ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Got7] SDD : Sleep , Deep , Death [MarkBam]

    ลำดับตอนที่ #27 : Chapter 26

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.31K
      16
      2 พ.ค. 58

     
     

    “กลับมาแล้วครับ”



    เด็กหนุ่มร่างสูงตะโกนบอกให้คนในบ้านรับรู้พลางถอดรองเท้าผ้าใบคู่เก่งก่อนจะเก็บมันใส่ตู้อย่างดี เขาปลดกระเป๋าสะพายข้างออกเตรียมจะเหวี่ยงมันไปที่โซฟา แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นใบหน้าของมารดาจ้องกลับมาตาเขียว

     


    “ไปไหนมา คิมยูคยอม” ผู้เป็นแม่ถามเสียงเข้ม


    “เอ่อ..ทำงานบ้านเพื่อนน่ะครับ” ยูคยอมเงยหน้ามองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบสามทุ่ม


    “แล้วทำไมไม่โทรบอกฮะ ไอ้ลูกคนนี้” เธอเดินมาหยิกแขนลูกชาย


    “อย่าทำให้แม่เป็นห่วงนักได้มั้ย ลูกก็รู้ว่าช่วงนี้ลูกไม่ปกตินะ” เธอพูดต่อพลางเหลือบมองหลังลูกชาย


    “ถ้าแม่หมายถึงเรื่องผีนั่นล่ะก็ ไม่ต้องห่วง ผมมีน้ำมนต์จาก.....จากโจอี้อยู่” ยูคยอมพูดก่อยเอ่ยเสียงแผ่วเมื่อพูดชื่ออีกคน


    “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แต่เมื่อไรตาหนูโจอี้จะหาวิธีกำจัดผีที่เกาะหลังลูกได้นะ”


    “เอ่อ แม่ครับ...คือ.....” ยูคยอมทำท่าจะเอ่ยแต่ก็ต้องคิดแล้วคิดอีกเมื่อเห็นสีหน้ากังวลของมารดา


    “อะไรอีกล่ะเรา” เธอยังคงยืนเท้าสะเอวถามลูกชาย


    “คือช่วงนี้เจ้าเปี๊ยกนั่น ไม่ค่อยสบายน่ะครับ” ยูคยอมบอก


    “อ้าว ตายจริง แล้วเป็นอะไรมากรึเปล่าล่ะลูก” เธอถามอย่างเป็นห่วง

    “เอ่อ...แค่ไข้หวัดใหญ่น่ะครับ แม่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวก็ลุกขึ้นมาจัดการเรื่องผีนี่ได้เองแหละ” ยูคยอมก็หวังว่าอ่ะนะ


    “แม่ไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น แม่ได้ข่าวว่าน้องอยู่กับพี่ชายแค่สองคนเองนี่ เด็กผู้ชายสองคนจะพิถีพิถันเรื่องอาหารการกินขนาดไหน ไหนจะยาไหนจะอะไรอีก แม่ห่วงน้องเขา” เธอบอกตามที่เธอรู้สึก


    “นั่นยิ่งไม่ต้องห่วงเลยครับ พี่ชายโจอี้เขาเป็นสุดยอดพี่ชายพอๆกับพี่เจบีนั่นแหละ” ยูคยอมบอกพลางนึกถึงมาร์คที่เฝ้าเด็กนั่นทั้งวันทั้งคืน

     


    .

    .

     

     

    “อ้าว กลับมาแล้วเหรอ แม่แกเป็นห่วงจะแย่” เสียงทุ้มๆของผู้เป็นพ่อดังขึ้นพร้อมกับร่างชายวัยกลางคนเดินมาหาลูกชาย ในมือถือแก้วกาแฟกลิ่นหอม


    “ครับ แล้วนั่นพ่อกินกาแฟเหรอ สามทุ่มแล้วนะ” ยูคยอมถามอีกคน


    “เออ ปั่นงานนิดหน่อย พรุ่งนี้ประชุมประจำไตรมาศน่ะ” คุณคิมบอกลูกชาย


    “แล้ว...อาล่ะครับ” ยูคยอมถามถึงสมาชิกอีกคน


    “ข้างบนนั่นแหละ นั่นก็ปั่นเหมือนกัน” คุณคิมพูดถึงน้องชายพลางหัวเราะ เหมือนกันทั้งบ้าน ไม่ไฟลนก้นอย่าหวังจะแตะงาน


    “อาแดเนียลเป็นห่วงอยู่นะ ขึ้นไปทักทายอาเขาหน่อยไปลูก ไปบอกอาว่ากลับมาแล้ว” คนเป็นแม่บอกยิ้มๆ เพราะก่อนหน้านี้น้องชายสามีเพิ่งจะเดินลงมาบ่นหลานชายเป็นรอบที่ร้อย ว่า ไปไหน ทำไมไม่โทรบอก


