สวัสดีค่ะ แนะนำตัวอีกรอบ เผื่อใครไม่รู้จัก ชื่อฟอยนะ
ตอนนี้จบม.ปลายแล้ว เรียนอยู่ที่ ไอซีที มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา
เนื่องจากพึ่งปิดเทอมได้ไม่กี่วัน และเพื่อนๆก็หนีไปเที่ยวหัวหินกันหมด เด็ก(?)ขึ้เบื่อคนนี้ก็เลยว่างมากมาก
ไม่มีอะไรทำเลย
เลยมาหมดทุกอย่างแล้ว จนในที่สุดอดรนทนไม่ไหว
ด้วยความที่ตัวเองก็กำลังเรียนไอทีก็เลยเอาซะหน่อย
เสิจคุณลุงกู๋ "เบื่อ ทำไงดี"
(กูเกิ้ลนี่ช่วยเราได้หลายอย่างมากจริงๆ จริงๆๆๆๆนะ)
และก็เจอเว็บที่เค้าแนะนำเป็นอันดับแรกว่า "เขียนบล็อก"
เรา ก็ว่างเว้นจากการเขียนบล็อกมานานมาก ขณะที่กำลังนึกอยู่ว่าจะไปเขียนที่ไหนดีเพราะเราสมัครไว้เยอะแยะไปหมด(ส่วน ใหญ่จำรหัสผ่านกับยูเซอร์เนมไม่ได้)
แต่ว่าเอ๊ะ เรามีบล็อกเด็กดีที่เคยเขียนอยู่
ก็เลย มานั่งอยู่หน้าคอม และเขียนๆให้เพื่อนๆพี่น้องๆอ่านอยู่ตอนนี้นี่ล่ะ
หากจะกล่าวบทนำไปนั้น ถ้าใครเคยอ่านบล็อกเก่าๆมาบ้าง คงพอจะรู้ว่า เรานั้น ผ่านแอดมิชชั่นมาอย่าง...
เอาเป็นว่าอะไรที่หวังไว้ก็ไม่ได้อย่างที่หวัง
แต่ชีวิตก็จะเดินต่อไปนี่เนอะ *ยิ้ม*
น้องๆม.6ที่กำลังหน้าดำคร่ำเคร่งอยู่ตอนนี้ ก็เครียดกันไปเถอะน้อง
แต่อย่าไปกลัวที่จะผิดหวัง
พี่ ก็ผิดหวัง และพี่ก็ยังสบายดี
--------------------------------
หนึ่งเทอมที่ผ่านมามีเรื่องราวเยอะมากกกกกกกสำหรับเรา
ไม่ รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี เอาเป็นว่าเริ่มจากเรื่องการเรียนก็แล้วกัน เผื่อแนะแนวน้องๆที่สนใจเรียนด้านคอมพิวเตอร์เขียนโปรแกรมอะไรแบบนี้ด้วย
: การเรียน ไอ้ตอนแรกพี่ก็พอรู้ว่ามันต้องเขียนโปรแกรม อะไรเทือกนั้น ก่อนเปิดเทอมก็อ่านซีมานิดหน่อย(*ซี คือคำเรียกสั้นๆของ ภาษาซี หรือภาษาพื้นฐานในการเขียนโปรแกรม)
วิชาทีเรียนก็มีดังนี้(หลักสูตรภาษาอังกฤษนะ สำหรับไอซีทีของมหิดล เรียนเป็นอังกฤษหมดเลย)
**ชื่อวิชาต่อไปนี้เรียกตามความเข้าใจของเรา*
1.แคลคูลัส พื้นฐาน ก็เหมือนทั่วไปที่ปีหนึ่งเรียนกัน แต่ มันพิเศษกว่าที่อื่นก็คือ ปกติแล้วทุกๆปีในคณะไอซีทีเค้าจะแบ่งแคลออกมาเป็นสองเทอมแต่ปีนี้รวบเรียน เทอมเดียว ผลก็คือ ติดFแน่ๆ (ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ใช่มันยาก แต่เราโง่เลข)
2.ดีสครีท สตรัคเจอร์ วิชา.... เอิ่ม.... ก็เลขแหละ แต่มันแม่* โคตรเข้าใจยากเลย คือทุกคาบทีเรียนก็งงว่า กูเรียนคอมสอนกูทำไม?? เกือบตกเหมือนกันวิชานี้หรืออาจจะตก(?) มันเลขอ่ะๆๆ!!
