เก่งภาษาอังกฤษด้วยภาพยนตร์
เขียนโดย
nextsterpp
การเรียนภาษาอังกฤษให้ได้ผลดีที่สุด คือการเรียนจากสถานการณ์จริง หากไม่มีสถานการณ์จริง ก็ให้เรียนจากสถานการณ์เสมือนจริง และสถานการณ์เสมือนจริงที่ดีที่สุดคือภาพยนตร์ เพราะภาพยนตร์คือภาพสะท้อนชีวิตจริง ๆ ของคนเรา เวลาโกธร เกลียด รัก ชิงชัง อ่อนหวาน โหดเหี้ยม ภาษาที่แสดงออก ในภาพยนตร์ไม่ได้แตกต่างจากภาษาที่ใช้ในชีวิตจริงเลย
สมัยก่อนการดูภาพยนตร์เป็นภาษาต่างประเทศ มีความยุ่งยากซับซ้อนมาก เพราะได้ยินแต่เสียงพูดและหน้าตาท่าทางกว่าจะเข้าใจเนื้อเรื่อง โดยเฉพาะในแง่ของภาษา ต้องใช้สมองและเวลานานมาก บางคนดูภาพยนตร์ทั้งเรื่องแทบจะไม่รู้เรื่องเลยว่าเขาพูดอะไรกันบ้าง แต่ก็พอเข้าใจเนื้อหา เพราะสังเกตกิริยาหน้าตา และท่าทางประกอบเอา คนที่มีทักษะทางภาษาสูง มีจินตนาการดี ก็จะเรียนรู้ได้เร็วและมากกว่าคนอื่นที่มีทักษะและจินตนาการน้อยกว่า ซึ่งสร้างความได้เปรียบ - เสียเปรียบ ในการเรียนรู้มากพอสมควร
แต่ในปัจจุบัน ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช่วยให้เรามีความรวดเร็ว สะดวกสบาย ในการใช้ชีวิตการเรียนรู้ในการทำงานมากมายหลายเท่า การดูภาพยนตร์ต่างประเทศไม่ใช่ปัญหาใหญ่อีกต่อไป เราสามารถเลือกดูได้ทั้งประเภทมีเสียงพากย์ไทย หรือฟังเสียงสำเนียงภาษาเดิมต้นฉบับเลยก็ได้ ที่ล้ำหน้า สะดวกสบายยิ่งกว่านั้นก็คือ เราสามารถกดปุ่มรีโมท คอนโทรล เลือกฟัง และเลือกดูตัวอักษรหรือหนังสือเป็นภาษาต่าง ๆ ได้หลายภาษาอีกด้วย เรียกว่าได้ฟังทั้งเสียง ดูลีลาท่าทาง และมองเห็นตัวหนังสือที่เป็นภาษาพูดไปด้วยพร้อมกัน ที่ว่ามานี้เป็นการดูภาพยนตร์จากแผ่น ไม่ใช่ในโรงภาพยนตร์ และแผ่นที่ว่าก็มีอยู่ 2 ประเภท คือ VCD กับ DVD ในระบบแผ่น VCD ส่วนใหญ่จะเป็นภาพยนตร์พากย์ไทยไม่มีตัวหนังสือวิ่ง (SUB-TITLE) เป็นภาษาอังกฤษส่วนที่เป็นเสียงพากย์ไทยมีตัวหนังสือวิ่งเป็นภาษาอังกฤษก็พอ มีอยู่บ้างแต่น้อย ระบบ DVD เป็นระบบที่ดีที่สุดในการเรียนภาษา ราคาแพงหน่อยแต่คุ้มค่า ในระบบนี้ เราสามารถเลือกฟังและเลือกดูภาษาได้หลายภาษา แล้วแต่ว่าเขาผลิตมาอย่างไร แต่ภาษาที่นิยมกันอยู่ทั่วไป ได้แก่ภาษา จีน ญี่ปุ่น มาเลเซีย เกาหลี อินโดนีเซีย สเปน ไทย และอังกฤษในแผ่น DVD เกือบทุกแผ่น อย่างน้อยที่สุดจะมีภาษาไทยและภาษาอังกฤษอยู่ด้วยเสมอ
