ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #132 : เล่ม 5.1 - ตอนที่ 66.1 - ล้อมบ้านตระกูลหลิว (1)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 868
      1
      1 เม.ย. 51

    ภาควิญญาณข้าเพื่อเจ้า
    ตอนที่ 66.1 ล้อมบ้านตระกูลหลิว
    24 กุมภาพันธ์ อศ. 226
     
    เสียงหัวเราะดังสนั่นของเฒ่าสติฟั่นจางเสินโส่วดังไปทั่วบริเวณ
                    รินะใช้ท่าร่างอันว่องไวอันไม่ด้อยไปกว่าโรซาไลน์รุดไปที่หน้าบ้านพัก หากจะเปรียบกันตามตรงแล้วความเร็วในระยะสั้นของรินะยังเหนือกว่าโรซาไลน์ผู้เป็นศิษย์พี่อยู่ก้าวหนึ่ง เนื่องจากซันที่ใช้เป็นการบรรจุพลังแล้วปล่อยออกในระยะสั้นๆ แต่ถ้าเปรียบกับความเร็วโดยรวมจะอย่างไรสตรีผมทองที่ปราดเปรียวกว่าย่อมรวดเร็วกว่า
    มองไปพบเห็นเหล่าทหารและมือปราบสังกัดเมืองธอร์จำนวนร้อยกว่านายพุ่งตรงมาทางนี้ แบ่งออกเป็นหมู่ย่อยสิบกว่าหมู่ จัดการเข้าล้อมกรอบอย่างเป็นระบบระเบียบ โดยมีนายทหารหลายนายเป็นผู้บัญชาการ
    เฒ่าชราจางเสินโส่วกำลังรับมือฝ่ายตรงข้ามอยู่สิบกว่าคนด้วยมือเปล่า หมุนตัวควงไปมาอยู่ท่ามกลางคมอาวุธโดยมิเป็นอันตราย บนพื้นมีร่างของมือปราบนอนอยู่เกือบสิบนาย ไม่ปรากฏร่องรอยโลหิตแต่ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีประการใด แต่เหล่าทหารที่มีพวกพ้องร่วมร้อยไม่สูญเสียกำลังใจโดยง่าย ผลัดหน้ากันเข้ากลุ้มรุมเฒ่าชราอย่างเต็มกำลัง รินะหยุดมองภาพอันน่าสังเวชแล้วอดหดหู่ใจมิได้ เหล่าทหารที่เปลี่ยนหน้ากันเข้าไปหากไม่ถูกสังหารจบชีวิตอยู่แถวนั้นก็ต้องกระเด็นออกมาพร้อมสายโลหิต เปรียบเสมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟเสียโดยแท้
                    “ดูนั่น เฒ่าโฉดมีผู้ช่วย!” นายทหารผู้หนึ่งที่มีสายตาดีกว่าปกติสังเกตเห็นเงาร่างของรินะระหว่างเคลื่อนไหว จึงชี้นิ้วบงการทหารหมู่หนึ่ง ตะโกนว่า “พวกเจ้าติดตามนางมารร้ายนั่นไป อย่าปล่อยให้ผู้สมรู้ร่วมคิดฆาตกรลอยนวล”
                    “รับทราบ” ทหารหน่วยนั้นจำนวนยี่สิบคนเศษตะโกนพร้อมเพรียงเป็นเสียงเดียวกัน วิ่งแยกตัวออกมาจากกองปราบปรามความสงบ ทั้งยี่สิบคนกระจายออกเป็นรูปพัดไปทุกทิศทางด้วยความเร็วสุดฝีเท้า หมายจะล้อมรินะมิให้หลุดรอด ดูจากการแปรขบวนก็ทราบว่ามิใช่พวกชนชั้นต่ำที่ไม่คู่ควร
    รินะใจหนึ่งก็สบใจที่สามารถล่อกองทหารฝ่ายตรงข้ามมาได้ เช่นนี้พี่ยูกิและศิษย์พี่ลูทจะต้องปลอดภัยชั่วคราว แต่เมื่อเห็นกองกำลังทหารแข็งแกร่งจึงมิกล้าที่จะเข้าปะทะโดยตรง พลางใช้สายตาสอดส่องมองหาลู่ทางในการหลบหนี บรรจุซันไว้ที่ข้อเท้าวิ่งไต่ไปตามหลังคาบ้านเรือน ลำพังท่าร่างการพรางตัวของรินะยังไม่อาจเปรียบโรซาไลน์ได้ แต่ด้วยความเร็วระดับนี้ต่อให้ไกมาไล่ตามเองยังมิอาจตามทัน นับประสาอะไรกับทหารที่ฝีมือยังห่างชั้นอยู่หลายช่วง เพียงก้าวสลับเท้าสิบกว่าครั้งก็สามารถสลัดหลุดจากการไล่ตาม
