ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เพลิงรักมาเฟีย

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ ๒ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน (๓)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 610
      5
      9 ส.ค. 59

    ม่ถึงยี่สิบนาทีสาวเสิร์ฟคนสวยก็ยกถาดอาหารเดินขึ้นชั้นสองด้วยสีหน้าปั้นยิ้ม กวาดมองลูกค้ากิตติมศักดิ์ด้วยสายตาเรียบเฉย ไร้กลมารยาใดๆ ทั้งสิ้น ปล่อยให้คนที่ชะเง้อมองอยู่เบื้องหลังถึงกับต้องถอนหายใจทิ้งครั้งแล้วครั้งเล่า

    แคทเทอรีนยิ้มหวานเมื่อเดินมาประชิดโต๊ะลูกค้า ก่อนจะเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงเพราะพริ้ง

    “อาหารที่สั่งได้แล้วค่ะ รับรองว่ารสชาติอร่อยจนคุณจะลืมไม่ลง”

    จบประโยคนั้นมือเล็กก็ค่อยๆ วางอาหารแต่ละอย่างลงบนโต๊ะด้วยความระมัดระวัง ตลอดเวลาก็ยิ้มหวานหยดส่งให้ ตรงกันข้ามกับจอห์นซึ่งเบิกตากว้างเมื่อเห็นอาหารที่วางอยู่ตรงหน้า

    “เอ่อ...นี่มัน...”

    “นี่เขาเรียกว่าส้มตำไทยโกอินเตอร์ ส่วนนี่ต้มยำกุ้งรวมมิตร นี่ก็ยำสามสหายรสแซบ ส่วนโน่นปีกไก่ผัดพริกไทยอ่อน และนั่นก็ไข่เจียวทรงเครื่อง เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ หนึ่งโถ ทานให้อร่อยนะคะ แคทเทอรีน เรสเตอรองต์ยินดีให้บริการลูกค้าทุกท่านอย่างเต็มอกเต็มใจที่สุดค่ะ”

    เอ่ยประโยคยาวเหยียดเสร็จก็รีบหมุนกายออกห่าง หวังจะตรงดิ่งลงชั้นล่างเพื่อรอผลอันน่าพึงพอใจของตัวเอง แต่แล้วร่างระหงก็ต้องยืนแข็งทื่อเมื่อเสียงใครบางคนดังขึ้น

    “เดี๋ยว!

    พนักงานเสิร์ฟจำเป็นเอี้ยวตัวกลับมามอง ใบหน้านั้นฉาบด้วยรอยยิ้ม

    “มีอะไรให้รับใช้คะ”

    ฟาบริชกวาดมองอาหารทั้งหมดแล้วกระตุกยิ้ม จ้องมองใบหน้าของคนที่กล้ากลั่นแกล้งตัวเองด้วยนัยน์ตาแพรวพราว เล่นเอาคนที่ก่อเรื่องหายใจหายคอไม่ถนัด

    “เปล่า ก็แค่จะบอกว่าขอบใจ”

    แคทเทอรีนยิ้มกว้างอย่างโล่งอก รีบซอยเท้าเล็กๆ ลงบันไดโดยไม่รอช้า เมื่อมาหยุดอยู่ตรงหน้าเพื่อนรักนั่นแหละ เจ้าตัวถึงได้ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่และรอคอยดูผลงานของตัวเองอย่างจดจ่อ เธอหวังเหลือเกินว่าจะได้เห็นใครคนนั้นเรียกหาน้ำเปล่าจนลั่นร้านกับอาการเต้นเร่าๆ เพราะความเผ็ดร้อนของอาหาร แค่นึกถึง ใบหน้ารูปไข่ก็ยิ้มเจ้าเล่ห์แสนซุกซน ทว่าคนข้างๆ กลับนั่งปาดเหงื่อตัวเองแล้วส่ายหน้า

     

     

    มื่อคล้อยหลังพนักงานเสิร์ฟผู้มีแผนการอันร้ายกาจ ฟาบริช คาร์มิโอก็กระตุกยิ้มน้อยๆ กวาดสายตาสบมองกับลูกน้องทั้งสามคน แน่นอนหนุ่มตาน้ำข้าวเชื้อชาติฝรั่งเศสทั้งหมดมองอาหารตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน คนขับรถวัยสี่สิบปียกมือขึ้นอย่างยอมแพ้ ดอม เคิร์ทมองเหมือนไม่เคยเห็นมาก่อน ส่วนจอห์น มาร์ดิรู้สึกกระหายอยากตักเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ จนแทบแย่

    หนุ่มฝรั่งไซซ์บิ๊กสบสายตากับคนเป็นนายแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก

    “เอ่อ...เจ้านายครับ คือนี่มันเป็นอาหารไทย รสชาติคงไม่ต้องบรรยาย เพราะหน้าตาของอาหารก็บ่งบอกว่า ถ้าเราสี่คนกินมันลงไป กระเพาะคงได้พังเป็นแน่ ผมว่าเราเปลี่ยนร้านดีไหมครับ”

    คนเป็นนายไม่นำพาต่อเสียงที่ร้องเตือนสักนิด จัดการยกโถข้าวสวยร้อนๆ ตักใส่จานของตัวเอง แล้วยังใจดีเสิร์ฟข้าวให้กับคนอื่นๆ อีก

    “เอ่อ...เจ้านายครับ” จอห์นทำท่าร้องค้าน

    “ร้านโปรดของนายไม่ใช่หรือจอห์น ทานสิ”

