คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : [ตอนที่ 3] อารมณ์ที่แปรปรวน
By. changfan
I like you the best
ฉันชอบเธอที่สุด
You’re the prettiest
เธอน่ารักที่สุด
Everytime I like you
ฉันชอบเธอทุกเวลา
All my love for you
ความรักทั้งหมดของฉันมีให้เธอ
You’re the one I have
เธอคือคนเดียวที่ฉันมี
ข้าวผัด
ตอนที่ 3
อารมณ์ที่แปรปรวน
“ดะ เดี๋ยวนะ ฉันขอตั้งสติก่อน!” ฉันยกมือขึ้นปราม
“…ไหนเธอลองพูดอีกทีซิ บอกฉันทีว่าฉันหูฝาด”
“เธอไม่ได้หูฝาดหรอก ฉันพูดจริงๆนะ เธอต้องเป็นแฟนกับพี่ฉันนะโอ๊ต”
“ไม่มีทางอ่ะ ไม่มีทาง! ผัด >O<”ฉันไม่ทางเป็นแฟนกับไส้เดือนหรอก (ก็ฉันเกลียดหมอนั่นอย่างกับไส้เดือนกิ้งกือเลยเรียกชื่อหมอนั่นว่า ‘ไส้เดือน’ ซะเลย)
“ช่วยฉันหน่อยนะ ถือว่าเห็นแก่ฉันที่เป็นเพื่อนใหม่เธอก็ได้ นะๆ โอ๊ตT^T”
“แล้วจู่ๆทำไมต้องให้ฉันเป็นแฟนกับหมอนั่นนี่อยากบอกนะว่าหมอนั่นก็รู้เห็นเป็นใจกับแผนการของเธอด้วย” แต่ถ้านายไส้เดือนรู้เห็นเป็นใจ แล้วทำไมเขาถึงไม่เทคแคร์ดูแลสร้างความประทับใจในวันแรกกับฉันเลยล่ะ
“แล้วหอมล่ะ ทำไมไม่เลือกหอม หอมกับหมอนั่นดูถูกชะตาและก็เข้ากันมากกว่าฉันเป็นไหนๆ” ยังไงฉันก็ไม่มีทางยอมแน่นอน
“ก็ฉันกับหอมเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว อีกอย่างครอบครัวฉันก็รู้จักกันกับหอมดีพอสมควร พวกเขารู้ดีอยู่แล้วว่าสองคนนี้ไม่มีทางคบกันได้ ถ้าบอกแม่ฉันว่าหอมคบอยู่กับพี่ข้าวต้ม แม่มีหวังไม่เชื่อแน่ๆร้อยเปอร์เซ็นต์ ต่อให้ไปบอกคนใช้ที่บ้านเขาก็ยังไม่เชื่อกันเลย”
“แล้วคนอื่นล่ะ ทำไมเธอไม่เลือกคนอื่น ผู้หญิงที่สวยน่ารักก็มีดีกว่าฉันเยอะแยะไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องเป็นฉัน >O< (ประโยคนี้กลั้นใจพูด เพราะสำหรับฉันไม่ยอมให้ใครสวยกว่าหรอก -_-)”
“อันนี้ฉันรู้ว่าคนที่สวยและดีกว่าเธอมีเยอะแยะ…”
Lแอบเคืองผัดมันนะเนี่ยที่มันพูดความจริงอย่างนี้ อ้อมค้อมหน่อยก็ดีนะ
“แต่พี่ข้าวต้มเคยพูดเปรยๆไว้ตอนมัธยมกับทุกคนในครอบครัวออกบ่อยๆ ว่าจะไม่มีแฟนเด็ดขาดถ้าไม่ได้ผู้หญิงที่ตรงตามสเป็กที่วางไว้ ซึ่งสเป็กของพี่ฉันก็คือผู้หญิงที่ไม่เตี้ยไม่สูงจนเกินไป รูปร่างดี ไว้ผมหน้าม้า ผมสีดำเข้มยาวตกกลางหลังต้องยาวมากและสวยมากด้วยนะตาโตๆ ผิวขาวๆ ริมฝีปากอิ่มเอิ่มสีชมพูอ่อน แก้มป่องๆและดูชมพูเป็นธรรมชาติเสมอ!”