    น่าเสียดายรินะมิอาจกระทำเช่นนั้นได้ หน้าที่ของนางมิใช่การหนีเอาตัวรอด แต่เป็นการ “ล่อ” ให้พวกมันติดตามไปให้ไกลที่สุด โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อเปิดช่องว่างช่วงเวลาหนึ่งให้ลูทและยูกิหลบหนี ดังนั้นสิ่งที่รินะกระทำในตอนนี้จะต้องรักษาระดับความเร็ว ให้อยู่ในช่วงที่ทหารฝ่ายตรงข้ามคิดว่าพวกมันน่าจะตามทัน เป็นการสร้างแรงกระตุ้นให้พวกมันไล่ตาม แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงไม่น้อย
    แว่วเสียงดังจากระยะไกลมาว่า “สังหารเฒ่าโฉดนี้เสีย ฆาตกรที่ฆ่าล้างตระกูลจะปล่อยไว้มิได้!
    ติดตามมาด้วยเสียงเฮอันดังลั่นของทหารกว่าร้อยคน รินะรู้ดีว่ามือชั้นธรรมดาพวกนี้มิอาจล้อมสังหารจางเสินโส่ว เฒ่าสติฟั่นผู้นี้มีฝีมือสูงเทียบเคียงได้กับอุปราชหนุ่มนั่น ซึ่งเหนือกว่าระดับเจ้าครองแคว้นทั้งสองอยู่ราวขั้นหรือครึ่งขั้น ไม่ต้องสงสัยว่าจะจัดอยู่ในระดับแห่งฟากฟ้า ดูท่าครั้งนี้กองมือปราบจะประสบกับความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่
    ความคิดไม่ทันจะผ่านพ้น รินะก็ได้ยินเสียงแผดร้องก่อนตายของทหารดังติดๆกันมาอีกหลายนาย ด้วยจิตใจที่ใสซื่อบริสุทธิ์ของสตรีวัยสิบเจ็ดก็อดเสียใจแทนคนพวกนั้นมิได้ แม้ว่าพวกมันกำลังตามล่าชีวิตของตนในฐานะผู้ช่วยฆาตกรฆ่าล้างตระกูลก็ตาม
    โหดร้ายยิ่ง เสียงสะท้อนดังขึ้นมาจากจิตใจ
    รินะจงใจวิ่งทิ้งระยะห่างประมาณหนึ่งร้อยก้าวกับทหารยี่สิบกว่าคนนั้น เมื่อกวาดหางตาอันโค้งงอนมองไปด้านข้าง ก็พบว่าทหารที่กระจายออกเป็นรูปพัดเริ่มจะตีกรอบโอมล้อมเข้ามา หมายจะกักขังนางเอาไว้ในเขตวงกลม ที่ทหารขบวนนี้แปรรูปขึ้น
    “ไม่มีทางเสียหรอก” รินะกล่าวพลางใช้ไหวพริบ จงใจหักทะลวงออกไปทางด้านซ้าย บรรจุซันลงในข้อเท้าเต็มที่ กระชับจักราทั้งสองที่เป็นอาวุธคู่มือ สะบัดจักรเปิดทาง พลิ้วกายพร้อมอาวุธในมือ ตัดออกไปด้านปีกซ้ายของทหารขบวนนี้
    ทหารที่อยู่ทางปีกซ้ายไม่ทันตั้งตัวติดก็เห็นเงาร่างชุดขาวลอยมาด้วยความเร็วสูง แต่ยังพอสังเกตออกว่าในมือมีจักราคู่คมกริบ เมื่อรู้ว่าฝีมือของตนยังเป็นรองคู่ต่อสู้ก็เป็นธรรมดาที่มิกล้าจะใช้ชีวิตเสี่ยงเข้าต่อต้าน ทหารเหล่านั้นจำต้องชะงักท่าร่างเท้าหนึ่งปล่อยให้รินะพุ่งผ่านไปได้ เหลือเพียงเสียงอันนุ่มนวลของสตรีนางนี้ดังขึ้นว่า
    “ขอตัวก่อน”
    ร่างเงาสีขาวก็พุ่งทะลวงผ่านไปดุจหมอกควัน เมื่อเห็นว่าล่อหลอกพวกมันออกมาเป็นระยะทางไกลโขแล้ว จึงเร่งเร้าซันเต็มเปี่ยมไม่ออมแรงยั้งไว้ดั่งเมื่อครู่ กระโดดขึ้นลงตามหลังคาบ้านเรือน เพียงชั่วลัดนิ้วมือก็หายลับไปกับขอบฟ้า ทำให้ทหารทั้งกองได้แต่มองด้วยสายตาอันผิดหวังและเหลือเชื่อ
     
