คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : Chapter 18 :: เลว
Chapter 18 :: เลว
8.Talk
เวลาหกโมงเช้า~ ผมนั่งทำหน้าลั้นล้าอยู่ที่ห้องพี่โตโน่ พี่ซิง และพี่แบงค์ -..-
สงสัยไม่ใช่มั้ยล่ะว่าผมมาทำไม ?
ผมกำลังหนีพ่อกับแม่น่ะเซ่ !!!!
ไม่ต้องถามว่าพ่อกับแม่จะทำอะไรกับผม เพราะผมไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ เรื่องที่พ่อกับแม่จะมาหาผมที่มหาวิทยาลัยนั่นเป็นเรื่องโลกแตก! ปกติสนใจลูกซะที่ไหนล่ะ พอผมติดหมอก็ให้เงินมากระจ๋องนึงแล้วก็แทบไม่โทรมาถามข่าว แต่เมื่อวานดันโทรมาบอกว่าจะมาหาที่หอ โฮะๆ ผมไม่มีทางอยู่ให้ตัวเองต้องซวยหรอกนะขอบอก ผมก็เลยอ้อนวอนขอมานอนกับพี่ทั้งสามคน ตอนแรกๆพี่โตโน่ทำท่าจะไม่ให้ โดยให้เหตุผลว่ากลัวพี่ซิงจับผมปล้ำ(นั่นทำให้ผมโคตรจะดีใจที่พี่โน่เป็นห่วงผม><) แต่พอพี่ซิงยืนยันและสาบานว่าจะไม่ทำอะไรผมบวกกับลูกอ้อนที่ผมใช้ความน่ารักของตัวเองให้เป็นประโยชน์ทำให้พี่โตโน่ยอมตกลง โอเย้~!
ที่ผมพูดว่านั่งทำล้าลั้นล้าน่ะผมโกหก - - ที่จริงผมเพิ่งตื่น สภาพของไอ้ริทตอนนี้โคตรจะอนาถเลยครับพ่อแม่พี่น้อง! แต่ถ้าเทียบกับสามคนที่เหลือผมจะกลายเป็นดูดีในทันใด
สภาพการนอนของแต่ละคนเกินกว่าที่ผมจะสามารถบรรยายได้(บรรยายเถอะ- -;;) ไอ้พี่โตโน่นอนอยู่บนโซฟา(เพราะผมมาแย่งเตียงพี่เค้า)ด้วยท่ากอดอก ตะแคงข้าง ขางี้ก่ายพนักพิง ผ้าก็ไม่ห่ม ส่วนพี่ซิงสลบเหลือบอยู่ตรงพื้นหน้าทีวี(เพราะเมื่อคืนพวกพี่แกเจือกซื้อเบียร์กับเหล้ามาแดร็กกัน)ด้วยท่าก่างขาก่างแขนเหมือนอึ่งอ่างตอนโดนรถเหยียบ แอบกระซิบว่าพี่ซิงนอนน้ำลายไหลด้วย ทุเรศจริงๆ - - ปิดท้ายด้วยพี่แบงค์ที่นั่งนอนอยู่บนเตียงเดี่ยวของตัวเองด้วยท่าทางที่ดูดีกว่าสองคนที่เหลือ(นั่นก็เพราะว่าพี่แกเล่นกินแต่โค้กก็เลยไม่เมา)
นี่คุณผู้อ่าน ไม่ต้องมาจิตหื่นคิดว่าพี่โตโน่จะทำอะไรผมนะ - - ไอ้พี่โน่มันหลับก่อนผมซะอีก ! หลับแบบสลบไม่ตื่นเลยจนถึงบัดเดี๋ยวนี้
ผมงัวเงียๆลุกจากเตียงนุ่มๆซึ่งปกติเป็นเตียงของพี่โตโน่กับพี่ซิงนอนด้วยกันก่อนลากสังขารตัวเองเดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา จะมาค้างห้องคนอื่นทั้งทีผมดันลืมเอาแปรงสีฟันมาอีก ฮู้ว! งั้นทำแบบนี้ก็ได้วะ!
