คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : [[ It's over ]]: C T 12 // Up
“^_^”
นี่คือสีหน้าของผู้ชายแปลกหน้าที่เมื่อวานขู่จะทำร้ายฉัน ผู้ชายใบหน้าเรียวได้รูปไข่รับกับจมูกโด่งและตาโตแต่แฝงไปด้วยความร้ายกาจ หากมองผิวเผินก็คงจะมองว่าเขาเป็นคนขี้เล่นแต่เพราะช่วงนี้ใช้ชีวิตอยู่กับเทาบ่อยจนพอดูออกว่าแววตาผู้ชายร้ายๆ เป็นยังไง หูกางเล็กน้อยแต่นั่นก็เข้ากันได้ดีกับทรงผมของเขา และผู้ชายคนนี้กำลังนั่งจ้องฉันตาแป๋วอยู่ข้างเตียง
เมื่อคืนนี้!
ฉันรีบก้มลงสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองก่อนจะพบว่าเสื้อผ้าทุกชิ้นยังอยู่ครบ แต่สิ่งที่ขาดหายไปคือปลอกหมอนที่ขาดยู่ยี่ เท่าที่จำได้เมื่อคืน...เขาฉีกปลอกหมอนจนขาดริ้วจากนั้นฉันก็...หลับ
“เมื่อวานคุณหมดสติหลังจากกรี๊ดเสียงดังลั่น ไม่ต้องห่วงผมไม่ทำอะไรคุณหรอก ผมไม่มีนิสัยชอบแย่งของรักของน้อง”
“คุณ...เป็นใคร ?” ฉันถามเสียงเบาหวิวแล้วพยุงตัวขึ้นนั่ง แต่ก็ยากเหลือเกินเพราะฉันรู้สึกหัวมันหนักๆ และเต้นตุบๆ เหมือนคนกำลังไม่สบายยังไงยังงั้น
ไม่สบายงั้นเหรอ...เฮ้อ~ อีกแล้วป่วยอีกแล้ว!
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมปาร์คชานยอลลูกพี่ลูกน้องของหวังจื่อเถาน่ะ”
ลูกพี่ลูกน้อง ?
“ผมเป็นญาติฝ่ายแม่ของเทาเลยใช้ชื่อเกาหลี แม่ผมเป็นน้องสาวของเทาน่ะแต่ผมอายุมากกว่าเทานะ เรียกผมว่าพี่ชานยอลก็ได้ ยังไงซะเราก็จะกลายมาเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว” เขารีบอธิบายเมื่อเห็นสายตาไม่เข้าใจจากฉัน
“อ้อค่ะ” ฉันพยักหน้ารับแล้วขยับตัวหนีจากชานยอลเล็กน้อยเพราะเขาเริ่มเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ “...ว่าแต่เมื่อคืน ?”
พี่ชานยอลทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกอะไรได้ เขาตบมือตัวเองทีหนึ่งแล้วสบตากับฉันใหม่อีกครั้ง
“แค่อยากแกล้งไอ้เทามันน่ะ เห็นคุณลุงบอกว่าคนนี้มันเอาจริงเลยอยากรู้ว่ามันจะรักจริงหวังแต่งอย่างที่ลุงหวังโม้ไว้หรือเปล่า ?”
“คะ ?”
ช่วยอธิบายอะไรที่มันละเอียดมากกว่านี้หน่อยได้มั้ย ฉันไม่เข้าใจ T^T
“เมื่อคืนนี้ฉันแอบต่อสายหาไอ้เทาให้มันได้ยินสิ่งที่เราคุยกัน ไม่ต้องทำหน้าตกใจหรอก ฉันแค่อยากลองใจน้องชายน่ะว่ามันรักเธอจริงหรือเปล่า ถ้ามันรักเธอจริงมันจะต้องกลับมาเกาหลีภายใน...อืม...สองชั่วโมงนี้แน่”
“...”
“เมื่อคืนฉันตามหาตัวเธอแทบแย่นึกว่าจะโดนศัตรูจับตัวไปซะอีก โชคดีที่เห็นเธอนอนหลับอยู่ริมแม่น้ำฮัน ขอโทษที่แอบพาตัวมา พอดีไอ้เทามาขอร้องให้ฉันช่วยเฝ้าเธอระหว่างมันไปเคลียร์งานที่ฮ่องกงเพราะช่วงนี้มีศัตรูปองร้ายมันอยู่”
“...”
“มันเป็นห่วงเธอเลยขอให้ฉันช่วยมาดูแลเธอแต่เพราะฉันไม่ชอบไปนอนที่อื่นอ่ะนะเลยต้องย้ายเธอมานอนนี่แทน...เมื่อคืนเลยแกล้งน้องให้หึงเล่นน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
“...”
“เธอโกรธเหรอ ?”
“พี่กำลังเข้าใจผิดแล้วค่ะ เทาไม่ได้ชอบฉันหรอก เขาไม่ได้มีใจให้ฉันเลยต่างหาก เขาเกลียดฉันจนอยากจะฆ่าให้ตายด้วยซ้ำ”
“...”
“สิ่งที่พี่ทำเมื่อวานคงไม่ทำให้เทาโกรธหรอกค่ะ เขาไม่สนใจฉันเลยต่างหาก...คนอย่างเขาไม่มีหัวใจด้วยซ้ำ”
“ซอลลี่...”
ฉันหลุบตาลงไม่กล้าสบตากับพี่ชานยอลเมื่อน้ำตารื้อขึ้นมาถึงขอบตาแต่ฉันก็พยายามกลั้นมันไว้อย่างสุดความสามารถ มึงสองข้างจิกลงบนผ้านวมเพื่อเตือนสติตัวเอง
ฉันจะไม่ร้องไห้ให้เรื่องบ้าๆ พวกนั้นอีกแล้ว!
“ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้แผนของพี่ไม่สำเร็จ”
“หมายความว่าไงที่ว่าไอ้เทาไม่ได้รัก”
“พี่อย่าให้ฉันเล่าเลยค่ะ เราสองคนไม่ได้รักกันอย่างคู่หมั้นคู่อื่นๆ เราแค่หมั้นตามคำสั่งของพ่อแม่”
“...”
“...”
“ถ้างั้นทำไมมันต้องบินไปจัดการเรื่องานหมั้นด้วยตัวเอง คนอย่างมันถ้าไม่สนใจใครก็อย่าหวังว่าจะได้สบตาเลยด้วยซ้ำ”
ฉันแสยะยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดของพี่ชานยอลผู้ซึ่งไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย
“เขาก็เป็นอย่างนี้แหละค่ะ...ทำดีให้ตายใจ สักพัก...เขาก็จะฆ่าฉันทั้งเป็น”
พี่ชานยอลไม่พูดอะไรแต่ก็ไม่ลุกไปไหน เขามองฉันด้วยแววตาเป็นห่วงแต่ฉันก็ไม่ค่อยกล้าสบตาตรงๆ กับผู้ชายคนนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันพอรู้สึกได้คือเขาไม่ได้คิดร้ายกับฉัน เพราะอย่างนั้นเลยไม่ได้โวยวายอะไรที่ตอนนี้มานั่งอยู่ในห้องนอนเขากันสองต่อสอง อีกทั้งเขายังบอกว่าตัวเองเป็นญาติกับเทา ต่อให้ร้ายยังไงก็คงไม่มีใครร้ายไปกว่าเทาแล้วล่ะ
ต่อไปนี้ต่อให้เจอผู้ชายรูปแบบไหนฉันก็คงไม่กลัวไปกว่าคนที่จับผลักฉันลงทะเลหรอก
“ดูเหมือนเราจะไม่สบายนะ” พี่ชานยอลใช้หลังมืออังหน้าฝากฉัน ก่อนที่เขาจะค้างไว้อยู่อย่างนั้น “...ผู้ชายก็อย่างนี้แหละ ถ้ารักใครสักคนก็จะแสดงด้านแย่ๆ ออกไป อย่าไปคิดมากเลย”
“...”
