ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กิ๊กหัวใจให้ลงล๊อก (Yuri)

    ลำดับตอนที่ #51 : คู่รักพันธ์ดุ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.29K
      14
      9 มี.ค. 60

    แหม...ตั้งหน้าตั้งตารอกันเลยนะจ้ะ อยากจะรู้ล่ะสิว่าจะเป็นยังไงต่อ ไรเตอร์ไม่ค่อยอยากจะให้หวานมากสักเท่าไรกล้วแฟนจะมีน้ำตาลในเลือดสูง 5555+ เอาเป็นว่าหมั่นดูแลสุขภาพด้วยนะจ้ะ ไรเตอร์เป็นห่วงทุกคนเลย



    พรพิมลหัวเราะเสียงดังชอบอกชอบใจเมื่อลูกสาวคนโตพาลูกเขยเข้าบ้าน สามีกับลูกชายคนเล็กถึงกับนั่งงงเป็นไก่ตาแตก ที่จู่ๆนางก็ยอมให้รัตเกล้าพาแฟนที่เป็นผู้หญิงเข้าบ้าน ทั้งๆที่เมื่อก่อนแค่รู้ว่ารัตเกล้ามีแฟนเป็นผู้หญิงก็ทำท่ารังเกียจทุกครั้งที่แฟนลูกสาวมาที่บ้าน แต่พอมาในวันนี้เมื่อรัตเกล้าพาสาวหล่อชาวจีนเข้ามาแนะนำในฐานะแฟน นางกลับยิ้มหน้าบานเป็นกระด้ง เมื่อมินจูคุกเข่าขอขมาที่สร้างความวุ่นวายในบ้านเมื่อวาน

    “ต้องขออภัยคุณแม่ด้วยนะค่ะ กับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน”มินจูเอ่ยด้วยภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำ

    “แม่เข้าใจจ้ะ เรื่องความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้น ต้องโทษลูกสาวแม่ที่ทำอะไรเหมือนเด็กไม่รู้จักโตสักที”นางว่า

    “ถ้าอย่างนั้น ดิฉันขอแนะนำตัวอีกครั้งนะค่ะ ดิฉันแซ่จาง ชื่อเต็มคือ จางมินจู เป็นทายาทสายตรงของสกุลจาง การศึกษาจบจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารโรงแรมในเครือของสกุลจางค่ะ”

    รัตเกล้าหันไปมองมินจูตาค้าง เมื่อประวัติและความเป็นมาที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน เพิ่งมารับทราบในตอนนี้พร้อมกับคนในครอบครัว

    “และในวันนี้ก็จะถือเป็นการพบกันครั้งแรก ดิฉันจึงอยากจะมอบของขวัญเล็กๆน้อยๆเพื่อปลอบขวัญคุณแม่ค่ะ”มินจูเอ่ยก่อนที่จะหันไปส่งสัญญาณให้จิงสงเอาของที่เตรียมมาวางลงตรงหน้า

    กล่องไม้ที่หุ้มด้วยกำมะหยี่สีดำถูกมือเรียวหยิบขึ้นมาเปิดออก มารดาของเธอถึงกับตาค้างเมื่อได้เห็นของที่อยู่ข้างใน นาฬิกาฝั่งเพชรที่ถูกสั่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อมอบให้เป็นของขวัญ พ่อตาและแม่ยายของจางมินจู

    “กรุณายกลูกสาวของพวกท่าน ให้ดิฉันเถอะค่ะ”มินจูเอ่ยคำสู่ขออย่างเป็นทางการ พร้อมกับก้มหัวให้บิดาและมารดาของรัตเกล้าเพื่อแสดงถึงความจริงใจ

    “อุ้ยๆไม่ต้องก้มซะขนาดนั้นก็ได้จ้ะ เงยหน้าขึ้นมาเถอะนะ ในเมื่อคุณจางมินจูเอ่ยปากขอลูกสาวกับแม่ซะขนาดนี้ จะใจร้ายไม่ให้ก็กระไรอยู่ เอาเป็นว่าเข้าตามตรอกออกตามประตู แม่ก็พอใจแล้วล่ะ”พรพิมลอมยิ้มเก็บอาการดีใจจนออกนอกหน้าไว้