ในเมื่อเป้าหมายของเราคือการเรียนภาษาอังกฤษให้เก่ง สิ่งที่เราควรให้ความสนใจคือภาษาอังกฤษ คำแนะนำในการเรียนภาษาอังกฤษให้เก่ง ผ่านภาพยนตร์ที่มีภาษาไทยและภาษาอังกฤษอยู่ด้วยมีดังนี้
1) สำหรับมือใหม่ที่ภาษาอังกฤษยังอ่อนอยู่มาก ให้เปิดฟังระบบเสียงพากย์เป็นภาษาไทย แล้วกดรีโมท คอนโทรล ดูตัวหนังสือวิ่งหรือ SUB-TITLE เป็นภาษาอังกฤษ ในรอบแรก พอในรอบที่สอง (เรื่องเดิม) ให้เปิดฟังระบบเสียงในฟิล์มเป็นภาษาอังกฤษ แล้วกดรีโมท คอนโทรลเลือก SUB-TITLE เป็นภาษาไทย แต่ให้เน้นการฟังและการดูภาษาอังกฤษเป็นหลัก
2) สำหรับมือระดับกลาง พอมีพื้นฐานภาษาอังกฤษโดยเฉพาะการฟังอยู่บ้างหรือได้ผ่านขั้นตอนที่หนึ่ง มาบ้าง ไม่ต้องเปิดฟังหรือดูภาษาไทยเลย ให้กดรีโมท คอนโทรล เข้าสู่ระบบเสียงในฟิล์มหรือ SOUND TRACK ไปเลยและให้เลือกดู SUB-TITLE เป็นภาษาอังกฤษไปพร้อมกัน ในรอบที่หนึ่ง ในรอบที่สอง (เรื่องเดิม) ให้ฟังเสียง SOUND TRACK ภาษาอังกฤษอย่างเดียว โดยไม่ต้องดู SUB-TITLE ประกอบ
3) สำหรับมือระดับสูง มีพื้นฐานการฟังที่ดีอยู่แล้วหรือผ่านขั้นตอนที่หนึ่งและที่สองมาแล้ว ให้ดู DVD ในระบบเสียงในฟิล์ม SOUND TRACK เป็นภาษาอังกฤษได้เลย อาจดู SUB-TITLE ประกอบได้บ้างเป็นบางช่วง หากรู้สึกว่า คำ วลี หรือประโยคหน้าสนใจ น่าจดจำดูเพียงรอบเดียวก็พอ โดยไม่ต้องดูรอบสองอีกครั้งหนึ่ง หรือจะดูอีกก็ได้หากเป็นเรื่องที่เราสนใจมากเป็นพิเศษ
4) ไม่ว่าคุณจะเป็นมือระดับไหนก็ควรจะมีสมุดบันทึกไว้ใกล้ ๆ ตัวเพื่อจดคำ วลี หรือ ประโยคที่น่าจดจำ น่าสนใจ และมีปรัชญาชีวิตที่ดีเอาไว้พูด หรือเป็นคติเตือนใจของเราเอง อย่าลืมว่าในภาพยนตร์แต่ละเรื่อง มีสิ่งดี ๆ ให้เราเรียนรู้มากมาย และอย่าปล่อยให้สิ่งดี ๆ เหล่านี้ผ่านเลยหรือหลุดลอยจากเราไปโดยที่เราไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย
ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็อย่าลืมหลัก สุ-จิ-ปุ-ลิ (ฟัง-คิด-ถาม-บันทึก) ในการเรียนรู้ก็แล้วกัน
แจ้ง Blog ไม่เหมาะสม
16 มี.ค. 53
392
0
ความคิดเห็น