    “ครับ” ยูคยอมพยักหน้า


    “เฮ้ย เอานี่ กาแฟกระป๋องเอาไปให้มันด้วย” คุณคิมโยนกระป๋องกาแฟที่อยู่ในมืออีกข้าง ขานั้นชงเองไม่อร่อย แถมหลังๆใครชงก็ไม่ถูกใจ ซื้อกินมันซะจบๆ


    “ครับคร้าบ” ยูคยอมลากเสียงยาว

     


    เด็กหนุ่มลากสังขารอันเหนื่อยล้าของตัวเองขึ้นไปชั้นสอง ก่อนจะเดินผ่านห้องนอนแรกที่เป็นห้องตัวเอง ไปยังห้องที่อยู่ข้างๆกัน ยูคยอมเคาะพอเป็นพิธี ก่อนจะบิดประตูเข้าไปเมื่อเห็นว่ามันไม่ได้ล็อค

    ภายในห้องค่อนข้างกว้างขวาง ตกแต่งด้วยโทนสีสว่าง ถ้าไม่นับโต๊ะทำงานที่มีเอกสารรกๆอยู่มุมห้อง ห้องนี้ก็เหมือนห้องวัยรุ่นด้วยซ้ำ โปสเตอร์วงดนตรีชื่อดังสมัยเก่าถูกแปะข้างฝา รวมทั้งไอเท็มเล็กๆอย่างโมเดลจำลองนักกีฬาบาสเก็ตบอลชื่อดังเรียงรายเต็มชั้นวาง กีต้าร์โปร่งตัวนึงถูกทอดทิ้งไว้แถวมุมอับติดตู้เสื้อผ้า ตอนเด็กๆเขาชอบเข้ามาเล่นในนี้มากแต่ไม่รู้ทำไมถึงได้เลิกเข้ามา หลานชายค่อยๆเดินมานั่งที่เตียงนุ่มกลางห้องพลางสำรวจข้าวของของคุณอาทีละนิด นอกจากโปสเตอร์ ตรงหัวนอนกลับเต็มไปด้วยรูปถ่ายหลายใบแปะกันมั่วๆ ทั้งรูปสมัยเรียนของอา รูปครอบครัว รูปหลาน และรวมไปถึง....รูปอดีตคนรัก

     

    “เข้ามาไม่ขออนุญาตเลยนะเว้ย” คนเป็นอาหมุนเก้าอี้กลับมาทักทายหลานชายด้วยรอยยิ้ม


    “ตอนเด็กๆไม่เห็นต้องขอนิ่ครับ” ยูคยอมย้อนก่อนยื่นกาแฟกระป๋องให้อา


    “กลับช้าแล้วยังจะปากดีอีก” แดเนียลบอกพลางรับกาแฟมาไว้ในมือ


    ยูคยอมไม่ได้ต่อปากต่อคำแต่กำลังไล่สายตาสำรวจรูปที่หัวเตียงอย่างพินิจพิเคราะห์ มีตั้งแต่รูปสมัยเป็นวัยรุ่น รูปสมัยที่เค้ากับแบมๆยังนอนฟูกเดียวกัน รูปครอบครัวรวม รูปในที่ทำงาน รูปหลานชายสามคนวิ่งไล่กัน และยังมีรูปอดีตคนรักอย่างจีซูทั้งรูปเดี่ยวและรูปที่ถ่ายด้วยกันอีกสามสี่ใบ

     

    “สำรวจอะไร ทำอย่างกับเพิ่งเข้ามาครั้งแรก” แดเนียลถามหลานชายยิ้มๆ


    “เปล่าครับ แค่คิดว่า มุมนี้เพิ่งเคยเห็น” ยูคยอมชี้ไปที่หัวเตียง


    “อ่อ....อาแค่...ไม่อยากลืมเรื่องที่ดีๆน่ะ” แดเนียลบอกพลางหลุบตาลง


    “เอ่อ...ผมชอบนะ เดี๋ยวไว้ไปทำบ้าง” ยูคยอมบอก

     
    .

    .

    .

