คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : Chapter 24 :: His University Life (100%)
Chapter 24
His University Life
ปัง!
ประตูห้องปิดลงเสียงดังพร้อมกับแผ่นหลังที่ดันไว้ราวกับกลัวว่าตำรวจที่ขับสวนมาเมื่อครู่จะไล่ตามมาเอา Wii ในกระเป๋าคืนพร้อมกับแถมข้อหาลักขโมยของในบ้านตัวเองมาอีกหนึ่งกระทง
ริมฝีปากยังคงอ้าพะงาบ ๆ เพื่อโกยอากาศเข้าปอด ทั้งที่จากบ้านแบคฮยอนมาที่นี่ใช่ว่าเขาจะใช้สองขาวิ่งเสียเมื่อไหร่ แน่นอนว่าปาร์คชานยอลซิ่งดูคาติยอดรักปาดซ้ายปาดขวามาจนถึงหน้าหอพัก จอดเสร็จก็รีบวิ่งร้อยเมตรชายขึ้นมาบนชั้นสี่ทั้งที่มีลิฟท์ตั้งโด่รออยู่ชั้นหนึ่ง
ขายาวเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียงหลังจากเรียกสติกลับมาได้ วางกระเป๋าเป้ไว้บนเตียงอย่างเบามือแล้วก็ทิ้งตัวลงนอนบนพื้นห้องที่มีซากเสื้อผ้าใส่แล้วกระจายอยู่เต็มไปหมด นึกแล้วก็อับอายกับความกากของตัวเองตอนป๊ะหน้ากับแบคฮยอน เวรตะไลไฟไหม้ทั้งที่กะแล้วว่ายังไงก็ต้องหนีทันถ้าได้ยินเสียงรถขับเข้ามาจอดในบ้าน แต่นี่อะไร แบคฮยอนล่องหนได้เหรอถึงได้โผล่มาตอนที่เขาเพิ่งกินขนมปังเสร็จแบบนั้นแถมยังหาว่าเขาเป็นโจรอีก
เด็กหนุ่มมองไปยังเพดานห้องแล้วก็เบ้ปาก ป่านนี้คงโดนน้าชายคงสาปแช่งไม่เหลือชิ้นดีที่เขากลับไปเอาของที่บ้านแถมยังแอบแดกนั่นนี่เพราะความหิวอีก แต่จะให้ทำไงได้ครับ ชีวิตเด็กหอค่าใช้จ่ายบานตะไท ไหนจะโดนแม่ดัดเส้นให้เงินใช้น้อยมันเลยเป็นเรื่องสุดวิสัยจริง ๆ ที่จะแอบกินตอนกลับไปเอาของ
นึกแล้วก็น้อยใจ แม่น่าจะคิดบ้างว่าการใช้ชีวิตแบบนี้มันต้องจ่ายค่าข้าวทุกมื้อ นี่ยังไม่รวมค่าโค้กที่ต้องซื้อมาแช่ตู้เย็นติดไว้ตลอดอีกนะ แต่จะกลับไปขอโทษน้าชายแล้วใช้ชีวิตเหมือนเดิมก็ไม่ได้อีก ถ้าไม่ติดว่าไปทำเท่จูบแบคฮยอนวันนั้นเรื่องมันคงไม่ยุ่งยากแบบนี้หรอก
เพราะมึงคนเดียวเลยปาร์คชานยอล กระดร๊ออออออออ
ล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดโทรหาเพื่อนสนิท เนื่องจากช่วงต้นเดือนเสือกสาระแนไปแดกบุฟเฟ่ เที่ยวผับตามประสาเด็กเห่อหะมอยเลยกลายเป็นว่าปัจจุบัน ณ ตอนนี้พี่กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง โคฟเป็นเอกราช สุวรรณภูมิไปโดยปริยาย อย่าถามครับว่าใครเป็นแฟน นี่ปาร์คชานยอลกำลังอยู่ในช่วงทำใจหลังจากเลิกกันมา เฮิร์ทสุด ต้องหาอะไรมาทำอยู่ตลอดเวลาเพื่อที่จะไม่คิดถึง ซึ่งกูมโนเองว่าคน ๆ นั้นคือแบคฮยอน
อะไร ไม่ต้องด่าเลย ถึงแบคฮยอนไม่ได้เป็นแฟนกูแต่กูเป็นแฟนแบคฮยอนเองฝ่ายเดียวก็ได้เว้ย
( ฮัลโหล ว่าไงมึง )
“อยู่บ้านเปล่าวะ”
( เปล่าอ่ะนี่กูอยู่ข้างนอก มีไรว้า )
“ไปทำไร ทำไมมึงไม่อยู่บ้านอยู่ช่องให้พ่อแม่อุ่นใจ” รู้ไหมว่ากูหิว นี่กะจะไปอาศัยใบบุญกินข้าวเย็นฝีมือแม่มึงสักหน่อยทำไมเสือกออกไปข้างนอก ถ้ามึงกลับบ้านช้ากูไม่ต้องไปขอข้าววัดแดกเลยเหรอ
( กูออกมาจ่ายตลาดกับหม่อม แค่นี้ก่อนนะมึงแกเรียกกูละ )
พอจบประโยคจื่อเทาก็วางสายไป ทิ้งไว้แค่เพื่อนสนิทผู้ไม่มีอันจะแดกนอนคว้างอยู่บนพื้นอย่างน่าสมเพช เด็กหนุ่มยกตีนขึ้นถีบอากาศอย่างหัวเสีย ทำไมทุกอย่างดูเหมือนจะขัดใจไปหมด ตั้งแต่เปิดเทอมใหม่แทนที่ปาร์คชานยอลจะสนุกกับชีวิตอิสระแต่นี่อะไร
มันก็สนุกหรอกตอนเอนจอยกับการเที่ยวผับ เล่นเกมโต้รุ่ง ไปไหนมาไหนก็ได้ไม่ต้องรายงานใคร แต่พอทุกอย่างจบลง ช่วงที่ต้องให้สมองได้พักผ่อนคือเวลานอนนั้นภาพของน้าชายตัวเล็กก็ลอยเข้ามาในหัวให้ได้คิดตลอด
เบื่อ เซ็ง นอยด์
เมื่อชั่วโมงก่อนหน้านี้ปาร์คชานยอลต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากที่จะไม่มองหน้าแบคฮยอนทั้งที่โคตรคิดถึงจนอยากดึงเข้ามาฟัดแก้มแรง ๆ เอาให้กลิ่นหอมหายไปทั้งตัวเลย ไม่ได้หื่นนะเว้ยที่พูดนี่มาจากความคิดถึงทั้งนั้น แต่น้าชายใจร้ายของเขาคงไม่คิดถึงกันหรอก ป่านนี้คงไปมีความสุขกับไอ้ครูเส็งเคร็งนั่นอยู่แหง ๆ
เหอะ พอวกกลับมาเรื่องนี้วันดี ๆ ก็กลายเป็นขี้หมาไปในบัดดล
ขายาวพาดลงบนเตียงหกฟุต ถึงมันจะกว้างกว่าเตียงที่บ้านแต่เชื่อเถอะว่าเด็กตัวสูงยังคงชอบเบียดไปนอนรวมร่างกับผนังแล้วเว้นที่ว่างอีกฝั่งนึงไว้ให้นักฟุตบอลทั้งสโมสรลงเตะได้ ก็คนมันไม่ชิน ไอ้เตียงหอกนี่ก็ดูจะมีประโยชน์ก็ตอนไอ้เทามาค้างด้วยตอนเลิกเรียนค่ำนั่นแหละ นอกนั้นก็ไม่เห็นสาระอะไรเลยนอกจากการเป็นส่วนเกินที่ทำให้พื้นที่ในห้องนี้แคบลง
สไลด์มือถือเล่นแก้เซ็งแต่ยิ่งเซ็งกว่าเดิมนี่คืออะไร ปาร์คชานยอลรู้สึกว่าโลกนี้มันจะทำตัวมีปัญหากับเขาเกินไปแล้ว นี่หงิดจนอยากวิ่งออกไปนอกระเบียงแล้วตะโกนว่า ‘พ่องตายยยยยยยยยยยยยยยยยยย’ ดัง ๆ ถ้าไม่ติดว่าอีเจ๊เจ้าของหอเป็นมนุษย์ป้าผู้โหดสัด
ในเมื่อชีวิตไม่มีอะไรดีไปกว่านี้เด็กหนุ่มก็ไม่ต่างจากหมาจนตรอก นิ้วยาวกดเข้าเบอร์โทรของหญิงสาวคนหนึ่งที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน ปาร์คจียอน สาวงามแห่งวิศวะที่หนุ่ม ๆ ต่างให้ความสนใจตั้งแต่วันแรก แต่นางเสือกเดินเข้ามาหาเขาแล้วเปิดประโยคว่า
‘เป็นแฟนกันไหม เราชอบนาย’
นี่เงิบไปหลายวิ พอจียอนหัวเราะออกมาเท่านั้นแหละบรรยากาศเลยผ่อนคลายขึ้นมาหน่อย แน่นอนว่าปาร์คชานยอลไม่ได้ตอบรับคำขอเพราะไอ้เทาเข้ามาช่วยชีวิตไว้พอดี คุณผู้หญิงทั้งหลายครับการเป็นสาวมั่นมันเป็นเรื่องที่ดี แต่เรื่องจีบนี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้ชายเถอะ ไม่ก็รอดูท่าทีเขาก่อนไหม ไม่ใช่เจอหน้าแล้วเข้าชาร์จใส่แบบนาง
จียอนบอกว่าเริ่มต้นจากเพื่อนก่อนก็ได้เธอไม่รีบแต่ถ้ามีผู้ชายมาจีบอย่าหึงแล้วกัน นี่ก็ไม่รู้ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน มั่นหน้ายิ่งกว่าตอนไอ้เทาไปงานมีทแล้วมโนไปเองว่าพี่เซฮุนโบกมือให้มันคนเดียวยังไงอย่างนั้น