ฉันพูดไม่ออกเมื่อพี่ชานยอลจับฉันนอนลงที่เดิม เขาทำหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรสักอย่างก่อนที่จะลุกออกไปโดยไม่บอกอะไรแต่ก็กลับเข้ามาใหม่อีกครั้งพร้อมกับกะละมังพลาสติกใบเล็ก ในมืออีกข้างมีผ้าผืนเล็กสีขาวไว้ด้วย
“เช็ดตัวแล้วไปหาหมอนะ ดูเหมือนเราจะไม่สบาย”
ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้ชายที่ขู่ฉันด้วยน้ำเสียงน่ากลัวเมื่อคืนจะเป็นคนเดียวกับคนที่กำลังนั่งใช้ผ้าเช็ดหน้าให้ฉันอยู่ในตอนนี้
“ขอโทษนะ” พี่ชานยอลบอกขอโทษพร้อมกับใช้มือรั้งคอเสื้อฉันให้เปิดกว้างแล้วใช้ผ้าซับไปที่ไหล่ คอและเนินอก
-///////-
อ่า...เขาไม่ควรทำแบบนี้นะ เขาหล่อมากจนฉันอาจจะใจละลายได้หากต้องอยู่กับสักวันสองวัน
“ไอ้เวร!!!”
ผลัวะ
มือที่กำลังซับอยู่บริเวณลำคอถูกกระชากออกไปโดยผู้มาใหม่ และไม่ทันที่จะมีใครพูดอะไร ผู้ชายที่เข้ามาทีหลังก็ซัดหน้าขาวๆ ของพี่ชานยอลไปเต็มๆ หนึ่งหมัด!
ผลัวะๆๆ
“กูบอกให้มึงเฝ้าเขาแต่มึงกับลอบกัด!”
เทา...ซัดหนัดใส่หน้าพี่ชานยอลไม่ยั้ง จนเขาล้มลงไปนอนกับพื้นและเทาก็ตามลงไปนั่งคร่อมก่อนจะง้างหมัดขึ้นแต่โชคดีที่ฉันวิ่งเข้าไปหยุดมือนั้นได้ทันเวลา
ฮู้วว~
“คุณทำบ้าอะไร!” ความโกรธทำให้ตะโกนใส่หน้าเทาเสียงดัง เขาปรายสายตามองฉันแว๊บหนึ่งก่อนจะผลักฉันออกไปจนมือที่จับมือเขาไว้หลุดออก
ผลัวะ
และนั่นเป็นผลให้เทาลงหมัดกับใบหน้าหล่อใต้ร่างได้อีกครั้ง โชคดีที่ลูกน้องของเขาวิ่งมาจับเทาให้แยกออกจากพี่ชานยอลได้ทัน เมื่องั้นล่ะก็คงต้องมีอีกหมัดสองหมัดแน่ๆ
เทาสะบัดตัวหลุดให้หลุดจากมือแกรี่แล้วยืนหายใจหอบด้วยความโมโห พี่ชานยอลเองก็ได้ลูกน้องคนอื่นช่วยพยุงให้ลุกขึ้นยืน ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยรอยแผล มุมปากมือเลือดซิบอีกทั้งหางคิ้วอยู่ดูเหมือนจะแตกอีกด้วย
ก่อนที่จะมีใครพูดอะไร ฉันก็ก้าวเท้าไปยืนหน้าเทาด้วยใบหน้าเรียบนิ่งก่อนจะเงื้อมือขึ้นสูงแล้วฟาดลงบนแก้มสากอย่างแรง
เพี๊ยะ!!
“!!!”
เพี๊ยะ!!
“ถือซะว่าทำแทนพี่ชานยอล...”
“พี่ชานยอล ?” เทาทวนคำเสียงสูงโดยไม่สนใจแก้มแดงๆ ของตัวเองเลยสักนิด
หน้าเขาท่าทางจะหนาจริงๆ สินะ ตบไปขนาดนั้นแล้ว เลือดสักหยดยังไม่ไหล!
“หึ เพิ่งรู้จักกันไม่ทันไรก็ขึ้นเตียงกันเลยสินะ”
“!!!”
ให้ทายนะ...เขาต้องเข้าใจผิดเพราะเห็นภาพที่พี่ชานยอลกำลังนั่งเช็ดตัวให้ฉันแน่ๆ
“นี่สินะที่เธอบอกจะมั่วกับคนอื่นเพื่อให้ฉันถอนหมั้น”
“…”
“ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือไงถึงต้องมานอนกับญาติฉัน”
เพี๊ยะ
“สำหรับความคิดอุบาทว์ๆ”
คราวนี้ฝ่ามือฉันสามารถทำให้ริมฝีปากเขาแตกได้ เลือดที่ไหลซิบๆ บริเวณมุมปากเรียกความมั่นใจให้ฉันขึ้นได้อีกนิด
เทาตวัดสายตามองฉันด้วยความโกรธจนไม่มีใครกล้าพูดอะไร แม้แต่ลูกน้องคนสนิทอย่างแกรี่ยังถอยไปยืนห่างๆ ราวกับกลัวโดนลูกหลง
“ถ้าผมความคิดอุบาทว์ คุณมันก็ทุเรศเหมือนกันนั่นแหละ! ทำอะไรอกุศล ผู้ชายคนนั้นเป็นพี่ชายผมรู้มั้ย!!”
ฉันมองแววตาที่กำลังวาวโรจน์ไปด้วยเพลิงโทสะของเขาเงียบๆ แต่สายตาที่มองกลับไปก็ประกายแววโกรธเคืองไม่แพ้กัน ทั้งห้องเงียบไปเมื่อเจอคำพูดร้ายกาจของเทา คงจะมีแต่เสียงลงหายใจเข้าออกของผู้ชายตรงหน้าที่ดังฟึดฟัดบ่งบอกอารมณ์ได้เป็นอย่างดี
“พี่ชานยอล...” ฉันเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“...”
“พี่เห็นแล้วใช่มั้ยคะ ว่าผู้ชายคนนี้เป็นยังไง...เขามันไม่มีหัวใจ!”
“!!!”
คนที่ถูกอ้างอิงกำมือแน่นและทำท่าเหมือนจะเข้ามาบีบคอฉัน หากไม่ได้มือของพี่ชานยอลปัดออกไปก่อน ฉันอาจจะถูกเขาฆ่าอีกรอบก็เป็นได้
“คุณแกรี่คะ ซอลขอโทรศัพท์หน่อย”
ฉันรับโทรศัพท์มาแล้วกดเบอร์อย่างรวดเร็ว ถือสายรอไม่นานปลายสายที่อยู่อีกประเทศก็ตอบรับ
[ฮัลโหลครับ]
“พ่อคะ นี่ซอลเองนะ”
[ซอลเป็นไงบ้าง หายไปนานเลย นึกว่าจะอินเลิฟกับพี่เทาจนลืมพ่อไปแล้วซะอีก]
“ค่ะ ซอลกำลังมีความสุขอยู่จริงๆ เทาบอกซอลว่าจะหมั้นอาทิตย์หน้าแล้ว ถ้าพ่อจะเรียกซอลไปลองชุดวันไหนก็บอกได้เลยนะคะ ซอลพร้อมเสมอ”
[หืม...นี่พ่อไม่ได้หูฟาดไปใช่มั้ย ?]
“ค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะ ไว้ซอลจะโทรหาใหม่”
ปิ่บ
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งและคนที่ดูท่าจะเงียบจนลืมหายใจก็ไม่ใช่ใครนอกจาก...เทา
เราสองคนสบตากันท่ามกลางความเงียบ แววตาเทาเหมือนไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันทำ เขากำลังมองมาที่ฉันราวกับฉันเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ที่น่าขยะแขยง เพิ่งจะทำเรื่องบัดสีกับพี่ชายเขา แต่ก็โทรไปยืนยันว่าจะหมั้นกับน้องชาย
“พอใจคุณแล้วใช่มั้ย...”