“…”
“และที่พูดมาทั้งหมดน่ะ มันตรงกับเธอทุกประการเลย”
O[]O
ใช่! ที่ผัดพูดมานั้นมันฉันชัดๆเลย โฮฮฮฮ T^T อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น ไม่มีทางฉันไม่ยอมหรอก
“แล้วฉันจะแน่ใจได้ไงว่าที่เธอพูดมามันคือเรื่องจริงว่าเธอไม่ได้ปรุงแต่งปั้นเรื่องขึ้นมาน่ะ อีกอย่างผู้หญิงในสเป็กของหมอนั่นที่มีองค์ประกอบมากมายขนาดนั่นเธอจำมันมาหมดได้ยังไง -_-” ฉันมองหน้าผัดอย่างจับผิด
“จะไม่ให้จำได้หมดได้ยังไงล่ะ ก็เมื่อก่อนเขาพร่ำเพ้อทุกวันจนคนในบ้านเอือมๆกันไปเลย แต่ตอนนี้ก็มีแค่ฉันนี่แหละที่พี่ยังพูดพร่ำเพ้อให้ฟังอยู่แค่คนเดียว” แต่ผัดเองก็ตอบออกมาอย่างลื่นไหลและฉันมองหาแววตาการโกหกของเธอไม่เจอเลย อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น
งะ งั้น… >\\\< ฉะ ฉันก็เป็นผู้หญิงในฝันของนายนั่นน่ะสิ @_@ ลอยๆ~
แต่ถ้าเป็นผู้หญิงในฝันของเขาแล้วทำไมเมื่อวานเขาถึงทำท่ารังเกียจฉันถึงขนาดนั่นละ แถมยังเกือบได้ฆ่ากันตายอีก ฉันมองหาแววตาของความรักในดวงตาของหมอนั่นไม่เจอจริงๆ-_-^
“ขอโทษนะผัด แต่ฉันไม่ยอมเป็นทั้งแฟนจริงและแฟนหลอกๆของหมอนั่นหรอก แค่เห็นหน้าเขาฉันก็อยากจะบีบคอให้เขาตายคามือแล้ว นี่ถ้าการฆ่าคนมันไม่ผิดกฎหมายนะฉันคงจ้างมือปืนไปยิงพี่เธอแล้วแหล่ะ L”
“โฮฮฮฮTOT เธอเกลียดพี่ชายฉันขนาดนั้นเลยเหรอ”
“อืม ขนาดนั้นเลยล่ะ”
“นักเรียนทั้งหมดทำความเคารพ!!” อยู่ๆก็มีเสียงของหัวหน้าห้องพูดขึ้น เมื่อครูผู้สอนประจำวิชาเข้ามาในห้องเรียนแล้ว พวกฉันทั้งสามคนจึงหยุดการสนทนาและตั้งใจเรียน จะมีก็แต่ผัดที่นั่งซึมจดสิ่งที่ครูสอนลงสมุดไปเงียบๆท่าทางของผัดเหมือนจะรักหมอนั่นมาก เห็นเพื่อนเศร้าอย่างนี้แล้วฉันก็รู้สึกไม่ดี แต่ไม่มีทางซะหรอกที่ฉันจะคบกับหมอนั่น ไม่มีทาง!!
03.42 PM.
“คนนี้แหละๆแก ฉันว่าน่าจะใช่นะ”
“ยัยนี่เหรอ ฉันว่าไม่นะ หน้าตาก็งั้นๆฉันสวยกว่าตั้งเยอะ”
“แต่คนอื่นเขาพูดกันมาอย่างนี้นะ เขาว่ากันว่ายัยนั่นเพิ่งย้ายเข้ามาใหม่”
“นี่ขนาดช่วงแรกที่เข้ามาเรียนยังแรดขนาดนี้ ฉันไม่อยากจะคิดเลยนะว่าต่อไปจะขนาดไหน มีหวังได้ป่องก่อนเรียนจบแน่ๆ”
“หรือไม่แน่นะ บ้างทียัยนั่นอาจท้องป่องแล้วไปเอาออกเลยได้ย้ายเข้าเรียนกลางคันอย่างนี้”
ฉันกับพวกหอมเดินพายกระเป๋ากันออกไปทางประตูหน้าโรงเรียนกับนักเรียนคนอื่นๆที่กำลังจะกำลังกลับบ้านกัน แต่แล้วอยู่ๆก็รู้สึกเหมือนมีสายตาหลายสิบคู่จ้องฉันอยู่ ไม่ต้องไปสนหรอกข้าวโอ๊ต เขาคิดว่าเราสวย เชิด เริดเข้าไว้^_^ แล้วก็มีเสียงซุบซิบนินทาหลายๆเสียงดังขึ้นให้ได้ยินประมาณว่ามีนักเรียนใหม่เข้ามาเรียนที่นี่และนิสัยไม่ดีทำตัวแรดมากแรดมายซึ่งอาจจะเรียนไม่จบท้องป่องก่อนก็ได้ นักเรียกคนนั้นที่เขาพูดถึงเป็นใครกันนะอยากรู้จัง คงจะหน้าแย่ สิวเขรอะแน่ๆ เหอะๆ >.<
“หอม! ฉันจะทนไม่ไหวแล้วนะ!! >’<” จู๋ๆผัดก็ร้องขึ้นเสียงดังระหว่างที่เดิน
“ใจเย็นๆผัด เราสองคนมีคดีติดตัวนะ อย่าลืมสิ ถ้ามีอีกได้โดนไล่ออกจากโรงเรียนแน่นอน”
“เธอไม่ได้ยินหรือไง!! >’<” ผัดกระฟัดกระเหวี่ยงแขนไปมาอย่างอารมณ์เสีย เธอเป็นอะไรของเธอเมื่อกี้ตอนออกจากห้องยังดีๆอยู่เลยนี่นา o-o
“เธอเป็นอะไรเหรอผัด o-o”ฉันถามขึ้น
“นี่เธอยังมีหน้ามาทำหน้าระรื่นอยู่เหรอโอ๊ต!! เขาพูดกันเซ็งแซ่ออกอย่างนี้ >O<”
“อ้อ เรื่องยัยเด็กใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามาแล้วทำตัวแรงนะเหรอ ได้ยินสิ o-o ว่าแล้วก็อยากเห็นหน้านะว่าจะขนาดไหนกันเชียว ^^”
“ยัยโอ๊ตตตต T^T!!! นี่เธอไม่รู้เลยเหรอว่าคนพวกนั้นหมายถึงใคร!”
