ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #273 : เล่ม 9 - ตอนที่ 124 - เข้าถ้ำเสือ (5)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.48K
      8
      19 ก.พ. 52

    /> /> />

    “เจ้าพูดปด” โรซาไลน์สวนกลับทันที “หากเป็นบุรุษอื่นกล่าวคำพูดเมื่อครู่ข้าคงจะเชื่อถือ แต่ถ้าเป็นพวกเจ้าสองคนที่ดื้อด้านที่สุดในโลกข้าจะไม่มีวันเชื่อถืออย่างเด็ดขาด บอกข้ามาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ครั้งสุดท้ายที่ข้าได้มีโอกาสพบนางยังเห็นว่านางปกติดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพิธีการมอบเหรียญตราวีรบุรุษนั่น”

                    “พิธีมอบเหรียญตรา?” รินะทวนคำกล่าวนั้นพลันนึกขึ้นได้ว่าศิษย์พี่ทั้งสองหมายความถึงสตรีใด จึงกล่าวว่า “หรือว่าศิษย์พี่กับ ... กับ ...”

                    บลูถอนหายใจครั้งหนึ่ง กล่าวว่า “ถูกต้องแล้ว เป็นข้ากับเจสที่รักกัน ... มิใช่ ... ที่เคยรักกัน”

                    เสียงของโรซาไลน์ดังขึ้นเป็นชุดว่า “ข้าไม่เข้าใจจริงๆว่าในเมื่อเจสรักเจ้าถึงปานนั้นแล้วเพราะเหตุใดเจ้าจึงทอดทิ้งนางได้อีก? แม้ว่านางจะดำรงตำแหน่งราชินีก็จริงอยู่แต่นั่นมิใช่อุปสรรคสำหรับคนอย่างเจ้ามิใช่หรือ? ตำแหน่งวีรบุรุษแห่งลาเวนดิสได้ลดช่องว่างระหว่างพวกเจ้าทั้งสองลงไปกว่าครึ่งแล้ว ขอเพียงรอให้สงครามนี้จบลงรับรองว่าข้าจะสนับสนุนเจ้ากับนางอย่างแน่นอน”

                    “สงบสติลงครู่หนึ่งโรส เจ้าคิดหรือว่าข้าอยากให้เรื่องราวทั้งหมดจบลงอย่างนี้?” สายตาของบลูปรากฏแววเศร้าโศกอย่างเห็นได้ชัด “เรื่องนี้มันมีอะไรลึกซึ้งกว่านั้น”

                    “เช่นนั้นก็จงบอกมาว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นมาอย่างไร หากเจ้าปิดบังแม้แต่ประโยคเดียวข้าจะไม่ให้อภัยเจ้าอีก” โรซาไลน์ลดความร้อนแรงของวาจาลงเล็กน้อย แต่ก็ยังมีโทสะไม่เสื่อมคลาย

                    เมื่อสหายสนิทกล่าวเช่นนี้ทำให้บลูจำเป็นต้องปริปาก เล่าเรื่องราวของตนกับเจสทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนกระทั่งถึงการตัดสินใจครั้งสุดท้ายก่อนออกเดินทาง

                    หลังจากที่บลูเล่าเรื่องทั้งหมดจบสิ้น สองสาวกลับมิอาจปริปากกล่าววาจาอันใด โทสะชั่ววูบเมื่อครู่ของโรซาไลน์หายเป็นปลิดทิ้ง แปรเปลี่ยนเป็นอารมณ์อ่อนไหวที่สงสารสหายทั้งสองจับใจ สำนึกตัวและรู้สึกผิดที่ไปต่อว่าบลูอย่างนั้น “เมื่อครู่ข้าขอโทษ ... ข้าไม่นึกว่าเรื่องทั้งหมดจะเป็นเช่นนี้”

                    “ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก เป็นเรื่องธรรมดาของคนที่ไม่ทราบความนัยจะรู้สึกเช่นเดียวกับเจ้า” บลูส่ายศีรษะครั้งหนึ่ง กล่าวว่า “ทั้งหมดเป็นการตัดสินใจของข้าเอง หากมิอาจตัดใจก็มิอาจจะก้าวต่อไปได้ หนทางเบื้องหน้าที่รออยู่คือการศึกกับเทพสงคราม ตราบใดที่ข้ายังคงกังวลในเรื่องของความรัก จิตใจของข้าจะไม่มีทางสงบนิ่ง เจ้าเป็นเอลลิสก็ทราบมิใช่หรือว่าเรื่องนี้สำคัญมากน้อยเพียงใด ... ยิ่งเมื่อครู่ต่อสู้เป็นยอดฝีมือที่ร้ายกาจที่สุดในแผ่นดิน ข้ายิ่งไม่อาจพลาดแม้สักเสี้ยววินาทีหนึ่ง”

                    คิ้วทั้งสองของโรซาไลน์แสดงถึงความหมองหม่น “ข้าทราบว่าความกังวลจะนำพามาซึ่งจิตใจที่ไม่สงบ และอาจนำความหายนะมาสู่ตัวเจ้าในการต่อสู้ แต่เพราะเหตุใดเจ้าถึงไม่ลองคิดในมุมกลับกันบ้าง ว่าความรักเป็นเสมือนความหวังที่จะฉุดรั้งให้เจ้ารอดพ้นจากภยันอันตราย?

