ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BJin] I’M JUST ANOTHER BOY。

    ลำดับตอนที่ #3 : I'M JUST ANOTHER BOY ; CHAPTER 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 201
      0
      13 ก.พ. 57





    CHAPTER 2

     


     

     

    “เห้ย! คุณน่ะ ทำไมถึงทำกันแบบนี้นะ อยู่กับผมไม่ได้เหรอ ผมต้องเหงาอีกแล้วเหรอ”






     

    “ไปโรงบาลมั้ย” จินฮวานถามคนถูกพยุงที่ตอนนี้มีสภาพไม่ต่างจากเด็กน้อยเล่นสีน้ำจนเลอะเสื้อผ้าไปหมด

    “ไม่ดีกว่าครับ” คนหน้าหวานส่ายหน้า

    “แล้วจะเอาไงกับแผลพวกนี้ล่ะ” จุนฮเวถามอย่างไม่เห็นด้วย

    “ก็ให้พี่จินฮวานทำให้ก็ได้นี่” ดงฮยอกเถียงกลับ

    “ถึงยังไงก็ควรให้หมอเช็คดูหน่อย” จุนฮเวไม่ยอมแพ้

    “ก็บอกว่าไม่ไปไง” คนเจ็บเริ่มรำคาญ

    “ก็บอกว่าให้ไปไง”

    “นายนี่ยังไงนะ ฉันไม่ไป!

    “ก็ฉันจะให้ไป!

    “พอเลยทั้งสองคน ดงฮยอก เดี๋ยวไปแวะทำแผลที่บ้านพี่ก่อนก็ได้” จินฮวานสงบศึก

    “แต่พี่ ผมว่าให้ไปเช็คอาการแบบละเอียดที่โรงพยาบาลก็ดีนะ” จุนฮเวยังคงยึดมั่นในความคิดของตัว

    “เขาไม่อยากไปนายจะไปบังคับทำไม” จินฮวานระอาในความดื้อดึงของน้องตัวเอง

    ทั้งสามเดินออกมาจากสถานบันเทิง ที่เกิดเรื่องได้สักพักแล้ว แต่ในเวลาแบบนี้ไม่มีรถโดยสารให้เรียกใช้บริการ ทำให้จินฮวาน และจุนฮเวทำได้เพียงพยุงคนเจ็บ แล้วเดินไปด้วยกัน

    “ก็ผมหวังดี”

    “พี่รู้ แต่ตามใจดงฮยอกเถอะ เขาเจอเรื่องแย่มามากพอแล้วนะ” จินฮวานให้เหตุผล

    “ก็ได้” ยอมรับทั้งที่ไม่ค่อยเต็มใจนัก

    “ขอบคุณนะครับพี่จินฮวาน” คนเจ็บมอบรอยยิ้มขอบคุณให้กับพี่ที่ตัวเล็กกว่า

    จินฮวานยิ้มรับ เป็นรอยยิ้มที่ชวนให้ใครต่างพากันหลงใหล และเขาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น อยากจ้องมองไปนานแสนนาน ดงฮยอกลอบยิ้มกับตัวเอง

    ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่ได้แต่ลอบมองดวงหน้าหวานนั้น ไม่เคยกล้าบอกความรู้สึกที่แท้จริงออกไปเสียที

    จะว่าไปต้องขอบคุณไอ้รุ่นพี่แสนเลวคนนั้นที่ทำให้เขาได้ใกล้ชิดจินฮวานแบบนี้ ความจริงแล้วเขาก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากจนเดินไม่ไหว แต่ขอแกล้งสำออยหน่อยเถอะ

    เขาใช้มุกนี้กับจินฮวานหลายต่อหลายครั้ง

    สมัยอยู่มัธยมต้นที่เล่นปีนป่ายกับจุนฮเวก็แกล้งตกต้นไม้เพื่อให้คนตัวเล็กมาตรวจดูข้อเท้า แกล้งร้องโอดครวญเรียกคะแนนความสงสาร

    ตอนขึ้นมัธยมปลายก็ตั้งใจวิ่งเข้าไปเอาหัวโหม่งบอลที่เล่นกันกับจุนฮเวจนล้มลง ยอมรับเลยว่ามึนไปนิด แต่ไม่ทำให้ความจำเสื่อม

    ล่าสุดเมื่อเริ่มเข้ามหาลัยใหม่ๆ ที่ได้ชวนจุนฮเวไปกินต๊อกฯแถวมหาลัยกัน ก็จงใจเดินข้ามถนนให้ถูกรถเฉี่ยว

    บางครั้งก็นึกเห็นใจเพื่อนรักอย่างจุนฮเวที่ถูกพี่ชายด่าว่าเป็นสาเหตุทำให้เขาเจ็บตัว

    แต่ถึงอย่างไรเสีย ความรู้สึกผิดต่อเพื่อนก็ไม่อาจเอาชนะความสุขล้นในใจของเขาได้

    ขอโทษนะเว้ยจุนฮเว

    “แล้วนี่พ่อแม่จะว่าไรมั้ยเนี่ย” จุนฮเวถามขึ้นกลางความเงียบที่มีเพียงเสียงฝีเท้าของคนทั้งสาม

    ดงฮยอกหุบยิ้มแทบจะทันทีที่ได้ยินคำถามนั้น

    “จุนฮเว” จินฮวานเรียกชื่อน้องเป็นการเตือน จุนฮเวเองก็เพิ่งรู้ว่าหลุดปากพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดจึงรีบแถทันที

    “อะไรเล่าพี่ ก็พ่อแม่พวกเราเนี่ยรักดงฮยอกยิ่งกว่าอะไร จะว่าไงบ้างก็ไม่รู้ที่เห็นมันเป็นงี้ ถึงบอกไงว่าให้แวะโรงบาลก่อน” ดงฮยอกที่โตมากับจุนฮเวย่อมรู้ดีว่าเพื่อนรักจงใจเปลี่ยนเรื่อง

