ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Cold Love รักอันเเสนหนาวเหน็บ (YAOI)

    ลำดับตอนที่ #46 : อันตราย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 199
      1
      28 เม.ย. 57

     






                  ฮานะนอนค้าง 1 คืนก่อนจะกลับบ้านไปในตอนเช้า เหลือเพียงโน๊ตทิ้งเอาไว้คือเบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ของโรงแรมที่ไปพัก รินตื่นนอนมาก็เห็นแต่ชุดที่ฮานะตัดใส่ไม้แขวนเสื้อแขวนอยู่เต็มห้อง เธอคงตัดมาให้เขาเยอะมากแน่ๆ

    วันนี้เป็นวันหยุดอีกหนึ่งวัน รินจึงตื่นนอนแล้วแต่งตัวลงมาด้านล่าง ความจริงกลิ่นอาหารของยาตะปลุกเขาให้ตื่นต่างหาก

    อาหรเช้าแบบญี่ปุ่นมีทั้งซุปมิโสะ ไก่ทอด ปลาซาบะย่างเละไข่หวาน กลิ่นหอมชวนหิวสุดๆจนรินรีบวิ่งไปตักข้าวมาทานเองไม่รอยาตะ อาหารบนโต๊ะน่าทานจนชวนน้ำลายสอ ยิ่งทานกับข้าวที่หุงเสร็จใหม่ๆก็ยิ่งอร่อยสุดยอด ทันทีที่ยาตะนั่งลงเพื่อทานบ้าง แก้มของรินก็เต็มไปด้วยข้าวจนอูมออกมาเสียแล้วจนยาตะรู้สึกขำจึงอมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดเตือนตามประสาคนอายุมากกว่า

    คุณหนู ทานดีๆสิครับ เดี๋ยวก็สำลักหรอก

    อ้ออันอาอ่อยอี้อา (ก็มันอร่อยนี่นา)ไก่ทอดถูกยัดเข้าปากอีกหนึ่งน่อง หวังว่าตอนกลับญี่ปุ่นคุณหนูจะไม่อ้วนกลมเป็นลูกหมูหรอกนะ

    ตอนบ่ายผมต้องไปหาพวกเจฟนะฮะ ต้องทำรายงานด้วยกันใกล้จะสอบแล้ว ระบบการเรียนของที่นี่ไม่เหมือนที่ญี่ปุ่นเรียนหนักกว่ามาก รินจึงต้องตั้งใจให้มากขึ้นกว่าเดิม

    คุณหนูจะทานข้าวกลางวันไปเลย หรือจะให้ผมทำข้าวกล่องไปให้ครับ?

    เอ๊ๆ ได้เหรอฮะ?ดวงตากลมโตฉายแววตื่นเต้น ราวกับเด็กน้อยที่ตื่นเต้นเพราะกำลังจะได้ออกจากบ้านไปปิกนิก

    ได้สิครับ หรือจะให้ผมทำเผื่อเพื่อนๆคุณหนูด้วยดี

    เอาฮะ! เย้ ยาตะซังขอบคุณฮะรินเคาะตะเกียบเล่นอย่างดีใจ พุ้ยข้าวสวยเข้าปากจนอวบอูมอีกครั้งหนึ่ง ยาตะได้แต่มองอย่างเอือมๆปนอ่อนใจ พลางคิดเมนูอาหารกลางวันให้ริน

    อาหารต้องทานง่าย ทานได้ทุกคนด้วย แซนวิชก็ดี ข้าวปั้นก็ไม่เลว...อื้มๆ เอาแบบนี้ก็แล้วกัน

     

    หลังจากข้าวเช้าถูกจัดการจนเกือบหมด รินก็ทำหน้าที่เด็กดีช่วยยาตะล้างจานอย่างขยันขันแข็ง ไม่วายที่จะบ่นอุบว่าจุกท้องเพราะทานมากเกินไป