    “ถ้าเช่นนั้น ดิฉันจะส่งแม่สื่อมาสู่ขออย่างเป็นทางการอีกครั้งนะค่ะ”

    “เอาตามนั้นเลยก็ได้จ้ะ ส่วนเรื่องสินสอด แม่ขอสัก เก้าล้าน เก้าแสน เก้าหมื่น เก้าพัน เก้าร้อย เก้าสิบเก้าบาทถ้วนจ้ะ”

    “ห๋า! อะไรน่ะค่ะ”มินจูขมวดคิ้วมองหน้าพรพิมลอย่างตกใจ

    “มีปัญหาอะไรหรอจ้ะ มันแพงไปหรอลูก”

    “เอ่อ...คือว่า เรื่องค่าน้ำนม ดิฉันได้เตรียมไว้แล้วล่ะค่ะ ทั้งเงินสดเก้าสิบล้านบาทไทย ทองคำแทงเก้าสิบบาท มิทราบว่าคุณแม่จะพอใจหรือเปล่าค่ะที่ดิฉันขอเปลี่ยนแปลง”

    “มันไม่มากไปหรอลูก”พรพิมลลมแทบจับเมื่อสิ่งที่มินจูเสนอมามันมากกว่าร้อยเท่า

    “ไม่มากไปหรอกค่ะ สำหรับคนที่เป็นทั้งชีวิตและลมหายใจของกันและกัน จนกว่าชีวิตของเราจะหมดลมหายใจไปพร้อมกัน”มินจูเอ่ยพร้อมกับหันไปมองรัตเกล้า ประสานสายตานิ่งอย่างลุกซึ้งต่อกัน

    “งั้นก็รีบหาฤกษ์มาสู่ขอเอาไปเลย”พรพิมลหัวเราะเสียงดังออกมาด้วยความดีใจสุดๆ จนสามีต้องสะกิตเตือน

    “นี่แม่ เก็บอาการหน่อยก็ได้ จะดีใจอะไรนัก”

    “จะไม่ให้ดีใจได้ยังไงล่ะพ่อ ลูกสาวขายออกกับเค้าสักที ลูกเขยก็หน้าตาดีมีชาติตระกูล หนึ่งในร้อยเท่านั้นที่จะได้แบบนี้ และผู้โชคดีคนนั้นก็คือลูกสาวของเราเอง โฮะๆ ไม่ได้การล่ะ แม่ต้องรีบตัดชุดเตรียมไว้สำหรับงานใหญ่”นางรีบกระวีกระวาดเดินออกไปอย่างร้อนรน จนสองพ่อลูกหันไปมองหน้ากันตาปริบๆ

     

    ระหว่างรอพิธีแต่งงานอย่างเป็นทางการที่จะเกิดขึ้นอีกไม่กี่วันข้างหน้า ตามคำรบเร้าของมินจูที่อยากจะให้ถึงวันแต่งเร็วๆ เพราะไม่อยากจะต้องทนนอนแยกห้องกับรัตเกล้าอีก วันนี้หลังจากที่ทั้งสองจัดการเรื่องชุดแต่งงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในตอนบ่ายรัตเกล้าจึงทำหน้าที่เป็นไกด์พามินจูไปเที่ยวยังสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของจังหวัด และที่ขาดไม่ได้ก็คงจะเป็นการทำบุญไหว้พระร่วมกัน

     ในอุโบสถ์อันเก่าแก่ของวัดสองสาวกำลังจุดธูปเทียนสักการะองค์พระพุทธรูปเก่าแก่ ที่ขึ้นชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของที่นี่ มินจูปักธูปลงกระถางเสร็จก็หันไปนั่งมองรัตเกล้า ที่เอาแต่หลับตางึมงำอธิฐานขอพรต่อองค์พระอยู่นาน

    “เธออธิฐานว่าอะไรหรอ ถึงได้นานขนาดนั้น”มินจูถามหลังจากรัตเกล้ากลับมาจากปักธูปลงกระถางแล้ว

    “ความลับ”คำตอบของเธอทำเอามินจูยิ่งอยากรู้มากขึ้น

    “บอกหน่อยไม่ได้หรอ”