เกือบแล้ว...เกือบน้ำตาไหลต่อหน้าเขาแล้ว โชคดีที่ไหวตัวเดินออกจากห้องนั้นมาก่อน ลูกน้องคนหนึ่งของเทาวิ่งตามมาก่อนจะอาสาขับรถให้ฉัน แต่ฉันกลับขอกุญแจเขาแล้วบอกว่าจะขับเอง
ฉันจะใช้ชีวิตร่วมกับผู้ชายแบบเขาได้ยังไงกัน...ใครก็ได้บอกฉันที
--------------------------------
เทามองตามประตูที่เพิ่งถูกปิดด้วยฝีมือร่างเล็กด้วยความรู้สึกที่ตีรวนกันไปหมด ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง เขานึกถึงบทสนทนาที่ซอลลี่คุยกับพ่อก่อนหน้านี้ ทั้งที่เธอยอมหมั้นกับเขาแล้ว...แต่ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกดีใจอย่างที่ควรจะเป็น
“เวลาแกรักใคร แกแสดงออกอย่างนี้เหรอวะ” คนที่ไม่มีบทไปนานอย่างปาร์คชานยอลเอ่ยขึ้นพร้อมกับจับมุมปากของตัวเอง “...ไม่มีเหตุผล อารมณ์ร้อน ไม่ฟังคนอื่นพูด เอาตัวเองเป็นใหญ่...”
“หุบปาก!” เทาตะโกนขัดคำด่าทอที่ออกมากจากปากญาติผู้พี่ เขาตวัดสายตาคมมองคนตรงหน้าด้วยความไม่สบอารมณ์แต่ชานยอลกลับยืนเฉยๆ ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ
เพิ่งลอบกินของๆ เขายังมีหน้ามาพูดอีก! …เทาคิดพลางย่างก้าวเข้าไปใกล้พี่ชาย ชานยอลเองก็ไม่ได้หลบไปไหน ยืนนิ่งเหมือนไม่กลัวเทาเลยสักนิด
“แกไม่รู้เลยสินะ ว่าคนที่แกมีใจให้กำลังป่วย”
“!!!”
“สิ่งที่แกเห็น ไม่ใช่สิ่งที่แกคิดสักนิดเลยเทา ซอลลี่ป่วย ตัวร้อนจี๋ฉันเลยเช็ดตัวให้ เธอป่วยจนแทบจะเดินไม่ได้อยู่แล้วแต่แกกลับไม่รู้อะไรเลย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมซอลลี่ถึงบอกว่าแกไม่มีหัวใจ”
ชานยอลไม่ได้รู้เรื่องอะไรระหว่างเทากับซอลลี่มากนักหรอก แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมาก็พอทำให้เขารู้ว่าเทาคงทำตัวไม่ได้กับหญิงสาว เธอถึงได้พูดว่าเทาเกลียดเธอจนอยากจะฆ่าเธอให้ตาย
“เมื่อคืนฉันไม่ได้ทำอะไร สาบานเลย เสียงผ้าฉีกขาดที่แกได้ยินก็มาจากหมอน” ชานยอลเพยิดหน้าไปบนเตียงที่แสดงหลักฐาน “...จากนั้นเธอก็หมดสติ ฉันกับเธอยังไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด แค่จะเช็ดตัวแต่แกที่เข้ามาทีหลังก็ได้เข้าใจผิด”
“...”
“แล้วแกก็ทำร้ายซอลลี่ด้วยคำพูดบ้าๆ พวกนั้น”
“...”
เทาเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าความเสียใจมันเป็นยังไง...เขารู้สึกเหมือนกับทุกอย่างเป็นสีเทา มองหาทางออกไม่เจอ ไม่ว่าจะมองไปด้านไหนก็ทำให้เขารู้สึกเศร้า ความจริงจากปากชานยอลทำให้ความคิดและจิตใจเขารวนไปหมด
สิ่งที่พูดกับซอลลี่ไปเมื่อกี้ย้อนกลับเข้ามาในหัว แววตาโกรธแค้นที่เธอมองเขานั่นกำลังเก็บซ่อนความเสียใจไว้ด้านใน แต่มาเฟียอย่างเขาทำไมจะดูคนไม่ออก ทั้งที่เธอเสียใจแต่เธอก็เลือกที่จะแสดงความเข้มแข็งไม่ให้เขาได้เห็นด้านที่อ่อนแอของเธอ
“ต่อให้ฉันชอบแย่งผู้หญิงของแกแค่ไหน แต่สำหรับภรรยาน้อง...ฉันก็ไม่เอานะเว้ย”
คำพูดติดตลกไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีเลยสักนิด มันยิ่งทำให้เขารู้สึกเสียใจจนต้องทิ้งตัวลงนั่งกับขอบเตียง
ทำไมซอลลี่ไม่แก้ตัวกับเขาล่ะ ทำไมต้องทำเหมือนว่าตัวเองทำเรื่องแย่ๆ ด้วย
ยังไม่ทันได้แก้ตัวกับเรื่องเก่าๆ เรื่องใหม่ก็เข้ามาอีกแล้ว
ทั้งที่เขาคิดว่ากลับมาครั้งนี้เขาจะเคลียร์กับเธอให้เป็นเรื่องเป็นราว อีกทั้งยังจะขอคบเธออย่างจริงใจ เพราะถือซะว่าเป็นความรับผิดชอบที่ทำให้เธอต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ รวมทั้งใจเขาเองก็รู้ว่า...ไม่สามารถปล่อยผู้หญิงคนนี้ให้ไปอยู่ไกลหูไกลตาได...เขาเป็นห่วงเธอ
แต่ทุกอย่างดูเหมือนจะสายเกินไป...
เขาทำร้ายเธออีกครั้ง ทำร้ายด้วยอารมณ์ของเขาเอง...
---------------------------------
L’s part
มือหนาหยิบชุดสวยตามราวเสื้อผ้าทุกตัวที่เห็นว่าเหมาะกับผู้หญิงเบื้องหลัง พนักงานถึงสามคนต้องมาคอยเดินตามเขาเพื่อรองรับเสื้อผ้าที่ถูกโยนมาแทบจะทุกห้าวินาที
ซูจียืนมองผมเงียบๆ โดยที่ไม่ได้พูดอะไร ไม่แสดงออกว่าหงุดหงิดหรือดีใจที่ผมซื้อเสื้อผ้าให้เลยสักนิด
“แค่นี้ล่ะครับ” ผมเห็นไปบอกพนักงานพร้อมกับส่งบัตรเครดิตสีทองไปให้
วันนี้ซูจีอยู่ในชุดกางเกงยีนส์สีทึบกับเสื้อยึดแขนยาวสีขาวอีกทั้งยังใส่ผ้าพันคออีกด้วย จริงๆ ตอนนี้มันก็ยังไม่ได้หนาวจนถึงขนาดต้องแต่งตัวแบบเธอหรอกนะ แต่ผมก็เข้าใจว่ารอยแดงๆ ที่ผมเป็นคนทำยังคงอยู่ เธอเลยต้องปกปิดมันด้วยวิธีแบบนี้
“ไปร้านอื่นกัน” หลังจากพนักงานส่งถุงเป็นสิบมาให้ ผมก็ยื่นไปด้านหน้าเพื่อให้ซูจีถือต่อ เธอก็เหมือนจะรู้หน้าที่เลยรับมันไปถือไว้โดยไม่ปริปากบ่น
“สิ่งที่นายทำมันไร้สาระสิ้นดี” ซูจีเอ่ยเสียงเรียบขณะที่เดินอยู่ข้างผม
ไม่เข้าใจ...ที่ผมเข้าร้านเสื้อผ้าผู้หญิงก็เพราะเลือกซื้อเสื้อผ้าให้เธอ แถมยังออกเงินให้ด้วย ทำไมเธอต้องพูดแบบนี้ด้วย
“เสื้อผ้าพวกนี้เป็นแนวที่ไคชอบทั้งหมด คุณน่าจะดีใจนะที่ผมซื้อให้ ไม่ใช่มาทำหน้าอมทุกข์อยู่แบบนี้”
“เสียเงินซะเปล่า”
เธอพูดก่อนจะเดินหนีผมไปด้านหน้า สองขายาวรีบก้าวตามจนกลับมายืนข้างเธออีกครั้ง มือข้างหนึ่งกระชากข้อศอกเธอเอาไว้ให้หันมาเผชิญหน้ากัน