    ขณะเดียวกันที่ประตูหลังบ้านตระกูลหลิว
                    ลูทจูงแขนยูกิออกมาจากบ้านพักหลบซ่อนตัวอยู่ในเงามืด มองรินะล่อทหารจำนวนหนึ่งออกไปทางทิศใต้ ได้ยินเสียงต่อสู้กันระหว่างจางเสินโส่วกับเหล่าทหารดังมาไม่หยุดหย่อน เฉกเช่นภยันอันตรายที่ลุกลามเข้ามาใกล้ แม้ว่าลูทและยูกิจะมีฝีมือในระดับที่สามารถหนีเอาตัวรอดได้อย่างสบาย แต่เมื่อได้รับบาดเจ็บก็ทำให้ความสามารถลดลงเหลือไม่ถึงกึ่งหนึ่ง พบเจอทหารสองสามคนคงจะพอเอาตัวรอดได้อยู่ แต่ถ้าพวกมันยกกันมาทั้งหน่วยก็คงจะไม่รอดพ้น
    ทันทีที่รินะชักจูงทหารจำนวนหนึ่งผ่านพ้นไป ลูทพลันหันหน้าไปมองใบหน้ายูกิที่แจ่มใสขึ้นกว่าครั้งถูกพิษ ตัดสินใจวิ่งออกไปทางประตูหลังบ้านตระกูลหลิว มุ่งหน้าเข้าหาบ้านพักข้างเคียงที่อยู่ติดกัน หมายจะซ่อนตัวจนกว่าเหล่าทหารและมือปราบจะถอนกำลังกลับไป ด้วยสมมุติฐานที่ว่า สถานที่อันตรายที่สุดอาจเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด
    เพียงชั่วอึดใจทั้งสองก็พากันมาถึงบ้านหลังนั้น ซึ่งเป็นบ้านของตระกูลที่มีฐานะไม่แพ้กันกับตระกูลหลิว ปลูกเป็นบ้านไม้หลังใหญ่สองชั้นอยู่กลางบริเวณ รอบข้างมีคอกม้าสำหรับพอให้อาชาห้าหกตัวได้อยู่อาศัย และกองฟางข้างเคียงอีกจำนวนมาก บุรุษหนุ่มหญิงสาวเห็นว่าสถานที่นี้ประเสริฐนัก จึงหลบซ่อนตัวอยู่ริมกองฟางที่เป็นอาหารม้า อาศัยซอกมุมที่ลับตาสะกดใจรอคอยการต่อสู้ให้สิ้นสุด ด้วยสภาพร่างกายที่ย่ำแย่ จึงเป็นไปมิได้เลยที่ทั้งสองจะฝ่าวงล้อมหนีออกไปตอนนี้ หาไม่แล้วติดตามรินะไปย่อมดีกว่าหนีไปกันเองสองคนมากนัก
                    “พวกเราจะหลบซ่อนจนกว่าพวกมันจะสลายไปเองหรือ?” ยูกิถาม
                    ลูทพยักหน้า เบือนสายตามองไปที่คอกม้าด้านข้าง กล่าวว่า “เห็นท่าพวกเราจะมีเพียงวิธีเดียว แต่หลังจากนั้นคงต้องขอโทษเจ้าของบ้านผู้นี้เสียแล้ว ที่เราสองจำต้องขโมยม้าไปตัวหนึ่ง มิฉะนั้นหากพวกมันดำเนินการค้นหาหลังการจับกุมใหญ่ พวกเราคงจะไม่รอดจากการจับตาย”
                    “เราจะไม่ขโมยม้า” ยูกิส่ายหน้าพลางหยิบเหรียญทองจำนวนสามเหรียญยื่นให้กับลูท “อย่างน้อยพวกเราก็ต้องซื้อมัน โปรดวางเงินจำนวนนี้เอาไว้ให้เจ้าของบ้าน ม้าตัวหนึ่งอาจดูเหมือนไม่มีอะไร แต่แท้จริงแล้วมันมีค่ามากสำหรับครอบครัวชาวเอนเซลครอบครัวหนึ่ง”
                    ลูทยิ้มออกมาทั้งที่เป็นสถานการณ์อันเลวร้าย จิตใจของยูกิช่างดีงาม อย่างน้อยก็ดีกว่าเขาระดับหนึ่ง นับเป็นสตรีที่ควรค่าแก่ความรักที่หยิบยื่นให้ทั้งกายและใจ จึงกล่าวว่า “ตกลงตามนั้น”
                    แต่แล้วใบหูนายพรานที่ปราดเปรียวกลับได้ยินซุ่มเสียงผิดปกติ
                    ยูกิสังเกตได้ว่าลูทมีสีหน้าแปรเปลี่ยนไปจึงถามว่า “มีเรื่องอันใด?
