ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [yaoi] ใช่ครับผมมันร้าย

    ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่8

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 206
      1
      9 มี.ค. 58

    ตอนที่8

     

         มีคนเคยบอกว่าช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็ว และดูเหมือนคำพูดนั้นจะเป็นจริงเวลา1อาทิตย์ช่างผ่านไปรวดเร็ว มิลร์ยืนมองบ้านสิงห์มณีอย่างเยือกเย็น วันนี้บ้านของสิงห์มณีมีรายการทีวีชื่อดังมาถ่ายทำ ชีวิตของนางเอกรุ่นเก่าอย่างลันดาและครอบครัว มือเรียวกำจดหมายไว้แน่น จดหมายที่จะเปลี่ยนโลกทั้งใบของสิงห์มณีจดหมายจาก มากาเร็ต อัมเบอโต

     

    “มิลร์ถ้ายังไม่พร้อมไม่ต้องเข้าไปก็ได้นะ”

     

         เอริคที่ยืนอยู่ข้างๆพูดขึ้น วันนี้ทุกคนต่างมีภารกิจที่จะต้องทำส่วนพายก็ไปเป็นแขกรับเชิญให้รายการ เอริคเป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าของบริษัทที่รายการนี้สังกัดอยู่ไม่แปลกที่เจ้าตัวจะมายืนอยู่ข้างๆมิลร์ในนตอนนี้

     

    “ใช่….ฉันใจแข็งไม่พอ ถึงแม้จะโดนละเลยแต่เขา….ก็เป็นพ่อนี่ริค”

     

         มิลร์เม้มปากเป็นเส้นตรงเขาไม่แน่ใจว่าการที่เขาจะทำแบบนี้จะเป็นการกระทำที่ต้องการจริงๆหรือเปล่า ใช่เขาโกรธแต่เขาไม่เคยเกลียดผู้เป็นพ่อเลย เหมือนกับแม่ที่ถึงแม้จะทำเป็นเฉยๆแต่ก็อ่อนโยน และให้อภัยคนที่รักได้เสมอ

     

    “มากาเร็ตคงจะสุดทนจริงๆนั่นแหละ”

     

         เอริคพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบจดหมายฉบับนั้นขึ้นมา ตราประจำตระกูลอัมเบอโตปรากฏแก่สายตา ดวงตาคมมองใบหน้าสวยของเพื่อนรักที่ฉายแววสับสนอย่างเห็นได้ชัด

     

    “ไปเดินเล่นหน่อยไหม”

     

    “ไม่ละ ริคฉันละอยากหายไปจากโลกนี้จริงๆเลย”

     

    …….

     

    “ฉันไม่เคยเกลียดพ่อ แต่…..ฉันเกลียดลันดา”

     

    “ฉันได้ข่าวว่าพ่อแกให้แกออกจากบ้านพายหรอ”

     

    “ใช่ดูเหมือนคุณปู่จะเตือนๆมานะ เพราะว่าบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นไม่ได้พ่อก็ได้พวกญาติคนอื่นๆ เขาต้องทำตัวให้ปู่เชื่อได้ว่าจะสืบทอดได้นะ”

     

    “คิดถึงแม่นายจังเนอะ ถ้ายังอยู่ป่านนี้บริษัทที่ญี่ปุ่นคงได้พ่อนายไปนานแล้ว”

     

    “ฉันก็คิดถึง”

     

         บรรยากาศเงียบสงบในสวนทำเอาลืมเรื่องร้ายๆได้นิดหน่อย เอริคหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความที่ตนเองส่งไปให้ใครอีกคนที่อ่านแล้วแต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะตอบกลับมาสักนิด ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มจะบึ้งตึง คิ้วขมวดอัตโนมัติ ก่อนที่จะกดส่งข้อความรัวๆไปให้อีกฝ่าย ละเหมือนเดิมอ่านแล้วไม่ตอบ

     

    “เอ้ามิลร์กับเอริคมาอยู่นี่เอง”

     

         พีดีสาวประจำรายการเดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว เอริคทำเพียงแค่เลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อยแต่สายตาก็ยังไม่ละไปจากโทรศัพท์ ส่วนมิลร์นั้นไม่หือไม่อือ พีดีสาวเริ่มจะเหงื่อตกเพราะคนตรงหน้าเป็นถึงลูกท่านประธารกับลูกชายของตระกูลดัง

     