“ถ้าเธอมาขอความช่วยเหลือจากฉันแล้ว...อย่าได้คิดที่จะปฏิเสธอะไรก็ตามที่ฉันหามาให้”
น้ำเสียงเย็นชาที่ไม่เคยใช้พูดกับผู้หญิงคนนี้ทำเอาคนตรงหน้าอึ้งไปพักใหญ่ มือที่อยู่ตรงข้อศอกบีบแน่นอย่างที่อยากเห็นความเจ็บปวดในนัยน์ตาเธอ แต่ความปารถนาของผมกลายเป็นศูนย์ เมื่อเธอยิ้มกลับมา
“ฉันไม่ปฏิเสธนายหรอก”
หลังจากวนเข้าวนออกตามร้านแบรนด์เนมชื่อดังซะหลายร้าน ผมกับเธอก็เอาของไปเก็บที่รถก่อนที่ผมจะบังคับให้ซูจีไปดูหนังเป็นเพื่อน
ใจจริงก็ไม่ได้อยากดูหนังหรอกนะ...แค่อยากอยู่กับเธอต่ออีกหน่อย
“ฉันไม่ชอบดูหนัง” ซูจีบอก
“ใครถามเธอ”
“ก็นายจะพาฉันไปดูหนัง”
“ฉันอยากดู ถ้าเธอไม่อยากก็หลับตาซะ”
“งั้นฉันรอข้างนอก นายเข้าไปดูคนเดียว”
“ไม่ได้! ถ้าฉันจะดูคนเดียวจะบอกให้เธอมาทำไม”
“-_-”
ซูจีนิ่วหน้าใส่ผมก่อนจะยอมเดินตามไปเรื่อยๆ ระหว่างทางที่เดินด้วยกัน ผมเห็นพวกผู้ชายมองเธอตาเป็นมัน นี้ขนาดยัยนี้แต่งตัวมิดชิดสุดๆ ยังจะมีคนมองอีก เหอะๆ
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกนะ...ว่าเธอมีหน้าตาที่สละสลวยจริงๆ
กึก
คนข้างกายหยุดกะทันหันทำให้ผมตรงปรายตามองด้วยความรำคาญ แต่เมื่อเห็นสายตาตื่นๆ ของซูจีก็เลยหันมองไปทางเดียวกับเธอบ้าง และก็พบสาเหตุเข้าให้
ไค คริสตัลและ...เอ่อ...ผมไม่รู้จักแฮะแต่เป็นเด็กที่น่ารักดีตัวเล็กๆ ดูน่าปกป้อง
“เข้าไปทักมั้ย” ผมถามเสียงเรียบ
“...”
“เผื่อจะได้ดูหนังโรงเดียวกัน เธอจะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับมันด้วย” ทั้งที่พูดออกไปแบบนั้นแต่ในใจกลับรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
นี่เป็นสิ่งแกควรทำแล้วแอล...จะมาหงุดหงิดทำไม!
“กลับกันเถอะ แต่ถ้านายอยากดูก็ดูไปคนเดียวแล้วกัน” ซูจีหันหลังทันทีที่พูดจบ นั่นทำให้ผมต้องเดินตามเธอไปแล้วลอบสังเกตปฏิกิริยาของเธออยู่เงียบๆ แต่ซูจีกลับทำหน้าเฉยๆ เหมือนไม่คิดอะไร
“ทำไมเธอไม่เข้าไปทักล่ะ เป็นโอกาสที่ดีที่ได้รู้จักไคเลยนะ”
“...”
“นี่ฉันถามก็ตอบสิ”
“...”
“ไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือไง เบซูจี!”
“อย่ามาพูดจาไร้สาระให้มากได้มั้ย รำคาญ”
ระ รำคาญ!! ยัยบ้า คอยดูเหอะจะไม่ปล่อยให้กลับบ้านเลยคืนนี้ หึ!!
------------------------------------
Krystal’s part
วันอาทิตย์ที่ฉันควรจะได้พักผ่อนอยู่บนเตียงสบายๆ กลายเป็นว่าฉันต้องถูกไคลากให้ออกมาดูหนังกับเขา แต่โชคดีที่เจอรุ่นน้องคนสนิทระหว่างที่เดินเข้ามาในห้างฉันเลยออกปากชวนให้จูเนียลมาดูหนังด้วยกันซะเลย
จะว่าไปตอนนี้ฉันกับจูเนียลก็สนิทกันมากขึ้นแล้วนะ เวลาอยู่ที่คณะก็ชอบมาทานข้าวกลางวันด้วยกันบ่อยๆ แน่นอนว่าผู้ร่วมโต๊ะมีตาบ้าไคด้วย
จูเนียลน่ะเด็กน้อยมากๆ เธอเหมือนไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย ฉันเลยรู้สึกเอ็นดูเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง และที่ฉันเปิดใจให้จูเนียลก็เพราะว่าเธอเป็นผู้หญิงคนแรกในมหา’ลัยที่เขามาทักทายฉัน แถมยังบอกว่าฉันเป็นไอดอลด้วยล่ะมั้ง ก็รู้หรอกนะว่าตัวเองมีหน้าและนิสัยค่อนข้างหยิ่ง แต่พอมีคนมาอยากรู้จักเรามันก็รู้สึกดีไม่น้อย
“ดูเรื่องนี้นะ คริสตัล” ไคบอกพลางชี้ไปที่หนังผีเรื่องหนึ่งที่โปสเตอร์ดูน่ากลัวๆ
“อื้อ”
จากนั้นไคกับจูเนียลก็ไปซื้อตั๋วมาสามที่ จะว่าไปเวลาจูเนียลอยู่ด้วยฉันนี่แทบไม่ต้องพูดอะไรเลยนะ เด็กนั่นชวนไคคุยตลอดจนฉันไม่ต้องเอ่ยปากอะไร แต่ก็ดีแล้วขี้เกียจพูดกับเขา แค่เจอหน้ากันทุกวันและเกือบทั้งวันฉันก็เบื่อจะแย่อยู่แล้ว
คิดแล้วก็น่าเจ็บใจชะมัด! ทั้งที่ตั้งเป้าว่าจะอยู่ไม่เกินสองวัน แต่นี่ฉันกลับอยู่มาจะเกือบหนึ่งอาทิตย์แล้ว เหตุผลที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่าไคทำตัวติดฉันตลอดเวลาที่อยู่บ้าน ทั้งหลับทีหลังและตื่นก่อน ไม่มีเวลาให้ฉันได้อยู่คนเดียวเลยสักนิด! ไอ้แผนที่จะสำรวจโน๊ตบุ๊คเขาน่ะยังไม่ได้เริ่มเลย
หงุดหงิดจริงๆ หลายวันที่ผ่านมาฉันโดนเขาแทะโลมทุกวันเลย!
ส่วนเรื่องที่ไคจะเลิกยุ่งกับจูเนียลหรือไม่นั้น ก็ช่างเขาเถอะ! ฉันไม่ได้คิดอะไรกับเขาอยู่แล้ว แค่อย่ามาจู๋จี๋กันต่อหน้าคนอื่นก็พอ ฉันไม่อยากให้ใครมองฉันเป็นแฟนผู้โง่เขลา ที่พูดว่าหึงตอนนั้นก็พูดไปเฉยๆ (?) เอาจริงๆ ว่าเป็นห่วงจูเนียลเสียด้วยซ้ำ กลัวว่าหมาป่าไวไฟอย่างเขาจะเห็นเธอเป็นเหยื่อน่ะสิ
“อีกห้านาทีหนังฉายเข้าไปเลยดีกว่านะคะ” จูเนียลบอกแล้วเดินมาหยุดยืนตรงกลางระหว่างฉันกับไค
“เอาสิ” ไค
แล้วเราสามคนก็เดินเข้าโรงหนังโดยที่จูเนียลเดินอยู่ตรงกลางระหว่างฉันกับไค แต่แล้วสัมผัสเย็นๆ ที่ปลายนิ้วก็ทำให้ฉันสะดุ้งและเมื่อมองลงต่ำก็เห็นว่าไคเอื้อมมืออ้อมหลังจูเนียลมาจับมือฉันไว้
“โรงสิบสินะ” เขาพูดโดยที่ไม่ได้ทำท่าทีพิรุธอะไร
ตึกๆ ตักๆ ตึกตักๆๆๆๆๆๆ
บ้าแล้วคริสตัล แค่ไคแอบจับมือทำไมต้องใจเต้นแรงด้วย~ หรือเพราะเขา ‘แอบ’ ฉันเลยถึงหลุดยิ้มออกมาแบบนี้...