    “เอ่อ พ่อคงไม่ว่าอะไรหรอก น่าจะหลับไปแล้วแหละเวลานี้ แต่แม่นี่สิชอบตื่นมาดื่มนมกลางดึก สงสัยพวกเราโดนตีตายเลย ดงฮยอกยิ่งเป็นลูกรักของแม่ซะด้วย” จินฮวานพูดติดตลกเพื่อสร้างบรรยากาศ

    “นั่นดิ! รักมากกว่าลูกตัวเองอีก บางทีแม่อาจจะรู้ความจริงก็ได้ว่าที่จริงแล้วดงฮยอกคือลูกแท้ๆที่ถูกสลับตัวในโรงพยาบาล”

    ต้องยอมรับว่าน้องชายของเขาสร้างสถานการณ์ได้ดี เมื่อทุกคนมีปฏิกิริยาตอบรับด้วยเสียงหัวเราะที่ดังลั่น

    “พูดมากๆเข้าเดี๋ยวก็เป็นจริงขึ้นมาหรอก” ดงฮยอกหยอก

    “เป็นจริงก็ดีน่ะสิ พี่เบื่อน้องชายหน้าโหดแบบนี้แล้วเหมือนกัน” จินฮวานรุมแกล้งอีกคน

    “นี่ไม่ต้องมารุมกันเลยนะ” จุนฮเวขู่ไม่จริงจังนัก

    แต่นั่นก็ช่วยบรรเทาความเครียดในใจของดงฮยอกลงไปได้บ้าง

     

     

    เสียงเพลงจังหวะฮิพฮอพถูกเร่งจนเกือบสุด ฮันบินที่นั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับเคาะจังหวะนิ้วให้เข้ากับเพลงที่เปิด

    นึกอารมณ์เสียอยู่บ้างกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเจอมา ถึงแม้จะรู้ว่าเขาเป็นผู้ชนะแล้วแต่สายตานั่นสายตาเกลียดชังจากคนตัวบางทำให้ขารู้สึกเหมือนไม่ใช่ผู้ชนะในเกมนี้เลยสักนิด

    เขาเกลียดชังในความพ่ายแพ้ ที่ผ่านมาเขาเคยแพ้เพียงสามครั้ง

    ครั้งแรกคือตอนอยู่มัธยม เขาเล่นเกมAION แพ้เพื่อนในกลุ่มไปสองแต้ม

    ครั้งที่สองเขาแข่งกินแตงโมแพ้ คิม จีวอน ไปเมื่อปีที่แล้ว

    และครั้งที่สามสองเดือนที่แล้ว เขาแพ้ให้กับเกมความรัก เป็นครั้งแรก

    ส่วนครั้งนี้เอง ถึงมันจะไม่ใช่ความพ่ายแพ้ แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงชัยชนะ

    เขาไม่ติดใจในเรื่องของเด็ก คิม ดงฮยอก นั่นแล้ว และก็ไม่ได้รู้สึกอยากตัดสินผลตัวตัวกับไอ้เด็กจุนฮเวรนั่น

    แต่ที่เขาอยากเอาชนะ ก็คือสายตาของคนตัวเล็กต่างหาก รู้สึกขัดใจกับสายตานั่นชะมัด ถึงจะรู้ว่ายังไงก็คงไม่มีทางได้พบเจอกันอีกแล้วก็ตามเถอะ

    แต่ก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าอยากจะเอาชนะเหลือเกิน

    “จินฮวาน” และก็เป็นอีกครั้งที่ทำได้เพียงเรียกชื่อของอีกคน

     

    ร่างบางเปิดประตูรั้วอย่างเบามือ เกรงว่าคนในบ้านจะได้ยิน หลังจากไขกุญแจและเปิดมันออกได้ก็ส่งสัญญาณให้อีกสองคนรีบเข้ามาก่อนจะปิดมันคืน

    บ้านของพวกเขาไม่ได้ใหญ่มากนักแต่ก็ไม่ได้เล็กอย่างรังหนู

    อย่างไรเสียครอบครัวของเขาก็มีฐานะดีใช้ได้ทีเดียวด้วยธุรกิจร้านจัมปงของพ่อแม่ที่ทำให้พวกเขามีเงินใช้ในทุกวันนี้

    หลังจากจุนฮเวและดงฮยอกเข้ามาแล้วจินฮวานก็ตามมาตรวจสอบการเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตในบ้าน

    และเมื่อแน่ใจว่าพ่อแม่น่าจะขึ้นนอนแล้วจึงเดินเข้าไปเปิดไฟภายในบ้านอย่างเหนื่อยล้ากับเรื่องที่เจอในวันนี้

    ยังไม่ทันที่สองหนุ่มเพื่อนรักจะได้หย่อนกายลงนั่งบนโซฟา ชายหนุ่มทั้งสามก็ต้องร้องออกมาเสียงดังอย่างตกใจ

