เจอหัวข้อแบบนี้ทุกคนก็คงจะรู้กันแล้วสินะครับ ว่าเรื่องเด่นเย็นนี้ของผมจะเป็นเรื่องอะไร ก่อนอื่นเลยต้องขอบอกกับทุกท่านตรง ๆ เลยว่า ผมไม่ได้คิดจะเขียนเรื่องนี้มาตั้งแต่แรกแล้วครับ เพราะว่าเรื่องนี้มันเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันหลายต่อหลายฝ่ายมาก ไม่ว่าจะเป็นสื่อจากที่ต่าง ๆ หรือว่าจะเป็นนักวิชาการจากมหาลัยชื่อดังที่ทุกคนก็คงจะรู้จักกันดี ซึ่งทำให้ผมรู้สึกขัดใจเล็กน้อยที่ต้องเอ่ยชื่อนี้อีกแล้วนั่นก็คือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไอ้แฝรดดดดดดดดดด น่าหงุดหงิดเจง ๆ ที่แม่งพอถามถึงมหาลัยในประเทศไทย แม่งก็จะนึกถึงกันแต่ไอ้สถานที่แห่งนี้ โดยที่พวกแม่งแต่ละคนไม่คิดจะหานักวิชาการจากที่อื่นมาออกหน้าจอกันมั่งเลยหรือไงวะหมันไส้ว่ะเฮ้ย ๆ ๆ เอาล่ะอย่าต่อความยาวสาวความยืดกับเรื่องพวกนี้ดีกว่า มาฟังเรื่องของผมต่อละกันพี่น้อง
ทำไมผมถึงอยากเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาซะดื้อ ๆ น่ะเหรอครับ สาเหตุมันมาจากเพื่อนผมครับมันได้ไปโหลดไฟล์ของข้อสอบ O-Net มาจากในเวปของ ส.ท.ศ. หรือชื่อเวปที่เด็กเตรียมเอ็น ฯ หลาย ๆ คนก็คงจะเคยเข้าไปอย่างแน่นอน เพราะขนาดสมัยที่กูเรียนอยู่ ม.ปลาย กูยังเข้าเลยสาด ( พูดซะดูแก่เลยไอ้เอเอ้ย ) เวปนั้นมันมีชื่อว่า niet ครับเป็นไงล่ะรู้จักกันแล้วล่ะเซ่เพ่น้อง ใช่แล้วครับเพื่อนผมมันได้ไปโหลดเอาแบบข้อสอบจากในเวปออกมาพร้อมกับเฉลยของบางวิชา อีกทั้งผลสำรวจจากโพลที่ทางนั้นหรือเปล่าไม่แน่ใจได้ทำมาอีกด้วย ว่าข้อสอบนั้นมีวิชาไหนบางที่ผู้เข้าสอบเกิดข้อสงสัยกับคำถามของข้อสอบชุดนี้ ซึ่งผลก็ออกมาตามที่สื่อในช่องต่าง ๆ ทางสถานีโทรทัศน์ได้เอาเรื่องเหล่านี้มาถกเถียงกันในรายการนั่นแหละครับ ว่าวิชาที่ติดท๊อปดาวน์โหลดว่าเป็นวิชาที่มีข้อสงสัยกันมากที่สุดก็คือ วิชาสุขศึกษาและพลานามัยรวมถึงวิชาการงานพื้นฐานอาชีพอีกด้วย ซึ่งทั้งสามวิชานี้เป็นวิชาที่มีเกณฑ์การให้คะแนนที่โครตระจะง่าย จนอันตัวกูนี้ก็ไม่รู้ว่าจะหาคำไหนมาพรรณนาได้ไพเราะไปมากกว่านี้อีกแล้ว ในสมัยที่ไอ้ตัวกูนี้เคยเรียนอยู่ในระดับประถมและมัธยม นี่คือสาเหตุแรกของการที่ผมได้หยิบยกเรื่องนี้มาเขียนครับ