ฉันสาบานได้ว่าฉันพยายามคิดดีกับจูเนียลแต่...
ก่อนหนังเริ่ม
“จูเนียลขอนั่งตรงกลางนะคะ พอดีหนูกลัวผีแล้วก็กลัวความมืดด้วย”
กลัวความมืดแล้วมาดูหนังทำไมฟะ -_-
“พี่คริสตัลคงไม่ว่าอะไรนะคะ”
“ไม่หรอกจ่ะ”
“ขอบคุณนะคะ หนูรักพี่คริสตัลกับพี่ไคที่สุดเลย” เอ่ยตอบฉันแต่สายตาดันมองผู้ชายอีกคน
“พี่ก็รักจูเนียลเหมือนกัน” ไคตอบอย่างยิ้มแย้มก่อนจะยีหัวผู้หญิงตรงหน้าแล้วจูงมือเธอเดินเข้าไปยังที่นั่งตรงกลาง ทิ้งให้คนได้ชื่อว่าแฟนอย่างฉันเดินตามหลังเขาสองคนอีกที
กลายเป็นว่าที่นั่งลำดับตามนี้
ฉัน>>จูเนียล>>ไค
ระหว่างหนังฉาย
“พี่คริสตัลคะ หนูอยากกินป๊อปคอร์นจังเลยค่ะ พี่คริสตัลช่วยไปซื้อให้หนูหน่อยได้มั้ยคะ”
???
“หนูบอกว่าอยากกินป๊อปคอร์น เอาน้ำแป๊บซี่ด้วยก็ดีนะคะ”
ฉันหันมองคนสั่งที่นั่งพิงไหล่ไคด้วยความรู้สึกแปลกๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับผู้หญิงคนนี้...หมั่นไส้
เอาเถอะ น้องเขาดูกลัวจริงๆ นั่นแหละ แต่ทำไมต้องซบไคขนาดนั้นด้วย ผียังไม่ทันโผล่เลย
หนังเรื่องนี้ไม่เห็นจะสนุกเลยสักนิด!
ฉันถอนหายใจแล้วพยุงตัวขึ้นยืนก่อนจะก้าวเท้าเดิน แต่เสียงทุ้มต่ำจากด้านหลังก็เรียกไว้ก่อน
“คริสตัลจะไปไหน ?” ไคถามเบาๆ
“ซื้อของ”
“อ้อ รีบไปรีบกลับล่ะ ^^”
“อือ”
และฉันก็เดินออกมาจากที่นั่ง แต่ก้าวไปได้ไม่เท่าไหร่เสียงเอฟเฟคจากลำโพงกับเสียงหวีดร้องของคนดูก็ดังขึ้นพร้อมกัน
“กรี๊ดดดด! น่ากลัวจัง ฮือ~”
ภาพที่ไคโอบคนตัวเล็กไว้และยิ้มให้ราวกับต้องการปลอบโยนทำให้ฉันรู้สึกเจ็บแปรบๆ ในใจยังไงไม่รู้
หลังจากซื้อป๊อบคอร์นกับน้ำเสร็จ ฉันก็กลับเข้ามาที่เดิม โชคดีที่เรานั่งหลังสุดและทั้งแถวยังมีแค่เราสามคนเลยทำให้ฉันไม่ต้องเกรงใจใครเวลาเดินเข้าเดินออก
“อ่ะ น้ำ...”
!!!
ภาพตรงหน้าทำเอาฉันถึงกับพูดไม่ออก มือที่ถือกล่องป๊อบคอร์นกับแก้วน้ำบีบเข้าหากันแน่นจนข้าวโพดอบกรอบหล่นลงพื้นไปเรื่อยๆ
ชายหญิงที่กำลังจูบกันอย่างดูดดื่มยังคงไม่รู้ถึงการมาถึงของฉัน ทั้งจูเนียลและไคต่างนั่งหันหน้าเข้าหากันและแลกลิ้นกันอย่างไม่เกรงใจใครหน้าไหน ไม่สนด้วยซ้ำว่านี้เป็นพื้นที่สาธารณะ ผ่านไปหลายวินาทีกว่าฉันจะได้สติ ทิ้งตัวนั่งลงข้างพวกเขาแล้วทำเป็นไม่สนใจเสียงจ๊วบจ๊าบที่ดังมาสะกิดโสตประสาท สายตาจับจ้องไปที่หนังแต่ในใจฉันกลับไม่คิดตาม มือสองข้างจิกลงบนที่วางแขนแน่นเพื่อข่มอารมณ์โกรธไว้
ผ่านไปเนิ่นนานกว่าหนังจะจบ...รวมทั้งสิ้นสุดการกระทำอันหยาบคายของคนข้างๆ
“หนังสนุกจังเลยนะคะ” คนข้างๆ หันมาบอกฉันเสียงใส
...
กลับมาที่ปัจจุบัน
“พี่คริสตัลหนังตอนจบเป็นยังไงบ้างเหรอคะ หนูไม่ได้ดูเลย มัวแต่...ปิดตา”
คนที่นั่งเบาะหน้าพูดด้วยน้ำเสียงใสซื่อจนไคที่นั่งอยู่ข้างๆ ต้องเอื้อมมือไปยีหัวราวกับหมั่นไส้ยังไงยังงั้น
ปิดตาเหรอ...เหอะ
“ถามไคดูสิจ๊ะ” ฉันโยนไปให้ไคที่ปิดตาเหมือนกัน
“เอ่อ...คือ...”
“พี่ไคก็กลัวเหมือนกันใช่มั้ยคะ พี่คริสตัลรู้มั้ย ? พี่ไคก็กลัวผีด้วย ตอนผีโผล่มาพี่ไคใจเต้นแรงมากเลย”
อุ้ยตาย...แนบชิดถึงขนาดรู้ถึงจังหวะการเต้นหัวใจของอีกฝ่าย
“พี่ว่าผีไม่น่ากลัวเท่าคนหรอกค่ะ” ด้วยความลืมตัวฉันเลยเผลอใช้เสียงจิกกัดกลับไป “...โดยเฉพาะคนบางคน”
“...”
“พี่หมายถึงพวกโจรน่ะค่ะ”
“อ้อ อย่างนี้นี่เอง แหะๆ” จูเนียล
หลังจากนั้นฉันก็จมอยู่กับความคิดตัวเองที่เบาะหลัง ไม่ได้ร่วมวงสนทนากับสองคนข้างหน้า เป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่อยู่บนรถ จูเนียลจะนั่งกับไคข้างหน้า ส่วนฉันถูกไล่มาด้านหลัง
ตอนแรกก็เต็มใจอยู่หรอก...แต่นานวันเข้ามันเริ่มรู้สึก...หมั่นไส้
ฉันตบหัวให้กลับความคิดตัวเองก่อนจะเอ่ยปากขอลงรถ
“ไคจอดตรงนี้หน่อย”
“หือ...ทำไมล่ะ ?”
“ฉันจะนั่งแท็กซี่กลับ”
“...”
“นายไปส่งจูเนียลที่บ้านเถอะ ฉันกะจะไปบ้านเพื่อนก่อน”
“งั้นเดี๋ยวฉันขับไปส่ง บ้านใคร ?”