ตอนนี้จียอนได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มของเขาแล้ว กลุ่มที่ว่าก็ Many Many People เหลือเกินทั้งหมดสามคนถ้วน ปาร์คชานยอล หวงจื่อเทา ปาร์คจียอน เพอร์เฟคสุดแลดูใหญ่โตอลังการ พูดก็พูดเถอะครับ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เขาคงงาบเธอแล้วไม่ต้องสืบ เมื่อก่อนเคยมีสโลแกนหล่อ ๆ ว่า ‘เพื่อนกันมันส์ดี’ แต่กรณีนี้ขอยกเว้นหวงจื่อเทาไว้คนนึง
( จ๋าที่รัก )
“เย็นนี้กินข้าวกับใคร ไปกินด้วยได้เปล่า”
( เอาดิ ชวนจื่อมาด้วยนะนี่เพิ่งซื้อฟิคเรื่องใหม่มา )
อีกละ นี่ลืมบอกไปเลยว่านางเป็นสาววาย ที่ผูกมิตรกับไอ้ห่าเทาได้ง่าย ๆ ก็เพราะคุยเรื่องฟิคเรื่องเกย์กันตั้งแต่ต้นคาบนี่แหละ แถมยังติ่งพี่เซฮุนเหมือนกันอีก ไม่รู้ว่าพี่แกดังหรือว่าบุพเพกันแน่ มีปาร์คจียอนเป็นเพื่อนก็เหมือนได้คู่แข่งหัวใจเพิ่มมาอีก 1 ea ถึงจะรู้อยู่เต็มอกก็เถอะว่าตัวเองเป็นได้แค่แฟนคลับ เพราะแฟนครับของไอดอลของเขาคือไอ้พี่กากคิมจงอินที่ชอบย้ายไปอยู่ฝั่งตรงข้ามเวลาตีดอทเพื่อที่จะได้ฆ่าเขา
“มันไม่ว่าง ใสเจียเสียใจ”
( ไม่เป็นไร เราจะได้สวีทกันสองคน )
“พูดงี้โทรชวนฮโยมินมาด้วยเถอะ”
( ไม่เอาอ่ะ เรากลัวมันชอบตัว )
“เออ งั้นทำกับข้าวรอเลยเดี๋ยวไปกินด้วย เคนะ”
( จุ๊บก่อนดิ )
“บาย”
ชานยอลตัดสายแล้วทิ้งแขนลงบนพื้น สายตานี่ก็ไม่รู้จะวางไว้ตรงไหนก็มองเพดานนี่แหละ ทำไงดีวะ พยายามยังไงก็ไม่หายคิดถึง ขนาดย้ายออกมาในที่ ๆ มองเห็นแบคฮยอนยากแล้วก็ยังเป็นแบบนี้ แถมเวลาก็ผ่านไปเป็นเดือน ๆ แล้วแทนที่จะดีขึ้น ใครบอกว่าเวลาจะทำให้คนเราลืมความรู้สึกที่มีต่อคน ๆ นึงได้ มันไม่เห็นจะจริงเลยสักนิดเดียว อ้อใช่ ไอ้พวกเพจคำคมในเฟซบุ้คทั้งหลายนั่นแหละที่คอยเสี้ยมให้เขาเป็นแบบนี้
“พี่ปีสองขอให้เราลงประกวดดาวคณะแหละ”
“อ้อ” ชานยอลขานตอบในลำคอขณะก้มหน้าก้มตากินโดยที่ไม่สนใจจะเงยหน้าขึ้นมาคุยกับเด็กสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเลย จียอนเท้าคางมองคนตัวสูงที่กำลังกินข้าวฝีมือเธอแล้วก็อมยิ้มอารมณ์ดี
“แล้วตัวล่ะได้ลงประกวดไหม?”
“ไอ้เทาลงแล้ว”
“หว่าย จะได้คู่กับจื่ออ่ะดิงานนี้”
“เออ เวลากรรมการถามถึงความสามารถก็บอกไปเลยว่าเธอกับไอ้ห่าเทาตีคู่อ่านฟิคเกย์ข้ามวันข้ามคืนได้โดยไม่ต้องนอน เชื่อเถอะว่าไม่มีดาวเดือนคณะไหนทำแบบนี้ได้”
พอชานยอลพูดจบจียอนก็ระเบิดหัวเราะลั่นโดยไม่แคร์ภาพลักษณ์ ชานยอลเงยหน้าขึ้นแล้วหรี่ตามองผู้หญิงเส้นตื่นแล้วก็ระอา นี่ถ้าพวกผู้ชายทั้งหลายที่แอบปลื้มนางมาเห็นคงได้เฟดตัวถอยออกแทบไม่ทัน สติอยู่ไหน
“ก็ชอบนี่นา”
“เดี๋ยววันแข่งจะไปเชียร์แล้วกัน”
“เริ่ดอ่ะ ตัวซื้อกุหลาบมาให้เราด้วยนะ”
“เงินจะกินข้าวยังไม่มี จะเอาเงินไหนไปซื้อกุหลาบให้คุณเธอครับนี่ถาม” เด็กตัวสูงเลิกคิ้วมองคาดโทษคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม จียอนเบ้ปากแล้วเอื้อมมือมาลูบแขนเพื่อนชายอย่างเห็นใจ
“โอ๋นะ ไม่ได้ตั้งใจพูดเรื่องแบบนี้เลย เราลืมว่าตัวเซนส์ซิทีฟเรื่องมันนี่”
“เครียด พูดเรื่องเงินแล้วเครียด”
กิ๊งก่อง!
“แป้บ” จียอนชูนิ้วชี้แล้วรีบวิ่งไปเปิดประตูบ้าน ใครมาอีกล่ะหนิ ไหนว่าพ่อแม่ไปเที่ยวต่างประเทศสองอาทิตย์ นี่เพิ่งจะวันแรกเองไหม อย่าเพิ่งกลับมาเถอะขอกินข้าวฟรีอีกสักสามสี่ห้าหกวันก่อนเงินเข้า
“มาแล้วววววววววว”
“...” ชานยอลหรี่ตาแล้วหันกลับไปมองข้างหลังแล้วก็เห็นไอ้เพื่อนเชี่ยที่บอกว่าไม่ว่างไปช้อปกับแม่กำลังแสลนเข้ามาข้างในพร้อมกับถุงพลาสติกในมือจำนวนหนึ่ง
“ว้อทซับแม๋น”
“ซับพ่อง”
“มาก็โดนเลย” จื่อเทาว่าแล้ววางถุงลงบนโต๊ะก่อนจะแย่งเอาตะเกียบของจียอนมาคีบกับข้าวกินหน้าตาเฉย
“ไหนมึงบอกว่าไม่ว่าง?”
“กูบอกจีจี้แล้วนะเว้ยว่าจะตามมาทีหลังอ่ะ” จื่อเทาผินหน้าไปทางเด็กสาวที่กำลังยิ้มแห้ง ๆ อยู่
“จื่อไลน์มาบอกเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วแต่เราไม่ได้บอกตัวอ่ะ ลื๊ม”
“เออนี่ หม่อมฝากนี่มาให้มึงด้วย” ชานยอลขมวดคิ้วเมื่อเพื่อนสนิทดันถุงจากซุปเปอร์มาให้ “กูเล่าให้แกฟังว่ามึงย้ายมาอยู่หอ ไม่ค่อยมีเงินใช้แกก็เลยซื้อของเผื่อมึง”
“จริงดิ?” เด็กตัวสูงอมข้าวไว้ในปากแล้วชะโงกหน้าดูในถุงแล้วก็พบว่ามีอาหารสำเร็จรูปที่สามารถเก็บไว้กินวันหลังได้จำนวนหนึ่ง แถมขนมปังและนมเป็นแกนลอนให้อีกต่างหาก ชานยอลยิ้มกว้างแล้วเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน
“แหม่ จากหน้ามือเป็นหลังตีน” <- เทา
“อ่อนโยนเนาะรอยยิ้มเนี่ย” <- จียอน
“ฝากขอบคุณแม่มึงด้วยนะเว้ย รักเลยอ่ะแบบนี้ รอดตายไปอีกครึ่งเดือน” ชานยอลหน้าบานเป็นกระด้ง ไม่เสียแรงที่เขาทำตัวน่ารักกับแม่มันมาตลอด อยากจะมอบโล่แดซังแม่แห่งปีให้เหลือเกิน
“กูมีอะไรจะแนะนำมึงอ่ะเพื่อน” จื่อเทาทำหน้าจริงจังแล้วย้ายไปนั่งข้าง ๆ คนตัวสูง
“ไร”
“เห็นมึงไม่มีเงินใช้แล้วกูก็นึกอะไรขึ้นได้ มึงไม่ลองหางานพิเศษทำดูวะ พวกแคชเชียร์ตามมินิมาร์ท เซเว่นอะไรแบบนี้เขารับพาร์ทไทม์อยู่นะเว้ย”
“ใช่ ๆ ช่วงนี้กระแสพนักงานหล่อบอกด้วยกำลังแรงนะ ถ้าเกิดมีติ่งไปเจอตัวกำลังคิดเงินนี่คงถูกถ่ายรูปไปอัพลงทวิต คราวนี้ล่ะดังเลย” จียอนเสริม แต่ชานยอลกลับแสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจนว่าเขาไม่เห็นด้วย
“ไม่เอาอ่ะ ทำงานแล้วกูจะเอาเวลาไหนไปเล่นเกมวะ”
“ไม่มีจะแดกอยู่แล้วยังจะห่วงเกม” เทาทำหน้าเซ็งแล้วขยับตัวออกเมื่อรู้สึกว่าความหวังดีของเขามันช่างไร้ค่าสิ้นดี
“ถ้าตัวขี้เกียจออกไปหางานทำก็ลองขายของในเน็ตดูไหมอ่ะ”
“เออ” เทาเห็นด้วยกับจียอน ทั้งคู่ไฮไฟฟ์กันแล้วหันหน้าเข้าหาเพื่อนตัวสูง คนขี้เกียจอย่างไอ้ชานยอลต้องทำแบบนี้แหละถ้าไม่อยากลงแรงแลกกับเงิน
เด็กตัวสูงเงียบไประหว่างใช้ความคิด ซึ่งเขารู้สึกว่าวิธีนี้ดูเข้าท่าพอสมควร แต่ประเด็นคือจะขายอะไรดีล่ะในเมื่อตอนนี้การค้าขายในโลกอินเทอร์เน็ตมันค่อนข้างเกลื่อนกลาด แถมคู่แข่งเยอะยิ่งกว่าข้าศึกในเกมออนไลน์อีก
“ขายหมวกป่ะ”
“ไม่ก็พวกเสื้อผ้า รองเท้า”
“ของแฮนเมด?”