    “เออนี่ ยูคยอม” แดเนียลเรียกคนที่เด็กกว่า


    “ครับ”


    “อาว่าช่วงนี้ อย่ากลับบ้านค่ำนักจะดีกว่านะ” คำพูดของแดเนียลทำให้ยูคยอมชะงักไปนิดนึง


    “ทะ...ทำไมครับ”


    “ไม่รู้สิ อาแค่กังวลน่ะ ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบเจ้าแจบอมอีก”  แดเนียลบอกพลางเหลือบไปมองข้างหลังหลานชายที่ดูเหมือนวันนี้จะว่างเปล่า


    “อา....มองหาอะไรรึเปล่าครับ” ยูคยอมถาม เรื่องที่เจบีพูดก่อนหน้านั้นเริ่มจะกลับเข้ามาในหัว


    “ปะ..เปล่า ไม่มีอะไร” แดเนียลบอกพลางหมุนเก้าอี้กลับไปทำงานต่อ


    “เอ่อ....” ยูคยอมทำท่าลังเลอยู่ครู่หนึ่งจนคนไปอาต้องหันมามองแล้วเลิกคิ้วเชิงถามว่ามีอะไร


    “เอ่อ...ผมแค่คิดว่า....อามองอย่างกับ....อย่างกับว่ามีอะไรเกาะหลังผมอยู่อย่างนั้นแหละ ฮะๆ” ยูคยอมหัวเราะกลบเกลื่อน แต่คนเป็นอากลับมีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะปรับเป็นสีหน้ายิ้มขำๆ


    “ฮะๆ เข้าใจเล่นนิ่ไอ้ตัวแสบ มุกนี้ผ่าน” แดเนียลยกนิ้วให้หลานชาย


    “แล้วถ้าผมไม่ได้เล่นมุกล่ะครับ” ยูคยอมตัดสินใจพูดตรงๆ


    “พะ...พูดอะไรน่ะฮะ” แดเนียลตะกุกตะกักพยายามหันมาจดจ่อกับงาน


    “ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างตามผมมาตลอดเวลา” ยูคยอมทำเสียงให้จริงจัง


    “คิดไปเองน่า”


    “เปล่า ผมไม่ได้คิดครับ แต่ผมเห็น” ยูคยอมตัดสินใจโกหกคำโต


    “เห็นอะไร” แดเนียลหันกลับมาจ้องหน้าหลานชายด้วยสีหน้าจริงจัง


    “ผะ...ผมเห็น...เอ่อ...ผู้หญิง...ผมยาว....ตาสีแดง....เอ่อ เธอ..มักจะยืนมองผมอยู่ที่ปลายเตียงเวลาผมนอน...ใช่ ปลายเตียง แล้วก็เธอตามผม ไปทุกที่...น่าจะนะ” ยูคยอมพยายามนึกถึงรูปร่างวิญญาณตามที่นักปราบผีตัวเล็กอย่างโจอี้เคยเล่าบวกกับแต่งเรื่องผสมปนเปไปมั่วๆ


    .

    .

    .

    “อาก็เห็นเธอ.....ใช่มั้ยครับ” ยูคยอมจ้องหน้าผู้เป็นอา

     



    ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ทั้งอาทั้งหลานไม่มีใครพูดอะไร มีเพียงเสียงจากเครื่องปรับอากาศที่ดังอยู่ในห้อง ทั้งคู่จ้องหน้ากัน ก่อนที่แดเนียลจะหมุนเก้าอี้กลับไปที่งานของตัวเอง

     


    “แกไปพักผ่อนเถอะ อาจะงานไม่เสร็จเพราะแกนี่แหละ” แดเนียลบอกโดยไม่หันกลับไปมองหลานชาย


    “แต่ว่า...”


    “พรุ่งนี้อามีประชุมสำคัญของบริษัท ขอโทษด้วย แต่อาต้องทำงานให้เสร็จคืนนี้” แดเนียลขัดขึ้นมาซะก่อน



    .

    .

    .

    “ถ้างั้นพรุ่งนี้อาว่างมั้ยครับ” ยูคยอมเสียงแข็งขึ้นมาเล็กน้อย


    “ก็...” แดเนียลทำท่าคิด


    “หลังประชุมไม่น่าจะมีอะไรนิ่ครับ ตอนเย็นหลังเลิกงานก็ได้ ผมอยากให้อาไปเจอใครบางคน” ยูคยอมดักคออีกคนไว้ก่อน

    “ใคร?” แดเนียลถามอย่างสงสัย


    “เอาเป็นว่าเดี๋ยวอาก็รู้เอง พรุ่งนี้เย็นอาไปรับผมที่มหาลัยละกันนะครับ ผมขี้เกียจเอารถไป” ยูคยอมลุกขึ้นโดยไม่ทันให้อีกคนปฏิเสธ ก่อนจะเดินไปที่ประตู


    .

    .

    “อาครับ” ยูคยอมเอ่ยก่อนที่จะเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตู


    “ว่าไง” แดเนียลขานรับแต่ไม่ได้หันมามอง


    “อาเป็นอาที่โคตรเจ๋งเลย อารู้ตัวมั้ยครับ” ยูคยอมพูดต่อ


    .
    .
    .