    แสงแดดในยามนี้ดูสดใสในวันที่อากาศดี แม้จะอากาศเย็นหน่อยๆเพราะอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงแถมกำลังใกล้เข้าสู่ฤดูหนาวอีกครั้งหนึ่ง เมื่อคิดขึ้นมาได้รินก็อดนึกถึงช่วงเวลาเช่นนี้ที่ผ่านมาแล้วหนึ่งรอบเสียไม่ได้ ตอนนั้นรินยังอยู่กับคุณพ่อที่ญี่ปุ่นอยู่เลย ยังไมมีเพื่อน ได้แต่หงอยเหงาเซื่องซึม แต่ตอนนี้เขามีคนอยู่รอบข้างมากมาย เยอะแยะไม่รู้สึกเหงาอีกตลอดไป มีทั้งครอบครัวที่รัก เพื่อนสนิท และคนรัก

    คิดถึงเคียวซังจังเลย ป่านนี้จะทำอะไรอยู่กันนะ?

    หัวใจดวงน้อยคิดถึงคนรักที่อยู่ห่างไกล แต่หัวใจกลับไม่ห่างจากกัน

    .

    .

    .

    .

    ในเวลายามเย็นย่ำ เคียวที่ทำงานตามปกติ จู่ๆก็คิดถึงรินขึ้นมามาก สายลมแผ่วเบาที่พัดผ่านมาชวนให้หัวใจหนาวเหน็บ

    ใกล้จะฤดูหนาวแล้วสินะ..หวนนึกถึงเรื่องเมื่อก่อน ครั้งแรกที่พบกับรินครั้งแรก เมื่อนึกถึงก็รู้สึกขมขื่นและดีใจขึ้นมา

    ป่านนี้จะทำอะไรอยู่กันนะ?จะโทรไปดีไหม? ป่านนี้แล้วคงจะตื่นแล้วล่ะ เวลาที่นั่นคงจะประมาณ 9 โมงกว่าๆ

    เขาชั่งใจอยู่นานระหว่างโปรเจ็คใหม่ที่ต้องพิจารณาให้เสร็จในเย็นนี้กับการโทรไปหาคนรักที่คิดถึงใจจะขาด ในที่สุดความรักก็เอาชนะได้ทุกสิ่ง เคียวกวาดเอาเอกสารไปกองไว้ด้านหนึ่งก่อนจะโทรศัพท์หาริน

    เสียงตู๊ดๆดังอยู่นานจนเคียวเริ่มถอดใจ แต่ความหวังก็ถูกจุดอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงปลายสายพูดกลับมา

    สวัสดีฮะ ขอสายใครฮะ?สำเนียงภาษาอังกฤษดูแปร่งๆทว่าลื่นไหวจนอดยิ้มไม่ได้ เคียวอมยิ้มอย่างชื่นใจก่อนจะตอบกลับไปด้วยภาษาญี่ปุ่น

    ฉันเองริน คิดถึงเธอจังนะได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแตกดังเพล้งกับเสียงโวยวายเล็กๆจนจินตนาการออกว่าทางนั้นมีอะไรเกิดขึ้น

    ก็รินเขินจนเผลอทำอะไรใกล้ตัวแตกน่ะสิ คงจะเป็นแก้วน้ำกระมัง

    ค..เคียวซัง...ขอโทษฮะ..รินลุบมือไปมาเพราะเผลอทำแก้วโกโก้ที่เพิ่งชงตกแตก โชคดีที่มันถูกดื่มจนเหลือก้นแก้วแล้วจึงเลอะไม่มาก แต่เพราะตกใจจึงร้องโวยวาย สาเหตุก็เพราะคำพูดของเขานั่นแหละ

    คิดถึง....

    ขอโทษทำไมกัน ฉันนึกว่าเธอยังไม่เสียอีกแน่ะ เด็กขี้เซา

    ผมเปล่าขี้เซาซะหน่อย! ผมตื่นนานแล้วด้วยรินบ่นอุบอิบเป็นหมีกินผึ้ง อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ อย่างอารมณ์ดี

    คิดถึงรินสะดุ้งเฮือก เดี๋ยวนี้เคียวซังชักจะปากตรงกับใจมากไปแล้วนะ! ทำไมต้องทำให้เขาเขินมากมายขนาดนี้ด้วย...

