Lyra Lila
ดู Blog ทั้งหมด

ROMIO & JULIET

เขียนโดย Lyra Lila
ณ เมืองเวโรนาอันเป็นฉากแห่งเรื่องนี้ 2 ตระกูลใหญ่ซึ่งมีเกียรติยศเสมอกัน ต่างสั่งสมความแค้นมาแต่หนหลัง ก่อให้เกิดโทสะใหม่ จนญาติวงศาพากันนองเลือดทั้งสิ้น จากอุทาหรณ์ของ 2 ตระกูลคู่อริ บุตรา และ บุตรี ร่ำไห้เพราะ ความรัก ไม่สมหวัง ต้องสังเวยด้วยชีวิต วายปราณไปตามกัน เรื่องขุ่นเคืองใจของ 2 ตระกูลจึงยุติ ..

     
ตรอกซอกซอย และ ถนนหลายสายมุ่งสู่ลานกลางเมือง แหล่งชุมนุมแลกเปลี่ยนสินค้า พืชผล ราวกับตลาดนัดก็มิปาน แซม,เกรกอรี่ และบ่าวรับใช้ของ คาปุเล็ต พร้อมดาบประจำกายเดินกร่างคับที่คับทาง
     
" การทะเลาะเป็นเรื่องระหว่าง นาย และ ขี้ข้า นะ " เกรกอรี่
      " ข้าก็ว่าอย่างงั้นแหละ " แซม
      " เฮ้ย พวก มอนตะคิว มาแล้ว " เกรกอรี่
     
" อ้าว สวัสดี " บาทหลวงมอนตะคิวทักแม่ค้าผลไม้
     
" วิวาท ข้าหนุนหลังเอง " แซมกุมดาบแน่น
     
" ใช่ ระวังหลังนะ " เกรกอรี่สอดรับ
     
" วันนี้คนเยอะจังเลย " อับราฮัมบ่าวรับใช้ มอนตะคิว เปรย
     
" ถุย ! " แซมถ่มน้ำลายดักหน้าคู่อริ แล้วอมนิ้วมือยียวน
     
" เจ้ากัดหัวแม่มือใส่เราเหรอ " อับราฮัมสะดุ้ง
     
" ข้ากัดหัวแม่มือของข้า " แซม
     
" หือ ใช่ ! เจ้ากัดหัวแม่มือใส่เรา งั้นเหรอ " อับราฮัมย้ำ
      " เปล่า ข้าไม่ได้กัดหัวแม่มือใส่เจ้า ข้ากัดหัวแม่มือตัวเองต่างหาก " แซมกวนโทสะ
     
" เดี๋ยว หาเรื่องกันชัดๆ จะเปิดศึกรึไม่ " เกรกอรี่จับหัวไหล่อับราฮัมฉุดรั้งไว้

    
 " เปล่าๆ วิวาทหรือหามิได้ " อับราฮัมก้มหน้าไม่อยากมีเรื่อง
     
" ถ้าเจ้าทะเลาะวิวาทข้าก็จะต่อกรด้วย ข้ารับใช้เจ้านายที่ดีเท่ากับเจ้านายของเจ้า ! "
      " ไม่ดีเท่า " อับราฮัมชักยั้วเมื่ออีกฝ่ายก้าวร้าวลูกพี่
     
" ดีกว่าด้วยซ้ำ " แซมสำทับ
     
" เจ้าโกหก ! " พูดเสร็จบาทหลวงประจำตระกูลมอนตะคิวหัวเราะก๊าก พวกคาปุเล็ตเตะตัดขาหลังท่านบาทหลวงลงไปนอนวัดพื้น ศีรษะกระแทกขอบถังไม้
      " ชักดาบ ! ถ้าเจ้ายังเป็นลูกผู้ชาย " อับราฮัมระเบิดอารมณ์
     
" เกรกอรี่ นี่คือการต่อสู้ที่จะเลื่องลือไปอีกนาน " แซมฉายเดี่ยว
      บ่าว ไพร่ทั้ง 2 ตระกูลประกบกันดวลดาบตัวต่อตัว ใครไม่มีอาวุธก็ใช้มือเปล่าชกชุลมุนต่อหน้าธารกำนัล บ้างก็เรียกคนในปราสาทมาสมทบ ไล่ต้อนชนข้าวของกระจาย แผงไม้,ร่มกันแดดล้มเกลื่อน เป็นที่อกสั่นขวัญแขวนของชาวประชา
     
" หยุดๆ หยุดเสียทีได้มั้ย .. รู้มั้ยห้ามมีการวิวาทบนถนนแห่ง เวโรนา " ชาวบ้านตะโกนลั่น

ติบอลต์ คาปุเล็ต     
" พวกไพร่ พวกยโส ชักดาบกันออกมา ชักมา เบ็นโวลิโอ ดูความตายของเจ้า " ติบอลต์ ,หลานคุณหญิงคาปุเล็ตร่วมวง
     
" ข้าต่อสู้เพื่อรักษาความสงบ จงเก็บดาบซะไม่งั้นจะตายกันหมด " เบ็นโวลิโอ
     
" อะไรกัน เก็บดาบแล้วเรื่องราวจะยุติงั้นเหรอ ฮึ ฉันเกลียดคำนี้ เหี้ยมอนตะคิว เพราะเจ้ามันขี้ขลาด " ติบอลต์พาลตอบ
      " คาปุเล็ต ลุยเลย .. " เกรกอรี่โยนหมวกเป็นสัญญาณ บ่าวไพร่คว้าอาวุธของมีคมติดมือจากคลังแสงใต้ถุนปราสาทรีบกรูกันออกมา
     " นี่ไง ข้าจะฉีกเนื้อเจ้าเป็นชิ้นๆ " ชั้นเชิงดาบ ติบอลต์ สูงกว่า จิ้มปลายแหลมแทงเฉียดหน้าผาก เบ็นโวลิโอ
     
" เจ้าคนถ่อย " อับราฮัมเข้าขวาง,ประดาบกับติบอลต์แทน
      " ลั่นระฆัง "
     
" เอาดาบยาวมาให้ข้า คาปุเล็ต ไปโลด ! สั่งสอนพวกขี้ข้า ฆ่ามัน ฆ่าไอ้พวกถ่อยมอนตะคิว " นายคาปุเล็ตสวมเสื้อยาวเฟื้อยงุ่นง่านนำพล

     
" ท่านลุงข้า .. " เบ็นโวลิโอร้องเรียกคนมาช่วยพยาบาลบาทหลวง
     
" ดาบข้าล่ะ ดาบข้าอยู่ไหน " นายมอนตะคิว
      
" ไม่นะ ท่านไม่ควรแกว่งเท้าเข้าหาเสี้ยน " คุณนายมอนตะคิว
      " อย่ารั้งข้า ปล่อยข้าไป ไอ้ห่าคาปุเล็ต อย่าเพิ่งหนีไปไหน พวกเราลุยแม่งเลย "
     
แผง ลอย,ร้านรวงพังราบ ผู้คนแตกหนีกระเจิงเมื่อพลพรรค 2 ตระกูลใหญ่ระดมกำลังเข้าราวีกันเต็มอัตราศึก ท่ามกลางฝุ่นตลบอบอวลมีม้าศึกบริวารวิ่งนำทางเจ้านคร
     
" ปริ๊นซ์ มาแล้ว วางอาวุธลง ! " องครักษ์ตะโกนก้อง เสียงแตรทรัมเป็ตเป่าขานรับขบวนเสด็จ
     
" เจ้าพวก ไพร่ กำเริบเสิบสาน ศัตรูของความสงบจงวางอาวุธจัญไรของเจ้าเดี๋ยวนี้ แหละนี่คือ คำพิพากษา ของข้าในฐานะ ปริ๊นซ์ การวิวาทเกิดจากการปั่นหัวยุยงของเฒ่าคาปุเล็ต "
     
" โอ ไม่ ไม่ใช่ข้า "
     
" และ มอนตะคิว 3 คราแล้วที่พวกเจ้าก่อกวนความสงบ หากมีอีกครั้งชีวิตพวกเจ้าจะม้วยมรณ์เพื่อธำรงไว้ซึ่ง สันติ สำหรับครั้งนี้พวกเจ้าที่เหลือจงแยกย้ายกันไปได้ ส่วน คาปุเล็ต เจ้าจงมากับข้า และ มอนตะคิว จงมาบ่ายนี้ อีกครั้งเดียวเจ้าถึงครามอดม้วย ทหารกลับวังได้ ! "

     
" โรมิโอ ไปไหนเจ้าเห็นเขามั้ย ข้ายินดีที่ไม่เห็นเค้าในการทะเลาะวิวาท " คุณหญิงมอนตะคิว
      " ก่อนแสงสุริยาทอผ่านเหนือบัญชร ยามย่ำรุ่งข้าเห็นบุตรท่านเดินเข้าสู่ใต้ร่มพฤกษาดงมะเดื่อ ณ ปัจฉิมทิศแห่งบุรีราม เขาแสร้งหลบเร้นข้า แผงกายในป่าช้ามิรีรอ ข้าจึงบ่ตามไปรบกวน " เบ็นโวลิโอ
     
" มีผู้คนเห็นเค้าเป็นเช่นนั้นหลายเพลา " นายมอนตะคิว
     
" เค้ามานั่นแล้ว ขอร้องท่านหยุดถามไถ่ ข้าจะรองเจรจา " เบ็นโวลิโอ
      " ข้ายินดียิ่งถ้าเจ้าถามไถ่ ข้าจะรอฟังความ เราไปเถอะ " คุณหญิงและนายมอนตะคิวเดินจากไป