“ของก็อป”
“ไม่เอาอ่ะ ถ้าจะขายในเน็ตกะว่าจะทำพรีออเดอร์ดีกว่าจะได้ไม่ต้องสต็อกของ” ชานยอลลูบคางใช้ความคิด เพราะถ้าซื้อของมาก่อนปัญหาแรกเลยคือไม่มีที่เก็บเพราะหอพักรูหนูก็ช่างแคบเหลือเกิน เดินสามก้าวก็สุดทางละ ไหนจะกลัวเรื่องขายไม่ออกแล้วของเหลืออีก ตอนนี้กับข้าวที่วางอยู่บนโต๊ะกลายเป็นหมันไปแล้วเมื่อทั้งสามหน่อกำลังเข้าสู่โหมดจริงจัง “ถ้าพรีออเดอร์เสื้อผ้าทั่วไปก็คงไม่ไหว คู่แข่งเยอะเกิน”
“มึงก็คิดลายขึ้นมาเองดิ เก่งโฟโต้เฉาะไม่ใช่เหรอวะ”
ปิ๊ง!
ตั้งแต่รู้จักกันมาเขาเพิ่งรู้ว่าหวงจื่อเทาฉลาดก็วันนี้แหละ ชานยอลหันไปมองเพื่อนด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคำขอบคุณก่อนจะวางมือลงบนหัวมัน จื่อเทาทำหน้าอึนเพราะไม่เข้าใจว่าตอนนี้ชานยอลกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน และจียอนก็เช่นกัน
“ดี เดี๋ยวกูจะไปลองออกแบบเสื้อดู”
“เอาเลย ๆ ถ้าคิดลายได้แล้วเดี๋ยวเราช่วยโปรโมตร้านตัวในไอจี”
“เยี่ยม แบบนี้สิถึงน่ารัก” ชานยอลโน้มตัวไปเกาคางจียอนเหมือนลูกหมาซึ่งเด็กสาวก็แหงนหน้าให้เล่น
“มันต้องอย่างนี้ดิว้าเพื่อนกู” จื่อเทาตบโต๊ะแล้วทำหน้ามุ่งมั่น
ชานยอลยื่นมือมาข้างหน้าแล้วจื่อเทาก็วางมือทับลงไปและตามด้วยจียอนเป็นคนสุดท้ายก่อนที่ทั้งสามคนจะกลอกตามองกันอย่างจริงจังแล้วตะโกนลั่นบ้าน
“ไฟติ้ง!!!”
“กาแฟครับ”
“ขอบคุณครับพี่อี้ฟาน” แบคฮยอนยิ้มแล้วรับแก้วกาแฟมาวางไว้ก่อนจะหันไปสนใจกับสมาร์ทโฟนอีกครั้ง
ในห้องพักครูยามเช้า ตอนนี้มีเพียงแค่อาจารย์อีกสามท่านเท่านั้นที่ทำให้ทั้งคู่รู้สึกว่าไม่ได้อยู่ตามลำพังกันสองคน อี้ฟานเท้าแขนลงบนโต๊ะส่วนมืออีกข้างวางลงบนไหล่คนตัวเล็กพร้อมกับโน้มลงไปดูว่าแบคฮยอนกำลังสนใจอะไรอยู่
“จะสั่งของในอินเทอร์เน็ตเหรอ?”
“ครับ พี่สนใจไหม?” ร่างเล็กหันไปถามร่างสูงที่ใบหน้าห่างกันแค่คืบเดียว อี้ฟานยิ้มบาง ๆ แล้วพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าถ้าแบคฮยอนว่าดีเขาก็ว่าดีเช่นกัน
“ลายสวยดีนะ แต่ถ้าพี่ใส่คงไม่เหมาะเท่าไหร่”
“เอาไว้ใส่ที่บ้านไงครับ รวมค่าจัดส่งแล้วหกพันวอนเอง” อี้ฟานขมวดคิ้วเล็กน้อยระหว่างใช้ความคิด นึกขำอยู่ในใจตอนเห็นแบคฮยอนกำลังมองหน้าเขาระหว่างรอคำตอบ มันน่ารักจนอยากหยิกแก้มเบา ๆ ให้หายหมั่นเขี้ยว
“งั้นสั่งเผื่อพี่ตัวนึงนะครับ อย่าลื่มดื่มกาแฟล่ะเดี๋ยวจะเย็นซะก่อน” อี้ฟานยิ้มแล้วลูบหัวอีกคนอย่างเอ็นดูก่อนจะเดินไปเอาหนังสือเตรียมพร้อมสอนในเช้าวันนี้ แบคฮยอนพยักหน้าแล้วหันไปโบกมือให้คนตัวสูงจนกระทั่งอีกฝ่ายจะออกไปจากห้องพักครู
ช่วงนี้ทุกอย่างเริ่มจะเข้าที่เข้าทาง ถึงจะไม่มีความสุขแต่อย่างน้อยอู๋อี้ฟานก็ไม่ได้รู้สึกแย่ไปกว่าเดิม จะบอกว่าเป็นเพราะชานยอลย้ายออกไปจากบ้านแบคฮยอนก็คงไม่ถูกเสียทีเดียวแต่มันก็มีส่วนอยู่บ้าง มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่พระเจ้าได้สร้างความเห็นแก่ตัวมาให้มนุษย์ทุกคน ซึ่งพวกเขาจะแสดงออกให้เห็นหรือจะฝังมันเอาไว้ในจิตใต้สำนึกก็อีกเรื่องนึง
อู๋อี้ฟานไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นความผิดของเขาที่รู้สึกแบบนี้ เขาไม่ใช่พระเอกละครที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้นางเอกมีความสุขโดยที่ไม่สนใจว่าจุดจบของเรื่องนั้นตัวเองจะต้องเจ็บปวดแค่ไหน เพราะทางที่ดีที่สุดสำหรับชายหนุ่มคือการที่แบคฮยอนมีความสุขได้เพราะเขา
มันจะมีสักกี่คนที่ยอมให้คนที่เรารักไปรักคนอื่นโดยที่เราทำได้เพียงแค่ยืนมองอยู่เฉย ๆ แล้วรับความเจ็บปวดไว้คนเดียว? บ้าน่า...ถ้าทำแบบนั้นก็อยู่คนเดียวไปเถอะ อย่าคิดที่จะมีความรักเลย
ความรักคือความเห็นแก่ตัวอยู่แล้ว ไม่งั้นปาร์คชานยอลคงไม่คิดหนีไปหรอก
60%
วันนี้เป็นวันประกวดดาวเดือนคณะ และปาร์คชานยอลก็ได้พบกับเรื่องช็อกโลกซึ่งก็คือรางวัลเดือนมหาลัยนั้นเป็นของไอ้ห่าเทา อันที่จริงตอนดูตอนมันตอบคำถามก็แอบกลั้นขำอยู่นานพอสมควร วูบหนึ่งเกือบลืมไปแล้วว่าคนที่อยู่บนเวทีนั่นคือไอ้มนุษย์มุ้งมิ้งที่ชอบอ่านฟิควายไปวัน ๆ แต่พอมันได้จับไมค์แล้วยืนรอฟังคำถามจากกรรมการเท่านั้นแหละ พระเอกละครช่อง SBS ยังต้องศิโรราบให้กับมัน
นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ปาร์คชานยอลรู้สึกว่าหวงจื่อเทาควรจะทำแบบนี้มานานแล้ว นั่นก็คือการทำตัวหล่อให้สมกับเบ้าหน้าอันโหดสัดของมันบ้าง ไม่ต้องพูดถึงสาว ๆ ที่อยู่ข้างล่างเวทีเลยครับ นั่นก็กรี๊ดจนลืมหายใจ ไม่ต้องสืบเลยว่าหลังจากวันนี้ไอ้เทาจะฮ๊อตมากแค่ไหน สภาพปาร์คชานยอลในตอนนี้เหมือนคุณพ่อมีหนวดที่กำลังมองดูลูกชายซึ่งกำลังได้ดิบได้ดีอยู่บนเวทียังไงอย่างนั้น
ตอนนี้ทั้งสามคนนั่งอยู่ม้านั่งใต้ตึกคณะ หวงจื่อเทากับปาร์คจียอนนั่งตีคู่โซ้ยข้าวกล่องจากมินิมาร์ทข้างตึกอย่างหิวโหยเพราะอดข้าวมาตั้งแต่ช่วงเช้า นี่ก็เกือบห้าโมงเย็นแล้วเพิ่งจะได้กิน สภาพเสื้อผ้าหน้าผมคือจัดเต็ม คนที่ผ่านไปมาก็มองกันเป็นตาเดียวกันไม่ต้องห่วงมันแล้วภาพล้งภาพลักษณ์