    “พี่ก้อยมีอะไรครับ”

     

         สุดท้ายเอริคก็ละสายตาจากโทรศัพท์เมื่ออีกฝ่ายตอบข้อความกลับมาก่อนจะเอ่ยถามพีดีสาวที่ทำหน้าตาเหมือนจะร้องไห้ ก้อยเมื่อเห็นอย่างนั้นก็แทบจะร้องไห้

     

    “คือพี่อยากได้ฉากของมิลร์กับไอหน่อยจะ เอริคด้วยนะ”

     

    “พี่ก้อยพี่ก็รู้นิ

     

    “สร้างภาพสินะครับ”

     

         เอริคยังพูดไม่ทันจบมิลร์ก็พูดสวนขึ้นมาก่อน ใบหน้าสวยเงยหน้าขึ้นมามองอย่างเย็นชาใครสักคนในบ้านคงได้ยินคนอื่นเมาท์มาแน่ๆ ว่าลูกชายบ้านนี้ไม่ถูกกันเพราะเป็นที่รู้กันดีว่าทั้งพ่อเขาและลันดานั้นต่างห่วงภาพลักษณ์ภายนอกขนาดไหน

     

    “เอาไง”

     

    “ก็ไปสิ”

     

         เรียวขาสวยก้าวเข้าไปในบ้าน พีดีสาวเดินนำไปสถานที่ที่กำลังถ่ายรายการอยู่คือห้องครัว ไอกำลังทำขนมกับพาย ทันทีที่เห็นภาพปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแอบรู้สึกไม่พอใจนิดหน่อย แต่ก็แค่นิดหน่อยเท่านั้นละนะ ทันทีที่มิลร์กับไอปะทะหน้ากัน บรรยากาศอึดอัดแปลกๆก็เกิดขึ้นขนาดคนนอกยังรู้สึกได้

     

    “ที่เขาว่ากันว่าไม่ถูกกันคงจริง”

     

     

    “เอ้าก็ลันดานะเป็นเมียน้อยเขานะสิ”

     

    “ใช่ๆ ดูเหมือนมิลร์จะเคยแผลงฤทธิ์ใส่ไอด้วยนะเธอ”

     

    “นี่มันละครชัดๆเลยนี่แก”

     

         เสียงซุบซิบของสต๊าฟไม่สามารถทำให้บรรยากาศอึดอัดสลายไปได้ ไอแสร้งยิ้มหวานอย่างใสซื่อไปให้คนตรงหน้า มิลร์กรีดยิ้มให้อย่างเย็นชาโดยมีเอริคหัวเราะข้างหลังเบาๆ พิธีกรรายการรีบเข้ามาในฉากทันที

     

    “เอาละครับนี่คือน้องมิลร์นะครับ ที่เราเกริ่นไว้แต่ต้นรายการนะครับ ส่วนคนนี้คงจะคุ้นหน้าคุ้นตามาบ้างนะครับ เอริคครับบบบบบบบบบบ”

     

         เสียงพิธีกรชายคนดังทำให้บรรยากาศอึดอัดลดลงได้เยอะขึ้น ไอยังคงยิ้มใสซื่อลักยิ้มเล็กๆโผล่ขึ้นมาประกอบให้ใบหน้าดูน่ารักขึ้นเยอะแต่ในขณะเดียวกันภายในดวงตานั้นกลับซ่อนอะไรไว้หลายอย่าง

     

     

    “เอาละครับวันนี้เราจะมาดวลทำขนมกันดีกว่า”

     

         ทันทีที่พิธีกรพูดจบสองเพื่อนรักต่างไซส์ก็มองหน้ากันด้วยความหวาดๆเลยทีเดียวเชียว มิลร์นะทำไม่เป็นชัวร์ฝีมือไม่หวานเหมือนหน้าตานะ ส่วนเอริคก็มีเชฟส่วนตัวอย่างอัลฟาคอยทำให้กินอยู่แล้วนี่ ณ จุดๆนี้สองเพื่อนรักถึงกับเครียดเลยทีเดียว

     

    “เอาละครับเราจะมาเริ่มทำโดยโจทย์ในครั้งนี้คือ คัพเค้ก เริ่มเลยครับ”

     