ผมล้างมือให้สะอาดแล้วคว้าเอายาสีฟันมาบีบใส่ปลายนิ้วชี้ด้านขวาของตัวเอง ตามด้วยส่งนิ้วตัวเองไปถูๆไถๆที่บริเวณฟันให้ครบทุกซี่ เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่สิ้นคิดอย่าบอกใคร แต่มันก็ดีกว่าปล่อยให้ตัวเองปากเหม็นใช่มั้ยล่ะ พอถูไถทั่งปากแล้วผมก็ล้างมืออีกรอบเพื่อเอาคราบยาสีฟันออก แต่มันยังไม่จบ คราวนี้ผมแลบลิ้นแล้วบีบยาสีฟันลงบนลิ้นตัวเองตามด้วยกรอกน้ำเข้าปากแล้วก็กรอๆให้ยาสีฟันมันกระจายไปทั่วปากของผม ผมกรอไปมาอยู่นานจนปวดแก้ม เลยบ้วนทิ้งแล้วล้างปากให้สะอาด ผมมั่นใจว่าถึงมันจะไม่สะอาดเท่าใช้แปรงสีฟันแต่มันก็ช่วยให้ปากผมไม่เหม็น - -;;
คำเตือน :: ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง _ _
ผมเงยหน้ามองกระจกที่ติดอยู่ตรงผนัง โฮะๆ -..- ผมนี่มันก็หล่อใช้ได้นี่หว่า ทั้งหล่อ ทั้งน่ารัก วี้ดวิ้วว>< ทำไมผมเกิดมาเพอร์เฟ็คแบบนี้~~! ฮิๆๆๆ ว่าแล้วก็ขอสักหน่อย
ผมเก๊กท่าเพื่อเสริมบารมีความหล่อให้กับตัวเองอยู่หน้ากระจกนั่นนานหลายนาที ทำไปเรื่อยๆตั้งแต่ท่าเก๊กหล่อไปจนถึงท่าแอ๊บแบ๊ว ผลสรุปคือทำท่าไหนผมก็ดูดี -.,- (อยู่ในโหมดหลงตัวเอง - -’ )
“นายทำอะไร”เสียงทุ้มที่นานทีปีหนผมจะได้ยิน(เว่อร์)ดังขึ้นจากด้านหลัง ผมสะดุ้งสุดตัวก่อนหันไปดู
“แฮ่ๆ ^ ^;; พี่แบงค์ตื่นแล้วเหรอ” ผมส่งยิ้มแห้งๆไปให้พี่แบงค์ที่ยืนมองผมด้วยสีหน้าอนาถจิตเสียเต็มประดา ผมพี่แกยุ่งไม่เป็รทรงแลดูเซอร์แต่ก็หล่อ เสื้อผ้าก็ยับเยิน ผมว่าเสื้อตัวนั้นพี่ใส่ตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ - -+
“ปัญญาอ่อน ออกไปได้แล้ว ฉันจะอาบน้ำ” จึ๊ก! โดนด่าว่าปัญญาอ่อนคำเดียวผมก็แทบจะกราบตีนพี่แกแล้วรีบคลานออกมาจากห้องน้ำให้รู้แล้วรู้รอด ใครมันจะไปรู้วะว่าจะมีไอ้บ้าที่เสร่อเข้ามาโดยไม่เคาะประตู(ที่จริงผมแค่งับประตูไว้เฉยๆ) พี่แบงค์ต้องเห็นตอนที่ผมทำท่าปัญญาอ่อนพวกนั้นแน่ๆเลย โอ..เศร้า T T
ครืด~ ครืด~ ครืด~ ครืด~
เสียงอะไรบางอย่างสั่นครืดๆอยู่บนโต๊ะหน้าทีวี พอผมเดินไปดูก็พบว่าเป็นโทรศัพท์ แต่ไม่รู้ว่าของพี่แบงค์หรือพี่ซิง แต่ว่าชื่อที่ปรากฏอยู่บนจอเล็กๆนั่นทำให้ผมไม่รีรอที่จะหยิบมันขึ้นมารับ
“สวัสดีฮะ”
[สวัสดี.. อ่าว ไม่ใช่ไอ้ซิงเหรอ?]