    “ถ้าบอกแล้วมันจะเป็นความลับหรอ”พูดจบรัตเกล้าก็เดินหนีร่างสูงออกมาจากอุโบสถ์ มายืนอ้อยเอิงอยู่ตรงบริเวณราวแขวนระฆัง

    มินจูมองระฆังทองเหลืองที่ผ่านกาลเวลามาเป็นเวลานานจนกลายเป็นสีเทาดำน้อยใหญ่ห้อยอยู่บนคานเหล็ก รัตเกล้ายืนพนมมือเหมือนกำลังอธิฐานในใจก่อนที่จะเริ่มลงมือตีระฆังทั้งลูกเล็กลูกใหญ่ เสียงดังกังวานแตกต่างกันออกไปตามขนาด

    “อธิฐานว่าอะไรหรอ”มินจูเดินตามร่างหนาเข้ามาถามด้วยความอยากรู้

    “ความลับ”รัตเกล้าเหลือบไปมองมินจูก่อนที่จะตอบ

    มินจูขมวดคิ้วมองร่างหนาที่เดินลิวกลับไปที่รถ ก่อนที่จะเดินตามไปประกบตัวเธอด้วยความอยากรู้ มินจูผลักรัตเกล้าให้เข้าไปในรถ กดร่างหนาให้ราบไปกับเบาะรถก่อนที่จะหันไปสั่งจิงสงให้ออกรถ

    “จะทำอะไรน่ะ คุณมินจู”รัตเกล้าส่งสายตาขุ่นใส่

    “กำลังจะสอบปากคำผู้ร้ายปากแข็งน่ะสิ บอกมาเดี๋ยวนี้นะ ว่าเมื่อกี้เธอขอพรพระว่าอะไร ถ้าไม่บอกดีๆจะหาว่าฉันใจร้ายไม่ได้นะ”มินจูยื่นใบหน้าเข้าหาใบหน้าเนียนที่มองมาอย่างตื่นๆ

    รัตเกล้ารู้ว่าคนอย่างมินจูไม่มีอะไรที่ต้องการแล้วไม่ได้ ไม่ว่าด้วยวิธีใดถ้ามินจูต้องการก็ต้องเอามาเป็นของตัวเองให้ได้ รัตเกล้านึกละอายใจที่มินจูกล้าใช้วิธีนี้ต่อหน้าคนสนิท แม้ว่าเธอจะพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการของร่างสูงมินจูก็จะยิ่งรุกเธอมากขึ้น จมูกเล็กๆของมินจูซอกซอนไปตามใบหน้าที่แดงระเรื่อ

    “ทำอะไรน่ะ คนบ้า ไม่อายคนอื่นบ้างหรือยังไง”เธอประท้วง

    “มีคนอื่นที่ไหน ในนี้มีแค่เราสองคนต่างหาก อย่าเฉไฉบอกมาเดี๋ยวนี้”มินจูแกล้งรุกเธอต่อโดยไม่สนใจคนที่ทำหน้าที่ขับรถอยู่เบาะหน้า

    จิงสงแกล้งทำเป็นหูทวนลมไม่รู้ไม่เห็นในสิ่งที่นายสาวกระทำ เขาพับกระจกมองหลังให้หันไปมุมอื่นแทน

    “อย่านะ คุณมินจู”เธอพยายามปัดป้องริมฝีปากนุ่มที่หมายจะลิ้มชมรสหวานจากริมฝีปากอิ่ม

    “ถึงมือฉันจะยังใช้การไม่ได้ แต่อย่างอื่นยังใช้การได้ดีนะ”มินจูยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งสายตากรุ่มกริ่มจนรัตเกล้าต้องยอมแพ้ เพราะรู้ว่าคนอย่างมินจูทำแน่

    “คุณนี่มันเหลือเกินเลยจริงๆ ฉันยอมบอกคุณแล้วก็ได้”รัตเกล้าส่งค้อนวงใหญ่ให้กับสาวเจ้าเล่ห์

    “ฉันขอพรพระให้ท่านช่วยคุ้มครองคุณ ให้พ้นจากอันตรายทั้งหวง และก็ขอ...ให้ชีวิตคู่ของเรามีความสุขแบบนี้ตลอดไป”พอได้ยินเธอเอ่ยแบบนั้นมินจูก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่จะเอ่ยออกมาว่า