         พายกับไอช่วยกันทำอย่างขั้นแข็งขณะที่มิลร์กับเอริคทำอย่างเก้ๆกั้งๆ แต่ก็ได้พายมาแอบช่วยเป็นระยะๆทำให้คัพเค้กนี้ดูหน้าตาไม่ได้น่าเกลียดเท่าไหร่นักตอนทำเสร็จ ใบหน้าสวยขึ้นด้วยสีแดงระเรื่อขณะที่เอริคใช้ผ้าเช็ดหน้าให้

     

    “อยู่นิ่งๆดิวะ”

     

         เอริคขึ้นเสียงนิดหน่อยขณะที่มือแกร่งยังคงเช็ดใบหน้าที่เปื้อนแป้งของเพื่อนรัก บอกให้ตีแป้งแต่มันดันจะถล่มครัว เจริญเหอะ

     

    “ริคก็อย่าเช็ดแรงดิ”

     

         มิลร์ว่าขึ้นเสียงอย่างงอนๆ ก่อนจะโดนมะเหงกแหมะลงที่หน้าผากทันทีที่เพื่อนรักเช็ดเสร็จ เอริคเดินไปนั่งลงหลังจากที่พักกองได้3นาทีแล้ว ก่อนที่ผู้กำกับจะเรียกเข้าไปถ่ายได้อีกจานรกเป็นของไอและพายหน้าตาดูน่ากินอย่างมาก แตกต่างจากอีกจานที่วางไว้ใกล้ๆกันลิบลับ

     

    “เอาละครับต่อไปนี้จะเป็นการชิมโดยการชิมนี้จะให้แต่ละคู่ชิม คัพเค้กของคู่ตรงข้ามนะครับ คู่แรกเลย มิลร์กับเอริคครับ มิลร์ครับหน้าตาขนมกับหน้าตาตัวเองนี่ต่างกันมากเลยนะครับ”

     

         มิลร์ยิ้มแห้งให้กล้องขณะที่ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่ออย่างเขินอาย เรียกรอยยิ้มจากร่างสูงที่แอบมองห่างๆได้ในทันที พายหยิบคัพเค้กขึ้นมาขณะที่ไอก็หยิบขึ้นมาด้วย มือแกร่งจับช้อนตักพอดีก่อนจะส่งมันเข้าปาก ลิ้นเริ่มรับรสชาติอาหารหวานที่ส่งลงไป มิลร์จ้องมองอีกคนอย่างใจจดใจจ่อในการทำอาหาร เขาอยากรู้จริงๆ แตกต่างจากเอริคที่ดูจะไม่สนใจอะไรเลย

     

    “รสชาติ….

     

         ริมฝีปากบางเปล่งเสียงมาแค่นั้นก่อนจะลากยาวอย่างใจจดใจจ่อกับการรอคอยคำตอบ พายที่เห็นดังนั้นจึงหลุดขำออกมานิดๆ เอ่ยปากบอกอีกฝ่ายถึงรสชาติ เอื้อมมือหนาไปขยี้เส้นผมนุ่มๆนั้นเบาๆ

     

    “อร่อยมากเลยครับ”

     

    “จริงหรอ”

     

    “หน้าตาไม่ให้นะ แต่แป้งนุ่มมากเลยละ”

     

    “แล้วไอว่าไงละครับ”

     

         พิธีกรหนุ่มหันไปถามไอที่ปั้นหน้าและเริ่มรู้สึกไม่พอใจนิดๆกับการที่ถูกลืม ริมฝีปากบางแย้มยิ้มนิดหน่อยก่อนที่จะเอ่ยตอบ

     

    “อร่อยครับ หน้าตาไม่น่าเชื่อเลยว่าจะอร่อยจริงๆนะครับ”

     

    “เอาละครับมาต่อกันที่คัพเค้กของไอกับพายนะครับ”

     

         มือเรียวบรรจงตัดให้พอดีคำก่อนจะส่งมันเข้าปากร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ(สาวๆในกองนี่ถึงกับฟิน) แล้วจึงตักให้ตัวเองบ้าง  คำแรกที่สำผัสก็เดาไว้ไม่ผิดเลยว่าสองคนนั้นทำคัพเค้กได้หน้าตาดีและอร่อยมากอีกด้วย แต่ต้องมาสะดุดเมื่อได้รับรู้ว่ามีสิ่งที่ตัวเองไม่ถูกด้วยเข้ามาอยู่ในปาก มือบางกำเข้าหาตัวเองแน่นก่อนที่จะมองไปทางร่างบอบบางของไอที่ส่งยิ้มร้ายมาให้