     
" อรุณสวัสดิ์พี่ชาย " เบ็นโวลิโอ
      " ยังเช้าอยู่หรือ " โรมิโอ
     
" เพิ่งจะตี 9 "
     
" เวลาช่างเนิ่นนานจัง บิดาข้าใช่หรือไม่ที่เร้นไป "
     
" ถูกแล้ว ทุกข์ใดทำให้ โรมิโอ ทอดเวลาเศร้าระทม "
     
" ไร้สิ่ง หากแม้นได้ จะทำให้โมงยามสั้นโข "
     
" เพราะรักหรือ? "
      " ไร้รัก ไร้เมตตา รักคือควันเกิดมีจากไอแห่งความถอนใจพัดขึ้น เหมือนอัคคีที่แววตาผู้รักไซร้ข้อง เหมือนสมุทรใหญ่เต็มน้ำตาแห่งผู้รัก และเป็นอะไรอีก? เป็นความบ้าอันดีหนักหนา รสขมที่ขื่นนัก และรสหวานสมานใจ ลาก่อนน้องยา .. "
     
โรมิโอ พบคนบาดเจ็บจากเหตุจราจลของ 2 ตระกูล " พระเจ้าเกิดอะไรขึ้นอีก .. ไม่ต้องกล่าวอันใด รังเกียจเจ้าที่ใช้ ความเกียจชัง มากกว่า ความรัก "
     
" ใจเย็นๆ ข้าไปด้วย "

งานปาร์ตี้ตระกูลคาปุเล็ต โรมิโอได้เต้นรำกับจูเลียต

      ปราสาทตระกูลคาปุเล็ต ปารีส ขุนนางหนุ่มญาติเจ้านครมาเยี่ยมเยือนท่านผู้เฒ่า
     
" พวกมอนตะคิวก็ถูกคาดโทษไว้เช่นกัน มันไม่ยากเลยสำหรับผู้อาวุโสอย่างเราที่จะรักษาสันติ " คาปุเล็ต
      " ใต้เท้าทั้งสอง ศักดิ์และเกียรติก็เสมอกัน น่าเศร้าที่โกรธเคืองกันนานครัน ใต้เท้า .. คำขอข้า " ปารีส
     
" ข้าขอกล่าวซ้ำซึ่งคำเคยกล่าว บุตรีของข้าเดียงสาต่อโลกา นางยังไม่ผ่านฤดู 14 เสียด้วยซ้ำ อีกสักสองเหมันต์ค่อยเจรจา นางจะสุกพร้อมเป็นเจ้าสาว "
      " หญิงวัยเยาว์กว่านางให้กำเนิดบุตรมามากมาย "
     
" ชิงสุกก่อนห่ามจะทุกข์ตรม ธรณีสูบคืน ความหวัง ลูกฉันก็ล้มตายสิ้นแล้วเหลือเอกา และ นาง คือ ความหวังในพิภพ จงเกี้ยวและชนะใจนาง ข้าอยากให้นางยินดีเหนือสิ่งอื่นใด โอ้คืนนี้ข้าอยากจัดเลี้ยงตามประเพณีที่ดี เชิญแขกมากมายเหลือคณา ล้วนสนิทเสน่หาท่ามกลางญาติวงศา เชิญท่าน .. "
     " ข้ายินดียิ่ง "

     
อีกห้องหนึ่งในปราสาทคาปุเล็ต
     " แม่นมลูกสาวข้าอยู่ไหน " คุณหญิงคาปุเล็ต
     
" แม่สาวน้อยวัย 14 ชันษา สาวน้อยเอ๋ยข้าจะเรียกนาง จูเลียต จูเลียต สาวน้อยอยู่ไหน จูเลียต สาวน้อยไปไหน จูเลียตตต "
     " อะไรกันใครเรียกหา " จูเลียต
     
" ท่านแม่ให้ไปหา ท่านแม่ของคุณหนู รีบเข้าเถอะ เร็วซี่ "
     " ท่านแม่ลูกอยู่นี่ เรียกหาด้วยเหตุใด "
     " สาวใช้ออกไปก่อน แม่นมด้วยข้าจะคุยเรื่องลับกับลูก .. แม่นมกลับมา ข้าเพิ่งนึกขึ้นมาได้ บุตรีข้าอยู่ในช่วงเจริญวัย "
     
" ข้าจำได้ว่าอายุนางกี่ชั่วโมง "
      " นางยังไม่ 14 "
     
" อีก กึ่งเดือนกับเศษวันจะถึงคืนแล็มมาส คุณหนูจะครบ 14 ซูซาน(ลูกแม่นมจากไปตั้งแต่เป็นทารก)และนางอายุเท่ากัน เวลานี้คุณล้มคว่ำลงหรือนั่น เมื่อรู้เดียงสาพลันจะต้องล้มลงนอนหงาย "
      " พอก่อนอย่าพูดเหลวไหล "
     
" เจ้าค่ะ แต่ดิฉันอดขันไม่ได้ พระเจ้าทรงทราบว่านางงดงามเหนือหญิงใดในหล้า(จูเลียตโผกอดแม่นม) และข้าจะอยู่จนเห็นเจ้าได้วิวาห์ "
      " ก็เรื่อง วิวาห์ นั่นแหละที่ข้ากำลังจะกล่าวถึง บอกแม่สิ จูเลียต ลูกปรารถนาอย่างไรในการวิวาห์ "
      " ด้วยเกียรติข้าไม่อาจเอื้อม "
      " เกียรติเหรอ ข้าเป็นแม่นมคุณหนูตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยจนหอยเท่าฝ่าตีน "
     
" ข้านับดูข้าเป็นมารดาเจ้าตอนข้าอายุน้อยกว่าเจ้านี้เสียอีก(ใช่ๆ->แม่นม) พูดตรงๆ ปารีส ผู้ทรงธรรมขอความรักจากเจ้า(ชายโสดคู่หญิงสาว คุณเจ้าคะเขาคือชายหนุ่มแห่งบุปผา) คิมหันต์แห่งเวโรนา(ท้องฟ้าแห่งศรัทธา) ว่าอย่างไรรักชายนั้นได้รึไม่ "
      " นายหญิง ๆ พวกแขกมาพร้อมแล้ว ท่านจงสั่งการเถิดนายหญิง " สาวใช้
     
" เดี๋ยวเราตามไป บอกแม่มาเจ้ารับปาก ปารีส ได้รึไม่ "
     
" ลูกจะดูเพื่อรัก แม้รักได้เพราะดูกัน สายตาลูกนั้นไม่ดูเกินกว่าท่านแม่สนิทชอบ "
      " จูเลียตจงมาสำราญ "
     
" ท่านแม่ลูกมาแล้ว "
     
" เชิญสู่ราตรีแผ้วเพื่อนำสู่ทิวาสราญ " แม่นม

โรมิโอ และ สหาย เตรียมพรางตัวเข้าไปงานปาร์ตี้ฝ่ายศัตรูจูเลียต,บุตรีคาปุเล็ตหลังงานปาร์ตี้เลิกรา โรมิโอย่องเข้าไปในสวนคาปุเล็ตเพื่อพบจูเลียต

     
ถนน แห่งหนึ่ง โรมิโอ,เมอร์คิวชิโอ,เบ็นโวลิโอ พร้อมสหายสวมหน้ากากอีก 5 - 6 คน เตรียมแฝงกายซ่อนเร้นเข้าไปงานปาร์ตี้ประจำตระกูลคาปุเล็ต บางคนถือคบเพลิงนำทาง แล้วเอามาโยนรับต่อกันเป็นทอด ต่างร้องรำทำเพลงสนุกสนาน
     
" ขอหน้ากากเพื่อข้าใส่อำพราง ข้าจะสนใจใย สายตาใคร่รู้ที่ลอบจับผิด แมลงปีกแข็งจะส่องแสงเรื่อแทนข้า " เมอร์คิวชิโอ
      " ข้ากล่าวขอโทษด้วยเหตุผล หรือล่วงล้ำก็ขออภัย " โรมิโอ
     
" ป่วยการที่จะพล่ามกล่าวแล้ว ให้พวกเค้าวัดใจเราเถิด และพวกเราก็วัดใจพวกเค้า มาเถอะ เคาะ แล้วเข้าไปในไม่ช้า พวกเรามาช่วยกันลากขาเค้าเข้าไปกันเถิด " เบ็นโวลิโอ
      " เราตั้งใจดีเข้าร่วมงานโดยสวมหน้ากากแต่หาควรทำไม่ " โรมิโอ
     
" ด้วยเหตุอันใดหรือ " เมอร์คิวชิโอ
      " เมื่อคืนนี้ข้าฝัน "
     
" ข้าก็เหมือนกัน "
     
" เจ้าฝันว่ากระไร "
     
" โอ้ ข้าฝันว่าฝันมัก ลวง "
      " แต่ทว่าเรานอนฝันมักเห็นสิ่งเป็นจริงแท้ " โรมิโอ
      " อ้อ งั้นข้าฝันว่า ควีนแม็บ อยู่กับเจ้า "
      " ควีนแม็บ เหรอ ใครน่ะ " เบ็นโวลิโอ
     