    “วันนี้แกเป็นอะไรของแกฮะ?” แดเนียลถามเมื่อรู้สึกว่าหลานชายกำลังพูดจาแปลกๆ


    “ผม พี่เจบี แบมแบม พวกเรารักอานะครับ” ยูคยอมพูดต่อจนจบ

     


    ผู้เป็นอาดูอึ้งไปนิดๆแต่ก็ยิ้มน้อยๆให้หลานชายในที่สุด








    .

    .

    .
     

    “อาก็รักพวกแกเหมือนกัน”

     

     

    ............................................................................................................................................

     

    ร้านอาหารขนาดเล็กในตลาดย่านใจกลางเมืองที่ตอนนี้ไฟหน้าร้านมืดลงแล้ว เหลือเพียงแต่แสงไฟไม่กี่ดวงจากในร้านพร้อมกับร่างของเด็กหนุ่มและเด็กชายตัวน้อยกำลังช่วยกันยกเก้าอี้ขึ้นโต๊ะ


    ยองแจยกเก้าอี้ไปเรื่อยๆ ใบหน้าที่ปกติจะมีแต่รอยยิ้มกลับบึ้งตึงอย่างไปทราบสาเหตุ ความหงุดหงิดจากตอนเย็นยังไม่หาย ถ้าจะถามว่าใครทำให้ยองแจเป็นแบบนี้ คำตอบก็คงไม่พ้นแจ็คสัน ที่ดูจะอารมณ์เสียใส่เขาทั้งเย็น แถมตอนไปเยี่ยมโจอี้ก็ไปแค่แปบเดียวแล้วไอ้พี่แจ็คสันก็ต้องออกไปเพราะป๋าของพี่แกดันโทรบอกให้ไปทำธุระอะไรก็ไม่รู้แทน ประเด็นมันอยู่ที่ลากเขาออกมาด้วยนี่แหละ ก็บอกว่ากลับเองได้ก็มาหงุดหงิดใส่อีก อะไรของมัน

     




    โครมมมม!!!!!!!!

     



    เสียงเก้าอี้หล่นดังมาทางข้างหลังขัดจังหวะความคิดของยองแจ ก่อนที่จะหันไปเจอร่างของหลานตัวน้อยนั่งจุ้มปุ๊กเบะปากเตรียมจะร้องไห้โดยมีเก้าอี้ตัวใหญ่ข้างตัว

     


    “จุนฮง!!!” ยองแจถลาไปหาหลานชายตัวน้อย


    “อายองแจ..ฮึกๆ...แง!!!!!” จุนฮงแหกปากร้องจ้า


    “อาบอกแล้วนี่ครับว่าเก้าอี้มันหนัก เดี๋ยวอาทำเอง แล้วจุนฮงโดนเก้าอี้ทับตรงไหนบ้าง ให้อาดูหน่อย” ยองแจบอกพลางสำรวจเนื้อตัวหลานชาย แต่จุนฮงส่ายหน้าเป็นคำตอบ


    “ยองแจ!! มีอะไร” ซึงฮยอนหรือก็คือพ่อของจุนฮงชะโงกหน้ามาถามจากในครัว


    “จุนฮงล้มน่ะครับ เก้าอี้ก็เลยตกลงมา ผมขอโทษพี่ ผมไม่ดูหลานให้ดี” ยองแจบอก


    “จริงๆเลยน้า จุนฮง พอบอกแล้วใช่มั้ยให้ระวัง” ซึงฮยอนเดินมาสำรวจตัวลูกชาย ส่วนจุนฮงก็โผกอดพ่อซะแน่น


    “จุนฮงขอโทษครับ จุนฮงแค่เห็นอายองแจเหนื่อยเลยอยากช่วย”


    “ข้อศอกถลอกด้วยอ่ะพี่ เดี๋ยวผมออกไปซื้อยาทาแผลให้หลานดีกว่า” ยองแจบอกด้วยความสงสารปนรู้สึกผิดต่อหลานชาย


    “ดึกแล้ว ไม่มีร้านยาไหนเปิดหรอกยองแจ ไม่เป็นไรหรอกแค่นี้เอง” ซึงฮยอนบอกลูกพี่ลูกน้องตัวเอง


    “ถ้าแค่ยาทาแผล ร้านสะดวกซื้อมีแน่ครับ เดี๋ยวผมไปซื้อดีกว่า ไม่เป็นไรพี่” ยองแจบอกพลางลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋าเงินและโทรศัพท์


    “ขอบใจนะ” ซึงฮยอนขอบคุณพลางพยักหน้าให้น้องชาย

     


