ลำดับตอนที่ #55
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #55 : เล่ม 2 - ตอนที่ 18 - ศาสตราไร้สภาพ (3)
มอริสเห็นผู้คนหลายคนอยากรู้จึงอธิบายให้เป็นวิทยาทานว่า “รายละเอียดของศาสตราอาคมนั้นถ้าจะอธิบายกันจริงๆคงจะต้องใช้เวลาทั้งวันกว่าจะจบ เอาอย่างนี้ก็แล้วกันข้าจะสรุปย่อเพียงใจความหลักๆให้กับพวกเจ้าได้ฟัง ศาสตราอาคมนั้นมีอยู่ด้วยกันทั้งหมดสามระดับ ระดับที่หนึ่งคือกำเนิดศาสตราอาคม ข้ามั่นใจว่าผู้ที่ใช้เอลได้ถึงระดับหนึ่งแล้วสามารถกำเนิดศาสตราอาคมได้อย่างสบาย ตัวอย่างพวกเจ้าก็ได้เห็นไปแล้ว นั่นก็คือหอกวารีที่บลูสร้างขึ้น ถ้าเจ้าหมั่นฝึกไปเรื่อยๆความแข็งแกร่งของอาวุธที่สร้างขึ้นด้วยเอลจะมีมากขึ้นตามลำดับ จนถึงขนาดที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับอาวุธที่สร้างด้วยโลหะมิทราลหรืออันดามันก็เป็นได้ ขวานอัคนีของข้านั้นจัดว่ามีความแข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กกล้าแต่หอกวารีของบลูยังมีความแข็งแกร่งเพียงหอกไม้ด้ามหนึ่ง นี่เป็นผลต่างจากการมุ่งฝึกด้านศาสตราอาคม”
บลูนึกในใจว่าเขาคงจะไม่เน้นหนักไปทางด้านการฝึกศาสตราอาคมในขั้นที่หนึ่งนี้ จุดเด่นของเขามิใช่การต่อสู้ด้วยศัสตราวุธแต่เป็นการใช้เอลต่างหาก ต่อให้เขามีอาวุธชั้นเลิศเพียงใดอยู่ในมือ เขาก็ยังเลือกที่จะใช้เอลอยู่ดี
โรสกลับคิดไปอีกแบบหนึ่ง หากนางสามารถสร้างมีดจากเอลแห่งแสงได้ก็คงจะดีไม่น้อย วิชาศาสตราอาคมนี้ทำให้นางสามารถปามีดได้ไม่จำกัดจำนวน มีดมิทราลที่ไม่มีจำนวนจำกัดเป็นวิชาที่เย้ายวนใจยิ่งสำหรับโรซาไลน์ นางจึงถามขึ้นว่า “ข้าอยากจะรู้รายละเอียดของขั้นตอนนี้อย่างคร่าวๆ ครูมอริสพอจะอธิบายโดยย่อให้ฟังได้ไหม”
มอริสที่มีความเป็นครูอยู่เต็มตัว เมื่อเห็นลูกศิษย์อยากได้ความรู้เขาก็ยินดีที่จะถ่ายทอด กล่าวว่า “ไม่มีปัญหา หลักพื้นฐานของเอลมีทั้งหมดสี่หลักคือรู้สึก สื่อสาร รวบรวมและปลดปล่อยอย่างที่พวกเจ้ารู้กันดี การฝึกกำเนิดศาสตราอาคมจะต้องเพิ่มหลักที่ห้าเข้าไปตอนท้ายคือการคงรูป ผู้ฝึกหลักการคงรูปจะต้องจินตนาการถึงอาวุธที่ตนถนัดที่สุด ปลดปล่อยเอลออกมาในปริมาณที่พอเหมาะ พยายามบีบบังคับมิให้เอลถูกปลดปล่อยออกไปในทันที จะต้องใช้จินตนาการค่อยๆคงรูปมันขึ้นจนเป็นอาวุธที่เราต้องการ จากนั้นก็บรรจงปลดปล่อยเอลทีละน้อยออกมาอย่างช้าๆ หล่อเลี้ยงให้ศาสตราอาคมที่สร้างไว้คงรูปอยู่ในมือของเรา นี่เป็นเพียงหลักการย่อๆ ซึ่งอาจจะต้องทำการฝึกเป็นเวลาหลายวัน เจ้าพอจะเข้าใจไหม”