“นี่ริทเองฮะพี่กราฟ” เยสเซอร์! คนที่โทรมาก็คือพี่กราฟนั่นเอง
[ริท? อ๋อ น้องริท ทำไมโทรศัพท์ไอ้ซิงไปอยู่กับน้องริทได้ล่ะ]
“ริทมาค้างห้องพี่เค้าน่ะฮะ พี่กราฟจะคุยอะไรกับพี่ซิงรึเปล่า เดี๋ยวริทปลุกให้”
[เออๆ ไม่ต้องๆ คุยกับริทก็ได้ พี่ได้ข้อมูลได้พวกนั้นแล้ว] ประโยคนี้ทำให้ผมหูผึง
“แล้วว่ายังไงบ้างฮะ”
[อืม… เป็นลูกน้องมาเฟียจริงๆแหละ แต่มันไม่บอกแก๊งค์ว่ะ ในข้อมูลลับมันก็ไม่มี]
“หา!? ลูกน้องมาเฟีย!? พี่จะบ้าเรอะ! มันจะจับเพื่อนริทไปทำไม”วินาทีนี้ผมอยู่ในอารมณ์อึ้ง ทึ่ง เสียว (อันหลังไม่เกี่ยว) ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ - - ถึงเซนมันจะจนแต่มันก็นิสัยดีนะเฮ้ย! ผมว่ามันคงไม่โง่ไปสร้างศัตรูไว้หรอก
[พี่ก็ไม่รู้ คงต้องให้พ่อช่วยอีกที อย่าเพิ่งทำอะไรนะ ลูกน้องมาเฟียไม่ใช่ขี้ๆ รอข้อมูลจากพ่อพี่ก่อนแล้วกัน]
“เอางั้นก็ได้ฮะ”
[เอาน่า ใจเย็น เดี๋ยวถ้ารู้ข้อมูลแล้วพี่จะให้พ่อช่วยอีกแรง ไม่ต้องเป็นห่วง โอเค้?]
“ฮะ”
[แค่นี้นะ งานเข้าว่ะ]
ติ๊ด~
แล้วพี่แกก็ตัดสายไป~
ผมวางโทรศัพท์ของพี่ซิงไว้ที่เดิมแล้วเดินมานั่งลงบนโซฟาตัวข้างๆพี่โตโน่ สมองก็เริ่มคิดนู้นคิดนี่ ถ้าเกิดคนที่จับไอ้เซนไปเป็นมาเฟียจริงๆ..แล้วจะจับเซนไปทำไม? ผมมั่นใจว่าเซนไม่มีศัตรู และมันก็ไม่เคยมีความลับกับผม ไม่มีทางที่มันจะปิดปัญหาตัวเองไว้เป็นความลับแน่ๆ แล้วเป็นถึงมาเฟีย…ผมจะช่วยมันได้เหรอ? นี่ก็ผ่านไปเกือบสี่อาทิตย์แล้ว ไอ้พวกบ้านั่นมันทำอะไรกับเพื่อนผมบ้างก็ไม่รู้ ผมกลัว… กลัวว่ามันจะทำร้ายเพื่อนของผม
“นายไม่ต้องทำหน้าเครียดแบบนั้นก็ได้ เพื่อนนายไม่เป็นอะไรหรอก อย่างมากก็ไม่ถึงตาย”เสียงคุ้นเคยดังขึ้น พี่โตโน่ยันตัวลุกขึ้นมานั่งอยู่โซฟาอีกตัว สายตาที่มองผมนั้นมันเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ผมควรจะดีใจที่โตโน่เป็นห่วงผม แต่นาทีนี้ผมเป็นห่วงเซนมากกว่า
“แต่พี่กราฟบอกว่าคนที่จับเซนไปเป็นลูกน้องมาเฟีย”ผมเงยหน้าไปสบตาคมของพี่โตโน่ พี่โตโน่จ้องตาผมก่อนเดินเข้ามานั่งลงข้างๆ
“มาเฟียไม่ได้เลวเสมอไปหรอกนะ ถึงจะชอบใช้กำลังในการตัดสินหรือเพื่อปกป้องแก๊งค์ตัวเอง แต่ฉันว่า เค้าคงไม่ทำอะไรเพื่อนนายหรอก”
“อื้อ”
“เอาเป็นว่า ถ้าได้เรื่องอีกเมื่อไหร่ พวกฉันจะช่วยนายเต็มที่ โอเคมั้ย?”