    ยองแจเดินออกมาจากร้าน อากาศช่วงกลางคืนที่เริ่มเย็นทำให้เขาต้องกอดอกห่อตัวเอง อันที่จริงร้านสะดวกซื้อนี่ก็ไม่ได้ใกล้นะ เกือบๆจะหลังตลาดด้วยซ้ำ ร้านรวงต่างๆในตลาดก็ปิดกันหมดแล้ว เหลือเพียงแต่ไฟฟ้าตามบ้านเรือนและเสาไฟฟ้าที่เรียงห่างๆกันนำทางให้เขาในความมืด ถ้าไม่ติดว่าเดินจนชินมันก็น่ากลัวอยู่ไม่น้อย


    ยองแจเลือกที่จะเดินตามซอกซอยในตลาดเพื่อเป็นทางลัดที่ใกล้กว่า แต่ก็ต้องแลกกับความวังเวงที่ดูจะมากกว่าทางหลักหลายขุม ในซอยที่ค่อนข้างเปลี่ยวและมืดยิ่งกว่า ยองแจเดินไปเรื่อยๆแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่ามีร่างคนเดินตัดผ่านทางที่เขาเดินอยู่ไกลๆ ไม่รู้ว่าความบังเอิญหรืออะไรที่คนคนนั้นเดินผ่านบริเวณที่เป็นแสงไฟสาดเข้ามาพอดีทำให้ยองแจเห็นว่าคนคนนั้นไม่ใช่คนอื่นคนไกล





    แต่เป็น คิม จงอิน




     

    “รุ่นพี่...มาทำอะไรแถวนี้วะ” ยองแจพึมพำ

     



    ไม่รู้ว่าจะเพราะความอยากรู้อยากเห็นหรือว่าเพราะอะไรกันแน่ทำให้ยองแจตัดสินใจเดินตามอีกคนไปห่างๆ เพราะยังไง จงอินก็เคยเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยคดีเจบีหรืออาจจะยังเป็นอยู่

    ถ้าไม่คิดว่าเป็นการจับผิด ยองแจสังเกตได้ว่า จงอินมองซ้ายขวาไปตลอดทางเหมือนไม่ต้องการให้ใครมาเห็น ซึ่งนั่นทำให้คนเดินตามต้องซ่อนตัวเป็นระยะเหมือนกัน


    ระหว่างทางที่เดินตามอีกคนไป ยองแจตัดสินใจเปิดโปรแกรมแชทยอดฮิต เพื่อหาที่ปรึกษาอย่างแจ็คสัน

     


    YoungJ : พี่แจ็คสัน


    YoungJ : อยู่ไหนเนี่ย


    YoungJ : ว่างมั้ย คุยด้วยหน่อยดิ

     


    ยองแจรัวข้อความใส่แจ็คสัน พลางเดินตามจงอินไปเป็นช่วงๆ  จนมาถึงที่ๆเขาคุ้นเคย นั่นคือโรงเลี้ยงไก่ที่เขาเคยมาขอเลือดให้แจ็คสัน

    ยองแจแอบสังเกตการณ์อีกคนตรงหัวมุม ซึ่งตอนนี้จงอินได้ทำการสะเดาะกุญแจที่ปิดโรงเลี้ยงไก่เป็นที่เรียบร้อย

     


    “โรงเลี้ยงไก่ตอนนี้เนี่ยนะ” ยองแจพึมพำพลางมองไปที่โทรศัพท์อย่างอารมณ์เสีย เพราะว่ามันขึ้น read แต่อีกฝ่ายดันไม่ตอบกลับซะได้

     


    ยองแจเมื่อเห็นอีกฝ่ายเข้าไปข้างในจึงตัดสินใจเดินมาตรงหน้าต่างกระจกของโรงเลี้ยง เพื่อสังเกตการณ์ข้างใน บรรยากาศภายในห้องดูมืดทึมมีเพียงแสงไฟดวงเล็กๆสาดเป็นบางจุด สายลมที่หนาวเหน็บข้างนอกทำให้ยองแจกระชับอ้อมกอดตัวเองให้แน่นขึ้น



    YoungJ : พี่แจ็คสัน พี่อยู่ไหน


    YoungJ : พี่ออกมาหาผมตอนนี้ได้มั้ย


    YoungJ : แถวโรงเลี้ยงไก่หลังตลาด


    YoungJ : ผมเล่าตอนนี้ไม่ได้ มาเร็วๆนะ


     

    ยองแจยังรัวข้อความใส่แจ็คสันไม่หยุด แต่ก็เหมือนเดิมคืออ่านไม่ตอบ ยองแจเริ่มรู้สึกกลัวเมื่อต้องทำอะไรลับๆล่อๆคนเดียว นึกอยากจะโทษตัวเองที่หาเรื่องใส่ตัว แต่ก็สังหรณ์ใจได้ว่ามันอาจจะมีอะไรที่เกี่ยวกับสิ่งที่ไอ้พวกรุ่นพี่ทำอยู่ก็ได้ ยังไงซะตอนนี้เขากับพวกรุ่นพี่แจ็คสันก็เหมือนเป็นทีมเดียวกัน