    “ตอนไปนี้จะไม่มีใครกล้ามาทำอันตรายพวกเราได้อีกแล้ว และฉันก็จะอยู่กับเธอแบบนี้ตลอดไป”

    สองสายตาประสานกันนิ่งเหมือนถ่ายทอดความรู้สึกลึกซึ้งที่มีต่อกัน แม้ไม่ต้องเอ่ยออกมาเป็นคำพูด พวกเธอทั้งสองต่างก็รู้ดีว่าความรู้สึกที่อยู่ในใจนั้นมันคืออะไร เรียวปากได้รูปค่อยๆบรรจงแตะสัมผัสใบหน้าหวานอย่างแผ่วเบา แต่พอถูกรุกเร้ามากขึ้นรัตเกล้าก็เบี่ยงใบหน้าหนี มินจูขมวดคิ้วมองใบหน้าที่แดงก่ำของเธออย่างขัดใจ แต่พอถูกสายตาคมมองค้อนก็สำนักได้ว่าตอนนี้พวกเธอนั้นอยู่ที่ไหน

     

    ช่วงเย็นวันนั้นรัตเกล้าพามินจูออกมาเดินซื้อของในตลาดนัดคลองถมแถวๆบ้าน ซึ่งมันก็ทำให้เธอนึกถึงการเดทครั้งแรกที่ตลาดไนท์บารซ่าในเมืองเซียะเหมิน รัตเกล้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้มาเดินควงกับร่างสูงนี้อีกครั้ง ตลอดทางที่พวกเธอเดินดูสินค้าในตลาดสายตาของทุกคนต่างก็จับจ้องไปที่ร่างสูงข้างกายเธอ ด้วยรูปร่างหน้าตาผิวพรรณละหม้ายไปทางหนุ่มเกาหลี จึงทำให้สาวๆต่างก็พากันมองมินจูอย่างหลงใหล รัตเกล้ากระตุกยิ้มด้วยมาดนางมารร้ายสวมกอดแขนเรียวแนบตัวอย่างออดอ้อน เธอเหลือบไปมองใบหน้าของสาวพวกนั้นที่มองเธออย่างอิจฉาตาร้อน รัตเกล้าหัวเราะออกมาเบาๆอย่างสะใจ คนนี้ของฉันพวกหล่อนอย่าได้หวังสูงเสียให้ยาก มินจูขมวดคิ้วมองกิริยาท่าทางที่ไม่เหมือนปกติของคนข้างกาย

    “กำลังคิดแผนชั่วร้ายอะไรอยู่หรอ”มินจูถามหญิงสาวที่กอดแขนตนอย่างออดอ้อน

    “เปล่านี่”เธอเงยหน้าขึ้นมาตอบอมยิ้มน้อยๆ

    “ปากบอกว่าเปล่า แต่สายตาเจ้าเล่ห์แบบนี้ น่าสงสัย”

    “เจ้าลงเจ้าเล่ห์อะไรกัน คุณน่ะคิดมากไปรึเปล่า เดี๋ยวนี้กลายเป็นคนคิดมากตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”

    “ก็ตั้งแต่มีเธอเข้ามาในชีวิตนี่แหละ กี่ครั้งแล้วที่ฉันต้องปวดหัวกับแผนชั่วร้ายของเธอ”มินจูพูดเหน็บจนรัตเกล้าพองลมจนแก้มป่องเหมือนเด็กเล็กๆที่ถูกผู้ใหญ่จับผิดได้

    “แต่คราวนี้ไม่มีอะไรจริงๆ”

    “แน่นะ”มินจูเน้นเสียงส่งสายตาคาดคั้นจับผิดจนรัตเกล้าต้องพ่นลมออกมาอย่างจำนน

    “ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่...รำคาญสายตาพวกชะนีเก้งกวางทั้งหลาย ที่มันบังอาจมามองคุณมินจูของฉัน”เธอซบไหล่ร่างสูงแสดงถึงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ จนมินจูเผยรอยยิ้มออกมา

    “เธอนี่มันแสบจริงๆ”