“ไม่ต้องฉันจะไปเอง”
“คริสตัล” น้ำเสียงไม่พอใจถูกเอ่ยออกมา ถ้าเป็นเวลาปกติเขาคงว่าฉันแล้ว แต่ตอนนี้มีจูเนียลอยู่ด้วย เขาคงไม่อยากเสียภาพพจน์แฟนหนุ่มผู้แสนดีล่ะมั้ง
“ให้พี่คริสตัลลงเถอะนะคะ ดูเหมือนพี่คริสตัลจะอยากลงจริงๆ”
ต้องขอบคุณจูเนียลที่ทำให้ไคจอดรถให้ฉันลง มือบางปิดประตูอย่างแรงโดยไม่ได้บอกลาใคร ฉันรู้ว่าไคไม่พอใจที่ฉันทำตัวดื้อกับเขาอย่างนี้ แต่เขาก็ควรจะรู้บ้างว่าฉันไม่พอใจเหมือนกัน
และขอบอกเลยว่า...ฉันจะเลิกกับเขาให้เร็วที่สุดเพื่อที่ทั้งสองจะได้เสวยสุขโดยไม่ต้องเกรงใจฉัน!
--------------------------------------
Kai’s part
“โอ้วโห~ วันนี้ไม่ติดเมียแล้วเหรอวะ” เซฮุนเอ่ยแซวผมทันที่ผมเดินเข้ามาร่วมโต๊ะ
“เมียเมออะไร ไม่มีเว้ย!”
“แล้วคนที่กกอยู่ที่บ้านทุกคืน จนหมาป่าหนุ่มไม่ยอมออกจากบ้านมาเที่ยวเลยจะเรียกว่าอะไรวะ”
“...”
ไอ้พวกนี้ พอรู้ว่าผมกักคริสตัลไว้ในบ้านก็ล้อกันใหญ่! ไม่น่าหลวมตัวเล่าให้ฟังเลย -_-
“แล้วแอลไปไหน ไม่เห็นมาหลายวันแล้ว ไปติดหญิงที่ไหนวะ”
คนอย่างแอลถ้าไม่ได้เล่นเกมส์อยู่กับหมากก็คงจะอยู่กับผู้หญิงที่ไหนซักคน เอาะ...เกมส์ที่ผมว่าไม่ใช่ตามตู้หรือคอมพิวเตอร์อะไรหรอกนะ ผมหมายถึงเกมส์ชีวิตน่ะ
“ไอ้นี่ก็ติดสาว แต่ยังไม่รู้ว่าใคร พอถามมันก็ไม่ยอมบอก”
ผมพยักหน้ารับคำลู่ฮานแล้วหยิบวิสกี้ขึ้นมากระดกรวดเดียว ทั้งโต๊ะมีผม เซฮุนและลู่ฮาน ส่วนเทาเห็นบอกว่าอยู่ฮ่องกงนะ
“แล้วแกกับคริสตัลเป็นยังไงบ้าง” ลู่ฮานถาม
“ก็ดี”
“ก็ดีนี่คือยังไงวะ...จริงจังหรือเล่นๆ” เซฮุน
“...”
วิสกี้อีกช็อตถูกกลืนลงคอไปอย่างรวดเร็วเมื่อเจอคำถามเจาะจงจากปากเพื่อน
“จริงจังมั้ง...”
พร่วดดดดด~
“เชี้ย!” ผมสบถด่าเพื่อนทั้งสองที่พ่นแอลกอฮอล์ออกจากปากโดยไม่เกรงใจคนกลางอย่างผม
สกปรกมาก -_-
“กูได้ยินอะไรผิดปะวะ ไอ้ลู่”
“กูคิดเหมือนมึงเลย เซฮุน”
“พวกมึงนี่ สกปรกจริงๆ จะตกใจเว่อร์อะไรขนาดนั้น” แม้จะพูดไปอย่างนั้นแต่ผมเองก็รู้สึกแปลกใจในตัวเองเหมือนกันที่ตอบเพื่อนไปแบบนั้น
คำว่าจริงจังไม่เคยมีอยู่ในหัวผมเลย...จนกระทั่งมาเจอเธอ
“เห้ย อย่างนี้มันต้องฉลอง มึงจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตน” เซฮุนพูดพลางยกขวดเบียร์ขึ้นสูง ผมหัวเราะกับท่าทีโอเว่อร์ของเพื่อนก่อนจะหยิบแก้วไปรองรับแอลกอฮอล์จากมือเซฮุน รวมทั้งลู่ฮานก็เช่นเดียวกัน
“แต่อย่างเพิ่งคิดไกล...ฉันยังไม่ได้รักคริสตัลหรอกนะ แค่ชอบที่จะอยู่ใกล้เธอน่ะ อีกอย่างวันนี้ฉันเพิ่งนอกใจจูบเด็กคนหนึ่งด้วย”
“O_O” ลู่ฮานกับเซฮุนเบิกตาโต มือที่กำลังจับแก้วนิ่งค้าง
“ยัยเด็กนั่นก็น่ารัก ถูกใจเหมือนกัน”
“มึงนี่ไม่ทิ้งลายจริงๆ ถ้ามึงไม่เอาคริสตัลแล้วก็บอก กูขอ...โอ้ย!”
ผมตั้งใจเหยียบเท้าเซฮุนแรงๆ ที่บังอาจพูดอะไรไม่เข้าหู
เหอะ มาขอผู้หญิงของผมงั้นเหรอ...ฝัน!
“หวงจริงนะคนนี้ ระวังเหอะ สาวเจ้าเสน่ห์อย่างคริสตัลมีหนุ่มมาต่อแถวมอบจดหมายรักให้ทุกวัน ถ้าแกชะล่าใจจนเขาไปหาคนอื่น กูจะสมน้ำหน้าให้” เซฮุนบ่นไปนวดปลายเท้าตัวเองไป
“เออ เดี๋ยวก็เป็นเหมือนไอ้เทาอีกคนหรอก”
ผมขมวดคิ้วกับคำพูดของลู่ฮาน
“เทา ? ทำไมวะ ซอลลี่ยังไม่ยอมคืนดีอีกเหรอ”
“เออ..คราวนี้โกรธแรงกว่าเดิมอีก เมื่อเช้ามันเข้าใจผิดว่าซอลลี่นอนกับชานยอลเลยด่าฝ่ายหญิงไปยกใหญ่ อันนี้กูแอบถามชานยอลมานะ” ลู่ฮาน
ผมพยักหน้าเบาๆ พลางคิดตาม ปาร์คชานยอลเป็นญาติของเทา แต่เพราะอายุห่างกันแค่ปีเดียวเลยไม่ต้องเรียกพี่ อีกทั้งพวกผมก็ยังสนิทกับชานยอลด้วย ตอนเด็กๆ ไปเล่นที่บ้านเทาบ่อยน่ะ เลยทำให้รู้จักกัน นี่ก็ไม่ได้เจอกันนานแล้วนะ เห็นบอกว่าต้องช่วยคุมงานที่โกดังตระกูลหวัง เอาะ...พ่อแม่ของชานยอลเสียตั้งแต่เด็ก แม่เทาที่เป็นพี่สาวเลยรับไปเลี้ยงที่ฮ่องกงด้วย ทำให้ชานยอลเหมือนเป็นคนตระกูลหวังด้วย
“แล้วไงต่อ ?”
“ฝ่ายหญิงก็งอนดิมึง หลบหน้าไปอยู่บ้านเพื่อนมาหลายวันแล้ว เพื่อนเราไปตามง้อถึงหน้าบ้าน หน้ามหาลัย รายหน้าก็หนีได้ตลอด” ลู่ฮานอธิบายต่อ
“ไอ้เทาอยู่ไหน ?”
“กลับไปก่อนมึงมาแป๊บเดียวเอง หิ้วสาวกับไปด้วยนะมึง กูตกใจมาก”
“!!!”
ผมเองก็ตกใจกับคำบอกเล่าของลู่ฮานเหมือนกัน คนอย่างเทาแทบจะไม่หิ้วสาวตามผับเลยด้วยซ้ำ การที่มันหิ้วสาวกลับไปอย่างนี้แสดงว่าเฮิร์ทไม่น้อยเหมือนกัน
“แต่มึงก็เตรียมตัวอาทิตย์หน้าต้องไปฮ่องกง ต่อให้งอนกันยังไงสองคนนี้ก็ยังหมั้นกันอยู่ดี” เซฮุน
หลังจากที่ฟังเพื่อนอัพเดตข่าวในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ผมก็จิบเหล้าไปเรื่อยๆ หลังจากไม่ได้แตะมาหลายวัน แต่ไม่ว่าจะดื่มเท่าไหร่มันก็เหมือนจะไม่อิ่มใจเหมือนแต่ก่อนจนผมต้องขอตัวกลับก่อนเพราะคิดถึงร่างนุ่มนิ่มบนเตียง
ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเสพติดผู้หญิงคนนั้นจนไม่สามารถขาดเธอได้สักคืนเลย
เมื่อขับรถกลับมาถึงบ้านก็รีบขั้นไปชั้นสองทันทีที่เห็นรองเท้าส้นสูงวางหน้าประตู กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่ให้ไปรับ...
