล้างแก้ว ล้างถาดอยู่ข้างนายมั้ยล่ะ” จุนเฮวเงียบเพราะไม่รู้จะเถียงอะไรกับคนเป็นพี่ จึงตัดสินใจแกล้งทำเป็นมองหาคนที่พูดถึง

    “แล้วนี่มันหายหัวไปไหน”

    “ดงฮยอกเป็นเด็กเสิร์ฟ ก็ต้องอยู่ข้างในสิ ไม่ได้มาเป็นเด็กล้างจานอย่างเราเสียหน่อย”

    “นั่นแหละพี่ที่น่าเป็นห่วง”

    “พี่ก็บอกนายแล้วว่าให้สมัครเป็นเด็กเสิร์ฟจะได้ช่วยดูดงฮยอก ก็ไม่ยอมเอง แล้วนี่จะมาโวยวายอะไร”

    “พี่ก็รู้นี่ ขืนให้พี่ไปเป็นเด็กเสิร์ฟผมคงต้องมีห่วงหนักกว่าเก่า”

    “นายก็พูดเกินไป”

    “จริงๆพี่ สถานที่แบบนี้นะถ้าพี่ไปเป็นเด็กเสิร์ฟไม่รู้ว่าจะถูกลวนลามรึเปล่า อย่างดงฮยกหน้าตามันน่ารักก็จริง แต่มันก็ยังมีรูปร่างแบบผู้ชาย แต่พี่นี่ดิ นอกจากจะหน้าหวานแล้วกล้ามก็ไม่มี ผอมแห้งตัวเล็ก จะไม่ยิ่งถูกปล้ำเลยหรอ”

    “ไอ้เด็กนี่ ฉันสอนให้นายมาพูดจาลามปามขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” คนตัวเล็กเอ็ดผู้เป็นน้อง

    “นี่ผมยังนึกสงสัยอยู่เลยนะว่าพ่อแม่เลี้ยงพี่ยังไง ทำไมโคโมโซมแตกต่างจากคนในบ้านกันหมด “

    “ไอ้น้องเวร! เดี๋ยวเถอะ! ล้างจานไปเลย” จินฮวานเอ็ดน้องชายอีกครั้ง

    อันที่จริงเขาก็นึกสงสัยอยู่บ้างว่าทำไมตัวเองกับน้องช่างแตกต่างกันเช่นนี้ ทั้งที่เขาเป็นพี่แต่ดันเกิดมาตัวเล็กแล้วก็ยังเตี้ยกว่าน้องชายที่ห่างกันสามปี

    จุนเฮวกับจินฮวานเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน พวกเขาสนิทกันมาก และหลายครั้งเขานึกน้อยใจในรูปร่างของตัวเอง แทนที่เขาจะทำหน้าที่พี่ชาย ที่ต้องคอยปกป้องน้อง กลายเป็นว่าเขาตัวเล็กจนน่าแกล้ง และเมื่อไหร่ที่ถูกรังแกน้องชายเขาก็มักจะออกหน้าปกป้องเสมอ น่าตลกชะมัด เป็นพี่แต่ต้องมาให้น้องดูแล

    แต่ก็อย่างว่า เรื่องแบบนี้มันเลือกกันไม่ได้ ถ้าเขาเลือกได้ก็คงขอเกิดมาเป็นชายร่างกายกำยำเหมือนกัน

    “พี่เราลองคุยกับดงฮยอกกันอีกรอบมั้ย”

    “ก็เคยคุยไปแล้วนี่ สองเดือนก่อน แล้วฉันก็บอกว่าให้นายใจเย็นๆก่อน นายก็ไม่ฟัง สุดท้ายก็ไปชกมัน เห็นป่ะเลยต้องมาแอบดูแลมันห่างๆ หลบซ่อนๆแบบนี้”

    “ก็มันกวนตีนผมอ่ะ ผมห้ามมันด้วยความหวังดี เห็นเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก แล้วมันมากวนผมก่อน ของมันก็ขึ้นดิ”