“o-o”
ผัดวี้ดร้องขึ้นเสียงดังทำท่าเหมือนอย่างกับจะร้องไห้ ส่วนนักเรียนรอบข้างก็หันมาจ้องกลุ่มพวกเราทันทีที่ผัดวี้ดร้องเสียงดังลั่น
“พวกเธอเองก็จะมองอะไรกันนักหนาห๊า!!! ไม่เคยเห็นคนอารมณ์เสียหรือไง!!! >O<” ผัดตะวากขึ้นเสียงดังใส่ทุกคนที่หันมาจ้องมองพวกเรา และหลังจากนั่นก็ไม่มีใครกล้ายืนอยู่ที่นี้อีกเลย ทุกคนรีบเร่งฝีเท้าเดินนำหน้าพวกเราไปทันที เสียงที่เคยจ๊อกแจ๊กจอแจก็เงียบลงไปถนัดด้วยเช่นกัน
“พวกเขาหมายถึงโอ๊ตนั่นแหละ รู้อะไรมั๊ยล่ะเนี่ย ทำไมโง่จัง” หอมพูดกรอกใส่หูฉันเบาๆ
โอ๊ะ!! ฉันเนี่ยนะ O_O/TOT
ฉันเดินตาเบิกกว้างอยู่คนเดียว เพราะยังช็อกไม่หายกับข่าวที่เพิ่งได้รับ หลังจากที่แยกย้ายกันกับผัดที่มีคนขับรถประจำตระกูลมารอรับอยู่แล้ว ส่วนหอมก็เดินไปอีกทางเพื่อขึ้นรถประจำทาง
ทั้งๆที่ฉันเพิ่งเข้ามาเรียนใหม่ๆเอง ทำไมถึงมีเรื่องข่าวคาวๆเกิดขึ้นกับฉันได้ล่ะ นี่สายตาของทุกคนในโรงเรียนมองฉันอย่างนั้นตั้งแต่วันไหนกัน ฉันไม่รู้เลย หึ ฉันมันคงเป็นคนโง่อย่างที่หอมพูดไว้จริงๆ แต่ถึงยังไงฉันก็ต้องหาทางแก้ข่าวคาวนั้นให้ได้ ในเมื่อฉันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลยแม้แต่นิด ว่าแต่คนธรรมดาที่สู้ใครไม่เป็นอย่างฉันจะสามารถกู้ชื่อเสียงของตัวเองกลับมาได้สักแต่ไหนกัน หรือบางทีอาจจะไม่ได้เลยก็ได้
ใครนะ ที่เป็นต้นกำเนิดปล่อยข่าวลือ ทำไมคนพวกนั้นถึงใจร้ายจัง
หรือฉันจะไปทำอะไรให้พวกเขาไม่พอใจเข้า
… แต่ฉันคิดว่าฉันทำตัวดีมาตลอดนะ!
เอ๊ะ! ยังไง ?
“ข้าวโอ๊ตๆ!!” ขณะฉันกำลังจิตตกเหมือนผีเข้า อยู่ๆเสียงเรียกจากข้างหลังก็ดังขึ้น
“รอฉันด้วยสิ” อาเทอร์วิ่งมาประกบตัวฉันในเวลาติดๆกัน
“นายนี่เองนึกว่าใคร -_- หวัดดี” ฉันหันไปพูดห้วนๆกับเขาจากนั้นก็เดินต่อ
“พอดีว่าฉันกำลังจะกลับบ้านเห็นหลังเธอไวๆเลยจำได้แล้วก็วิ่งมาหาเธอนี่แหละ ^^ บังเอิญจังเลยนะที่เจอเธอฉันจะได้ฟังเสียงใสๆของเธอร้องเพลงไปตลอดทาง ฮ่าๆ” อาเทอร์ยังไม่เลิกแซวฉันและก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี แต่ฉันไม่มีอารมณ์จะขำไปกับเขาหรอกนะ กำลังกลุ้มใจอยู่ว่าตัวเองไปทำเรื่องเสียหายอะไรไว้ตอนไหน แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออกปวดหัวไปหมดแล้วเนี่ย>^<
“เธอเป็นอะไรไป วันนี้ทำไมนกน้อยของฉันดูซึมๆไป เอ๋… โดนนายพรานคนไหนไล่ยิงมาน่า J?”