    “ผี!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

    “ไม่ใช่ผี! นี่แม่เอง” รีบทำมือจุ๊ปากเป็นสัญลักษณ์ให้ทุกคนอยู่ในความสงบ

    “โธ่! ออมม่า! ตกใจหมดเลย” จุนฮเวบ่นหลังจากถอนหายใจโล่งอก

    “แม่เหมือนผีตรงไหนเล่า” คนเป็นแม่เอ็ดเสียงเขียว

    “ก็ตรงหน้ากากมาร์คหน้าของแม่นั่นแหละ” จินฮวานตอบบ้าง

    “ยังไม่ชินอีกเหรอ” มารดาที่ถูกซ่อนใบหน้าอยู่ใต้หน้ากากมาร์คสีเหลืองอ๋อยถามน้อยใจ

    “ใครจะไปชินลงเล่า” จุนฮเวว่า

    “ต๊าย! ดงฮยอก! ไปทำอะไรมาลูก” คุณนายคิมรีบถลาเข้าไปหาบุคคลที่เพิ่งเห็น

    “มีเรื่องนิดหน่อยน่ะแม่” จุนฮเวตอบแทน เรียกความสนใจจากผู้เป็นมารดาทันที

    “เรื่องอะไร ไปมีกับใคร แล้วตัวเองเนี่ยเข้าไปเกี่ยวกับเขาด้วยใช่มั้ย”

    “แม่อ๊ะ! ใจคอจะไม่คิดว่าผมบริสุทธิ์บ้างเลยเหรอ”

    “ไม่ต้องมาทำเป็นโกรธ แม่รู้จักลูกแม่ดีนะ เราเนี่ยเป็นคนเริ่มใช่มั้ย ทำให้ดงฮยอกต้องมารับลูกหลง”

    “ผมเปล่านะ”

    “เปล่าหรอ แล้วนี่อะไร รอยแดงที่ปากนี่ถ้าไม่โดนชกคงเป็นคราบไอศกรีมหรือไง” คนเป็นแม่ว่าพลางเชยคางลูกชายขึ้นถึงแม้ความสูงของผู้เป็นมารดาจะน้อยกว่าก็ตาม

    “จุนฮเวมันก็มีเรื่องด้วย แต่มันคนละเวลากับที่ดงฮยอกเจ็บตัวหรอกแม่” จินฮวานตอบเสียงหน่าย

    “อ้าว! แล้วใครมันบังอาจมาทำลูกแม่! ใครทำร้ายดงฮยอกเนี่ย บอกมาเลยนะเดี๋ยวแม่ไปลุย”

    “โหแม่! ผมไม่ใช่ลูกแม่หรือไง ใช่สี๊!” จุนฮเวบึนปากงอแงจนคนเป็นแม่ต้องรีบเข้าไปง้องอน

    ดงฮยอกขำไปกับภาพครอบครัวที่แสนน่ารัก ไม่นึกแปลกใจเลยที่ตัวเองจะรักครอบครับนี้ได้มากมาย โดยเฉพาะลูกชายคนโตของบ้านนี้ ที่เขาทั้งรักทั้งหวง

    หลังจากเล่าถึงเหตุการณ์ทั้งหมดให้คุณนายคิมฟัง ความโกรธเคืองก็พุ่งปรี๊ดจากสาวสูงวัย

    “มันนึกว่าตัวเองเป็นใครกัน ห๊ะ! ใหญ่มาจากไหน โถๆ ลูกๆของแม่ นี่อย่าให้เจอนะ อย่าได้ก้าวเข้ามาในร้านจัมปงสูตรคุณทวดแม่เมื่อไหร่ แม่จะเอาน้ำร้อนกรอกปากมัน!

    “โอ้โห โหดแหะคนเนี่ย” จุนฮเวแกล้งแซวแล้วผิวปากให้มารดา

    คุณนายคิมเองก็ยักคิ้วภูมิใจกับตัวเอง

    “แม่ก็ ไปเล่นด้วยกับจุนฮเวมันนะ รีบๆทำแผลให้ดงฮยอกก่อนดีมั้ย” จินฮวานออกความเห็น นึกเหนื่อยใจกับแม่ลูกคู่นี้ เขาไม่แปลกใจเลยว่าจุนฮเวเอานิสัยห่ามๆ ขี้โวยวาย และใจร้อนแบบนี้มาจากใคร

    “จริงสิ! เดี๋ยวแม่ไปหยิบอุปกรณ์ก่อนนะ” ร่างอวบป้อมของคุณนายคิมหายวับไปทันทีที่พูดจบ

    อันที่จริงเขาก็รักมารดาของบ้านนี้มาก แต่ดงฮยอกอยากให้จินฮวานทำแผลให้นี่ อุตส่าห์ลงทุนหาทางเลี่ยงการไปโรงพยาบาลได้แล้วเชียว ทำไมเข้าใจอะไรกันยากแบบนี้นะ พี่จินฮวาน

     

    Rrrrrrrrrrrrrrrr!!!

    เสียงสายเรียกเข้าทำให้คนร่างโปร่งที่กำลังหลับสบายต้องควานมือหาเจ้าโทรศัพท์ตัวดี

    “อืม” กดรับสายด้วยความง่วงที่ยังไม่คลาย

    [“ยังไม่ตื่นอีกเหรอวะ”]

    “อืม

    [“เมื่อคืนนี่แกไปต่อใช่มั้ยเนี่ย”]

    “อืม

    [“เห้ย! นี่จะพูดแค่คำว่าอืมรึไง วันนี้ไอ้ยุนฮยองมันบอกจะเลี้ยงเนื้อย่างนะเว้ย”]

    “อืม

    [“คิม จีวอน!!! ตื่นได้แล้วเว้ย!!!] คิม ฮันบินตะโกนสุดเสียง

    “โอ๊ย! เอ่อๆ ตื่นแล้วเว้ย อะไรนักหนาวะ” คนเพิ่งตื่นเต็มตาอารมณ์เสีย

    [“ไอ้ยุนฮยองมันจะเลี้ยงเนื้อย่าง ถ้ามาช้าก็อด เรื่องของแกแล้วนะเว้ย”]

    “งั้นรอพี่แปบ” วางสายปุ๊บก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเอง

    นี่คิม จีวอนเกือบลืมนัดสำคัญไปได้อย่างไร เนื้อฟรีเชียวนะ!