    คิดถึง เธอไม่คิดถึงฉันบ้างเหรอ?เขาพูดเสียงแผ่ว ถ้าเป็นไปได้เขาอยากจะถลาออกจากบริษัท ขับรถไปสนามบินขึ้นเครื่องบินไปลอนดอนแล้วไปกอดรินเสียตอนนี้เลย

    ค..ค...คิดถึงสิฮะ!” หน้าขาวๆแดงเถือกไปทั่ว ลามไปถึงใบหูน้อยๆ มือจิกหมอนแน่นระบายความเขินที่โดนจากแดนไกล

    แล้วทำไมไม่ถึงโทรหาฉันบ้างเลยล่ะ คุณตาไม่ให้โทรเหรอ?เขาพูดเสียงน้อยใจ คล้ายตัดพ้อ แต่ใบหน้ากลับอมยิ้มและผ่อนคลายอารมณ์มากถึงที่สุด

    ก..ก็..เรื่องนั้น..

    มีคนอื่นเหรอ?....น้ำเสียงตัดพ้อเลเวล 99

    ป...เปล่านะฮะ! ผ...ม..รักเคียวซังคนเดียวนะ! อ...อ๊ะ!” ฉ่าๆๆๆ ใบหน้าขาวแดงเถือก ยาตะที่อยู่ไม่ไกลเหมือนได้ยินเสียงระเบิดดังปุ้ง

    หึหึเคียวไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มตอนนี้เหมือนกับผู้ใหญ่ตัวโตที่แกล้งเด็กเล็กๆ  เขายิ้มอย่างสุขใจ แอบปัดงานบนโต๊ะทิ้งไปอย่างไม่ใยดี หากเลขาส่วนตัวมาเห็นเข้าคงจะโกรธจัดจับเขามัดแน่นบังคับให้ทำงานต่อ

    ที่ผม..ที่ผมไม่โทรหา เพราะผม..ผมกลัวว่าจะเอาแต่คิดถึงเคียวซังจนไม่ทำอะไรเลยนี่นา...ตอนนี้แค่คุยแปบเดียว ในหัวผมก็มีแต่เรื่องของคุณ ลืมเรื่องหัวข้อรายงานที่จะทำไปเลย....คำพูดที่ออกมาจากใจจริง ใสซื่อและแสนบริสุทธิ์หาใดจะเปรียบทำเอาเขาชะงักไปเนิ่นนาน ความรู้สึกในใจที่มันท่วมท้นมาแสนนานตอนนี้กลับล้นพ้นจนถ้าเอามากองคงล้นพ้นโลกใบนี้

    ชั่ววินาทีนั้นเขาคิดว่าคนที่เขาจะรักแค่เพียงคนเดียวในโลกนี้มีเพียงแค่คนเดียว

    คนเดียวเท่านั้น ที่เขาจะรัก

    ฉันรักเธอ รินเขาร้องบอกด้วยน้ำเสียงแจ่มชัด แน่ใจในทุกสิ่ง ชีวิตของเขาสิ่งที่สำคัญที่สุดคือคนๆนี้ จะไม่จากไปไหน จะคอยอยู่เคียงข้างตลอดไป

    ผมก็รักเคียวซัง....โชคดีที่ยาตะรู้ว่าทั้งสองคนจะสวีทกันก็รีบหลบออกไปได้ทัน ไม่งั้นรินคงไม่กล้าพูดออกมาเช่นนี้ ฝ่ามือขาวจิกหมอนไปมา เดี๋ยวกอดเดี๋ยวซุกแล้วดิ้นไปมาบนโซฟาด้วยความขวยเขิน

     เคียวอมยิ้มบางๆ แต่ภายในใจกำลังลิงโลด ได้ยินคำบอกรักจากปากอีกฝ่ายอย่างคาดไม่ถึง ทุกทีรินจะเขินอายมากๆจนไม่กล้าพูดอะไรแบบนี้ออกมา เขาจึงดีใจมาก

    เขาพูดคุยและถามไถ่เรื่องอื่นๆต่อไป แน่นอนว่าอิ่มเอมใจที่สุด นี่เป็นการคุยที่นานที่สุดนับตั้งแต่จากกันมา เขาอยากจะรู้เรื่องรินที่อยู่ที่นั่นให้มากขึ้นอีก อยากจะรู้ทุกเรื่องๆ

