คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ ๒ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน (๓)
ไม่ถึงยี่สิบนาทีสาวเสิร์ฟคนสวยก็ยกถาดอาหารเดินขึ้นชั้นสองด้วยสีหน้าปั้นยิ้ม
กวาดมองลูกค้ากิตติมศักดิ์ด้วยสายตาเรียบเฉย ไร้กลมารยาใดๆ ทั้งสิ้น
ปล่อยให้คนที่ชะเง้อมองอยู่เบื้องหลังถึงกับต้องถอนหายใจทิ้งครั้งแล้วครั้งเล่า
แคทเทอรีนยิ้มหวานเมื่อเดินมาประชิดโต๊ะลูกค้า
ก่อนจะเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงเพราะพริ้ง
“อาหารที่สั่งได้แล้วค่ะ
รับรองว่ารสชาติอร่อยจนคุณจะลืมไม่ลง”
จบประโยคนั้นมือเล็กก็ค่อยๆ
วางอาหารแต่ละอย่างลงบนโต๊ะด้วยความระมัดระวัง ตลอดเวลาก็ยิ้มหวานหยดส่งให้
ตรงกันข้ามกับจอห์นซึ่งเบิกตากว้างเมื่อเห็นอาหารที่วางอยู่ตรงหน้า
“เอ่อ...นี่มัน...”
“นี่เขาเรียกว่าส้มตำไทยโกอินเตอร์
ส่วนนี่ต้มยำกุ้งรวมมิตร นี่ก็ยำสามสหายรสแซบ ส่วนโน่นปีกไก่ผัดพริกไทยอ่อน
และนั่นก็ไข่เจียวทรงเครื่อง เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ หนึ่งโถ ทานให้อร่อยนะคะ
แคทเทอรีน เรสเตอรองต์ยินดีให้บริการลูกค้าทุกท่านอย่างเต็มอกเต็มใจที่สุดค่ะ”
เอ่ยประโยคยาวเหยียดเสร็จก็รีบหมุนกายออกห่าง
หวังจะตรงดิ่งลงชั้นล่างเพื่อรอผลอันน่าพึงพอใจของตัวเอง
แต่แล้วร่างระหงก็ต้องยืนแข็งทื่อเมื่อเสียงใครบางคนดังขึ้น
“เดี๋ยว!”
พนักงานเสิร์ฟจำเป็นเอี้ยวตัวกลับมามอง
ใบหน้านั้นฉาบด้วยรอยยิ้ม
“มีอะไรให้รับใช้คะ”
ฟาบริชกวาดมองอาหารทั้งหมดแล้วกระตุกยิ้ม
จ้องมองใบหน้าของคนที่กล้ากลั่นแกล้งตัวเองด้วยนัยน์ตาแพรวพราว
เล่นเอาคนที่ก่อเรื่องหายใจหายคอไม่ถนัด
“เปล่า
ก็แค่จะบอกว่าขอบใจ”
แคทเทอรีนยิ้มกว้างอย่างโล่งอก
รีบซอยเท้าเล็กๆ ลงบันไดโดยไม่รอช้า เมื่อมาหยุดอยู่ตรงหน้าเพื่อนรักนั่นแหละ
เจ้าตัวถึงได้ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่และรอคอยดูผลงานของตัวเองอย่างจดจ่อ
เธอหวังเหลือเกินว่าจะได้เห็นใครคนนั้นเรียกหาน้ำเปล่าจนลั่นร้านกับอาการเต้นเร่าๆ
เพราะความเผ็ดร้อนของอาหาร แค่นึกถึง ใบหน้ารูปไข่ก็ยิ้มเจ้าเล่ห์แสนซุกซน
ทว่าคนข้างๆ กลับนั่งปาดเหงื่อตัวเองแล้วส่ายหน้า
เมื่อคล้อยหลังพนักงานเสิร์ฟผู้มีแผนการอันร้ายกาจ
ฟาบริช คาร์มิโอก็กระตุกยิ้มน้อยๆ กวาดสายตาสบมองกับลูกน้องทั้งสามคน
แน่นอนหนุ่มตาน้ำข้าวเชื้อชาติฝรั่งเศสทั้งหมดมองอาหารตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน
คนขับรถวัยสี่สิบปียกมือขึ้นอย่างยอมแพ้ ดอม เคิร์ทมองเหมือนไม่เคยเห็นมาก่อน
ส่วนจอห์น มาร์ดิรู้สึกกระหายอยากตักเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ จนแทบแย่
หนุ่มฝรั่งไซซ์บิ๊กสบสายตากับคนเป็นนายแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“เอ่อ...เจ้านายครับ
คือนี่มันเป็นอาหารไทย รสชาติคงไม่ต้องบรรยาย เพราะหน้าตาของอาหารก็บ่งบอกว่า
ถ้าเราสี่คนกินมันลงไป กระเพาะคงได้พังเป็นแน่ ผมว่าเราเปลี่ยนร้านดีไหมครับ”
คนเป็นนายไม่นำพาต่อเสียงที่ร้องเตือนสักนิด
จัดการยกโถข้าวสวยร้อนๆ ตักใส่จานของตัวเอง แล้วยังใจดีเสิร์ฟข้าวให้กับคนอื่นๆ
อีก
“เอ่อ...เจ้านายครับ”
จอห์นทำท่าร้องค้าน
“ร้านโปรดของนายไม่ใช่หรือจอห์น
