ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #90 : เล่ม 4 - ตอนที่ 46 - สิบสองปีแห่งความหลัง (4)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 964
      0
      29 ธ.ค. 50

    ครั้งนี้โรสถึงกับนิ่งพูดอะไรไม่ออกเมื่อรู้ว่าน้องสาวที่น่ารักคนนั้นกลับวางหลุมพรางหลอกล่อพวกเขาตั้งแต่ต้น จนเกือบต้องเอาชีวิตไปทิ้งที่แม่น้ำนอร์ริช
                    โรซาไลน์เอ่ยปากถามบ้างว่า “แล้วเรื่องของสตีเฟ่นเป็นอย่างไร?
                    “พี่สตีเฟ่นยังปลอดภัยดี โชคดีที่พี่ไกบอกครูชานอนให้เข้าไปช่วยแจ้งข่าว พวกเขาจึงรอดจากการกลุ้มรุมของอัศวินดำจำนวนสามคนมาได้ราวปาฏิหาริย์ ส่วนต้นสายปลายเหตุที่พริมชิงตราสัญลักษณ์รูปพระอาทิตย์มาได้อย่างไรนั้นข้าเองก็ไม่ทราบ คงต้องถามจากรินะแล้วกระมัง”
                    รินะอยู่ท่ามกลางความสับสนเมื่อได้ยินว่าเพื่อนรักของตนกระทำการอุกอาจ หักหลังศิษย์พี่ทั้งสามแถมยังสังหารคนบริสุทธิ์ ทำร้ายพี่ลูทจนถูกพิษขนาดนี้ จึงกระทำอะไรไม่ถูกไม่รู้ว่าจะเริ่มกล่าวอย่างไร
                    มาถึงตรงนี้อาจารย์ดาธกล่าวตัดบทว่า “เรื่องบางอย่างเมื่อผ่านไปแล้วหนหนึ่งก็ขอให้พวกเจ้าจำไว้เป็นบทเรียน ประเด็นเครียดปวดสมองเหล่านี้พวกเราเก็บเอาไว้คุยภายหลังดีกว่า ในเมื่อพวกเราศิษย์อาจารย์ได้พบกันอีกครั้งก็สมควรที่จะโอภาปราศรัยกันก่อน ซึ่งก่อนอื่นพวกเจ้าไม่สงสัยหรอกหรือว่าข้าหาพวกเจ้าพบได้อย่างไร”
                    เมื่ออาจารย์ดาธจุดประเด็นใหม่ขึ้นมาพวกลูททั้งสามเกิดอาการสงสัยอยากรู้จึงพยักหน้าไปตามๆกัน
                    อาจารย์ดาธยกนิ้วชี้ขึ้นมากล่าวว่า “เรื่องนี้ต้องอธิบายกันยาวพอสมควร” จากนั้นหันหลังไปกล่าวว่า “รินะ เจ้าช่วยไปเอาอุปกรณ์บ่งชี้ตำแหน่งมาให้หน่อยได้หรือไม่?
