มีคนบอกว่า เราเป็นเด็กไม่รู้จักโต
อายุก็20ปีแล้ว ยังคิดอยากทำอะไรแบบเด็กๆ มองโลกความจริงซะบ้าง อย่าคิดว่าทุกอย่างจะเป็นเหมือนการ์ตุนกับนิยาย
อ่านนิยายมากไปแล้ว อ่านการ์ตูนมากไปแล้ว ดูหนังมากไปแล้ว
ขอบอกไว้ตรงนี้ละกัน
ผมจะเป็นศัตรูกับโลกแห่งความจริงที่น่าเบื่อหน่าย
โลกที่ไร้ซึ่งความฝัน แต่ละคนก้มหน้าก้มตานั่งทำงานอยู่ในคอก ทำงานตั้งกะเช้ายันเย็น กลับบ้านนั่งแคะขี้มูกรอเงินเดือน ผมไม่อยากจะเป็นแบบนั้น
โลกที่มีแต่คนเห็นแก่ตัว ผู้ใหญ่ทุกคนทำเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด โลกแห่งการค้า ทุนนิยม โลกที่ไร้ซึ่งความยุติธรรม โลกแห่งการเอาเปรียบ
โลกแบบนี้มันเฮงซวย!!
ผมไม่อยากเติบโตเป็นผู้ใหญ่แบบนั้น
ถ้าคิดว่ายิ่งโตขึ้น เราอาจต้องยิ่งเห็นแก่ตัว เอาเปรียบคนอื่นเพื่อความอยู่รอด ละทิ้งความฝันเพื่อเอาชีวิตรอดไปวันๆ แบบนั้นมันไม่แฟร์เลย
ผมไม่ใช่คนดีเด่อะไร บางครั้งผมก็ไม่ได้มีน้ำใจอะไรกับคนรอบข้างมากนัก แต่ปฏิเสะไม่ได้ว่าหัวใจของผม ยังมีความซื่อแบบเด็กๆอยู่ค่อนข้างเยอะ และมันก็หายไปค่อนข้างเยอะอีกเหมือนกัน
ผมไม่ใช่คนมีพรสวรรค์ มีความสามารถ แต่ผมเป็นคนมีความฝัน
ตอนเด็กๆ ทุกคนก็ต้องมีความฝันกันทั้งนั้น พวกคุณก็คงเช่นกัน
อารมณ์ของผมน่ะ เป็นแบบนี้มานานแล้วและก็คิดแบบนี้อยู่ตลอด
ผมเคยเผลอหลุดปากออกไปว่า อยากเขียนนิยายให้หมดทุกเรื่องที่คิดไว้ก่อนอายุ30 แล้วตายทั้งๆแบบนั้น ในสภาพที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่ช่วงปลาย ช่วงที่นับว่ายังมีความหนุ่มเหลืออยู่บ้าง ช่วงที่ยังมีฝันเหลืออยู่ อยากลาออกมาเขียนนิยายเพียงอย่างเดียว ไม่มีรายได้ประจำ ไม่มีงาน ไม่มีการศึกษาก็ช่าง ผลการเรียนผมอาจจะดี แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ผมปรารถนาจากใจจริง การได้เกรดAในแต่ละวิชา ไม่ได้ช่วยให้ผมเขียนนิยายได้ดีขึ้นเลยนี่นา มันไม่เกี่ยวกันเลย
ตอนนี้ผมเพิ่มเงื่อนไขให้ตัวเองว่า อยากจะดังก่อนอายุ25ปี!! ผมไม่ได้อยากดังจากใจจริงขนาดนั้น ไม่ได้หลงในชื่อเสียงเงินทองอะไร แค่ตั้งเป้าหมายให้ชีวิตยังไปต่อได้ ไม่เบื่อซะก่อนต่างหากล่ะ จะดังรึเปล่าก็ยังไม่รุ้เลย อาจจะยากก็ได้นะ(หัวเราะ)
เป้าหมายชีวิตเรื่องความรักผมตัดสินใจจบมันลงแล้ว ผมไม่ได้มีชีวิตเพื่อรักใครอีก เรียกได้ว่าสิ่งที่ผมอยากมีชีวิตอยู่หายไปอย่างนึงแล้ว
เป้าหมายเรื่องการศึกษาน่ะเหรอ เร็วๆนี้ผมก็อยากจะจบมัน ผมเคยคิดจะจบตั้งแต่ ม.3แล้ว เคยจงใจไม่อ่านสอบผปลายภาคให้เกรดห่วยๆพ่อแม่จะได้เลิกหวังด้วย แต่เกรดยังออกมา 3.6 เลยถูกย้ายจากสายศิลป์ไปสายวิทย์อีก บัดซบมาก
