ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Exo fx ] It's over tonight

    ลำดับตอนที่ #14 : [[ It's over ]]: C T 12 // Up

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.94K
      5
      26 พ.ค. 56



















     


              ^_^

     

              นี่คือสีหน้าของผู้ชายแปลกหน้าที่เมื่อวานขู่จะทำร้ายฉัน ผู้ชายใบหน้าเรียวได้รูปไข่รับกับจมูกโด่งและตาโตแต่แฝงไปด้วยความร้ายกาจ หากมองผิวเผินก็คงจะมองว่าเขาเป็นคนขี้เล่นแต่เพราะช่วงนี้ใช้ชีวิตอยู่กับเทาบ่อยจนพอดูออกว่าแววตาผู้ชายร้ายๆ เป็นยังไง หูกางเล็กน้อยแต่นั่นก็เข้ากันได้ดีกับทรงผมของเขา และผู้ชายคนนี้กำลังนั่งจ้องฉันตาแป๋วอยู่ข้างเตียง

     

              เมื่อคืนนี้!

     

              ฉันรีบก้มลงสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองก่อนจะพบว่าเสื้อผ้าทุกชิ้นยังอยู่ครบ แต่สิ่งที่ขาดหายไปคือปลอกหมอนที่ขาดยู่ยี่ เท่าที่จำได้เมื่อคืน...เขาฉีกปลอกหมอนจนขาดริ้วจากนั้นฉันก็...หลับ

     

              “เมื่อวานคุณหมดสติหลังจากกรี๊ดเสียงดังลั่น ไม่ต้องห่วงผมไม่ทำอะไรคุณหรอก ผมไม่มีนิสัยชอบแย่งของรักของน้อง”

              “คุณ...เป็นใคร ?” ฉันถามเสียงเบาหวิวแล้วพยุงตัวขึ้นนั่ง แต่ก็ยากเหลือเกินเพราะฉันรู้สึกหัวมันหนักๆ และเต้นตุบๆ เหมือนคนกำลังไม่สบายยังไงยังงั้น

     

              ไม่สบายงั้นเหรอ...เฮ้อ~ อีกแล้วป่วยอีกแล้ว!

     

              “ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมปาร์คชานยอลลูกพี่ลูกน้องของหวังจื่อเถาน่ะ”

             

              ลูกพี่ลูกน้อง ?

     

              “ผมเป็นญาติฝ่ายแม่ของเทาเลยใช้ชื่อเกาหลี แม่ผมเป็นน้องสาวของเทาน่ะแต่ผมอายุมากกว่าเทานะ เรียกผมว่าพี่ชานยอลก็ได้ ยังไงซะเราก็จะกลายมาเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว” เขารีบอธิบายเมื่อเห็นสายตาไม่เข้าใจจากฉัน

              “อ้อค่ะ” ฉันพยักหน้ารับแล้วขยับตัวหนีจากชานยอลเล็กน้อยเพราะเขาเริ่มเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ “...ว่าแต่เมื่อคืน ?

     

              พี่ชานยอลทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกอะไรได้ เขาตบมือตัวเองทีหนึ่งแล้วสบตากับฉันใหม่อีกครั้ง

     

              “แค่อยากแกล้งไอ้เทามันน่ะ เห็นคุณลุงบอกว่าคนนี้มันเอาจริงเลยอยากรู้ว่ามันจะรักจริงหวังแต่งอย่างที่ลุงหวังโม้ไว้หรือเปล่า ?

              “คะ ?

     

              ช่วยอธิบายอะไรที่มันละเอียดมากกว่านี้หน่อยได้มั้ย ฉันไม่เข้าใจ T^T

     

              “เมื่อคืนนี้ฉันแอบต่อสายหาไอ้เทาให้มันได้ยินสิ่งที่เราคุยกัน ไม่ต้องทำหน้าตกใจหรอก ฉันแค่อยากลองใจน้องชายน่ะว่ามันรักเธอจริงหรือเปล่า ถ้ามันรักเธอจริงมันจะต้องกลับมาเกาหลีภายใน...อืม...สองชั่วโมงนี้แน่”

              “...”

              “เมื่อคืนฉันตามหาตัวเธอแทบแย่นึกว่าจะโดนศัตรูจับตัวไปซะอีก โชคดีที่เห็นเธอนอนหลับอยู่ริมแม่น้ำฮัน ขอโทษที่แอบพาตัวมา พอดีไอ้เทามาขอร้องให้ฉันช่วยเฝ้าเธอระหว่างมันไปเคลียร์งานที่ฮ่องกงเพราะช่วงนี้มีศัตรูปองร้ายมันอยู่”

              “...”

              “มันเป็นห่วงเธอเลยขอให้ฉันช่วยมาดูแลเธอแต่เพราะฉันไม่ชอบไปนอนที่อื่นอ่ะนะเลยต้องย้ายเธอมานอนนี่แทน...เมื่อคืนเลยแกล้งน้องให้หึงเล่นน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”

              “...”

              “เธอโกรธเหรอ ?

              “พี่กำลังเข้าใจผิดแล้วค่ะ เทาไม่ได้ชอบฉันหรอก เขาไม่ได้มีใจให้ฉันเลยต่างหาก เขาเกลียดฉันจนอยากจะฆ่าให้ตายด้วยซ้ำ”

              “...”

              “สิ่งที่พี่ทำเมื่อวานคงไม่ทำให้เทาโกรธหรอกค่ะ เขาไม่สนใจฉันเลยต่างหาก...คนอย่างเขาไม่มีหัวใจด้วยซ้ำ”

              “ซอลลี่...”

     

              ฉันหลุบตาลงไม่กล้าสบตากับพี่ชานยอลเมื่อน้ำตารื้อขึ้นมาถึงขอบตาแต่ฉันก็พยายามกลั้นมันไว้อย่างสุดความสามารถ มึงสองข้างจิกลงบนผ้านวมเพื่อเตือนสติตัวเอง

     

              ฉันจะไม่ร้องไห้ให้เรื่องบ้าๆ พวกนั้นอีกแล้ว!

     

              “ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้แผนของพี่ไม่สำเร็จ”

              “หมายความว่าไงที่ว่าไอ้เทาไม่ได้รัก”

              “พี่อย่าให้ฉันเล่าเลยค่ะ เราสองคนไม่ได้รักกันอย่างคู่หมั้นคู่อื่นๆ เราแค่หมั้นตามคำสั่งของพ่อแม่”

              “...”

              “...”

              “ถ้างั้นทำไมมันต้องบินไปจัดการเรื่องานหมั้นด้วยตัวเอง คนอย่างมันถ้าไม่สนใจใครก็อย่าหวังว่าจะได้สบตาเลยด้วยซ้ำ”

             

              ฉันแสยะยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดของพี่ชานยอลผู้ซึ่งไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย

     

              “เขาก็เป็นอย่างนี้แหละค่ะ...ทำดีให้ตายใจ สักพัก...เขาก็จะฆ่าฉันทั้งเป็น”

     

              พี่ชานยอลไม่พูดอะไรแต่ก็ไม่ลุกไปไหน เขามองฉันด้วยแววตาเป็นห่วงแต่ฉันก็ไม่ค่อยกล้าสบตาตรงๆ กับผู้ชายคนนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันพอรู้สึกได้คือเขาไม่ได้คิดร้ายกับฉัน เพราะอย่างนั้นเลยไม่ได้โวยวายอะไรที่ตอนนี้มานั่งอยู่ในห้องนอนเขากันสองต่อสอง อีกทั้งเขายังบอกว่าตัวเองเป็นญาติกับเทา ต่อให้ร้ายยังไงก็คงไม่มีใครร้ายไปกว่าเทาแล้วล่ะ

     

              ต่อไปนี้ต่อให้เจอผู้ชายรูปแบบไหนฉันก็คงไม่กลัวไปกว่าคนที่จับผลักฉันลงทะเลหรอก

     

              “ดูเหมือนเราจะไม่สบายนะ” พี่ชานยอลใช้หลังมืออังหน้าฝากฉัน ก่อนที่เขาจะค้างไว้อยู่อย่างนั้น “...ผู้ชายก็อย่างนี้แหละ ถ้ารักใครสักคนก็จะแสดงด้านแย่ๆ ออกไป อย่าไปคิดมากเลย”

              “...”