ส่วนสาเหตุที่สุดท้ายที่ผมอยากเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาก็คือ หลังจากที่ผมได้เห็นคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นอนาคตของชาติผู้ที่รอฟังผลสอบ ที่ออกมาค้านกันยกใหญ่ว่าเป็นข้อสอบที่ม่างออกมาได้ยังไงวะ พวกกูไม่เคยเจอในตำราซักเรื่องแล้วกูจะผ่านเหรอ ครั้งเดียวในชีวิตของกูคงจะจบสิ้นลงแต่เพียงเพราะผ้าปูโต๊ะกับการซักผ้าและประวัติน้องนกอย่างนั้นน่ะเหรอแค่นี้ใช่มั้ย ตลอดเวลา 10 กว่าปีที่กูเรียนในโรงเรียนหรือกว่าครึ่งชีวิตของกูตั้งแต่เกิดมาจนถึงปัจจุบันเนี่ย กูต้องมาเจอเรื่องนอกตำราทั้ง ๆ ที่กูเองยังฝึกงานไม่ได้เลยด้วยซ้ำไปอย่างนั้นน่ะเหรอ หรือแม้แต่สื่อต่าง ๆ ที่ออกมาถกเถียงกันยกใหญ่ไม่ว่าจะเป็นรายการของสรยุทธ ที่ม่างเอามาทำเป็นเพลงล้อเลียนกันไปแล้วก็ดี หรือว่าจะเป็นนักวิชาการที่เป็นถึงอาจารย์ผู้ทรงคุณวุติจากมหาลัยที่ทุกคนก็รู้ว่าที่ไหน ( กูเริ่มไม่อยากเอ่ยชื่อและสาดใช้เรียกแบบในเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์เลยละกันมึง ) ยังต้องถึงกับเดาข้อสอบของเด็กมัธยมเตรียมเอ็น ฯ ทั้ง ๆ ที่ตัวอาจารย์ท่านเองก็มีทั้งความรู้และประสบการณ์มาอย่างโชกโชนจนประเมินค่าไม่ได้ จนท้ายที่สุดก็คือรายการของคุณวู้ดดี้ที่ผมเพิ่งได้ดูไปเมื่อคืนนี้ ในนำเทปการสัมภาษณ์จากคนทั้งสองฝ่ายมา On Air ให้ดูในรายการซึ่งก็คือเทปการสัมภาษณ์ของฝ่ายหนึ่งนั่นก็คือเด็กมัธยมที่ผ่านการสอบ O-Net ครั้งล่าสุดนี้มา กับอีกฝ่ายหนึ่งนั่นก็คือบุคคลที่ผมเชื่อว่าเยาวชนไทยหลายคนคงจะเริ่มเกลียดขี้หน้ากันไปบ้างแล้ว หรืออาจจะยังเคารพนับถืออยู่แต่ลดปริมาณลงไปไม่มากก็น้อย เค้าคนนั้นก็คือท่านดร.อุทุมพร จามรมาน ผู้อำนวยการ ส.ท.ศ. หรือผู้คิดข้อสอบ O-Net ในปีนี้ขึ้นมานั่นเอง ซึ่งเนื้อเรื่องเป็นอย่างไรนั้นผมขอไม่เอ่ยถึงละกันครับถ้าใครได้ดูเมื่อคืนนี้ทางช่อง 9 ก็คงจะทราบกันไปแล้วอ่ะนะ ส่วนผู้ที่ไม่ได้ดูก็ไปหาดูในเวปไซด์ของรายการนี้เอาละกันนะครับ ซึ่งผมต้องขอโทษด้วยที่ไม่รู้ลิ้งค์ของเวปนี้อ่ะยังไงก็ลองหาในเวปพี่ Goo เอาละกันนะครับต้องเจอแน่นอน เอาเป็นว่าผมขอพูดแค่เรื่องในสาเหตุแรกก็แล้วกันนะครับพี่น้อง