ฉันไปเป็นนกน้อยของนายตอนไหนกันย่ะ
“มีเรื่องให้คิดน่ะ-_-” ฉันตอบกับไปอย่างเชื่องซึม
“เพิ่งย้ายเข้ามาเรียนก็มีเรื่องให้คิดแล้วเหรอ หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องหนุ่มๆที่กระหน่ำเข้ามาจีบนะ”
“…” มีก็ดีน่ะสิ! -_-
“อ้อ! ใช่แล้ว เธอคงกำลังกลุ้มใจเรื่องเพื่อนในห้องใหม่ของเธอสินะ ก็ห้องที่เธออยู่น่ะ ร้ายสุดๆไปเลยนี่เนอะ”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก -_- / T_T”
“…”
“เฮ้อ… ช่างมันเถอะ! L” ฉันพูดแค่นี้ก็ก้มหน้าเดินต่อไป โดยไม่สนใจอาเทอร์
“…”
ก่อนที่ฉันจะเดินผ่านเขาเหมือนว่าหางตาของฉันจะเห็นเขาหยุดยืนนิ่งทำท่าทางเลิ่กๆลักๆอยู่พักหนึ่ง จากนั้นฉันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่อยู่ข้างหลังดังขึ้น แต่มันไม่ใช่เสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามา มันเหมือนอาเทอร์จะวิ่งไปทางอื่นมากกว่า เขาคงทนคุยอยู่กับความอึดอัดกับฉันไม่ได้เลยต้องจากไป เฮ้อ นี่ฉันทำตัวไม่ดีกับเพื่อนใหม่คนแรกที่เพิ่งรู้จักกันแล้วเหรอเนี่ย ฉันนี่แย่จริงๆเลย ไม่น่าเอาเรื่องที่ตัวเองเครียดจนพลอยทำให้หัวข้อการสนทนาของฉันกับเขาตึงเครียดไปด้วยเลย แล้วครั้งหน้าเขาจะเข้ามาคุยกับฉันอีกไหมเนี่ยหรือจะคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงนิสัยแย่ไปซะแล้ว
กึก!
ฉันหันหลังกลับไปดูร่างสูงที่เคยยืนอยู่ตรงนั้น ก็ไม่มีแล้ว…
นายไปจริงๆสินะ…
ฉันเดินคอตกกับความคิดแง่ลบของตัวเองไปเงียบๆอีกครั้ง เดินไปได้ไม่นานก็เหมือนมีอะไรมาสะกิดที่หลังเบาๆ ฉันจึงหันหน้าไปดู…
ฉึบ
“จ๊ะเอ๋!!! ^O^”
“ว้ายยยย”
เป็นหน้ากากอาแป๊ะยิ้มยิงฟันอย่างมีความสุข หัวใหญ่ๆ กำลังกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขที่ทำเอาฉันตกใจร้อง เพราะหันหน้าไปก็เจอหัวนี้โผล่เข้ามาเต็มๆหน้าเลย แต่เมื่อสังเกตดีๆแล้ว หน้ากากอาแป๊ะใส่ชุดนักเรียน ? และยังส่วนสูง รูปร่างที่ดูคุ้นๆนั่นอีก?...
“ฮ่าๆ^)O(^”
ใช่เลย เสียงหัวเราะแบบนี้ -_-
“อาเทอร์ นายทำอะไรของนายเนี่ย >.< ตกใจหมด” ฉันกอดอกทำหน้างอนไม่พอใจใส่อาเทอร์ แล้วก็เดินหนีเขาเสียงฉับๆเพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจ เสียงหัวเราะของเขาก็ดังตามหลังฉันมาติดๆ
นึกว่าหายไปไหน นึกว่าโกรธฉันหรือไม่ชอบฉันแล้วซะอีก ที่แท้ก็หาวิธีที่จะทำให้ฉันคลายเครียดนี่เอง นายเป็นเพื่อนที่ใช้ได้เลยนะเนี่ย
“ฮ่าๆ อั๊วม่ายล่ายลื๊อว่าอาเทอร์อั๊วลื๊อว่าลาวก๊วยล่างหาก ฮ่าๆ^)O(^ (อั๊วไม่ได้ชื่อว่าอาเทอร์ อั๊วชื่อว่าเฉาก๊วยต่างหาก)”
กึก
ฉันหยุดเดินกะว่าจะต่อว่าเขาต่อ แต่พอหัวหน้าไปแล้วเห็นเป็นหน้าอาแป๊ะยิ้มพร้อมด้วยท่าทางตลกๆอย่างนั้น มันแกล้งทำเป็นโกรธต่อไม่ได้จริงๆ หน้ากากมันฮาซะขนาดนั้น