ชานยอลเลื่อนขวดน้ำไปให้เพื่อนทั้งสองก่อนจะอ้าปากหาวหวอด ๆ พอเห็นอย่างนั้นจื่อเทาเลยต้องถามเพราะเป็นห่วง
“มึงไม่นอนอีกแล้วเหรอ”
“เออ ถ้านอนกูตื่นมาเรียนคาบแรกไม่ทันแน่” ชานยอลว่าแล้วแนบหน้าลงกับโต๊ะไม้ ความรู้สึกตอนนี้ถ้าให้เทียบกับเกมออนไลน์ HP คงอยู่ประมาณ 20% และพร้อมจะตายได้ทุกเมื่อเพียงแค่เดินสะดุดก้อนหิน
ช่วงนี้นอนเช้าทุกวันเพราะติดเกม ขาดเรียนก็บ่อยจนไอ้เทาต้องตามไปลากคอถึงหอเขาถึงยอมไปเรียนด้วย ซึ่งชานยอลคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติของวัยรุ่นที่จะเล่นเกม เที่ยวผับ หลีหญิง ขาดเรียน ก็ไม่รู้ว่ามันจะซีเรียสอะไรนักหนา
เทากับจียอนผลัดกันบ่นจนเขาแทบจะท่องได้อยู่แล้ว บอกว่าใกล้จะสอบมิดเทอมแล้วนะ ควรอ่านหนังสือบ้างอย่าเอาแต่เล่นเกม ก็เข้าใจหรอกนะว่าหวังดี แต่ตอนนี้ปาร์คชานยอลไม่มีกระใจจะทำอะไรทั้งนั้น และเพื่อนทั้งสองคนก็คงไม่มีทางเข้าใจอารมณ์คนติดเกมหรอก
“เสื้อมึงขายดีป่ะ”
“พอได้ว่ะ กูงงมากว่าทำไมถึงมีเด็กผู้หญิงสั่งซื้อเยอะจัง ทั้ง ๆ ที่ลายมันน่าจะโดนใจผู้ชายมากกว่า”
“เขาอาจจะซื้อเพราะตัวหล่อก็ได้” จียอนว่าแล้วแย่งขวดน้ำจากจื่อเทาไปดื่ม
“เออจริง ความหล่อของฉันมันห้ามได้ที่ไหนล่ะ เธอเองก็ซื้อเพราะเหตุผลนี้สินะจีจี้” ชานยอลขมวดคิ้วแล้วชี้ไปยังหญิงสาวที่กำลังนั่งอมยิ้มเขินก่อนจะฟาดแขนเขาเบา ๆ
“คลบ้า”
“สวีทกันแบบนี้ถ้าเป็น msn ตัวกูคงเป็นสีเทาเพราะ Appears Offine โอ้ย!” จื่อเทาพูดจบก็สะดุ้งสุดตัวเพราะถูกจียอนหยิก “เฮ้ย อย่าดิ เราเซ้นซิทีฟตรงซอกคอนะเว้ย”
“อะไรอ่ะ เราทำจื่อมีอารมณ์เหรอ” เด็กสาวทำตาเป็นประกายแล้วเอาศอกสะกิดเพื่อนตัวสูง
“ไม่” จื่อเทาตอบเสียงแข็งก่อนจะขยับออกราวกับว่าผู้หญิงคนนี้เป็นของร้อนที่ไม่ควรนั่งอยู่ใกล้นาน ๆ
“ดีกรีเป็นถึงคู่ขวัญของคณะ” ชานยอลส่ายหน้าหน่าย ๆ กับภาพตรงหน้าแล้วกินขนม
“ถ้าลายแรกเข้าท่ามึงก็ทำลายที่สองต่อเลยดิ การตลาด ๆ” จื่อเทาทำหน้าจริงจัง ถ้าเป็นเรื่องสนับสนุนให้เพื่อนหาเงินเองล่ะก็ขอให้บอก
“จะให้คิดปุบปับมันก็ไม่ได้ป่ะวะ ของแบบนี้มันต้องใช้เวลาอารมณ์ศิลปินถึงจะมา”
“ขี้เกียจก็บอกมาตรง ๆ เหอะเพื่อน”
“โห ตัวเท่จังเลยอ่ะ ขนาดตอนทำตัวกากยังเท่เลย” จียอนมองคนตัวสูงด้วยแววตาของหญิงสาวที่กำลังตกหลุมรักในหลุมดักควายขนาดใหญ่ ชานยอลใช้เวลาทบทวนประโยคนี้อยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ได้แต่หรี่ตามอง สรุปนี่ชอบหรือหลอกด่ากู
“แล้วมึงจะไปไหนต่อวะ” จื่อเทาถาม เพราะตอนนี้ก็ไม่รู้จะไปทำอะไรต่อแล้วหลังจากได้รับรางวัลเดือนมหาลัยมาแบบงง ๆ ส่วนจียอนก็ได้รางวัลขวัญใจช่างภาพไปเพราะนางเล่นหูเล่นตาเก่ง ชานยอลเงียบไปแล้วก็เงยหน้าขึ้นมองเพื่อนทั้งสอง
“กูว่าจะกลับหอไปนอนเอาแรง คืนนี้จะไปกินเหล้ากับพวกไอ้คยองซูสักหน่อย”
“กินอีกแล้วเหรอว้า มึงขายเสื้อได้แทนที่จะเก็บเงินไว้ซื้อข้าวแดกอ่ะ” จื่อเทาทำหน้าเนือย เขารู้สึกผิดหวังอยู่เล็ก ๆ ที่ได้ยินเพื่อนพูดแบบนี้
“เออน่า กูไม่ได้เจอเพื่อนในวงนานแล้วนาน ๆ ทีขอหน่อยเหอะ ผ่อนคลายบ้างไรบ้าง” ชานยอลทำหน้าเซ็ง ไอ้ห่าเทาเริ่มจะโคฟเวอร์เป็นแบคฮยอนเข้าไปทุกวันแล้ว ไม่รู้จะบ่นอะไรนักหนา
“นาน ๆ ทีไรวะ วันก่อนมึงก็เพิ่งไปแดกกับพวกขี้กาวหลังเซคอ่ะ” จื่อเทาพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์นัก ส่วนจียอนก็พยักหน้ารัว ๆ เป็นเชิงบอกว่าเห็นด้วยกับจื่อเทาทั้งหมด
“แล้วไง? กูจะไปมึงไม่ไปก็นอนดูดนมแม่อยู่บ้านซะ” ชานยอลเลิกคิ้วมองอีกคนอย่างหัวเสีย จื่อเทาเบ้ปากงอนแล้วลุกขึ้นยืนก่อนจะโยนฝาขวดน้ำใส่หัวเพื่อนตัวสูงจนกระเด็นลงไปบนพื้น
“มึงแม่งแย่อ่ะ”
“ทำไม จะต่อยกูไง? เอาดิ ๆ” ชานยอลลุกขึ้นยืนแล้วยั่วโมโหเพื่อนสนิทโดยการยื่นแก้มเข้าไปใกล้ ๆ แต่เจ้าตัวก็ต้องสะดุ้งถอยกลับมาเพราะถูกหญิงสาวอีกคนหยิกแก้มเข้าให้ “อะไรจีจี้ห้ะ อะไร”
“อย่าแกล้งจื่อดิ เห็นไหมว่าหน้าบึ้งแล้ว”
“เออ บึ้งจนเขียวไปหมด” ชานยอลกลอกตาไปมาแล้วจื่อเทาก็นั่งลงกับที่แรง ๆ จนเขารู้สึกเจ็บหรรมแทนเหลือเกิน
“โอ๋นะจื่อ เดี๋ยวเราพาไปกินของหวานแล้วเมนชั่นไปกดดันไรท์เตอร์ให้อัพฟิคที่จื่อติดนะ” จียอนลูบหัวเพื่อนตัวสูงอย่างเอ็นดู ชานยอลขยับปากเลียนแบบขณะที่จื่อเทากำลังมองมาด้วยสายตาคาดโทษ
“มึงไม่ค่อยเข้าเรียนเดี๋ยวก็ไม่มีสิทธิ์สอบหรอก”
“เออน่า ก็ยังไม่หมดโควตาป่ะวะ”
“ต้องรอให้หมดก่อนเหรอ มันไม่เหมือนมัธยมนะมึง กูว่าเพลาเรื่องเกมเรื่องเที่ยวแล้วมาตั้งใจเรียนเหอะ” เทาขยับมานั่งข้างชานยอลแล้วเขย่าแขน
“...”
“จื่อพูดถูกอ่ะ แค่อ่านหนังสือมันไม่พอจริง ๆ นะตัว”
“เออ ช่วงนี้รายงานก็เยอะ ไหนจะเรียนยากขึ้นอีก” จื่อเทาเสริม
แต่พูดก็พูดเถอะ เขาเข้าใจว่าเพื่อนทั้งสองคนหวังดีแต่ตอนนี้มันก็ยังไม่มีอะไรแย่จนน่าเป็นห่วงป่ะวะ สองคนนี้ก็ซีเรียสจัง ชีวิตวัยรุ่นมหาลัยมันมีอะไรอีกเยอะกว่าการเข้าเซคแล้วนั่ง ๆ เรียน ๆ นะเว้ย
“มึงจะไปไหนอ่ะ?”