" นางก็คือ หมอตำแย ของข้า นางมาในร่างไม่ใหญ่เกินเม็ดพลอยโมรา บนนิ้วชี้ของเทศมนตรี เมืองหายไปในม่านหมอก มีสัตว์ตัวนิดๆ ลาก รถ กระจ้อยที่เธอขี่ ผ่านนาสิกขณะคนหลับไหล ซี่ล้อรถลากทำด้วยไม้ปั่นฝ้ายลำแสนยาว เบาะคลุมทำด้วยปีกตั๊กแตนเขียว
      รอยลากของเธอเล็กเกินกว่าใยแมงมุม เชือกลากสะท้อนกับน้ำกระทบแสงจันทร์ ตัวริ้นสารถีเฆี่ยนจิ้งหรีดน้อยร่างแหลกสลาย ในครานี้ที่เธอย่างเหยาะคืนแล้วคืนเล่า วิ่งพล่านหาคู่รัก นิมิตแห่งความรัก ชอนไชริมฝีปากหญิงสาวเคลิ้มฝันไซร้ว่าได้จุมพิต จุ๊บๆ

     ด้วย แม็บ ที่โกรธเกรี้ยว เกิดเป็นแผลพุพองเพราะลมหายใจนั้นมีรสแสนโอชะ นางอำพรางมาในร่างสุกรเขี่ยนาสิกเสวกขณะนิทราแล้วฝันถึงสาวงามของเขาอีกคน .. อาเมน นางขับรถผ่านคอทหารหาญเนรมิตฝันว่าได้เชือดคอศัตรู แล้วตัดใบหูมาร้อยมาลัย บัดนั้นเขาก็ตื่นขึ้นมาตระหนกตกใจ
      นี่แหละคือ แม็บ ที่เชือกแขวนคอม้ายามค่ำคืน ล่อลวงพวกพรายให้หลงใหลในความโสมมซึ่งเคยสะสางในยามชะตาพลิกผัน นางคือ แม่มด เมื่อเห็นหญิงสาวนอนหงาย นางขึ้นกดทับทำให้พวกหล่อนยอมสู่สมตั้งครรภ์กันถ้วนทั่ว นี่แหละนาง นี่แหละคือนาง "
      " ฟังก่อน ท่านพูดจาหามีสาระไม่ "
      " ข้าเป็นเด็กที่ถือกำเนิดไร้ค่า ด้อยเหตุผลมีแต่จินตนาการที่แสนบางเบายิ่งกว่าสสาร ไม่มั่นคงยิ่งกว่าลมพัด ทะลวงผ่านก้นทะเลยะเยือกทิศอุดร โกรธเกรี้ยวพัดพาสรรพสิ่งกลายเป็นหยดน้ำค้างทางทักษิณ "
      " ลมปากท่านพัดพาเราเตลิดไปไกลยิ่ง ไปกันเถอะ เร่งเถิดสหายทั้งหลาย " เบ็นโวลิโอ
      " โรมิโอ อย่าไปสายนะ " บ่าวไพร่
      " ข้าวิตกว่าเร็วไป ใจข้าเกิดกังวลจะมีผลร้ายแฝงอยู่ในเหล่าดารา ส่งผลกับ ดวงชะตา ที่น่าหวาดกลัวในคืนสุดรอนราญ อวสานแห่งชีวิตสุมอกข้า พระผู้เป็นเจ้าโปรดนำทางข้าไปข้างหน้า และ ช่วยอำนวยชัย .. "

     ห้องโถงใหญ่ในปราสาทคาปุเล็ต
     
" เชิญเข้ามาในเคหาอันต่ำต้อยของข้า เชิญ เชิญ โอ้ เฮเลน่า ผู้ น่าเสน่หาหลานรักของลุง เชิญทุกท่านจงสำราญ ทุกท่านจงสนุกกันเต็มที่ สาวๆมารื่นเริงกันเถอะ ข้าไม่เคยเห็นใครสวมหน้ากากเช่นนี้มาก่อน (จ้อง เบ็นโวลิโอ และ โรมิโอ ) จงกระซิบคำหวานซึ่งหญิงชอบกันนักหนา " นายคาปุเล็ต
      โรมิโอและสหายเดินปะปนกับแขกรับเชิญคนอื่น เบ็นโวลิโอ ถูกตาต้องใจ เฮเลน่า ส่วนโรมิโอสอดส่ายสายตาผ่านคนโน้นทีคนนี้ทียังไม่ถูกใจใคร ครั้นเหลือบมองกลุ่มชายหญิงที่จับมือล้อมวงเต้นรำก็ประสบพบเจอ ..
      " นางผู้เป็นประดุจแสงโคมเจิดจ้า ราวกับดวงดาวกะพริบยามค่ำคืน หรือ อัญมณีหาค่ามิได้ ช่างงามเหนือคำบรรยาย พระเจ้าส่งนางผู้สวยเด่นฟ้าลงมายังโลกา นางทำให้หัวใจข้าเต้นแรงระส่ำ จบเพลงระบำพลันจะคอยดูหล่อนอยู่ไหน แล้วต้องมือน้อยๆ
     เคยรักแน่หรือใจข้า .. ตาเอ๋ยข้าไม่เคยเห็นใครงามจริงเท่าคืนนี้ "

     
" เจ้านั่นเป็นพวก มอนตะคิว " ติบอลต์บอกคุณหญิงคาปุเล็ตแล้วรี่มาฟ้องเจ้าภาพ " ท่านลุงนั่น มอนตะคิว คู่แค้นเรา ไอ้สันดานมาเหยียบย่ำถึงถิ่น เยาะเย้ยงานรื่นเริงของเรา มันกล้าดีอำพรางตัวด้วยหน้ากากตลก คิดจะปกปิดความโสมม "
     " โรมิโอ รึ อดใจไว้ ชาวเวโรน่าชื่นชมเขาว่าเป็นเด็กหนุ่มที่มีอุตสาหะ และประพฤติดี ข้ายอมเสียทรัพย์สินทั้งนครแต่จะไม่ยอมให้เกิดกลียุคในบ้านของข้า จงอดทนเอาไว้อย่าไปสนใจเค้า "
      " แต่มันเป็นตัวกาลี ข้าไม่ขอทนนี่ "
      " ถ้าเจ้ายังเคารพลุงไซร้จงทำหน้าเบิกบาน เลิกหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่เป็นมงคลแก่งาน "
      " ไล่มันไปเถอะลุง น่าขายหน้านัก " ติบอลต์ชักเหลืออด
      " ไปซะ..! อย่าเสือกมาสะเออะวิวาทในหมู่แขกข้า ข้าเป็นนายที่นี่หรือเจ้า "
      " ข้าจะไม่ขอร่วมวงไพบูลย์กับเจ้าตัวร้าย "

      " ข้าสั่งให้เจ้าอดทนเข้าใจรึไม่ หยุดพูด ดีแล้วสหาย เชิญสำราญ ! "
      " ใช่แล้วที่รัก " คุณหญิงผลักติบอลต์เข้าไปกลางวงระบำรื่นเริง

      กลุ่มนักร้อง,นักดนตรีขยับมากลางฟลอร์ เสียงเพลงบรรเลง A Time For Us
      " ลีโอนาโด ขับร้องเถิด ร้องเลย ร้องเลย .. "

จูเลียต และ โรมิโอ

A time for us, some day there'll be
When chains are torn by courage born of a love that's free
A time when dreams so long denied can flourish
As we unveil the love we now must hide
A time for us, at last to see
A life worthwhile for you and me

And with our love, through tears and thorns
We will endure as we pass surely through every storm
A time for us, some day there'll be a new world
A world of shining hope for you and me


For you and me

And with our love, through tears and thorns
We will endure as we pass surely through every storm
A time for us, some day there'll be a new world
A world of shining hope for you and me

A world of shining hope for you and me

      " ข้าล่วงล้ำมาในสถานวโรดมด้วยหัตถ์ไร้ค่า ปากหาร้ายไม่ ริมฝีปากข้านั้นเหมือน ผู้แสวงบุญ ขอแก้กิจกาลีด้วยรอยจุมพิต " โรมิโอดึงมือน้อยๆจูเลียตมาจูบ
      " ท่านอุบาสกสิแสนผิด ทำกิจธุระถูกจึ่งดี หัตถ์ของผู้แสวงบุญจับต้องควรที่ พึงประนมมือนมัสการโดยแท้ " จูเลียตประสานมือโรมิโอ
      " มือข้าจะสู้รอยจุมพิตมิได้หรือ "
      " อุบาสกโปรดจงไหว้วอนเทวา "
      " อนุญาตให้โอษฐ์ข้าได้สนอง ขอให้ ศรัทธา จงบังเกิดอย่าได้ สิ้นหวัง เลย "
      " ข้าไม่ได้หวั่นไหว จงประสาทพรมา "
      " จงอย่าบีบ ข้าจะประทานพรด้วยริมฝีปากข้า ขอโอษฐ์นางให้ข้าล้างบาป(จุมพิต) "
     
" ปากนั้นย้อนรับบาปที่ติดมา "
      " บาปจากโอษฐ์ข้าหวานดื่มด่ำชื่นอุรา ขอบาปข้านั้นคืนอีก(จุมพิต) "
      " คุณหนูจูเลียต คุณหนู คุณแม่เรียกหาโดยด่วนเจ้าค่ะ " นางนมขัดจังหวะ

     
" แม่ของนางคือใคร "
     " แม่ของนางเป็นหญิงใจดี มีชาติตระกูล และฉลาดเฉลียว ข้าเลี้ยงบุตรีของนางเอง อื้ม จะบอกให้ชายใดที่หมายปองเธอจะต้องผิดหวัง "
     
