ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #163 : เล่ม 5.2 - ตอนที่ 66.2 สองเอกอัครราชทูต (3)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 912
      0
      29 พ.ค. 51

    กลางดึกในคืนนั้นข่าวคราวการตายของผู้นำการาดอสก็ได้ส่งไปถึงสำนักข่าวพิราบรายวันในเมืองออรอน ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าข่าวสำคัญระดับนี้ย่อมต้องถึงพระราชวังฟ้าประทานที่กรุงเดว่าในเวลาไล่เลี่ยกัน
                    ทันใดที่ได้รับข่าวสารประการนี้ราชินีมากาเร็ตก็รับสั่งให้มาร์ควิสแห่งซิลเวอร์แซนด์เข้าเฝ้าในยามดึก ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าราชหัตถเลขาออสวอลย่อมต้องอยู่ในที่ประชุมด้วยอีกคนหนึ่ง
                    “ท่านมาร์ควิสทราบข่าวของผู้นำการาดอสแล้วหรือไม่?” องค์ราชินีมากาเร็ตตรัสถาม
                    มาร์ควิสลูเชียสพยักหน้ากราบทูลด้วยสีหน้าที่ไม่ใคร่จะยินดีนักว่า “กระหม่อมทราบดี”
                    องค์ราชินีมากาเร็ตทรงถอนพระทัยครั้งหนึ่ง แล้วก็ทรงส่ายพระพักตร์ด้วยความเสียดายเป็นอย่างยิ่ง พลางตรัสว่า “เราเสียใจกับเรื่องของท่านการาดอสยิ่งนัก แต่ผลจากการเจรจาที่เมืองเจนีสใต้ยิ่งเป็นที่น่าเสียใจยิ่งกว่า”
                    มาร์ควิสลูเชียสก้มศีรษะโค้งลงเห็นด้วยกับพระวาจาเมื่อครู่ กราบทูลว่า “สายสืบของกระหม่อมรายงานมาเช่นกันว่าการเจรจาไม่ประสบความสำเร็จ มาร์เวอริคสั่งการให้ทหารอพยพโยกย้ายราษฎรที่มีถิ่นฐานอยู่ที่นั่นออกจากตัวเมืองภายในสามวัน ให้ราษฎรแต่ละคนเลือกว่าจะถือสัญชาติใดระหว่างเจนีสและลาเวนดิส หากผ่านช่วงเวลานี้ไปแล้วไม่ว่าใครก็ตามที่อพยพออกจากเมืองไม่ทันจะไม่ยอมรับเป็นชาวลาเวนดิสอีก”
                    “มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?
                    ผู้นำตระกูลซิลเวอร์แซนด์กราบทูลรับคำด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
                    องค์ราชินีมากาเร็ตถอนพระทัยติดต่อกันเป็นครั้งที่สอง จากนั้นก็ตรัสด้วยพระสุรเสียงอันอ่อนล้าจากความผิดหวังซ้ำซ้อนว่า “ครั้งนี้เราอุตส่าห์ให้โอกาสมาร์เวอริคเป็นครั้งสุดท้าย นึกไม่ถึงว่าหนึ่งในญาติสนิทของเราจะเอาใจออกห่างราชอาณาจักร มาตรการที่ท่านลูเชียสเล่าให้ฟังเมื่อครู่นับเป็นเรื่องที่ผิดจรรยาบรรณของเจ้านายอย่างร้ายแรง ดูท่าเราคงจะต้องตัดใจจากคนผู้นี้เสียแล้ว”