                    ลูทชูนิ้วชี้จ่อที่ปากเป็นความหมายเชิงให้ดำรงไว้ซึ่งความเงียบ ตัวเขาค่อยๆเคลื่อนกายอย่างระมัดระวังออกจากหลืบข้างกองฟาง กวาดสายตาไปยังตัวบ้านพักที่อยู่ห่างเกือบยี่สิบวา ลูทประหลาดใจเป็นอย่างมากที่ได้ยินเสียงจากในบ้านได้อย่างไร ก่อนหน้านี้มันเป็นไปมิได้ที่จะได้ยินเสียงสนทนาอันแผ่วเบาจากขอบหน้าต่างที่ห่างยี่สิบวา แต่นี่เขากลับได้ยินเสียงจากในตัวบ้านซึ่งอยู่ลึกเข้าไปอีกระดับหนึ่ง ทั้งยังพอจะคาดเดาได้ว่าเป็นเสียงบุรุษกลุ่มหนึ่งกำลังสนทนา
                    จริงอย่างที่โสตประสาทรับรู้ ลูทเห็นร่างของมือปราบหกคนกำลังสอบถามเรื่องราวกับผู้คนในบ้านพัก มิใช่การข่มขู่หาข้อเท็จจริง ชาวบ้านเหล่านั้นต่างให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ชี้มือชี้ไม้บ่งบอกสถานการณ์ในบ้านตระกูลหลิวทั้งสิ้น เช่นนี้เรื่องของเขา รินะและยูกิคงจะแพร่กระจายเข้าหูของเหล่ามือปราบหมดสิ้น
                    ลูทส่ายหน้าเป็นเชิงผิดหวังถอยกลับมาหายูกิกล่าวว่า “พวกเราถูกขายเสียแล้ว พวกมือปราบจะต้องดำเนินการค้นหาทั่วเมืองในไม่ช้า”
                    “เป็นชาวบ้านเหล่านี้ที่ให้เบาะแสกับมือปราบอย่างนั้นหรือ?” ยูกิถาม
                    “ไม่ผิด” ลูทตอบเพียงประโยคสั้นๆ แล้วนิ่งไป เค้นสมองน้อยๆหาทางเอาตัวรอด
                    ตั้งแต่ออกเดินทางมาในวันแรกบุรุษหนุ่มก็ตกระกำลำบากมาตลอด ทุกวี่วันต้องหาหนทางเอาตัวรอดในจุดอับ ดิ้นรนหลีกหนีการทุบตีจากฝ่ายตรงข้าม ซึ่งประสบการณ์เฉียดตายเหล่านั้นได้ดึงเอาศักยภาพในตัวออกมาอย่างเหลือเชื่อ เปลี่ยนแปลงจากบุรุษหนุ่มผู้อ่อนต่อโลกผู้หนึ่งกลายเป็นผู้ที่มีความคิดเจนจัด สามารถรับสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ทุกรูปแบบ ด้วยปัญญาที่เหนือกว่าคนปกติธรรมดาและวาสนาที่เพียบพร้อม จึงทำให้ลูท ออร์นิเทียเอาตัวรอดมาได้ถึงวันนี้ และหนนี้ก็จะเป็นอีกหนหนึ่งที่จะต้องเอาตัวรอดไปให้ได้
    มิใช่ตัวคนเดียว แต่ต้องรอดไปพร้อมกับหญิงสาวที่ตนรัก
                    “หากเราซื้อม้าหนีออกไปในตอนนี้ โอกาสที่จะรอดมีอยู่ราวครึ่งต่อครึ่ง หนทางสู่ตะวันตกเต็มไปด้วยทุ่งนาทั้งสิ้น ไม่มีที่กำบังสายตาแต่อย่างใด เมื่อควบขับอาชาตัวหนึ่งผ่านบริเวณทุ่งโล่งในเขตชนบท คงไม่อาจรอดพ้นสายตาพวกมันได้ อีกทั้งเจ้ายังคงบาดเจ็บข้าจึงมิอาจให้รับภาระลำบากเช่นนั้น เห็นทีพวกเราคงต้องหาทางออกทางอื่น” ลูทใช้ความคิดเยี่ยงบลูสหายสนิทวิเคราะห์สถานการณ์โดยรอบ ยืมจุดเด่นของเพื่อนมาใช้ชั่วคราว