    “นายไม่ต้องไปโทษใครเลยนะ ฉันโตมากับนาย ช่วยแม่เลี้ยงนายมากับมือ ทำไมจะไม่รู้ว่านายเป็นคนใจร้อนแค่ไหน”

    “เอ่อๆ ผมผิดก็ได้ แล้วนี่พี่จะไม่ช่วยผมคุยกับมันหน่อยเหรอ”

    “ฉันก็คิดอยู่ว่าอยากจะคุยกับดงฮยอกนะ แต่ไม่รู้ว่าจะเสนออะไรให้เจ้านั่นเลิกมาทำงานที่คลับสักที ก็รู้ทั้งรู้ว่ามันอันตราย ตัวเองก็ไม่ใช่ว่าจะร้อนเงิน เหลือใช้ซะด้วยซ้ำ”

    “แหม ว่าเขาได้ที่ไหน ต้องไปโทษพ่อแม่อาจารย์เขานู้น! เลี้ยงลูกยังไงให้มีปัญหา ต้องมาประชดประชันด้วยการมาทำงานกลางคืน

    “จุนเฮว! ตบปากเลยนะ ใครสอนให้พูดจาลามปามผู้ใหญ่แบบนี้”

    “พี่ก็รู้เหมือนผมนั่นแหละ เราก็ยังได้ยินเสียงทะเลาะกันทุกคืนเลยด้วย”

    ….” คนตัวเล็กคิดตามคำพูดของผู้เป็นน้อง

    มันคือเรื่องจริงจนเขาไม่สามารถเถียงน้องชายได้ นึกแล้วก็ได้แต่ถอดหายใจหนักๆ ดงฮยอกเป็นเด็กที่อยู่บ้านตรงกันข้าม พวกเขาเล่น พร้อมเติบโตมาด้วยกัน และชื่นชอบเสียงดนตรีเหมือนกัน จนถึงขั้นไปสมัครเป็นนักดนตรีของโรงเรียนด้วยกัน จนปัจจุบันที่เข้ามหาลัยแล้วก็ตาม พวกเขาก็ยังคงเล่นดนตรีมาด้วยกัน จริงสิ! ดนตรี

    “พี่นึกออกแล้วว่าจะทำยังไงให้ดงฮยอกเลิกเป็นเด็กเสิร์ฟ” ว่าจบก็ฉีกยิ้มอย่างคนมีแผนการ

    จุนฮเวมองดูอีกคนด้วยความไม่ไว้ใจ ก่อนที่จะวางแก้วคอกเท็ลที่เพิ่งล้างเสร็จคว่ำลงในชั้นโดยไม่วางตาจากคนเป็นพี่

     

     

    “อ้าว! คุณเพื่อนยาก ทำไมคืนนี้ถึงยังตกเหยื่อไม่ได้อีกเล่าครับ” คำทักทายแสนกวนอวัยวะเบื้องล่างจากจีวอนที่เพิ่งผลัดเวรกับดีเจคนใหม่ตรงลิ่วเข้ามาหาเพื่อน

    “ตกได้นานแล้วเว้ย เพียงแต่ปลาตัวนี้ลีลาเยอะ ยังไม่อย่างรีบกิน ค่อยๆย่างให้สุกก่อน จะได้มีรสชาติกว่ากินสดๆ ไม่ใช่รึไงวะ”

    “โอ้โห! มาเป็นคำคมเลยเว้ย แสดงว่ารายนี้มีอะไรน่าสนใจเยอะเลยดิ”

    “ของมันแน่อยู่แล้ว” คิม จีวอนส่ายหน้าระอาให้เพื่อนรักก่อนจะหันไปเรียกเด็กเสิร์ฟมาสั่งรายการน้ำที่ต้องการ

    “เตกีล่าหนึ่งที่นะครับ” เด็กเสิร์ฟหน้าหวานพูดคล้ายจะทวนรายการ คิม จีวอนพยักหน้ารับ และเมื่อเด็กเสิร์ฟหน้าหวานจากไปเขาก็รีบหันมากระซิบกับเพื่อนรัก

