ร้อยเล่ห์รักข้ามภพ(百爱跨越时间)
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ อดีต ปัจจุบัน อนาคต Tags : ยังไม่มี
ผู้แต่ง : นู๋ไฉ
My.iD :
https://my.dek-d.com/omgmin8/writer/
ตอนที่ 9 : บทที่8 เชื่อมสัมพันธไมตรี

(ผู้ส่งสาร คือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้นำสารหรือราชโองการมาส่ง ไม่ไช่ทูตมีหน้าที่เพียงนำข้อความมามอบให้กับผู้รับสารเท่านั้น)
ผู้ส่งสารจากแคว้นหลวน คุกเข่าอยู่กลางท้องพระโรงเพื่อรอคอยที่จะมอบสารที่ตนได้รับมอบหมายให้นำมาส่งแก่ผู้รับสาร
"หวงช่างเสด็จแล้ว" สิ้นเสียงขันทีประกาศ เจิ้งหลี่ก้าวเท้าเข้ามาภายในท้องพระโรงมองสำรวจผู้ส่งสารจากต่างแคว้น เสี่ยวกงกง รับสารจากผู้ส่งสารมามอบให้กับหวงตี้
เจิ้งหลี่รับสารมาเปิดอ่าน ข้อความในสารกล่าวว่าแคว้นหลวนผู้ยิ่งใหญ่ต้องการเชื่อมสัมพันธไมตรี ด้วยการส่งองค์หญิงมาอภิเษก โดยจะส่งขบวนอภิเษกสมรสมายังแคว้นเจิ้งในอีก 15 วันข้างหน้า
แต่มีข้อแม้ว่าองค์หญิงจะต้องได้ดำรงตำแหน่งเป็นหวงโฮ่วเพื่อให้สมพระเกียรติ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจักรพรรดิเจิ้งหลี่จะยินดีในการสมรสเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีในครั้งนี้ เพื่อเป็นเมืองพี่เมืองน้องกันตลอดไป"
เจิ้งหลี่อ่านข้อความในสารแล้วรู้สึกโมโหยิ่งนัก แคว้นหลวนคิดว่าแคว้นเจิ้งของเขาจะต้องทำตามที่ตนต้องการทุกอย่างอย่างกระนั้นหรือ นี่มันจงใจหาเรื่องเปิดสงครามกันชัดๆ ได้..ในเมื่อต้องการเช่นนั้น เขาก็จะยอมเต้นตามที่แคว้นหลวนต้องการ
เจิ้งหลี่มองผู้ส่งสารด้วยสายตาเย็นเฉียบจนผู้ส่งสารรู้สึกหนาวสะท้าน
เขาเขียนสารตอบกลับไปแคว้นหลวนอย่างรวดเร็ว โดยให้ผู้ส่งสารจากแคว้นหลวนเป็นผู้นำกลับไป และยังเอ่ยปากกับผู้ส่งสารด้วยสายตายิ้มแย้ม
"หวังว่าเราคงจะได้ผูกสัมพันธไมตรีต่อกัน"
. .
. .