" เธอเป็น คาปุเล็ต พระเป็นเจ้า ชีวิตข้าถูกขวางกั้นด้วยความแค้น "

      " โอ้สาวๆของข้าจะร่ำลาแล้วหรือ ยามราตรีมาเยือนแต่ยังหัวค่ำอยู่ อย่าได้ใส่ใจ .. "
     
คุณหญิงคาปุเล็ตแนะนำ จูเลียต ให้รู้จัก ปารีส เขาจุมพิตหลังมือสาวน้อยแต่เธอมิใส่ใจ
      " นมเค้าเป็นใครเหรอ "
      " ท่านเคาน์ติเปริโอนา "
     
" ไม่ใช่คนโน้นตะหาก "
      " โอข้าไม่รู้ "
      " ไปถามนามเค้า "
     
" อ๋อ ข้าจะไปถามดู (โรมิโอแห่งตระกูลมอนตะคิว -> ติบอลต์บอก) หา ชื่อ โรมิโอ เป็น มอนตะคิว มหาศัตรูแห่งตระกูลของเรา "
      " เสห่นาเกิดขึ้นจากความรัก แรกพบไม่เฉลียว บัดนี้สายไปแล้ว โอ้ความรักทำให้ทุกข์ตรมมหันต์ เราไม่สมัครใจสักนิด "

โรมิโอ บุกเข้าไปในสวนคาปุเล็ต     ภายหลังงานปาร์ตี้ตระกูลคาปุเล็ตเลิกรา สหายโรมิโอจับกลุ่มเดินตามถนนเรียกหาเขา เมอร์คิวชิโอตะโกนว่า " โรมิโอ เจ้าคนคลั่งรัก หาได้ยินไม่ หาฟังกันไม่ ไม่ขยับกาย .. "
      โรมิโอปีนต้นไม้ข้างกำแพงปราสาทนั่งดูบนกิ่งโคนนึกขบขัน " เขาเย้ยซึ่งแผลเป็นเพราะมิเคยต้องบาดแผลแห่งรัก .. " กระโดดลงเขตหวงห้าม,สวนคาปุเล็ต เดินฝ่าสุมทุมพุ่มไม้หมายจะได้เจอหวานใจ ..
     
" ช้าก่อนลำแสงจากช่องแกลใช่หรือไม่ นั่นแม่หญิงข้า ยอดชู้ข้า นางนั้นคือยอดขวัญ นางยังไม่ได้กล่าวอันใดนี่นา หากดวงตาสื่อความหมายข้าจะตอบให้ แต่นางยังไม่ได้กล่าวกับข้า ดาราสองดวงที่งดงามที่สุดในสวรรค์จากฟากฟ้ามาสถิตย์ดวงเนตรของนาง วับวาวราวกับแสงเจิดจ้าแผ่ไปทั่วนภาศรี ข้าอยากเป็นผีเสื้อจะได้สัมผัสนางนั้น "
      " โธ่เรา "
      " นางกล่าว กล่าวอีกเถิดแม่เทพธิดาข้า "
      " โอ้ โรมิโอ โรมิโอ ๆ ใยท่านเป็นโรมิโอ ตัดขาดจากบิดา เปลี่ยนนามท่านเถิด หรือถ้าทำไม่ได้เพียงปฏิญญารัก ข้าจะเลิกเป็นคาปุเล็ต "
      " ฟังนางต่อหรือเฉลยวาจา " โรมิโอกระวนกระวาย
      " นามท่านผู้นั้นซึ่งเป็นคู่อริ ท่านเป็นตัวท่านหาใช่ปรปักษ์ไม่ ส่วนใดล่ะเป็นมอนตะคิว ไม่ว่าหัตถ์,บาท แขน,ใบหน้า,ฟันหรืออวัยวะใดที่เป็นของบุรุษ โอ ใช้นามอื่นเป็นไร นามนั้นสำคัญไฉนที่เราเรียกกุหลาบนี้ แม้เรียกว่าอย่างอื่นก็หอมระรื่นอยู่เหมือนกัน โรมิโอก็ฉันนั้น แม้นามท่านมิใช่โรมิโอท่านก็งดงามสมชาย โดยไม่ใช้นามนั้น โรมิโอ ทิ้งนามนั้นเถิด ทิ้งเหลือเพียงตัวท่านแล้วรับข้าไปทั้งกายา "
      " หา ! ข้าตอบรับตามวาที (โรมิโอโผล่พรวด จูเลียตตะลึงจ้อง) เรียกข้ายอดชู้แล้วข้าจะทิ้งนามทั้งปวง ข้าจะไม่เป็นโรมิโออีกต่อไป "
     
" ท่านเป็นใครกันจึงกล้าลุกล้ำเคหาสถ์ยามราตรี "
     " โดยนามนั้นข้าหาได้อยากบอกกล่าวไม่ พระเจ้าทราบว่าข้าเกลียดชื่อข้า ด้วยนามนี้คือ ศัตรู นาง แม้เขียนอักษรข้าจะถอนถ้อย "
      " ข้ายังไม่ลืมน้ำคำพาที ข้าจำเสียงได้ ท่านคือ โรมิโอ มอนตะคิว ใช่หรือไม่ "
      " ไม่ใช่ทั้งสองคำ หากท่านไม่ชอบมัน "


ในนามแห่งกุหลาบ ชื่อนั้นสำคัญไฉน?     
" ท่านมานี่ได้อย่างไร กำแพงแห่งสวนขวัญก็แสนสูงข้ามลำเค็ญ หากญาติข้ามาพบเห็นจะเป็นซึ่งที่ตาย "
      " ด้วยปีกของรักหอบข้าข้ามกำแพงมา โค้งศิลาหากั้นรักได้ไม่ สิ่งใดรักอาจทำ,รักทนงลองทำได้ แม้ญาติคนใดของเจ้าหรือจะห้ามข้า "
      
" ชู่ว์วว ข้าไม่อยากเห็นท่านถึงฆาต "
      " ราตรีอำพรางข้าจากตาเค้า ถ้านางรักข้า แม้ใครมาพบข้าก็ไม่หวั่น ชีวิตม้วยเพราะชังดีกว่าไร้รักจากยาใย "
      "
ท่าน รักข้าเหรอ ข้ารู้เจ้าจะตอบรับและข้าก็จะเชื่อ หากแม้นสาบานอาจจะผิดคำ เป็นคู่รักร้างให้ใครเห็นขัน โรมิโอยอดชายถ้าท่านรักข้าจงแถลงอย่างซื่อสัตย์ แม้ท่านตรึกว่าข้าใจเร็วจงหนีหน้าไปแล้วข้าจะไม่กล่าวอันใด โลกาย่อมรู้ดีข้าต้องเสน่ห์มอนตะคิว
      ท่านอาจคิดว่าข้าประพฤติมิชอบ เชื่อข้าเถิดยอดชาย ข้าจะพิสูจน์ว่าเป็นจริงยิ่งกว่าจริงแท้ ฮึ มันดูแปลกไป ข้ายอมสารภาพสิ่งที่วูบไหวในใจ ข้าต้องขออภัยที่ข้าเปิดเผย ความรัก อย่างโจ่งแจ้งดุจความมืดไร้หน้ากากบังหน้า "

      " ข้าขอสาบานรักต่อจันทรา "
      " อย่าสาบานแบบนั้น จันทราบ่เที่ยงตรง ทุกเดือนจันทราย้ายวงโคจรดังเช่นรักท่านอาจ โลเล "
      " งั้นให้ข้าสาบานต่อสิ่งใด "
      " มิต้องสาบาน ท่านกล้าสาบานก็แล้วแต่ท่านเถิด เพราะข้าถือว่าท่านเป็นเทวะ ข้าเชื่อท่าน "
      " ข้ารักเจ้าสุดสวาท ข้าสาบาน โอ .. จูเลียต " โรมิโอโอบแขนกระชับร่างสาวน้อย พรมจูบทั่วใบหน้า
     " ข้าขอลา รักดุจดอกไม้แย้มบานในคิมหันต์ จะเบิกบานขึ้นคราหน้าที่เราเจอกัน ลาก่อน ลาก่อน จงซ่อนความหวานนี้ไว้ในหัวใจท่านเช่นในทรวงอกของข้า "
      " จะด่วนไปใย ข้ายังหวังเคลียคลอ "
      " คลอเคลีย เท่าไหร่ จะสมฤดีในราตรีนี้ "
      " แลกความรักข้าด้วยความรักเจ้าสิ "
      " ข้าให้ก่อนท่านจะขอเสียอีก .. แต่ยินดีถนอมรักไว้ให้อีกครา "
      " ตั้งแต่นี้ไปด้วยเหตุผลคือรักเดียว "
      " ก่อนจากกันข้าขอมอบให้ท่านอีกครั้ง สิ่งที่ข้ามอบให้คือสิ่งที่ข้ามี หัวใจข้ากว้างใหญ่ดั่งทะเลลึก ความรักข้าลึกซึ้ง ยิ่งมอบให้ท่านเท่าไหร่รักนั้นยิ่งยาวนานชั่วกาล "