และทั้งสองสาเหตุนี้ผมเองที่เคยผ่านการสอบทั้ง A และ O มาแล้วในสมัยแรก ๆ มาแล้วนั้นเมื่อเจอทั้งสองเรื่องนี้เข้าไป ผมรู้สึกเหมือนกับว่ากูช่างเป็นเยาวชนที่โชคดีซะจริง ๆ เสียนี่กระไร ทำไมรุ่นหลัง ๆ มันช่างน่าสงสารอย่างนี้วะ เจอคำถามแบบนี้ก็คงไม่ผิดหรอกครับที่นักวิชาการหลายท่านจะตอบแบบฟันธงเลยไม่ได้อ่ะ ทั้ง ๆ ที่เป็นอาจารย์ในคณะครุศาสตร์เองโดยตรงเลยนะเนี่ย น่าเศร้าจริง ๆ ครับรุ่นน้องสมัยนี้ จะเอ็น ฯ กันไม่ติดก็เพราะไอ้เรื่องผ้าปูโต๊ะนี่แหละยัยป้าคนนี้มันคิดมาได้ไงวะกับคำถามแบบนี้เนี่ย และจากสาเหตุแรกนี่แหละครับหลังจากที่ผมเห็นหน้าตาข้อสอบที่เพื่อนผมมันโหลดออกมาแล้วพร้อมเฉลย ผมเองก็แทบจะนั่งกุมขมับนับญาติกันไม่ถูกไปเลยทีเดียวกับเฉลยในบางข้อ ที่ทางเวปได้จัดมาให้พวกผมดูเป็นขวัญตาและขวัญยาย พร้อมกับบทสัมภาษณ์จากยัยป้าคนนี้ ในบางช่วงที่ผมได้ยินวู้ดดี้ถามแล้วผมเองก็แอบสะใจนิด ๆ ที่ป้าแกเองก็แอบตอบไม่ได้เช่นกัน ผมจะขอไล่เป็นรายวิชาไปเลยดีกว่าว่าแต่ละวิชาที่ผมได้เห็นเฉลยมาแล้วนั้น ผมรู้สึกอย่างไรบ้างถ้าผมเป็นผู้ทำข้อสอบในตอนนั้น และได้รู้ถึงคำตอบที่มาแบบชนิดที่ว่าเข็มขัดสั้นอย่างยิ่งยวด รวมถึงในบทสัมภาษณ์ที่ผมพอจำได้และเอามาออกอากาศให้ได้อ่านกันนั้นผมรู้สึกยังไงบ้าง
เริ่มกันที่บทสัมภาษณ์ระหว่างวู้ดดี้กับป้าแกก่อนเลย ว่าด้วยเรื่องของวิชาภาษาอังกฤษซึ่งผมเองก็พอมีความสามารถทางภาษาอยู่บ้างเล็กน้อยพอคุยกับฝรั่งได้ และยังเป็นวิชาที่ผมเองก็เริ่มมาศึกษาอย่างจริงจังในตอนหลัง ๆ นี้อีกด้วย ซึ่งวิชานี้ในตอนแรก ๆ ขอบอกตรง ๆ ว่าเป็นวิชาที่กูโครตจะเกลียดยิ่งกว่าคณิตซะอีกจอร์จแต่หลัง ๆ มานี้เริ่มสนุกกับมันซะแล้วพี่น้อง วิชานี้อย่างที่เหล่าเด็กเอ็น ฯ ได้เห็นหน้าตาของข้อสอบและกระดาษคำตอบกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วอ่ะนะครับ น่าเสียดายที่เฉลยข้อสอบที่เพื่อนผมโหลดมามันไม่มีเฉลยของวิชานี้ ผมเลยยกตัวอย่างมาให้ดูไม่ได้ แต่ผมคิดว่าคำถามน่าจะเป็นคำถามตามหลักไวยากรณ์ของภาษาอังกฤษทั่ว ๆ ไปที่พวกเราเองก็สอบตกกันอยู่บ่อย ๆ อาจจะมีสอบผ่านบ้างพอประปรายผมคงไม่ได้พูดแรงไปใช่ป่ะ ( ทีอย่างนี้มึงทำเป็นมาดูกาลเทศะนะไอ้ฝาดดดแล้วที่มึงเขียนมาแต่เริ่มนี่ยังเบาอยู่ใช่มะมึง -*- ) วิชาภาษาอังกฤษในการสอบ O นี้ในกระดาษคำตอบมันให้ตอบทั้งสองข้อที่สัมพันธ์กันใช่มั้ยครับ ถ้าผิดไปแม้แต่ข้อเดียวก็จะไม่ได้คะแนนในข้อนั้นไปเลย