“ทำไมพวกพี่ถึงช่วยริทล่ะ? อยากถามมานานแล้ว”เมื่อเห็นว่ามันเป็นจังหวะที่ดีที่ผมจะไขข้อข้องใจให้กับคำถามของตัวเองผมก็เลยเอ่ยถามออกไป พี่โตโน่หันหน้าหนีผมแล้วถอนหายใจเบาๆ
“ฉันเองก็สงสัยเหมือนกัน”นั่นคือคำตอบ ผมไม่พูดอะไรออกไปอีกเช่นเดียวกับพี่โตโน่ มีเพียงเสียงซ่าๆจากในห้องน้ำที่มีพี่แบงค์อยู่ด้านใน พี่ซิงยังนอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ที่พื้นตรงหน้าผม ความเงียบเริ่มเข้าปกคลุมพวกเราทั้งหมด ผมชักอึดอัดแล้วแฮะ - -;;
แอด
พี่แบงค์ที่มีผ้าเช็ดตัวคาดเอวเพียงผืนเดียวเดินออกมาจากห้องน้ำ ผมก็เลยขออาบน้ำก่อนเพราะมีเรียนตอนเก้าโมง ซึ่งตอนนี้มันเจ็ดโมงกว่าๆแล้ว
ซวย… ผมไม่ได้เอาหนังสือมาด้วย - - ต้องกลับไปเอาที่หอ
หวังว่าพ่อกับแม่จะยังไม่มานะ T T อาเมน…
--------------------------
4.Talk
“อื้อ”เสียงคราวหวานดังอยู่ข้างหูของผม ผมซุกหน้าลงไปกับอะไรสักอย่างที่นุ่มนิ่มเหมือนหมอนข้าง แต่น่าแปลกที่หมอนนั่นมันขยับยุกยิกเหมือนมีชีวิตยังไงยังงั้น
“อ่า…”เสียงครางดังขึ้นอีกครั้งพร้อมหมอนข้างขยับเข้าใกล้กับตัวผมมากขึ้น ทำไมมันขยับได้วะ? ชักรำคาญ!
ผมลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็วแต่ก็ต้องหลับตาลองเพราะแสงสว่างสาดเข้าเต็มตาๆ เมื่อมั่นใจว่าสายตาตัวเองสามารถสู้กับแสงพวกนั้นได้แล้วผมก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง สิ่งที่ผมนึกว่าเป็นหมอนข้างและซุกหน้าไปเต็มๆนั้นไม่ใช่เลย มันคือหน้าอกตูมๆของยัยผู้หญิงที่ติดสอยห้อยตามผมมาเมื่อคืนนี้นี่เอง
ยัยนี่เหมือนจะมีความสุขที่ได้มีเซ็กส์กับผม แต่เธอจะรู้มั้ยว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะกลายเป็นยัยโง่ที่ถูกผมฟันแล้วทิ้ง
ผลัก!
ผมผลักร่างของเธอออกให้ห่างจากตัวผมเอง เธอสะดุ้งลืมตาขึ้นมามองผมอย่างประหลาดใจ แต่ผมเพียงแค่ยิ้มแสยะให้เธอเท่านั้น
“คุณเป็นอะไรคะ?”
“ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้”ผมเอ่ยเสียงเรียบแต่เฉียบขาดจนยัยนั่นเผลอเบิกตาโต เธอไม่ใส่เสื้อผ้าเลยสักชิ้นทำให้ผมเห็นสรีระของเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมมีอารมณ์ขึ้นมาอีกรอบ
“คุณว่าอะไรนะ!?”เธอถามเหมือนไม่เชื่อหูตัวเองพร้อมคลานเข้ามาทำท่าจะอ่อยผมเต็มที่ ผมผลักเธออกอีกครั้งอย่างไม่ใยดีพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดัน
“ออกไปก่อนที๋ฉันจะให้คนยิงกบาลเธอ!”จบประโยคนี้ยัยนั่นก็ลนลานรีบใส่เสื้อผ้าด้วยความเร็วก่อนเปิดประตูรับวิ่งออกไป ผมมองสภาพเปลือยเปล่าของตัวเองด้วยความรู้สึกเฉยเมยพลางลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไปทำความสะอาดร่างกาย
ใช้เวลาไม่นานผมก็อยู่ในชุดที่เตรียมพร้อมจะออกไปข้างนอก วันนี้ผมต้องไปทำการตกลงกับไอ้หน้าโง่แห่งแก๊งค์เรดคิงส์ แค่ผมขู่ว่าจะเอาลูกน้องไปถล่มในอีกสองอาทิตย์ ไอ้เวรนั่นก็แทบจะกราบตีนผมเมื่อร้องขอให้ปล่อยแก๊งค์มันไปโดยจะยอมยกลูกน้องให้ผมครึ่งนึง งี่เง่าสิ้นดี นี่เหรอหัวมาเฟีย? ยอมอ่อนข้อให้คู่ต่อสู้ ยอมเอ่ยปากขอร้องให้เสียศักดิ์ศรี เหอะ! มันสมควรไปเป็นขอทานจะดีกว่า !