"ทูลหวงช่าง ชินอ๋องเจิ้งไฉ ขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ"
"ให้เข้ามาได้" คนที่จะร่วมชมละครในครั้งนี้เดินเข้ามาในห้องพร้อมทั้งคุกเข่าถวายพระพรต่อหวงตี้อย่าองอาจ เจิ้งหลี่จ้องมองตี้ตีต่างแม่ที่ตนรักมากคนนี้ด้วยสายตาสำรวจ
เจิ้งไฉมีใบหน้าคล้ายกับเขามากที่สุดในบรรดาเก๊อเกอเม่ยเม่ยทั้งหมด ตั้งแต่เด็กเขาและเจิ้งไฉเติบโตมาด้วยกันตี้ตีคนนี้คอยช่วยเหลือเขามาโดยตลอด เมื่อเหตุการณ์ในตอนนั้นคลี่คลายหมดแล้ว เขาจึงแต่งตั้งตี้ตีคนนี้ขึ้นเป็นชินอ๋อง อ๋องที่มีอำนาจมากที่สุดในบรรดาอ๋องทั้งหมด
ในคราวนี้เจิ้งหลี่ต้องขอให้ตี้ตีผู้นี้ช่วยเหลืออีกแล้วสินะ ลำบากเจ้าอีกแล้วเจิ้งไฉ
"ตี้ติข้ามิได้เจอเจ้าเสียนาน ได้ยินมาว่า เจ้าออกไปท่องเที่ยวเป็นอย่างไรบ้าง" เจิ้งหลี่เอ่ยถามตี้ตีที่ตนรักมากที่สุด
"เก๊อเกอมีอะไรจะให้ข้าทำอย่าอ้อมค้อมเลย ข้ารู้จักท่านดี หากท่านมิมีอันใดไม่เรียกข้ากลับมาแน่นอนเพราะท่านทราบดีว่าข้าต้องการอิสระภาพนอกวังหลวงเพียงใด เก๊อเกอ ตี้ติคนนี้ยินดีทำเพื่อท่านเสมอ เชิญตรัสออกมาเถิด"
เจิ้งไฉเป็นพระโอรสในสนมยศต่ำ มารดาให้กำเนิดเขาได้ไม่นานก็ถูกลอบวางยาพิษจนสิ้นใจ
หากตอนนั้นไทโฮ่วที่เป็นหวงโฮ่วในขณะนั้นไม่ยื่นมือเข้ามาให้การช่วยเหลือเขาคงสิ้นใจตายตามมารดาไปนานแล้ว
ดังนั้นตราบใดที่เขายังมีลมหายใจไม่ว่าตนจะอยู่ที่ใดก็จะกลับมาช่วยเหลือบุตรชายของคนผู้นั้นอย่างแน่นอน
เจิ้งหลี่รู้ดีว่าปิดบังตี้ติของตนไม่ได้ จึงเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแคว้นหลวนสารที่ส่งมา และสารที่พระองค์ตอบกลับไป การตอบรับข้อตกลงของฝั่งนั้น และแผนการที่ตนตั้งเอาไว้
เจิ้งไฉเพียงฟังแผนการของเก๊อเกอเงียบ ๆ มิได้เอ่ยอันใดออกมา
"เจิ้งไฉเมื่อขบวนราชทูตมาถึงเจ้าจะต้องออกไปต้อนรับและดูแลพวกเขา เจ้าเข้าใจหรือไม่" เจิ้งหลี่มองสีหน้าตี้ติของตนที่มีความกังวลปรากฏอย่างชัดเจน แต่ก็ยังพยักหน้ารับคำเก๊อเกอด้วยความเต็มใจ
เจิ้งหลี่มองตามตี้ติของตนที่ขอตัวกลับไปเตรียมตัวกับภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้เขาได้ทำร้ายตี้ติคนนี้มากเกินไปหรือไม่
เจิ้งหลี่ได้แต่ถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้ม
. . .
. . .
. .