                    มาร์ควิสลูเชียสคุกเข่าลงข้างหนึ่งต่อหน้าพระพักตร์ กราบทูลว่า “กระหม่อมขออาสานำทัพตระกูลซิลเวอร์แซนด์ทางตอนใต้ปราบกบฏ ขอพระองค์ทรงโปรดอนุญาต”
                    “ลุกขึ้นก่อนท่านมาร์ควิส เราทราบดีว่าท่านลูเชียสตั้งใจจะช่วยปัดเป่าภัยร้ายไปจากราชอาณาจักร แต่ฐานที่มั่นและกำลังของมาร์เวอริคที่เมืองเบริลนั้นมิอาจดูแคลน ท่านมาร์ควิสมีแผนการอันใดที่เหมาะสมมากไปกว่าการยกทัพไปปราบซึ่งหน้าหรือไม่?” องค์ราชินีมากาเร็ตตรัสถาม
                    “กระหม่อมเห็นว่ามีอยู่เพียงวิธีเดียว”
                    “โปรดกล่าวมาได้ไม่ต้องเกรงใจ”
                    นัยน์ตาของลูเชียสปรากฏแววตาอันแข็งกร้าวขึ้น กราบทูลว่า “วิธีนี้คงไม่พ้นการจับโจรจับหัวหน้า หากกองกำลังที่เบริลเป็นมังกรไร้เศียรแล้ว เรื่องราวทุกประการก็จะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นเอง”
                    องค์ราชินีมากาเร็ตทรงดำริได้ถึงวิธีนี้เช่นกัน แต่ด้วยความที่อีกฝ่ายหนึ่งมีเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกันกับตนอยู่กึ่งหนึ่งและกระทำความดีความชอบเพื่อแผ่นดินมายาวนาน หากจะลงมือสังหารก็ดูเหมือนจะใจดำจนเกินไป จึงเบือนพระพักตร์ไปทางราชหัตถเลขาออสวอลพลางตรัสถามว่า “สำหรับเจ้ามีความเห็นอย่างไร?
                    ออสวอลก้มศีรษะครั้งหนึ่งกราบทูลว่า “กระหม่อมเห็นว่าเรื่องนี้มิอาจปล่อยวาง จากที่ท่านมาร์ควิสลูเชียสได้เสนอไว้ก่อนหน้านี้ กระหม่อมพึงเข้าใจถึงเหตุผลที่ท่านลูเชียสตัดสินใจในการยกทัพเข้ากวาดล้าง ประการแรกคือกองกำลังที่สองพ่อลูกมาร์เวอริคสะสมไว้ในเมืองเบริลนั้นหยั่งรากฝังลึกเกินกว่าที่จะจัดการกันได้ง่าย หากปล่อยเอาไว้รังจะเกิดแต่ความยุ่งยากที่มิอาจแก้ไข การแก้ปัญหาที่ดีที่สุดก็คือการบุกเข้ายึดอย่างสายฟ้าแลบจัดการถอนรากถอนโคนให้สิ้นโดยมิให้ฝ่ายตรงข้ามระแคะระคายใดๆ ผู้ใดต่อต้านก็สังหารเสีย ผู้ใดยินยอมทิ้งอาวุธกลับตัวกลับใจก็ไว้ชีวิตโอนเปลี่ยนสังกัดให้อยู่ภายใต้การปกครองของส่วนกลาง โยกย้ายถิ่นฐานออกจากเมืองเบริลกระจายกันไปตามหัวเมืองต่างๆ นำขุมกำลังใหม่โยกย้ายสับเปลี่ยนเข้าไปปกครองแทน แต่การกระทำเช่นนี้อาจจะดูโหดร้ายต่อครอบครัวผู้บริสุทธิ์ที่ต้องมาสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป โดยเฉพาะครอบครัวของทหารที่ไม่เกี่ยวข้องใดๆกับความขัดแย้งเหล่านี้ กระหม่อมนั้นมิได้ดูถูกฝีมือของท่านลูเชียสแต่มาร์เวอริคและมาร์คัสสองพ่อลูกก็มีฝีมือจัดอยู่ในระดับแห่งฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาร์เวอริคที่ก้าวเข้าสู่ขั้นบัญญัติแห่งฟ้า