     

              ฉันพูดไม่ออกเมื่อพี่ชานยอลจับฉันนอนลงที่เดิม เขาทำหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรสักอย่างก่อนที่จะลุกออกไปโดยไม่บอกอะไรแต่ก็กลับเข้ามาใหม่อีกครั้งพร้อมกับกะละมังพลาสติกใบเล็ก ในมืออีกข้างมีผ้าผืนเล็กสีขาวไว้ด้วย

     

              “เช็ดตัวแล้วไปหาหมอนะ ดูเหมือนเราจะไม่สบาย”

             

              ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้ชายที่ขู่ฉันด้วยน้ำเสียงน่ากลัวเมื่อคืนจะเป็นคนเดียวกับคนที่กำลังนั่งใช้ผ้าเช็ดหน้าให้ฉันอยู่ในตอนนี้

     

              “ขอโทษนะ” พี่ชานยอลบอกขอโทษพร้อมกับใช้มือรั้งคอเสื้อฉันให้เปิดกว้างแล้วใช้ผ้าซับไปที่ไหล่ คอและเนินอก

     

              -///////-

     

              อ่า...เขาไม่ควรทำแบบนี้นะ เขาหล่อมากจนฉันอาจจะใจละลายได้หากต้องอยู่กับสักวันสองวัน

     

              “ไอ้เวร!!!

     

            ผลัวะ

     

               มือที่กำลังซับอยู่บริเวณลำคอถูกกระชากออกไปโดยผู้มาใหม่ และไม่ทันที่จะมีใครพูดอะไร ผู้ชายที่เข้ามาทีหลังก็ซัดหน้าขาวๆ ของพี่ชานยอลไปเต็มๆ หนึ่งหมัด!

     

              ผลัวะๆๆ

     

            “กูบอกให้มึงเฝ้าเขาแต่มึงกับลอบกัด!

     

              เทา...ซัดหนัดใส่หน้าพี่ชานยอลไม่ยั้ง จนเขาล้มลงไปนอนกับพื้นและเทาก็ตามลงไปนั่งคร่อมก่อนจะง้างหมัดขึ้นแต่โชคดีที่ฉันวิ่งเข้าไปหยุดมือนั้นได้ทันเวลา

     

              ฮู้วว~

     

              “คุณทำบ้าอะไร!” ความโกรธทำให้ตะโกนใส่หน้าเทาเสียงดัง เขาปรายสายตามองฉันแว๊บหนึ่งก่อนจะผลักฉันออกไปจนมือที่จับมือเขาไว้หลุดออก

             

              ผลัวะ

     

            และนั่นเป็นผลให้เทาลงหมัดกับใบหน้าหล่อใต้ร่างได้อีกครั้ง โชคดีที่ลูกน้องของเขาวิ่งมาจับเทาให้แยกออกจากพี่ชานยอลได้ทัน เมื่องั้นล่ะก็คงต้องมีอีกหมัดสองหมัดแน่ๆ

              เทาสะบัดตัวหลุดให้หลุดจากมือแกรี่แล้วยืนหายใจหอบด้วยความโมโห พี่ชานยอลเองก็ได้ลูกน้องคนอื่นช่วยพยุงให้ลุกขึ้นยืน ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยรอยแผล มุมปากมือเลือดซิบอีกทั้งหางคิ้วอยู่ดูเหมือนจะแตกอีกด้วย

              ก่อนที่จะมีใครพูดอะไร ฉันก็ก้าวเท้าไปยืนหน้าเทาด้วยใบหน้าเรียบนิ่งก่อนจะเงื้อมือขึ้นสูงแล้วฟาดลงบนแก้มสากอย่างแรง

     

              เพี๊ยะ!!

             

              “!!!

     

            เพี๊ยะ!!

     

            “ถือซะว่าทำแทนพี่ชานยอล...”

              “พี่ชานยอล ?” เทาทวนคำเสียงสูงโดยไม่สนใจแก้มแดงๆ ของตัวเองเลยสักนิด

     

              หน้าเขาท่าทางจะหนาจริงๆ สินะ ตบไปขนาดนั้นแล้ว เลือดสักหยดยังไม่ไหล!

     

              “หึ เพิ่งรู้จักกันไม่ทันไรก็ขึ้นเตียงกันเลยสินะ”

              “!!!

     

              ให้ทายนะ...เขาต้องเข้าใจผิดเพราะเห็นภาพที่พี่ชานยอลกำลังนั่งเช็ดตัวให้ฉันแน่ๆ

             

              “นี่สินะที่เธอบอกจะมั่วกับคนอื่นเพื่อให้ฉันถอนหมั้น”

              “

              “ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือไงถึงต้องมานอนกับญาติฉัน”

             

              เพี๊ยะ

     

            “สำหรับความคิดอุบาทว์ๆ”

     

              คราวนี้ฝ่ามือฉันสามารถทำให้ริมฝีปากเขาแตกได้ เลือดที่ไหลซิบๆ บริเวณมุมปากเรียกความมั่นใจให้ฉันขึ้นได้อีกนิด

              เทาตวัดสายตามองฉันด้วยความโกรธจนไม่มีใครกล้าพูดอะไร แม้แต่ลูกน้องคนสนิทอย่างแกรี่ยังถอยไปยืนห่างๆ ราวกับกลัวโดนลูกหลง

             

              “ถ้าผมความคิดอุบาทว์ คุณมันก็ทุเรศเหมือนกันนั่นแหละ! ทำอะไรอกุศล ผู้ชายคนนั้นเป็นพี่ชายผมรู้มั้ย!!

             

              ฉันมองแววตาที่กำลังวาวโรจน์ไปด้วยเพลิงโทสะของเขาเงียบๆ แต่สายตาที่มองกลับไปก็ประกายแววโกรธเคืองไม่แพ้กัน ทั้งห้องเงียบไปเมื่อเจอคำพูดร้ายกาจของเทา คงจะมีแต่เสียงลงหายใจเข้าออกของผู้ชายตรงหน้าที่ดังฟึดฟัดบ่งบอกอารมณ์ได้เป็นอย่างดี

     

              “พี่ชานยอล...” ฉันเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ

              “...”

              “พี่เห็นแล้วใช่มั้ยคะ ว่าผู้ชายคนนี้เป็นยังไง...เขามันไม่มีหัวใจ!

              “!!!

     

              คนที่ถูกอ้างอิงกำมือแน่นและทำท่าเหมือนจะเข้ามาบีบคอฉัน หากไม่ได้มือของพี่ชานยอลปัดออกไปก่อน ฉันอาจจะถูกเขาฆ่าอีกรอบก็เป็นได้

     

              “คุณแกรี่คะ ซอลขอโทรศัพท์หน่อย”

     

              ฉันรับโทรศัพท์มาแล้วกดเบอร์อย่างรวดเร็ว ถือสายรอไม่นานปลายสายที่อยู่อีกประเทศก็ตอบรับ

     

              [ฮัลโหลครับ]

              “พ่อคะ นี่ซอลเองนะ”

              [ซอลเป็นไงบ้าง หายไปนานเลย นึกว่าจะอินเลิฟกับพี่เทาจนลืมพ่อไปแล้วซะอีก]

              “ค่ะ ซอลกำลังมีความสุขอยู่จริงๆ เทาบอกซอลว่าจะหมั้นอาทิตย์หน้าแล้ว ถ้าพ่อจะเรียกซอลไปลองชุดวันไหนก็บอกได้เลยนะคะ ซอลพร้อมเสมอ”

              [หืม...นี่พ่อไม่ได้หูฟาดไปใช่มั้ย ?]

              “ค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะ ไว้ซอลจะโทรหาใหม่”

     

              ปิ่บ

             

              ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งและคนที่ดูท่าจะเงียบจนลืมหายใจก็ไม่ใช่ใครนอกจาก...เทา

             

              เราสองคนสบตากันท่ามกลางความเงียบ แววตาเทาเหมือนไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันทำ เขากำลังมองมาที่ฉันราวกับฉันเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ที่น่าขยะแขยง เพิ่งจะทำเรื่องบัดสีกับพี่ชายเขา แต่ก็โทรไปยืนยันว่าจะหมั้นกับน้องชาย

     

              “พอใจคุณแล้วใช่มั้ย...”