วู้ดดี้เค้าได้ถามเรื่องนี้กับยัยป้าแกเหมือนกันครับซึ่งในบทสนทนามีอยู่ประมาณว่า " วิชาภาษาอังกฤษเนี่ยทำไมถึงผิดข้อเดียวแล้วไม่ได้คะแนนเลยล่ะครับ " วู้ดดี้เป็นฝ่ายถามก่อนซึ่งป้าแกตอบว่า " ภาษาอังกฤษเนี่ยเราต้องรู้ทั้งประธานกริยาและกรรมถูกมั้ยคะ ? ถ้าหากว่าเรารู้แค่ประธานอย่างเดียวหรือกริยาอย่างเดียวเนี่ยมันก็ไม่เป็นประโยคใช่มั้ยคะ ? นี่แหละค่ะคือวัตถุประสงค์ของข้อสอบวิชานี้ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องให้ทำให้ถูกทั้งสองข้อ "
คราวนี้มาถึงคำถามของกูมั่งนะสาด ถ้าคุณป้าอยากจะให้เด็กมันทำให้ถูกทั้งสองข้อทำไมป้าไม่ให้โจทย์เด็กมาแค่ว่า...ให้เติมประธานกับกริยาข้อนึง ส่วนอีกข้อนึงก็ให้เด็กมันเติมกรรมหรือส่วนขยายหรือคำคุณศัพท์ไปด้วยเลยเด้ มึงจะให้คำถามมาเป็นประโยคที่มีประธานกริยาและกรรมครบมาเลยทำพระแสงขรรค์อะไรล่ะวะครับ ถ้าให้มาแบบนี้ทั้งสองข้อย่อยในหนึ่งข้อใหญ่ แล้วให้ฝนคำตอบที่มันสัมพันธ์กัน โดยมีเป็นประโยคมาเต็ม ๆ องค์ประกอบขนาดนี้แล้ว แค่ให้เด็กมันอ่านออกแปลได้ตอบถูกข้อเดียวกูว่ามันก็เพียงพอแล้วมั้งครับอาเจ๊มึงจะหวงคะแนนไปถึงไหนไอ้สราดดดดดดดด แบบนี้ถ้าเกิดว่ามีเด็กคนหนึ่งมาสอบแบบที่ว่ากูมั่นใจว่ากูแปลประโยคภาษาอังกฤษได้ดีพอสมควร กูสอบผ่านชัวร์ ๆ ไอ้สราดดดดดดดไม่ได้แดกกูหรอกยัยป้าเอ้ย แต่ผลปรากฏว่าที่เด็กคนนั้นทำมาแม่งดันทำได้ข้อย่อยข้อเดียวจากทั้งหมด 40 ข้อใหญ่ถ้าคิดเป็นข้อสอบในโรงเรียนก็คือ 50% เป๊ะ ๆ มึงผ่านแน่นอนแล้วครับพี่น้อง แต่ไม่ใช่ใน O-Net หรอกนะหนูจ๋าแบบนี้เท่ากับได้ 0 คะแนนนะคะนักเรียน โอ้โหครับไอ้ไข้รากสราดดดดดดดดดสรุปว่ากูตกวิชานี้งั้นสิมึงเออเจริญพรเถอะกูขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับพี่น้อง งั้นกูฝากลงสมัครปีหน้าเผื่อกูด้วยนะครับเพื่อนสมแห้ว แจวเรือลงอ่าง ไว้เราไปสอบตกกันใหม่ใน O ครั้งหน้า
ต่อไปเป็นวิชาสุขศึกษาและพลานามัยซึ่งในสองวิชานี้ผมขอยกตัวอย่างคำถามจากข้อสอบ O-Net ที่ผมเห็นจากเวปนั้นมาให้ดูบางคำถามที่ช่องรายการข่าวอื่น ๆ ไม่ได้ยกขึ้นมาให้ดูนะครับ ตัวอย่างคำถามนั้นมีอยู่ว่า
การจะตีลูกเทนนิสที่ลอยอยู่ในจุดที่สูงที่สุดของสนาม น้องนกจะต้องใช้ทักษะการตีเทนนิสในด้านใด