     

    “อุ๊ป แค่กๆ”

     

         เสียงดังมาจากไอที่ก้มหน้าก้มตาอยู่กับซิงค์ล้างจาน ทีมงานในกองที่มากันต่างมองหน้ากันด้วยความตกใจ พิธีกรหนุ่มและพายลูบแผ่นหลังบางทันที ไอเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับแสร้งน้ำตาคลอเบ้าอย่างจริงจัง ใบหน้าหวานขึ้นสีจัดอย่างสมจริง และมิลร์ก็รู้ได้ทันทีว่าอีกคนคิดจะทำอะไร

     

    “พักก่อนๆ”

     

         เสียงผู้กำกับตะโกนลั่นทีมงานทั้งหลายต่างวิ่งเข้าไปช่วยพัด บ้างก็ช่วยซับน้ำตามิลร์ยนมองภาพนั้นอย่างเงียบๆก่อนที่ตากลมจะสังเกตว่าแขนตัวเองเริ่มจะแดงแล้ว ปล่อยไว้นานกว่านี้เขาช็อคแน่ เอริคตบบ่าเพื่อนรักก่อนที่ตาคมจะเบิกกว้างเมื่อเห็นผลกระทบจากการแพ้ถั่วของเจ้าตัว

     

    “ไอเป็นอะไรไป”

     

    “ไอ แค่ก แพ้ แค่กๆ แครอทครับ”

     

    “ต๊ายจริงหรอแย่แล้วรีบเอาไอไปโรงบาลเร็ว”

     

    “อะไรลูกฉันเป็นอะไร”

     

         เสียงแสบแก้วหูดังมาจากทางเข้าพร้อมกับลันดาที่ก้าวเดินเข้ามาหาไอทันที ก้อยหน้าซีดเมื่อเห็นอดีตนางเอกสาวมองเธออย่างไม่ชอบใจนัก

     

    “น้องไอแพ้แครอทคะ”

     

    “แล้วใครเอาแครอทให้ลูกฉันกิน”

     

    “เอ่อน้องมิลร์กับเอริคทำคัพเค้กคะ เราให้สลับกันชิม”

     

    “มิลร์ก็รู้นิว่าไอแพ้แครอทมากขนาดไหน”

     

         ทั้งๆที่เป็นเรื่องโกหกแต่ลันดาก็ยังคงพูดออกมาไม่อายปาก ดวงตาเรียวมองอีกคนอย่างสะใจ ทีมงานต่างซุบซิบกันก่อนที่จะโดนก้อยไล่ให้ส่งไอที่โรงพยาบาล มิลร์เชิดหน้าขึ้นมามองลันดาอย่างเย็นชาขณะที่มือบางจับแขนของเพื่อนรักไว้แน่น พายที่เริ่มจะเห็นว่าลำคอนั้นเปลี่ยนไปก็เริ่มเอะใจบ้าง ไหนจะมือที่สั่นเทานั่นอีกละ

     

    “เอริคออกไปกันเถอะ”

     

         เสียงที่พูดออกมานั้นเบาหวิวแต่ก็พอที่จะทำให้คนตัวโตที่อยู่ข้างๆได้ยิน มือแกร่งพยุงร่างบางออกไปอย่างรวดเร็วโดยมีพายเดินตามมาติดๆ ก่อนที่จะไปช่วยกันอีกข้าง

     

    “ทำไมผื่นขึ้นอย่างนี้ละ”

     

    “มิลร์แพ้ถั่วนะ”

     

         สองมือค่อยๆช่วยกันวางมิลร์ลงบนเบาะหลังก่อนที่เอริคจะไปประจำที่คนขับ ส่วนพายก็จับวางร่างบางของมิลร์ให้นอนพิงอกตัวเองไว้ มือหนาลูบไล้ไปตามผิวขาวเนียนที่ขึ้นสีแดงอย่างเห็นได้ชัด

     

    “นายบอกว่าแพ้ถั่ว ฉันไม่ได้ใส่ถั่วนะ”

     

    “งั้นคงเป็นไอนั่นและที่ใส่นะ”

     