    “แกเห็นเมื่อกี้มั้ย”

    “อะไรวะ”

    “ก็เด็กเสิร์ฟคนเมื่อกี้ไง” เมื่อเห็นท่าทีตื่นเต้นของเพื่อน ฮันบินมองตามไปยังเด็กเสิร์ฟที่เพิ่งแวะรับรายการจากจีวอน ก่อนจะพยักหน้า

    “ก็คนเดียวกันกับที่เอาเบอร์สาวของฉันมาให้ ทำไมหรอ”

    จีวอนมีท่าทางตื่นเต้น กำลังอ้าปากเตรียมเล่า

    “อ้าว! คุณบ๊อบบี้ เลิกงานแล้วเหรอวะครับ” ยุนฮยองเข้ามาทักเมื่อเห็นเพื่อนซี้ทั้งคู่

    “เห้ย! มานายังเนี่ย” จีวอนตอบคำถามด้วยคำถาม

    “นานแล้วแหละ เพียงแต่ว่าจังหวะเพลงมันส์ไปหน่อย”

    “ทำเป็นพูดดี นี่ได้ไปกี่คนแล้วล่ะ”

    “พูดจาหยาบคายมากเลย ก็แค่สองคน แล้วก็อีกคนยังไม่ทันได้ไปไหนต่อไหนก็ดันขอตัวกลับก่อน แต่ได้เบอร์เขานะเว้ย”

    “อ้าว ไอ้นี่มาเหมือนกันอีกล่ะ ยังไงเนี่ยคนเดียวกันป่ะวะ” จีวอนมองหน้าเพื่อนทั้งคู่สลับกัน

    “เขามาด้วยกันหรอก” ฮันบินเป็นฝ่ายตอบให้

    จีวอนพยักหน้ารับรู้ก่อนจะรีบหันไปถามเพื่อนหน้าหล่อมาดคุณชายอีกคน

    “แล้วไปกินกันที่ไหนวะ สองคนที่ว่านั่น”

    “ก็ห้องน้ำชายคนหนึ่ง อีกคนที่โรงจอดรถ”

    “โห! มึงนี่แม่ง

    “พูดจาไม่สุภาพเลยนะครับคุณบ๊อบบี้” ยุนฮยองขัดขึ้น

    “ขอโทษครับ ขออนุญาตเสิร์ฟเตกีล่าหนึ่งที่นะครับ” เด็กเสิร์ฟหน้าหวานกลับมาอีกครั้งพร้อมกับแก้วเหล้าในถาด พร้อมวางไว้ตรงหน้าของคนสั่ง จีวอนพยักหน้ารับแล้ววางแบงค์พันวอนให้เป็นทิป

    “เอ่อน้อง พี่ขอวิสกี้ด้วยที่หนึ่ง” ยุนฮยองที่เห็นว่าเด็กเสิร์ฟมาได้จังหวะเขาพอดีจึงรีบสั่ง

    “ครับ วิสกี้หนึ่ง ไม่ทราบว่าจะรับเป็น สก๊อตวิสกี้ ไอริชวิสกี้ เบอร์เบินวิสกี้ หรือคาดาเดี้ยนวิสกี้ครับ”

    “ไอริชวิสกี้ล่ะกันครับ” ตอบกลับพร้อมยิ้มอย่างเป็นมิตร เด็กเสิร์ฟหน้าหวานพยักหน้ารับก่อนจะหายเข้าไปในฝูงชนอีกครั้ง

    “เอ่อ แล้วเมื่อกี้จะพูดอะไร” ฮันบินถามพร้อมพยักหน้าไปทางที่เด็กเสิร์ฟหน้าหวานหายไป

    “คนเมื่อกี้เขาชื่อว่า คิม ดงฮยอก เป็นรุ่นน้องที่คณะฉันเว้ย เพิ่งเป็นเฟรชชี่แท้ๆ ทำไมถึงมาทำงานกลางคืนก็ไม่เข้าใจ”