     

    “ไงบ้าง” คนหล่อมาดคุณชายถามหลังจากเพื่อนตรงหน้ากดวางสาย

    “เดี๋ยวมันมา” คนหล่อมาดมาเฟียตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก

    “เดี๋ยวของมันนี่ไม่น่าไว้วางใจเลยวะ”

    “เอ่อนั่นแหละ ช่างหัวมัน มาไม่ทันก็ไม่ต้องแดก”

    “แล้วนี่นึกยังไงถึงเลือกมากิน ร้านนี้วะ” ยุนฮยองสงสัย เพราะตอนที่บอกกับเพื่อนรักว่าจะเลี้ยงแล้วให้เลือกว่าจะกินร้านไหน เพื่อนเพลย์บอยก็เสนอร้านนี้ทันที

    “ทำไมวะ นักศึกษามอเราบอกว่าอร่อยจะตาย”

    “ก็ปกติแกไม่ใช่คนที่จะชวนกินร้านใกล้มหาลัยแบบนี้”

    “ก็ไม่เห็นจะใกล้เลย”

    “ตรงข้ามกันแค่นั้นเอง”

    “เอ่อนั่นแหละ ก็อยากลองเปลี่ยนบรรยากาศบ้างไง”

    “เอาความจริง”

    “แค่อยากรู้อะไรบางอย่าง”

    “รู้อะไร”

    “ฉันยังติดใจเรื่องเมื่อวานไม่หาย”

    “เห้ย! ขอเถอะวะ อย่าไปเอาเรื่องเขาเลย แกก็เห็นว่าน้องเขาโดนไล่ออกแล้ว อย่าไปมีเรื่องอะไรกันอีกเลย”

    “ฉันไม่ได้ติดใจอะไรไอ้เด็กนั่นแล้ว” ปฏิเสธอย่างรำคาญ

    “แล้ว?”

    คนที่มาด้วยต่างหาก”

    “นี่แกจะไปต่อยกับมันอีกเหรอวะ”

    “ฉันไม่ได้หมายถึงไอ้เด็กหน้าโหดนั่น!

    “อ้าว แล้วสรุปนี่แกหมายถึงคนตัวเล็กๆนั่นหรอ”

    “เอ่อ!” นึกรำคาญที่เพื่อนเข้าใจอะไรยาก

    “ทำไม นึกอยากเปลี่ยนแนว?” ยุนฮยองแซวเล่น

    “ไอ้คุณยุนฮยองครับ”

    “ครับ”

    “อยากได้รอยตีนประทับตราที่มุมปากมั้ยครับ คุณเพื่อน เดี๋ยวกะให้แบบทำเลดีๆเลยนะครับ”

    “ไม่ดีกว่าครับคุณเพื่อน เดี๋ยวความหล่อเหลาของผมจะถูกปกปิดด้วยรอยตีนคุณเพื่อนหมด” ตอบพร้อมยิ้มกวน ฮันบินส่ายหน้าก่อนจะหันไปสั่งรายการกับเจ้าของร้าน

    “ผมเอาเนื้อส่วนอกชุดนึงครับ” สั่งมากินฆ่าเวลาระหว่างรอเพื่อนอีกคน

    ในขณะที่คนหล่อทั้งสองทานเนื้อย่างอยู่อย่างสุขสงบ

    “ออมมอนิมมมมมมมมมมมม” เสียงทักอย่างสดใสจากลูกค้าผู้มาใหม่ร้องเรียกเจ้าของร้าน

    “โอ้โมะ! มาแล้วเหรอ ทำไมวันนี้ช้านักล่ะ” ป้าเจ้าของร้านถามด้วยเสียงงอนนิดๆ

    “โอ๋ๆ อย่างอนไปเลยนะ ผมก็มาแล้วนี่ไง วันนี้จารย์สอนเลทอ้ะ” ลูกค้าผู้มาด้วยอีกคนอ้างไปเรื่อย

    “มาๆ ป้าจองที่นั่งให้แล้วนั่งตรงนี้” รีบชี้ไปที่โต๊ะตัวใหญ่และนั่งสบายที่สุดในร้านให้กับลูกค้ากลุ่มใหม่

    “รักออมมอนิมที่สู๊ดเลย” ชายอีกคนในกลุ่มพูดเอาใจ

    “จ้า แล้วจะรับเนื้ออะไรกันล่ะวันนี้”

    “ขอเนื้อสันที่หนึ่งครับ” คนหน้าโหดหนึ่งในกลุ่มรีบตะโกนบอก

    “เนื้อข้อเท้า” เพื่อนหน้าแก่อีกคนรีบสั่ง

    “เอาเนื้อติดกระดูก” คนจมูกโด่งสั่งต่อ

    “เอ่อเอาผักเยอะๆแล้วกันครับ” คนหน้าตาดีที่สุดในกลุ่มสั่งอย่างเซ็ง

    “ฮ่าๆๆๆ จินอูแม่งฮา” คนจมูกโด่งกว่าใครขำใหญ่

    “อย่าไปขำมันดิมิโน” เพื่อนหน้าแก่แกล้งห้าม

    “ทำไมวะซึงยูน” คนหน้าโหดชงให้

    “ก็เดี๋ยวมันหดหมด”

    “อะไรหด” มิโนถามตาโตใคร่รู้

    “หหัวหดไง” ซึงยูนเฉลย

    “เดี๋ยวเถอะพวกแก” จินอูขู่ด้วยความเซ็ง “เห็นสั่งกันหมดแล้วไม่เหลือให้ฉันสั่งแล้วหรอกถึงได้สั่งผักไง คนเราต้องกินอยู่อย่างประหยัดดิ”