1. ความแข็งแรง
2. การทรงตัว
3. พลัง
4. ความอ่อนตัว
ถ้าเป็นพวกคุณจะเลือกตอบข้อไหนเหรอครับ ? ผมคิดว่าหลายคนเลยแหละที่จะตอบเหมือนกับผมเมื่อเจอคำถามนี้ในครั้งแรก นั่นก็คือความแข็งแรงหรือไม่ก็ความอ่อนตัว เพราะลูกเทนนิสและไม้เทนนิสนั้นเป็นอุปกรณ์ที่มีน้ำหนักไม่ใช่น้อย ๆ เหมือนกันการที่จะทำลูก Smash หรือลูกตบนั้นจะต้องใช้แรงแขนเป็นจำนวนมากในการเหวี่ยงไม้เข้าหวดลูดด้วยแรงทั้งหมดที่มี เพื่อให้ลูกพุ่งลงไปอย่างแรงซึ่งนับว่าเป็นท่าเก็บแต้มในกีฬาจำพวกหวดตบลูกที่สำคัญเลยทีเดียว และยังทำได้ยากถ้าหากเราไม่มีสภาพร่างกายที่แข็งแรงพอ รวมถึงต้องมีความอ่อนตัวของกระดูกสันหลังในการเอนตัวเพื่อเพิ่มแรงเหวี่ยงของแขนในการตบลูกอีกด้วย ซึ่งทั้งสองข้อนี้ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในลำดับแรก ๆ เลยทีเดียวในการเล่นลูกตบถูกมั้ยล่ะ แต่หารู้ไม่ว่าทั้งสองข้อที่เราตอบมานั้นน่ะต่อให้เอาการทรงตัวรวมเข้าไปด้วยเลยเอ้า ไม่มีข้อถูกเลยครับพี่น้องเพราะข้อที่ถูกจริง ๆ ในความหมายของยัยป้าคนนี้มันคือข้อ 3 ครับผม "พลัง" มันคือ "พลัง" ครับพี่น้อง ที่ต้องใช้ในการตบลูกที่ลอยอยู่สูงที่สุดของสนาม ทุกคนก็คงจะคิดเหมือนผมแหละครับว่าพลังมันคืออะไรมันมีรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง มันอ้วนมั้ยหรือว่ามันเป็นลูกครึ่งครึ่งบ้าครึ่งบอหรือเปล่าถุยเหอะครับ มึงเฉลยออกมาแบบนี้กูว่าให้รัฐบาลออกมาพูดว่า GT200 ใช้ได้ยังน่าเชื่อกว่าอีกไอ้สราดดดดดดดด ใครเค้าจะมาบ้าเหมือนมึงเนี่ยอาจารย์ป้าครับ โจทย์มึงให้กูมาเป็นทักษะการตีเทนนิสแต่มึงเสือกเฉลยว่าพลังเนี่ยนะ นี่มึงแกล้งบ้าหรือว่ามึงเรียน ป.เอก จบมาได้ ดร. จนเพี้ยนเนี่ยไอ้ท่านด๊อกครับ แล้วไอ้พลังนี่มันเป็นทักษะส่วนไหนวะครับ มันมีรูปธรรมรึเปล่าฟะมึงเคยเห็นหน้าตามันแล้วเหรอท่านด๊อกครับ แล้วไอ้ตัวกูนี้จะไปหาพลังได้จากไหนวะเนี่ยต้องไปฝึกเรียนเป็นอัศวินเจไดที่กาแล็กซี่อื่นก่อนมั้ยถึงจะเข้าถึงพลังนั้นได้เนี่ย หรือกูต้องมีศรัทธาเชื่อในพระเจ้าเหมือนที่บาทหลวงท่านชอบพูดกรอกหูให้พวกคริสเตียนฟังกันอย่างนั้นเรอะ ปวดตับเมื่อยง่ามไตอย่างรุนแรงเลยครับถ้ากูเจอคำถามพร้อมกับเฉลยแบบนี้ล่ะก็นะ กูฝากสมัครใหม่ปีหน้าอีกซักวิชานึงนะเพื่อนสมแห้ว แจวเรือลงอ่างไว้มาตอบว่า "พลัง" ตามความต้องการของยัยป้ามันในครั้งหน้าละกันนะพระสหายกู