    “อ้าว น้องเมื่อกี้นี่อยู่มหาลัยเดียวกับพวกเราหรอ” ยุนฮยองถามบ้าง

    “อื้อ ยิ่งไปกว่านั้นอยู่คณะเดียวกับฉันด้วยนะเว้ย”

    “แล้วแกไปยุ่งอะไรเขา” ฮันบินเป็นฝ่ายถามบ้าง  เพราะเขาไม่เห็นว่าที่เพื่อนพูดมามันจะมีสาระอะไรเลย

    “เอ้า ก็ต้องสนใจไว้ก่อนดิวะ เราเป็นรุ่นพี่ปีสอง น้องเขาอยู่ปีหนึ่งงี้มันก็ต้องมีสนิทกันบ้าง”

    “แล้วไมเขาไม่เห็นจะมีทีท่าว่ารู้จักกับแกเลยวะ ไอ้คุณบ๊อบบี้” ยุนฮยองถามบ้าง

    “ฉันก็ไม่รู้วะ แต่ตอนที่อยู่ในคณะน้องเขาก็ไม่ค่อยสุงสิงกับใครเท่าไหร่นะ เห็นอยู่กับแต่พวกชมรมดนตรีด้วยกัน”

    “ทุกคน เป้าหมายเดินตรงมาแล้ว อย่าหันไปมองนะเว้ย เดี๋ยวเขารู้ว่านินทาเขาอยู่” ยุนฮยองที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามและมองเห็นเด็กเสิร์ฟหน้าหวานเดินตรงเข้ามาจึงรีบเตือน

    “อ๋อ แล้วเป็นยังไงบ้างวะลีลาเจ้าหล่อนได้ใจแกมั้ย” จีวอนรีบแถทันที ขณะเดียวกันที่ดงฮยอกเดินมาถึงโต๊ะ

    “อะไรของแก” คนถูกถามอย่างฮันบินเป็นงง จีวอนกระพริบตาเป็นการส่งซิกส์

    “ขอโทษครับ ขออนุญาตเสิร์ฟไอริสวิสกี้ครับ” ว่าจบมือเรียวก็จัดแจงวางแก้วเหล้าตรงหน้ายุนฮยองที่ยิ้มรับให้

    ดงฮยอกก้มหัวเบาๆขอบคุณสำหรับทิปที่ยุนฮยองใส่มาในถาดก่อนจะหมุนตัวเดินกลับ

    “น้องชื่อดงฮยอกหรอ อยู่มหาลัยเดียวกับพวกพี่ใช่มั้ย” ฮันบินพูดเสียงดังก่อนที่อีกคนจะเดินหายไป ทั้งยุนฮยองและจีวอนหันมามองเพื่อนผู้ปากไวด้วยสายตาประหลาด

    “เป็นอะไรไปวะพวกแก ก็มันเรื่องจริง ใช่มั้ยครับน้องดงฮยอก” ฮันบินถามพร้อมทั้งรอยยิ้ม ไม่ใช่กับแค่ผู้หญิงที่เขาชอบแหย่ แต่ผู้ชายหน้าหวานก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่แกล้งแล้วสนุกดี

    ดงฮยอกหันมามองหน้าคนถามด้วยสายตานิ่ง ยอมรับเลยว่ารู้สึกโมโหที่โดนดูถูก ตอนนี้คงกำลังคิดล่ะสิว่าเขาไม่มีเงินจนต้องออกมาทำงานแบบนี้เพื่อหาเงินไปเรียน เหอะ! อยากคิดอะไรก็ตามใจเถอะ

    “แล้วพี่เรียนที่ไหนล่ะครับ ถ้าไม่บอกชื่อมหาลัยมาผมจะรู้หรอ” ฮันบินกระตุกยิ้ม นานๆทีจะถูกผู้ชายกวนกลับบ้าง ปกติแล้วเมื่อถูกผู้หญิงกวนแบบนี้เขามักจะรู้สึกอยากเอาชนะ แต่กับผู้ชายด้วยกันมันเป็นเรื่องของศักดิศรี