     

              เกือบแล้ว...เกือบน้ำตาไหลต่อหน้าเขาแล้ว โชคดีที่ไหวตัวเดินออกจากห้องนั้นมาก่อน ลูกน้องคนหนึ่งของเทาวิ่งตามมาก่อนจะอาสาขับรถให้ฉัน แต่ฉันกลับขอกุญแจเขาแล้วบอกว่าจะขับเอง

     

              ฉันจะใช้ชีวิตร่วมกับผู้ชายแบบเขาได้ยังไงกัน...ใครก็ได้บอกฉันที

     

             

             

     

    --------------------------------

     

     

     

     

              เทามองตามประตูที่เพิ่งถูกปิดด้วยฝีมือร่างเล็กด้วยความรู้สึกที่ตีรวนกันไปหมด ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง เขานึกถึงบทสนทนาที่ซอลลี่คุยกับพ่อก่อนหน้านี้ ทั้งที่เธอยอมหมั้นกับเขาแล้ว...แต่ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกดีใจอย่างที่ควรจะเป็น

     

              “เวลาแกรักใคร แกแสดงออกอย่างนี้เหรอวะ” คนที่ไม่มีบทไปนานอย่างปาร์คชานยอลเอ่ยขึ้นพร้อมกับจับมุมปากของตัวเอง “...ไม่มีเหตุผล อารมณ์ร้อน ไม่ฟังคนอื่นพูด เอาตัวเองเป็นใหญ่...”

              “หุบปาก!” เทาตะโกนขัดคำด่าทอที่ออกมากจากปากญาติผู้พี่ เขาตวัดสายตาคมมองคนตรงหน้าด้วยความไม่สบอารมณ์แต่ชานยอลกลับยืนเฉยๆ ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ

     

              เพิ่งลอบกินของๆ เขายังมีหน้ามาพูดอีก! เทาคิดพลางย่างก้าวเข้าไปใกล้พี่ชาย ชานยอลเองก็ไม่ได้หลบไปไหน ยืนนิ่งเหมือนไม่กลัวเทาเลยสักนิด

     

              “แกไม่รู้เลยสินะ ว่าคนที่แกมีใจให้กำลังป่วย”

              “!!!

              “สิ่งที่แกเห็น ไม่ใช่สิ่งที่แกคิดสักนิดเลยเทา ซอลลี่ป่วย ตัวร้อนจี๋ฉันเลยเช็ดตัวให้ เธอป่วยจนแทบจะเดินไม่ได้อยู่แล้วแต่แกกลับไม่รู้อะไรเลย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมซอลลี่ถึงบอกว่าแกไม่มีหัวใจ”

             

    ชานยอลไม่ได้รู้เรื่องอะไรระหว่างเทากับซอลลี่มากนักหรอก แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมาก็พอทำให้เขารู้ว่าเทาคงทำตัวไม่ได้กับหญิงสาว เธอถึงได้พูดว่าเทาเกลียดเธอจนอยากจะฆ่าเธอให้ตาย

     

              “เมื่อคืนฉันไม่ได้ทำอะไร สาบานเลย เสียงผ้าฉีกขาดที่แกได้ยินก็มาจากหมอน” ชานยอลเพยิดหน้าไปบนเตียงที่แสดงหลักฐาน “...จากนั้นเธอก็หมดสติ ฉันกับเธอยังไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด แค่จะเช็ดตัวแต่แกที่เข้ามาทีหลังก็ได้เข้าใจผิด”

              “...”

              “แล้วแกก็ทำร้ายซอลลี่ด้วยคำพูดบ้าๆ พวกนั้น”

              “...”

     

              เทาเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าความเสียใจมันเป็นยังไง...เขารู้สึกเหมือนกับทุกอย่างเป็นสีเทา มองหาทางออกไม่เจอ ไม่ว่าจะมองไปด้านไหนก็ทำให้เขารู้สึกเศร้า ความจริงจากปากชานยอลทำให้ความคิดและจิตใจเขารวนไปหมด

              สิ่งที่พูดกับซอลลี่ไปเมื่อกี้ย้อนกลับเข้ามาในหัว แววตาโกรธแค้นที่เธอมองเขานั่นกำลังเก็บซ่อนความเสียใจไว้ด้านใน แต่มาเฟียอย่างเขาทำไมจะดูคนไม่ออก ทั้งที่เธอเสียใจแต่เธอก็เลือกที่จะแสดงความเข้มแข็งไม่ให้เขาได้เห็นด้านที่อ่อนแอของเธอ

     

              “ต่อให้ฉันชอบแย่งผู้หญิงของแกแค่ไหน แต่สำหรับภรรยาน้อง...ฉันก็ไม่เอานะเว้ย”

     

              คำพูดติดตลกไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีเลยสักนิด มันยิ่งทำให้เขารู้สึกเสียใจจนต้องทิ้งตัวลงนั่งกับขอบเตียง

     

              ทำไมซอลลี่ไม่แก้ตัวกับเขาล่ะ ทำไมต้องทำเหมือนว่าตัวเองทำเรื่องแย่ๆ ด้วย

             

              ยังไม่ทันได้แก้ตัวกับเรื่องเก่าๆ เรื่องใหม่ก็เข้ามาอีกแล้ว

     

              ทั้งที่เขาคิดว่ากลับมาครั้งนี้เขาจะเคลียร์กับเธอให้เป็นเรื่องเป็นราว อีกทั้งยังจะขอคบเธออย่างจริงใจ เพราะถือซะว่าเป็นความรับผิดชอบที่ทำให้เธอต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ รวมทั้งใจเขาเองก็รู้ว่า...ไม่สามารถปล่อยผู้หญิงคนนี้ให้ไปอยู่ไกลหูไกลตาได...เขาเป็นห่วงเธอ

     

    แต่ทุกอย่างดูเหมือนจะสายเกินไป...

     

    เขาทำร้ายเธออีกครั้ง ทำร้ายด้วยอารมณ์ของเขาเอง...

             

     

     

     

    ---------------------------------

     

     

     

     

              L’s part

     

              มือหนาหยิบชุดสวยตามราวเสื้อผ้าทุกตัวที่เห็นว่าเหมาะกับผู้หญิงเบื้องหลัง พนักงานถึงสามคนต้องมาคอยเดินตามเขาเพื่อรองรับเสื้อผ้าที่ถูกโยนมาแทบจะทุกห้าวินาที

              ซูจียืนมองผมเงียบๆ โดยที่ไม่ได้พูดอะไร ไม่แสดงออกว่าหงุดหงิดหรือดีใจที่ผมซื้อเสื้อผ้าให้เลยสักนิด

     

              “แค่นี้ล่ะครับ” ผมเห็นไปบอกพนักงานพร้อมกับส่งบัตรเครดิตสีทองไปให้

     

              วันนี้ซูจีอยู่ในชุดกางเกงยีนส์สีทึบกับเสื้อยึดแขนยาวสีขาวอีกทั้งยังใส่ผ้าพันคออีกด้วย จริงๆ ตอนนี้มันก็ยังไม่ได้หนาวจนถึงขนาดต้องแต่งตัวแบบเธอหรอกนะ แต่ผมก็เข้าใจว่ารอยแดงๆ ที่ผมเป็นคนทำยังคงอยู่ เธอเลยต้องปกปิดมันด้วยวิธีแบบนี้

     

              “ไปร้านอื่นกัน” หลังจากพนักงานส่งถุงเป็นสิบมาให้ ผมก็ยื่นไปด้านหน้าเพื่อให้ซูจีถือต่อ เธอก็เหมือนจะรู้หน้าที่เลยรับมันไปถือไว้โดยไม่ปริปากบ่น

              “สิ่งที่นายทำมันไร้สาระสิ้นดี” ซูจีเอ่ยเสียงเรียบขณะที่เดินอยู่ข้างผม

     

              ไม่เข้าใจ...ที่ผมเข้าร้านเสื้อผ้าผู้หญิงก็เพราะเลือกซื้อเสื้อผ้าให้เธอ แถมยังออกเงินให้ด้วย  ทำไมเธอต้องพูดแบบนี้ด้วย

     

              “เสื้อผ้าพวกนี้เป็นแนวที่ไคชอบทั้งหมด คุณน่าจะดีใจนะที่ผมซื้อให้ ไม่ใช่มาทำหน้าอมทุกข์อยู่แบบนี้”

              “เสียเงินซะเปล่า”

     

              เธอพูดก่อนจะเดินหนีผมไปด้านหน้า สองขายาวรีบก้าวตามจนกลับมายืนข้างเธออีกครั้ง มือข้างหนึ่งกระชากข้อศอกเธอเอาไว้ให้หันมาเผชิญหน้ากัน

             