ด้วยปัญญาของโรสก็จดจำคำพูดของครูมอริสเอาไว้ดั่งครั้งที่เคยจดจำคำอธิบายของอาจารย์ดาธ โรสพยักหน้ากล่าวว่า “ข้าจำได้หมดแล้ว”
มอริสจึงอธิบายต่อไปว่า “ศาสตราอาคมแต่ละระดับไม่จำเป็นที่จะต้องฝึกควบคู่กันไปแต่จะต้องฝึกตามลำดับ อย่างเช่นถ้าข้ายังไม่สามารถใช้ศาสตราอาคมระดับแรกได้ข้าก็จะไม่สามารถฝึกศาสตราอาคมระดับสองได้ แต่ถ้าหากข้าอยากจะใช้ศาสตราอาคมระดับสองให้เก่งกาจข้าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องฝึกศาสตราอาคมระดับแรกให้เก่งกาจตามไปด้วย พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่”
บลูกล่าวว่า “อย่างนั้นข้าจะมุ่งฝึกแต่ศาสตราอาคมระดับสองก็ได้ใช่หรือไม่”
ครูมอริสพยักหน้าตอบว่าใช่ กล่าวต่อไปว่า “ศาสตราอาคมระดับสองมีชื่อเรียกว่าเอลผสานศาสตรา ผู้ใช้เอลจะถ่ายทอดเอลที่ตนเองต้องการร่ายลงไปสู่อาวุธของตน ซึ่งอาวุธนั้นจะเป็นอาวุธที่สร้างจากหลักกำเนิดศาสตราอาคมในระดับหนึ่งหรือจะเป็นอาวุธธรรมดาก็ได้ แต่ถ้าหากอาวุธนั้นไม่สามารถทนทานเอลมันก็จะชำรุดเสียหาย ดังนั้นผู้ที่มีพื้นฐานด้านกำเนิดศาสตราอาคมจึงได้เปรียบเมื่อใช้หลักเอลผสานศาสตรา เพราะอาวุธที่กำเนิดจากศาสตราอาคมจะไม่ย่อยสลายไปเมื่อผสานเข้ากับเอลชนิดเดียวกัน”
โรสถามว่า “อย่างที่ครูใช้ขวานอัคนีรวมกับเอลพสุธากัมปนาทอย่างนั้นหรือ”
มอริสกล่าวว่าใช่คำหนึ่งแล้วหันไปมองบลูกับลูท กล่าวว่า “กระบี่ประกายเพลิงที่พวกเจ้าทั้งสองใช้ในการประลองเมื่อครู่ก็จัดเป็นหนึ่งในวิชาเอลผสานศาสตรา”
โรสนึกถึงอีกตัวอย่างหนึ่งในการต่อสู้กับคิเมร่ากระบี่เกล็ดน้ำค้างของไกที่สามารถใช้การผสานเอลน้ำแข็งจากภายในถ่ายทอดเข้าสู่ตัวกระบี่ แต่ยังมีอยู่เรื่องหนึ่งที่นางสงสัยจึงถามว่า “ทำไมลูทที่ยังไม่สามารถผ่านหลักกำเนิดศาสตราอาคมถึงใช้เอลผสานศาสตราได้”
มอริสอธิบายว่า “เอลผสานศาสตราขึ้นกับคนที่ร่ายเอลมิใช่คนที่ใช้มัน ในที่นี้คนร่ายคือบลูผู้มีคุณสมบัติใช้เอลผสานศาสตราอยู่ครบถ้วน บลูจึงสามารถใช้เอลผสานศาสตราได้ด้วยพรสวรรค์ทำให้ค้นพบหลักการนี้ด้วยความบังเอิญ”