    “โทษทีน้อง พอดีลืมบอก พี่อยู่มหาลัยยอนเซ มหาลัยเอกชนค่าเทอมแสนแพง เป็นที่สองของประเทศน่ะ รู้จักใช่มั้ย” ฮันบินหยั่งเชิง

    “อ๋อ ครับ ผมก็อยู่ที่นั่นน่ะแหละ” ตอบกลับหน้าตาย กวนมาก็กวนกลับ

    บอกได้เลยว่าตอนนี้ฮันบินกำลังอารมณ์พุ่ง

    “เอ่อ ขอบคุณมากครับน้อง พวกพี่ไม่มีอะไรแล้ว เชิญน้องไปทำงานเถอะครับ พี่ไม่กวนแล้วนะ” ยุนฮยองเจรจาไกล่เกลี่ย

    “เชิญครับๆ” จีวอนเสริมทัพ

    “แต่พี่ยังมีเรื่องอยากกวนน้องอีกเยอะเลย อย่าเพิ่งไปได้มั้ยครับ”

    “ยินดีครับ” ดงฮยอกตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ยิ่งทำให้ฮันบินอารมณ์เสีย นึกอยากลุกไปต่อยหน้านิ่งๆนั่นเสียเดี๋ยวนี้เลย

    “เป็นบ้าไรวะเพื่อน เอ่อน้องครับพี่ต้องขอโทษแทนเพื่อนพี่ด้วยนะ มันเมาน่ะ” จีวอนว่าให้เพื่อนก่อนที่จะหันไปขอโทษขอโพยรุ่นน้อง

    “อะไรวะ ไม่ได้เมาเว้ย” ฮันบินเถียง ก็เขาไม่ได้เมาจริงๆ

    “ตอนนี้แกเมาไปก่อนนะนะ” จีวอนกระซิบบอก

    “ไม่เป็นไรครับพี่ ผมไม่ถือ โบราณท่านว่าไว้อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา เพราะยังไงเขาก็ไม่มีสติ” ตอบหน้านิ่งตั้งใจกวนคนที่กำลังอารมณ์ไม่ดี “แล้วก็….พี่บ๊อบบี้ ผมจำได้ครับ ยินดีที่ได้เจอกันนะครับ”

    ว่าจบดงฮยอกก็หมุนตัวเดินกลับไปยังฝูงชนพร้อมเก็บแก้วเปล่าจากโต๊ะที่ร้างผู้คนไปยังหลังร้าน อันที่จริงนี่ไม่ใช่หน้าที่เขา เขามีหน้าที่แค่เสิร์ฟ เก็บแก้วไปวางในตะกร้าร้าน แล้วจะมีบริกรมาเก็บไปไว้หลังร้านเอง แต่เพราะไม่อยากถูกเป็นเป้าสายตาของรุ่นพี่ปากเสีย

    “ไอ้เด็กนี่วอนโดนตีน” ว่าจบฮันบินก็ลุกออกจากที่นั่งเดินตามไป

    จีวอนและยุนฮยองรีบวิ่งตามติดๆ

    เคร้งงง!!!

    เสียงแก้วจำนวนหลายสิบใบหล่นแตกระหว่างทางเข้าหลังร้าน ดงฮยอกผู้ถือตะกร้านั้นบัดนี้ล้มลงไปนอนกับพื้น เขาถูกถีบจากด้านหลังทำให้ไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ดีที่ยังเบี่ยงหลบไม่ล้มไปทับเศษแก้ว ไม่อย่างนั้นคงโดนบาดมากกว่าที่เป็นอยู่นี้

