ทำไมคนไทยไม่เก่งภาษาอังกฤษกันเสียที่
เขียนโดย
nextsterpp
จากข้อมูลการสอบโทเฟล (TOEFL) ระหว่างเดือน ก.ค. 2547 – มิ.ย. 2548 ของศูนย์ทดสอบทางการศึกษา (EDUCATION TESTING SERVICE) ของสหรัฐอเมริกา พบว่าประเทศไทยมีคะแนนเฉลี่ยการทดสอบภาษาอังกฤษในฐานะที่เป็นภาษาต่างประเทศ หรื่อที่เรียกกันสั้นๆว่า โทเฟล อยู่ในลำดับที่ 8 ของกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รองจาก สิงค์โปร์ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย พม่า อินโดนีเซีย เวียดนาม และลาว ตามลำดับ
นอกจากนี้ จากข้อมูลการทดสอบภาษาอังกฤษเพื่อนำคะแนนไปใช้ในการสมัครงาน หรือที่เราเรียกกันว่า โทอิก (TOEIC) พบว่าในช่วงปี 2547 – 2548 คะแนนสอบโทอิกของประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 4 ของกลุ่มประเทศในอาเซี่ยน รองจากฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และกัมพูชา สรุปสั้นๆแบบฟันธงตรงนี้เลยว่า คนไทยเก่งภาษาอังกฤษน้อยกว่า เขมรและลาว !
ผู้เขียนร่ำเรียนมาทางนี้โดยตรง ทำมาหากินจากการใช้ความรู้ความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษเป็นเวลา 20 กว่าปี ตกใจมากที่ทราบข้อมูลนี้ แต่ก่อนเคยนึกกระหยิ่มยิ้มย่องลำพองใจว่า ยังไงๆไทยก็เก่งกว่าลาวและเขมรเกือบจะทุกเรื่องอยู่แล้ว แต่ความจริงด้านภาษาอังกฤษ ยืนยันออกมาว่า “ไม่ใช่” อย่างที่คิดอีกต่อไปแล้ว ซึ่งอาจจะรวมถึงเรื่องอื่นด้วย ลองมานั่งนึกตรึกตรองดู เพื่อตอบคำถามที่ว่า “ทำไมคนไทยเก่งภาษาอังกฤษสู้ลาวและเขมรไม่ได้ “ พบว่าสาเหตุ ที่คนไทยจะเก่งหรือไม่เก่งภาษาอังกฤษนั้นมี องค์ประกอบสำคัญหลักๆอยู่ 3 ประการคือ 1)ผู้สอน 2) ผู้เรียน 3)สิ่งแวดล้อม
การที่คนไทยจะเก่งภาษาอังกฤษในระดับแข่งขันกับชาติอื่นได้นั้น ผู้สอน ผู้เรียน และสิ่งแวดล้อม ควรจะมีคุณสมบัติหรือลักษณะต่อไปนี้
1) ผู้สอนหรือครู-อาจารย์ จะต้องมีความรู้ดี มีวิธีการถ่ายทอดที่ดี และเอาใจใส่ผู้เรียนเป็นอย่างดี รวมทั้งทำตัวเป็นแบบอย่างและแรงบันดาลใจให้ผู้เรียนด้วย
2) ผู้เรียนหรือนักเรียน – นักศึกษา จะต้องให้ความสนใจทุ่มเท หมั่นฝึกฝน ทำแบบฝึกหัดอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ เรียนอย่างตั้งใจ มีเป้าหมาย และประเมินความก้าวหน้าของตัวเองเป็นระยะๆ
3) สิ่งแวดล้อม หมายถึงบรรยากาศและอุปกรณ์ในการเรียนรู้ ได้แก่ หลักสูตร เอกสารการเรียนการสอน เทคโนโลยีในการเรียนรู้ และบรรยากาศรอบๆตัวของผู้เรียน สิ่งเหล่านี้จะต้องดี พร้อม มีคุณภาพ และช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ของผู้เรียนอย่างเป็นระบบและมีความต่อเนื่อง
อนึ่ง ผู้สอนและผู้เรียนต้องเข้าใจตรงกันว่าเสียก่อนว่า การเรียนภาษาให้ได้ผลและมีประสิทธิภาพ จะต้องเรียนรู้และฝึกฝนทั้ง 4 ทักษะ คือ ฟัง พูด อ่าน เขียน นี่เป็นลำดับหรือขั้นตอนการเรียนรู้ภาษาที่ถูกต้องของมนุษย์ โดยเริ่มต้นจากการฟังก่อน แล้วค่อยขยับไปเรื่องพูด อ่าน เขียน เมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องเรียนรู้ไปพร้อมกันแบบบูรณาการ แต่ไม่ใช่ให้เด็กตัวเล็กๆ มือไม้ยังไม่แข็งแรง เขียนตัวอักษร A- Z ให้ได้เสียก่อน ก่อนจะไปเรียนรู้ทักษะอื่นๆ ประเทศไทยเรียนภาษาอังกฤษแบบผิดธรรมชาติของการเรียนภาษา คือไปเริ่มที่เขียน แล้วค่อยอ่าน ฟัง พูด เป็นขั้นตอนแบบ เขียน อ่าน ฟัง พูด เหมือนปีนต้นไม้จากยอดลงมาโคนผู้เรียนเลยตกลงมาตายหรือตกม้าตายเป็นส่วนใหญ่
ที่สำคัญ ทั้งผู้สอน และผู้เรียนต้องเข้าใจเบื้องต้นร่วมกันด้วยว่า คนจะเก่งภาษาได้จะต้องมีความสามารถหลัก ๆ 4 ประการ คือ ความสามารถทางไวยากรณ์ (GRAMMATICAL COMPETENCE) ความสามารถทางภาษาเชิงสังคม (SOCIOLINGUISTIC COMPETENCE) ความสามารถเชิงยุทธศาสตร์การสื่อสาร (STRATEGIC COMPETENCE ) และความสามารถในการสื่อสารได้อย่างต่อเนื่อง (DISCOURSE COMPETENCE)
โดยสรุป ความสามารถทั้ง 4 ประการอาจย่อให้เหลือเพียง 2 ประการคือ ความสามารถทางภาษาศาสตร์ (LINGUISTIC COMPETENCE)และความสามารถในการแสดงออก (PERFORMANCE COMPETENCE )
ดังนั้น ถ้าเราอยากให้คนไทยเก่งภาษาอังกฤษจริงๆ จะต้องพิจารณาองค์ประกอบในด้าน ผู้สอน ผู้เรียน และสิ่งแวดล้อมว่า ดี พร้อม และมีประสิทธิภาพ – คุณภาพ เพียงใด ไม่ใช่มัวแต่ฝันและเฝ้าคอยว่าเมื่อไหร่คนไทยจะเก่งภาษาอังกฤษกันเสียที อย่างที่เคยเป็นและเป็นอยู่ในปัจจุบัน
แจ้ง Blog ไม่เหมาะสม
16 มี.ค. 53
834
2
ความคิดเห็น