บลูกับลูทหันไปสบตากันพวกเขาต่างก็นึกในใจว่าถ้าหากบลูตั้งใจฝึกฝนวิชาเอลผสานศาสตราให้เก่งกาจและลูทตั้งใจฝึกวิชากระบี่ให้เชี่ยวชาญ พวกเขาจะยิ่งสามารถใช้จุดเด่นของทั้งคู่เสริมซึ่งกันและกัน สุดท้ายอาจเกิดผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงก็เป็นได้
มอริสอธิบายต่อไปว่า “ส่วนระดับสุดท้ายพวกเจ้าอาจจะไม่ได้ใช้กัน มันเป็นศาสตร์ของนักประดิษฐ์มากกว่าที่จะเป็นศาสตร์ของเอลลิส ศาสตราอาคมในระดับสามเรียกว่าผนึกเอลสู่ศาสตรา ระดับนี้ข้าเองก็ยังไม่สามารถใช้ได้เพียงแต่ศึกษาหลักการของมันตามตำรา การผนึกเอลสู่ศาสตราคือถ่ายทอดเอลของตนที่ร่ำเรียนมาลงไปในวัตถุชนิดหนึ่งซึ่งโดยส่วนมากแล้วจะเป็นอาวุธหรือชุดเกราะ มีข้อกำหนดที่ว่าวัตถุที่ใช้จะต้องมีส่วนประกอบของแร่ธาตุเอลไลท์มิใช่วัตถุที่สร้างขึ้นทั่วไป เช่นถ้าข้าสามารถฝึกวิชาผนึกเอลสู่ศาสตราได้สำเร็จ ข้าก็สามารถถ่ายทอดเอลพสุธากัมปนาทของข้าลงในอาวุธที่มีส่วนประกอบของแร่เอลไลท์ชิ้นหนึ่งได้ พลังพสุธากัมปนาทจะถูกถ่ายทดลงสู่แร่เอลไลท์ไปเก็บสะสมเอาไว้ พอมีบุคคลอื่นนำอาวุธชิ้นนี้ไปใช้ เขาก็จะสามารถปลดปล่อยเอลพสุธากัมปนาทจากอาวุธชิ้นนั้นได้ ราวกับว่าข้าเป็นผู้ใช้มันด้วยตนเอง”
ลูทเกิดสนใจศาสตราอาคมในระดับสามนี้เป็นพิเศษ จะอย่างไรเรื่องวิชาการสร้างอาวุธไม่เป็นปัญหาสำหรับเขา แต่ติดตรงที่เขายังไม่สามารถใช้เอลได้ ความหวังที่จะสร้างอาวุธจากวิชาผนึกเอลสู่ศาสตราให้ติดทำเนียบยอดศัสตราวุธจึงดับวูบไป
มอริสอธิบายต่อไปว่า “นั่นก็เป็นความรู้พื้นฐานของศาสตราอาคมทั้งสามระดับ ข้าได้แต่กล่าวย่อๆให้พวกเจ้าฟังเท่านั้นถ้าหากพวกเจ้าอยากจะรู้รายละเอียดก็คงจะต้องขวนขวายศึกษาด้วยตนเอง สำหรับเรื่องที่ว่าวิชานี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับศาสตราไร้สภาพหรือไม่ ข้าก็ไม่สามารถให้คำตอบได้”
ลูทนึกถึงเหตุการณ์ครั้งก่อน เมื่อเขาใช้ศาสตราไร้สภาพทำร้ายคู่ต่อสู้ด้วยความบังเอิญ ความรู้สึกในขณะนั้นราวกับว่าเอลของตนก่อกำเนิดจากกระบี่ไม่ใช่กำเนิดจากมือซ้ายของเขา ทั้งๆที่กระบี่มิใช่ร่างเลือดเนื้อแต่มันสามารถกำเนิดเอลได้อย่างไร ด้วยสมมุติฐานเบื้องต้นเขาคิดว่าเรื่องนี้น่าจะมีส่วนเชื่อมโยงกับหลักศาสตราอาคมระดับใดระดับหนึ่ง
