ทางเลือกในการบำรุงครรภ์ (Mother & Care)
ปัจจุบันมียา วิตามิน และอาหารเสริมสำหรับบำรุงครรภ์หลากชนิดและหลายขนาน แต่ละชนิดก็มีสรรพคุณแตกต่างกัน และยังใช้ได้ผลในแต่ละคนไม่เหมือนกัน คุณแม่จึงควรศึกษาหาข้อมูลและสรรพคุณของยาแต่ละชนิดก่อนเลือกใช้
แผนไทย
คุณแม่หลายท่านหันมาดูแลตัวด้วยวิธีทางธรรมชาติมากขึ้น ซึ่งการบำรุงครรภ์ในแผนไทยมักจะใช้สมุนไพรเป็นหลัก โดยปัจจุบันมีการนำสมุนไพรมาสกัดและแปรรูปเพื่อให้กินได้ง่ายขึ้น สุมนไพรไทยหลายชนิดกินแล้วได้ประโยชน์ในช่วงตั้งครรภ์ แต่หลายชนิดก็ให้โทษต่อร่างกายได้
ตัวอย่างสุมนไพรไทยที่มีประโยชน์
น้ำอ้อย : ป้องกันไม่ให้เป็นไข้ ลดอาการไข้ต่ำๆ ซึ่งคุณแม่จะเป็นบ่อยช่วงตั้งครรภ์
กล้วยน้ำว้า สุก : ช่วยระบายท้อง ทำให้ไม่เป็นท้องผูก
ขิง รากบัว : บรรเทาอาการแพ้ท้อง
ทั้งนี้ ควรหลีกเลี่ยงสมุนไพรและยาไทยทุกชนิดที่มีฤทธิ์ทำให้มดลูกบีบตัวอย่างรุนแรง โดยเฉพาะยาสตรีหรือยาบำรุงเลือด เช่น ว่านชักมดลูก กวาวเครือ ดอกคำฝอย เพราะจะทำให้ตกเลือด สมองหรือร่างกายของทารกไม่สมบูรณ์หรือแท้ง นอกจากนี้ คุณแม่ไม่ควรกินยาดองเพราะมีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ หากกินเข้าไปจะส่งผลต่อทารก ทำให้เกิดความพิการและมีพัฒนาการช้า
แผนจีน
ยาจีนสำหรับบำรุงครรภ์สามารถแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มคือ ยาที่มีผลต่อแม่โดยตรง ยาที่มีผลต่อทารกในครรภ์ ยาที่มีผลต่อการคลอดและยาที่มีผลต่อทารกแรกเกิด ซึ่งยาในกลุ่มเหล่านี้มักมาจากสมุนไพรจีน เช่น โสม ตังกุย ชวนป๋วย เป็นต้น และมักจะให้แม่กินในช่วงหลังอายุครรภ์ 5 เดือนครึ่งขึ้นไป
ส่วนยาจีนที่คุณแม่ห้ามกินในช่วงตั้งครรภ์ คือ ยากลุ่มที่ทะลุทะลวงไปกระจายเลือดที่คั่งหรืออุดตันอยู่เพราะจะมีผลต่อการ ไหลเวียนเลือดในมดลูกเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์รวมถึงยากลุ่มที่ทำให้เลือด ไหลช้าลงซึ่งจะทำให้การไหลเวียนของเลือดในมดลูกและตัวทารกช้าลง ทำให้ทารกเติบโตไม่เต็มที่หรือแท้ง
การบำรุงครรภ์ด้วยยาจีนรวมถึงการฝังเข็ม ต้องเป็นแพทย์จีนเท่านั้นจึงจะมีความรู้เรื่องตัวยา สรรพคุณของยา สามารถสั่งยาที่ปลอดภัยและสามารถให้คำแนะนำในการใช้ยาจีนที่ถูกต้อง หรือฝังเข็มได้
แผนปัจจุบัน (แผนฝรั่ง)