                    ยูกิมิได้กล่าวอันใด ตั้งใจรับฟังประโยคถัดไปของลูท นางทราบว่าบุรุษเบื้องหน้านี้หากตกอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้าย จะต้องหาทางออกในจุดอับได้อย่างแน่นอน
                    แม้ตัวนางเองก็ประหลาดใจเช่นกันที่มีความคิดเช่นนี้ ที่ไว้เนื้อเชื่อใจเขาไปตั้งแต่เมื่อใดก็มิอาจทราบได้? ความทรงจำในช่วงเย็นของสองวันก่อน พลันผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ จนทำให้ยอดหญิงยูกิหน้าแดงโดยไร้สาเหตุ
    โชคดีที่ลูทมิทันสังเกต ยินเสียงเขากล่าวว่า “ภายในบ้านมีมือปราบจำนวนหกคน ข้าคิดว่าถ้าหาทางสยบพวกมันเอาไว้แล้วหยิบยืมชุดมือปราบขี่ม้าออกไป การหลบหนีคงจะสะดวกเป็นเท่าตัว ขอเพียงสวมชุดมือปราบที่เป็นพวกเดียวกับพวกมัน หากมองจากระยะไกลย่อมไม่มีทางสังเกตออกได้ เพียงแต่การที่ข้าไม่คุ้นเคยกับพื้นที่จึงไม่ทราบว่าทางออกที่ดีสมควรเป็นทิศทางใด โดยมีข้อกำหนดว่าทิศทางนั้นต้องสั้นที่สุดและรวดเร็วที่สุด” บุรุษหนุ่มอธิบายแผนการพร้อมทั้งปัญหาออกมา นี่เป็นข้อดีของเขาที่ไม่ยึดติดกับทิฐิส่วนตัว สิ่งใดที่ไม่ทราบก็ไม่อายที่จะบอกว่าไม่ทราบ ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
    ยอดหญิงสะคราญโฉมรู้ตัวว่านี่เป็นเวลาที่นางสมควรเอ่ยปาก จึงอธิบายเส้นทางตามที่ตนรู้อย่างคร่าวๆ ให้กับบุรุษหนุ่มฟังว่า “แคว้นธอร์มีเส้นทางสำคัญอยู่เพียงสองสาย ทางหนึ่งคือประตูเมืองทิศใต้ที่เชื่อมต่อกับถนนสายรองมุ่งสู่แคว้นอิซซ์ ส่วนอีกทางหนึ่งคือประตูเมืองทิศตะวันตกที่เชื่อมกับถนนสายหลักมุ่งสู่นครหลวงเอนเซลเลียร์ สังเกตได้ว่าเมื่อครู่รินะชักจูงพวกทหารส่วนหนึ่งไปทางใต้ แสดงว่านางตั้งใจจะใช้ถนนสายรองที่มุ่งสู่แคว้นอิซซ์ เมื่อทหารส่วนใหญ่ทราบว่ามีผู้หนึ่งหนีไปทางนั้นย่อมทุ่มเทกำลังไปทางทิศใต้เสียมาก กำลังที่หลงเหลือจากการต่อสู้กับเฒ่าชราจางเสินโส่วคงจะไล่ตามรินะไปเสียแปดส่วน อีกสองส่วนที่เหลือจะต้องช่วยกันตรวจค้นบ้านเรือนโดยรอบ ดังนั้นพวกเราสมควรจะหนีออกไปทางตะวันตกมุ่งหน้าสู่นครหลวง