                    รินะที่กำลังสับสนเมื่อได้ยินอาจารย์ออกคำสั่งจึงรับคำครั้งหนึ่ง แล้ววิ่งไปหยิบอุปกรณ์รูปวงกลมมาให้ เมื่ออาจารย์ดาธเปิดฝาขึ้นเห็นเป็นจุดสีแดงกระพริบอยู่สี่จุดที่ตรงกลางวงกลม อีกจุดหนึ่งอยู่ใกล้กับสี่จุดแรกแต่เฉียงไปเล็กน้อย และจุดสุดท้ายที่อยู่ไกลห่างจากจุดกลางไปทางใต้มากๆ
                    อาจารย์ดาธกล่าวอธิบายว่า “ดูจากสายตาของลูทแสดงว่าเจ้าคงทราบแล้วว่าเครื่องมือนี้เอาไว้ทำอะไร เอาเป็นว่าข้าจะอธิบายให้โรสและบลูฟังก็แล้วกัน สิ่งนี้เป็นเครื่องมือบ่งชี้ที่ข้าสร้างมาเพื่อระบุตำแหน่งของสัญลักษณ์รูปพระอาทิตย์โดยเฉพาะ จุดสีแดงๆในรูปแสดงถึงความคงอยู่ของสัญลักษณ์พระอาทิตย์ในห้องนี้ ส่วนที่เหลือเป็นสัญลักษณ์ชิ้นอื่นที่ข้าสร้างขึ้นด้วยตัวเอง เช่นชิ้นที่อยู่ใกล้เคียงกับสี่จุดแรกนี้คงจะเป็นตราสัญลักษณ์ของรินะที่ยูกิเป็นคนครอบครองไว้”
                    พออาจารย์ดาธกล่าวจบพลันบีบมือที่ถืออุปกรณ์ระบุตำแหน่งสัญลักษณ์พระอาทิตย์จนแตกเป็นเสี่ยงๆ ลูทถึงกับอุทานขึ้นมาเมื่อเห็นอุปกรณ์เอลเทคที่หลงใหลพังคามืออาจารย์ไป แม้แต่รินะ บลูหรือโรสเองก็ยังตกใจในการกระทำอันคาดไม่ถึงของอาจารย์
                    “อย่าพึ่งถามว่าข้าทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไร เอาเป็นว่าจะแนะนำศิษย์น้องของพวกเจ้าให้รู้จักอย่างเป็นทางการก่อนถึงจะอธิบายภายหลัง”
    อาจารย์ดาธกวักมือเรียกรินะเข้ามาจากนั้นกล่าวว่า “นี่คือรินะ อาเมดะ น้องสาวของยอดหญิงยูกิที่พึ่งได้รับการแต่งตั้งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา รินะอาศัยอยู่ที่เมืองอิซซ์ที่เป็นเมืองของรูนนิคในอาณาจักรเอนเซล พอดีข้ารู้จักกับบิดามารดาของนางจึงรับเอาไว้เป็นศิษย์ พวกเจ้าที่เป็นศิษย์พี่อย่าได้รังแกศิษย์น้องคนนี้เสียขอให้รักกันมากๆเข้าไว้ นางเป็นศิษย์คนสุดท้ายที่ข้าคิดจะรับเอาไว้ รวมจำนวนลูกศิษย์ทั้งหมดก็ห้าคนพอดิบพอดี”
    ต่อจากนั้นพวกลูททั้งสามก็ผลัดกันแนะนำตัวจนครบทุกคน จากนั้นบลูจึงถามขึ้นว่า “เมื่อครู่อาจารย์กล่าวว่ามีศิษย์ทั้งหมดห้าคน แต่นี่พวกเรามีกันเพียงสี่คน ไม่ทราบว่าคนสุดท้ายคือใคร?
    ทั้งโรส ลูทและรินะเองก็กำลังสงสัยเรื่องนี้อยู่พอดี อาจารย์ดาธตอบว่า “อีกคนหนึ่งเป็นศิษย์พี่ของพวกเจ้าทั้งสี่ ข้ารับเขาเอาไว้เป็นศิษย์เมื่อสิบปีที่แล้ว จึงนับว่าอาวุโสกว่าพวกเจ้าทั้งเรื่องอายุและลำดับการเข้ารับเป็นศิษย์”
    โรซาไลน์ถามขึ้นว่า “ศิษย์พี่คนนั้นชื่ออะไร อายุเท่าใดหรือท่านอาจารย์?