“ไปซื้อพุดดิ้งร้านลุงชิน”
“พุดดิ้งเหรอ? ไปด้วยดิ!” จียอนลุกขึ้นแล้วรีบคว้ากระเป๋ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าคนตัวสูง ชานยอลพยักหน้าส่ง ๆ เป็นเชิงบอกว่าก็แล้วแต่ก่อนจะก้มลงมองจื่อเทาที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม “จื่อไปไหม”
“ไม่อ่ะ เราจะกลับบ้าน”
“เอ้า ทำไมไม่ไปด้วยกันล่ะ”
“เราคิดถึงแม่ คิดถึงบ้านด้วย ลูกที่ดีต้องไม่เถลไถล” พูดจบก็ย่นจมูกเผยอปากใส่ไอ้เพื่อนชั่วก่อนจะคว้ากระเป๋าเป้เดินดุ่ม ๆ ออกไป ชานยอลเบ้ปากเป็นรูปตีนแล้วยกเท้าขึ้นถีบอากาศจนกระทั่งเพื่อนตัวเขียวเดินหายลับไปนั่นแหละเขาถึงได้หยุด
“ห่านี่อ้อนตีน เดี๋ยวมึงเดี๋ยว”
“จื่อหวังดีหรอก ทำไมตัวไม่ฟังบ้างอ่ะ”
“ไม่ต้องเลย ถ้ายังพยายามพูดให้ฉันกลับไปเป็นคนดีอีกก็ไม่ต้องไปด้วยกันแล้ว”
“โอเค” จียอนทำท่ารูดซิปปากแล้วเกาะแขนชานยอลไปด้วยกันโดยไม่แคร์สายตาหนุ่มสาวมากมายที่นั่งอยู่ละแวกนั้น
แท็กซี่จอดลงหน้าร้านลุงชิน เด็กหนุ่มจ่ายเงินเรียบร้อยแล้วก็เปิดประตูลงไปโดยไม่รออีกคนที่ยังคงอยู่ในรถ จียอนทำตาโตเมื่อเห็นว่าชานยอลกำลังจะเข้าไปในร้านก่อนจะรีบวิ่งตามไปหยุดอยู่ข้างหลังพร้อมกับอมลมไว้ในแก้มอย่างงอน ๆ
“อ้าวชานยอล?”
“สวัสดีครับลุงชิน”
“สวัสดีค่ะ”
“โอ้โห เข้ามหาลัยแล้วสินะ แล้วนั่นใครน่ะแฟนเหรอ?” ชายวัยกลางคนถามพร้อมกับยิ้มให้กับเด็กสาวที่กำลังเขินอยู่
“เปล่าครับ แค่เพื่อนกัน”
“โหย ตัวอ่ะ” จียอนผลักแขนเพื่อนตัวสูงเบา ๆ แล้วลุงชินก็หัวเราะ
“ไม่เจอกันตั้งนาน นึกว่าหันไปกินร้านอื่นแล้วซะอีก”
“ไม่มีทางครับ ร้านไหนก็ไม่สู้ร้านลุงชินหรอกนี่พูดเลย” ชานยอลชูนิ้วโป้งแล้วก้มลงมองของหวานที่ตั้งเรียงกันอยู่ในตู้กระจก ในนั้นมีพุดดิ้งรสใหม่อยู่หลายอย่าง คิดว่าวันนี้จะลองกินดูสักหน่อย “เอาพุดดิ้งมะพร้าวอ่อนกับชาเขียวครับ แล้วก็...”
เด็กหนุ่มชะงักเมื่อหันไปเห็นพุดดิ้งสตรอว์เบอร์รี่ที่วางอยู่ข้าง ๆ พุดดิ้งมะม่วง ลุงชินมองอีกคนที่เงียบไปหากแต่สายตายังไม่ละออกจากตู้กระจก ชายวัยกลางคนยิ้มแล้วเท้าแขนลงกับตู้แช่
“เมื่อวานก่อนน้าชายของเราก็มานะ”
ชานยอลเงยหน้าขึ้น แน่นอนว่าลุงชินก็รู้ว่าแบคฮยอนชอบพุดดิ้งรสสตรอว์เบอร์รี่ เด็กหนุ่มยังคงมองไปยังชายวัยกลางคนที่กำลังเอาขนมหวานออกมาจากตู้เย็นก่อนจะหันมาทางเขา
“น้าผมเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ตัวเล็กเหมือนเดิม คงไม่โตไปกว่านั้นแล้วล่ะ” ลุงชินพูดติดตลกหากแต่ไม่มีเสียงหัวเราะจากคนตรงหน้า ชานยอลหลุบสายตาลง เขากำลังอยากรู้เรื่องของแบคฮยอนมากกว่านี้แต่... “ลุงถามแบคฮยอนว่าหลานชายไม่มาด้วยเหรอ? เขาเลยบอกว่าเราย้ายไปอยู่หอแล้ว” ชานยอลพยักหน้าก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เขาด่าผมไหม...?” สิ้นสุดคำถามชายวัยกลางคนก็หัวเราะ
“จะด่าได้ยังไง แบคฮยอนแค่บอกว่าหอพักที่นั่นใกล้มหาลัยมากกว่า เราเลยย้ายไปอยู่เพราะจะได้ไม่ต้องยุ่งยากกับการเดินทาง”
“...”
“ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ? ไม่ได้คุยกับน้าเลยเหรอ?”
“...” ชานยอลไม่ได้ตอบคำถามในทันที เด็กหนุ่มเงียบไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วส่ายหน้าช้า ๆ
“โทรหาน้าบ้างสิ ถ้าไม่นึกถึงเขาก็ให้นึกถึงตัวเราเอง” ลุงชินยิ้มบาง ๆ ก่อนจะยื่นพุดดิ้งให้เด็กหนุ่มพร้อมกับมองด้วยแววตามีความหมาย “อย่างน้อยเราก็ได้รู้ว่ายังมีครอบครัวที่เป็นห่วงในวันที่เราเหนื่อย นั่นน่ะกำลังใจชั้นดีเลยนะ” ชายวัยกลางคนหัวเราะ
“...”
“เวลามีปัญหาเพื่อนกับแฟนก็ช่วยหาทางออกให้เราไม่ได้ทุกเรื่องหรอกนะชานยอล”
“...”
“ตอนสมัยเรียนลุงก็เคยไปอยู่หอพักเหมือนกัน ตอนนั้นลุงมีความสุขมากกับชีวิตอิสระ อยากทำอะไรก็ทำไม่ต้องกลัวว่าจะถูกพ่อแม่ด่า แต่พออยู่ไปได้สักพักความเหงาก็มาเยือน” เขาหัวเราะ “ตอนไม่มีคนคอยบ่นเราก็สบายหู แต่มันแย่ตรงที่ว่าพอรู้สึกอิ่มตัวกับความสนุก อิ่มตัวกับสิ่งใหม่ ๆ รอบข้างแล้วเราจะคิดถึงเสียงบ่นของเขา”
‘ไอ้เด็กเวร! ทำไมไม่รู้จักเก็บห้องดี ๆ ห้ะ!’
‘ข้าวผัดพลีชีพอ่ะดิ รสชาติอย่างกับอาหารหมาหมดอายุ’
‘ปาร์คชานยอล!!!!’
“ไม่มีที่ไหนอบอุ่นเท่าบ้านของเราหรอก จริงไหม?”
หลังจากนั้นชานยอลก็จ่ายเงินเสร็จสรรพพร้อมกับจูงมือจียอนออกไปนอกร้าน เด็กหนุ่มกวักมือเรียกแท็กซี่แล้วยัดเด็กสาวเข้าไปในรถพร้อมกับพุดดิ้งหลายถ้วยในถุงที่เขาตั้งใจว่าจะเก็บไว้กินตอนเล่นเกมคืนนี้
“ชานยอล? เดี๋ยวสิ”
จียอนทาบมือลงบนกระจกแล้วมองเพื่อนตัวสูงอย่างไม่เข้าใจ ชานยอลไม่ยอมพูดอะไรสักคำแต่กลับบอกพิกัดบ้านเธอให้แท็กซี่รู้แถมยังย้ำอีกว่าให้ออกรถได้เลย
เด็กตัวสูงมองตามแท็กซี่ที่กำลังเคลื่อนตัวออกไป เขายืนอยู่ตรงนั้นประมาณห้านาทีเห็นจะได้ก่อนจะหันไปทางประตูหน้าร้านซึ่งมีใครคนหนึ่งยืนอยู่ ใบหน้าของลุงชินยังเต็มไปด้วยรอยยิ้มตามประสาผู้ใหญ่ใจดี ทั้งคู่มองหน้ากันอยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรก่อนที่ชานยอลโค้งหัวให้เป็นการบอกลา
ขายาวก้าวไปตามฟุตปาธอย่างไม่เร่งรีบ เรื่องที่คุยกับลุงชินเมื่อกี้เหมือนกับม้วนหนังที่กลอเล่นซ้ำ ๆ ให้เขาเก็บมาคิด ปาร์คชานยอลที่ดูเหมือนดอกไม้แห้งเหี่ยวคนนั้นได้ย้อนกลับมาอีกแล้วหลังจากที่เขาพยายามยัดเยียดปาร์คชานยอลขี้เกม ปาร์คชานยอลขี้เหล้าให้อยู่พักใหญ่ ๆ ถ้ามันจะทำให้ลืมแบคฮยอนไปได้ช่วงหนึ่ง
แต่ว่ามันแย่ว่ะ เขาจะจัดการความรู้สึกที่กำลังขัดแย้งของตัวเองยังไงดี?
ใจหนึ่งมันบอกให้ปล่อยเลยตามเลย ส่วนอีกใจก็บอกให้กลับไปขอโทษแบคฮยอนซะทุกอย่างจะได้จบ ๆ ซึ่งมันคงไม่ง่ายอย่างนั้นแน่ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วคงใช้เวลานานพอสมควรกว่ามันจะจางลงจนทำให้จำไม่ได้ แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ สมองของคนเรามักจะจดจำเรื่องแย่ ๆ แทนที่จะจดจำเรื่องดี ๆ เอาไว้
จื่อเทาถอนหายใจทันทีที่เงยหน้าขึ้นแล้วเห็นแสงสีวาววับหน้าประตูทางเข้าผับ เด็กหนุ่มก้มลงมองสมาร์ทโฟนที่ขึ้นแจ้งเตือนว่ามีคนไลน์เข้ามาแล้วก็กดเข้าไปอ่าน ซึ่งไม่พ้นโดคยองซูที่เอาแต่เร่งให้เขารีบมาด้วยเหตุผลว่าชานยอลเมาจนอ้วกจนเพื่อน ๆ ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว
ด้วยความที่คนพวกนั้นอยู่คนละมหาลัย ทุกคนเลยห่าง ๆ กันไปไม่ได้เข้าห้องซ้อมเหมือนอย่างเคย เพราะฉะนั้นมันคงไม่แปลกที่พวกเพื่อนในวงดนตรีจะไม่รู้ว่าหอพักของชานยอลอยู่ที่ไหน
เด็กตัวสูงถอนหายใจอีกครั้งแล้วบอกตัวเองว่ารีบทำให้มันจบ ๆ และเขาก็คงทำมันคนเดียวไม่ได้แน่ จื่อเทาเคาะสมาร์ทโฟนลงบนฝ่ามือเบา ๆ พลางกวาดสายตาไปรอบ ๆ ไม่นานนักคนที่รออยู่ก็วิ่งมาทางนี้
“น้าแบค!”