              “ถ้าเธอมาขอความช่วยเหลือจากฉันแล้ว...อย่าได้คิดที่จะปฏิเสธอะไรก็ตามที่ฉันหามาให้”

     

              น้ำเสียงเย็นชาที่ไม่เคยใช้พูดกับผู้หญิงคนนี้ทำเอาคนตรงหน้าอึ้งไปพักใหญ่ มือที่อยู่ตรงข้อศอกบีบแน่นอย่างที่อยากเห็นความเจ็บปวดในนัยน์ตาเธอ แต่ความปารถนาของผมกลายเป็นศูนย์ เมื่อเธอยิ้มกลับมา

     

              “ฉันไม่ปฏิเสธนายหรอก”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

              หลังจากวนเข้าวนออกตามร้านแบรนด์เนมชื่อดังซะหลายร้าน ผมกับเธอก็เอาของไปเก็บที่รถก่อนที่ผมจะบังคับให้ซูจีไปดูหนังเป็นเพื่อน

     

              ใจจริงก็ไม่ได้อยากดูหนังหรอกนะ...แค่อยากอยู่กับเธอต่ออีกหน่อย

     

              “ฉันไม่ชอบดูหนัง” ซูจีบอก

              “ใครถามเธอ”

              “ก็นายจะพาฉันไปดูหนัง”

              “ฉันอยากดู ถ้าเธอไม่อยากก็หลับตาซะ”

              “งั้นฉันรอข้างนอก นายเข้าไปดูคนเดียว”

              “ไม่ได้! ถ้าฉันจะดูคนเดียวจะบอกให้เธอมาทำไม”

              “-_-

     

              ซูจีนิ่วหน้าใส่ผมก่อนจะยอมเดินตามไปเรื่อยๆ ระหว่างทางที่เดินด้วยกัน ผมเห็นพวกผู้ชายมองเธอตาเป็นมัน นี้ขนาดยัยนี้แต่งตัวมิดชิดสุดๆ ยังจะมีคนมองอีก เหอะๆ

     

              แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกนะ...ว่าเธอมีหน้าตาที่สละสลวยจริงๆ

     

            กึก   

     

            คนข้างกายหยุดกะทันหันทำให้ผมตรงปรายตามองด้วยความรำคาญ แต่เมื่อเห็นสายตาตื่นๆ ของซูจีก็เลยหันมองไปทางเดียวกับเธอบ้าง และก็พบสาเหตุเข้าให้

     

              ไค คริสตัลและ...เอ่อ...ผมไม่รู้จักแฮะแต่เป็นเด็กที่น่ารักดีตัวเล็กๆ ดูน่าปกป้อง

     

              “เข้าไปทักมั้ย” ผมถามเสียงเรียบ

              “...”

              “เผื่อจะได้ดูหนังโรงเดียวกัน เธอจะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับมันด้วย” ทั้งที่พูดออกไปแบบนั้นแต่ในใจกลับรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก

     

              นี่เป็นสิ่งแกควรทำแล้วแอล...จะมาหงุดหงิดทำไม!

     

              “กลับกันเถอะ แต่ถ้านายอยากดูก็ดูไปคนเดียวแล้วกัน” ซูจีหันหลังทันทีที่พูดจบ นั่นทำให้ผมต้องเดินตามเธอไปแล้วลอบสังเกตปฏิกิริยาของเธออยู่เงียบๆ แต่ซูจีกลับทำหน้าเฉยๆ เหมือนไม่คิดอะไร

              “ทำไมเธอไม่เข้าไปทักล่ะ เป็นโอกาสที่ดีที่ได้รู้จักไคเลยนะ”

              “...”

              “นี่ฉันถามก็ตอบสิ”

              “...”

              “ไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือไง เบซูจี!

              “อย่ามาพูดจาไร้สาระให้มากได้มั้ย รำคาญ”

     

              ระ รำคาญ!! ยัยบ้า คอยดูเหอะจะไม่ปล่อยให้กลับบ้านเลยคืนนี้ หึ!!

     

     

     

     

    ------------------------------------

     

     

     

     

              Krystal’s part

     

     

              วันอาทิตย์ที่ฉันควรจะได้พักผ่อนอยู่บนเตียงสบายๆ กลายเป็นว่าฉันต้องถูกไคลากให้ออกมาดูหนังกับเขา แต่โชคดีที่เจอรุ่นน้องคนสนิทระหว่างที่เดินเข้ามาในห้างฉันเลยออกปากชวนให้จูเนียลมาดูหนังด้วยกันซะเลย

              จะว่าไปตอนนี้ฉันกับจูเนียลก็สนิทกันมากขึ้นแล้วนะ เวลาอยู่ที่คณะก็ชอบมาทานข้าวกลางวันด้วยกันบ่อยๆ แน่นอนว่าผู้ร่วมโต๊ะมีตาบ้าไคด้วย

              จูเนียลน่ะเด็กน้อยมากๆ เธอเหมือนไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย ฉันเลยรู้สึกเอ็นดูเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง และที่ฉันเปิดใจให้จูเนียลก็เพราะว่าเธอเป็นผู้หญิงคนแรกในมหาลัยที่เขามาทักทายฉัน แถมยังบอกว่าฉันเป็นไอดอลด้วยล่ะมั้ง ก็รู้หรอกนะว่าตัวเองมีหน้าและนิสัยค่อนข้างหยิ่ง แต่พอมีคนมาอยากรู้จักเรามันก็รู้สึกดีไม่น้อย

     

              “ดูเรื่องนี้นะ คริสตัล” ไคบอกพลางชี้ไปที่หนังผีเรื่องหนึ่งที่โปสเตอร์ดูน่ากลัวๆ

              “อื้อ”

     

              จากนั้นไคกับจูเนียลก็ไปซื้อตั๋วมาสามที่ จะว่าไปเวลาจูเนียลอยู่ด้วยฉันนี่แทบไม่ต้องพูดอะไรเลยนะ เด็กนั่นชวนไคคุยตลอดจนฉันไม่ต้องเอ่ยปากอะไร แต่ก็ดีแล้วขี้เกียจพูดกับเขา แค่เจอหน้ากันทุกวันและเกือบทั้งวันฉันก็เบื่อจะแย่อยู่แล้ว

              คิดแล้วก็น่าเจ็บใจชะมัด! ทั้งที่ตั้งเป้าว่าจะอยู่ไม่เกินสองวัน แต่นี่ฉันกลับอยู่มาจะเกือบหนึ่งอาทิตย์แล้ว เหตุผลที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่าไคทำตัวติดฉันตลอดเวลาที่อยู่บ้าน ทั้งหลับทีหลังและตื่นก่อน ไม่มีเวลาให้ฉันได้อยู่คนเดียวเลยสักนิด! ไอ้แผนที่จะสำรวจโน๊ตบุ๊คเขาน่ะยังไม่ได้เริ่มเลย

     

              หงุดหงิดจริงๆ หลายวันที่ผ่านมาฉันโดนเขาแทะโลมทุกวันเลย!

     

              ส่วนเรื่องที่ไคจะเลิกยุ่งกับจูเนียลหรือไม่นั้น ก็ช่างเขาเถอะ!  ฉันไม่ได้คิดอะไรกับเขาอยู่แล้ว แค่อย่ามาจู๋จี๋กันต่อหน้าคนอื่นก็พอ ฉันไม่อยากให้ใครมองฉันเป็นแฟนผู้โง่เขลา ที่พูดว่าหึงตอนนั้นก็พูดไปเฉยๆ (?) เอาจริงๆ ว่าเป็นห่วงจูเนียลเสียด้วยซ้ำ กลัวว่าหมาป่าไวไฟอย่างเขาจะเห็นเธอเป็นเหยื่อน่ะสิ

     

              “อีกห้านาทีหนังฉายเข้าไปเลยดีกว่านะคะ” จูเนียลบอกแล้วเดินมาหยุดยืนตรงกลางระหว่างฉันกับไค

              “เอาสิ” ไค

     

              แล้วเราสามคนก็เดินเข้าโรงหนังโดยที่จูเนียลเดินอยู่ตรงกลางระหว่างฉันกับไค แต่แล้วสัมผัสเย็นๆ ที่ปลายนิ้วก็ทำให้ฉันสะดุ้งและเมื่อมองลงต่ำก็เห็นว่าไคเอื้อมมืออ้อมหลังจูเนียลมาจับมือฉันไว้

     

              “โรงสิบสินะ” เขาพูดโดยที่ไม่ได้ทำท่าทีพิรุธอะไร

             

              ตึกๆ ตักๆ ตึกตักๆๆๆๆๆๆ

     

              บ้าแล้วคริสตัล แค่ไคแอบจับมือทำไมต้องใจเต้นแรงด้วย~ หรือเพราะเขา แอบ ฉันเลยถึงหลุดยิ้มออกมาแบบนี้...