3.สังคม หรือถ้าแปลชื่อวิชาเป็นภาษาไทยก็ การเปรียบเทียบวัฒนธรรม สังคมไม่มีอะไรมาก ง่ายๆ ก็โดด หลับ คุย ดูยูทูป นอน ถ่ายรูปเล่น ไร้สาระ อ่านวิชาอื่น สำหรับตอนสอบก็อ่านในชีท อ่านทวนที่อ.ให้ทำแบบฝึกหัดในห้องก็พอทำได้ ผ่านมีน แต่เป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้วว่า ถ้าเข้ามหาลัยปุ๊บคุณจะไม่เจอข้อสอบกาแน่นอน ที่นี่ก็เป็นเหมือนกัน มีข้อกาอยู่20ข้อ ข้อเขียนอีก10ข้อ และต้องตอบเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด(นี่แหละประเด็นหลัก) ใครเขียนได้ตรงคำถามเขียนเยอะๆก็ได้คะแนนเยอะกันไป
4.ชีววิทยา เทอมแรกเรียนเรื่องที่เคยเรียนม.ปลายไปทั้งหมด บางเรื่องก็ไม่ได้เรียนนะ แต่อย่างว่า เราเรียนคอมชีวะจะเอาไปทำอะไร แต่ก็เป็นวิชาที่เก็บได้เยอะเหมือนกัน เพราะอ.จะไม่ยอมให้เด็กตกเพราะมันเรียนแค่เทอมเดียว และเป็ฯวิชาเดียวที่ข้อสอบเป็นข้อกาทั้งหมด!!! อู้ววววว~
**วิชาต่อไปนี้จะเป็นวิชาที่สร้างความงุนงงให้กับคุณได้มากที่สุด เหมือนกันชื่อวิชามันน่ะแหละ**
5.Problem Solving เป็นวิชาที่ไม่น่านำเสนอเลยสักนิดเดียว ตามชื่อวิชาก็วิธีการแก้ปัญหาเนอะ แต่มันสอนแต่ปัญหา ไม่เคยสอนวิธีแก้เลยจริงๆ ให้ตายยยย เป็นการสอนในประวัติศาสตร์มาก ที่คาบแรก ให้จับกลุ่มโยนไข่
โอเค ถ้าว่ากันตามหลัก ก็เป็นการฝึกแก้ปัญหาอย่างหนึ่ง ว่าด้วยอุปกรณ์เท่านี้จะทำยังไงให้โยนไข่ลงมาแล้วไม่แตก ทว่าหลังจากคาบนั้น....
ไม่รู้เค้าสอนอะไรกันไปบ้าง คือเรียนสอนคลาสรวมกัน เรียนเราก็นั่งดูยูทูปกับเพื่อน นอนบ้างอ่านการ์ตูนบ้าง ควิซมาแบบไม่ทันให้ตั้งตัวบ้าง แต่!!
ไอ้ตอนสอบนี่สิ คือมันจะมีคำพูดที่ว่าถึงอ่านไปก็ไม่รู้จะเอาอะไรไปสอบ แต่ วิชานี้ ไม่มีให้อ่าน ถึงอยากอ่านก็ไม่มีอะไรไปสอบ เจอข้อสอบครั้งแรกนี่แบบ เอาแล้วววว แม่หนูเอฟเป็นตัวที่สามแล้ว แต่พอมิดเทอมประกาศก็ผ่านมีนมาได้อย่างงงๆ แต่วิชานี้เค้ายึดคะแนนเก็บกับคะแนนโปรเจกต์เป็นหลัก ถึงทำได้น้อยตอนสอบแต่เปอร์เซ็นต์คะแนนมันนิดเดียวเอง
6.Programming นี่สิ วิชาที่เหล่าเด็กไอซีทีควรเรียนและรอคอย แน่นอนมันคือวิชาการเขียนโปรแกรม โดยเทอมแรกที่จบไปแล้ว เราไปท่องเที่ยวในโลกของซีกันมาและเทอมสองเราก็จะได้เจอกับจาวา อย่างลึกซึ้ง เป็นวิชาที่ยากนะ เพราะถึงเราจะรู้หลักการเขียนของมันยังไง แต่ถ้าโลจิก(Logic)เราไม่เก่งมากพอ มันก็ยากที่จะทำแบบฝึกหัดหรือข้อสอบหรือโปรเจกต์ใหญ่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันฝึกกันได้จ้ะ พอเรียนไปเรื่อยๆ ถ้าได้อาจาร์ยดีๆเค้าก็จะให้การบ้านมาให้เราฝึกทำเอง แต่อย่างห้องเรา การบ้านอาจารย์เค้าน้อย เลยต้องไปเอาการบ้านควิซหรือข้อสอบเก่าๆของคลาส(หรือเซค)อื่นมาทำเป็นการฝึกฝนไปในตัว อย่างที่บอกถ้าใครเก่งโลจิกนะ ไอ้วิชานี้ก็เก่งไปเลย ฟาดเอหรือบี+กันไป
คือสำหรับคนที่ยังไม่เคยลองเขียนมันจริงๆ จะมองว่าไม่เห็นมีอะไรเลย แต่เราจะมายกตัวอย่างให้ดู
เอาเป็นโจทย์ง่ายๆ(?) จากข้อสุดท้ายของข้อสอบกลางภาคละกัน เค้าให้เขียนโปรแกรมที่จะปริ้นรูบออกมาเป็นแบบนี้
*
**
****
******
********
**********
************
**************
****
****
****
คร่าวๆคือเค้าให้ปริ้นต์รูปต้นไม้ไว้กึ่งกลางหน้าจอโปรแกรม ง่ายไหม ง่ายเนอะ!! ก็พิมพ์ลงไปดิ ใช่ไหม??