“โทษที รอนานไหม” คนตัวเล็กหอบหายใจหนัก แล้วจื่อเทาก็ส่ายหน้าเป็นคำตอบ ตอนนี้เขาเริ่มจะรู้สึกผิดที่โทรตามน้าชายของเพื่อนให้ออกมาดึก ๆ ดื่น ๆ แบบนี้ แต่เพราะคนตรงหน้าเคยบอกไว้ว่าถ้าเป็นเรื่องของชานยอลให้รายงานตลอด “ได้เข้าไปดูมันหรือยัง?”
“ยังเลย ผมก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน”
“โอเค งั้นเข้าไปข้างในกัน” แบคฮยอนว่าแล้วจื่อเทาก็เดินตามหลังมาติด ๆ
ทั้งคู่เดินเบียดเสียดผู้คนเข้าไปในผับ เสียงเพลงที่ถูกรีมิกซ์ดังออกมาจากลำโพงตัวใหญ่จากทุกทิศทางเร้าให้หนุ่มสาวทั้งหลายเพลิดเพลินไปกับการมึนเมาในค่ำคืนนี้ แบคฮยอนไม่รู้ตัวว่าคิ้วทั้งสองข้างกำลังขมวดเข้าหากันเพียงแค่กลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำสองเหมือนวันนั้นที่ได้คุยกับชานยอลเป็นครั้งสุดท้าย
การที่เขามาที่นี่มันจะทำให้เด็กคนนั้นหงุดหงิดหรือเปล่า? ชานยอลจะรำคาญน้าชายขี้บ่นอย่างเขาจนต้องเดินหนีไปเหมือนกับตอนนั้นไหม? และถ้าใช่...เขาจะทำยังไง?
ทำไมถึงกลัวไปหมดแบบนี้ล่ะ...
“เทา!” เจ้าของชื่อพยักหน้ารับเมื่อเห็นจงแดโบกมือให้อยู่ตรงมุมอับทางด้านในสุด ทั้งคู่เดินไปหยุดอยู่ตรงนั้นที่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ชานยอลนอกจากเฮนรี่ที่กำลังก้มลงเก็บซากเศษแก้วช่วยเด็กเสิร์ฟโดยที่เจ้าของผลงานนั้นฟุบหลับคาโต๊ะไปแล้ว
“แม่งแดกอย่างกับสามล้อถูกหวย หวัดดีครับน้า” จงแดบ่นอุบอิบแล้วเอ่ยทักทายคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หวงจื่อเทา
“นี่กูเพิ่งกินไปได้นิดเดียวเองนะ” คยองซูส่ายหัว
“ขอบใจมากนะที่ช่วยดูแลมัน” แบคฮยอนก้มลงดูบิลที่เสียบอยู่ในกล่องซึ่งติดอยู่ข้างโต๊ะก่อนจะควักกระเป๋าเงินออกมาแล้ววางเงินลงบนโต๊ะจำนวนหนึ่ง “นี่คือส่วนของชานยอล ถ้าขาดเท่าไหร่ก็ฝากบอกเทามานะเดี๋ยวน้าจะโอนเพิ่มให้ เอาล่ะ แกมาช่วยน้าหน่อย” แบคฮยอนหันไปขอความช่วยเหลือจากเด็กตัวสูงแล้วจื่อเทาก็พยักหน้ารับ
น้าชายตัวเล็กกับเพื่อนสนิทช่วยกันหิ้วปีกคนเมาคนละข้างโดยที่มีจงแดคอยแหวกทางเดินให้ แบคฮยอนมองใบหน้าของเด็กหนุ่มที่กำลังเดินหลับตา สภาพของพวกเขาทั้งสามคนช่างทุลักทุเลจนคยองซูต้องเข้ามาช่วยอีกแรง
“เปิดประตู ๆ” จงแดบอกคยองซูที่วิ่งนำไปหยุดอยู่ข้างรถเมื่อแบคฮยอนกดปลดล็อกเรียบร้อยแล้ว เด็กตัวสูงถูกประคองเข้าไปนอนตรงเบาะหลังอย่างหมดสภาพ พอเห็นแล้วน้าชายตัวเล็กเลยไม่เสียเวลามากไปกว่านี้
“ขอบใจอีกครั้งนะ เดี๋ยวน้าจะพามันไปส่งเอง” เขาหันไปบอกลาเด็กหนุ่มทั้งสองคนที่เป็นเพื่อนในวงดนตรีของชานยอลก่อนจะพยักหน้าบอกเทาให้ขึ้นรถ
เกือบสิบห้านาทีในการเดินทางและแล้วรถยนต์ก็ขับมาจอดลงตรงหน้าหอพักตามที่หวงจื่อเทาบอก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้มาหอพักของหลานชาย แบคฮยอนยืนสำรวจภายนอกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเข้าไปช่วยเทาประคองร่างชานยอลออกมา
ประตูห้องถูกเปิดออกด้วยเท้า ทั้งคู่กำลังเจอศึกหนักเมื่อชานยอลเอาแต่จะทิ้งตัวอยู่นั่น มันทำให้พวกเขาเหนื่อยขึ้นกว่าเดิมเป็นสองเท่าเพราะไอ้เด็กนี่ใช่ว่าจะตัวเล็กเสียเมื่อไหร่ จื่อเทาเอื้อมไปกดเปิดสวิตซ์ไฟดวงเล็กแล้วทิ้งร่างของเพื่อนสนิทลงบนเตียงใหญ่
ชานยอลนอนแผ่หลาอย่างคนหมดสติโดยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกน้าชายกับเพื่อนสนิทยืนมองอยู่ แบคฮยอนหอบหายใจเล็กน้อยและจื่อเทาก็เช่นกัน คนตัวเล็กหันไปตบบ่าเด็กตัวสูงแล้วยิ้มบาง ๆ
“ขอบใจนะ”
“เฮ้ย ไม่เป็นไรเลยน้าเรื่องแค่นี้เอง” จื่อเทายกมือขึ้นระดับหัวไหล่แล้วโบกไปมา
“ถึงจะพูดงั้นก็เถอะ ถ้าไม่มีแกน้าก็ไม่รู้จะพึ่งใครแล้วจริง ๆ” เด็กตัวสูงคิ้วตก เขารู้สึกสงสารน้าชายตัวเล็กสุดใจเพราะเพื่อนสนิทของเขาเอาแต่ทำเรื่องน่าปวดหัวให้อยู่เรื่อย
“โหน้าแบค...พูดงี้ได้ไง เรื่องแค่นี้ผมเต็มใจทำอยู่แล้ว ยังไงมันก็เพื่อน”
“อืม ถือว่าชานยอลมันได้เพื่อนดี” แบคฮยอนตบบ่าเด็กหนุ่มอีกครั้งแล้วจื่อเทาก็หัวเราะ
“แล้วน้าจะกลับเลยไหม?”
พอได้ยินคำถามคนตัวเล็กก็กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องที่มีสภาพเละไม่เหลือชิ้นดี บนพื้นก็มีแต่ถุงพลาสติกห่อเสื้อ ไหนจะเสื้อผ้าที่กองอยู่ตรงมุมห้อง แถมถ้วยรามยอนสำเร็จรูปที่ซ้อนกันอยู่ตรงโต๊ะคอมพ์นั่นอีก
“เดี๋ยวน้าไปส่งแกก่อนแล้วจะกลับมาดูมันอีกทีแล้วกัน” แบคฮยอนว่าแล้วเอี้ยวตัวหันกลับแต่ก็ถูกเด็กหนุ่มคว้าแขนเอาไว้
“ไม่ต้อง ๆ เดี๋ยวผมกลับเองดีกว่า”
“เฮ้ยไม่ได้ แกอุตส่าห์นั่งแท็กซี่ออกมาน้าก็ต้องไปส่งสิ”
“ไม่เป็นไรน้า อยู่ดูแลมันต่อเหอะ ผมกลัวมันอ้วกใส่เตียงแล้วพรุ่งนี้มันจะไม่มีที่นอนอ่ะ” จื่อเทาผินหน้าไปทางเพื่อนสนิทที่นอนสิ้นสภาพอยู่บนเตียง “เมื่อวานมันก็ไม่ได้นอนด้วย พอไปกินเหล้าเลยน็อกมั้ง”
“...”
“น้า”
“อือ” ทั้งคู่มองหน้ากัน เขาเห็นว่าสายตาของจื่อเทากำลังฉายแววเห็นใจเขามากแค่ไหน
“เหนื่อยไหม”
“...”
“อดทนอีกนิดนึงนะ ผมกำลังพยายามเกลี้ยกล่อมมันอยู่”
“...”