     

     

     

     

            ฉันสาบานได้ว่าฉันพยายามคิดดีกับจูเนียลแต่...

     

     

     

     

              ก่อนหนังเริ่ม

             

    “จูเนียลขอนั่งตรงกลางนะคะ พอดีหนูกลัวผีแล้วก็กลัวความมืดด้วย”

     

    กลัวความมืดแล้วมาดูหนังทำไมฟะ -_-

     

    “พี่คริสตัลคงไม่ว่าอะไรนะคะ”

    “ไม่หรอกจ่ะ”

    “ขอบคุณนะคะ หนูรักพี่คริสตัลกับพี่ไคที่สุดเลย” เอ่ยตอบฉันแต่สายตาดันมองผู้ชายอีกคน

    “พี่ก็รักจูเนียลเหมือนกัน” ไคตอบอย่างยิ้มแย้มก่อนจะยีหัวผู้หญิงตรงหน้าแล้วจูงมือเธอเดินเข้าไปยังที่นั่งตรงกลาง ทิ้งให้คนได้ชื่อว่าแฟนอย่างฉันเดินตามหลังเขาสองคนอีกที

     

    กลายเป็นว่าที่นั่งลำดับตามนี้

     

    ฉัน>>จูเนียล>>ไค

     

     

     

     

              ระหว่างหนังฉาย

     

     

     

     

              “พี่คริสตัลคะ หนูอยากกินป๊อปคอร์นจังเลยค่ะ พี่คริสตัลช่วยไปซื้อให้หนูหน่อยได้มั้ยคะ”

     

              ???

     

              “หนูบอกว่าอยากกินป๊อปคอร์น เอาน้ำแป๊บซี่ด้วยก็ดีนะคะ”

     

              ฉันหันมองคนสั่งที่นั่งพิงไหล่ไคด้วยความรู้สึกแปลกๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับผู้หญิงคนนี้...หมั่นไส้

             

              เอาเถอะ น้องเขาดูกลัวจริงๆ นั่นแหละ แต่ทำไมต้องซบไคขนาดนั้นด้วย ผียังไม่ทันโผล่เลย

     

              หนังเรื่องนี้ไม่เห็นจะสนุกเลยสักนิด!

     

              ฉันถอนหายใจแล้วพยุงตัวขึ้นยืนก่อนจะก้าวเท้าเดิน แต่เสียงทุ้มต่ำจากด้านหลังก็เรียกไว้ก่อน

     

              “คริสตัลจะไปไหน ?” ไคถามเบาๆ

              “ซื้อของ”

              “อ้อ รีบไปรีบกลับล่ะ ^^

              “อือ”

     

              และฉันก็เดินออกมาจากที่นั่ง  แต่ก้าวไปได้ไม่เท่าไหร่เสียงเอฟเฟคจากลำโพงกับเสียงหวีดร้องของคนดูก็ดังขึ้นพร้อมกัน

     

              “กรี๊ดดดด! น่ากลัวจัง ฮือ~” 

     

               ภาพที่ไคโอบคนตัวเล็กไว้และยิ้มให้ราวกับต้องการปลอบโยนทำให้ฉันรู้สึกเจ็บแปรบๆ ในใจยังไงไม่รู้

     

              หลังจากซื้อป๊อบคอร์นกับน้ำเสร็จ ฉันก็กลับเข้ามาที่เดิม โชคดีที่เรานั่งหลังสุดและทั้งแถวยังมีแค่เราสามคนเลยทำให้ฉันไม่ต้องเกรงใจใครเวลาเดินเข้าเดินออก

     

              “อ่ะ น้ำ...”

     

              !!!

     

              ภาพตรงหน้าทำเอาฉันถึงกับพูดไม่ออก มือที่ถือกล่องป๊อบคอร์นกับแก้วน้ำบีบเข้าหากันแน่นจนข้าวโพดอบกรอบหล่นลงพื้นไปเรื่อยๆ

              ชายหญิงที่กำลังจูบกันอย่างดูดดื่มยังคงไม่รู้ถึงการมาถึงของฉัน ทั้งจูเนียลและไคต่างนั่งหันหน้าเข้าหากันและแลกลิ้นกันอย่างไม่เกรงใจใครหน้าไหน ไม่สนด้วยซ้ำว่านี้เป็นพื้นที่สาธารณะ ผ่านไปหลายวินาทีกว่าฉันจะได้สติ ทิ้งตัวนั่งลงข้างพวกเขาแล้วทำเป็นไม่สนใจเสียงจ๊วบจ๊าบที่ดังมาสะกิดโสตประสาท สายตาจับจ้องไปที่หนังแต่ในใจฉันกลับไม่คิดตาม มือสองข้างจิกลงบนที่วางแขนแน่นเพื่อข่มอารมณ์โกรธไว้

              ผ่านไปเนิ่นนานกว่าหนังจะจบ...รวมทั้งสิ้นสุดการกระทำอันหยาบคายของคนข้างๆ

     

              “หนังสนุกจังเลยนะคะ” คนข้างๆ หันมาบอกฉันเสียงใส

     

              ...

     

             

             

             

              กลับมาที่ปัจจุบัน

     

              “พี่คริสตัลหนังตอนจบเป็นยังไงบ้างเหรอคะ หนูไม่ได้ดูเลย มัวแต่...ปิดตา”

             

              คนที่นั่งเบาะหน้าพูดด้วยน้ำเสียงใสซื่อจนไคที่นั่งอยู่ข้างๆ ต้องเอื้อมมือไปยีหัวราวกับหมั่นไส้ยังไงยังงั้น

     

              ปิดตาเหรอ...เหอะ

     

              “ถามไคดูสิจ๊ะ” ฉันโยนไปให้ไคที่ปิดตาเหมือนกัน

              “เอ่อ...คือ...”

              “พี่ไคก็กลัวเหมือนกันใช่มั้ยคะ พี่คริสตัลรู้มั้ย ? พี่ไคก็กลัวผีด้วย ตอนผีโผล่มาพี่ไคใจเต้นแรงมากเลย”

     

              อุ้ยตาย...แนบชิดถึงขนาดรู้ถึงจังหวะการเต้นหัวใจของอีกฝ่าย

     

              “พี่ว่าผีไม่น่ากลัวเท่าคนหรอกค่ะ” ด้วยความลืมตัวฉันเลยเผลอใช้เสียงจิกกัดกลับไป “...โดยเฉพาะคนบางคน”

              “...”

              “พี่หมายถึงพวกโจรน่ะค่ะ”

              “อ้อ อย่างนี้นี่เอง แหะๆ” จูเนียล

     

              หลังจากนั้นฉันก็จมอยู่กับความคิดตัวเองที่เบาะหลัง ไม่ได้ร่วมวงสนทนากับสองคนข้างหน้า เป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่อยู่บนรถ จูเนียลจะนั่งกับไคข้างหน้า ส่วนฉันถูกไล่มาด้านหลัง

     

    ตอนแรกก็เต็มใจอยู่หรอก...แต่นานวันเข้ามันเริ่มรู้สึก...หมั่นไส้

     

              ฉันตบหัวให้กลับความคิดตัวเองก่อนจะเอ่ยปากขอลงรถ

     

              “ไคจอดตรงนี้หน่อย”

              “หือ...ทำไมล่ะ ?

              “ฉันจะนั่งแท็กซี่กลับ”

              “...”

              “นายไปส่งจูเนียลที่บ้านเถอะ ฉันกะจะไปบ้านเพื่อนก่อน”

              “งั้นเดี๋ยวฉันขับไปส่ง บ้านใคร ?