นาฬิกาบนผนังบอกเวลาแปดโมงเช้า ผมเหลือบมองอีกร่างที่นอนฟุบอยู่บนพื้นก่อนนั่งยองๆลงตรงหน้าร่างนั้น พื้นที่เคยเปียกกลับไม่มีรอยน้ำอยู่สักแห่ง แสดงว่าหมอนี่ทำตามคำสั่งของผมสินะ …แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย
หมับ!
ผมคว้าคอเสื้อของเซนอย่างแรงแล้วดึงหมอนั่นให้ขึ้นมา เซนค่อยๆลืมตาขึ้นเหมือนกับว่าเปลือกตาของเขาหนักเป็นสิบกิโล วินาทีแรกที่เขาเห็นผม ดวงตาสวยคู่นั้นกลับเบิกโพลงพร้อมทั้งสั้นระริกราวกับผวาอะไรบางอย่าง
“เมื่อคืน…นายเห็นที่ฉันเล่นสนุกกับยัยผู้หญิงคนรึเปล่า?”ผมเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มเหี้ยม มือยังไม่ปลอยจากคอเสื้อของเซน ร่างบางตรงหน้าช้อนสายตาของผมด้วยแววตากลัว โกรธ ผิดหวัง และเฉยชา
มันคืออะไรกัน?
“เลว”คำตอบที่ไม่ข้องเกี่ยวกับคำถามถูกเซนพ่นออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ใบหน้าที่ตกใจในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นเฉยชาไร้อารมณ์ทันทีที่พูดจบ แววตาของเขาแข็งกระด้างมองผมเหมือนเป็นไอ้ชั่วคนนึงที่ไร้ค่า
หมอนั่นไม่มีสิทธิ์มองผมแบบนั้น!
ผัวะ!
ฝ่ามืออีกข้างของผมตบโดนแก้มของเซนเต็มแรงจนใบหน้าน่ารักหันไปอีกทาง เลือดสีแดงสดไหลจากริมฝีปากแห้งแตกของเซน ผมไม่ได้ตั้งใจจะตบเขาหรอก… แต่อารมณ์มันพาไปก่อนที่สมองจะสั่งการซะอีก
“จำใส่สมองไว้เลยว่า สักวันนายจะเป็นเหมือนยัยนั่นถ้ายังมองฉันด้วยสายตาแบบนั้นอีก!”
ตุบ!
ผมปล่อยร่างของเซนให้ล้มลงไปกระแทกพื้นอย่างแรง หมอนั่นไม่แสดงอาการเจ็บปวดหรือหวาดกลัว แต่กลับมองด้วยแววตาดูถูกดูแคลนและวาวโรจน์ ผมแสยะยิ้มจางๆส่งให้ก่อนก้มลงไปคร่อมร่างบางนี่ไว้แล้วประกบริมฝีปากลงไปอย่างแรง
ปฏิกิริยาของเซนตอนที่โดนผมจูบช่างน่าแปลก นอกจากจะไม่ตกใจแล้วยังไม่ขัดขืน ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ! ของเล่นแบบนี้มันไม่สนุกเอาซะเลย ให้ตายสิ!