                    รอยยิ้มที่เต็มฝืนของบลูปรากฏขึ้นอีกครั้ง เขากล่าวอย่างเนิบๆกับสตรีทั้งสองว่า “เพียงมองพวกเจ้าก็ทราบได้ว่าพวเจ้าคิดอย่างไร พี่ไกนั้นเป็นนักรบอัจฉริยะที่หาบุคคลที่อายุไล่เลี่ยกันเปรียบมิได้ ฝีมือของเขาจัดว่าอยู่ในระดับผู้หยั่งรู้ดินฟ้าเช่นเดียวกับท่านอาจารย์หรือท่านคาเทจ ส่วนศิษย์พี่ใหญ่นั้นกอปรด้วยความสามารถทั้งปัญญาที่เหนือมนุษย์และทักษะการต่อสู้ที่เรียกได้ว่าไม่เป็นรองพี่ไกเท่าใด เป็นการยากหากจะนึกว่าบุคคลทั้งสองจะเพลี่ยงพล้ำในสมรภูมิใดๆ แต่ในขณะที่ข้ามิใช่ ... ข้ายังไม่เก่งกาจพอที่จะมั่นใจได้ว่าตนเองจะรอดชีวิตกลับไปหานาง”

                    “แต่ ...” โรซาไลน์แทรกคำขึ้นมา

                    บลูกลับไม่เปิดโอกาสให้นางกล่าววาจา ยังคงกล่าวต่อไปว่า “รู้หรือไม่ว่ากรณีอย่างข้ากับเจสนั้นมีทางออกอยู่สองวิธี หนึ่งคือการกระทำอย่างที่ข้ากระทำอยู่ สองคือการสละทุกสิ่งที่เกี่ยวกับศาสตร์แห่งเอล เลือกความรักและการที่จะได้อยู่กับสตรีที่ตนเองรัก ลืมเลือนการต่อสู้ช่วงชิงทั้งหมดไปเสีย หากกระทำเช่นนั้นแหวนคู่ชะตาก็จะไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพของฝ่ายตรงข้าม ทั้งข้าและนางจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ... แต่มันจะมีประโยชน์อันใดเมื่อทราบอยู่แก่ใจว่าความสุขนั้นเป็นเพียงความสุขชั่วคราว ข้ากับนางมีความสุขก็จริงอยู่แต่ต้องแลกกับแผ่นดินที่ลุกเป็นไฟมันคุ้มแล้วหรือ? หากข้ากับลูทไม่ลงมือก็จะไม่มีผู้ใดกำราบเทพสงครามได้อีก”

                    “เพราะเหตุใดต้องเป็นพวกเจ้าทั้งสอง?

                    “คงจะต้องไปถามสวรรค์แล้วกระมัง ว่าเพราะเหตุใดข้าจึงมีสายเลือดของทายาทแห่งอาร์คาน่าและลูทจึงมีความสามารถในการใช้เอลที่แปด” บลูแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเบื้องบน กล่าวว่า “ระหว่างที่พวกข้าไปสืบข่าวในนครมิสต์ก่อนที่จะถูกเปลวเพลิงแผดเผา พวกข้าได้พบกับท่านบุรพกษัตริย์อาเรสในรูปคลื่นแห่งความคิดครั้งหนึ่ง หากมิใช่ทายาทแห่งอาร์คาน่าและเอลแห่งกาลเวลาแล้ว ต่อให้ใช้ยอดฝีมือกี่สิบกี่ร้อยคนก็ไม่มีวันหยุดยั้งเทพสงครามได้”

                    คำอธิบายนี้ทำให้โรซาไลน์อับจนถ้อยคำ ไม่ทราบว่าจะกล่าววาจาปลอบประโลมหรือแนะนำอะไร ได้แต่ครุ่นคิดว่า ชะตาฟ้าลิขิตจริงหรือ? เหตุใดฟ้าจึงต้องลิขิตเช่นนี้

                    วินาทีนั้นเองหยาดน้ำตาสุกใสหยดหนึ่งได้ร่วงหล่นลงสู่พื้น

                    เป็นหยดน้ำตาของรินะศิษย์น้องเล็กที่หลั่งน้ำตานองหน้าด้วยความอ่อนไหว ยินเสียงเล็กแหลมใสอันสั่นเครือกล่าวขึ้นว่า “ข้าสงสารศิษย์พี่ยิ่งนัก”

                    ภาพตรงหน้าและคำกล่าวของสตรีชาวเอนเซลกลับทำให้เกิดรอยยิ้มขึ้นที่มุมปากของบลู ครานี้เป็นรอยยิ้มจากใจจริงมิใช่การฝืนอีก ที่อย่างน้อยก็มีบุคคลผู้หนึ่งเสียใจแทนชะตาอาภัพของเขาและนาง


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×