              “ไม่ต้องฉันจะไปเอง”

              “คริสตัล” น้ำเสียงไม่พอใจถูกเอ่ยออกมา ถ้าเป็นเวลาปกติเขาคงว่าฉันแล้ว แต่ตอนนี้มีจูเนียลอยู่ด้วย เขาคงไม่อยากเสียภาพพจน์แฟนหนุ่มผู้แสนดีล่ะมั้ง

              “ให้พี่คริสตัลลงเถอะนะคะ ดูเหมือนพี่คริสตัลจะอยากลงจริงๆ”

     

              ต้องขอบคุณจูเนียลที่ทำให้ไคจอดรถให้ฉันลง มือบางปิดประตูอย่างแรงโดยไม่ได้บอกลาใคร ฉันรู้ว่าไคไม่พอใจที่ฉันทำตัวดื้อกับเขาอย่างนี้ แต่เขาก็ควรจะรู้บ้างว่าฉันไม่พอใจเหมือนกัน

     

              และขอบอกเลยว่า...ฉันจะเลิกกับเขาให้เร็วที่สุดเพื่อที่ทั้งสองจะได้เสวยสุขโดยไม่ต้องเกรงใจฉัน!

     

             

     

     

    --------------------------------------

     

     

     

     

              Kai’s part

     

              “โอ้วโห~ วันนี้ไม่ติดเมียแล้วเหรอวะ” เซฮุนเอ่ยแซวผมทันที่ผมเดินเข้ามาร่วมโต๊ะ

              “เมียเมออะไร ไม่มีเว้ย!

              “แล้วคนที่กกอยู่ที่บ้านทุกคืน จนหมาป่าหนุ่มไม่ยอมออกจากบ้านมาเที่ยวเลยจะเรียกว่าอะไรวะ”

              “...”

     

              ไอ้พวกนี้ พอรู้ว่าผมกักคริสตัลไว้ในบ้านก็ล้อกันใหญ่! ไม่น่าหลวมตัวเล่าให้ฟังเลย -_-

     

              “แล้วแอลไปไหน ไม่เห็นมาหลายวันแล้ว ไปติดหญิงที่ไหนวะ”

     

              คนอย่างแอลถ้าไม่ได้เล่นเกมส์อยู่กับหมากก็คงจะอยู่กับผู้หญิงที่ไหนซักคน เอาะ...เกมส์ที่ผมว่าไม่ใช่ตามตู้หรือคอมพิวเตอร์อะไรหรอกนะ ผมหมายถึงเกมส์ชีวิตน่ะ

     

              “ไอ้นี่ก็ติดสาว แต่ยังไม่รู้ว่าใคร พอถามมันก็ไม่ยอมบอก”

             

              ผมพยักหน้ารับคำลู่ฮานแล้วหยิบวิสกี้ขึ้นมากระดกรวดเดียว ทั้งโต๊ะมีผม เซฮุนและลู่ฮาน ส่วนเทาเห็นบอกว่าอยู่ฮ่องกงนะ

     

              “แล้วแกกับคริสตัลเป็นยังไงบ้าง” ลู่ฮานถาม

              “ก็ดี”

              “ก็ดีนี่คือยังไงวะ...จริงจังหรือเล่นๆ” เซฮุน

              “...”

     

              วิสกี้อีกช็อตถูกกลืนลงคอไปอย่างรวดเร็วเมื่อเจอคำถามเจาะจงจากปากเพื่อน

     

              “จริงจังมั้ง...”

     

              พร่วดดดดด~

     

            “เชี้ย!” ผมสบถด่าเพื่อนทั้งสองที่พ่นแอลกอฮอล์ออกจากปากโดยไม่เกรงใจคนกลางอย่างผม

     

              สกปรกมาก -_-

     

              “กูได้ยินอะไรผิดปะวะ ไอ้ลู่”

              “กูคิดเหมือนมึงเลย เซฮุน”

              “พวกมึงนี่ สกปรกจริงๆ จะตกใจเว่อร์อะไรขนาดนั้น” แม้จะพูดไปอย่างนั้นแต่ผมเองก็รู้สึกแปลกใจในตัวเองเหมือนกันที่ตอบเพื่อนไปแบบนั้น

     

              คำว่าจริงจังไม่เคยมีอยู่ในหัวผมเลย...จนกระทั่งมาเจอเธอ

     

              “เห้ย อย่างนี้มันต้องฉลอง มึงจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตน” เซฮุนพูดพลางยกขวดเบียร์ขึ้นสูง ผมหัวเราะกับท่าทีโอเว่อร์ของเพื่อนก่อนจะหยิบแก้วไปรองรับแอลกอฮอล์จากมือเซฮุน รวมทั้งลู่ฮานก็เช่นเดียวกัน

              “แต่อย่างเพิ่งคิดไกล...ฉันยังไม่ได้รักคริสตัลหรอกนะ แค่ชอบที่จะอยู่ใกล้เธอน่ะ อีกอย่างวันนี้ฉันเพิ่งนอกใจจูบเด็กคนหนึ่งด้วย”

              “O_O” ลู่ฮานกับเซฮุนเบิกตาโต มือที่กำลังจับแก้วนิ่งค้าง

              “ยัยเด็กนั่นก็น่ารัก ถูกใจเหมือนกัน”

              “มึงนี่ไม่ทิ้งลายจริงๆ ถ้ามึงไม่เอาคริสตัลแล้วก็บอก กูขอ...โอ้ย!

     

              ผมตั้งใจเหยียบเท้าเซฮุนแรงๆ ที่บังอาจพูดอะไรไม่เข้าหู

     

              เหอะ มาขอผู้หญิงของผมงั้นเหรอ...ฝัน!

     

              “หวงจริงนะคนนี้ ระวังเหอะ สาวเจ้าเสน่ห์อย่างคริสตัลมีหนุ่มมาต่อแถวมอบจดหมายรักให้ทุกวัน ถ้าแกชะล่าใจจนเขาไปหาคนอื่น กูจะสมน้ำหน้าให้” เซฮุนบ่นไปนวดปลายเท้าตัวเองไป

              “เออ เดี๋ยวก็เป็นเหมือนไอ้เทาอีกคนหรอก”

     

              ผมขมวดคิ้วกับคำพูดของลู่ฮาน

             

              “เทา ? ทำไมวะ ซอลลี่ยังไม่ยอมคืนดีอีกเหรอ”

              “เออ..คราวนี้โกรธแรงกว่าเดิมอีก เมื่อเช้ามันเข้าใจผิดว่าซอลลี่นอนกับชานยอลเลยด่าฝ่ายหญิงไปยกใหญ่ อันนี้กูแอบถามชานยอลมานะ” ลู่ฮาน

             

              ผมพยักหน้าเบาๆ พลางคิดตาม ปาร์คชานยอลเป็นญาติของเทา แต่เพราะอายุห่างกันแค่ปีเดียวเลยไม่ต้องเรียกพี่ อีกทั้งพวกผมก็ยังสนิทกับชานยอลด้วย ตอนเด็กๆ ไปเล่นที่บ้านเทาบ่อยน่ะ เลยทำให้รู้จักกัน นี่ก็ไม่ได้เจอกันนานแล้วนะ เห็นบอกว่าต้องช่วยคุมงานที่โกดังตระกูลหวัง เอาะ...พ่อแม่ของชานยอลเสียตั้งแต่เด็ก แม่เทาที่เป็นพี่สาวเลยรับไปเลี้ยงที่ฮ่องกงด้วย ทำให้ชานยอลเหมือนเป็นคนตระกูลหวังด้วย

     

              “แล้วไงต่อ ?

              “ฝ่ายหญิงก็งอนดิมึง หลบหน้าไปอยู่บ้านเพื่อนมาหลายวันแล้ว เพื่อนเราไปตามง้อถึงหน้าบ้าน หน้ามหาลัย รายหน้าก็หนีได้ตลอด” ลู่ฮานอธิบายต่อ

              “ไอ้เทาอยู่ไหน ?

              “กลับไปก่อนมึงมาแป๊บเดียวเอง หิ้วสาวกับไปด้วยนะมึง กูตกใจมาก”

              “!!!

     

              ผมเองก็ตกใจกับคำบอกเล่าของลู่ฮานเหมือนกัน คนอย่างเทาแทบจะไม่หิ้วสาวตามผับเลยด้วยซ้ำ การที่มันหิ้วสาวกลับไปอย่างนี้แสดงว่าเฮิร์ทไม่น้อยเหมือนกัน

     

              “แต่มึงก็เตรียมตัวอาทิตย์หน้าต้องไปฮ่องกง ต่อให้งอนกันยังไงสองคนนี้ก็ยังหมั้นกันอยู่ดี” เซฮุน

     

              หลังจากที่ฟังเพื่อนอัพเดตข่าวในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ผมก็จิบเหล้าไปเรื่อยๆ หลังจากไม่ได้แตะมาหลายวัน แต่ไม่ว่าจะดื่มเท่าไหร่มันก็เหมือนจะไม่อิ่มใจเหมือนแต่ก่อนจนผมต้องขอตัวกลับก่อนเพราะคิดถึงร่างนุ่มนิ่มบนเตียง

     

              ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเสพติดผู้หญิงคนนั้นจนไม่สามารถขาดเธอได้สักคืนเลย

     

              เมื่อขับรถกลับมาถึงบ้านก็รีบขั้นไปชั้นสองทันทีที่เห็นรองเท้าส้นสูงวางหน้าประตู กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่ให้ไปรับ...