พอครูมอริสอธิบายจบพวกลูททั้งหมดกล่าวขอบคุณครูทั้งสองที่ช่วยทดสอบเอลทั้งเจ็ดให้กับลูทและอธิบายเรื่องการใช้เอลผสานเข้ากับอาวุธให้ฟัง ความรู้ครั้งนี้เป็นประโยชน์กับทุกคนเป็นอย่างมาก
ในขณะที่พวกเขาทั้งหมดทำท่าจะอำลาจากไป โรซาไลน์เดินเข้าไปหาชานอนด้วยสายตาที่เด็ดเดี่ยวพร้อมกับกล่าวขึ้นว่า “ครูชานอน ได้โปรดช่วยสอนวิชาการใช้เอลต่อสู้ให้กับข้าด้วย”
ทุกคนนิ่งไปสักพักนึกไม่ถึงว่าโรสจะกล่าวเช่นนี้ ชานอนมองสาวผมทองผู้งามสง่าด้วยความพิศวง กล่าวถามว่า “เจ้าใช้เอลชนิดใดได้บ้าง แล้วทำไมเจ้าถึงอยากจะเรียนวิชาเอลสำหรับการต่อสู้เพิ่มเติม”
โรสกล่าวตอบอย่างฉะฉานว่า “ข้าสามารถใช้ได้เพียงเอลแห่งแสงเท่านั้น แต่เอลที่ข้ารู้มีอยู่จำกัดเพียงสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของเพื่อนฝูงหรือช่วยให้แสงสว่างในบางครั้งคราว ข้าอยากจะพัฒนาเอลของข้าให้เก่งขึ้นไปกว่านี้ ใช้งานได้กว้างขวางมากกว่านี้ เมื่อครู่ข้ายืนดูการประลองอยู่ด้านข้างก็เห็นว่าถ้าหากข้าไปต่อสู้แทนบลูหรือลูทคนใดคนหนึ่งก็คงจะไม่สามารถผ่านการประลองได้ พอเห็นครูชานอนสามารถใช้เอลแห่งแสงได้เหมือนกับข้า ข้าก็เกิดความเลื่อมใสในวิชาอยากจะขอให้ครูช่วยสอนให้ข้าเพิ่มเติม”
ชานอนเห็นแววตาที่ทั้งเด็ดเดี่ยวและตั้งใจของโรส เกิดความรู้สึกว่าสตรีสาวผู้นี้เหมือนกับตนเองในสมัยก่อนไม่มีผิด นางจึงถามต่อไปว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็เป็นเหมือนหน่วยพยาบาลในกลุ่มอย่างนั้นใช่ไหม เจ้ารู้ไหมว่าหน้าที่ที่สำคัญที่สุดของผู้ใช้เอลรักษาคืออะไร”
โรสคิดอยู่สักพักหนึ่งจึงกล่าวตอบว่า “จะต้องสามารถปกป้องเพื่อนฝูงได้”
ชานอนส่ายหน้าไปมา มองเข้าไปในดวงตาของโรสยิ้มครั้งหนึ่ง กล่าวตอบว่า “ผิดแล้ว นั่นเป็นหนึ่งในสิ่งที่ต้องทำแต่ไม่ใช่หน้าที่ที่สำคัญที่สุดของผู้ใช้เอลรักษา”
โรสใช้ความคิดอีกแต่ก็ไม่สามารถนึกสิ่งที่สำคัญกว่าได้จึงถามว่า “หากมิใช่กระปกป้องพวกพ้องแล้วมันคืออะไรกันล่ะ”
ชานอนตอบว่า “รักษาชีวิตตนเองต่างหากที่สำคัญที่สุด เจ้าเคยคิดไหมว่าถ้าหน่วยพยาบาลเกิดบาดเจ็บล้มตายไปก่อนแล้วใครจะเป็นคนรักษาเจ้า เพื่อนที่เหลือของเจ้าจะเป็นอย่างไรแล้วทีนี้เจ้าจะยังอยากเรียนวิชาต่อสู้อีกไหม”