ข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงเมื่อหวงตี้ทรงเรียกประชุมขุนนาง ให้เตรียมการต้อนรับราชทูตจากแคว้นหลวนและพระราชพิธีอภิเษกสมรสเชื่อมสัมพันธ์ในครั้งนี้
ภายนอกนั้นมีข่าวลือมากมาย ว่ากันว่าการสมรสในครั้งนี้มีเงื่อนไขว่าองค์หญิงที่มาสมรสจะต้องได้ดำรงยศเป็นหวงโฮ่ว
หากเป็นเช่นนั้นมิเท่ากับว่ายกดินแดนให้กับแคว้นหลวนครึ่งนึงเลยหรือ เพราะโอรสที่เกิดจากหวงโฮ่วย่อมมีสิทธิ์ในการสืบราชบัลลังก์คนต่อไปแต่ทำไมหวงตี้จึงทรงตอบตกลงง่ายๆ
เสียงวิพากวิจารณ์เกี่ยวกับการอภิเษกสมรสในครั้งนี้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว แต่กลับไม่มีผู้ใดเข้ามาห้ามปรามหรือชี้แจงข่าวลือที่เกิดขึ้น เหมือนต้องการให้มันเป็นเช่นนั้น จนทำให้ชาวบ้านปักใจเชื่อว่าข่าวลือที่ว่านั้นเป็นเรื่องจริง
เหล่านางสนมในวังหลังล้วนนั่งไม่ติดที่ แค่หวงโฮ่วคนเดียวพวกนางก็รับมือลำบากแล้ว ยังจะมีองค์หญิงต่างแคว้นอีก พวกนางคงลืมตาอ้าปากในวังหลังแห่งนี้ได้ยากแล้ว
ถึงแม้ว่าจะมีข่าวลือว่าองค์หญิงที่ถูกส่งมาจะเป็นหญิงงามอันดับ 1 ในแคว้นหลวน แต่ถ้ามาอยู่ในวังหลังแห่งนี้คงเป็นได้เพียงอันดับ 2 เพราะในวังหลังแห่งนี้มีนางพญาที่ได้รับสมญานามว่างามล่มแคว้น สาวงามอันดับหนึ่งในสองแคว้นอยู่
สำหรับหวงโฮ่วแล้วนางคงไม่สะดุ้งสะเทือนอะไรแต่พวกนางล่ะ พวกนางล้วนมีความงามแค่เพียงเศษเสี้ยวจะเอาอันใดไปสู้กับองค์หญิงต่างแคว้น ใน 15 วันนี้เหล่านางสนมจึงต่างวุ่นวายอยู่ในตำหนักของตน เสียงขว้างปาข้าวของแตกกระจายดังไปทั่ววังหลัง ด้วยเรื่องการอภิเษกสมรสในครั้งนี้
ส่วนหวงโฮ่วผู้ที่กำลังจะโดนแย่งชิงตำแหน่งนั้น นางกำลังจิบชากินขนมฟังเม่ยเม่ยต่างมารดาดีดพิณอย่างอารมณ์ดีมิได้ทุกข์ร้อนอันใด
.
.
15 วันผ่านไปไวเหมือนพลิกฝ่ามือ
ขบวนราชทูตและขบวนอภิเษกสมรสของแคว้นหลวนก็เริ่มออกเดินทาง ในครั้งนี้จักรพรรดิหลวนหลง ได้ส่งองค์หญิงหลวนเหยาพระขนิษฐา(น้องสาว/เม่ยเม่ย) หญิงงามอันดับ 1 แห่งแคว้นหลวน มาเป็นผู้แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ในครั้งนี้
โดยผู้นำขบวนราชทูตคือจักรพรรดิแห่งแคว้นหลวนที่ทรงเสด็จมาเอง และมีชินอ๋อง อ๋อง 13 ตี๋ตีร่วมสายโลหิตของจักรพรรดิหลวนหลงติดตามมาด้วย
แต่เมื่อขบวนราชทูตเดินทางใกล้มาถึงเมืองหลวงแห่งแคว้นเจิ้ง ขบวนราชทูตกลับถูกจู่โจม แม้ว่าขบวนคุ้มกันจะแน่นหนาเพียงใด เมื่อจัดการกับผู้ที่บุกจู่โจมเรียบร้อยแล้วกลับพบว่าองค์หญิงหลวนเหยาหายตัวไป ขบวนราชทูตจึงเร่งเดินทางเข้าเมืองหลวงเพื่อขอกำลังคนออกตามหาองค์หญิงหลวนเหยาอย่างเร่งด่วน