    “ชิ ว่าฉันแสบ คุณเองก็ร้ายใช่ย่อย”รัตเกฃ้าย่นจมูกล้อเลียนใส่

    “หึๆ อยู่กับเธอนี่ฉันไม่เคยเบื่อเลย”มินจูหัวเราะชอบใจ

    “ก็ลองเบื่อดูสิ แม่จะเอาคมแฝกตีให้เดี้ยงเลย”เธอถลึงตาใส่อย่างเอาเรื่อง ทำเอามินจูเกิดอาการหมั่นเขี้ยวบีบจมูกรูปชมพู่จนบู้บี้

    “แหม...น่ากลัวมากเลย”

    “โอ้ย...เจ็บนะคุณมินจู”การหยอกล้อกันระหว่างคู่รักต่างสัญชาติเป็นที่อิจฉาของบรรดาสาวๆ ที่แอบมองแอบชอบสาวหล่อตั้งแต่แรกเห็น แต่ทว่าท่ามกลางสายตาที่มองพวกเธออย่างอิจฉาตาร้อนนั้น มีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องไปยังทั้งสองอย่างมุ่งร้าย

    สองสาวเดินฝ่าฝูงชนที่ต่างก็มาจับจ่ายสินค้าในตลาดนัดกันอย่างคับคั่ง รัตเกล้าชี้ชวนให้มินจูแวะแผงขายส้มตำไก่ย่างที่อยู่ด้านนอกของตลาด มินจูรู้สึกสนใจอาหารไทยพื้นบ้านรสชาติจัดจ้านและสีสันฉู่ฉาด ขณะที่ทั้งสองกำลังเพลิดเพลินอยู่กับส้มตำรสแชบอยู่นั้น จู่ๆก็มีรถกะบะคันใหญ่แล่นเข้ามาจอดเทียบอย่างแรง ชายฉกรรจ์หลายสิบคนกระโดดลงจากกะบะท้ายเข้ามาล้อมกรอบโต๊ะที่พวกเธอนั่ง

    “แกหรอว่ะ คือจางมินจู มีคนเค้าอยากพบแก ไปกับพวกเราเดี๋ยวนี้”ชายร่างใหญ่ผิวคล้ำที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของกลุ่มเดินเข้ามาพูดจาห้วนๆใส่ พร้อมกับเอาปืนสั้นที่ซ่อนไว้ในเสื้อออกมาข่มขู่

    “สองสาวที่กำลังอร่อยกับอาหารว่างปรายสายตามองกลุ่มชายฉกรรจ์ด้วยท่าทางที่เรียบเฉย แต่ลูกค้าคนอื่นๆในแผงเริ่มแตกตื่นรีบลุกหนี สาวชาวจีนรู้สึกขัดใจที่มีตัวก่อกวนตามมารังควานถึงที่นี่

    “พวกแกกล้าเอาปืนมาจ่อฉันอย่างนั้นหรอ”น้ำเสียงที่แสดงถึงความไม่พอใจทำให้รัตเกล้าเริ่มระวังตน

    “เฮ้ย! พูดมากไปขึ้นรถเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นก็อย่าหาว่าข้าใช้กำลังกับผู้หญิง”มันเอาปืนเกวี่ยงไปมาเพื่อเร่งให้พวกเธอทำตามคำสั่ง

    “เธออยู่เฉยๆห้ามขยับไปไหนเข้าใจมั้ย”มินจูกรอกดวงตากลับมามองเธอ

    “แผลที่มือคุณยังไม่หายดีเลยนะ”

    “แค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก”

    “เฮ้ย! พล่ามอะไรกันอยู่ได้ว่ะ ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้”ชายคนนั้นตรงเข้าไปจะคว้าแขนมินจู แต่ยังไม่ทันถึงตัว ร่างสูงก็ปัดมือของมันออกพร้อมกับพุ่งเข้าไปตีเข่า

    ร่างใหญ่จุกจนร่วงลงไปกองกับพื้น พวกที่เหลือจึงกรูกันเข้ามาหมายจะแก้ให้ลูกพี่ แต่ก็ถูกมินจูแจกหมัดแข้งจนร่วงไปกองกับพื้นหมดทุกคน หัวโจกที่นอนจุกอยู่ที่พื้นค่อยๆขยับกายลุกขึ้น แต่ก็ถูกเท้าของรัตเกล้ากดลงให้ราบไปกับพื้นอีกครั้ง