      " จูเลียต คุณหนู คุณหนูคะ "
      " ไปแล้วแม่นม .. คอยก่อนนะข้าจะกลับมาอีก "
      " ราตรีแห่งรัก ข้าหวาดกลัวว่าเป็นเพียงความฝันที่หวานล้ำเกินกว่าจะเป็นจริง "
     " 3 คำล่ำลา โรมิโอ แล้วต้องลาไปล่ะ ถ้าความรักของเจ้าเป็นจริง ข้าตั้งใจวิวาห์พรุ่งนี้จะส่งข่าวมา ข้าจะส่งบ่าวข้าออกไปหา,นัดที่เหมาะทำการวิวาห์ ชีวิตวางแทบบาท ข้าจะตามสามีข้าไปทุกหน "
      " คุณหนู "
      " ข้ามาแล้วแม่นม .. อย่าเพียงแต่พร่ำพรอดแล้วทิ้งให้ข้าโศกศัลย์ "
      " ข้าจะไม่จากท่านไป "
      " ราตรีสวัสดิ์พันหน พรุ่งนี้เวลาใดจะส่งคนไป "
      " เวลา 9 นาฬิกา "
      " ข้าจะไม่ลืม โอ้ ยาวนานราว 20 ปี .. ข้านึกไม่ออกว่าเรียกพี่ด้วยเหตุใด "
      " ข้าจะรอจนกว่าเจ้าจะจำได้ "
      " ข้าลืมแน่ แม้พี่ท่านยืนอยู่ไซร้ "
      " ข้าขอคงอยู่เพื่อให้เจ้าลืมเลือนทุกสิ่งนอกจากสองเรา "
      " ลาก่อน คำนี้ช่างแสนหวาน ข้าอยากรำพันจนอุสาสาง .. "
เมอร์คิวชิโอ ล้อเล่นกับแม่นมจูเลียต


2.

ภราดรลอเรนซ์ กับ โรมิโอ   
  ภราดาลอเรนซ์ซุ่มเด็ดดอกไม้และสมุนไพรใส่กระเช้า,ในป่าละเมาะ ไม่ห่างจากกุฏิเท่าใดนัก
     
" หลวงพ่อลอเรนซ์ " โรมิโอกระหยิ่มยิ้มย่องมาหา
     
" เหตุใดแวะมากล่าวทักแต่รุ่ง "
     " อรุณสวัสดิ์หลวงพ่อ "
     
" ลูกชายศีรษะเจ้าป่วยเป็นไรหรือ จึงจากที่นอนไปแต่เช้าในย่ำรุ่งเช่นนี้ ขอทายว่าเจ้าคงนอนกระสับกระส่าย หรือถ้าไม่ใช่ ข้าขอทายว่าโรมิโอยังมิได้นิทรา " ภราดาแหกตาหนุ่มน้อย
     
" หลวงพ่อเดาถูก ข้าสำราญใจยิ่ง ! "
     
" พระเจ้าโปรดยกบาป เธอคง ฟัน โรสลินมันส์เฉิบ "
     
" โรสลิน หรือ หลวงพ่อพูดอะไร ข้าลืมความทุกข์ตรมนั่นมานานแล้วนะ"
     
" เจ้าแน่ใจเหรอ งั้นเจ้าไปหนใดมา "
     
" ข้าบอกก่อนหลวงพ่อจะถาม ข้าไปกินเลี้ยงกับศัตรูแล้วต้องบาดแผล บาดเจ็บหนักกลับมา "
     
" ช้าก่อน จงแถลงความให้แจ้ง สารภาพเคลือบแคลงจะรับยากซึ่งอภัย "
     
" ใจข้าติดบ่วงรักสุดเสน่หา บุตรีของเศรษฐีคาปุเล็ต ข้าหลงรักนาง นางมีใจต่อข้า สองหัวใจประสานวิวาห์แนบแน่น เมื่อไหร่ ที่ไหน อย่างไร ที่เราพบเกี้ยวพา ข้าจะบอกท่านภายหลัง ได้โปรดจัดการวิวาห์ให้เราคืนนี้ด้วยเทอญ "

     
" เซ็นต์ฟรานซิสผู้ประเสริฐ โรสลิน มิใช่หรือที่เจ้าปักใจ ใยเปลี่ยนใจเร็วนัก "
     " อย่าเย้ยข้าเลยหลวงพ่อ "
     
" รักของชายหนุ่มอยู่เพียงที่ดวงตา มิใช่แน่ว ณ ดวงใจ "
    
" ฟังข้าหลวงพ่อ "
     
" พระแม่มาเรียทรงโปรด เจ้าเคยคร่ำครวญถึงโรสลินหนักหนา พลันเปลี่ยนใจแล้ว หญิงสาวคงหัวใจสลายเมื่อบุรุษไร้ซึ่งความมั่นคง " ภราดาเทศนา
     " ท่านเคยห้ามไม่ให้ข้ารักโรสลิน "
     
" ข้าให้รักมิใช่ให้หลง "
     
" ถูกๆ นี่คือรัก รักเผาผลาญข้าด้วยรักนั้น "
     " หลุมศพในสุสานอาจร้างไปนานหากสองสกุลนี้คืนดี มาเถอะเจ้าคนโลเล มากับข้า ข้าสนับสนุนสิ่งที่เจ้าหวังและตั้งใจ งานวิวาห์อาจทำให้สุขบังเกิด ความรักอาจทำให้สองสกุลสมานฉันท์ "
     
" หลวงพ่อรีบเถิดเพราะข้าใจร้อน "
     
" ช้า มักฉลาดและมีสติ รีบ นักมักล้มลุก "

     
ถนนแห่งหนึ่งของเมืองเวโรนา
     
" เจ้าโรมิโออยู่หนใด เค้ามิได้กลับบ้านงั้นหรือ " เมอร์คิวชิโอ
     
" โอ ไม่ได้กลับบ้านเลย ข้าพูดกับบ่าวเค้า นี่ ติบอลต์ และ ตาเฒ่าคาปุเล็ต ส่งสาส์นท้าดวลไปที่บ้านบิดาเค้าด้วย สหายข้า " เบ็นโวลิโอ
     
" พระเจ้า โรมิโอ คงรับคำปาก ในร่างคำท้าย่อมต้องการผู้รับ และย่อมตอบรับโดยผู้เหมาะสมจะต่อกร"
     
" เค้ากล้ามาก "
     
" โรมิโอเอ๋ยเจ้าตายแน่แล้ว ถูกแทงด้วยตาดำขลับของอิสตรี ถูกยิงทะลุหูด้วยเพลงรัก หัวใจพรุนด้วยศรรักปักอกของกามเทพ เค้าจะรับมือติบอลต์ยังไงไหวนา "
     
" ทำไมน่ะ? ติบอลต์เก่งแค่ไหน "
     
" ยิ่งกว่าพญาแมวจะบอกให้ "
     
" โรมิโอมาแล้ว ๆ " เบ็นโวลิโอชี้มือเย้วๆ

     
" อ้า สวัสดีเจ้าทั้งสอง " โรมิโอโค้งคำนับ
     
" ฮึ่ย (ดมจั๊กแร้ตัวเอง) เราควรจะรำคาญเจ้าแมลงประหลาดพวกนี้นะ จริงมั้ย ทักทายแบบฝรั่งเศสกับลีลาหนุ่มเจ้าชู้ เพื่อนลวงเราเสียยิ่งนักเมื่อคืนนี้ " เมอร์คิวชิโอตัดพ้อ
    
" ลวงอันใดแก่เจ้า "
     " หนียังไงล่ะท่าน หนีหาย ข้าไม่เห็นแม้เงา "
     
" ขออภัยเมอร์คิวชิโอ ข้ารีบไปทำกิจใหญ่ "
     
" โอ้ เชื่อเลย "
     
" ใครอยู่ในฐานะอย่างข้าย่อมหย่อนมารยาท "
     
" ดูเค้าซี "
     
" คำพูดเจ้าเฉียบคมกว่าใคร แข็งแกร่ง เย็นชาที่สุด "
     
" โอ้ว ฮ่า มิดีกว่าการร่ำร้องเรียกหารักดอกหรือ ท่านกลับมาหรรษากับผองเพื่อน โรมิโอ ท่านเป็นเหมือนเดิมแล้ว เป็น โรมิโอ อย่างที่เคยเป็นด้วยแรงผลักดันแห่งรัก พระเจ้าดลบันดาลให้ธรรมชาติปั่นป่วน,กระตุ้นหัวใจว่างโบ๋ เจ้าหยุดข้ารำพันจากเรื่องเหลวไหลงั้นเหรอ "
     " เพราะเรื่องสำราญของเจ้าเล่าได้ไม่รู้จบ " เบ็นโวลิโอ
     
" ไม่ ๆ ข้าเล่าเรื่องใกล้อวสานเต็มทีแล้ว ใจข้าอยากพูดจามิให้เยิ่นเย้อ " เมอร์คิวชิโอ

พิธีแต่งงานของ โรมิโอ กับ จูเลียต

     
โรมิโอมองเห็นหญิงชราแต่งตัวรุ่มร่ามนวยนาดผ่านมา " ดูสิ่งเจริญตา ดูช่างงามแท้ เยื้องย่าง "
     
" เ ยื้ อ ง ย่ า ง พร้อมเสื้อ และ กางเกง วู้ ๆ ๆ " เมอร์คิวชิโอ และ เบ็นโวลิโอ ประสานเสียงล้อเลียน
     " พัด ปีเตอร์ คนยิ่งกำลังร้อนๆอยู่ " แม่นมจูเลียตดุบ่าวรับใช้แล้วเจรจา " อรุณสวัสดิ์ท่านสุภาพบุรุษ"
     