“ฮ่าๆ เออๆ ฉันขำแล้ว ฉันเลิกเศร้าแล้ว นายทำสำเร็จแล้ว พอใจหรือยัง ฮ่าๆ”
“ลื้อหายเลี้ยวลิงๆนะ ^)O(^ (ลื้อหายแล้วจริงๆนะ)”
“ฮ่าๆ จริงๆ โอ๊ะ สำเนียงจีนนายใช้ได้เลยนะเนี่ย อิอิ^^”
“ลิงเหรอ (จริงเหรอ)”
“ลิง อิ อิ” ฉันตอบอาเทอร์กลับไปด้วยสำเนียงจีนที่เลียนแบบมาจากเขา “แล้วก็ถอดออกได้แล้วน่ากากนั่น ฉันฮาท้องแข็งไปหมดแล้ว ฮ่าๆ ^-^”
“ล่ายเลนไร ล่าลื้อท้องแล๋งเลี๊ยวอั๊วลาล่ายโรงลานเอง ^)O(^ (ไม่เป็นไร ถ้าลื้อท้องแข็ง เดี๋ยวอั๊วพาไปโรงบาลเอง)”
“ฮ่าๆ”
“^)O(^”
ฉันคุยเล่นหัวเราะกับมุกของอาเทอร์ไปสักพักก็เงียบไป “…ขอบใจนะ”
“ขอบใจ?” อาเทอร์ที่กำลังปล่อยมุกอยู่พอฉันพูดอย่างนั้นออกไปเขาก็หยุดซะงัก
“ที่ทำให้ฉันหายเศร้า”
“อืม ไม่เป็นไรหรอก เพื่อนกัน ^^” อาเทอร์ตบที่ไหล่ฉันเบาๆและถอดหน้ากากอาแป๊ะออก เผยให้เห็นรูปปากสวยพร้อมด้วยดวงตาสีดำคมเข้มที่หรี่ลงยิ้มอย่างจริงใจให้กับฉัน อ๊ายยยย ฟันนายนี่ขาวจัง >O,< ขาวมากจนฉันอาย ถ้ายิ้มยิงฟันกับเขานะ ของฉันดูเหลืองอร่ามเหมือนทองขึ้นสนิมไปเลยอ่ะ 0__0
“ขอโทษนะ…”
“ขอโทษ ?”
“เมื่อกี้ฉันอาจจะทำให้นายไม่พอใจ ทั้งๆที่นายเป็นฝ่ายเข้ามาคุยกับฉันด้วยความหวังดีแท้ๆ”
“ฮ่าๆ ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ได้รู้สึกไม่ดีหรือไม่ชอบเธอเลยซักนิด เรื่องเล็กๆน่า เลิกคิดมากได้แล้ว” อาเทอร์ยกมือหนาขึ้นลูบหัวฉันไปมาอย่างช้าๆ ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเขา เขาเองก็ยังมองฉันและยิ้มตาหยี่อยู่เหมือนเดิม
ทำไมผู้ชายคนนี้ใจดีจัง…
12 นาทีผ่านไป
“ฉันไปก่อนนะ ถึงบ้านฉันแล้ว” ฉันหยุดเดินอยู่ที่ประตูทางเข้าสีน้ำตาลอ่อนหน้าบ้านตัวเอง พลางบอกลาอาเทอร์ที่เดินมาเป็นเพื่อน การที่มีนายเป็นเพื่อนร่วมทางมันดีอย่างนี้นี่เองสินะ ทำให้ฉันลืมเรื่องที่กลุ้มไปเป็นปลิดทิ้งเลย เพราะอาแป๊ะคนจีนของเขาแท้ๆ
“อ้าวถึงแล้วเหรอ …แล้วนี่บ้านเธอเหรอ!” อาเทอร์ชำเลืองตามองลอดช่องรั่วประตูมองเข้าไปในบ้านฉันพลางทำตาโต เหมือนเต้นตื่นอะไรสักอย่าง
“อือ ทำไมเหรอ!”
“ว้าว! บังเอิญจัง ^_^ เธอเป็นเพื่อนบ้านฉัน ^^”
“หะ หา!”
“ก็บอกว่าเธอเป็นเพื่อนบ้านฉันไง” อาเทอร์ชี้ไปบ้านหลังใหญ่ข้างๆทางขวามือ “นี่บ้านฉันเอง อิอิ^^”
ฉันหันหน้าไปสำรวจบ้านหลังที่เขาชี้มืออย่างช้าๆ บ้านหลังที่สวยหรูและหรา ใหญ่กว่าบ้านป้าฉันถึงสองเท่า
นี่… นี่มันบ้านมหาเศรษฐีชัดๆ O_O|||
ฉันเคยสงสัยหลายคราวนะ ว่าบ้านหลังข้างๆนี่เป็นของใคร คิดอยากที่จะเจอเจ้าของบ้านหลังนี้ว่าจะหน้าตาเป็นอย่างไงถึงได้รวยถึงขนาดนี้
…แต่ก็ไม่คิดว่าเจ้าของบ้านมันจะเป็นผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน ผู้ชายที่ครั้งแรกทำเอาฉันอับอายด้วยการเห็น ก.ก.น. ลายแสนรักแสนหวงที่ฉันไม่เคยให้ใครได้เห็น แม้กระทั่งพ่อกับแม่ของฉันเอง
จะ จิงโจ้ว?!