         น้ำเสียงเรียบๆที่เอ่ยมาเหมืนไม่คิดอะไรแต่ภายในตาคู่นั้นกลับเย็นชาจนน่ากลัว พายไม่ค่อยสนิทกับเอริคเท่าไหร่แต่จากการได้พูดคุยก็ได้รู้ว่าผู้ชายคนนี้น่ากลัวเหมือนกัน โชคดีที่รถไม่ติดทำให้มิลร์ถึงมือหมอโดยทันเวลาเฉียดฉิว พายนั่งอยู่หน้าห้องฉุกเฉินขณะที่กำลังตัดสินใจว่าจะโทรไปบอกอานารุจผู้มีศักดิ์เป็นพ่อของมิลร์ดีไหม เอริคที่โทรไปบอกเพื่อนเสร็จเดินมาเห็นชื่อของอานารุจโชว์หราอยู่บนหน้าจอจึงเอ่ยปากบอก

     

    “อย่าโทรเลยเขาไม่มาหรอก”

     

         พายเงยหน้าจากโทรศัพท์ก่อนที่มือแกร่งจะตัดสินใจส่งมันเข้าไปในกระเป๋า ทั้งบริเวณตกอยู่ในความเงียบ เอริคไม่ใช่คนพูดมากและพายก็ไม่ใช่คนชอบพูดเท่าไหร่ แต่กลับกันบรรยากาศไม่ได้อึดอัดสักนิด กลับดูเหมือนไม่มีอะไรมากกว่า รอเพียงไม่นานหมอก็ออกมาได้ความว่า คงต้องพักสัก 2-3 วัน หมอถึงจะอนุญาตให้กลับบ้าน ขณะที่กำลังจะย้ายคนป่วยไปห้องพิเศษเพื่อนก็มาพอดีและแน่นอน กวางร้องไห้

     

    “มิลร์ ฮึกๆ แกไม่เป็นอะไรแน่นะ”

     

    “กวางคือแบบว่า แกพูดแบบนี้มาชาติเศษแล้วนะเว้ย”

     

         โจ้เหวี่ยงใส่เพื่อนตัวเล็กทันที กวางหันหน้ามามองก่อนที่จะเบะปากเตรียมร้องไห้อีกรอบลำบากเอมต้องปลอบอีกกว่าจะหาย มิลร์เงยหน้ามองทุกคนด้วยความดีใจก้มหน้าก้มตาตอบไลน์เพื่อนในห้องที่ติดเรียนพิเศษกันอยู่ ก่อนที่จะหันซ้ายหันขวามองหาเพื่อนรักอีกคนที่ตอนนี้ไม่รู้อยู่ไหน

     

    “เฮเลนไปไหนหรอ”

     

    “เออเห็นมันแวบๆนะตอนมา”

     

    “เห้ยๆฉันมากับมัน”

     

    “ละมันไปไหนว่ะเอม”

     

         ยังไม่ทันที่ทั้งห้องจะได้พูดอะไรไปมากกว่านี้ประตูห้องพักผู้ป่วยก็เปิดออกพร้อมกับพี่หมอหน้าหล่อจะเดินเข้ามาพร้อมกับลากเอาเพื่อนรักหน้าสวยที่พึมพำอะไรก็ไม่รู้

     

    “นี่หรอเพื่อนของนาย”

     

    “เออจะไปไหนก็ไปเลย”

     

         เฮเลนว่าก่อนที่มือบางจะสะบัดออกจากการเกาะกุมของคุณหมอ ขณะที่คนในห้องต่างก็ตกตะลึงอึ้งกันอยู่ในการมาเยือนของคนที่ไม่รู้จัก

     

    “พูดไม่เพราะเลย”

     

    “เรื่องไร”

     

    “พี่บอกกี่ครั้งแล้วว่าพูดกับพี่นะดีๆหน่อย”

     

    “จะไปไหนก็ไปเลยไป อาจารย์หมอเรียกนิ”

     

         น้ำเสียงสะบัดติดจะงอนนิดหน่อยก่อนที่จะก้าวไปทิ้งตัวลงนั่งเบียดข้างๆเพื่อนรัก คิดเมื่อเห็นดังนั้นจึงส่ายหน้านนิดหน่อยในความเด็กของอีกคน ใบหน้าหล่อเงยหน้าไปมองคนไข้ที่มองมาที่เขาตาแป๋วก่อนจะเอ่ยบอกกับคนที่งอนตุ๊บป่องอยู่

     

    “ไว้พี่จะมารับตอนเย็นรออยู่กับเพื่อนนี่และ อ่อทุกคนพี่ชื่อคิดนะครับเป็น

     