    “ข้าเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าศิษย์พี่พวกเจ้ามีชื่อว่าอะไร เพียงแต่เขามีเชื้อสายมิสต์เช่นเดียวกับข้าและมีตราสัญลักษณ์รูปพระอาทิตย์ติดตัวไว้เช่นเดียวกับพวกเจ้า เมื่อสิบปีก่อนข้าสอนเขาตอนอายุราวสิบหกปีนับถึงตอนนี้น่าจะมีอายุดยี่สิบหกปีพอดี”
    นักประดิษฐ์หนุ่มยังคงติดใจกับเรื่องราวเมื่อครู่ พลันหันเหหัวเรื่องกล่าวว่า “ข้าอยากรู้สาเหตุที่อาจารย์ทำลายเครื่องระบุตำแหน่งเมื่อครู่ไปว่าเพราะเหตุใดอาจารย์ถึงทำเช่นนั้น? ดูก็ทราบได้ว่าเครื่องนั้นมิใช่สร้างได้ภายในวันสองวัน แค่ก็ออกแบบก็ต้องใช้เวลาอักโขอยู่”
    อาจารย์ดาธเอามือขยับแว่นสี่เหลี่ยมผืนผ้าเล็กน้อย หัวร่อฮาๆพร้อมกล่าวว่า “สายเลือดนักประดิษฐ์ของเจ้ามันแรงเหลือเกิน เพียงมองปราดเดียวก็คาดเดาได้ว่ากลไกข้างในประกอบไปด้วยอะไรบ้าง แต่ข้าจะบอกความจริงให้เจ้าทราบไว้ เครื่องมือชิ้นนี้ไม่จำเป็นอีกต่อไป”
    ลูทกล่าวแย้งว่า “นั่นอาจจะเป็นเพราะอาจารย์หาพวกเราพบแต่มิได้หมายความว่าในอนาคตเครื่องมือนั้นจะหมดประโยชน์ไปนี่”
    ศิษย์อีกสามคนคือบลู โรสและรินะต่างคิดเช่นเดียวกับลูทจึงพยักหน้าสนับสนุน
    อาจารย์ดาธยกนิ้วชี้ขึ้นมาส่ายไปมากล่าวว่า “มิใช่ๆ เครื่องมือนั้นหมดประโยชน์แล้วต่างหาก เนื่องจากต่อไปนี้พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือก็สามารถระบุตำแหน่งของเพื่อนฝูงเจ้าจากตราสัญลักษณ์รูปพระอาทิตย์ได้”
    โรสและรินะต่างก็มีความสนใจต่อเรื่องนี้จึงกล่าวขึ้นพร้อมกันว่า “เป็นไปได้อย่างไร?
    อาจารย์ดาธหยิบตราสัญลักษณ์ที่ติดกับตัวขึ้นมากล่าวอธิบายว่า “เจ้าคงเห็นตัวอักษรอาคมยึกยือที่อยู่ตรงกลางใช่หรือไม่ และข้าก็ทราบดีว่าพวกเจ้าทั้งหลายต้องเกิดความคิดสงสัยว่ามันคืออะไร ในฐานะที่พวกเจ้าครอบครองตราสัญลักษณ์อยู่เป็นปี พอจะมีใครรู้บ้างไหมว่ามีความหมายอย่างไร?
    ลูท บลูและโรสทั้งสามต่างหันหน้าเข้าหากันพลางส่ายหน้าพร้อมกันเป็นเชิงว่าไม่ทราบ
    อาจารย์ดาธจึงอธิบายต่อไปว่า “ตัวอักษรอาคมพวกนี้เป็นตัวแทนจิตวิญญาณของเจ้า”
    ทันใดนั้นศิษย์ทั้งสี่คนต่างก็อุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
    “ข้ามิได้มอบตราสัญลักษณ์รูปพระอาทิตย์พวกนี้ให้เจ้าโดยไร้ความหมาย ตัวอักษรอาคมเหล่านี้จะแตกต่างกันออกไปตามผู้ที่เป็นเจ้าของมัน หากพวกเจ้ารู้จักวิธีการ สัมผัสถึงตราสัญลักษณ์รูปพระอาทิตย์โวยจิตวิญญาณแล้ว เครื่องมือที่พังไปเมื่อครู่นี้ก็หมดความหมาย”