     

              แอ๊ด~

     

            ความมืดมิดทำให้ผมลอบยิ้มออกมานิดหน่อยเมื่อคิดว่าเธอคงกำลังหลับสบายอยู่บนเตียง ผมไม่อยากรบกวนการนอนของเธอด้วยการเปิดไฟจึงเดินไปช้าๆ จนถึงเตียง แสงจันทร์ที่ลอดผ่านม่านทำให้ผมมองเห็นเตียงขนาดใหญ่และร่างเล็กที่นอนอยู่ได้ไม่ยาก

              เมื่อขึ้นไปบนเตียงเรียบร้อยก็ทิ้งตัวลงนอนข้างคริสตัลแบบเดียวกับที่ทำมาตลอดห้าคืนที่ผ่านมา

     

            ฟอด~

     

              ได้โอกาสก็ฉวยหอมแก้มนุ่มทั้งที่เธอยังหลับ ก่อนจะรั้งร่างบางเข้ามากอดอย่างแนบชิดโดยที่ลืมไปว่าตัวเองยังไม่ได้อาบน้ำหรือแม้กระทั้งแปรงฟัน

              ผมไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมผมถึงชอบสัมผัสเธอมากขนาดนี้ รู้แต่ว่าหากวันไหนไม่มีคริสตัลนอนอยู่บนเตียง ผมคงนอนไม่หลับ กลิ่นกุหลาบอ่อนๆ ที่มาจากผมยาวสลวยทำให้ผมต้องก้มหน้าเพื่อสูดเอาความหอมเข้าปอดไปยกใหญ่ แต่เหมือนมันจะยังไม่พอถึงต้องเลื่อนใบหน้าลงมาซุกซอกคอขาวราวกับคนกระหายน้ำ

              ร่างบางในอ้อมกอดขยับนิดหน่อยเมื่อเจอผมระรานร่างกายหอมหวาน

     

              “อื้อ...ไค~

              “ครับ” ผมตอบเสียงหลงโดยที่ยังไม่ยอมผละออกจากซอกคอขาวอุ่น จนมือเล็กๆ ต้องประคองใบหน้าผมออกมาเพื่อให้สบตาคมดุ

              “ไปกินเหล้ามาใช่มั้ย...เหม็นมาก”

              “ผมทำให้คุณตื่นเหรอ” ถามทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้ว

              “ไม่น่าถามนะ” คริสตัลจิกทั้งตาและน้ำเสียงใส่ แต่ผมทำเป็นไม่สนใจแล้วเลื่อนตัวเข้าไปใกล้จนจมูกตัวเองซุกอยู่ที่ซอกคอระหงอีกครั้ง

     

              คงเพราะแอลกอฮอล์กับความปารถนาที่มีต่อคริสตัลจึงทำให้ผมซุกใบหน้าต่ำลงมาจนถึงเนินอกอิ่มที่เคยฝากรอยแดงไว้เป็นหลักฐาน

     

              “ไม่เอานะไค” ร่างเล็กเริ่มดิ้นหยุกหยิกจนผมเริ่มรำคาญ “...ถ้าทำแบบนี้จะขนของกลับห้องเลยนะ”

     

              เสียงแข็งของคริสตัลไม่ได้ทำให้ผมกลัวเลยสักนิด มันกลับทำให้ผมรอบหัวเราะในลำคอกับความน่ารักของเธอ ก่อนจะยอมผละริมฝีปากออกจากเนินอกมาที่ริมฝีปากแทน

     

              “อื้อ~

     

              เสียงหวานครางอย่างน่ารักเมื่อผมสอดปลายลิ้นเข้าไปดึงดูดเรียวลิ้นหวานอย่างหยอกล้อ ก่อนจะไล้ปลายลิ้นไปตามไรฟันขาวสะอาดอย่างคิดถึงแทบขาดใจทั้งที่เพิ่งห่างจากเธอมาไม่กี่ชั่วโมงแท้ๆ ความหอมหวานตามโพรงปากเหมือนจะไม่มีวันหมด ไม่ว่าจะดูดกินมากเท่าไหร่ผมก็ไม่รู้จักคำว่า...พอ

              จูบอ่อนหวานเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนเมื่อคนตัวเล็กจูบกลับมาและเธอทำให้ผมต้องครางเสียงดังเมื่อถูกปากเล็กแกล้งยื้อปลายลิ้นเล่น

     

              เดี๋ยวนี้เธอชักจูบเก่งขึ้นทุกวันแล้วสิ! …คงเพราะมีครูดีแบบผมล่ะมั้ง หึๆ

     

              “หือ...เดี๋ยวก็จับปล้ำซะเลย” ผมผละออกมาจูบผิวเผินที่ริมฝีปากบางแทนเพราะกลัวจะอดใจทำอย่างที่พูดไม่ไหว

              “หมั่นไส้” ปากเล็กกระซิบเบาๆ

              “เรื่อง ?” ผละออกจากริมฝีปากบางอย่างเสียดายก่อนจะเลื่อนใบหน้าขึ้นไปให้อยู่ระดับเดียวกับคริสตัล

              “ไม่บอก...ง่วง จะนอน” ว่าแล้วเธอก็หลับตาลงทิ้งให้ผมครุ่นคิดด้วยความงุนงงว่าวันนี้ไปทำอะไรผิดให้คริสตัลเห็นหรือเปล่า ?

     

              ช่างเถอะ ไว้ตื่นมาค่อยเค้นคำตอบด้วยวิธีการของผมก็ได้...รับรองคริสตัลยอมตอบแน่ หึๆ

     

             

     

             

    -------------------------------------

     

     

     

     

              ผ่านไปหลายนาทีหรือบางทีอาจจะเป็นชั่วโมง ลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอของคนที่นอนกอดคริสตัลอยู่ทำให้รู้ว่าเจ้าตัวได้เข้าสู่ห้วงนิทราเป็นที่เรียบร้อย คริสตัลขยับแขนออกจากอ้อมเขาก่อนจะใช้มือขยี้ริมฝีปากตัวเองอย่างแค้นใจที่เผลอหลงใหลไปกับสัมผัสหอมหวานของไค

     

              “...”

     

              คริสตัลจับมือไคที่อยู่ตรงเอวออกโดยระวังไม่ให้เขาตื่น ก่อนจะลงจากเตียงไปเข้าห้องน้ำแล้วบ้วนปากคล้ายคนรังเกียจสัมผัสของเขา

     

              แปะๆ

     

     

            เธอตบหน้าตัวเองเบาๆ เพื่อเรียกสติ เมื่อกี้ที่เขาสัมผัสตัวและจูบเธอ มันทำให้แทบลืมไปเลยว่าเมื่อตอนกลางวันเกิดอะไรขึ้น คริสตัลรู้ตัวดีว่าตัวเองก็ชอบจูบอันหอมหวานของชายหนุ่มถึงได้ปล่อยให้เขาขโมยริมฝีปากไปหลายต่อหลายครั้ง แต่วันนี้...ที่เธอเห็นเขาจูบผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าต่อตามันทำให้เธอเกิดความรู้สึกรังเกียจตัวผู้ชายคนนั้นขึ้นมาซะเฉยๆ

     

            คริสตัล...เธอไม่ได้รักเขา ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรให้เขา ไม่จำเป็นที่เธอต้อง...หึง เขา ไม่เลยเธอไม่ได้หึงเขา...ไม่มีทาง

     

            ไม่เข้าใจเลยทำไมเป็นแบบนี้...