    “กวนตีนนักหรอ” ฮันบินถามอย่างเอาเรื่อง

    “เห้ย! ไอ้บ้าเอ้ย ใจเย็นดิวะ” จีวอนผู้วิ่งตามหลังมาเห็นเหตุการณ์อยู่แต่ไกลแล้วรีบเร่งฝีเท้าเข้ามายื้อตัวเพื่อนที่ทำท่าว่าจะเข้าไปแลกหมัดกับคนที่นอนกองอยู่บนพื้น แถมยังมีรอยบาดจากเศษแก้วอยู่ตามเนื้อตัวหลายแห่งอีก

    “น้องเป็นอะไรมั้ย” ยุนฮยองเข้าไปช่วยพยุงดงฮยอกให้ลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะตกใจกับรอยแผลที่มือซ้ายของผู้ชายหน้าหวานด้วยเพราะมันบาดลึกและเป็นทางยาว ตอนล้มลงคงจะเอามือเท้ากับพื้นถึงได้เป็นแผลมากขนาดนี้

    ในขณะที่ฮันบินเองก็ดูจะตกใจมากกับสภาพของดงฮยอก ตอนแรกเขาไม่ทันเห็นรอยบาดสักรอย แต่พอผู้เป็นเพื่อนเข้าไปช่วยพาตัวหนุ่มหน้าหวานออกมาจากกองเศษแก้ว เขาถึงได้รู้ว่าตัวเองทำเรื่องร้ายแรง

    ทีแรกเขาคิดไว้แค่ว่าจะแลกหมัดกับเด็กนั่น แต่ไม่คิดว่าเรื่องมันจะกลายเป็นแบบนี้

    “ดงฮยอก!” เสียงเรียกอย่างตกใจดังมาจากด้านหลังร้าน ทุกสายตามองตามเสียงนั้นและพบเด็กหนุ่มตัวเล็กหน้าตาน่ารักยืนคู่กับหนุ่มหล่อหน้าโหด และสีหน้าของทั้งคู่กำลังอึ้งกับภาพที่เห็น

    “พี่จินฮวาน จุนฮเว มาได้ยังไง!” คนเจ็บเองก็ดูจะอึ้งไม่แพ้กัน

    จินฮวานวิ่งนำจุนฮเวเข้ามาดูเหตุการณ์ตรงหน้า ร่างเล็กเลี่ยงเศษแก้วที่กองอยู่กับพื้นไปหาตัวเด็กเสิร์ฟหน้าหวาน

    “ทำไมเป็นแบบนี้ เกิดอะไรขึ้น” จินฮวานถามดงฮยอกทันทีที่มาถึงตัว

    “ไม่เห็นต้องถามเลย เดาจากเหตุการณ์ก็รู้แล้วว่าผู้ชายพวกเนี่ยเข้ามาลวนลามดงฮยอก หมอนี่ก็ป้องกันตัวจนได้รับบาดเจ็บไง!” จุนฮเวเดาสถานการณ์โดยไม่มีเหตุผล แต่ถึงกระนั้นคนที่ถูกกรอกหูเรื่องนี้ทุกวันอย่างจินฮวานก็เริ่มเอนเอียงไปบ้าง

    จินฮวานรีบเข้าไปช่วยพยุงดงฮยอกแทนยุนฮยองทันที ก่อนที่จะหยิบกระดาษทิชชู่มาห้ามเลือดที่มือให้อีกคน แถมสายตาไม่ไว้ใจส่งไปให้คนหน้าหล่ออีกแรง

    “ผมเปล่านะ” ยุนฮยองเมื่อเห็นแบบนั้นก็รีบชูสองมือขึ้นเพื่อบอกว่าเขาไม่ได้ทำอะไรเด็กเสิร์ฟหน้าหวานเลยสักนิด

    “นี่เอาสมองส่วนไหนคิด ฉันกับไอ้เด็กนี่ก็แค่มีเรื่องกัน!! โง่แล้วยังอวดฉลาด” คนถูกกล่าวหาไม่พอใจในข้อกล่าวหาเป็นอย่างมาก