    “อ๋อเหรอ!” จุนฮเวแกล้งบ้าง

    “โต๊ะนู้นเสียงดังไปป่ะวะ” ยุนฮยองเอ่อยลอยๆ

    “พวกเอ๋อ อย่าไปสนเลย” ฮินบินตอบไปตามความเห็นส่วนตัวอย่างไม่จริงจังนัก

    “อิจฉาวะ ของจินอูสั่งที่หลังแต่ได้ก่อนใครเลย” จุนฮเวแกล้งหยอกเพื่อนทันทีเมื่อตะกร้าผักถูกเสิร์ฟตรงหน้า

    เล่นเอาคนในกลุ่มหัวเราะกันไปยกใหญ่

    “มาแล้วๆ เนื้อติดกระดูกๆ” มิโนตื่นเต้นเมื่อเนื้อที่ตนสั่งมาวางตรงหน้า

    หลังจากจัดแจงย่างเนื้อแล้วสมาชิกในทีมทั้งสี่ก็เริ่มปฏิบัติการกำจัดเนื้อย่างให้เกลี้ยง

    “เอ่อ ไมดงฮยอกมันไม่มาด้วยวะ” ซึงยูนถามขึ้นในขณะที่ปากก็ยังเคี้ยวอยู่

    ชื่อที่คุ้นเคยเหมือนเพิ่งได้ยินมาไม่นานเรียกความสนใจจากสองหนุ่มหล่อที่นั่งกินอยู่อีกโต๊ะได้ไม่ยาก สายตาของทั้งคู่เหลือบมองไปยังโต๊ะที่เอะอะโวยวาย

    “ชวนแล้ว เห็นมันบอกว่าต้องหาข้อมูลทำรายงาน” มิโนตอบเสร็จแล้วยัดเนื้อสันที่ตามมาเสิร์ฟต่อจากเนื้อติดกระดูกเข้าปาก

    “รายงานหรอ มันไปหาข้อมูลถึงคณะบริหารเลยเหรอวะ มันอยู่รัฐศาสตร์ไม่ใช่เหรอ” จินอูถามบ้างขณะที่กำลังจัดเนื้อใส่ผักและเครื่องเคียงต่างๆ

    “อ้าว นี่ไปรู้อะไรกับเขาเมื่อไหร่วะจินอู” ซึงยูนถามอย่างสงสัย

    “ก็บริหารมันอยู่ข้างคณะฉันนี่ เมื่อกี้ตอนออกมาเห็นมันทำท่าว่าจะขึ้นตึกเขา” ว่าจบก็ยัดเนื้อห่อผักเข้าปากคำโต

    “คณะบริหารเหรอคณะเดียวกับพี่แกเลยนี่ พี่จินฮวานก็อยู่บริหารป่ะ” มิโนหันไปถามเพื่อนหน้าโหดที่กำลังอาบเนื้อด้วยน้ำจิ้ม

    ชื่อที่คุ้นเคยไม่เคยลืมทำให้หูของฮันบินเริ่มทำงานได้ดีขึ้น เขาลอบฟังบทสนทนาจากกลุ่มคนเสียงดัง

    “มั้ง ไม่ค่อยได้สนใจวะ” จุนฮเวตอบแบบไม่ใส่ใจนัก

    “นี่เป็นพี่น้องกันจริงเปล่าเนี่ย” มิโนถามพร้อมพลิกเนื้อ

    “ก็ไม่ใช่เรื่องของฉันนี่หว่า พี่จินฮวานกับฉันมันคนละคนกันนะเว้ย” จุนฮเวโวยวาย

    เพื่อนในกลุ่มหัวเราะไปกับท่าทางของเพื่อนหน้าโหด

    “มาแล้วเว้ย!!!” ผู้มาใหม่ร้องทักเพื่อนเสียงดัง “รอนานป่ะ ฉันมาทันไม่พลาดเนื้อส่วนไหนไปใช่มั้ย ได้โปรดตอบฉันมาแบบนั้นเถิด”

    เสียงของลูกค้าคนใหม่เรียกความสนใจจากกลุ่มเอะอะ และจุนฮเวจำได้ดีว่าคนเสียงดังที่มาใหม่นี้คือใคร

    “เสียใจวะบ๊อบบี้ แกมาไม่ทันเนื้ออก” ยุนฮยองตอบกวนตีน

    “ไรวะ บอกให้รอก่อนไง”

    “เห้ย! กินไม่ลงแล้ววะ ขอตัวก่อนนะเพื่อน” จุนฮเวจงใจพูดเสียงดังแล้วจัดแจงเก็บของลุกขึ้นเตรียมออกจากร้าน “ออกให้ก่อนล่ะกันนะมิโนเดี๋ยวใช้คืนให้”

    “วันนี้ไม่อร่อยเหรอ ป้าปรุงน้ำจิ้มไม่ดีหรือว่าคาวเนื้อคาวผัก” เจ้าของร้านผู้ใจดีรีบรุดเข้ามาถามไถ่ลูกค้าขาประจำ

    “อาหารไม่ผิดหรอกป้า แค่เหม็นขี้หน้าคน ไว้วันหลังมาใหม่นะ” ว่าพลางหันหน้าไปส่งสายตาให้กับฮันบินที่อยู่โต๊ะไม่ไกลนัก ทำไมเข้ามาตั้งนานไม่สังเกตเห็นเลยนะ นี่เขาทนร่วมร้านกับคนแบบนี้ได้ไง

    “เป็นไรวะจุนฮเว” จินอูยังคงงุนงงกับการกระทำของเพื่อน

    “หมดอารมณ์” ตอบอย่างไร้อารมณ์แต่ไม่วายหันไปสบตาอย่างหาเรื่องกับฮันบิน

    ก่อนที่คนหน้าโหดจะเดินออกไป สร้างความไม่พอใจให้กับคนหล่อนัก แต่เขาก็ไม่คิดจะตามไปเอาเรื่องอะไร เพราะสิ่งที่เรียกร้องความสนใจได้มากกว่านั้นก็คือ