    เครื่องแบบมือปราบก็มีทั้งส่วนดีและส่วนเสีย ส่วนดีก็คือทำให้พวกเรากลมกลืนกับเหล่ามือปราบในบริเวณนี้ แต่ส่วนเสียก็คือจะทำให้พวกเราถูกจับตามองเมื่อผ่านพ้นเขตปฏิบัติการไป ดังนั้นเมื่อถึงไปกลางทางก็สมควรที่จะถอดเครื่องแบบมือปราบละทิ้งม้า แปลงโฉมกลายเป็นชาวบ้านธรรมดาคู่หนึ่ง หาทางเช่ารถม้าตามจุดเปลี่ยนม้ากลบเกลื่อนร่องรอย”
    ลูทจับใจความที่ยูกิกล่าวพร้อมกับพยักหน้าถี่ๆ กล่าวว่า “เช่นนี้หนึ่งในสองปัญหาสำคัญก็มีหนทางแก้ไข แต่อีกปัญหาหนึ่งนั่นคือการกำจัดมือปราบทั้งหกเหล่านั้นสมควรจะทำอย่างไร เพื่อมิให้พวกมันรู้ตัวล่วงหน้าแล้วส่งสัญญาณไปยังพรรคพวกที่เหลือ”
    “พวกเรามีกันเพียงสองคน เพราะเหตุใดจะต้องกำจัดมือปราบถึงหกคน หากเราสามารถล่อสองในหกให้ติดกับ เปลี่ยนชุดของพวกมันออกมาก็เพียงพอแล้วมิใช่หรือ?
    “ประเสริฐ นี่เรียกว่าเส้นผมบังภูเขา เหตุใดข้าถึงได้ละเลยข้อเท็จจริงเล็กๆน้อยๆเช่นนี้” ลูทกล่าวออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ วงจรซันเอลในร่างเมื่อผ่านการโคจรมาหลายรอบเริ่มจะอยู่ตัว รู้สึกได้ว่ากำลังวังชากลับมาเป็นปกติประมาณสี่ห้าส่วน จึงมีความมั่นใจเพียงพอที่จะกระทำภารกิจเบื้องหน้าให้สำเร็จ
    บุรุษหนุ่มสืบเท้าไปเบื้องหน้า หันหลังกลับมากล่าวกับสตรีในดวงใจว่า “โปรดรอข้าอยู่ตรงนี้สักครู่หนึ่ง พอให้สัญญาณขอให้เจ้าขึ้นม้า โปรดกระตุ้นมันออกไปรอรับข้าที่เบื้องหน้า พอจะกระทำไหวหรือไม่?
                    ยูกิบรรจงเร่งเร้าเอลขึ้นมาส่วนหนึ่ง ฝืนความรู้สึกที่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง เมื่อไม่พบอาการต่อต้านของพิษแต่อย่างใดจึงกล่าวว่า “ยังพอกระทำได้”
                    ลูทเห็นท่าทางของยอดหญิงยูกิที่ยังคงอ่อนแออยู่จึงอดสงสารมิได้ เดินเข้าไปใกล้หญิงสาวพลางกล่าวว่า “ขออภัย”
                    ยูกิยังไม่ทราบว่าคำกล่าวเมื่อครู่หมายความว่าอะไร ร่างกายของตนพลันรู้สึกว่าเบาหวิวลอยขึ้นอยู่บนอากาศ ด้วยอ้อมกอดของบุรุษหนุ่มที่ยกตนขึ้นจับบังเหียนม้า ใบหน้าของยูกิในตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อไม่ต่างกับลูท ทั้งสองไม่กล้าสบสายตากันด้วยความเขินอาย
                    “ขอโทษที่ต้องทำให้เจ้าลำบาก” ลูทมองใบหน้าอันหวานซึ้งพลางก้าวเท้าออกไปจากที่ซ่อนข้างกองฟาง พร้อมกับแผนการที่กำหนดขึ้นในใจ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×