แอ๊ด~
ความมืดมิดทำให้ผมลอบยิ้มออกมานิดหน่อยเมื่อคิดว่าเธอคงกำลังหลับสบายอยู่บนเตียง ผมไม่อยากรบกวนการนอนของเธอด้วยการเปิดไฟจึงเดินไปช้าๆ จนถึงเตียง แสงจันทร์ที่ลอดผ่านม่านทำให้ผมมองเห็นเตียงขนาดใหญ่และร่างเล็กที่นอนอยู่ได้ไม่ยาก
เมื่อขึ้นไปบนเตียงเรียบร้อยก็ทิ้งตัวลงนอนข้างคริสตัลแบบเดียวกับที่ทำมาตลอดห้าคืนที่ผ่านมา
ฟอด~
ได้โอกาสก็ฉวยหอมแก้มนุ่มทั้งที่เธอยังหลับ ก่อนจะรั้งร่างบางเข้ามากอดอย่างแนบชิดโดยที่ลืมไปว่าตัวเองยังไม่ได้อาบน้ำหรือแม้กระทั้งแปรงฟัน
ผมไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมผมถึงชอบสัมผัสเธอมากขนาดนี้ รู้แต่ว่าหากวันไหนไม่มีคริสตัลนอนอยู่บนเตียง ผมคงนอนไม่หลับ กลิ่นกุหลาบอ่อนๆ ที่มาจากผมยาวสลวยทำให้ผมต้องก้มหน้าเพื่อสูดเอาความหอมเข้าปอดไปยกใหญ่ แต่เหมือนมันจะยังไม่พอถึงต้องเลื่อนใบหน้าลงมาซุกซอกคอขาวราวกับคนกระหายน้ำ
ร่างบางในอ้อมกอดขยับนิดหน่อยเมื่อเจอผมระรานร่างกายหอมหวาน
“อื้อ...ไค~”
“ครับ” ผมตอบเสียงหลงโดยที่ยังไม่ยอมผละออกจากซอกคอขาวอุ่น จนมือเล็กๆ ต้องประคองใบหน้าผมออกมาเพื่อให้สบตาคมดุ
“ไปกินเหล้ามาใช่มั้ย...เหม็นมาก”
“ผมทำให้คุณตื่นเหรอ” ถามทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้ว
“ไม่น่าถามนะ” คริสตัลจิกทั้งตาและน้ำเสียงใส่ แต่ผมทำเป็นไม่สนใจแล้วเลื่อนตัวเข้าไปใกล้จนจมูกตัวเองซุกอยู่ที่ซอกคอระหงอีกครั้ง
คงเพราะแอลกอฮอล์กับความปารถนาที่มีต่อคริสตัลจึงทำให้ผมซุกใบหน้าต่ำลงมาจนถึงเนินอกอิ่มที่เคยฝากรอยแดงไว้เป็นหลักฐาน
“ไม่เอานะไค” ร่างเล็กเริ่มดิ้นหยุกหยิกจนผมเริ่มรำคาญ “...ถ้าทำแบบนี้จะขนของกลับห้องเลยนะ”
เสียงแข็งของคริสตัลไม่ได้ทำให้ผมกลัวเลยสักนิด มันกลับทำให้ผมรอบหัวเราะในลำคอกับความน่ารักของเธอ ก่อนจะยอมผละริมฝีปากออกจากเนินอกมาที่ริมฝีปากแทน
“อื้อ~”
เสียงหวานครางอย่างน่ารักเมื่อผมสอดปลายลิ้นเข้าไปดึงดูดเรียวลิ้นหวานอย่างหยอกล้อ ก่อนจะไล้ปลายลิ้นไปตามไรฟันขาวสะอาดอย่างคิดถึงแทบขาดใจทั้งที่เพิ่งห่างจากเธอมาไม่กี่ชั่วโมงแท้ๆ ความหอมหวานตามโพรงปากเหมือนจะไม่มีวันหมด ไม่ว่าจะดูดกินมากเท่าไหร่ผมก็ไม่รู้จักคำว่า...พอ
จูบอ่อนหวานเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนเมื่อคนตัวเล็กจูบกลับมาและเธอทำให้ผมต้องครางเสียงดังเมื่อถูกปากเล็กแกล้งยื้อปลายลิ้นเล่น
เดี๋ยวนี้เธอชักจูบเก่งขึ้นทุกวันแล้วสิ! …คงเพราะมีครูดีแบบผมล่ะมั้ง หึๆ
“หือ...เดี๋ยวก็จับปล้ำซะเลย” ผมผละออกมาจูบผิวเผินที่ริมฝีปากบางแทนเพราะกลัวจะอดใจทำอย่างที่พูดไม่ไหว
“หมั่นไส้” ปากเล็กกระซิบเบาๆ
“เรื่อง ?” ผละออกจากริมฝีปากบางอย่างเสียดายก่อนจะเลื่อนใบหน้าขึ้นไปให้อยู่ระดับเดียวกับคริสตัล
“ไม่บอก...ง่วง จะนอน” ว่าแล้วเธอก็หลับตาลงทิ้งให้ผมครุ่นคิดด้วยความงุนงงว่าวันนี้ไปทำอะไรผิดให้คริสตัลเห็นหรือเปล่า ?
ช่างเถอะ ไว้ตื่นมาค่อยเค้นคำตอบด้วยวิธีการของผมก็ได้...รับรองคริสตัลยอมตอบแน่ หึๆ
-------------------------------------
ผ่านไปหลายนาทีหรือบางทีอาจจะเป็นชั่วโมง ลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอของคนที่นอนกอดคริสตัลอยู่ทำให้รู้ว่าเจ้าตัวได้เข้าสู่ห้วงนิทราเป็นที่เรียบร้อย คริสตัลขยับแขนออกจากอ้อมเขาก่อนจะใช้มือขยี้ริมฝีปากตัวเองอย่างแค้นใจที่เผลอหลงใหลไปกับสัมผัสหอมหวานของไค
“...”
คริสตัลจับมือไคที่อยู่ตรงเอวออกโดยระวังไม่ให้เขาตื่น ก่อนจะลงจากเตียงไปเข้าห้องน้ำแล้วบ้วนปากคล้ายคนรังเกียจสัมผัสของเขา
แปะๆ
เธอตบหน้าตัวเองเบาๆ เพื่อเรียกสติ เมื่อกี้ที่เขาสัมผัสตัวและจูบเธอ มันทำให้แทบลืมไปเลยว่าเมื่อตอนกลางวันเกิดอะไรขึ้น คริสตัลรู้ตัวดีว่าตัวเองก็ชอบจูบอันหอมหวานของชายหนุ่มถึงได้ปล่อยให้เขาขโมยริมฝีปากไปหลายต่อหลายครั้ง แต่วันนี้...ที่เธอเห็นเขาจูบผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าต่อตามันทำให้เธอเกิดความรู้สึกรังเกียจตัวผู้ชายคนนั้นขึ้นมาซะเฉยๆ
คริสตัล...เธอไม่ได้รักเขา ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรให้เขา ไม่จำเป็นที่เธอต้อง...หึง เขา ไม่เลยเธอไม่ได้หึงเขา...ไม่มีทาง
ไม่เข้าใจเลยทำไมเป็นแบบนี้...