" ยอดไปเลย ปีเตอร์ ใช้พัดอำพรางหน้านางไว้ พัดนั้นงามกว่าทุกส่วน .. อรุณไม่สวัสดิ์ท่านสุภาพสตรี"
     " ยังอรุณอยู่รึไม่ "
     
" ข้าเกรงว่าจะไม่ใช่ ด้วยเงื้อมแดดแห่งนาฬิกาทรายชี้ว่านี่มันเที่ยงวันแล้ว " เมอร์คิวชิโอขบขัน
     
" ท่านเป็นใครล่ะหว่า? "
     
" ท่านสุภาพสตรีข้าเป็นคนที่พระเจ้าสร้างมา "
     
" ขอกล่าวว่าเจ้าพูดได้ดีนะ ยกย่องว่าเป็นภารกิจของพระเจ้าเชียวเหรอ ท่านทั้งหลายผู้ใดทราบว่าหนุ่มน้อยโรมิโออยู่แห่งใด "
     
" โ ร มิ โ อ ๆ " เมอร์คิวชิโอ และ เบ็นโวลิโอ แสร้งทำเป็นมองหาคนละทิศทาง
     " ข้าคือเจ้าของนามนั้นเอง มิผิดพลาด "
โรมิโอบอก(จุดไต้ตำตอ)

     
" ถ้าอย่างงั้นก็ดีแล้ว ข้าอยากสนทนากับเจ้าตามลำพัง " รั้งแขนโรมิโอมาประชิดตัว
     
" นางจะทำให้โรมิโอขึ้นสวรรค์ " เบ็นโวลิโอ
     
" หญิงงามเมือง งามเมือง " เมอร์คิวชิโอไม่พูดเปล่าเดินอ้อมหลังไปถกกระโปรงสุ่มไก่นางขึ้น
     
" เจ้าพวกโรคจิตโสมม ! " แม่นมตวาดลั่น
     " กระต่ายแก่เหนียงยานไปหน่อย กลิ่นเหม็นเน่า (เอามืออุดจมูก) คล้ายกับอาจม ข้ากินไม่ลง ลาก่อนนะแม่เฒ่า " เมอร์คิวชิโอก้มลงหอมแก้มนางฟอดใหญ่ก่อนเผ่นหนี
     
" เจ้าพวกปากเปลาะ ข้ามิใช่หญิงที่เจ้าจะมาเกี้ยวพาราศี ข้ามิใช่คู่ตุนาหงันของเจ้า โอ๊ย เจ็บใจพวกจิตทราม ๆ .. เจ้า(โรมิโอ)เป็นคนเช่นไรจึงมีสหายร้ายกาจเช่นนั้น "
     " สุภาพบุรุษแม่นม ความรักพาโอษฐ์ข้าไป พูดเพียงนาทีเดียวได้มากกว่าพูดทั้งเดือน "
     
" หากเจ้าพูดสิ่งใดให้ร้ายแก่ข้า ข้าจะโต้ตอบสุดเดช ข้าร้ายกาจกว่าไอ้คนอัปรีย์มากนัก พวกสัปดนข้าจัดการมานักแล้วจนไร้ผู้กล้าหือ " ปีเตอร์หัวเราะก๊ากหงายหลัง นางนมตาเขียวปั้ด " ใยเจ้าหัวเราะทับถมข้าด้วยความสำราญ เจ้าเด็กถ่อยเอ๊ย สำนึกไว้บ้าง ! " เตะป๊าบเข้าซี่โครงปีเตอร์กลิ้งลงบันไดร้อง โอ๊ยๆ บอกโรมิโอ " เจ้าจงตามข้ามา .. "

     ที่แท่นสวดมนต์ในโบสถ์ แม่นมคุกเข่าพนมมือ " คุณหนูให้ข้ามาถามไถ่ท่านเพื่อทราบคำตอบ ข้าบอกก่อนนะหากท่านจูง จูเลียต ไปเข้ารกเข้าพง หรือประสงค์ร้าย,ไม่ซื่อกับเธอก็จะเป็นเรื่องร้ายกาจมากที่กระทำต่อกุลสตรี "
     
" นำข่าวข้าไปส่งต่อเธอ ข้าขอประกาศต่อหน้าก่อนการวิวาห์ ตอนบ่ายให้นางไปที่กุฏิของหลวงพ่อลอเรนซ์เพื่อล้างบาปแล้วแต่งงาน .. นี่เป็นสินจ้างของเจ้า "
     " ไม่ ไม่ ข้ามิต้องการ "
     
" งั้น .. " พอโรมิโอจะหยอดเหรียญลงกล่องรับบริจาคแม่นมรีบคว้าหมับ
     
" ท่านเจ้าคะ คุณหนูคือสตรีแสนประเสริฐ ตอนที่นางยังเป็นเด็กตัวน้อยมีชายสูงตระกูลมาเกี้ยวพาราศี เรื่องวิวาห์ข้านี่โกรธยิ่งนักที่นางไม่ใส่ใจ ปารีส ผู้มีเพียบพร้อมทุกสิ่งทุกอย่าง "
     
" แม่นมจงนำข่าวไปส่งคุณหนู .. "

     สวนหลังปราสาทคาปุเล็ต
     " นาฬิกาตี 9 ครั้งตอนที่แม่นมไป นางสัญญาว่าจะกลับมาภายในครึ่งชั่วโมง นางอาจไม่พบพวกเค้า ไม่ใช่สิ ช้าจริงๆเลย ผู้ส่งสาส์นรักควรเร่ง ถ้านางปรารถนาจะแวะที่ใดล่ะ อารมณ์นางแปรเปลี่ยนราวลูกบอล ชักช้าอุ้ยอ้ายก้นหนักราวตะกั่ว โอ พระเจ้า มาแล้ว แม่นมข้าว่ายังไง พระเจ้าเหตุใดท่านจึงเศร้า ได้ข่าวอะไรหรือ .. " จูเลียต
     
แม่นมโบกมือไล่บ่าวรับใช้กลับบ้าน " ปีเตอร์จงออกไปก่อน "
     " ท่านพบเค้าหรือไม่ "
     
" ข้าล่ะเหนื่อยนักขอพักสักครู่ โอ๊ย เคล็ดขัดยอกไปหมดเลย "
     " นมจ๋า นมแสนดี บอกข้ายอดรักข้ากล่าวเช่นไร "
     
" ยอดรักท่านผู้แสนซื่อสัตย์ จิตใจงดงาม และ รูปงาม รับประกันเค้าเป็นคนดีแน่ โอ๊ะ มารดา คุณหนูล่ะ? "
     " ให้ตายสิ ท่านกล่าวอะไรเช่นนี้ ยอดรักข้าเป็นผู้สุจริตและมารยาทดี แล้ว มารดา คุณหนูล่ะจะว่าไงเหรอ "
     
" โอ๊ย ใจร้อนจัง ข้าเดินเมื่อยแทบตาย ไม่เห็นใจกระดูกกระเดี้ยวของข้าที่ปวดร้าวหรอกเรอะ คราวหน้าเดินสาส์นเองเหอะ "
     
" โธ่ ! เรื่องจริงจังนะ บอกมา โรมิโอ ว่าอย่างไร "
     ปิดประตูมิดชิด เดินย่องเข้ามา " คุณหนูต้องไปล้างบาปตอนบ่ายรึเปล่า "
     
" ไปสิ "
     
" จงไปที่กุฏิหลวงพ่อลอเรนซ์ ที่นั่นจะมีว่าที่ สามี ของเจ้าเป็นพยาน ดูสิสองปรางคุณหนูแดงด้วยเลือดฝาด แก้มเปล่งปลั่งเมื่อได้รับข่าวดีเสมอ จงไปที่กุฏินั้นเถิด "
     " นมแสนดี ข้าลาก่อน "
     
แม่นมจูเลียตเรียกโรมิโอเข้าไปคุยเรื่องลับในโบสถ์,นัดแนะให้ทั้งคู่ได้พบกัน     
กุฏิของภราดาลอเรนซ์
     
" ยิ้มเบิกบานเมื่อเห็นสวรรค์รำไร จากนี้ไปความหมองเศร้าจะมลาย " ภราดา
     " อาเมน จงมาเถิดความเศร้า เจ้ามิอาจพิชิตความยินดีของข้าได้ อีกไม่นานข้าจะได้เห็นนางยอดขวัญ " โรมิโอ
     
" แม้วันนี้ถึงจุดจบ การพิชิตความโกรธแค้นของไฟและอำนาจ ทำได้ด้วยรอยจุมพิต ดุจน้ำผึ้งแสนหวาน ความขึ้งเครียดละลายในความหวานเลิศรส และรสชาตินั้นทำให้รู้ซึ้งถึงความปรารถนา เช่นนั้นรักจักรู้ความถ่อมตน จึงถนอมรักนั้นได้นาน อา .. แม่หญิงมาแล้ว โอ สาวงามอมตะ "
     " จูเลียต " โรมิโอโผกอดคู่รัก
     
" พระเป็นเจ้าข้าขอสารภาพบาป "
     
" โรมิโอจะกล่าวสารขอบใจแทนสองเจ้า "
     
" ถ้าความสุขข้าวัดได้มันจะเปี่ยมล้น ตัวเธอทำให้สุขมากขึ้น อากาศหม่นเมื่อเธอหายใจออกมา "
     
" ยาจก หานับสิ่งใดเป็นไม่ ความรักแท้ของข้าหลั่งรินออกมาเหลือคณา มิสามารถนับได้ถึงครึ่ง "
     