โอกาสที่พวกเราจะจับตายทั้งสองคนพร้อมๆกันจึงแทบเป็นไปมิได้เลย หากบังเอิญมาร์เวอริคหนีรอดไปได้ อาจชักนำไปสู่เหตุการณ์ที่พวกเราไม่ต้องการเห็นที่สุดนั่นก็คือประเทศถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ดั่งเช่นจักรวรรดินอร์และสหพันธรัฐแห่งนอร์ เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นในราชอาณาจักรลาเวนดิสเรา และเป็นที่แน่นอนว่าจักรวรรดินอร์ย่อมถือโอกาสนี้แทรกแซงกิจการภายในของลาเวนดิส”
                    มาร์ควิสลูเชียสได้ยินเช่นนั้นก็สบใจ ทราบว่าบุรุษผู้นี้มีอนาคตอันกว้างไกล เป็นคลื่นลูกหลังที่ไล่คลื่นลูกแรกไม่ห่างเหิน หากราชอาณาจักรลาเวนดิสมีขุนนางที่ปราดเปรื่องและสัตย์ซื่อเช่นนี้ทุกยุคทุกสมัย ราชอาณาจักรอันเกรียงไกรย่อมไม่มีวันล่มสลาย พลางกราบทูลองค์ราชินีเสริมว่า “สำหรับการลอบสังหารที่กระหม่อมเสนอเป็นหนทางเลือกอีกทางหนึ่งนั้น ก็จะสามารถคลี่คลายปัญหาเรื่องนี้ได้ในระดับหนึ่งเช่นกัน แม้จะไม่มีการถอนรากถอนโคนแต่หากสามารถกำจัดตัวหัวหน้าไปได้แล้ว ภายหลังพวกเราก็สามารถออกมาตรการลิดรอนอำนาจทีละเล็กทีละน้อย กัดกร่อนขุมกำลังที่เหลืออยู่ให้เล็กลงเรื่อยๆ พอถึงจุดหนึ่งที่พวกที่เหลือมิอาจทนไหว กึ่งหนึ่งก็น่าจะเลิกรากันไปเอง แต่อีกกึ่งหนึ่งก็จะลุกฮือขึ้นก่อการ ในจุดนั้นหากพวกเราวางกำลังสายสืบไว้ล่วงหน้ารับทราบข่าวสารความเป็นไปเป็นมาทั้งมวล การยับยั้งกบฏที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็เป็นเรื่องที่ไม่ยากเย็นสักเท่าใด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่สูงมาก พวกเราจะต้องมั่นใจถึงสิบสองส่วนในการลอบสังหารมาร์เวอริคผู้นี้ ฝ่ายตรงข้ามเป็นถึงเอลลิสในระดับบัญญัติแห่งฟ้าที่แม้แต่ตัวข้าเองก็ไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะได้หรือไม่ หากแผนลอบสังหารล้มเหลวพวกมันก็จะไหวตัวได้ ส่งผลให้แผนบุกสายฟ้าแลบของเราใช้ไม่ได้ผลเช่นกัน ผลสุดท้ายก็มีเพียงสงครามกลางเมืองเท่านั้นที่เป็นทางออก”
                    องค์ราชินีมากาเร็ตทรงทราบอยู่แก่พระทัยถึงเหตุผลทั้งหลายที่ผู้คนทั้งสองต่างสาธยายออกมา พระนางจึงตรัสว่า “หากท่านมาร์ควิสพร้อมกับบุตรชายลงมือพร้อมกัน ท่านมาร์ควิสเห็นว่ามีโอกาสสำเร็จสักกี่ส่วน?
                    “โอกาสคงมีอยู่ราวห้าส่วน”
                    “แล้วถ้านับรวมเรากับออสวอลเข้าไปอีกสองคนจะเป็นอย่างไร?