พวกเราสองคนตกอยู่ในความเงียบเฉียบพลัน ฉันเงียบเพราะอึ้งและตกใจ ส่วนเขาเงียบเพราะยิ้มจนปากฉีกถึงรูหู สักพักอาเทอร์ก็ยืนมือมาแกว่งๆที่หน้าฉัน ที่ยังตาค้างมองเขาแบบตาไม่กระพริบ
“เธอเป็นไรมากหรือเปล่าเนี่ย มองฉันตาไม่กระพริบอย่างนี้ฉันก็เขินแย่เลยนะ” พูดจบก็ทำเป็นม้วนมือเอนตัวไปมา เหมือนว่าเขินอย่างที่พูดจริงๆ
“หลังนี้บ้านนายจริงเหรอ O_O” ฉันยังคงจ้องเขาและยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นมาตบแก้มเบาๆ
“ใช่ นี่ไม่ใช่ความฝันนะนี่คือโลกความเป็นจริง เลิกตบแก้มตัวเองได้แล้ว ^^” เขาเอื้อมมือมาจับที่ข้อมือของฉันที่ตบแก้มตัวเองอยู่ให้หยุดการกระทำอย่างนั้น “เธอกำลังจะทำให้ฉันเสียใจนะรู้มั๊ย หน้าอย่างฉันมันไม่สามารถที่จะอยู่บ้านหลังนี้ได้จริงๆเลยใช่มั๊ย”
“ปะ เปล่านะ…”
“…”
“โหะ โห!! นายรวยมากเลยนะเนี่ย ฉะ ฉันเลยตกใจน่ะ โทษทีนะ ฉันนึกว่านายจะเป็นคนธรรมดาเหมือนกับฉัน ไม่นึกว่านายจะมีบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้”
“ฮะ?”
“ฮ่าๆ ฉะ ฉันตกใจและก็ตื่นเต้นน่ะ เลยยังทำตัวยังไม่ถูก ฮ่าๆ เกิดมาฉันเพิ่งได้มีเพื่อนที่รวยมากๆก็นายคนแรกเลยนะเนี่ยๆ ฮ่าๆ” ฉันเกาหัวตัวเองแกรกๆ
“เธอนี่เพี้ยนจังนะ ^^” คนตัวสูงเอื้อมมือมาขยี้หัวฉันอีกครั้งจนมันยุ่งอีกรอบ
“ฉันเปล่าเพี้ยนนะ วะ ว่าแต่ห้องนายอยู่ฝั่งทางไหนเหรอ”
“ฝั่งทางนั้นน่ะ” เขาชี้มือไปยังฝั่งตะวันออกเฉียงใต้
“อ่อ จริงเหรอ อยู่ฝั่งห้องตรงข้ามกับฉันเลย” ฉันมองไปดูห้องด้านบนสุดที่มีกระจกบานใหญ่ติดอยู่และก็มีระเบียงสีขาวๆที่ถูกประดับด้วยกระถางต้นไม้ยื่นออกมา “ห้องบนสุดนั้นใช่มั๊ย”
“อืม”
“ฮ่าๆ ของฉันก็ห้องบนสุดเหมือนกัน อยู่ตรงข้ามกับนายพอดีเลย แต่ติดตรงที่ว่าของนายสูงกว่าฉัน เวลาจะคุยกับนายฉันคงต้องเป็นฝ่ายแหนหน้าขึ้นไปแน่ๆ อิอิ”
“อืม คงงั้นแหละ ฮ่าๆ งั้นเอาไว้เดี๋ยวคืนนี้พอกินข้าวอาบน้ำเสร็จแล้วฉันจะลองโผล่มาคุยกับเธอดูนะ เธอเองก็อย่าลืมเปิดหน้าต่างไว้ล่ะ เดี๋ยวจะไม่ได้ยินตอนฉันเรียก โอเคนะ ^_^”
“ฮ่าๆ ฉันว่าเราคงได้ตะโกนคุยกันแน่ๆ ถึงบ้านจะอยู่ติดกันแต่ระยะทางระหว่างบ้านฉันกับบ้านนายก็ไกลกันอยู่นะ”
“ฮ่าๆ นะๆ ฉันขอร้อง ได้มั๊ยๆ >O,<” อาเตอร์ส่งสายตาวิ้งๆมาให้ฉัน
“อืม ก็ได้ๆ ^^ อย่าดึกนักล่ะ”
“เย้! >O< ไม่ดึกหรอกครับบบบ” อาเทอร์แกล้งพูดสุภาพลากเสียงยาว
“ฉันจะรอนะ อิอิ ^^”
“งั้นเอาไว้เจอกันนะ เธอเข้าบ้านเถอะ”
“อือ นายเองก็ด้วยนะ”