ยาบำรุงครรภ์ในแผนปัจจุบันหรือแผนฝรั่งมักเป็นแผนที่มีการใช้มาก เพราะเมื่อไปฝากครรภ์ แพทย์ก็จะจ่ายยาหรือวิตามินเสริมต่างๆ ในแผนนี้ ไม่ว่าจะเป็นยาบำรุงเลือด แคลเซียมหรือยาบำรุงกระดูก โฟเลตเม็ด สิ่งที่ควรระวังคือการกินหรือใช้ยารักษาโรคอื่นๆ (ที่ไม่ได้เกิดจากการตั้งครรภ์) มากกว่า
ยาปฏิชีวนะที่มีผลต่อการตั้งครรภ์และควรรู้ก่อนกิน แบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่
ยากลุ่ม A : เป็นยาประเภทที่ได้รับการรับรองและยืนยันว่าปลอดภัย ไม่มีผลต่อทารกในครรภ์ เช่น ยาประเภทวิตามินต่างๆ
ยากลุ่ม B :เป็นยา ที่ผ่านการทดลองในสัตว์และนำมาใช้กับมนุษย์แล้วไม่มีความผิดปกติใดๆ ต่อทารก คือ กลุ่มยาสามัญประจำบ้าน เช่น พาราเซตามอล ยาลดไข้ ยาแก้หวัด
ยากลุ่ม C : เป็นกลุ่มที่ต้องใช้ด้วยความระมัดระวังภายใต้การดูแลของแพทย์ มักใช้กับผู้ที่แพ้ยาปฏิชีวนะในกลุ่ม B จึงต้องใช้ยาในกลุ่มนี้แทน
ยากลุ่ม D :เป็น กลุ่มยาที่ทำให้เกิดความผิดปกติของทารกได้ เช่น ยารักษาวัณโรคหรือยารักษาโรคมาลาเรีย อาจทำให้ทารกพิการ แต่ถ้าไม่กินยาเพื่อรักษาโรคอาจทำให้ลุกลามจนเสียชีวิตได้ การใช้ยากลุ่มนี้จึงต้องอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดและวิจารณญาณของแพทย์
ยากลุ่ม X :เป็น กลุ่มที่ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์อย่างเด็ดขาด เพราะทำให้เกิดความผิดปกติกับทารก เช่น กลุ่มยารักษาโรคมะเร็ง ซึ่งจะมีการระบุบนฉลากยาอย่างชัดเจนว่า “ห้ามสตรีมีครรภ์รับประทาน” ก่อนจ่ายยาในกลุ่มนี้แพทย์จะตรวจร่างกายคนไข้ก่อนเสมอว่าตั้งครรภ์หรือไม่
ทั้งนี้ หากกินยาหรืออาหารเสริมชนิดใดก่อนตั้งครรภ์ ควรเลิกกินทันทีเมื่อรู้ว่าตั้งครรภ์และนำยาไปปรึกษาแพทย์ด้วย เช่น ยารักษาสิวที่มีกรดวิตามินเอเป็นส่วนผสมเพราะในช่วงอายุครรภ์ 3 เดือนแรก ยาอาจจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ได้ ยกเว้นยาอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
คำแนะนำในการบำรุงครรภ์
การบำรุงครรภ์ตามทางเลือกใดทางเลือกหนึ่งควรเลือกใช้อย่างระมัดระวังและให้ เหมาะสมกับร่างกายของคุณแม่แต่ละคน
ต้อง ได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้ทุกครั้ง และเป็นสถานประกอบการหรือร้านขายยาที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข
อ่านฉลากยาโดยละเอียดก่อนการใช้ยาทุกครั้ง
หาก ต้องกินยาบำรุงครรภ์เพราะความเชื่อหรือผู้ใหญ่ในบ้านให้กิน ก็อาจให้ผู้ใหญ่เข้าปรึกษาสูติแพทย์พร้อมคุณแม่ เพื่อให้ได้รับความเข้าใจที่ถูกต้องก่อนการใช้ยา
ความคิดเห็น