“ถ้ามันคิดได้แล้วกลับไปอยู่บ้านอะไร ๆ ก็น่าจะดีกว่านี้ น้าจะได้ไม่ต้องไปเที่ยวโฆษณาเด็กในโรงเรียนให้ซื้อเสื้อมันด้วย”
“ไม่เป็นไรน่า” แบคฮยอนหัวเราะเบา ๆ แล้วล้วงกระเป๋าเงิน
“เฮ้ยน้า ไม่ต้อง ๆ”
“แกนั่นแหละไม่ต้อง เอาไปเลย” คนตัวเล็กยัดเงินใส่มือเด็กหนุ่ม “ถ้าไม่ให้ไปส่งก็นั่งแท็กซี่กลับบ้านซะ ถึงแล้วไลน์มาบอกน้าด้วย”
“ฮึก”
“ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนี้”
“น้าอ่ะ ผมจะร้องไห้แล้วนะ” จื่อเทาเบะปากก่อนจะเซเล็กน้อยเพราะถูกผลักหัวเบา ๆ
“นั่งติดประตูแล้วก็จำทะเบียนรถไว้ด้วยล่ะ”
“ครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้าแล้วโค้งหัวเล็กน้อยแล้วเดินไปหยุดอยู่หน้าประตู จื่อเทาหันกลับมามองน้าชายเพื่อนสนิทเป็นครั้งสุดท้ายแล้วโบกมือลา แบคฮยอนพยักหน้าก่อนที่ประตูจะปิดลง
ความเงียบปกคลุมโดยรอบ หลังจากนั้นเสียงลมหายใจแผ่วเบาที่กำลังผ่อนเข้าออกของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็ลอยเข้ามาให้ได้ยิน แบคฮยอนหันไปมองหลานชายที่หลับไม่ได้สติ เขายืนอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่งก่อนจะเดินดูรอบห้อง
คนตัวเล็กยกขาข้างขวาขึ้นเมื่อเผลอเดินเตะอะไรบางอย่าง มันคือแผงสก๊อตเทปใสที่อยู่ข้าง ๆ กับกองเสื้อที่อยู่ในซองพลาสติก แบคฮยอนถอนหายใจเบา ๆ แล้วก้มลงเก็บของให้เข้าที่ เขาใช้เวลาอยู่กับตรงนั้นพักใหญ่ ๆ ก่อนจะเดินไปหยิบไม้กวาดมาทำความสะอาดและปิดท้ายด้วยการถูห้องให้
“อือ...”
เสียงของคนที่นอนอยู่บนเตียงเรียกความสนใจจากร่างเล็กให้หันไปมองแล้วก็พบว่าคนเมากำลังจะตกเตียงอยู่แล้ว แบคฮยอนวางกะละมังใบเล็กไว้บนโต๊ะคอมพ์แล้วบิดผ้าขนหนูให้พอหมาด ๆ ก่อนจะพลิกคนตัวโตให้นอนหงาย
“อื้ออ!!”
“หึ...” แบคฮยอนแค่นหัวเราะเมื่อไอ้เด็กอวดดีกำลังส่งเสียงไม่พอใจออกมาทันทีที่เขาถลกเสื้อยืดสีฟ้าขึ้นจนถึงแผงอก
“อื้ออ!! อย่า...มา...ยุ่ง!! โอ๊ะ!!!” คนเมานิ่วหน้าเจ็บเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกตบหัวอย่างแรง จนถึงตอนนี้ปาร์คชานยอลก็ยังคงหลับตาอยู่โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าน้าชายกำลังจะช่วยเช็ดตัวให้
“ถอดเสื้อออก”
“...ไม่”
“บอกให้ถอดไง”
“เป็นใครมาสั่งวะ...จะมาถอดส้งถอดเสื้อ...บั๊ดเหนี่ยวเลย...” เด็กหนุ่มโบกมือที่ไร้เรี่ยวแรงไปมาก่อนจะพลิกไปนอนหน้าคว่ำกับหมอนเมื่อคนตัวเล็กกำลังช่วยถอดเสื้อออกให้
“กล้าไหมล่ะ”
“อือ...กล้าดิ...” เสียงแผ่วเบาลอดผ่านหมอนใบใหญ่ออกมา ได้ยินแล้วก็หมั่นไส้เลยผลักหัวมันให้จมลงกับหมอนอีกสักที “โอ้ย! เจ็บนะเว้ย...”
“ก็จงใจให้เจ็บ”
“อย่าโหดดิ...ไม่ได้ชื่อแบคฮยอนซักหน่อย...” พอได้ยินชื่อตัวเองหลุดออกมาจากปากคนเมาน้าชายตัวเล็กที่คุกเข่าอยู่บนเตียงเลยชะงักไป “แบคฮยอน...”
“...”
“อยู่ไหน...”
“...”
“แบคฮยอน...”
“...”
“แบค...”
“ก็อยู่นี่แล้วไง” มือเล็กบีบเสื้อยืดของหลานชายที่เพิ่งถอดออกมาเอาไว้แน่น นัยน์ตาเรียวยังคงจับจ้องไปยังเสี้ยวหน้าของหลานชายตัวโตที่ฟุบอยู่กับหมอน
บยอนแบคฮยอนได้แต่บอกกับตัวเองว่าเด็กคนนี้กำลังเมา เขาเชื่อว่าถ้าปาร์คชานยอลอยู่ในสภาพปกติครบร้อยคงไม่มีทางเรียกชื่อเขาแน่ ๆ ทำยังไงดี...ถ้าชานยอลตื่นขึ้นมาเห็นเขาในตอนนี้แล้วโวยวายไล่ให้กลับ เขาจะต้องทำยังไง?
“...”
“...”
โลกหยุดหมุนอีกแล้ว ทันทีที่ปาร์คชานยอลปรือตามองมาทางนี้น้าชายตัวเล็กก็แข็งทื่อเป็นก้อนหิน แบคฮยอนเพิ่งรู้ตัวว่ากำลังกลั้นหายใจก็ตอนที่เริ่มรู้สึกว่าระบบการหายใจเข้าออกติดขัดนี่แหละ
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขากลายเป็นคนขี้กลัวแบบนี้ บยอนแบคฮยอนกลัวแม้กระทั่งริมฝีปากได้รูปที่กำลังทำท่าเหมือนจะพูดอะไรออกมา ซึ่งเขาได้แต่ภาวนาว่าขออย่าให้ชานยอลออกปากไล่เขาเลย
“แบคฮยอน...”
“...”
“มาทำอะไรในฝันคนอื่นเนี่ย...”
“...”
“รู้ว่าผมคิดถึงเลยมาเข้าฝันอ่ะดิ...” เด็กหนุ่มยังคงปรือตามองคนตัวเล็ก แต่น่าแปลกที่ริมฝีปากที่เขากลัวว่าจะพูดจาตัดพ้อนั้นกำลังยิ้มอยู่ แบคฮยอนก้มลงมองมือตัวเองที่อีกคนเลื่อนเอื้อมมากุมไว้ “พูดอะไรบ้างสิ...”
“...”
“ถึงจะเป็นความฝันแต่ผมก็ยังอยากได้ยินเสียงน้านะ...”
“...”
“พูดอะไรก็ได้ให้ผมรู้สึกว่ากำลังฝันดีอยู่...” เสื้อยืดสีฟ้าร่วงลงบนหน้าขา แบคฮยอนค่อย ๆ เลื่อนลงไปนอนบนเตียงตามแรงดึงของคนเมาที่คิดว่าสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้มันคือความฝัน ซึ่งเขาก็ไม่คิดจะเอาเข็มเจาะฟองสบู่เพื่อปลุกให้ชานยอลตื่น
“แกตัวร้อนไปหมดแล้ว”
“...” ชานยอลปรือตามองอีกคนที่ใบหน้าห่างกันแค่คืบเดียว เสียงของน้าชายตัวเล็กของเขาแผ่วเบาเหมือนจะกระซิบ แต่เชื่อเถอะว่ามันทำให้หัวใจที่เคยเหี่ยวเฉากลับมาพองโตได้อย่างน่าประหลาด
ชานยอลยิ้มบาง ๆ ก่อนจะปิดเปลือกตาลงเมื่ออีกคนกำลังช่วยซับเอาความร้อนออกจากใบหน้าเขาด้วยผ้าขนหนูเย็น ๆ ถ้าจะให้เปรียบเทียบล่ะก็ตอนนี้ปาร์คชานยอลก็คงไม่ต่างจากดอกไม้กลางที่โล่งแห้งแล้งที่เพิ่งได้รับการรดน้ำ
แบคฮยอนค่อย ๆ เช็ดตัวให้เด็กตัวสูงเริ่มตั้งแต่ใบหน้ามาถึงซอกคอ ไล่จนถึงแผงอกและแขนแกร่งทั้งสองข้าง แน่นอนว่าเขาไม่ได้รู้สึกเขินอายกับร่างกายของชานยอลที่ต่างไปจากเมื่อสิบปีที่แล้วอย่างสิ้นเชิง แต่สิ่งเดียวที่ทำให้บยอนแบคฮยอนหัวใจเต้นแรงได้ก็คือการได้อยู่กับเด็กคนนี้อีกครั้ง
“ผมคิดถึงน้า...”
“...”
“แบคฮยอน...ได้ยินผมไหม...”
“ได้ยินแล้ว” แบคฮยอนหลุบสายตาลงแล้วก็ต้องค้างมือไว้อยู่ตรงแผงอกเมื่อมือใหญ่ทาบลงบนแก้มเขาพร้อมกับไล้นิ้วหัวแม่มือตามแก้มเนียนอย่างเบามือ
บ้าไปแล้ว ชานยอลกำลังมองเขาด้วยสายตาแบบนั้น
“ในฝัน...ผมจะทำอะไรก็ได้ใช่ไหม?” เสียงแหบพร่าเอ่ยถามราวกับกำลังอนุญาต แบคฮยอนกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก เขากำลังอยู่ในสถานการณ์ชวนอึดอัดสุด ๆ ทั้งที่กำลังรู้สึกดีอยู่ลึก ๆ
ร่างเล็กเบิกตาโพลงเมื่อชานยอลรั้งเอวของเขาเข้าไปชิดกับแผงอกแกร่ง พอเงยหน้าขึ้นจมูกก็เฉียดปลายคางเด็กตัวสูงไปก่อนจะกลับมาสบตากันอีกครั้ง พอเห็นว่าน้าชายตัวเล็กไม่ตอบคำถาม เด็กหนุ่มก็ถือวิสาสะเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ ๆ จนปลายจมูกชนกัน
“ชานยอล...”