    “เบื่อจริงๆเลย พวกผู้ร้ายหนังไทยไม่มีอะไรที่มันอินเทรนบ้างเลยรึยังไง โง่ชะมัด จะมาจับเค้าแต่ไม่ศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนว่าเค้าเป็นใคร ก็ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้แหละ”รัตเกล้าเหยียดยิ้มที่มุมปากส่ายหัวด้วยท่าทางกวนๆ

    “อีนังนี่ กล้าลูบคมคนอย่างข้างั้นหรอ”มันเกรียวกราดพยายามยันกายขึ้น แต่น่าแปลกที่ชายตัวโตอกสามศอกไม่สามารถขยับลุกออกจากการควบคุมของผู้หญิงที่ดูไร้กำลังอย่างรัตเกล้าไปได้ เธอใช้เท้ากดร่างใหญ่ในขณะที่ตัวเองยังคงนั่งนิ่งๆอยู่ที่เก้าอี้ไม้

    “โรส ฉันบอกเธอแล้วไงว่าอย่าขยับ”มินจูหันไปดุเธอ

    “แต่ฉันก็ไม่ได้ลุกไปไหนนะ”รัตเกล้ายักไหล่ทำหน้าทำตาหรอหรา

    และในจังหวะนั้นเอง ชายอีกคนที่อยู่ในรถก็เปิดประตูรถออกมาพร้อมกับปืนที่มันกำลังเล็งไปที่ร่างสูง ฉึก!

    “อ๊าก!~”สิ้นเสียงร้องร่างของมือปืนก็ล้มลงไปกองกับพื้น กลางหันมีอาวุธลับของจิงสงที่ขว้างออกไปปลิดชีวิตของมัน

    “นายหญิง! นายหญิงน้อย!”บอดี้การ์ดหนุ่มถลาเข้าไปหามินจูด้วยความตกใจ ที่จู่ๆก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น

    “พวกมันเป็นใครครับ นายหญิง”

    “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน คงต้องถามพวกมันว่าใครส่งพวกมันมา”มินจูกวาดสายตามองร่างที่นอนพื้น ก่อนที่จะเดินเข้าไปหาร่างใหญ่ที่รัตเกล้ากดเอาไว้

    “ใครส่งพวกแกมา”มินจูถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเหมือนอย่างเคย

    มันไม่ตอบได้แต่พยายามยันกายให้หลุดพ้นจากอำนาจลึกลับของรัตเกล้า

    “นี่ ถ้าบอกมาดีๆ ฉันก็จะปล่อย”ข้อเสนอของรัตเกล้าทำให้มันกรอกตามองเธออย่างจำนน

    “อึก! มีพ่อค้ายาคนจีนจ้างให้พวกข้า จัดการกับคนที่ชื่อจางมินจู”คำตอบของมันทำให้ทุกคนถึงกับบางอ้อ

    แต่ทันใดนั้นเอง! มินจูสัมผัสได้ถึงอันตรายบางอย่างที่มันกำลังพุ่งเข้ามา

    “ทุกคนหลบเร็ว!”มินจูตรงเข้าไปคว้าร่างหนาให้มุดไปอยู่ใต้โต๊ะก่อนที่จะผลักให้โต๊ะล้มลงให้กลายเป็นที่กำบัง

    แสงสีเงินวาวของดาวกระจายพุ่งเข้ามาเหมือนฝนดาวตก จิงสงกระโดดหลบเอารถเข็นเป็นที่กำบังกาย ดาวกระจายพุ่งเข้าปักร่างใหญ่ที่ลุกหนีไม่ทันจนขาดใจตาย

    “พวกไม่ได้เรื่อง ไร้ประโยชน์สิ้นดี”ร่างที่แต่งกายด้วยชุดสีดำปรากฏตัวขึ้นบนยอดเสาไฟฟ้า

    มินจูกับรัตเกล้าค่อยๆออกมาจากที่กำบังมองร่างของผู้ไม่ประสงค์ดีที่ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่บนไฟฟ้า

    “รู้สึกว่า พวกเราจะเจอโจทย์เก่าเข้าซะแล้ว”ดวงตากลมโตของเธอลุกวาว เมื่อชายชุดดำที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าเธอนั้น เป็นคนที่เธอจำได้ไม่เคยลืม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×