    จินฮวานอยู่คณะบริหารฯหรือเปล่าต่างหาก

     

    หลังจากบอกลากันแล้วต่างแยกย้าย ไปเรียนในคณะของตนซึ่งคิม ฮันบินเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ คิม จีวอนเรียนคณะรัฐศาสตร์ และซง ยุนฮยองเรียนในคณะทันตแพทยศาสตร์

    ฮันบินก็มานั่งคิดถึงเรื่องที่ ได้ยินมา ไม่ใช่ว่าใส่ใจอะไรมากนัก ก็อย่างที่บอกว่ารู้สึกคาใจอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เขาแค่รู้สึกอยากเอาชนะผู้ชายตัวเล็กที่ชื่อจินฮวาน

    มหาลัยยอนเซก็ไม่ใช่เล็กๆ การจะตามหาคนแน่นอนว่าเป็นเรื่องยาก ถึงจะเดาคณะถูกแต่ก็ใช่ว่าจะมีโอกาสเจอ นักศึกษาที่นี่มีเกือบสี่หมื่นคน ซึ่งไม่ใช่ตัวเลขน้อยๆเลย

    แล้วประเด็นที่สำคัญก็คือ ไม่มีอะไรยืนยันว่าจินฮวานอยู่คณะบริหารฯจริงหรือเปล่า เพราะจากการตอบรับของน้องชายแท้ๆ มันช่างเดายากเหลือเกิน

    ก่อนจะนึกอะไรออกมาบ้าง

    B.I :นัมแท

    ร่างโปร่งรออยู่นานทีเดียวกว่าที่อีกฝ่ายจะตอบไลน์

    NamTae : ว่า?

    B.I : เรียนอยู่ป่ะ

    NamTae : อืม ไม

    B.I : รู้จักคนชื่อจินฮวานมั้ย

    NamTae : ขอนามสกุล

    B.I : รู้จักแต่ชื่อ

    NamTae : งั้นยาก

    B.I : คูมั้ง คู จินฮวาน

    NamTae : ไม่มีนะ

    ไม่มีงั้นเหรอ? แต่เขามั่นใจว่าได้ยินจินฮวานเรียกชื่อเต็มหมอนั่นว่า คู จุนฮเว นี่หว่า ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างออกอีกครั้ง

    B.I : งั้นขอบคุณมาก

    NamTae : อืม

    ไล่หารายชื่อเพื่อนอีกที

    B.I : พี่ พี่

    G-DRAGON : ไร

    G-DRAGON : เรียนอยู่ ไม่ว่าง

    B.I : มีเรื่องถาม แปบเดียว

    ไม่มีการตอบกลับจากรุ่นพี่ที่เคารพ นี่เขาร้อนใจมากเลยนะ อยากได้คำตอบจะแย่อยู่แล้ว

     

    กว่าจะถึงเวลาเลิกเรียนก็ปาเข้าไปเกือบห้าโมงเย็น เพราะวันนี้จินฮวานมีเรียนแค่ช่วงบ่ายก็เลยเริ่มเรียนสายและเลิกช้าอย่างที่เห็น

    ยิ่งอยู่ปีสามเรื่องเรียนก็ยิ่งหนักขึ้นกว่าเดิม

    ร่างบางบิดตัวคลายความเมื่อยก่อนจะจัดแจงเก็บอุปกรณ์เข้ากระเป๋าเป้แล้วสะพายข้างเดียวพร้อมเดินออกจากห้องเรียน

    ขาเรียวพาร่างบางเดินออกมาตามทางเท้า มือเล็กล้วงโทรศัพท์มากดหาเบอร์ที่คุ้นเคยแล้วเอาแนบหู

    [“โย่ว!]

    “ถามแม่ให้หน่อยว่าอยากกินอะไรหรือเปล่า จะแวะซื้อให้”

    [“งั้นแปบ….แม่….] เขาได้ยินเสียงของน้องชายตัวดีที่ดูท่าว่าจะหยิบมือถือไปด้วย เขาถึงได้ยินทุกคำพูดอย่างชัดเจน

    จินฮวานถือหูรอการตอบกลับในขณะที่ตาก็เสมองรอบข้างไปเรื่อย ตอนนี้เป็นช่วงที่มหาลัยกำลังสวยงามทีเดียว เพราะเข้าหน้าหนาวแล้ว เป็นช่วงที่ต้นไม้กำลังเปลี่ยนเป็นสีขาวงดงามทีเดียว

    ลมในยามเย็นปะทะเข้ากับหน้าของเขาบางเบาจนไม่รู้สึกหนาว กลับสบายและช่วยผ่อนคลายได้ดีทีเดียวสำหรับคนที่เพิ่งอ่อนล้าจากการเรียน

    [“ฮาโหลว เทสๆ 1 2 3 4..]