“…น้ำที่ท่วมจังหวัดนครสวรรค์ในตอนนี้ก็ไม่ได้มีวี่แววจะลดลงเลยนะคะ ผู้คนในละแวกนั้นล้วนอยู่อาศัยกันอย่างยากลำบาก มีหลายครัวเรือนที่อพยพออกจากพื้นที่ แต่ทั้งนี้ก็ยังมีหลายครัวเรือนที่ไม่ยอมอพยพไปไหนเพราะกลัวว่าของมีค่าในบ้านจะถูกขโมย…”
“ข้าวโอ๊ตกับแม่ พ่อมีเรื่องจะบอกล่ะ” พ่อพูดแทรกขึ้นระหว่างที่พวกเรานั่งดูทีวีอยู่ห้องนั่งเล่นหลังจากที่กินข้าวเย็นกันอิ่มแล้ว และครอบครัวของฉันก็จะเป็นอย่างนี้ในทุกๆวัน พวกเราจะพยายามหาช่วงเวลาที่จะอยู่ด้วยกัน เพื่อลดช่องว่างระหว่างครอบครัวที่จะเกิดขึ้น
“ก็ว่ามาสิคะคุณ” เสียงนุ่มๆของแม่เอ่ยขึ้น
“วันเสาร์อาทิตย์นี้ พ่อจะเป็นตัวแทนของบริษัทไปเป็นอาสาสมัครช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่จังหวัดนครสวรรค์น่ะ เลยกะว่าจะชวนข้าวโอ๊ตกับแม่ไปด้วยกัน”
“มันจะดีเหรอคะพ่อ พวกเราสองคนไม่ใช่พนักงานของบริษัทพ่อนะคะ เจ้านายพ่อจะไม่ว่าเอาเหรอคะ ที่ชวนคนนอกไปด้วย” ความจริงแล้วฉันไม่อยากไปเลย มันทั้งร้อน ทั้งทุรกันดาร จะทำอะไรก็ไม่สะดวกสบายคงจะลำบากน่าดู
“ไม่ว่าหรอก เพื่อนร่วมงานที่ไปกับพ่อ พวกเขาก็จะพาครอบครัวของตัวเองไปด้วยทั้งนั้น”
“แต่ว่า…”
“แม่ก็อยากไปเหมือนกันนะข้าว ดีกว่านั่งๆ นอนๆ อยู่บ้านเฉยๆ อีกอย่างเราจะได้ทำบุญด้วยนะลูก ^_^ (ยิ้มสวยงาม) “
“ทำบุญ เราไปทำกันที่วัดก็ได้นิคะ ไม่เห็นต้องทำด้วยวิธีนี้เลย จะอย่างไหนมันก็ได้บุญเหมือนกันไม่ใช่เหรอคะ งอแงๆ”
“โอเค งั้นไปเป็นไร แม่กับข้าวไม่ต้องไปก็ได้”
“ไม่ได้ค่ะคุณ ฉันกับลูกเราจะไปด้วย วันเสาร์นี้ใช่มั๊ยคะ เอ๊ะ เหลืออีกไม่กี่วันเองนิ งั้นเดี๋ยวฉันไปเตรียมสัมภาระก่อนนะคะ” แม่พูดเร็วป้อแล้วก็รีบเดินไปที่ห้องตัวเองเลยทันที ฉันไปตกลงตอนไหนว่าจะไปด้วยกัน แม่พูดเองเออเองทั้งนั้น งั้นฉันคงไม่มีทางเลือกแล้วสินะ เซ็ง L
“L”
“ทำไมหน้าบูดอย่างนั้นล่ะ ข้าวไม่อยากไปจริงๆสินะ”
“L”
“งั้นเดี๋ยวพ่อไปพูดกับแม่ให้ แม่นี่ก็ยังไงนะ ไม่ฟังความคิดเห็นของลูกบ้างเลย… อย่าโมโหไปเลยนะลูก” พ่อพยายามจะพูดให้ฉันดีขึ้น เพราะพ่อรู้ดีว่าฉันนั่นเกลียดอากาศร้อนขนาดไหน
“พ่อก็รู้นี่คะ ว่าแม่เป็นคนยังไง พูดคำไหนต้องเป็นคำนั้น ข้าวจะโต้แย้งได้ที่ไหนกัน”
“เฮ้อ…” พ่อเงียบไปและเอามือลูบหัวฉันเบาๆพลางเอนตัวโซฟาและก็ถอนหายใจ
“ข้าวขอตัวขึ้นไปนอนก่อนนะคะ L”
“หนูโกรธพ่อหรือเปล่าเนี่ย พ่อไม่น่าพูดมันขึ้นมาเลยเนอะ”
“เปล่าคะ ไม่ได้โกรธ ขอตัวก่อนนะคะ L”
ตึง ตึง ตึง
ปึง!