ตอนนี้ ผมยังมีครอบครัวอยู่ แต่ถ้าในอนาคตครอบครัวต้อง... ผมก็คงตัดสินใจแน่วแน่ยิ่งขึ้น
เป้าหมายในชีวิตจากใจตัวเองจริงๆมีอย่างเดียวคือ ความฝันในการเขียนนิยาย
ผมอาจเป็นคนที่โชคดี แม้ฐานะทางบ้านไม่ร่ำรวย เจอปัญหาชีวิตมากมาย แต่ครอบครัวผมก็ผ่านวิกฤติมาจนตอนนี้ได้ และผมยังได้ทำความฝันบางอย่างเป็นจริง มีคนชื่นชอบ มีคนชื่นชม มีคนสนับสนุน มีคนอิจฉา แต่ก็มีคนไม่ชอบ มีคนนินทาว่าร้าย เรื่องนั้นช่างมันเถอะ
ผมไม่ใช่คนที่ท้อแท้กับอุปสรรคชีวิตอะไรนักหนา ผมแค่ "เบื่อ"
"เบื่อ" การมีชีวิตอยู่
ถ้าผมอยากจะตาย ผมคงกินยานอนหลับเยอะๆ ให้ตายไปทั้งที่ยังหลับ อาจจะทรมาณหรือไม่ไม่รู้ บางทีอาจตายไปทั้งยังหลับอย่างสงบก็ได้ หรืออาจปวดหัวทรมานก็ได้ แต่ผมว่าอย่างน้อยสภาพศพก็ยังสวยงามกว่าการตายด้วยวิธีอื่นๆ
แต่ก็แค่คิดน่ะนะ คนเราทุกคนต้องมีบ้างอยู่แล้วที่คิด อยากตาย...
แต่ถ้าถึง30ปี แล้วผมทำทุกอย่างที่คาใจได้แล้ว ผมอาจทำจริงๆก็ได้
ตอนนี้ผมอายุ20ปี ก็อาจอีก10ปีสินะ
อีก10ปี ข้างหน้า ผมจะเป็นยังไงนะ
จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ยังมีฝัน สวนกระแสผู้ใหญ่ไร้จินตนาการคนอื่นๆ และยังมีชีวิตอยู่ หรือเป็นผู้ใหญ่ไร้ฝัน พนักงานกินเงินเดินน่าเบื่อ แต่ก็ไม่กล้าจบชีวิตตัวเอง หรือผมอาจจะทำทุกอย่างที่คาใจจนเสร็จ และตัดสินใจตายไปอย่างเงียบๆ
ไว้ตอนนั้น ค่อยคิดอีกที
ขอโทษคนอ่านทุกคนด้วยถ้ามันหดหู่ไปหน่อย พักนี้ผมเบื่อไปหมดทุกอย่าง และพอผมบ่นแบบนี้ออกไปให้พี่ฟัง ตอนนั้นพ่อของผมยังไม่หลับ ท่านแอบคุยกับแม่เรื่องผม บอกว่ากังวลมาก คเรียดจนนอนไม่หลับ ว่าลูกเจออะไรมา ทำไมพูดอะไรแบบนั้น อ่า ผมขอโทษจริงๆT^T
วางแผนชีวิต
เขียนโดย
( () /v\ P l_ I ( /\ T E l)
แจ้ง Blog ไม่เหมาะสม
9 ธ.ค. 52
312
1
ความคิดเห็น
ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ดีไปหมดทุกอย่าง มีดีบ้าง ไม่ดีบ้าง สลับปะปนกันไป แต่ว่าจะดีหรือไม่ดีนั้นมันก็อยู่ที่เรามอง การมองโลกในแง่มุมต่างๆก็เหมือนกับกระจก ถ้าเรามองในด้านบวก สภาพแวดล้อมก็จะสะท้อนด้านบวกใส่เรา ถ้าเรามองในด้านลบ สภาพแวดล้อมก็จะสะท้อนด้านบลบใส่เราเช่นกัน เพราะฉะนั้น เราจึงควรตัดมันทิ้งไป มองแต่สิ่งที่อยากจะมอง ไม่ว่ามันจะไม่ดีอย่างไร เราก็ควรคิดในแง่บวกไว้ก่อน แต่ว่าชีวิตนี้ ถ้าได้ทำอะไรที่นอกกรอบไม่เหมือนคนอื่น ทำตามที่ตัวเองฝัน มันคงคุ้มค่าจริง ๆ