     

            ไม่เข้าใจ...ทั้งที่เธอท่องเข้าออกทุกลมหายใจว่าที่ยอมให้เขาเข้าใกล้ขนาดนี้ก็เพื่อหาโอกาสลบรูป แต่พอมาวันนี้ที่เห็นเขาจูบผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าต่อตา...มันทำให้เธออารมณ์เสียสุดๆ

     

    ความรู้สึกไม่พอใจ...ไม่ชอบใจกำลังเกิดขึ้นกลางใจเธอโดยที่คริสตัลเองก็ไม่รู้จะจัดการกับมันยังไง

     

     

     

     

    ------------------------------------

     

     

     

     

              Sull’s part

     

     

              ติ้ง

     

            สัญญาณลิฟต์บ่งบอกว่ามาถึงชั้นที่ต้องการ ฉันก้าวเท้าออกจากตู้สี่เหลี่ยมก่อนจะเดินไปตามทางอย่างเคยชิน แต่แล้วก็ต้องแปลกใจที่เห็นคังแกรี่ยืนอยู่หน้าห้องเจ้านายของเขา

     

              ตีหนึ่งแล้วทำไมแกรี่ต้องมาเฝ้า...ปกติแล้วไม่มีนี่หน่า ?

     

              ฉันได้แต่สงสัยและเดินต่อไปจนแกรี่หันมาเห็น เขาทำหน้าตกใจราวกับคนเจอผีก่อนจะก้มหัวให้ฉันเหมือนทุกครั้งที่เจอ

     

              “สะ สะ สวัสดีครับ คุณซอลลี่”

              “สวัสดีค่ะ” ฉันพยักหน้ารับแล้วโค้งกลับอย่างสุภาพเพราะยังไม่ชิน แกรี่อายุมากกว่าฉันตั้งเยอะแต่เขาดันเป็นฝ่ายทักฉันก่อนซะอีก “...เทาอยู่ในห้องเหรอคะ”

              “เอ่อ...ครับ”

     

              ฉันพยักหน้ารับแล้วหยิบคีย์การ์ดขึ้นมาจะแตะลงบนเครื่องเครื่องสแกนบาร์โค้ดแต่มือหยาบของแกรี่ก็จับข้อมือฉันไว้ก่อน

     

              “เอ่อ...คุณซอลลี่หายโกรธคุณจื่อเถาแล้วเหรอครับ” เขาถอนมือกลับไป

              “...ยังค่ะ” ฉันตอบโดยที่มองไปยังเลขาเทาด้วยความสงสัย

              “คุณซอลลี่จะกลับมาอยู่ที่นี่เหรอครับ ?

              “เปล่าค่ะ จะมาเอาของใช้”

              “งั้นคุณซอลลี่บอกผมมาก็ได้ครับว่าต้องการอะไร เดี๋ยวผมไปเอาให้”

              “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มันเป็นของส่วนตัว”

              “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือ”

              “ฉันหมายถึงชุดชั้นในนะคะ”

              “เอ่อ...”

     

              แกรี่ยกมือขึ้นปาดหน้าผากคล้ายคนเหงื่อตก ฉันมองเขาอย่างจับผิดแต่ก็ไม่ทราบเหตุผลว่าทำไมแกรี่ถึงต้องมาขัดขวางการเข้าห้องของฉันด้วย เลิกสนใจคนตรงหน้าแล้วแตะคีย์การ์ดก่อนจะผลักประตูเข้าไป

              เมื่อเข้ามาก็ไม่เห็นว่ามีอะไรผิดปกติ ห้องนั่งเล่นก็ยังเปิดไฟไว้อยู่ ทำไมต้องทำตัวมีพิรุธ

     

              หรือว่า...เขายังไม่นอน ฉันอุตส่าห์มาตอนตีหนึ่งเพราะหวังว่าเขาจะหลับไปแล้ว ฉันจะได้ไม่ต้องเจอหน้าเทา แต่แล้วตอนที่ฉันกำลังถอดรองเท้าอยู่ ก็เห็นว่ามีรองเท้าส้นสูงสีแดงถูกถอดไว้คู่กับรองเท้าหนังสีน้ำตาลที่ฉันจำได้ว่ามันเป็นของเทา และแน่นอนว่ารองเท้าสีแดงไม่ใช่ของฉัน

     

              มีผู้หญิงคนอื่นอยู่ในห้องนี้หรือเปล่า ?

     

              ฉันส่ายหน้ากับความคิดบ้าๆ เพราะไม่คิดว่าเทาจะกล้าพาผู้หญิงคนอื่นมานอนทับที่ฉัน แต่แล้วมือที่กำลังจับลูกบิดห้องนอนเป็นอันต้องสะดุดเมื่อได้ยินเสียงครางของผู้หญิงและผู้ชายดังลอดออกมา

     

              “อ่า...อะ...อร้าย~

     

    เสียงแหลมชวนคิดลึกทำให้ลมหายใจถึงกับสะดุด มือที่จับลูกบิดอยู่ดีๆ ก็สั่นขึ้นมาซะงั้น

             

              “คุณจื่อ...อ่า...แรงอีกค่ะ แรงอีก”

              “เงียบ!” เสียงดุเพียงหนึ่งคำทำให้ฉันถึงกับหัวใจเกือบหยุดเต้นเมื่อรู้ว่าใครคือเจ้าของเสียงนั่น

              “อ๊า~ ไม่ไหวแล้วค่ะ อ่ะๆๆ”

              “อ่า~

     

              เสียงครางแห่งความสุขสมเหมือนได้ปลดปล่อยความอัดอั้นคำรามดังลั่นห้องจนฉันที่ยืนอยู่อีกฝั่งของประตูยังได้ยินเต็มสองหู

              แม้ว่าจะได้ยินชัดเจนจนสามารถระบุได้ว่าใครคือเจ้าของเสียง...แต่ลึกๆ แล้ว ฉันก็ยังหวังว่าเขาจะไม่ทำแบบนี้ มือข้างที่จับลูกบิดอยู่ขยับเล็กน้อยอย่างเบามือ และภาพที่เธอเห็นผ่านช่องเล็กๆ ระหว่างประตูไม่กี่เซนติเมตรนั่นก็พอแล้วที่พิสูจน์ว่าความคิดของเธอเป็นจริง

              เชือกผูกข้อเท้าสีดำสองสามเส้นที่เทาเคยบอกว่าพ่อให้มาปรากฏอยู่ในสายตา ขาเปลือยเปล่าของทั้งสองคนทำให้ฉันน้ำตารื้อขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ มือที่จับอยู่ตรงลูกบิดหลุดออก เท้าสองข้างก้าวถอยหลังจนชิดประตูทางออก  ไม่รอช้าฉันรีบผลักประตูออก แกรี่ที่ยืนหน้าเสียอยู่ข้างนอกสบตาเข้ากับฉัน แววตาหวาดหวั่นของฉันคงทำให้เขารู้ว่าฉันพบความจริงแล้ว

     

              “คะ คุณซอลลี่เป็นอะไรมั้ยครับ ?” เขาถามเมื่อเห็นฉันเซชนกำแพง “..รองเท้าคุณ ?

     

              ฉันก้มลงมาตามสายตาแกรี่ก็เห็นว่าตัวเองลืมใส่รองเท้า

     

              “ฉันไม่เป็นไรค่ะ...ไม่ต้องบอกเขานะคะว่าฉันมา”

     

              พูดแค่นั้นฉันก็ก้าวเท้าเปล่าแต่กลับรู้สึกหนักราวกับผูกอิฐสิบก้อนที่เท้า เช่นเดียวกับหัวใจที่รู้สึกเจ็บแปรบกับภาพเขาร่วมรักกับผู้หญิงคนอื่น...บนเตียงที่ฉันเคยนอน

     

              นายมันเป็นคนยังไงกันแน่หวังจื่อเถา...

     

     

     

     

    -----------------------------------

    เฮ้อ พรุ่งนี้เปิดเทอมแล้ว ไรเตอร์คงไม่ได้มาอัพบ่อยๆ แล้วนะคะ

    อาจจะอาทิตย์หนึ่งตอนสองตอนว่ากันไป *เศร้า*

    ถ้าใครตามทวิตก็จะเห็นเราบ่นเกี่ยวกับการเรียนช่วงเปิดเทอมแน่นอน 5555555

    เคยบอกว่าจะไม่อัพเป็นเปอร์เซ็นต์แต่ต่อไปอาจจะมาเป็นเปอร์เซ็นต์แล้ว ขอโทษนะคะ~

    เพราะไม่อย่างนั้นอาทิตย์หนึ่งคงได้อ่านแค่ตอนเดียว TT

     

     

    ขอบคุณทุกเม้นต์และนักอ่านทุกท่านนะคะ

     

     



     
    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×