มหาวิทยาลัยกับเงื่อนไขความเป็นเลิศทางวิชาการ
เขียนโดย
nextsterpp
กับเงื่อนไขความเป็นเลิศทางวิชาการ
หมู่นี้คำว่า “มหาวิทยาลัย” กำลังฮิตติดตลาดจังหวัดไหนก็อยากมีมหาวิทยาลัยประดับบารมี ราวกับว่ามหาวิทยาลัยเป็นสิ่งมหัศจรรย์เสียเหลือเกิน ความจริงมหาวิทยาลัยก็คือ สถาบันการศึกษาที่มีความเป็นธุรกิจอยู่ในตัวของมันเองทั้งรัฐบาล ผู้สอน และผู้เรียนจะต้องลงทุนในสัดส่วนที่มากน้อยแตกต่างกันไป บางมหาวิทยาลัยคิดค่าหน่วยกิตแพง บางมหาวิทยาลัยคิดค่าหน่วยกิตถูก แล้วแต่มาตรฐานและคุณภาพแต่ละสถาบัน หากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศพร้อมใจกันขึ้นค่าหน่วยกิตให้แพงขึ้นกว่าเดิม ผู้เขียนก็ยังเชื่อว่าคนเรียนจะไม่ลดน้อยลงเลย ทั้งนี้เพราะ ทุกคนกลัวความโง่ ดังคำกล่าวยืนยันของ ศาสตรจารย์ดิเรค อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐ - อเมริกาที่ว่าIF YOU THINK EDUCATION IS EXPENSIVE TRY IGNORANCE ( ถ้าคุณคิดว่าการศึกาาราคาแพงลองทนเป็นคนโง่อยู่อย่างเดิมสิ แล้วจะรู้ว่ามันราคาแพงแค่ไหน ) คำฮิตติดริมฝีปากชาวมหาวิทยาลัยและผู้สนใจการศึกษาอีกคำหนึ่งคือ “ความเป็นเลิศทางวิชาการ “ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญแต่ละท่านก็นิยามกันไปต่างๆ นานา แล้วแต่ประสบการณ์และความคาดหวังของตนเอง แต่โดยสรุปรวมๆ แล้วหมายถึง ความเก่งในระดับสากลทั้งในด้านเนื้อหาวิชาเฉพาะ ภาษา (อย่างน้อยภาษาอังกฤษต้องคล่องแคล่ว ) และความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เช่นคอมพิวเตอร์ และเครื่องมือสื่อสารประเภทต่างๆ ในความหมายที่กว้างกว่านั้นอาจหมายถึงความเท่าเทียมกันในโอกาสทางการศึกษา แต่ความเป็นเลิศทางวิชาการมิใช่สิ่งที่จะได้มาหรือความเป็นจริงขึ้นมาได้ โดยการพูด เขียน หรือ ประชาสัมพันธ์เฉยๆ อีกทั้งมิอาจจะได้มาโดยปราศจากเงื่อนไของค์ประกอบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันพูดง่าย ก็คือว่า ความเป็นเลิศทางวิชาการไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นมาจากความว่างเปล่าเหมือน โอปะปาติกะ ในทางพุทธศาสนา มันต้องมีสภาวะเงื่อนไข
( PRECONDITION ) และเงื่อนไข ( CONDITIONS ) ที่จะนำไปสู่ความเป็นเลิศเสียก่อน
สภาวะเงื่อนไขที่สำคัญเพื่อความเป็นเลิศทางวิชาการได้แก่
1. คุณภาพด้านมันสมอง (INTELLECTUAL QUALITY) ของอาจารย์ นักศึกษาและพนักงาน
2. เสรีภาพทางวิชาการ (ACADEMIC FREEDOM) ซึ่งรวมทั้งสิทธิที่จะผิดพลาดได้และมีสิทธิ์ที่จะแก้ไขข้อผิดพลาดนั้นๆของ อาจารย์
3. ความเป็นอิสระจากระบบราชการที่เชื่องช้า ( FREEDOM FROM BUREAUCRACY )
4. ความยืดหยุ่นต่อการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในด้านทิศทางและโครงสร้าง ( FLEXIBILITY )
5. ทำเลที่ตั้งของมหาวิทยาลัย ( LOCATION ) และ
6. ห้องสมุดที่ทันสมัย ( MODREN LIBRARY )
นั่นเป็นสภาวะเงื่อนไขที่จะนำไปสู่ความเป็นเลิศทางวิชาการ แต่ยังไม่พอ ความเป็นเลิศทางวิชาการย่อมขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่สำคัญอย่างยิ่งอีก 11 ประการ คือ
1. การแต่งตั้งบรรจุพนักงานที่มีความเป็นเลิศในตำแหน่งต่างๆอย่างเหมาะสม
2. งานวิจัยและงานสอนจะต้องสนับสนุนกันในด้านความเป็นเลิศไม่ใช่เด่นเพียงด้าน ใดด้านหนึ่งเพียงอย่างเดียว
3. การประเมินผลการเรียนการสอนและการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานอย่างสม่ำเสมอ
4. ความยืดหยุ่นในการตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์และโอกาสในการทำ วิจัยข้ามสาขาวิชา
5. ความเป็นเลิศทางวิชาการ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนของอาจารย์ชาวต่างประเทศ
6. อาจารย์ชาวต่างประเทสควรจะได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกันกับอาจารย์ชาวไทย ทั้งในด้านเงินเดือนและสวัสดิการต่างๆ
7. เครือข่ายการติดต่อกับนานาชาติในด้านวิชาการและการทำวิจัย
8. ความเป็นอิสระในการใช้งบประมาณสำหรับงานสอนและการทำวิจัย หากจะมีองค์กรตรวจสอบจากภายนอกก็ควรจะตรวจสอบแค่เพียงว่า ภาษีอากรของประชาชนถูกนำมาใช้อย่างถูกต้องเหมาะสมหรือไม่เท่านั้น
9. การบริหารที่เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณหรือสถิติ มีวิสันทัศน์ที่ยาวไกลมีการกระจายอำนาจอย่างเหมาะสมและมีความใจกว้างที่จะ รับฟังข้อเสนอแนะหรือความคิดเห็นจากพนักงานระดับล่าง แม้ว่าบางครั้งอาจจะเจ็บปวด
10. งบประมาณที่เพียงพอต่อการสร้างความเป็นเลิศทางวิชาการตามที่กล่าวมาแล้ว
11. การหยิบยื่นความเป็นเลิศทางวิชาการให้กับชุมชน รวมทั้งการมีส่วนร่วมกับชุมชน
หากปราศจากการพิจารณาและปฏิบัติตามเงื่อนไข ของความเป็นเลิศทางวิชาการดังกล่าวข้างต้นอย่างมีวิจารณญาณแล้วไซร้ ป่วยการที่จะมาพูดถึงความเป็นเลิศทางวิชาการ เพราะมันเป็นเพียงความฝันที่เลื่อยลอย แม้เราจะมีมหาวิทยาลัยในทุกจังหวัดความเป็นเลิศทางวิชาการก็ไม่อาจเกิดขึ้น มาได้ และในที่สุดมหาวิทยาลัยต่างๆก็จะมีสภาพเป็นแค่เพียงพิพิธภัณฑ์สะสมความล้า หลังที่สวยงามเท่านั้น
แจ้ง Blog ไม่เหมาะสม
16 มี.ค. 53
542
0
ความคิดเห็น