เจิ้งหลี่มีรับสั่งให้ชินอ๋อง เจิ้งไฉ ออกติดตามหาองค์หญิงหลวนเหยาในทันที
ขบวนราชทูตได้รับการต้อนรับอย่างดีจากเหล่าขุนนางในราชสำนักและเชื้อพระวงศ์ นับจากที่ขบวนราชทูตโดนลอบโจมตีก็ผ่านมา 5 วันแล้ว
ในวันนี้หวงตี้ได้รับจดหมายจากชินอ๋องว่าตอนนี้องค์หญิงหลวนเหยาปลอดภัยดี และมีเหตุผลบางประการทำให้ไม่สามารถกลับมาในตอนนี้ได้ แต่จะต้องกลับมาในเร็ววันเพื่อให้ทันงานอภิเษกสมรสในอีกสามเดือนข้างหน้าอย่างแน่นอน
เมื่อหวงตี้ทรงแจ้งส่งที่อยู่่ในจดหมายนี้ต่อจักรพรรดิแคว้นหลวน บรรยากาศตึงเครียดของขบวนราชทูตจึงเริ่มเบาบางลง และจะมีกำหนดการจัดงานเลี้ยงต้อนรับเหล่าราชทูตในอีกสามวันข้างหน้า
ตอนนี้ในท้องพระโรงต่างเคร่งเครียดกับการหายตัวไปของชินอ๋องเจิ้งไฉกับองค์หญิงหลวนเหยา รวมถึงการจัดงานเลี้ยงต้อนรับที่ต้องไม่ดูยิ่งใหญ่จนเกินไปเพราะเหล่าราชทูตจะใช้เป็นข้ออ้างได้ว่าพวกเขามีส่วนรู้เห็นกับเรื่องราวในครั้งนี้ จะจัดให้เป็นเพียงงานเล็กๆก็ไม่ได้เพราะมันจะเป็นข้ออ้างอีกนั้นแหละว่าไม่ให้เกียรติราชทูตจากแคว้นหลวน
มันช่างเป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกยิ่งนัก เหล่าขุนนางจึงต้องระดมสมองกันจัดงานเลี้ยงต้อนรับในครั้งนี้ที่จะต้องไม่มากเกินไปและไม่น้อยเกินไปจนดูไม่งาม
ทั่วทั้งวังหลังต่างวุ่นวายอยู่กับการจัดงานเลี้ยงต้อนรับเหล่าราชทูตรวมถึงฉันเองที่ต้องเข้ามาพัวพันสรรหาการแสดงต่างๆ เพื่อใช้ในงาน ตัวฉันเองนั้นไม่รู้จักนักแสดงหรือผู้มีชื่อเสียงในด้านดนตรีหรือการร่ายรำ นอกจากเหล่าสนม เม่ยเม่ยต่างมารดากับเก๊อเกอนางก็มิรู้จักใครเลย แล้วนางจะไปหาคนที่จะมาแสดงในงานเลี้ยงต้อนรับจากไหนล่ะเนี่ย เฮ้อ......
ฉันไม่ไช่คนคิดเล็กคิดน้อยเท่าไหร่ จึงคิดวิธีง่ายๆในการแก้ปัญหาครั้งนี้ ในเมื่อนางไม่รู้จักใครนางก็จะใช้เฉพาะคนที่นางรู้จักนี้แหละมาแสดง นางจะไปหาทำไมให้เสียเวลานอนเล่า
ก็แค่จับเหล่าสนมนี้แหละใส่ตะกร้าล้างน้ำนิดนึงก็แจ่มแล้ว ดูจากการแสดงของพวกนางในครั้งก่อนก็ถือว่าเลิศล้ำ ส่วนสนมฟางผินคงไม่สามารถเอามาใช้งานในครั้งนี้ได้ คงต้องรบกวนเก๊อเกอกับเม่ยเม่ยต่างมารดามาแสดงปิดท้าย แค่คิดฉันก็รู้สึกสนุกแล้ว ฮิฮิ
. . .
. . .