    ยองแจนั่งรออยู่บริเวณนั้นสักพักเพื่อสังเกตการณ์คิมจงอิน ที่ตอนนี้กำลังเตรียมสถานที่เพื่อทำอะไรบางอย่าง ข้อความในไลน์ก็ยังไม่ได้รับการตอบกลับ ใจคอมันจะไม่ตอบจริงๆใช่มั้ยวะ
     
    ยองแจละจากหน้าจอมือถือแล้วมองเข้าไปในโรงเลี้ยงไก่ ก่อนจะเห็นภาพที่ทำให้เขาหัวใจกระตุกวูบ


    ชายที่ชื่อคิม จงอิน กำลังยกไก่เคราะห์ร้ายตัวหนึ่งขึ้นมา ก่อนจะหยิบมีดสีเงินวาวออกมาแล้วค่อยๆปาดไปที่คอไก่ตัวนั้น เลือดสีแดงฉานไหลจากคอไก่ที่น่าสงสารอย่างกับน้ำพุ ก่อนจะตกลงสู่ถังที่ดูเหมือนจะเตรียมไว้รองเลือดอยู่แล้ว ปีกทั้งสองข้างกระพือด้วยความทุรนทุรายเพื่อดิ้นรนหาทางรอดในช่วงสุดท้ายของชีวิต ยิ่งดิ้นมากเท่าไรเลือดก็ยิ่งไหลเร็วมากเท่านั้น จนกระทั่งหยุดดิ้นไปในที่สุด แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่ได้หยุดแค่ไก่เพียงตัวเดียวนี่สิ


    ยองแจเอามือปิดปากเพื่อกลั้นเสียงตกใจของตัวเอง ภาพที่เห็นทำให้เขาสะอิดสะเอียนและตกอยู่ในความกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ยิ่งเห็นใบหน้าที่เรียบเฉยของจงอินที่ดูไม่รู้สึกอะไรกับการฆ่าสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆยิ่งทำให้ยองแจกลัวสุดขั้วหัวใจ

     


    YoungJ : พี่แจ็คสัน ตอบผมหน่อย


    YoungJ : บอกผมทีว่าพี่กำลังออกมา


    YoungJ : ผมกลัว

     



    ยองแจรัวข้อความหาอีกคนด้วยมือที่สั่นระรัว ความลนลานทำให้เขาเผลอไปเตะถังขยะที่อยู่ตรงนั้น

     





    เคร้ง!!!!

     





    ร่างสูงที่กำลังเชือดไก่หันมาทางบริเวณหน้าต่างที่เป็นต้นเสียง โชคดีของยองแจที่แสงจากข้างนอกมืดมากทำให้จงอินมองเห็นคนข้างนอกไม่ชัด เขาหยุดการกระทำทุกอย่างก่อนทำท่าจะเดินออกมาข้างนอกเพื่อหาที่มาของเสียง ความรู้สึกของเด็กที่โดนจับได้อย่างยองแจตอนนี้เขารู้แค่ว่าต้องหนีจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด




    ยองแจเริ่มออกตัววิ่งไปตามทางอย่างไม่คิดชีวิต เมื่อเริ่มได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินออกมาจากโรงเลี้ยงไก่ ยองแจวิ่งไปตามซอกซอยที่คดเคี้ยวโดยไม่หันกลับไปมองข้างหลังถึงแม้จะได้ยิน เสียงอีกคนตะโกนบอกให้หยุดก็ตาม



    ความกลัวชายคนนั้นถาโถมเข้ามาจับจิต ยองแจพยายามจะกดเบอร์โทรของแจ็คสันขณะที่วิ่งไปด้วย แต่ก็ไม่มีการตอบรับจากอีกคน ปลายทางข้างหน้าจะเป็นร้านมินิมาร์ทและถนนใหญ่ เสียงฝีเท้าที่ตามมาค่อยๆจางหายไปแต่ยองแจก็ยังคงวิ่งราวกับว่าถ้าเขาหยุด เขาจะกลายเป็นแบบไก่พวกนั้น ยองแจวิ่งโดยที่ไม่รู้ตัวว่าตอนนี้ตัวเองวิ่งออกมาจากถนนใหญ่แล้ว จนกระทั่ง

     

     



    ปี๊นนนนนนนนนนนนนน!!!!!!