ทานสิ”
“ผมทานอาหารพวกนี้ได้ครับ
แต่กลัวว่าเจ้านายจะแย่เอานะครับ ถ้าหากฝืนกลืนมันลงไป” หนุ่มตาน้ำข้าวรีบร้องบอก
ก่อนจะหันหน้าไปมองอีกสองคนที่ทำหน้าเหมือนขยาดกับเมนูตรงหน้า “อ้อ! นายทั้งสองคนด้วยนะ อย่าแตะต้องอาหารพวกนี้อย่างเด็ดขาด
ถ้าหากว่ายังอยากมีชีวิตกลับไปทำงานช่วงบ่าย”
สองหนุ่มต่างวัยพยักหน้าหงึกๆ
หากคนเป็นนายกลับใช้ช้อนตักอาหารเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ
ไม่แยแสต่อหน้าตาของมันเลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับรู้สึกชื่นชอบมากเลยด้วยซ้ำไป
ในขณะที่ลูกน้องซึ่งนั่งร่วมโต๊ะได้แต่ทำหน้าเหวอ อ้าปากค้าง
พลางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ยิ่งคนเป็นนายตักผัดปีกไก่พริกไทยอ่อนเข้าปาก
ดอมก็รีบคว้าน้ำเย็นๆ มากระดกจนหมดแก้ว
“ทานสิ
พวกนายจะนั่งอึ้งกันอีกนานไหม ลืมไปแล้วหรือไง ครอบครัวของฉันชื่นชอบอาหารไทยมากแค่ไหน
เมนูพวกนี้ป้าเรซานทำให้ทานอยู่บ่อยๆ แค่นี้ไม่ทำให้ฉันขยาดหรอกน่า”
ชายหนุ่มแถลงไขด้วยสีหน้ายิ้มๆ
ก่อนทุกคนจะพยักหน้าแล้วผ่อนคลายอารมณ์อย่างเห็นด้วย
ยอมรับว่าลืมข้อนี้ไปเสียสนิทใจ คราวนี้จอห์นก็ลงมือทานอย่างเงียบๆ ปล่อยให้อีกสองหนุ่มยังคงส่ายหน้า
เดือดร้อนถึงฟาบริชที่ต้องรีบเลื่อนจานไข่เจียวทรงเครื่องมาให้หนุ่มต่างวัยทั้งสอง
บ่งบอกว่าอาหารชนิดนี้ทั้งคู่ทานได้
นั่นแหละทุกคนถึงได้ลงมือรับประทานอาหารมื้อกลางวันสุดพิเศษ
ไม่ลุกขึ้นมาโวยวายตามแผนของใครบางคน
ฟาบริช
คาร์มิโอค่อนข้างพึงพอใจด้วยซ้ำกับอาหารที่ห่างหายไปจากชีวิตหลายเดือน
สงสัยต้องร้องสั่งให้ป้าเรซานทำให้ทานบ้าง จะได้ชินกับรสชาติเผ็ดร้อนมากกว่านี้
คนก่อเรื่องยังคงรอลุ้นผลของความสำเร็จอย่างจดจ่อ
นั่งมองลูกค้ารายอื่นๆ รับประทานอาหารด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม
ลิสซี่ที่เพิ่งรับรองลูกค้าเสร็จรีบก้าวเข้ามาใกล้
มองเพื่อนตัวดีด้วยท่าทางหมั่นไส้
ดูเถอะทำราวกับได้รับเหรียญกล้าหาญจากกรมตำรวจก็ไม่ปาน
“ป่านนี้ลูกค้ากิตติมศักดิ์ของเธอคงแย่แล้วมั้งยัยแคท”
บรรณาธิการสาวอดไม่ได้ที่จะเปรยเบาๆ
แคทเทอรีนยิ้มกว้างพร้อมชะเง้อมองชั้นสองของร้าน
“ช่วยไม่ได้
เล่นกับใครไม่เล่น นึกถึงหนังเรื่องเดอะฮัก มนุษย์ยักษ์ตัวเขียวเลยจ้ะลิสซี่”
“ทำไมจ๊ะ”
ลิสซี่ย่นคิ้วที่ขีดเขียนมาอย่างดีเข้าหากัน
“ก็อีตาบ้านั่นคงได้กลายร่างน่ะสิ
สมน้ำหน้า” เจ้าตัวยิ้มพราย สาแก่ใจอย่างที่สุด “เห็นไหมพูดยังไม่ทันขาดคำ
พี่นีน่าก็เดิมมาตามแล้ว สงสัยลูกค้าบ้าอำนาจนั่นคงจะโวยวาย”
“หรือไม่นะ
ฉันว่าชั้นสองของร้านแกคงพังไปแล้วล่ะ”
บรรณาธิการสาวโพล่งบอก
พร้อมๆ กับผู้จัดการร้านวัยสามสิบเดินนวยนาดตรงมาหา
“หนูแคท
ลูกค้าโต๊ะสิบเจ็ดเรียกจ้ะ เอ่อ...ยังไงก็อย่ามีเรื่องกับลูกค้านะเด็กดี
ท่องไว้ลูกค้าคือพระเจ้าผู้ให้เงินและการดำรงซึ่งงานและร้านที่จะคงอยู่สืบไป
ใจเย็นๆ นะแคทเทอรีน”
หญิงสาวพยักหน้าหงึกๆ
เป็นการรับรู้ ก่อนจะก้าวเร็วๆ ขึ้นชั้นสอง
ปล่อยให้สองสาวต่างวัยมองตามไปด้วยสีหน้าหวั่นกลัวว่าจะเกิดเหตุร้าย
ลิสซี่และนีน่าถอนหายใจออกมาแทบจะพร้อมๆ กัน แล้วรอฟังเสียงโวยวายที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้อย่างจดจ่อ
ความคิดเห็น