เจ้าของชื่อชะงักไป เขาเห็นว่าแววตาของคนในฝันกำลังมองมาอย่างประหม่า ผ้าขนหนูที่เคยเย็นกำลังอุ่นร้อนเมื่อมันทาบอยู่กับแผงอกนานเกินไป เด็กหนุ่มโยนมันลงไปบนพื้นอย่างไม่ใยดีก่อนจะจับมือเล็กขึ้นมาทาบลงกับแก้มตัวเองทั้งที่สายตายังคงไม่ละห่างจากดวงหน้าขาว
“เปล่า...”
เสียงของคนเป็นน้าเบาลงแต่มันก็เป็นคำตอบที่ดี ร่างเล็กปิดเปลือกตาลงเพื่อรับจูบเด็กนิสัยไม่ดีที่ปั่นป่วนหัวใจเขามาตลอดหลายเดือน บยอนแบคฮยอนเป็นคนเก็บอาการเก่ง เป็นคนใจแข็ง แต่ทุกอย่างมันใช้กับปาร์คชานยอลไม่ได้เลยสักนิดเดียว ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือปัจจุบัน ตั้งแต่ตอนที่ชานยอลเป็นเด็กงี่เง่าเขาก็ยอมมาตลอดจนถึงตอนนี้...
เขาก็ยังยอมให้ไอ้เด็กนิสัยไม่ดีจูบอย่างเอาแต่ใจจนได้
จากแค่ปากแตะปากเปลี่ยนเป็นจูบอย่างดูดดื่มเมื่อเขาปล่อยให้ลิ้นร้อนเข้ามาในโพรงปาก เสียงลมหายใจที่ประสานกันถี่กระชั้นมาพร้อมกับวงแขนที่รั้งอีกฝ่ายเข้ามากอดแนบแน่นด้วยความคิดถึง
ในหัวของคนตัวเล็กนั้นขาวโพลน คำว่าผิดชอบชั่วดีนั้นถูกทิ้งไว้ข้างหลังแล้วปล่อยให้ความรู้สึกดำเนินไปและชานยอลเองก็เช่นกัน เด็กหนุ่มกำลังฝังตัวเองอยู่กับความฝันแล้วมีความสุขอยู่ตรงนั้นโดยไม่อยากตื่นมาเจอความจริง
ความจริงว่าตัวเขาเป็นหลานและแบคฮยอนเป็นน้า
แน่นอนว่าทั้งคู่รู้ดีถึงความสัมพันธ์เรื่องการนับญาติที่ไม่ได้เกี่ยวพันกันทางด้านสายเลือด แต่ยังไงซะปัญหาหลักของมันก็คือการนับญาติพี่น้อง คนที่เติบโตมาในเครือญาติเดียวกันมันยากที่จะลงเอยได้ง่าย ๆ
ถ้าแม่ของชานยอลรู้ ถ้าแม่ของเรารู้ ถ้าทุกคนรู้ จะเกิดอะไรขึ้น?
แบคฮยอนดันแผงอกแกร่งออกเมื่อเขารู้สึกหายใจไม่สะดวก แต่ก็แค่วินาทีเดียวเท่านั้นชานยอลก็ขึ้นคร่อมร่างของเขาพร้อมกับโน้มใบหน้าลงมาจูบอย่างดูดดื่มอีกครั้ง
“เดี๋ยว...อื้ม...”
คางมนถูกเชยขึ้นมารับจูบร้อน หัวใจที่ว่าเต้นแรงอยู่แล้วมันกำลังจะระเบิดออกมาอยู่รอมร่อเพราะริมฝีปากของเด็กตัวสูง แบคฮยอนกำลังจะสติแตกเพราะสถานการณ์ในตอนนี้มันเริ่มจะย่ำแย่เมื่อมือของชานยอลกำลังค่อย ๆ ลูบตั้งแต่อกของเขามาจนถึงเป้ากางเกง
คนตัวเล็กตะปบมือแกร่งไว้แล้วเบือนหน้าหลบไปอีกทาง เด็กหนุ่มปรือตามองอย่างขัดใจก่อนจะมองน้าชายในฝันที่กำลังขยับตัวออกห่างเขา
“ทำไมอีกอ่ะ...”
“พอแล้ว ถ้ามากกว่านี้ฉันจะออกไปจากฝันแก”
“ห้ะ?” ชานยอลขมวดคิ้ว แบคฮยอนทำหน้าจริงจังก่อนจะกลอกตาล่อกแล่กกับคำโกหกคำโตที่เหมือนกับการหลอกเด็ก
“นอนไปเลย” ร่างเล็กตบหมอนปุ ๆ แล้วชี้ย้ำก่อนจะมองไปยังหลานชายที่กำลังทำหน้าเซ็งอย่างสุดขีดเพราะถูกดับฝันกลางอากาศ
“โธ่แบคฮยอน...ผมไม่ตื่นหรอก...เรามาต่อกันเถอะนะ”
“ไม่! หยุดเลยหยุด!” คนเป็นน้าชี้หน้าหลานชายที่กำลังคลานมาในท่าสิงโตที่พร้อมจะตะครุบเหยื่อได้ทุกเมื่อ นั่น...มึงจะเลียปากทำซากไรวะ!!! “ถ้ายังไม่หยุดฉันจะให้เรื่องอื่นมาเข้าฝันแกแทน”
“...”
“นอน!”
“โห่ย...แบคฮยอนอ่ะ...”
“นับหนึ่ง”
“...”
“นับสอง”
“ก็ได้...แต่ต้องให้ผมกอดนะ...”
“อะไร แกมีสิทธิ์ต่อรองกับคนในฝันได้ด้วยหรือไง?” แบคฮยอนเลิกคิ้วมอง นี่ก็เป็นบ้าเล่นกับมันนะกู -_-
“ไม่ได้ต่อรอง...แต่มันคือประโยคขอร้อง...” จากสีหน้าสิงโตที่พร้อมจะงาบเหยื่อแปรเปลี่ยนเป็นลูกแมวในการ์ตูนเรื่องเชร็ค นี่ตาแป๋วเพราะฤทธิ์เหล้าหรือว่าอะไรอยากรู้ “หนาวด้วยอ่ะ...แบคฮยอนถอดเสื้อผมทำไม...”
“อ้าว ไม่ถอดแล้วจะเช็ดตัวให้ยังไงวะ”
“เหรอ...นึกว่าจะปล้ำซะอีก...”
“ฝันซ้อนฝันชัด ๆ” คนตัวเล็กแค่นหัวเราะ นี่มึงเมาจริงหรือเมาดิบ ชักจะสงสัยละ
“แบคฮยอนครับ...” เอาสิ...คราวนี้มาลูกไม้สุภาพ “มาให้นอนกอดหน่อย...เดี๋ยวอีกแป้บเดียวก็เช้าแล้ว ผมยังไม่อยากตื่น...”
“...”
“นะ...”
“...”
แบคฮยอนมองเด็กหนุ่มเปลือยท่อนบนที่กำลังฟุบหน้าลงกับหมอนขณะมองมาทางเขาด้วยแววตาหวานหยาดเยิ้มอีกทั้งมือแกร่งที่ยื่นมาเป็นการชวนนั่นอีก
“แค่กอดนะ?”
พอเห็นหลานชายพยักหน้ารับคนตัวเล็กเลยค่อย ๆ นอนลง เด็กตัวสูงยิ้มกว้างทั้งที่ยังปรือตาอยู่ ชานยอลขยับตัวเข้าไปกอดน้าชายเอาไว้ มันเริ่มจากกอดหลวม ๆ ก่อนจะค่อย ๆ แนบแน่นยิ่งขึ้นเมื่อแบคฮยอนซบหน้าลงกับแผงอกของเขา
“ไอ้เด็กบ้าเอ้ย...”
เปลือกตาปิดลงอีกครั้งเมื่อรู้สึกอุ่นใจแล้วว่าคนในอ้อมกอดจะไม่หายไปไหน ชานยอลกระชับกอดร่างเล็กไว้พร้อมกับกดปลายจมูกลงบนกลุ่มผมสีเข้มของน้าชายตัวเล็กของเขา
“มาเข้าฝันผมบ่อย ๆ นะ...ผมคิดถึงน้า”
TBC
โถเด็กกะโปก
#พื้นที่โฆษณา
หลังจากลองจัดหน้าดูแล้ว มนุษย์ชานยอลรวมเล่มจะอยู่ที่ราคา 600 บาทโดยประมาณนะคะ (ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง) ส่วนค่าจัดส่งอยู่ที่ 70 บาทนะคะ (รวมแล้ว 670 บาท) ของมันหนัก ค่าจัดส่งแบบลงทะเบียนน่าจะอยู่ที่ 58 บาทไม่น่าเกินนี้ค่ะ ส่วนอีกสิบกว่าบาทที่เหลือเราจะซื้อกล่องกระดาษมาใส่ให้หนังสือจะได้ไม่บุบ (ไม่ใช่กล่อง BOXSET นะคะ)
คือมีหนังสือ 2 เล่มกับของแถมเป็นสติกเกอร์ลอกติดของขนาด A5 เท่ารูปเล่มฟิคค่ะ เราขอไม่ทำกล่อง BOXSET เนอะ ทำแค่ซอมบี้พอแล้ว TT_TT
เราจะเอาไปขายในงานฟิควันที่ 25 ตุลาด้วย ของแถมมีเหมือนกันแต่ไม่มีนัดรับในงานฟิคนะคะ ขอแยกกันกลัวงงค่ะ ตามไปซื้อในงานเลยง่ายกว่าเราขายไม่หมดหรอก คงได้หิ้วกลับบ้านแน่ ๆ ล่ะ
เดี๋ยวถ้าทำปก ทำของแถมเรียบร้อยแล้วจะอัพเดทให้ดูนะคะ
ความคิดเห็น