                    “เช่นนี้โอกาสจะเพิ่มขึ้นสูงถึงเก้าส่วน ขึ้นกับว่าพวกเราจะลงมืออย่างไร ในสถานที่และเวลาที่เหมาะเจาะเพียงใด”
                    ราชินีมากาเร็ตหลับพระเนตรผ่อนคลายพระวรกาย ตรัสว่า “นับว่าเรื่องนี้มีข้อสรุปแล้ว รุ่งเช้าขอให้ร่างหนังสือแสดงความเสียใจเกี่ยวกับเรื่องของการาดอสในนามของเรา ส่งมอบไปยังเมืองเจนีสเหนือด่วนที่สุด นอกจากนี้เรายังมีอีกเรื่องหนึ่งต้องการขอคำปรึกษากับพวกท่าน” องค์ราชินีเว้นทรงจังหวะพักหนึ่งก่อนที่จะตรัสว่า “เราได้ข่าวมาว่าในเมืองโอเบรอนตะวันตกนั้นมีการจับสตรีไปขายที่เอนเซลเลียร์ นับวันยิ่งจะหนักข้อขึ้นทุกที พวกท่านมีความเห็นประการใด ทราบหรือไม่ว่าท่านมู่จื้อจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร?
                    มาร์ควิสมาร์เวอริคกราบทูลว่า “เรียนองค์ราชินี กระหม่อมทราบมาจากท่านมาร์ควิสมู่ว่าท่านได้ส่งบุคคลผู้หนึ่งเข้าไปในสหพันธรัฐเอนเซล เพื่อสืบสาวต้นตอของเรื่องราวเหล่านี้และกวาดล้างให้สิ้นซากโดยเฉพาะ”
                    “ผู้นั้นคือใคร?
                    “ทายาทคนปัจจุบันของตระกูลอาร์มาดิเนสและตระกูลมู่ เป็นหลานชายแท้ๆของท่านมู่จื้อนามว่าไอเวอเรียส”
                    “เป็นเด็กคนนี้เองหรอกหรือ?” ราชินีมากาเร็ตตรัสต่อไปว่า “เราเคยเห็นเขาครั้งหนึ่งในงานประลองอาร์คาน่าเมื่อสี่ปีก่อน บุรุษหนุ่มผู้นี้ความสามารถสูงทำคะแนนมาเป็นอันดับหนึ่งได้รับเลือกเป็นตัวแทนของอาณาจักรเรา แต่กลับไม่เข้าแข่งในการประลองครั้งสุดท้ายที่เป็นการชิงชัยของตัวแทนจากรัฐทั้งสามใช่หรือไม่? ผลสุดท้ายทางเรากลับต้องส่งบุคคลที่ได้คะแนนเป็นอันดับสองไปแทน จึงพลาดโอกาสที่จะมีเมธีจากราชอาณาจักรไปคนหนึ่ง”
                    ราชหัตถเลขาออสวอลกราบทูลว่า “เรียนองค์ราชินี ความจริงมิใช่เช่นนั้น สาเหตุที่ไอเวอเรียสมิอาจเข้าชิงชัยในรอบสุดท้ายเป็นเพราะว่า เขาเป็นผู้สืบทอดทั้งตระกูลอาร์มาดิเนสและตระกูลมู่ จึงมิอาจรับตำแหน่งเมธีได้ มิใช่ไม่ต้องการที่จะลงชิงชัยแต่อย่างใด ครั้งนี้เมื่อไอเวอเรียสลงมือปฏิบัติภารกิจด้วยตนเอง พวกเราสมควรจะไว้ใจได้ถึงเก้าส่วน”
                    ราชินีมากาเร็ตตรัสว่า “ออสวอลช่วยติดตามข่าวคราวเรื่องนี้ให้กับเราแล้วนำมารายงานเป็นระยะๆ เราจะรอฟังข่าวดีของการกวาดล้างผู้ค้ามนุษย์เหล่านี้ ... บัดนี้พวกเจ้าทั้งสองไปพักผ่อนเถิด เมื่อใดที่มาร์เวอริคกำลังจะเหยียบย่างเข้าสู่เบริล เมื่อนั้นจะเป็นเวลาชี้ชะตา”
                    แว่วเสียงบุรุษทั้งสองว่า “น้อมรับพระบัญชา”
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×