โรสถึงกับอับจนถ้อยคำไม่สามารถหาคำตอบได้ ภาพการต่อสู้กับคิเมร่าเมื่อคืนสะท้อนขึ้นมาเป็นฉากๆ หากนางไม่ถูกหัวแพะเล่นงานจนขยับตัวไม่ได้ นางก็คงจะปลีกตัวไปรักษาไกที่บาดเจ็บจากการต่อสู้กับเศียรราชสีห์ได้ แต่ผลสุดท้ายนางกลับโดนคอร์เนเลียเล่นงานจนบาดเจ็บหมดสติถูกหามกลับที่พัก นี่ถือว่าเป็นข้อบกพร่องอันใหญ่หลวงของหน่วยรักษาพยาบาล
โรสใช้ความคิดอยู่พักหนึ่ง กล่าวว่า “แล้วข้าสมควรจะทำอย่างไรจึงจะเป็นประโยชน์มากกว่านี้ วิชาการต่อสู้ของข้าก็มิได้เก่งกาจอันใด สามารถต่อสู้ฉาบฉวยได้เป็นบางครั้งคราว ถ้าจะเอาดีทางด้านนั้นข้าก็คิดว่าเรี่ยวแรงของข้าไม่สามารถสู้กับผู้ชายได้ หากข้ายังไม่สามารถป้องกันตนเองได้รังแต่จะเป็นตัวถ่วงในหมู่เพื่อนฝูงเสียเปล่า”
ชานอนถอนหายใจเบาๆครั้งหนึ่ง ตอบว่า “ถือว่าเป็นการชดเชยที่ข้าไม่สามารถสอนการประสานเอลให้กับลูทได้ก็แล้วกัน ถ้าเจ้าอยากรู้ว่าเจ้าสมควรจะทำอย่างไร ข้าจะเป็นคนสอนเจ้าเอง” จากนั้นนางจึงหันหน้าไปกล่าวกับพวกลูทว่า “ข้าของตัวสาวงามผมทองคนนี้เอาไว้สักวันหนึ่ง พวกเจ้ามีอะไรจะขัดข้องไหม”
เป็นที่แน่นอนว่าไม่มีใครสักคนกล้ากล่าวปฏิเสธ มีแต่รอยยิ้มของโรสที่ยิ้มด้วยความยินดีปรีดา นางรีบกล่าวขอบคุณครูคนใหม่คนนี้
ชานอนกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้”
มอริสกลับเป็นคนเดียวที่ทักท้วงขึ้น กล่าวว่า “นั่นจะได้อย่างไร กฎของโรงเรียนมิอาจจะรับศิษย์โดยที่มิได้รับเป็นศิษย์ของโรงเรียนเซนต์ ...”
ชานอนไม่รอให้มอริสกล่าวจบประโยค นางสวนตอบไปว่า “เจ้าจัดการเรื่องอื่นๆในวันนี้ให้กับข้าก็ไม่มีปัญหาแล้ว ส่วนเรื่องกฎของโรงเรียนนั้นใครว่าข้าจะรับโรซาไลน์เป็นศิษย์ ข้าเพียงแต่จะช่วยแนะนำในฐานะพี่สาวสอนน้องสาวเท่านั้น”
มอริสไม่กล้าหือกับชานอนที่เขาตามตื้ออยู่จึงสงบปากสงบคำ ที่เขากล่าวแย้งก็เพราะว่าถ้าชานอนรับอาสาฝึกโรสในวันนี้แล้วงานที่จะต้องสอนนักเรียนที่นี่จะทำอย่างไร ดูท่าเขาคงจะต้องไปรับหน้าที่สอนแทนเสียแล้วจึงได้แต่ทำหน้าเจื่อนๆ
โรสกล่าวขอบคุณชานอนอีกครั้งหนึ่ง นางตั้งใจว่าจะพยายามเก็บเกี่ยววิชาความรู้ในวันนี้ให้ได้มากที่สุด
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น