    “แกว่าใครโง่!” จุนฮเวที่เป็นคนของขึ้นง่ายเป็นทุนเดิม พอถูกด่าก็ยิ่งไปกันใหญ่

    “ก็ว่าแกนั่นแหละไอ้โง่!” มวยคู่ใหม่กำลังเริ่มขึ้นท่ามกลางผู้ชมอีกหลายคนที่อยากรู้เรื่องราวความเป็นไปก็เริ่มมากขึ้นตาม

    จินฮวานปล่อยดงฮยอกให้พิงกับชั้นวางของแล้วรีบเข้าไปแทรกกลางคนทั้งคู่ที่กำลังฟัดกันดุเดือด เขาผลักอกน้องชายทั้งที่ไม่มีแรงเท่า จุนฮเวพยายามดันพี่ชายให้หลีกพ้นทางอย่างไม่รุนแรงนัก

    “พี่หลีกไป!

    “ใจเย็นๆก่อนจุนฮเว ดงฮยอกเจ็บอยู่นะ ไม่ใช่เวลาจะมามีเรื่องกัน”

    “ก็มันด่าผมพี่ก็ได้ยินนี่ พี่จินฮวาน” เมื่อน้องทำท่าจะวิ่งเข้าหาหมัดอีกครั้ง จินฮวานก็ออกแรงผลักอีกครั้ง

    ภาพการยื้อแย้งกันของพี่น้องตรงหน้ามันช่างคุ้นตาฮันบินเหลือเกิน ราวกับเหตุการณ์แดจาวู ในทีแรกที่จินฮวานวิ่งเข้ามาเขากะจะดึงร่างนั้นแล้วเหวี่ยงออกไปจากวงด้วยซ้ำ

    แต่มันก็ทำให้เขาอดนึกชื่นชมในความเป็นพี่ชายไม่ได้ ทั้งที่ไม่ได้มีแรงสู้อะไรแต่ก็ยังยอมที่จะเข้ามาเสี่ยง คงจะรักน้องชายมาก

    “พี่บอกให้หยุด!!! คู จุนฮเว!!” การเรียกชื่อแบบที่คนถูกเรียกรู้ดีว่าพี่ชายกำลังโกรธมาก และเพราะการเรียกที่ห่างเหินจึงทำให้คนเป็นน้องหยุดการอาละวาดลง

    “ไปช่วยดงฮยอกไป” จินฮวานเอ่ยเสียงเรียบ จุนฮเวทำตามโดยเข้าไปพยุงร่างของคนหน้าหวานนั้นไว้

    ร่างเล็กหันไปสู้สายตากับคู่กรณีของน้องๆ

    “อะไร” ฮันบินถามเสียงแข็ง

    “ผมจะไม่คุยเรื่องเมื่อสักครู่กับคุณ เพราะผมถือว่าน้องชายของผมล่วงเกินคุณก่อน แต่ก็เป็นเพราะความเข้าใจผิด ยังไงผมก็ต้องขอโทษในเรื่องนี้ด้วย แต่ที่ผมอยากรู้คือทำไมคุณถึงต้องทำร้ายดงฮยอก” จินฮวานถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไม่ใส่อารมณ์ใดๆ

    “ก็มันกวนตีน” ตอบหน้าตาเฉย

    “แค่นี้?” จินฮวานขมวดคิ้ว ไม่สมเหตุสมผลเลย

    “อื้อ แค่นั้นแหละ” ฮันบินยังคงใช้น้ำเสียงกวนบาทาอยู่

    “มีเรื่องอะไรกัน” ผู้จัดการร้านเข้ามาดูเหตุการณ์ “ทำไมแก้วแตกเละเทะแบบนี้ล่ะ”  หันไปคาดโทษใส่พนักงานทั้งสามทันที “ขอโทษพวกคุณด้วยนะครับที่คนของเราทำให้เกิดความยุ่งยาก เดี๋ยวเราจะรีบเก็บกวาดทันทีครับ….ขอโทษลูกค้าเสีย แล้วก็เก็บกวาดให้ไวเลยนะ” ประโยคหลังหันไปบอกสามหนุ่ม

    “ขอโทษนะครับคุณผู้จัดการ นี่ดูไม่ออกหรอครับว่ามันไม่ได้แตกเอง ลูกค้าท่านนี้ทำร้ายดงฮยอก แก้วมันถึงได้แตกไง” จินฮวานเถียงกลับ

    “แล้วยังไงล่ะ มันก็ความซุ่มซ่ามของพวกนายอยู่ดี แล้วใครให้สะเออะไปมีเรื่องกับลูกค้า ห๊ะ!