    ลูทไม่เข้าใจจึงถามว่า “ถ้าอย่างนี้อาจารย์จะประดิษฐ์เครื่องมือระบุตำแหน่งออกมาด้วยสาเหตุอันใด ทั้งๆที่อาจารย์ก็สามารถสัมผัสถึงความเป็นอยู่ของพวกเราได้ทุกเมื่อ”
    ได้ยินเสียงหัวเราะของอาจารย์ดาธดังขึ้นอีกครั้งกล่าวว่า “บังเอิญข้าคันไม้คันมืออยากทำขึ้นมาจึงลองวิชาประดิษฐ์ดูสักครั้ง มิอยากให้วิชาเอลเทคสนิมจับเสียก่อน มิฉะนั้นอาจถูกเจ้าพ่อนักประดิษฐ์อย่างเจ้าแซงหน้าไปคงอับอายขายขี้หน้าคนอื่นเสียหมด”
    พออาจารย์ดาธกล่าวจบก็มีเสียงหัวเราะของคนในห้องตามมา บรรยากาศที่เคยอึมครึมเนื่องจากเหตุการณ์ร้ายแรงรุมเร้าแปรเปลี่ยนเป็นชื่นมื่นในทันตา
     
    เช้าวันรุ่งขึ้น เสียงนาฬิกาดังจากหอสูง บ่งบอกเวลาเริ่มการเรียนการสอนของแต่ละวัน
                    วันนี้เป็นวันแรกที่จะเริ่มการเรียนการสอนในวิชาเก่าในปกใหม่ นั่นคือวิชาศัสตราวุธ ซึ่งสิ่งที่นักเรียนเหล่านี้กำลังจะได้ร่ำเรียนคือวิชาดวลกระบี่ ทอริอุส เดอ เมนอสได้รับคำเชิญจากโรงเรียนเซนต์เอลลิสในสาขาหลักให้มาเป็นอาจารย์รับเชิญสอนวิชานี้อยู่ปีหนึ่ง เป็นเพราะอาจารย์ที่สอนอยู่ปัจจุบันนั้นต้องลาไปเลี้ยงดูทารกแรกเกิด
                    “อรุณสวัสดิ์บรรดาศิษย์ทั้งหลาย อาจารย์มิได้มาสอนที่สาขาหลักเป็นเวลาหลายปีแล้ว หลังจากที่ได้รับให้ไปประจำอยู่ที่สาขาเมืองโอดิน แต่นี่เป็นกรณีพิเศษอาจารย์จึงได้มีโอกาสกลับมาสอนในโรงเรียนที่เป็นเสมือนบ้านเกิดหลังที่สองนี้อีกครั้ง
    สำหรับการเรียนการสอนในวิชาดวลกระบี่นี้ พวกเจ้าศิษย์ชั้นปีที่ห้ามิอาจจะร่ำเรียนโดยปราศจากคู่ดวลของตนได้ และเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่พวกเจ้านั้นย่อมรู้ดีกันอยู่แล้วว่า ผู้ที่จะมาจับคู่ดวลกระบี่ให้กับเจ้าจะเป็นรุ่นพี่ปีหก ซึ่งพวกเจ้าเองนั้นก็ต้องกระทำเช่นนี้เมื่อได้ขึ้นระดับชั้น ส่วนสาเหตุนั้นพวกเจ้าคงจะพอคาดเดาเองได้ว่าเพราะเหตุใดข้าจึงมิให้พวกเจ้าที่ไม่เคยมีประสบการณ์ทางด้านนี้จับคู่ดวลกระบี่กันด้วยตนเอง
    ซึ่งในวันนี้ข้าจะแนะนำคู่ดวลกระบี่ของพวกเจ้าให้รู้จัก ตามหมายเลขที่ได้แจกไปแล้วเมื่อครู่ จากนี้ไปเป็นเวลาปีหนึ่งพวกเจ้ากับรุ่นพี่จะต้องช่วยกันฝึกซ้อม หากคู่ใดกระทำได้ดีจึงจะได้รับเลือกให้ผ่านวิชานี้ หากคู่ใดมิอาจผ่านการทดสอบสุดท้ายได้ ปีหน้าจำต้องกลับมาเรียนใหม่อีกครั้ง และในตอนนั้นคนที่ไม่ผ่านการทดสอบ อาจต้องจับคู่ดวลกับเพื่อนร่วมชั้นที่ผ่านการทดสอบแล้วก็เป็นได้ ซึ่งอาจารย์ไม่คิดว่าพวกเจ้าต้องการเช่นนั้น”