    ตู๊ด...ตู๊ด..ตู๊ด.....สายซ้อนเรียกเข้า เขาจิ๊ปากอย่างไม่ชอบใจ พลางบอกให้รินรอสักครู่เพื่อที่จะเปลี่ยนไปใช้โทรศัพท์อีกเครื่อง คนที่โทรเข้ามาคงเป็นเลขาไม่ก็พนักงานด้านล่างที่ทำหน้าที่ติดต่อ จึงใช้โทรศัพท์อีกเครื่องโทรหาให้โทรเข้าเบอร์นี้แทน เพื่อที่จะคุยกับรินในเครื่องหลักได้

    มีอะไร?  โทรเข้ามาเบอร์นี้แทน เครื่องหลักฉันกำลังคุยกับคนสำคัญอยู่ปลายสายมีแต่เสียงหอบหายใจถี่ๆดังมาจนผิดสังเกต

    บ..บอสครับ! ผมเอง บอสรีบออกจากห้องนั้นให้เร็วที่สุดเลยครับ เร็วเข้า!”

    หา?เคียวงุนงงเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น รินที่ถือสายรอได้ยินเสียงเขาร้องอุทานออกมาก็งุนงงเช่นกัน แต่ก็ได้แต่ถือสายรอเท่านั้น

    ปัง!

    โครม!

    เสียงปืนดังลั่นจนแสบแก้วหู สะท้อนเข้ามาในโทรศัพท์ชวนให้ใจสั่น เสียงเก้าอี้ล้มดังโครมและเสียงกระจกแตกสร้างความหวาดหวั่นและตกใจ รินรีบร้องเรียกเขาดังสุดเสียงผ่านโทรศัพท์ทันที

    เคียวซัง! ค..เคียวซัง เป็นอะไรไป เคียวซัง ได้ยินผมไหม? เคียวซัง!” รินกระวีกระวาด ผุดลุกขึ้นอย่างร้อนรน น้ำตาคลอ เมื่อกี้นี้เสียงอะไรกัน? ใช่เสียงปืนรึเปล่า? ไม่ใช่ ต้องไม่ใช่ ต้องไม่ใช่!

    ไม่ใช่!

    คุณหนู เกิดอะไรขึ้นครับ เป็นอะไร?ยาตะรีบวิ่งเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงร้อนรนที่จะร้องไห้อยู่รอมร่อ เมื่อมาถึงก็เจอกับรินที่กำลังกำหูโทรศัพท์แน่น ร้องไห้อย่างน่าสงสาร พร่ำพูดเรียกแต่เคียวซังๆ ไม่หยุดหย่อน

    เคียวซัง...เคียวซังเขา..ฮึ่ก..ฮือ....”  รินโผกอดยาตะ มือถือโทรศัพท์ไว้แน่นร้องห่มร้องไห้

    ม..เมื่กี้ผมได้ยินเสียงปืน ค..เคียวซังจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ใช่ไหมฮะ ผม...ผมกลัว....รินซบหน้าลงกับอกยาตะ ขาอ่อนหมดเรี่ยวแรง แม้ในใจจะตินตนาการไปมากกว่านั้นแล้ว แต่เขาหวังวว่านั่นเป็นแค่เสียงอื่นที่ไม่ใช่เสียงปืน

    คุณหนู ใจเย้นๆก่อนนะครับ อาจจะเป้นเสียงทีวีก็ได....

    แต่ผมเรียกเคียวซังหลายครั้งแล้วไม่มีเสียงตอบเลย! ผมได้ยินเสียงกระจกแตกด้วย แล้วเสียงปืนก็ดังลั่น มีเสียงเตือนภัยดังไม่หยุดเลย!”