. .เหล่านางสนมมาเข้าเฝ้าถวายพระพรตอกบัตรเข้าทำงาน นางจึงถือโอกาสแจ้งให้เหล่านางสนมเตรียมการแสดงสำหรับงานเลี้ยงต้อนรับเพื่อเปิดโอกาสให้พวกนางแสดงฝีมือให้เหล่าราชทูตต่างแคว้นได้ชื่นชม
"ในงานเลี้ยงต้อนรับราชทูตในครั้งนี้เนื่องจากเปิ่นเจี่ยเจี่ย เห็นว่าเม่ยเม่ยทั้งหลายต่างก็มีความสามารถ และเปิ่นเจี่ยเจี่ยอยากให้งานออกมาดีที่สุด จึงอยากขอแรงเม่ยเม่ยทั้งหลายให้ช่วยเตรียมการแสดงเพื่อแสดงในวันงานเลี้ยงตอนรับเหล่าราชทูตที่จะจัดขึ้นในอีกไม่ช้านี้"
เหล่าสนมแต่ละนางต่างตื่นเต้นดีใจจนปิดไม่มิด พวกนางนึกไปเองว่าจะมิได้ลืมตาอ้าปากในฝ่ายในเสียแล้ว
"ขอบพระทัยหวงโฮ่ว เพคะ เม่ยเม่ยทั้งหลายจะทำเต็มที่เพคะเพื่อให้งานนี้ออกมาสมบูรณ์พร้อมที่สุด"
สนมทั้งหลายต่างรู้สึกยินดียิ่งนักที่หวงโฮ่วมิได้ทอดทิ้งพวกนาง ยกเว้นสนมฟางผินที่มิได้แสดงในงานนี้ โดยฉันให้เหตุผลว่าหน้านางยังไม่หายบวมเกรงว่าคงจะหายไม่ทันวันงานกลัวราชทูตจะตกใจจึงให้นางพักอยู่เพียงในตำหนักเท่านั้นมิต้องออกมาร่วมงาน
ตอนนี้เหล่าสนมต่างเลือกข้างแล้วหวงโฮ่วเป็นผู้ที่กัดไม่ปล่อย หากอยู่ฝั่งตรงข้ามกับหวงโฮ่วพวกนางคงต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเช่นสนมฟางผิน แต่หากพวกนางยืนข้างหวงโฮ่วชีวิตของพวกนางก็มิต้องกังวลแล้วว่าจะมีความเป็นอยู่ที่ต้อยต่ำในวังหลังแห่งนี้
ฉันมองเหล่านางสนมที่กำลังเลือกมาเข้าข้างนางชัดเจนมากขึ้น นี่มิเท่ากับนางยิงปืนนัดเดียวได้นกทั้งฝูงหรอกหรือ ทั้งได้มือเท้าเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังแก้ไขปัญหาเรื่องการแสดงในงานเลี้ยงได้อีกด้วย ก่อนจะปล่อยให้เหล่าสนมไปเตรียมการแสดงกันอย่างหน้าชื่นตาบานที่จะได้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่
"ซูซู เจ้าส่งเทียบเชิญไปสกุลชิง เชิญคุณหนูรองให้เตรียมการแสดงในงานเลี้ยงต้อนรับต้อนรับราชทูตด้วย ฝากบอกนางด้วยว่าให้เข้ามาพบข้าพร้อมกับเก๊อเกอเลย ข้ามีเรื่องจะกล่าวกับนางเกี่ยวกับการแสดงในงานเลี้ยงต้อนรับ"
. . .
. .
จวนสกุลชิง
เมื่อได้รับเทียบเชิญให้ได้รับการเข้าร่วมแสดงในงานเลี้ยงต้อนรับราชทูต สองแม่ลูกต่างร่ำไห้ด้วยความดีใจที่แม้ว่าคุณหนูใหญ่จะเข้าวังไปแล้วแต่ก็ยังมีน้ำใจส่งเสริมเม่ยเม่ยต่างมารดาถึงเพียงนี้
ซึ่งด้วยชาติตระกูลฝั่งมารดาการจะเข้าวังหลวงนั้นเป็นไปได้ยากยิ่งนัก แต่หวงโฮ่วก็ยังให้บุตรสาวของตนเข้าไปดีดพิณในวังทุกวัน ทำให้บุตรสาวได้รับเกียรติเข้าวังหลวงอย่างเต็มภาคภูมิแม้จะมิค่อยเข้าใจมากนักว่าหวงโฮ่วจะให้บุตรสาวของตนเข้าไปดีดพิณในวังบ่อยๆ เพื่ออะไร