" อุบาสิกา โปรดมากับข้า เมื่อจบพิธีแล้วเจ้าจะไม่เดียวดายต่อไป โบสถ์จะรวมใจสองดวงเป็นหนึ่งเดียว " ภราดาแยกคู่รักกอดฟัดนัวเนียออกจากกันชั่วขณะ จูงมือจูเลียตสู่ลานหินใต้โดมมหึมา โรมิโอนั่งคุกเข่าเคียงข้าง ทั้งสองพนมมือเริ่มพิธีกรรมทางศาสนา

     
ลานกลางเมืองเวโรนา
     " ปะ ปลาๆ ปลาๆ "
     " ข้าจะสวดมนต์ให้ เมอร์คิวชิโอ เลิกเถิด วันนี้ร้อนจริงๆ แถวนี้พวก คาปุเล็ต เดินกันพล่าน เราพบมันก็ไม่ควรวิวาท เพราะอากาศร้อนเช่นนี้ทำให้เลือดเดือดดีนักแล ไปกันเถิด .. "
     " ปะ ปลาๆ (ดึงผ้าเย็นคลุมศีรษะออก มองไปรอบๆ) เจ้าก็เหมือนสหายทั้งหลายของข้านั่นแหละ เข้าไปในโรงสุราชักดาบวางโครมลงบนโต๊ะ ตะโกนว่าพระเจ้าส่งข้ามาเป็น หนึ่ง เท่านั้น "
     
" ข้ามิเคยเป็น " เบ็นโวลิโอปฏิเสธ
     " ปะ ปลาๆ เมื่อการที่หมายมั่นเสร็จสิ้น(ดื่มเหล้าหมด)ก็ตวัดดาบท้าทายเจ้าของร้านทั้งที่ไม่จำเป็น มีสหายห่วยๆแบบนี้คนนึงชอบระรานวณิพก เหตุใดเจ้าไม่วิวาทกับชายชาตรีเพื่อจะเป็นหนึ่งในนคร เพราะเค้าปลุกสุนัขของเจ้าที่นอนหลับอยู่ภายใต้แสงตะวัน ปะ ปลาๆ แล้วเจ้ายังสอนข้าเรื่อง วิวาท กระนั้นหรือ ฮ้า "
     " เมอร์คิวชิโอ อย่าเดิมพันกับพวกคาปุเล็ต "
     " ส้นตีนข้านี่ ข้าหาสนมันไม่ " เหลือบมองเห็นกลุ่มคู่อริเดินมาใกล้จึงกระโดดลงไปนอนแช่ในอ่างน้ำพุดับร้อน

     
" สุภาพบรุษทั้งหลาย สวัสดี " ติบอลต์ยืนเท้าสะเอว
     " สวัสดี "
     " ข้าขอเจรจากับหนึ่งคน "
     " เจรจา 1 คำ กับ 1 คน ข้าให้ 2 คนไว้เจรจาและวิวาท " เมอร์คิวชิโอกล่าวจบลิ่วล้อ คาปุเล็ต โห่ฮา
     
" คิดว่าเจรจาเพียงพอแน่นอน ข้าให้โอกาส "
     " ท่านก็จงฉวยโอกาสเองไม่ได้หรือ "
     
" เมอร์คิวชิโอ ท่าน ผสมโรง โรมิโอ "
     " ผสมโรง เห็นเราเป็นนักดนตรีรึไง ถ้าเราเป็นนักดนตรีเจ้าก็จะได้ยินแต่เสียงเพี้ยน นี่ไงคำตอบของข้า(ชูปลายแหลมดาบพ้นน้ำ) ที่จะทำให้เจ้าเต้นเร่าๆ ชิชะ ผสมโรง "
     
" นี่มันที่ชุมชนสหาย เราควรจะเจรจากันในที่รโหฐาน ชำระความเกรี้ยวกราดเคืองใจ พวกไปซะถ้ายังมีม่านตา " เบ็นโวลิโอ
    
" ตามีไว้เพื่อมองอยู่แล้วก็ให้มองไปซี่ ข้าจะไม่หลีกเลี่ยงเพื่อให้ใครยินดีทั้งนั้น "
     
" สันติเป็นของท่าน คนที่ข้ารอมาแล้ว "
     
" เมอร์คิวชิโอ .. " โรมิโอโบกมือทักทายมาแต่ไกล
     " โรมิโอ ข้าไม่อาจกล่าวถึงเจ้าดีกว่านี้นอกจาก ไอ้แสนจัญไร " ติบอลต์ข่ม

     " มีสาเหตุที่ข้ารักท่านช่วยให้ข้าอภัย ระงับความโกรธอันควร ความจัญไรนั้นข้าหามีไม่ ดังนั้นขอลา ท่านไม่รู้ใจข้าดอก "
     
" แค่นี้? ไม่อาจลบล้างความเจ็บแค้นที่เจ้ากระทำต่อข้า หันกลับมาแล้วดวลกัน "
     
" ข้าขอค้านด้วยไม่เคยทำร้ายท่าน จะรักท่านเกินกว่าท่านจะรู้ จนกว่าจะรู้สาเหตุที่ข้ารักนาม คาปุเล็ต เป็น นาม ที่ข้ารักเสมือนนามตัวเอง จงพอใจ " โรมิโอจับมือติบอลต์
     
" แหวะ .. " ติบอลต์ดมมือตัวเองทำท่าขยะแขยงราวมีสิ่งโสโครกติดอยู่ เขาล้างมือจากน้ำพุแล้ววักน้ำใส่หน้าเมอร์คิวชิโอ หัวเราะเยาะชอบใจ
     
" ฮึ่ย จะยอมกันได้อย่างไร (อย่า เมอร์คิวชิโอ <-เบนโวลิโอท้วง) ปล่อย ติบอลต์,ไอ้ตัวจับหนู (ไปซะ<-โรมิโอไล่สมุนคาปุเล็ตกลับไป) จะเอาไงกับข้า นึกว่าเจ้าเป็นพญาแมวงั้นเหรอ ข้าขอ 1 ใน 9 ชีวิตของเจ้า ข้าขอเลือดแห่งพญาแมวซึ่งจะชดใช้ให้ภายหลัง (ไม่เอาน่า<-โรมิโอบอกสหาย) เพื่อชีวิตเจ้าเหลืออีก 8 ชีวิตบัดซบ " เมอร์คิวชิโอกระโจนขึ้นมาจากแอ่งน้ำพุ " เจ้าจะชักดาบออกมาหรือไม่ ข้าจะเชือดหูของเจ้า เร็วเข้าให้ดาบของข้าได้ลิ้มชิมเลือดก่อนหัวของเจ้าหลุด "
     
" งั้นก็เข้ามาเลย " ติบอลต์ชักดาบ
     
" เมอร์คิวชิโอ พอน่า " โรมิโอถูกสหายรักผลักออกห่าง
     
" ฮ่า ได้เลย " เมอร์คิวชิโอตั้งท่าประดาบกับติบอลต์
     " ไปให้พ้น " ทั้งคู่หันหน้ามาตะเพิดโรมิโอแล้วดวลกันต่อ
     " ไปให้พ้นนะไอ้ขี้ขลาด " ลูกสมุนว่าตาม


เมอร์คิวชิโอเสียทีเผลอถูกติบอลต์แทงตายคุณหญิงคาปุเล็ตร่ำไห้หน้าศพติบอลต์,หลานชาย

ปริ๊นซ์,เจ้านครเวโรนา     บ่าวไพร่ทั้งสองฝ่ายแห่กันมามุงดู เมอร์คิวชิโอ เสียทีถูกดาบติบอลต์จ่อคอหอย พลันเขากอดอกผิวปากสบายอารมณ์ไม่เกรงกลัวความตาย ติบอลต์หัวเราะก๊าก ทั้งคู่จับมือกันแล้วดวลดาบยกสอง ว่องไว ดุเดือดกว่าเดิม ครั้งนี้ ติบอลต์ เหยียบดาบเมอร์คิวชิโอติดพื้น ใช้ดาบตัวเองตัดผมคู่ต่อสู้ หัวเราะเย้ยหยันกับสมุน เมอร์คิวชิโอแย่งดาบติบอลต์แล้วโยนคราดให้เขาใช้แทนอาวุธ ทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองสุดขีด เอาดาบสมุนวิ่งไล่ฟันเมอร์คิวชิโอ โรมิโอ พยายามยื้อยุดห้ามปราม
     
" พอเหอะน่า ติบอลต์ .. " พอ โรมิโอ หันไปคว้าแขนห้าม เมอร์คิวชิโอ บ้าง ติบอลต์กลับแทงสวนตรงอกคู่อริ
     " หนีเร็ว ติบอลต์ เร็วเข้า " พวกสมุนเห็นลูกพี่หน้าซีดทำอะไรไม่ถูกพากันต้อนเขาวิ่งหนีไปโดยเร็ว

     
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าชนะแล้ว " เมอร์คิวชิโอโบกมือให้สหายตอนพวกนั้นยกร่างเขาขึ้นแห่ราววีรบุรษ
    