    “ไม่ต้องมาเกรียน แม่ว่าไง” ถึงจะได้ยินบทสนทนามาตลอดแต่ก็ต้องถามเพื่อให้แน่ใจ

    [“แม่ว่าจะทำต๊อกให้กิน เอาส่วนผสมมาแล้วกัน ....เอาเค้กข้าว ลูกชิ้นปลา ต้นหอม งาดำ ….อ่อ! ซอสโคชูจังด้วย แม่บอกว่าใกล้หมดแล้ว”]

    “แค่นี้หรอ”

    [“แม่พี่ถามว่าแค่นี้เหรอ…..อ่อๆ แครอทด้วยๆ”]

    “ไม่มีแล้วใช่มั้ย”

    [“ไม่มีแล้วใช่มั้ยพี่บอกหมดแล้วๆ”]

    “อืม งั้นแค่นี้นะ จะเอาไรเพิ่มโทรมาล่ะกัน”

    [“พี่ว่าแค่นี้นะ จะเอาไรเพิ่มให้โทรบอก”]

    อดไม่ได้ที่จะขำไปกับการกระทำ แบบเด็กน้อยของน้องชาย ถึงแม้ว่าภายนอกจะดูเหมือนจุนฮเวแข็งแกร่ง เป็นคนที่พึ่งพาได้ และก็ยังชอบใช้กำลังอีกต่างหาก

    แต่ภายในจิตใจนั้นอ่อนโยนแล้วก็ เด็กมากนัก ถ้าเทียบกันแล้วเขาโตและผ่านอะไรมามากกว่าจุนฮเวเยอะ คงเรียกได้ว่าจุนฮเวแข็งแกร่งภายนอก ส่วนเค้าแข็งแกร่งภายในล่ะมั้ง

    เมื่อยามเป็นเด็กจุนฮเวมักเล่น ซนจนเจ็บตัวและร้องไห้งอแงเพราะความเจ็บปวดนั้น และก็เขานี่แหละที่คอยกอดซับน้ำตาเหล่านั้นและพร่ำคำปลอบประโลม

     

    “เจ็บอ๊ะ มันเจ็บ ฮือออออ” เด็กน้อยจุนฮเวร้องไห้กับแผลถลอกที่ได้รับมา

    “ไม่เป็นไรนะเดี๋ยวก็หายแล้ว” เด็กชายจินฮวานกอดน้องชายไว้แน่นแล้วลูบหลังปลอบใจก่อนที่มารดาจะนำอุปกรณ์ทำแผลมาจัดการกับเจ้าตัวดี

     

    เขามักเป็นคนกอดปลอบจุนฮเวหลังจากที่ไปมีเรื่องราวกับคนอื่นมาแล้วถูกแม่ดุจนร้องไห้งอแง มีเพียงอ้อมกอดของพี่ชายที่คอยปลอบประโลมทุกครั้งที่เสียน้ำตา

    ในขณะที่เขาไม่สามารถต่อสู้หรือปกป้องใครได้ แต่นี่ก็คงเป็นข้อดีที่สุดของเขาแล้วล่ะมั้งสำหรับการเป็นที่ปรึกษาที่ดีให้กับทุกคน

    “บังเอิญจริง” เสียงกวนประสาทดังขึ้นเรียกสติของคนตัวเล็กกลับมา และเมื่อรู้ว่าเป็นใครใบหน้าหวานที่แต้มยิ้มไปกับอดีตที่แสนอบอุ่นก็คลายลง เหลือเพียงหน้าเรียบนิ่ง ก่อนที่จะกลายเป็นขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจนัก

    ร่างบางเลี่ยงเดินหลบร่างสูงโปร่งไปอีกทาง อาจเป็นเพราะขาสั้นๆของเขาทำให้คนที่ขายาวกว่าเดินมาดักข้างหน้าอีกครั้ง

    “คนเขาทักแล้วไม่ทักตอบนี่เขาเรียกว่าอะไรนะไม่มีมารยาท ใช่มั้ย” น้ำเสียงยังคงกวนอวัยวะเบื้องล่างเหมือนเดิม

    “กับนายฉันต้องมีมารยาทด้วยเหรอ” ตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบไปอีกทาง

    แต่อีกคนก็เลื่อนตัวเองมาดักไว้ ราวกับจงใจแกล้งกัน ไม่ว่าจินฮวานจะพยายามเคลื่อนย้ายตัวไปทางซ้ายหรือขวา เจ้าคนกวนประสาทก็ตามมาดักไว้เหมือนเดิมจนน่ารำคาญ

    “จะเอายังไง” จินฮวานหยุดยืนที่เดิมเผชิญหน้ากับอีกคน

    “ไม่เอาไง” ฮันบินตอบพร้อมกับเล่นหูเล่นตากวนประสาทอีกคน ไม่รู้ว่าทำไมต้องทำอะไรแบบนี้ด้วย แต่บอกได้เลยว่าสนุกชะมัด

    “ถ้างั้นก็หลบไปสิ นึกว่าคนอื่นเขาว่างมากเหมือนตัวเองหรือไง”

    “โอ้โห! วันนั้นไม่เห็นปากร้ายขนาดนี้เลยนี่ ไปกินรังแตนที่ไหนมาจ๊ะ”

    “ยุ่ง!” ร่างเล็กทำเหมือนที่เคยทำกับจุนฮเว มือเล็กผลักอกแกร่งให้ถอยออก

    แต่ไม่รู้หรือไงว่าการกระทำแบบนี้มันใช้ได้แค่กับจุนฮเวเท่านั้น

    มือหนาคว้าข้อมือเล็กแน่น แรงผลักเมื่อครู่ส่งผลให้เขาเสียหลักเซเล็กน้อยเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ตอนนี้ฮันบินตั้งรับไว้พร้อมแล้ว

    “ปล่อย!!” พูดพร้อมดึงมือกลับแต่ก็ดูจะไม่เป็นผล ยิ่งขัดขืนเท่าไหร่แรงรัดที่ข้อมือก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

    “เพิ่งรู้ว่านายเรียนที่นี่ด้วยนะ ทีแรกก็คิดว่ามีแค่ไอ้เด็กกวนประสาทนั่นเสียอีก”

    “หมายถึงใคร” ถามเพราะเขาไม่แน่ใจว่าดงฮยอกหรือจุนฮเวกันแน่ เพราะทั้งคู่ก็ดูจะมีความกวนประสาทไม่ได้ลดหย่อนไปกว่ากันมากนัก