มาถึงบทสัมภาษณ์อีกครั้งของวู้ดดี้กับอาจารย์ป้าแกอีกครั้งนะครับ คราวนี้เป็นวิชาสุขศึกษาในหัวข้อสนทนาว่าด้วยเรื่องของการคบเพื่อนซึ่งในหัวข้อสนทนาเรื่องนี้ ก็ได้มีการยกตัวอย่างคำถามข้อหนึ่งขึ้นมาด้วยเช่นกันครับโดยวู้ดดี้เป็นคนยกคำถามนี้มาคำถามมีว่า
ข้อใดคือคุณสมบัติที่ดีที่สุดในการจะเลือกคบเป็นเพื่อน
1. ร่าเริงแจ่มใส
2. เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
3. เอาใจเขามาใส่ใจเรา
4. พูดจาไพเราะ
ซึ่งทั้ง 4 ข้อนี้ก็มีความเป็นไปได้ทุกข้อแต่ทำไมต้องเป็นข้อสามล่ะครับ นี่คือคำถามของวู้ดดี้ที่ถามป้าแก ซึ่งช่วงนี้ก็ได้มีเทปของเด็กนักเรียนที่อัดไว้คนละวันมาเปิดเพิ่มอีกด้วย โดยในเทปนั้นเด็ก ผู้หญิง/ผู้ชาย คนหนึ่งได้ถามมาว่า " อะไรคือเครื่องชี้วัดล่ะคะ/ครับว่าต้องคบเพื่อนที่อยู่ในข้อ 3 เท่านั้นทั้ง ๆ ที่พวกเราทุกคนก็มีสิทธิที่จะเลือกเพื่อนที่มีคุณสมบัติทั้ง 4 ข้อนี้โดยมีกันคนละข้อเลยก็ได้ " ซึ่งก็เป็นเรื่องน่าคิดเหมือนกันกับคำถามในเรื่องนี้ ซึ่งป้าแกก็อธิบายไขความกระจ่างให้ไปล่ะนะครับ
แต่คำถามที่ทำให้ผมแอบสะใจนิด ๆ ก็คือคำถามของวู้ดดี้ครับที่ได้ถามป้าแกหลังจากที่แกได้อธิบายจุดประสงค์ของคำตอบในข้อนี้มาจนหมดแล้วบทสัมภาษณ์ของป้าแกมีประมาณนี้ครับ " 1. ร่าเริงแจ่มใสแล้วถ้าเกิดว่าคนนั้นเค้าพาเราเสียคนล่ะ 2. เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แล้วถ้าเกิดว่าเค้าแกล้งทำล่ะ 4. พูดจาไพเราะถ้าเกิดว่าในใจคิดไม่ซื่อล่ะ เพราะฉะนั้นข้อ 3 นี่แหละค่ะที่ดีที่สุดแล้วใน 4 ข้อถูกมั้ยคะ " แหม ๆ ๆ อธิบายได้ชัดเจนมากเลยครับอาจารย์ครับ แต่ว่าวู้ดดี้เค้าถามกลับมาอย่างนี้ครับ " ที่อาจารย์บอกว่าข้อ 3 นี้เป็นคำตอบที่ดีที่สุด แล้วอย่างนี้ถ้าผมจะถามว่าถ้าเกิดว่าคนในข้อ 3 นี้ที่เข้าใจเราเนี่ยถ้าเกิดว่าเค้าก็แกล้งทำเหมือนกับข้อ 2 ล่ะ... " เท่านั้นแหละครับ ป้าแกเงียบไปเลยครับพี่น้องมีหยุดมองข้อสอบตัวเองนิดนึงใส่แว่นพอวางมาดอวดภูมิเล็กน้อย มีเงยหน้ามามองวู้ดดี้เพื่อถามซ้ำด้วยว่า " ดีที่สุดใช่มั้ยคะ " แล้วก็ก้มหน้าลงไปต่อทำอยู่อย่างนี้สักพักใหญ่ ๆ เลยจนวู้ดดี้หลุดฮาเล็กน้อยก่อนจะโบกมือประมาณว่าไม่เป็นไรผ่าน