    “ผมทานอาหารพวกนี้ได้ครับ แต่กลัวว่าเจ้านายจะแย่เอานะครับ ถ้าหากฝืนกลืนมันลงไป” หนุ่มตาน้ำข้าวรีบร้องบอก ก่อนจะหันหน้าไปมองอีกสองคนที่ทำหน้าเหมือนขยาดกับเมนูตรงหน้า “อ้อ! นายทั้งสองคนด้วยนะ อย่าแตะต้องอาหารพวกนี้อย่างเด็ดขาด ถ้าหากว่ายังอยากมีชีวิตกลับไปทำงานช่วงบ่าย”

    สองหนุ่มต่างวัยพยักหน้าหงึกๆ หากคนเป็นนายกลับใช้ช้อนตักอาหารเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ ไม่แยแสต่อหน้าตาของมันเลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับรู้สึกชื่นชอบมากเลยด้วยซ้ำไป ในขณะที่ลูกน้องซึ่งนั่งร่วมโต๊ะได้แต่ทำหน้าเหวอ อ้าปากค้าง พลางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ยิ่งคนเป็นนายตักผัดปีกไก่พริกไทยอ่อนเข้าปาก ดอมก็รีบคว้าน้ำเย็นๆ มากระดกจนหมดแก้ว

    “ทานสิ พวกนายจะนั่งอึ้งกันอีกนานไหม ลืมไปแล้วหรือไง ครอบครัวของฉันชื่นชอบอาหารไทยมากแค่ไหน เมนูพวกนี้ป้าเรซานทำให้ทานอยู่บ่อยๆ แค่นี้ไม่ทำให้ฉันขยาดหรอกน่า”

    ชายหนุ่มแถลงไขด้วยสีหน้ายิ้มๆ ก่อนทุกคนจะพยักหน้าแล้วผ่อนคลายอารมณ์อย่างเห็นด้วย ยอมรับว่าลืมข้อนี้ไปเสียสนิทใจ คราวนี้จอห์นก็ลงมือทานอย่างเงียบๆ ปล่อยให้อีกสองหนุ่มยังคงส่ายหน้า เดือดร้อนถึงฟาบริชที่ต้องรีบเลื่อนจานไข่เจียวทรงเครื่องมาให้หนุ่มต่างวัยทั้งสอง บ่งบอกว่าอาหารชนิดนี้ทั้งคู่ทานได้ นั่นแหละทุกคนถึงได้ลงมือรับประทานอาหารมื้อกลางวันสุดพิเศษ ไม่ลุกขึ้นมาโวยวายตามแผนของใครบางคน

    ฟาบริช คาร์มิโอค่อนข้างพึงพอใจด้วยซ้ำกับอาหารที่ห่างหายไปจากชีวิตหลายเดือน สงสัยต้องร้องสั่งให้ป้าเรซานทำให้ทานบ้าง จะได้ชินกับรสชาติเผ็ดร้อนมากกว่านี้

     

     

    นก่อเรื่องยังคงรอลุ้นผลของความสำเร็จอย่างจดจ่อ นั่งมองลูกค้ารายอื่นๆ รับประทานอาหารด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม ลิสซี่ที่เพิ่งรับรองลูกค้าเสร็จรีบก้าวเข้ามาใกล้ มองเพื่อนตัวดีด้วยท่าทางหมั่นไส้ ดูเถอะทำราวกับได้รับเหรียญกล้าหาญจากกรมตำรวจก็ไม่ปาน

    “ป่านนี้ลูกค้ากิตติมศักดิ์ของเธอคงแย่แล้วมั้งยัยแคท”

    บรรณาธิการสาวอดไม่ได้ที่จะเปรยเบาๆ แคทเทอรีนยิ้มกว้างพร้อมชะเง้อมองชั้นสองของร้าน

    “ช่วยไม่ได้ เล่นกับใครไม่เล่น นึกถึงหนังเรื่องเดอะฮัก มนุษย์ยักษ์ตัวเขียวเลยจ้ะลิสซี่”

    “ทำไมจ๊ะ” ลิสซี่ย่นคิ้วที่ขีดเขียนมาอย่างดีเข้าหากัน

    “ก็อีตาบ้านั่นคงได้กลายร่างน่ะสิ สมน้ำหน้า” เจ้าตัวยิ้มพราย สาแก่ใจอย่างที่สุด “เห็นไหมพูดยังไม่ทันขาดคำ พี่นีน่าก็เดิมมาตามแล้ว สงสัยลูกค้าบ้าอำนาจนั่นคงจะโวยวาย”

    “หรือไม่นะ ฉันว่าชั้นสองของร้านแกคงพังไปแล้วล่ะ”

    บรรณาธิการสาวโพล่งบอก พร้อมๆ กับผู้จัดการร้านวัยสามสิบเดินนวยนาดตรงมาหา

    “หนูแคท ลูกค้าโต๊ะสิบเจ็ดเรียกจ้ะ เอ่อ...ยังไงก็อย่ามีเรื่องกับลูกค้านะเด็กดี ท่องไว้ลูกค้าคือพระเจ้าผู้ให้เงินและการดำรงซึ่งงานและร้านที่จะคงอยู่สืบไป ใจเย็นๆ นะแคทเทอรีน”

    หญิงสาวพยักหน้าหงึกๆ เป็นการรับรู้ ก่อนจะก้าวเร็วๆ ขึ้นชั้นสอง ปล่อยให้สองสาวต่างวัยมองตามไปด้วยสีหน้าหวั่นกลัวว่าจะเกิดเหตุร้าย ลิสซี่และนีน่าถอนหายใจออกมาแทบจะพร้อมๆ กัน แล้วรอฟังเสียงโวยวายที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้อย่างจดจ่อ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×