ฉันเดินมาถึงห้องก็ปิดประตูอย่างแรง แตกต่างจากวันแรกที่ย้ายเข้ามามาก ตอนนั้นของทุกอย่างในบ้านฉันจะทำมันอย่างทะนุถนอม แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ เพราะฉันโมโห เวลาที่โมโหฉันจะเป็นคนที่นิสัยไม่ดีเอามากๆ จะพาลใส่ทุกๆอย่าง ทั้งๆที่มันไม่ใช่ต้นตอของความผิด ถึงฉันจะรู้แต่ก็ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้สักที
ฉันนั่งลงบนเตียงไม้ผ้าปูที่ขาวบริสุทธิ์สายตาก็ไปสะดุ้งเข้ากับบานหน้าต่างที่เปิดไว้พอดี…
‘เอาไว้เดี๋ยวคืนนี้พอกินข้าวอาบน้ำเสร็จแล้วฉันจะลองโผล่มาคุยกับเธอดูนะ เธอเองก็อย่าลืมเปิดหน้าต่างไว้ล่ะ เดี๋ยวจะไม่ได้ยินตอนฉันเรียก โอเคนะ ^_^’
‘อืม ^^ อย่าดึกนักล่ะ’
ไม่ดึกหรอกครับบบบ’
จริงสิ อาเทอร์ตะโกนเรียกฉันแล้วหรือยังนะ บางทีเขาอาจจะมาเรียกแล้วก็ได้ ไม่น่าขึ้นมาช้าเลยเลยเรา ลืมไปซะสนิท
ฉันเดินออกไปจับตรงขอบหน้าต่างที่มีผ้าม่านสีครีมเปิดอยู่ สายลมอ่อนๆที่พัดเข้ามาทำให้ผ้าม่านผืนบางและเส้นผมของฉันปลิวไปมาเล็กน้อย ฉันแหงนหน้าขึ้นไปมองบนฝากฟ้าแต่ก็ไม่ยักกะเห็นดวงดาวเลย เพราะบ้านของอาเทอร์ที่สูงกว่าบังไว้ซะเกือบมิด สายตาฉันค่อยลดลงมาและจ้องมองไปที่ยังระเบียงที่มีต้นไม้ซึ่งนั่นก็คงจะเป็นห้องนอนอาเทอร์ ฉันไม่สามารถที่จะมองผ่านกระจกใสๆบานใหญ่ที่ติดอยู่ตรงระเบียบนั่นไปได้ เพราะม่านหนาสีเทาได้ปิดเต็มพื้นที่ไปหมด จากแสงสะท้อนของม่านดูเหมือนว่าไฟในห้องกำลังเปิดอยู่
นายทำอะไรอยู่นะ? อาบน้ำเสร็จหรือยัง
สายตาที่มองผ่านม่านสีเทาก็เกิดคำถามขึ้นในหัว ถึงเจ้าของห้องที่ใจดีและเป็นมิตรคนนั้น…
ฉันยังคงเปิดหน้าต่างไว้และเดินมานั่งที่เตียงอีกครั้ง หนังสือนิยายของแจ่มใสที่วางอยู่บนหัวเตียงฉันหยิบมันขึ้นมาอ่าน เพื่อที่จะฆ่าเวลาในการรออาเทอร์
...
ไม่รู้ว่ามันผ่านมานานแค่ไหน รู้แต่ว่าฉันอ่านนิยายจบไปแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววที่อาเทอร์จะโผล่หน้ามา ฉันเดินไปปิดหน้าต่างพลางแงนมองขึ้นไปบนห้องนั้น ไฟในห้องก็ยังเปิดอยู่เหมือนเดิม จากนั่นฉันก็เดินไปกดปิดสวิตช์ไฟในห้องและขึ้นเตียงนอน ไม่ลืมที่จะดึงผ้าห่มผ้าหนาขึ้นมาห่มเพราะวันนี้อากาศค่อนข้างจะเย็น ฉันค่อยๆข่มเปลือกตาให้ปิดลงอย่างช้าๆ
ช่วงหัวค่ำบางทีเขาอาจจะเรียกฉันแล้วก็ได้
…ฉันนี่มันรออะไรที่โง่ๆจริงๆเลย
โปรดติดตามตอนต่อไป
Add fan จิ้มๆ
ตอนที่ 3 คลอดออกมาแล้วนะคะ ฮ่าๆ ชอบใคร ก็เขียนบอกให้เค้ารู้มั้งจิ อิอิ >.<
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ ขอบคุณจากใจจริง >.<
รีดเดอร์อาจจะไม่รู้ว่าฤดูฝนคิดยังไง แต่การที่มี Fan เพิ่มแต่ละวิวนั่นมันเป็นกำลังใจให้ฤดูฝนเขียนนิยายต่อไปจริงๆค่ะ ขอบคุณทุกๆคนที่ Add fan เรื่องนี้ สำหรับฤดูฝนแล้ว คุณคือกำลังใจในการเขียนนิยายต่อไปของเค้า ขอบคุณที่ทำให้เค้ายังไม่ทิ้งความฝัน แม้จะเหนื่อยและท้อหลายครั้ง แต่อย่างน้อยพวกคุณก็ทำให้ฤดูฝนรู้ว่าเรื่องของฤดูฝนนั่นยังมีคนคอยติดตามอยู่(ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เค้าดีใจมาก)
ฤดูฝนรักรีดเดอร์ทุกคนนะคะ ^O^
ความคิดเห็น