    จินฮวานหน้านิ่งกับคำด่า ทำไมเหรอ เพราพวกเขาเป็นลูกจ้าง ส่วนคนพวกนั้นคือลูกค้า แค่นั้นใช่มั้ยถึงได้ไม่ยอมรับฟังแม้กระทั้งใครผิดใครถูก ไม่ถามเหตุผลใดๆ

    คงเป็นเพราะไม่ว่าจะอธิบายอะไรไปพวกเขาก็ต้องเป็นคนผิดอย่างนั้นสินะ

    “อ้าว พูดงี้ได้ไงวะ ก็มันทำร้ายดงฮยอก มันจะเป็นความผิดพวกเราได้ไง!!” จุนฮเวตวาดลั่น ตั้งท่าจะเข้าไปมีเรื่องกับคู่ชกใหม่

    “ฉันจะพูดแบบนี้แล้วแกจะทำไม ฉันเป็นผู้จัดการ แกเป็นเด็กล้างแก้ว ฉันจะว่ายังไงแกก็ต้องฟัง!

    “นี่คุณจะไม่ถามรายละเอียดเลยเหรอครับ ว่าใครเริ่มก่อน” ยุนฮยองถามผู้จัดการร้านด้วยความไม่เข้าใจ

    “ถามทำไม ทำไมต้องถาม ยังไงพวกนี้ก็ผิดอยู่ดีนั่นแหละครับ แล้วแก พูดจาหยาบคายกับฉัน ฉันไล่แกออก! ส่วนแกสองคนถ้าอยากทำงานต่อก็จัดการตามที่ฉันบอกเดี๋ยวนี้!” ผู้จัดการวัยกลางคนชี้หน้าด่าจุนฮเวแล้วหันมาสั่งดงฮยอกกับจินฮวานต่อ

    “ไม่เห็นรึไงว่าคนกำลังเจ็บ ไม่ต้องรอให้คุณไล่พวกเราหรอก กับเจ้านายแบบคุณเราก็ไม่อยากร่วมงานด้วย” พูดจบจินฮวานจัดการถอดผ้ากันเปื้อนออกจากตัว เข้าไปช่วยพยุงดงฮยอก ก่อนจะเดินออกมาจากสถานที่เกิดเหตุ

    เมื่อเดินสวนกับคู่กรณีก็ไม่วายส่งสายตาอาฆาตเล็กๆไปให้ ฮันบินจ้องตอบเรียบนิ่งไม่แสดงความรู้สึกใดจนทั้งสามหายออกไปแล้ว ผู้จัดการจึงเข้ามาขอโทษขอโพยกับพวกเขาอีกครั้ง

    ถึงสมองจะบอกว่ามันไม่เป็นธรรมกับพวกเขา แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเขารู้สึกดีที่ได้เอาชนะ

    เพราะไม่ว่ายังไงคนพวกนั้นก็ไม่มีผลต่อเขาอยู่ดี

    คงไม่ได้เจอกันอีกแล้วล่ะ….

    อย่างไรเสียก็ยินดีที่ได้เห็นนายอีกครั้งนะจินฮวาน





    มาต่อให้แล้วนะคะ
    พล็อตเรื่องอาจจะดูไม่มีอะไร
    ไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่
    แต่ยังไงก็ขอฝากฟิคบิจินไว้ในอ้อมอกด้วยนะรีดที่รัก >3<


    ปล.อัพบ้างดองบ้าง อย่าว่ากันนะตัว =3=
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×