    “ช่างเถอะ แล้วนี่นายเรียนอยู่คณะนี้จริงๆสินะ” ฮันบินว่าพลางหันไปมองอาคารทางซ้ายมือที่เขียนว่า คณะบริหารธุรกิจ

    จินฮวานมองตามแล้วรู้สึกกวนใจที่คนตรงหน้าเข้ามายุ่งวุ่นวายกับประวัติของเขามากเกินไป

    “ก็แล้วแต่จะคิด ปล่อย!!” พยายามออกแรงดึงสุดแรง

    “ไม่ปล่อย นายต้องตอบคำถามฉันให้หมดก่อน”

    “ทำไมฉันต้องทำตามที่นายบอก” พยายามบิดข้อมือตัวเองให้หลุดพ้นจากพันธนาการ

    “ก็ถ้านายไม่ทำ ฉันก็ไม่ปล่อย” ไม่เพียงเท่านั้น ร่างสูงดึงข้อมือนั้นให้เข้ามาหาตัว จินฮวานแทบจะซบลงบนอกแกร่งจากแรงดึง

    “คำถามอะไร” ถามกลับอย่างไม่พอใจสุดขีด เขาเกลียดขี้หน้าหมอนี่จริงๆ

    “นายอยู่ปีอะไร” แล้วมันเรื่องอะไรที่เขาจะต้องบอก

    “อยากรู้ไปทำไม”

    “ก็บอกมาก่อนสิ”

    “ไม่!!

    “นี่อยากเล่นเกมประสาทกับฉันใช่มั้ย” เขาก็มีขีดจำกัดของความอดทนเหมือนกันนะ บอกให้ตอบก็ตอบมาสิ จะเล่นตัวทำไม

    “ฉันจะไม่เล่น และไม่ตอบอะไรนายทั้งนั้น แล้วถ้านายยังไม่ปล่อย อย่าหาว่าฉันไม่เตือนก็แล้วกัน”

    “ฮ่าๆๆ อย่างนายเนี่ยนะจะทำอะไร”

    คำสบประหม่ามีผลต่อจิตใจของจิ นฮวานมาก เขารวบรวมแรงแล้วเตะผ่าหมากของอีกคนจนล้มลงไปกองกับพื้น รู้สึกจุกแทนเหมือนกันแต่ก็ช่วยไม่ได้ มันคือทารอดเดียวของเขานี่หน่า

    “โทษทีนะ” ว่าพลางตบก้นให้อีกฝ่ายเพื่อแก้อาการจุกนั้น แต่ก็ไม่วายแสดงสีหน้าสะใจให้อีกฝ่ายได้รู้สึกเจ็บใจเล่นๆ

    ร่างเล็กรีบวิ่งหนีออกจากตรงนั้นเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะหายจุกแล้วลุกขึ้นมาเอาคืนเข้าหนักกว่าเดิมน่ะสิ

    ถ้าเกิดฮันบินทำอะไรเขาขึ้นมา อย่างไรเสียประเมินจากภายนอกแล้วเขาก็คงจะสู้ไม่ได้ คงต้องถูกซ้อมจนน่วมแน่ๆ ยิ่งเวลานี้เขาไม่มีจุนฮเวคอยปกป้องเสียด้วย

    เพราะน้องชายตัวดีมีเรียนตอนเช้าถึงบ่ายสอง ดังนั้นเวลานี้เจ้านั่นก็อยู่ที่บ้านกับแม่อย่างที่เขาโทรหานั่นแหละ เพราะฉะนั้นแล้วจินฮวานขอชิ่งก่อนแล้วกัน

    “จินฮะวานจินฮวาน!!” พูดอย่างเจ็บใจ แต่ก็ทำได้เพียงเท่านั้น ฮันบินกุมจุดอ่อนไหวของตนอย่างทรมาน ก่อนจะรีบหลบมุมหาที่ปลอดคน เขาไม่ต้องการให้ใครมามองว่าหนุ่มหล่อสุดฮอตกำลังยืนกุมเป้าตัวเองหน้าคณะ บริหารฯ หรอกนะ

    แต่อย่างน้อยเขาก็ได้รู้ว่าจะตามหานายตัวแสบได้จากที่ไหน สายตาคมเหลือบมองอาคารเรียนข้างกายแล้วนึกสนุกกับตัวเอง












    ดีใจจังที่มีคอมเม้นท์แล้ว T[]T
    รอคอยรีดที่รักมาเนิ่นนานแสนนาน 5555
    วันนี้จินฮีเอารูปบ้านของครอบครัวจุนจิน และภาพมหาลัยยอนเซมาฝากด้วยจ้า

    เห็นกันมั้ยค่ะว่าพี่จินและจุนเน่ไม่ได้จนนะเออ เขามีตังค์
    แต่แค่อยากไปช่วยดูแลน้องย๊อกเท่านั้นเองจ้า
    และต่อไปนี่คือภาพของมหาลัยสุดสวยในฝันที่จินฮีเองก็อยากไปเรียน
    ปอโทตั้งใจว่าจะสอบชิงทุนไปให้ได้เลยอ๊า! (เพ้อๆ)

    http://image.dek-d.com/27/0207/6199/113791242

    สวยมั้ยๆ อยากไปอยู่เน้อ
    ยังไงก็ขอบคุณรีดที่รักทุกคน
    จะพยายามอัพนะคะ
    ไปบ่นไปฟินไปทวงฟิคกันได้ในเพจของจินฮีเลยน้า
    เค้าอัพไว้หน้าบทความหลักแล้วเน้ออออ
    คนถูกใจน้อยนิดเอง ยังไงก็ขออ้อนวอนรีดที่รักด้วยนะคะ
    รักเธอว์ จุ๊ฟๆ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×