    จากนั้นทอริอุสจึงเดินไปเปิดประตู กล่าวว่า “เข้ามาได้”
    ได้ยินเสียงฝีเท้าของบรรดาศิษย์ชั้นปีที่หกเดินเข้ามาในห้องเรียน ต่างคนต่างเดินเข้าไปจับคู่ทักทายรุ่นน้องของตน หมายจะฝึกฝนให้รุ่นน้องนั้นได้ดี เนื่องเพราะผลการสอบของรุ่นน้องนั้นมีผลกระทบต่อวิชาดวลกระบี่ชั้นสูง ที่พวกเขากำลังร่ำเรียนเช่นกัน
    “เป็นเจ้า” บุรุษหนุ่มผมสีน้ำตาลอุทานขึ้นมา เมื่อคู่ของตนคือโฉมสะคราญคนเมื่อวาน
    อาจารย์ทอริอุสตั้งใจเอาไว้ให้รุ่นพี่ที่ครองตำแหน่งอันดับหนึ่งในวิชา ได้จับคู่ซ้อมกับรุ่นน้องสตรีผู้มีชาติตระกูลสูงส่งนางนี้ บุรุษหนุ่มผมน้ำตาลที่เงียบขรึมไม่ค่อยพูดจา จึงมีโอกาสได้รู้จักสนิทสนมกับหญิงงามผมสีแดงไปอีกขั้นหนึ่ง ด้วยนิสัยใจคอที่ไม่ใคร่จะเหมือนกันในภายนอก แต่ภายในนั้นมีเนื้อแท้เช่นเดียวกัน ทั้งสองจึงสนทนาปราศรัยกันได้ถูกคอ จนเพาะเป็นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
    “วิหคตัวนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?” บุรุษหนุ่มกล่าว
    “อาการของมันดีขึ้นมากแล้ว ปากแผลปิดสนิทโลหิตหยุดหลั่งไหล ข้าได้ดามเฝือกเอาไว้ที่ปีกทำให้กระดูกที่หักค่อยๆเชื่อมประสานกัน ไม่เกินสัปดาห์หน้ามันจะได้กลับไปหาคู่ของมันอีกครั้ง” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงอันปลื้มปิติ แววตาบ่งบอกถึงความยินดีเป็นอย่างยิ่ง
    หลังจากนั้นตำนานรักอีกบทหนึ่งก็ได้เริ่มขึ้น
    ขณะที่ไกกำลังรำลึกถึงเรื่องของโซเฟียในหนหลังก็พบเห็นรหัสที่ชานอนทำเอาไว้แถบหนึ่ง พอมองปราดเดียวก็จดจำออกเพราะรหัสนี้เป็นรหัสที่ทั้งสองใช้ติดต่อกันตั้งแต่สิบปีก่อน
                    ไกรู้สถานการณ์เป็นอย่างดีเมื่อเห็นรหัสที่ทำไว้ จึงสลัดความกังวลในเรื่องของโซเฟียออกไปจากใจ หากกระทำภารกิจในครั้งนี้ผิดพลาดเขาคงจะมิอาจแบกหน้ากลับไปพบโซเฟียได้ ในฐานะมือปราบภารกิจที่สำคัญต่อชาติบ้านเมืองล้วนมาก่อนความต้องการส่วนบุคคล นั่นคือการหยุดยั้งแผนการของวานเตสและเวอร์น่อนมิให้กระทำการสำเร็จ แต่กระจะทำได้หรือไม่นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
                    ไกอ่านรหัสของชานอนพบว่าเป็นเครื่องหมายที่พึ่งกระทำเอาไว้เมื่อช่วงเช้า จึงมุ่งหน้าไปตามทิศทางของรหัสนั้นทันที
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×