     

    เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

     



    เสียงแตรรถที่ดังขึ้นพร้อมกับเสียงล้อบดถนน ทำให้ยองแจได้สติ รถยนต์คันสวยพุ่งตรงมาที่เขาก็ที่จะหยุดอย่างกระทันหันห่างจากเขาไปนิดเดียว เจ้าของรถเปิดประตูลงมาดูคนที่อยู่ๆก็วิ่งมาขวางรถ

     


    “ทำบ้าอะไรเนี่ย ยองแจ!!” เจ้าของรถสบถอย่างหัวเสียเมื่อไอ้คนที่ตัดหน้ารถเป็นไอ้เด็กที่เรียกเขาออกมา


    “พะ...พี่แจ็คสัน” ยองแจเรียกอีกคนเสียงสั่น


    “ก็ใช่อ่ะเด่ะ มึงเรียกกูมาไม่ใช่รึไง..” ยองแจโผเข้าหาอีกคนทั้งๆที่แจ็คสันยังพูดไม่จบ ก่อนที่จะ...

     




    ผัวะ!!!!





    ยองแจฟาดไปที่ไหล่อีกคนไม่ยั้ง



    “ไอ้บ้าเอ้ย พี่ทำกับผมแบบนี้ได้ไงวะ! ทำไมไม่ตอบ! พี่รู้มั้ยว่าผมกลัวแค่ไหน! จะงอนจะโกรธอะไรผมนักหนาวะ! ไอ้พี่แจ็คสันงี่เง่า!!”  ยองแจระบายทุกอย่างออกมา


    “เฮ้ยๆๆ เดี๋ยว ใจเย็นดิวะ” แจ็คสันพยายามยั้งข้อมืออีกคน


    “เขาต้องเตรียมเลือดไว้ทำพิธีอะไรแน่ๆ เราต้องเตือนพี่มาร์ค เราต้องบอกพี่มาร์ค” ยองแจพูดวกวนไม่มีสติ


    “มึงพูดอะไร กูไม่รู้เรื่อง”


    “พาผมกลับบ้าน พี่แจ็คสัน พาผมกลับบ้าน” ยองแจขอร้องอีกคน


     แจ็คสันเมื่อเห็นอีกคนตั้งสติไม่ได้จึงต้องยอมแพ้ที่จะคาดคั้นเอาคำตอบ ได้แต่กอดอีกคนไว้หลวมๆให้สงบลงก่อนจะพายองแจกลับไปส่งที่บ้าน

     




    ไอ้เด็กนี่มันไปเห็นอะไรวะเนี่ย

     

    ..........................................................................................................................

     

    ภายในห้องทีมืดสนิทมีเพียงแสงจากโคมไฟเล็กๆตรงเพดานที่ให้ความสว่างในห้องใต้ดินทึมๆ แสงไฟที่สว่างแม้เพียงเล็กน้อยก็ทำให้ดวงตาที่ไม่ได้รับแสงมาเกือบๆสองวันสองคืนเต็ม ต้องเปิดเปลือกตาอย่างยากลำบาก ลำคอที่แห้งผากมีเพียงแต่รสขมจางๆและกลิ่นสมุนไพรแปลกๆติดอยู่ที่ปลายลิ้น ร่างเล็กขยับตัวอย่างยากลำบากบนเตียงพับเล็กๆ โจอี้พยายามปรับโฟกัสให้ชัดก่อนจะเห็น จินยอง และ มาร์คกำลังนั่งหลับอยู่ข้างๆเตียงที่เขานอน เสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอทำให้โจอี้ลังเลที่จะปลุกอีกสองคนที่ดูเหนื่อยมาก

     



    กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงง

     



    เสียงนาฬิกาปลุกข้างตัวจินยองดังขึ้นจนทำให้จินยองสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างแรง ส่วนมาร์คขยับตัวน้อยๆแต่ไม่ได้ตื่นขึ้นมา เพราะตกลงกันไว้ว่าจะสลับกันตื่นมาป้อนยาให้โจอี้ จินยองเอื้อมมือไปหยิบขวดยาโดยไม่ได้สังเกตว่าที่เตียงพับร่างเล็กที่เคยนอนลุกขึ้นมานั่งเรียบร้อยแล้ว

     



    “ได้เวลากินยาแล้วนะโจ...” จินยองชะงักเมื่อเห็นอีกคนนั่งกระพริบตาปริบๆบนเตียง




    .

    .

    .

    “ขอเป็นน้ำได้มั้ยพี่จินยอง” โจอี้พูดติดตลก แต่จินยองยังค้างอยู่ที่เดิม


    .
    .
    .
    “เอ่อ...ผม...หลับไปกี่ชั่วโมง” โจอี้ถามต่อ



    “มาร์ค! มาร์ค! ” จินยองแตะปลุกเพื่อนอย่างแรงจนร่างสูงสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นภาพตรงหน้า




    .

    .

    .
     

     

    “งะ..ไง....เฮีย” โจอี้ทักทายพี่ชายที่จ้องเขาอย่างอึ้งๆ



    .