แต่ตอนนี้นางเข้าใจแล้วทุกอย่างล้วนปูทางเพื่อบุตรสาวนางในงานเลี้ยงต้อนรับทั้งสิ้น ชีวิตของสองแม่ลูกมอบให้กับหวงโฮ่วและปฏิญาณตนแล้วว่าจะตอบแทนความหวังดีของนางไปจนชีวิตจะหาไม่
ทั้งเมืองหลวงตอนนี้มิมีใครไม่อิจฉาริษยาคุณหนูรองแห่งจวนสกุลชิงที่เป็นแค่บุตรสาวสายรองแต่สามารถเข้าออกวังหลวงได้อย่างสะดวก จนมีข่าวลือว่าหวงโฮ่วจะรับนางเป็นหนึ่งในสนมของหวงตี้อีกคน
แต่พอมีข่าวออกมาอีกว่านางได้รับเทียบเชิญให้เข้าร่วมการแสดงในงานเลี้ยงต้อนรับราชทูตในครั้งนี้ โดนที่คุณหนูสายตรงของขุนนางผู้อื่นมิมีใครได้รับเทียบเชิญมีเพียงคุณหนูผู้เกิดจากฮูหยินรองผู้นั้นที่ได้เทียบเชิญในครั้งนี้
ความอิจฉาของเหล่าสตรีในเมืองหลวงยิ่งพุ่งสูงมากขึ้นนางถือดีอย่างไรเป็นเพียงแค่บุตรสาวสายรองเท่านั้นแต่กลับกล้าเสนอหน้าในงานใหญ่เช่นนี้
ข่าวลือที่คุณหนูรองแห่งจวนอัครเสนาบดีจะได้เป็นสนมเลือนหายไป ข่าวลือใหม่เข้ามาแทนที่ การกระทำของหวงโฮ่วมิใช่ให้เม่ยเม่ยของตนแสดงความสามารถเพื่อเปิดตัวต่อหน้าบุรุษชนชั้นสูงของทั้งสองแคว้นหรอกหรือ
เพื่อปูรากฐานอำนาจของตนให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นคงจะวางให้เม่ยเม่ยของตนเข้าแย่งชิงตำแหน่งหวงโฮ่วที่ว่างอยู่ของจักรพรรดิหลวนหลง หรือไม่ก็คงจะวางนางให้เป็นชายาเอกหรือชายารองของอ๋องคนใดคนนึงเพื่อเป็นฐานอำนาจของนาง
ข่าวลือต่างๆแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวง แต่ต้นเหตุแห่งข่าวลือกลับมิได้รับรู้อะไร ผู้คนต่างคิดกันไปลึกลับซับซ้อนยิ่งนัก ชิงหลิงผู้เป็นคนจัดการทุกอย่างกลับไม่ได้คิดไปถึงเพียงนั้น นางเพียงต้องการให้เรื่องวุ่นวายจบลงเร็วๆแล้วมานอนหลับบนกองหมอนกินองุ่นที่ศาลาริมทะเลสาบมากขึ้นเท่านั้น..
. .
. .
. . .
หลายวันแล้วที่หลวนหลงมาอยู่ที่แคว้นเจิ้งเขาเฝ้ามองสตรีที่ตนพึงใจวิ่งไปมาในวังหลังแห่งนี้ เขาอยากให้ภาพเหล่านี้เกิดขึ้นในวังหลวงของเขามิใช่วังหลังแห่งนี้
เขาอยากให้สตรีผู้นี้แย้มยิ้มให้กับตนแต่เพียงผู้เดียว เขาเฝ้าสังเกตดูนางมาหลายวันแล้วนางแทบไม่แตะหรือดีดพิณเลยซึ่งเป็นสิ่งที่เขาสงสัยยิ่งนัก เขานึกว่าเมื่อมาอยู่ได้มาอยู่ใกล้ๆนางเขาจะได้ฟังนางดีดพิณทุกวันแต่เขากลับได้ฟังเพียงเสียงพืณของดรุณีน้อยอีกนางหนึ่งที่มีใบหน้าคล้ายกับสตรีที่เขาพึงใจ
ซึ่งเขาทราบในภายหลังว่านางเป็นเม่ยเม่ยต่างมารดาของคนที่เขาต้องการตัว พลันหลวนหลงผุดรอยยิ้มชั่วร้ายที่มุมปากเขามีข้ออ้างที่จะอยู่แคว้นเจิ้งให้นานขึ้นเสียแล้ว หึหึ หลวนหลงหัวเราะให้กับแผนการร้ายของตนเอง

9 ความคิดเห็น