    “พี่ชายข้างบ้านฉันเอง”

     

    “ตามนั้นครับน้องมิลร์ไม่ว่าอะไรใช่ไหมถ้าพี่จะฝากให้เฮเลนอยู่ด้วยจนกว่าพี่จะมารับ”

     

    “ไม่รอเว้ย”

     

    “พี่เลิกเร็วน่าวันนี้ ฝากด้วยนะครับ”

     

    “ครับๆ”

     

         ว่าจบร่างสูงก็ปิดประตูก่อนจะก้าวเดินออกไป ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบใบหน้าของเฮเลนนั้นบึ้งตึง หยาดน้ำสีใสไหลคลอเบ้าตาเล็กน้อยเล่นเอากวางที่นั่งอยู่ใกล้ๆเริ่มจะร้องตาม

     

    “ยังเป็นนักศึกษาแพทย์แน่ๆ”

     

    “ฉันต้องรู้ไหม”

     

    “พี่ข้างบ้านจะมางอนกันอย่างนี้แน่หรอ”

     

         ลิพูดขึ้นขณะที่รินน้ำใส่แก้วส่งไปให้เฮเลนที่ยังคงนั่งนิ่งเม้มปากเป็นเส้นตรง ทั้งห้องเมื่อเห็นว่าเพื่อนไม่พูดก็ไม่คิดจะเซ้าซี้อะไรต่อ ผ่านไปสักพักเฮเลนจึงเริ่มที่จะเปิดปากหลังจากที่เงียบมาจนน่าอึดอัด

     

    “เขาไม่ใช่แค่พี่ข้างบ้านหรอก เป็นแฟนนะ”

     

    “อืมดูก็รู้คนที่ทำแกบ่อน้ำตาแตกได้นี่เกินเพื่อนแน่ๆ”

     

    “แล้วแกทะเลาะอะไรกับพี่เขา”

     

    “ฉันบังเอิญเจอเขาพอดีตอนที่รอมิลร์อะเลยเดินเข้าไปหาแล้วเจอเขาคุยกับแฟนเก่าที่เรียนหมอด้วยกัน ฉันเลยรู้ว่าที่เขายกเลิกนัดฉันเพราะไปหาผู้หญิงคนนั้น”

     

         หยาดน้ำสีใสไหลรินออกมาจากดวงตาที่แดงก่ำ ใบหน้าหวานซบลงกับไหล่ของเพื่อนรักโดยเอมนั่งลูบหลังอยู่ ลิกอดอกแน่นใบหน้าหวานฉายแววไม่พอใจสุดๆ

     

    “ใจเย็นๆแกเผื่อเข้าใจผิด”

     

    “เข้าใจผิดบ้าอะไร เขาสารภาพว่ามันคือความจริงแล้วผู้หญิงคนนั้นก็บอกฉันด้วย ตอนที่บอกว่าเป็นแค่พี่ข้างบ้านก็ยังเฉยด้วย”

     

         กว่าจะปลอบกันได้ก็ใช้เวลานานอยู่พอควรโจ้บ่นปวดหัวไหล่ทันทีที่เพื่อนรักหยุดร้องไห้ได้แล้ว มิลร์เองก็พลอยโล่งใจไปด้วย ตากลมก้มลงมอนแผ่นกระดาษในมือที่มีสิทธิ์เปลี่ยนทุกอย่าง เอริคกับพายมองหน้ากันแปปหนึ่งก่อนจะมองไปที่คนที่เหม่อมองไปที่กระดาษ

     

    “ริค…..ฉันจะทำ”

     

         ต้องขอบคุณไอนะที่ทำให้มิลร์นั้นได้ตัดสินใจได้เร็วขึ้น เอริคยกมุมปากขึ้นนิดหน่อยพวกเพื่อนๆมองหน้ากันพร้อมกับพยักหน้า พายเดินมาหยุดที่ข้างๆเตียงพร้อมกับมือแกร่งที่ยกขึ้นลูบเส้นผมสีบลอนด์ทองนั่น

     

    “ไม่ว่านายจะเลือกทางไหนฉันจะคอยอยู่ข้างๆนายเอง”

    ***************************************************************************************************
    TBC.

     

    แถมรูปพี่คิด คุณหมอฝึกหัดสุดหล่อ
    ผู้ที่ทำให้เฮเลนต้องหลั่งน้ำตา


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×