" เมอร์คิวชิโอ เป็นไงบ้าง " เบ็นโวลิโอเห็นสหายรักอาการไม่ดี
     
" ข้าเจ็บ .. เจ็บแค่แมวข่วน " เมอร์คิวชิโอนั่งฟุบอยู่กับพื้นสักพักก่อนลุกขึ้นปกติ ใบหน้าแย้มยิ้ม
     " อดทนหน่อยนะ พวกไม่เจ็บมากใช่มั้ย " โรมิโอกอดคอ
     " ไม่ ไม่เป็นไรเลย แผลของข้าไม่ลึกเท่าบ่อ ไม่กว้างเท่าประตูโบสถ์ด้วยซ้ำ เวลาบนโลกข้าหมดแล้ว ตามหาข้าพรุ่งนี้นะ เจ้าจะได้ข่าวข้าเป็น ศพ (อับราฮัมกับเพื่อนหัวเราะชอบใจ) ใครก็ได้ .. ไอ้จัญไร ไปตามหมอให้ข้าที เร็ว (ตบหน้าสหาย สายตาเริ่มพร่าเลือน หูอื้อ กอดคอ โรมิโอ ) เจ้าเข้ามาขวางเราด้วยเหตุใด ข้าเจ็บเพราะเจ้าเข้ามาขวาง "
     " แต่ข้ามีเจตนาดี "
     เมอร์คิวชิโอทรุดตัวลง พยายามคลานขึ้นตามขั้นบันไดถนน
     
" เมอร์คิวชิโอ เจ็บ หรือ ไม่เจ็บน่ะ .. " พรรคพวกนึกว่าแกล้งอำกันเล่น " วู้ ๆ ๆ "
     " ห่ากินทั้งสองสกุล..! " เมอร์คิวชิโอตะโกนลั่น ทุกคนเงียบงัน " พวกมันทำให้ข้าเป็นเหยื่อของหนอน ไปตายโหงให้สิ้น สองวงศ์จงฉิบหาย .. " เขาชี้นิ้วกราด ร่างโซซัดโซเซมาล้มนอนแผ่หลา
     
" อย่าล้อเล่นน่ะ เมอร์คิวชิโอ ๆ โรมิโอ เค้าตายแล้ว " เบ็นโวลิโอ
     โรมิโอจับศีรษะเขาโยกคลอนก็ไม่ได้สติ ดึงมือที่เขาจับผ้าปิดหน้าอกออกก็เห็นรอยแผลจากคมดาบแทงตัดขั้วหัวใจ คนที่ยืนล้อมกระโดดถอยเหยง " เฮ้ย ตายห่า ! "
     " ลางแห่งหายนะเริ่มขึ้น ประเดิมความแค้นที่ไม่มีวันจบสิ้น เมอร์คิวชิโอ สิ้นชีพไปอยู่สรวงสวรรค์ชั่วนิรันดร์ ความแค้นนั้นข้าขอรับเองตั้งแต่บัดนี้ "
โรมิโอสติแตก
     
" โรมิโอสงบสติอารมณ์ก่อน ไม่นะ .. " พรรคพวกกันโรมิโอไม่อยู่ เขาฉวยผ้าเปื้อนเลือดเมอร์คิวชิโอชูกำปั้นวิ่งไป

     " ติบอลต์ .. มานี่ ติบอลต์ จงรับเอาความจัญไรคืนไป เจ้าพรากวิญญาณ เมอร์คิวชิโอ สายใยอันน้อยนิดขาดสะบั้น แต่ตอนนี้ ไม่ ข้า ก็ เจ้า ต้องม้วยมรณา " โรมิโอโปะผ้าเปื้อนเลือดสหายถูใบหน้าติบอลต์
     
" ไอ้คนจัญไร ข้าจะส่งเจ้าไปอยู่กับสหาย " ติบอลต์ผลักโรมิโอล้มกลิ้ง
     " เข้ามาเลย "
โรมิโอกำทรายเหวี่ยงใส่ศัตรู
     " ไม่มีเพื่อนเจ้าคอยผสมโรง จงไปอยู่ด้วยกันกับเค้า "
ติบอลต์ชักดาบออกมา
     " งั้นจะได้เห็นกัน "
โรมิโอคว้าดาบคู่จากสหายที่ตามมาทัน,เข้าประชิดฟาดฟันคู่อริ
     โรมิโอสู้พลางถอยพลาง
บ่าวไพร่ทั้งสองตระกูลแห่ตามฝุ่นตลบ ช่วงทั้งคู่กอดรัดฟัดเหวี่ยงชกกันนั้นเอง โรมิโอถูกชกล้มลง,คลานหนี ติบอลต์เอาดาบจากเพื่อนหมายเผด็จศึกแต่พลาดท่าถูกโรมิโอแทงสวนเข้าหน้าอกสิ้นชีวิต
     
" โรมิโอ หนีเถอะ รีบไป .. ปริ๊นซ์ จะพิพากษาให้เจ้าตายตกไปตามกัน โรมิโอ รีบหนี ไปเร็ว " เบ็นโวลิโอ
     โรมิโอจ้องดูร่างไร้วิญญาณของติบอลต์
" พระเจ้า ข้าช่างโง่เขลาเหลือเกิน "

     สวนของคาปุเล็ต
     " โอ ติบอลต์ ๆ สหายรักของข้า ติบอลต์ ผู้แสนดี นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นวันสิ้นชีพของเจ้า "
     
" พระเจ้า โรมิโอ ทำร้าย ติบอลต์ เหรอ "
     " เค้าช่างชั่วร้าย "
     
" โอ แม่นม อสรพิษแฝงความอำมหิตภายในกลีบดอกไม้ หนังสือเลวขายได้เพราะปกงาม "
     " ฮือๆ ไม่รู้จักหักห้ามใจ หลงไว้ใจ ไม่มีความซื่อสัตย์ในชาย เขาล้วนกลิ้งกลอกตลบตะแลงคดเคี้ยว โรมิโอ ช่างน่าละอายนัก "
     
" เจ็บปวดเพราะต่ำทราม เค้าไม่ปรารถนาจะเกิดมาเช่นนี้ แม้น่าละอายแต่เนื้อแท้แสนประเสริฐ "
     " เจ้าพูดในฐานะ ชายา หรือนี่ "
     " ข้าควรจะกล่าวโทษ สามี ข้าเองงั้นเหรอ โอ พระคุณเจ้า ข้าควรจะกล่าวนามท่านเหรอ ข้าเป็นภรรยาเค้าไม่ถึง 3 ชม.แต่เหตุการณ์ร้ายได้บังเกิดจะทำฉันใด .. "

     หน้าจวนเจ้านคร
     
" ปริ๊นซ์ คาปุเล็ต เรียกหา .. " บ่าวไพร่คาปุเล็ตแห่ศพ ติบอลต์ ประจานความชั่วคู่อริ
     
" ปริ๊นซ์ ๆ ๆ ดูนี่ ดู " บ่าวไพร่มอนตะคิวแบกศพ เมอร์คิวชิโอ มาวางตีนบันได
     " พูดไป เบ็นโวลิโอ พูด .. " อับราฮัมกับสหายมอนตะคิวรบเร้า
     " ปริ๊นซ์ ผู้ทรงธรรมจงเอาเลือด มอนตะคิว เช็ดเลือดหลานข้า " คุณหญิงคาปุเล็ต
     " เบ็นโวลิโอ ใคร ก่อวิวาทฉกรรจ์เช่นนี้ " ปริ๊นซ์
     
" ติบอลต์ เค้าตายแล้ว โรมิโอจะพูดด้วยดี,ขอให้ตรึกตรอง เขายอมถูกทำร้าย ขอให้เลิกแล้วต่อกัน "
     
" โกหก ! " คุณหญิงคาปุเล็ต
     
" ยังไงเขาก็ผิดอยู่ดี " บ่าวไพร่คาปุเล็ตตบหน้าเบ็นโวลิโอฉาดใหญ่ ต่างวางมวยชกกันชุลมุน
     
" ข้าขอความเป็นธรรม ปริ๊นซ์,ผู้ทรงเกียรติ โรมิโอ ฆ่า ติบอลต์ โรมิโอสมควรตาย "
     " ใช่ ๆ ๆ โรมิโอ สมควรตาย "
     
" โรมิโอฆ่าเค้า เค้าฆ่าเมอร์คิวชิโอ บัดนี้ใครควรชดใช้ค่าชีวิตนั้น "
     
" มิใช่ โรมิโอ ปริ๊นซ์ เค้าเป็นสหายเมอร์คิวชิโอ เค้ามีความผิดแค่กฏหมายรอลงอาญาด้วยชีวิตติบอลต์ " มอนตะคิว
     
" ด้วยความผิดนั้น ข้าควรเนรเทศเค้าไปจากเมือง ให้โรมิโอรีบไปในบัดดล หากใครพบเห็นเค้า เมื่อนั้นเค้าจะตาย " ปริ๊นซ์พิพากษา

     กุฏิภราดาลอเรนซ์
     " เนรเทศ เหรอ จงเมตตาข้าด้วยความตาย อย่ากล่าวเนรเทศข้าเลย ฮือ ๆ "
     
" มาแล้ววว จงซ่อนตัว ซ่อนตัวก่อน นั่นใครน่ะ ใยจึงเคาะดัง ด้วยเหตุใด ต้องการสิ่งใด"
     
" คุณหนูจูเลียตให้ข้ามาหา โรมิโอ อยู่ไหน (ภราดาเปิดประตูให้) ขอบคุณค่ะ สามีคุณหนูอยู่ไหน โรมิโอ อยู่ไหน "
     
" ฟุบอยู่บนพื้น จมกับน้ำตาตัวเอง "
     
" ถ้าไม่พ้นจากเวโรนา ข้าก็ไม่มีชีวิต ฮือ ๆ "<

ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น