ๆ ไปเหอะเพื่อไว้หน้าป้าแกนิดนึง ก่อนจะเปลี่ยนคำถามเป็นเรื่องอื่นแทนไปในที่สุด ผมดูอยู่ผมก็แอบคิดเหมือนกันนะว่าป้าคนนี้แกก็คงจะคิดอยู่ในใจเงียบ ๆ แน่เลยประมาณว่า " นั่นสิคะแล้วอย่างนี้เดี๊ยนจะตอบยังไงล่ะเนี่ยตาวู้ดดี้คนนี้นี่ถามซะเราไปต่อไม่เป็นเลยอ่ะแอร๊ยยย น่าอายที่สุดเลยชั้นออกข้อสอบมาเองแล้วตอบข้อสอบของตัวเองไม่ได้อ่ะอะไรอ่ะบ้า ๆ ๆ " ประมาณนี้ล่ะมั้งครับฮ่ะ ๆ ๆ
เอาล่ะครับนี่ก็คือตัวอย่างคร่าว ๆ ของข้อสอบ O-Net ปีล่าสุดที่เยาวชนไทยของเราเพิ่งจะผ่านมันมาไม่นานมานี้อ่ะนะครับ ส่วนวิชาอื่น ๆ ที่ผมไม่ได้พูดถึงก็เพราะว่ามันไม่ได้มีข้อสงสัยเท่าไหร่อ่ะนะครับ อีกอย่างบางคำถามที่เป็นข้อถกเถียงก็ได้มีคนเอามาพูดหลายแห่งแล้วด้วย ผมก็แค่เสริมตัวอย่างบางตัวอย่างที่ไม่ได้มีใครเอามาให้ดูลงไปเพิ่มก็แค่นั้นเอง และผมก็คิดว่าหลาย ๆ คนคงจะคิดว่าตัวเองคงจะไม่ผ่านแน่ ๆ เลยล่ะสิใช่มั้ยล่ะ ยังไงซะก็อย่าเพิ่งท้อนะครับคิดซะว่าเราเป็นหนูทดลองรุ่นแรกของหลักสูตรใหม่ของปี 51 ที่ยังไม่ให้ ม.6 ปีนี้เอามาใช้ เพราะจะเริ่มใช้จริง ๆ ในตอน ม.4 ของปีนี้ คงอาจจะเกิดความผิดพลาดจากทางกระทรวงศึกษาก็เป็นได้ที่เอาหลักสูตรนี้ออกมาใช้ก่อนกำหนด ก็เลยทำให้ ม.6 รุ่นนี้ที่ใช้หลักสูตรการออกข้อสอบของปี 44 อยู่ต้องรับเคราะห์กันไป เอาเป็นว่าใครที่เอ็น ฯ ติดที่ไหนกันไปแล้วก็ยินดีด้วยนะครับ ส่วนคนที่ยังไม่ได้ที่ไหนเลยเราก็ไปพยายามต่อในการสอบครั้งหน้าละกันนะครับ อย่าเพิ่งท้อแท้จนคิดสั้นค่าตัวตายประชดชีวิตที่โดนยัยป้ากลั่นแกล้งไม่ให้เราเอ็น ฯ ติด หรือคิดว่ากูจะต้องทำคุณไสยใส่มึงให้ได้อะไรประมาณนั้น ยังไงซะรามคำแหงก็ยังรอเราอยู่ครับ ไม่ได้เป็นสถานที่น่ารังเกียจแต่อย่างใดอาจจะมีความรุนแรงเพราะพิษการเมืองบ้างเป็นบางเวลา เราก็แค่อยู่ส่วนของเราใช้ชีวิตแบบนักศึกษาทั่ว ๆ ไปจนจบออกไปพร้อมกับคุณภาพที่คับแก้ว ไม่น้อยหน้ามหาลัยชั้นนำของประเทศไทยหรอกครับ ขอแค่เรามีความตั้งใจแค่นั้นเองเดี๋ยวผมจะอาสาไปเป็นรุ่นพี่เทรนเด็กใหม่ให้ก็ได้ฮ่ะ ๆ ๆ
เลิฟยอลลลลลลลลลลลจ้า
จุ๊ฟมั๊วะ
ปล.ยาวเว่อร์เลยสาดเรื่องนี้กุเนี่ย
O-Net ข้อสอบที่กู (ครู) เองก็ตอบไม่ได้ครับ ??
เขียนโดย
KerberoS
แจ้ง Blog ไม่เหมาะสม
8 มี.ค. 53
1,207
0
ความคิดเห็น