    .

    “เอ่อ...มีใครบอกผมได้มั้ยว่าผมหลับไปนานเท่....”


    “สองวัน” มาร์คเอ่ยขัดน้องชายก่อนจะเดินเข้ามาใกล้อีกคน


    “ได้ยินมั้ยมึงหลับไปสองวัน” มาร์คเอ่ยเสียงสั่น

     


    สิ้นคำพูด มาร์คโผเข้ากอดน้องชายไว้แน่น น้ำตาแห่งความโล่งใจไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้


    “ไอ้เด็กเวรเอ้ย! มึงหายไปไหนมาตั้งสองวัน” มาร์คว่าเสียงอู้อี้


    “ขอโทษเฮีย....ผมขอโทษ” โจอี้พูดเสียงสั่นไม่ต่างกับพี่ชาย



    ส่วนจินยองได้แต่มองภาพนั้นอย่างโล่งใจ สำหรับจินยองทั้งคู่ก็เหมือนพี่น้อง เหมือนครอบครัว การที่ได้เห็นสองคนนั้นกลับมาเป็นปกติทำให้จินยองโล่งใจสุดๆ

     

    หลังจากที่ปล่อยให้สองพี่น้องได้ทำซึ้งกันอยู่สักพัก จินยองก็ตัดสินใจถามมาร์คเรื่องแผนการต่อไป เพราะถ้าปล่อยไว้นานได้มีผู้รับเคราะห์เพิ่มแน่


    “เอาล่ะ ทีนี้ โจอี้ฟื้นแล้ว เราเอาไงต่อ” จินยองถามเพื่อนซี้ที่นั่งกอดคอน้องชายตัวเองอยู่


    “พรุ่งนี้ยูคยอมมันนัดกู เจบี ให้ไปเจออาแดเนียลแล้ว” มาร์คตอบ


    “แผนต่อไปคือถามตรงๆสินะ” จินยองบอก


    “พวกเฮีย อธิบายให้ผมฟังหน่อยดิ” โจอี้ที่ยังดูงงๆขัดขึ้นมา มาร์คได้แต่ปรายตามองน้องชายแต่ไม่ได้พูดอะไร


    “มึงก็ไม่ต้องไปก็ได้พรุ่งนี้ กูรบกวนมึงเยอะแล้ว” มาร์คบอกกับจินยอง


    “แล้วผมอ่ะ” โจอี้ถามเพราะอยากมีส่วนร่วม


    “แกเพิ่งฟื้นนะ พักผ่อนไปเหอะ” จินยองบอก


    “ผมโอเค ไหวน่า บอกมาเลยให้ทำไร” โจอี้บอก


    “โจอี้” มาร์คขัดน้องชาย


    “ว่าไงเฮีย” โจอี้ถาม


    .

    .

    .

    “มึงต้องถอนตัวจากงานนี้” มาร์คบอกเสียงเรียบ


    “ถะ...ถอนตัว งานไหนอ่ะ งานพี่เจบีอ่ะนะ” โจอี้พยายามทำสียงให้ปกติ


    “ทุกงาน งานที่มึงรับมากูจะทำต่อเอง”


    “อ่า....อ๋อ...ผมเข้าใจแล้ว เฮียเห็นผมจะเข้ามหาลัยเลยอยากให้อ่านหนังสือใช่มั้ย มะ..ไม่ต้องห่วง ผมคิดไว้แล้วว่าผม ผะ..ผมจะเข้ามหาลัยเดียวกับเฮีย สะ..ส่วนคณะก็...” โจอี้ตะกุกตะกัก พยายามคิดในแง่ดี

    “ไม่ โจอี้” มาร์คขัดขึ้นมาอีกครั้ง

     

     


    .

    .

    .

     

    “หลังจบม.ปลาย......” มาร์คพูดต่อ


    .

    .

    .

    .

    “มึงต้องกลับไปอยู่ไต้หวัน”



    .............................................................................................................................................

    เฮลโล่ว ขอโทษที่มาช้านะฮ้าฟ คือแบบอยากอัพนะแต่ไม่รู้ทำไมพิมไม่เสร็จซะที เออ แต่ช่วงนี้อาการปวดไหล่ของไรท์มันแรงขึ้นจริงๆ หรือจะโดนอะไรมาเกาะหลังจริงวะ เริ่มหลอน 555555 คือขอยอมรับผิดทุกประการที่มาอัพช้า
    แล้วก็นะ อะไรที่รีดไม่อยากให้ไรท์ทำ ไรท์ก็ทำทุกอย่างเลยอ่ะ ล่าสุดคือ ส่งโจอี้ไปไต้หวัน 5555
    ขอบคุณที่ยังรอและติดตามนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×