ไม่ใช่จ้า... เราต้องใช้ทั้งโลจิก ทั้งฟังก์ชั่นการวนลูป(ไม่เข้าใจก็อย่าไปพยายามเข้าใจ ปวดหัวเปล่าๆ) เอาเป็ฯว่าจะลองเขียนแบบเป็นภาษาคนดูให้นิดนึงละกัน
ปริ้นจุดแรกบนสุดนะ เราก็ต้องให้มันปริ้นช่องว่าง “ “ทั้งหมด6ช่องก่อนใช่ไหม? นั่นล่ะก็เขียนไปว่าถ้ายังไม่ถึงตัวที่ 7 ปริ้นต์ ”(ช่องว่าง)“ พอตัวที่7ก็ให้ปริ้น ” * ” ออกมา ก็ใช่หลักการโลจิกเดียวกัน ทำต่อไปเรื่อยๆ
**วิชานี้ โจทย์ข้อนี้ขอเกริ่นๆไว้แค่นี้ละกัน**
7.ภาษาอังกฤษ เพราะเรียนเป็นหลักสูตรภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษในคณะนี้จึงสำคัญมาก เอาจริงๆเวลาเราเขียนโปรแกรมก็เป็นภาษาอังกฤษอยู่แล้ว สำหรับใครที่สนใจอยากเรียนด้านไอที แต่ภาษาอังกฤษห่วยแตกมาก ก็ไม่ต้องกลัวนะ เพราะเชื่อได้ว่า พอเข้ามาอยู่ในคณะนี้แล้วสถานการณ์มันจะบังคับให้เข้าใจเองแหละ พอโดนอังกฤษกรอกหูเข้าไปทุกๆวัน มันก็จะชินเอง(แต่จะเข้าใจไหมนี่อีกเรื่องนะ แต่สาบานได้ว่าคุณจะสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงก่อนเข้ามาเรียนและหลังเข้ามาเรียน) ส่วนใหญ่ก็จะมีเรียนแกรมม่า(ไม่หนักและเยอะเหมือนตอนแอดมิชชั่นแน่นอน)
อย่างห้องของเราซึ่งอังกฤษพอจะมีดีกันอยู่บ้าง จะมีการบ้านทุกอาทิตย์ ทำชีทแกรมม่าอ่านล่วงหน้า ท่องศัพท์ และเขียนJournal (คล้ายๆกับเขียนเรียงความแต่เขียนได้ตามใจเรา ว่าจะเขียนเท่าไหร่ กี่paragraph:อันนี้ตามที่เข้าใจนะ) เป็นห้องที่มีการบ้านเยอะมากที่สุด เขียนมันเข้าไปเหอะ โม้กันจนเก่งอ่ะ แต่แกรมม่าก็ผิดบ้างเรื่องปกติ การบ้านยอะก็จริงนะ แต่จะช่วยเราได้มากตอนสอบ เพราะมันก็เหมือนพรีวิวข้อสอบไปในตัวด้วยแหละ ส่วนใหญ่ไม่ทำมาก็ได้ แต่Journalต้องทำส่งเพราะเค้าเก็บตรวจ ก็จะมีโปรเจกต์การพรีเซ้นต์หน้าห้อง แสดงละครเล็กๆ กำหนดเงื่อนไขมาอะไรแบบนั้น ไม่ยากมากถ้าคนมั่นใจพอ และอ.เค้าก็จะอัดวิดิโอเก็บไว้มาฉายให้ดูในคาบสุดท้ายของแต่ละครึ่งเทอมด้วย