“โธ่เว้ย! ทำไมนายชอบทำให้ฉันหมดอารมณ์นักนะ!? ฮึ่ย!!”ผมถอนริมฝีปากออกมาก่อนสบถอย่างหัวเสีย นึกว่าตื่นขึ้นมาจะได้เล่นสนุกสักหน่อย แต่ของเล่นหน้าแมวนี่ก็ดันทำให้ผมหมดอารมณ์สนุกต่อ ผมตัดสินใจหยิบเอาของจำเป็นแล้วเดินออกมาจากห้องโดยที่ไม่ลืมปิดแอร์ …ไว้กลับมาค่อยมาเล่นต่อแล้วกัน
“พี่เก่งจะไปไหนเหรอ?”เสียงหวานใสดังขึ้นที่ด้านหน้า กัน…น้องชายของผมเดินออกมาจากห้องพอดี รอยยิ้มสดใสในยามเช้าส่งให้ผมอย่างน่ารัก ผมยกยิ้มตอบพลางเอื้อมมือไปยีผมนุ่มของกันเล่นอย่างหมั้นไส้
“ออกไปข้างนอกน่ะ กันเห็นไอซ์รึเปล่า”กันเป็นคนเดียวที่ผมจะอ่อนโยนด้วยเพราะเขาคือน้องชายและคนสำคัญของผม ผมรักเขา ‘เหมือนน้องแท้ๆ’
“อยู่ด้านล่างมั้งฮะ เห็นว่าเตรียมคนให้พี่เก่งอยู่ พี่เก่งจะไปมีเรื่องที่ไหนอีก?”ร่างเล็กหรี่ตาถามผมเหมือนไม่ค่อยเชื่อใจ ผมหัวเราะออกมาเบาๆกับใบหน้าบูดๆนั่น
“ไม่ได้ไปมีเรื่องสักหน่อย แค่ไปทำงานเฉยๆ แต่วันนี้พี่จะไม่เอาไอ้ไอซ์ไปด้วยนะ เดี๋ยวให้ไอซ์พากันข้างนอก อยู่แต่บ้านไม่เบื่อเหรอ หืม?”ผมเอ่ยพร้อมกับหยิกแก้มป่องๆที่มักจะบุ๋มลงไปเพื่อเขายิ้มเบาๆ ตามด้วยการจั๊กจี้ที่คออีกนิดหน่อยพอให้น้องได้หัวเราะ
“ฮ่าๆ อย่าสิพี่เก่ง น้องกันบอกกี้ครั้งแล้วว่าอย่าจั๊กจี้”กันพูดกับทั้งที่ยังหัวเราะอยู่ การที่กันแทนตัว่าเองว่า ‘น้องกัน’ นั้นผมชอบนะ มันน่ารักดี มือน้อยๆนั่นพยายามจับมือของผมไว้เพื่อให้หยุดยุ่งกับคอของเขา ผมก็เลยยอมอยู่นิ่งๆให้กันจับมือผมไว้อย่างนั้น
“ว่าแต่…พี่เก่งจะให้ไอซ์พาน้องกันไปข้างนอกจริงๆเหรอ?”กันถามเสียงใส ดวงตาหวานเป็นประกายด้วยความดีใจ ผมไม่ชอบให้กันไปข้างนอกเพราะกลัวเขาโดนแก๊งค์อื่นทำร้าย แต่ในเมื่อวันนี้ไอซ์เตรียมคนไว้ให้ผมแล้ว ผมก็เลยกะจะให้มันพากันไปเปิดหูเปิดตาสักหน่อย แค่ไปตกลงกับพวกขี้ขลาด ผมคงไม่ต้องพึ่งไอซ์หรอก
“จริงสิ แต่มีข้อแม้ว่าห้ามดื้อ ต้องอยู่กับไอซ์ตลอดเวลานะ โอเคมั้ย?”