    เดี๋ยวผมจะรีบติดต่อทางนั้นนะครับ คุณหนูใจเย็นๆก่อนนะครับยาตะหยิบโทรศัพท์มือถือของตนออกมาพลางนั่งข้างๆรินปลอบโยนไปด้วย เขายังคงร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด หากเคียวแกล้งเขาก็ไม่มีทางที่จะแกล้งได้สมจริงมากขนาดนี้ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้วสิ

    ที่สำคัญ เคียวจะไม่มีวันทำให้คุณหนูของเขาต้องเสียใจจนหลั่งน้ำตาเช่นนี้แน่

    เขามั่นใจ

     

     

     

    ตึกสูงเทียมฟ้าในกรุงโตเกียวมีมากมาย ยิ่งยามดึกดื่นก็ยิ่งครึกครื้น แต่ตอนนี้เป็นเวลาใกล้ค่ำ เส้นขอบฟ้าที่เคยเป็นสีส้มตอนนี้ค่อยๆถูกกลืนไปกับสีเทาหม่นดูหดหู่

    เรียบร้อยแล้วครับ เป้าหมายถูกจัดการเรียบร้อย ถึงไม่ตายก็อาการย่ำแย่

    ดีมาก! รีบกลับมาที่นี่เลยนะ อย่าให้พวกมันจับได้เด็ดขาดน้ำเสียงลิงโลดดีใจดังมาจากปลายสาย ผู้ทำหน้าที่เสร็จลุล่วงจัดการเก็บอุปกรณ์ที่ปลิดชีพใครคนหนึ่งไปเมื่อครู่ กระสุนหนึ่งคร่าชีวิตนัดแลกกับเงินก้อนโต นี่คืออาชีพของเขา

    มือปืนรับจ้าง

    กระเป๋าใบใหญ่ทรงยาวถูกเก็บอุปกรณ์ทั้งหลายแหล่ลงไปเมื่อเก็บเรียบร้อยแล้วจึงเดินลงจาดาดฟ้า จุดหมายต่อไปคือสนามบิน

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    โรงพยาบาลวุ่นวายกันยกใหญ่เมื่อมีบอร์ดี้การ์ดชุดดำหลายคนเดินขบวนเข้ามา คนไข้หนีหายกลับเข้าห้องไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงไม่กี่คนยที่ยังสนใจเหตุการณ์ตรงหน้า อัตสึชิที่งัวเงียจากการนอนพักหลังจากผ่าตัดแบบนอนสตอปต้องตาสว่างเมื่อเพื่อนรักถูกยิงอาการสาหัส คว้าเสื้อกาวน์ได้ก็วิ่งไปที่ห้องผ่าตัดทันที มองเห็นเพื่อนที่กำลังนอนหายใจรวยรินเนื่องจากลูกกระสุนถูกจุดสำคัญ ใกล้กับหัวใจ

    ไปทำบ้าอะไรมากัน จู่ๆก็ถูกยิง นี่มันครั้งที่สองแล้วนะ!” พยาบาลที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือในห้องผ่าตัด ตัดสินใจทำเป็นไม่ได้ยินคุณหมอพูดกับเพื่อนตัวเองที่สลบเพราะยาชา ลอบมองและส่งกำลังใจให้คุณหมอผ่าตัดได้สำเร็จ

     

    เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง เลขาหนุ่ม อาคิตะ โชว เดินวนอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ใจหนึ่งก็หงุดหงิด ใจหนึ่งก็เป็นห่วง ไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในที่ทำงานที่เป็นสาขาหลักได้ พลางขบคิดถึงเรื่องราวความเป็นไปได้ต่างๆที่ทำให้บอสของเขาถูกยิงได้อย่างง่ายดายแบบนี้ นอกจากแจ้งให้กับคนสนิทที่บอสรู้จักแล้วเขาก็ไม่รู้จะทำเช่นไรอีก นอกจากโยนงานให้เลขาหญิงอีกคนทำแทนไปก่อน

    ฮ้า...อัตสึชิเดินออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน คราบเลือดสดเปราะเปื้อนชุดคลุมที่สวมใส่อยู่ หน้ากากถูกถอดออกพร้อมกับเสียงผ่อนลมหายใจ

    บอสเป็นยังไงบ้าง!” โชวเมื่อเห็นคุณหมอที่ทำการผ่าตัดบอสเดินออกมาก็รีบไปประจันหน้าทันที ไม่สนกลิ่นคราบเลือดที่น่าสะพรึงกลัว

    เรียบร้อยแล้ว กระสุนโดนเกือบโดนจุดสำคัญ และตอนนี้เสียเลือดมาก ต้องให้เลือดและทำการพักผ่อนอีกนานหน่อยเนื่องจากเป็นเลขาของเพื่อนจึงไม่ต้องพูดแบบมีพิธีรีตองอะไรมากนัก ตอนนี้เขาแค่อยากจะพักอีกสักงีบ...