การเรียนก็มีประมาณนี้ ถามว่าเรียนหนักไหม ก็หนักนะ ถึงใครจะมองว่าไม่มีอะไร แต่เราก็เรียนตั้งแต่ 9.00-16.00 อยู่ประมาณสามวัน มีบางวันเรียนครึ่งวัน หรือวันศุกร์ จะมาแค่เรียนภาษาอังกฤษ ชั่วโมงครึ่ง แต่มันไม่เหมือนม.ปลาย ที่เราก็วอกแวกได้ ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ถ้าวิชาสำคัญๆแล้วเราไม่ฟังเราก็จะพลาดไปเลย
นอกจากนี้คณะเราก็ขึ้นชื่อว่ามีโปรเจกต์เยอะมาก อย่าเทอมที่ผ่านมา มีโปรเจกต์วิชาโปรแกรมมิ่ง 1 กับวิชาProblem solvingอีกหนึ่ง น้อยไหม? ก็น้อยนะ แต่มันยังมีที่ทำโปรแกรมยากๆระหว่างคาบอยู่ด้วย แต่พี่ๆปีสองหรือปีสูงๆขึ้นไปนี่ทำโปรเจกต์กันเป็นว่าเล่น ใกล้สอบทีก็เอาล่ะมาใช้ปลั๊กตรงทางเดิน นั่งกับพื้นเป็นกลุ่มๆอ่านโปรเจกต์ซ้อมก่อนพรีเซ้นต์กันไป และพอปีสองจะเรียนพวกวิชาพื้นฐานนี้น้อยแล้ว จะเรียนแต่พวกทางการเขียนโปรแกรมหมดเลย
ตอนแรกที่เข้ามาก็คิดว่าเรียนได้นะ เราอยากเรียนแล้วจบไปทำแอพฯทำเกมส์อะไรแบบนี้ หรือทำอนิเมชั่น เอาจริงๆก็คือ จบไปก็ทำได้ แต่ไอ้ที่เราทำอ่ะ คือ ทำโปรแกรมที่ไว้สร้างเกม (ฮา ยากกว่าเก่าอีกกู) และจะได้เลือกสาขาตอนปีสามซึ่งมีสาขาให้เลือกเยอะเหมือนกัน เกือบสิบล่ะตอนนี้ เผื่อใครยังไม่เข้าใจ
ถ้ามีคนถามว่า ไอซีทีกับวิศวะคอมต่างกันยังไง?
ก็ถ้าเป็นพวกวิศวะ เท่าที่รู้มาเค้าจะเน้นไปทางพวกฮาร์แวร์(ไอ้พวกตัวเครื่องอะไรเทือกนั้นมั้ง) แต่ไอซีทีอ่ะ จะเน้นซอฟ์แวรืเขียนโปรแกรม ไอ้พวกวินโดว์ ไมโครซอฟออฟฟิส อะไรประมาณนั้น ถ้าถามถึงตลาดงาน ไอทีหรือไอซีทีความต้องการเยอะมากกว่า พวกที่เขียนแอพกันก็ไอซีทีน่ะแหละ ที่มันสร้างดอทเอ ฮอน เกมสืออนไลน์ต่างๆก็พวกไอทีทั้งนั้นเหมือนกัน
แบบที่บอก สมมติว่าเราอยากสร้างการ์ตูนอนิเมชั่น คนที่เรียนพวกสร้างการ์ตูน อะไรต่างๆ เค้าก็คิดก็เขียนสตอรี่กันไป จากนั้นก็หยิบโปรแกรมขึ้นมาสองสามตัว แล้วก็ลงมือทำ
แต่ไอซีทีเราจะเกี่ยวกับอนิเมชั่นก็ตรงสร้างโปรแกรมไอ้สองสามตัวนั่นขึ้นมาแล้วก็โยนไปให้พวกนั้นเค้าใช้กัน ประมาณนี้
-------------
เขียนมาเยอะมากแล้ว ใครมีคำถามอะไรก็โพสถามไว้ได้นะ แบบว่าค่าเทอม สังคม เพื่อน กิจกรรม หรือเรื่องการเรียนก็ถามได้ ถ้าตอบไม่ได้จะไปหาพวกที่เก่งๆมาตอบให้เอง ฮ่าๆๆ
หลักๆก็ประมาณนี้ ถ้าคิดอะไรออกก็จะมาเขียนต่อเป็นภาคสองนะ 
#MUICT 10
ความคิดเห็น