“โอเคฮะ สัญญาเลย”กันเอ่ยพร้อมยกนิ้วก้อยขึ้นมาชูเป็นการยืนยัน ผมยิ้มออกมาอีกรอบแล้วส่งนิ้วก้อยของตัวเองไปเกี่ยวกับนิ้วเล็กๆของกัน เขาแทบจะกระโดดกอดผมเพื่อเป็นการขอบคุณ ฮ่าๆ
“พี่ไปแล้ว กินข้าวด้วยนะ”ผมยีผมกันอีกครั้งก่อนเดินลงมาด้านล่าง รถยนต์นับสิบคันจอดเรียงรายอยู่หน้าบ้านแต่ก็ยังอยู่ในบริเวณรั้ว ผมเห็นไอซ์ยืนสั่งลูกน้องคนอื่นๆอยู่ ถึงหมอนั่นจะอายุแค่สิบห้าแต่ฝีมือนี่ผมยอมรับว่าสุดยอด ทั้งการต่อสู้หรือการใช้อาวุธไอซ์กินคนอื่นขาด แถมหมอนั่นยังสูงเกินเด็กอีก ผมไม่แปลกใจเลยที่ตัวเองยอมให้ไอซ์มาเป็นผู้ติดตามเพียงคนเดียว ..อันที่จริงผมเคยส่งไอซ์เรียนนะ แต่พอรู้ว่ามันไม่ค่อยเข้าเรียนแถมยังไปมีเรื่องบ่อยๆก็เลยเอามันออกมาและไม่คิดจะส่งมันเรียนอีกเลย ไม่ใช่เพราะผมกลัวเปลืองเงิน แต่เรียนไปก็ไร้ประโยชน์ สู้ให้มันมาช่วยผมกำจัดแก๊งค์อื่นๆคงจะดีกว่า
“ไอซ์ เตรียมคนไว้เท่าไหร่”ผมเดินเข้าไปข้างๆไอซ์ หมอนั่นเหล่มองผมเล็กน้อยก่อนหันไปกลับสั่งพวกนั้นอีกสองสามประโยค
“ครึ่งร้อยก็พอมั้งพี่ ได้ข่าวว่าไอ้เวรนั่นป๊อดจะตายนี่”คำพูดและน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะมีสัมมาคาราวะถูกไอ้ไอซ์ใช้พูดกับผมแล้วเรียบร้อย แต่ผมก็ไม่ได้จริงจังอะไรหรอก เพราะรู้ว่ายังไงมันก็นับถือและเชื่อฟังผม
“เออ วันนี้ไม่ต้องไปกับฉันนะ”
“เอ้า! ได้ไงอะพี่ ผมพลาดมาหลายรอบแล้วนะ!”ไอ้ไอซ์เริ่มโวยวาย แหงล่ะ ผมไม่ให้มันตามผมมากือบเดือนแล้วนี่นะ ไม่แปลกที่คนอย่างไอซ์จะโวยวายเพราะมันไม่ได้ยืดเส้นยืดสายมานาน
“วันนี้จะให้แกพากันออกไปด้านนอก ฉันไม่ไว้ใจใครเท่าแกแล้วนะ”
“พาพี่กันไปข้างนอก? ไปไหน?”
“แล้วแต่เหอะ ดูแลน้องฉันดีๆ ถ้าได้แผลมาฉันเอาแกตายแน่ ไอซ์”ผมขู่เสียงต่ำทั้งที่รู้ว่ายังไงไอซ์ก็ไม่ยอมให้กันเป็นอะไรหรอก ไอซ์ทำหน้าแหยๆเหมือนไม่เต็มใจ แต่แน่นอนว่ามันคือคำสั่ง หมอนั่นเลยตอบตกลงแต่โดยดี
“ก็ได้ ห้ามกลับเกินหกโมงใช่มั้ย”ไอซ์เอ่ยถามอย่างรู้งาน
“เออ”
“พี่ก็หัดกลับก่อนหกโมงบ้างสิ ฮ่าๆๆๆ คนพร้อมแล้วพี่ ผมไปล่ะ”ทิ้งประโยควอนกระสุนไว้แล้วมันก็รีบวิ่งเข้าบ้าน คงไปคุมให้กันกินข้าว ผมชักตะหงิดในการกระทำของไอ้เด็กนี่ซะแล้ว - -
ผมเลิกสนใจไอ้ไอซ์แล้วเดินขึ้นรถที่หมอนั่นเตรียมไว้ให้ จากนั้นรถคันของผมก็เคลื่อนออกจากตัวบ้านเป็นคันแรก ตามมาด้วยรถยนต์อีกเกือบสิบคันที่แล่นตามมา เห็นทีว่างานนี้…ถ้าไอ้หัวหน้าแก๊งค์เรดคิงส์จอมป๊อดเสือกเล่นตุกติกล่ะก็ ไม่มันก็ผมคงต้องตายกันไปข้าง หึหึหึ
To Be Continue …. Chapter 19
ความคิดเห็น