    แค่เนี๊ย!”

    ..ก็แค่นี้ไงเล่า! นายหวังจะให้เจ้านายตัวเองตายรึไงเนี่ย!”

    โธ่เอ๊ย! เห็นเข้าไปตั้งหลายชั่วโมงฉันก็นึกว่าเขาจะเป็นอะไรมาก

    ไม่ตายก็ดีแล้วน่า!” หลังจากเถียงกันอยู่สักพักอัตสึชิก็เลี่ยงเดินหลบไปอีกทาง แต่ก็ไม่วายโดนเรียกเอาไว้อีกจนได้

    เดี๋ยว!”

    อะไร....เขาหาวหวอด

    บอสต้องนอนพักอีกกี่วันถึงจะฟื้นล่ะ?

    อย่างบอสของนายน่าจะสามสี่วันน่ะแหละ

    ...

    ทำไมล่ะ?

    ฉันจะได้กลับบริษัทไปเอางานมาให้เขาทำไง! วันนี้ก่อนที่เขาจะโดนยิงน่ะ อู้งานเอาแต่คุยโทรศัพท์กับรินซัง!” ว่าแล้วเจ้าตัวก็เดินหันหลังไปที่ลิฟต์

    เคียวเอ๊ย! นายไปจ้างเลขาแบบนี้มาจากไหนเนี่ย!

     

     

     

     

    ฮือ.....เคียวซาง..ฮือ..ฮึ่ก.....รินนอนแบ็บอยู่กับโซฟา โทรยกเลิกนัดที่จะไปทำรายงานกับเพื่อนอย่างรวดเร็ว ข้างๆมียาตะที่กำลังติดต่อกับอีกฝั่งอยู่ด้วยใบหน้าไม่ค่อยดีนัก
              “งั้นเหรอ..งั้นก็ไม่หนักหนาอะไรมากนักใช่ไหม....อื้ม..ขอบคุณมากยาตะวางสาย หันมาสนใจรินที่นอนร้องไห้มาแล้วหลายชั่วโมง ข้าวปลาไม่ยอมกิน ก่อนจะบอกข่าวดีให้ฟังด้วยสีหน้าโล่งอก

    คุณหนูครับ คุณหมออัตสึชิผ่าตัดให้เคียวซังเรียบร้อยแล้ว เขาปลอดภัยดี คุณหนูไม่ต้องกังวลนะครับ

    จริงเหรอฮะ?! จริงๆนะ?รินปาดน้ำตาทันที เมื่อยินว่าคนรักปลอดภัยดีก็ยิ้มออก เลิกร้องไห้

    จริงสิครับคุณหนู..นี่ก็เย็นแล้ว ผมไปทำอาหารให้ทานนะครับเมื่อมองนาฬิกา เวลาก็เย็นแล้ว เลยเวลาอาหารเย็นมานิดหน่อย ไม่ควรจะให้คุณหนูต้องท้องว่างนานๆ ยิ่งเวลาหลังจากที่เสียใจแบบนี้ต้องเติมพลังงานเสียหน่อย ยาตะเดินไปที่ครัวพลางขบคิดนึกถึงเมนูอาหารเย็น

     


     

    เงาดำด้านนอกหน้าต่างไหวไปมา สะดุดตายาตะที่กำลังเดินไปที่ครัว เขารีบเปิดหน้าต่างอย่างรวดเร็ว แต่กลับไม่เห็นเงาคนที่ไหน คิดว่าตัวตาฝาดไปเอง

    เงาดำนั้นมองผ่านจากกล้องส่องทางไกล สิ่งที่มองเห็นคือร่างเล็กของเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนโซฟา

    เป้าหมายรายต่อไป

    ...................................................................................................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×