ไม่เข้าใจ...ทั้งที่เธอท่องเข้าออกทุกลมหายใจว่าที่ยอมให้เขาเข้าใกล้ขนาดนี้ก็เพื่อหาโอกาสลบรูป แต่พอมาวันนี้ที่เห็นเขาจูบผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าต่อตา...มันทำให้เธออารมณ์เสียสุดๆ
ความรู้สึกไม่พอใจ...ไม่ชอบใจกำลังเกิดขึ้นกลางใจเธอโดยที่คริสตัลเองก็ไม่รู้จะจัดการกับมันยังไง
------------------------------------
Sull’s part
ติ้ง
สัญญาณลิฟต์บ่งบอกว่ามาถึงชั้นที่ต้องการ ฉันก้าวเท้าออกจากตู้สี่เหลี่ยมก่อนจะเดินไปตามทางอย่างเคยชิน แต่แล้วก็ต้องแปลกใจที่เห็นคังแกรี่ยืนอยู่หน้าห้องเจ้านายของเขา
ตีหนึ่งแล้วทำไมแกรี่ต้องมาเฝ้า...ปกติแล้วไม่มีนี่หน่า ?
ฉันได้แต่สงสัยและเดินต่อไปจนแกรี่หันมาเห็น เขาทำหน้าตกใจราวกับคนเจอผีก่อนจะก้มหัวให้ฉันเหมือนทุกครั้งที่เจอ
“สะ สะ สวัสดีครับ คุณซอลลี่”
“สวัสดีค่ะ” ฉันพยักหน้ารับแล้วโค้งกลับอย่างสุภาพเพราะยังไม่ชิน แกรี่อายุมากกว่าฉันตั้งเยอะแต่เขาดันเป็นฝ่ายทักฉันก่อนซะอีก “...เทาอยู่ในห้องเหรอคะ”
“เอ่อ...ครับ”
ฉันพยักหน้ารับแล้วหยิบคีย์การ์ดขึ้นมาจะแตะลงบนเครื่องเครื่องสแกนบาร์โค้ดแต่มือหยาบของแกรี่ก็จับข้อมือฉันไว้ก่อน
“เอ่อ...คุณซอลลี่หายโกรธคุณจื่อเถาแล้วเหรอครับ” เขาถอนมือกลับไป
“...ยังค่ะ” ฉันตอบโดยที่มองไปยังเลขาเทาด้วยความสงสัย
“คุณซอลลี่จะกลับมาอยู่ที่นี่เหรอครับ ?”
“เปล่าค่ะ จะมาเอาของใช้”
“งั้นคุณซอลลี่บอกผมมาก็ได้ครับว่าต้องการอะไร เดี๋ยวผมไปเอาให้”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มันเป็นของส่วนตัว”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือ”
“ฉันหมายถึงชุดชั้นในนะคะ”
“เอ่อ...”
แกรี่ยกมือขึ้นปาดหน้าผากคล้ายคนเหงื่อตก ฉันมองเขาอย่างจับผิดแต่ก็ไม่ทราบเหตุผลว่าทำไมแกรี่ถึงต้องมาขัดขวางการเข้าห้องของฉันด้วย เลิกสนใจคนตรงหน้าแล้วแตะคีย์การ์ดก่อนจะผลักประตูเข้าไป
เมื่อเข้ามาก็ไม่เห็นว่ามีอะไรผิดปกติ ห้องนั่งเล่นก็ยังเปิดไฟไว้อยู่ ทำไมต้องทำตัวมีพิรุธ
หรือว่า...เขายังไม่นอน ฉันอุตส่าห์มาตอนตีหนึ่งเพราะหวังว่าเขาจะหลับไปแล้ว ฉันจะได้ไม่ต้องเจอหน้าเทา แต่แล้วตอนที่ฉันกำลังถอดรองเท้าอยู่ ก็เห็นว่ามีรองเท้าส้นสูงสีแดงถูกถอดไว้คู่กับรองเท้าหนังสีน้ำตาลที่ฉันจำได้ว่ามันเป็นของเทา และแน่นอนว่ารองเท้าสีแดงไม่ใช่ของฉัน
มีผู้หญิงคนอื่นอยู่ในห้องนี้หรือเปล่า ?
ฉันส่ายหน้ากับความคิดบ้าๆ เพราะไม่คิดว่าเทาจะกล้าพาผู้หญิงคนอื่นมานอนทับที่ฉัน แต่แล้วมือที่กำลังจับลูกบิดห้องนอนเป็นอันต้องสะดุดเมื่อได้ยินเสียงครางของผู้หญิงและผู้ชายดังลอดออกมา
“อ่า...อะ...อร้าย~”
เสียงแหลมชวนคิดลึกทำให้ลมหายใจถึงกับสะดุด มือที่จับลูกบิดอยู่ดีๆ ก็สั่นขึ้นมาซะงั้น
“คุณจื่อ...อ่า...แรงอีกค่ะ แรงอีก”
“เงียบ!” เสียงดุเพียงหนึ่งคำทำให้ฉันถึงกับหัวใจเกือบหยุดเต้นเมื่อรู้ว่าใครคือเจ้าของเสียงนั่น
“อ๊า~ ไม่ไหวแล้วค่ะ อ่ะๆๆ”
“อ่า~”
เสียงครางแห่งความสุขสมเหมือนได้ปลดปล่อยความอัดอั้นคำรามดังลั่นห้องจนฉันที่ยืนอยู่อีกฝั่งของประตูยังได้ยินเต็มสองหู
แม้ว่าจะได้ยินชัดเจนจนสามารถระบุได้ว่าใครคือเจ้าของเสียง...แต่ลึกๆ แล้ว ฉันก็ยังหวังว่าเขาจะไม่ทำแบบนี้ มือข้างที่จับลูกบิดอยู่ขยับเล็กน้อยอย่างเบามือ และภาพที่เธอเห็นผ่านช่องเล็กๆ ระหว่างประตูไม่กี่เซนติเมตรนั่นก็พอแล้วที่พิสูจน์ว่าความคิดของเธอเป็นจริง
เชือกผูกข้อเท้าสีดำสองสามเส้นที่เทาเคยบอกว่าพ่อให้มาปรากฏอยู่ในสายตา ขาเปลือยเปล่าของทั้งสองคนทำให้ฉันน้ำตารื้อขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ มือที่จับอยู่ตรงลูกบิดหลุดออก เท้าสองข้างก้าวถอยหลังจนชิดประตูทางออก ไม่รอช้าฉันรีบผลักประตูออก แกรี่ที่ยืนหน้าเสียอยู่ข้างนอกสบตาเข้ากับฉัน แววตาหวาดหวั่นของฉันคงทำให้เขารู้ว่าฉันพบความจริงแล้ว
“คะ คุณซอลลี่เป็นอะไรมั้ยครับ ?” เขาถามเมื่อเห็นฉันเซชนกำแพง “..รองเท้าคุณ ?”
ฉันก้มลงมาตามสายตาแกรี่ก็เห็นว่าตัวเองลืมใส่รองเท้า
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ...ไม่ต้องบอกเขานะคะว่าฉันมา”
พูดแค่นั้นฉันก็ก้าวเท้าเปล่าแต่กลับรู้สึกหนักราวกับผูกอิฐสิบก้อนที่เท้า เช่นเดียวกับหัวใจที่รู้สึกเจ็บแปรบกับภาพเขาร่วมรักกับผู้หญิงคนอื่น...บนเตียงที่ฉันเคยนอน
นายมันเป็นคนยังไงกันแน่หวังจื่อเถา...
-----------------------------------
เฮ้อ พรุ่งนี้เปิดเทอมแล้ว ไรเตอร์คงไม่ได้มาอัพบ่อยๆ แล้วนะคะ
อาจจะอาทิตย์หนึ่งตอนสองตอนว่ากันไป *เศร้า*
ถ้าใครตามทวิตก็จะเห็นเราบ่นเกี่ยวกับการเรียนช่วงเปิดเทอมแน่นอน 5555555
เคยบอกว่าจะไม่อัพเป็นเปอร์เซ็นต์แต่ต่อไปอาจจะมาเป็นเปอร์เซ็นต์แล้ว ขอโทษนะคะ~
เพราะไม่อย่างนั้นอาทิตย์หนึ่งคงได้อ่านแค่ตอนเดียว TT
ขอบคุณทุกเม้นต์และนักอ่านทุกท่านนะคะ
ความคิดเห็น