คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #124 : หมู่มารอาละวาด หังโจวหวนไห้ (4)
อีกด้านหนึ่ง กลุ่มช้างพลายที่เพิ่งได้ประจักษ์กับตาถึงความเก่งกล้าสามารถของตำนานเป็นครั้งแรก พลันรู้สึกกระดากอายที่เคยท้าทายอีกฝ่ายโชว์กันเองในกลุ่มเพื่อน สุดท้ายไม่ทราบพวกตนจะต้องเคลื่อนไหวโจมตีอย่างไรเพราะมัวแต่เพลิดเพลินไปกับฉากการต่อสู้ปะทะเบื้องหน้า และทางประมุขแห่งพรรคพญายักษาที่เป็นเหมือนแม่ทัพใหญ่ผู้กุมบังเหียน บัดนี้เผยสีหน้าเครียดกดดัน พลังฝีมือของสามมารเฒ่าแทบไม่ผิดไปจากคำเล่าลือ บทสรุปในวันนี้เขาพอคาดเดาได้บ้างแล้วด้วยคำสั้น
ๆ ไม่กี่คำอย่างเจ็บปวดใจ
หายนะ ทะเลเลือด หังโจวพินาศ…
‘ยังมีเจ้ามารน้อยตนนั้นอยู่อีก นี่มันวันชุมนุมหมู่มารหรือยังไง?’ สายตาของเทพจำแลงตวัดมองไปทางยี่ฟง ขวัญกำลังใจตกต่ำลงถึงขีดสุด ได้แต่คิดในใจโดยไม่กล้าเอ่ยปากสักครึ่งคำ
กระทั่งสิ่งที่ประมุขพรรคพญายักษากลุ้มกังวลอยู่ในใจเกิดขึ้นจริงในที่สุด ยี่ฟงลงมือเข้าร่วมการประหัตประหารเร็วกว่าที่คิด ตอนแรกเขาคาดว่าชายหนุ่มยากจะค้นหาช่องว่างเพื่อสอดประสานกับสามมารเฒ่าจึงยังไม่คิดบุ่มบ่ามเคลื่อนไหว แต่เห็นทีจะมองผิดไป เทพจำแลงจึงทำได้แต่สวดภาวนาขอให้มารน้อยตนนี้ตัดสินใจวู่วามจนทำให้การประสานของทางนั้นพังทลายลงเอง
ทว่าเทพจำแลงก็ยังขอมากไป แถมหยั่งวัดศักยภาพของยี่ฟงต่ำเตี้ยไปเสียทุกครั้ง
มารน้อย? ในสายตาเหล่าเพลเยอร์ทุกคนแล้วแทบจะเผยร่องรอยหวาดหวั่นพรั่นพรึงกันออกมาอย่างอดไม่ได้เลยด้วยซ้ำเมื่อพวกเขาเผลอมองไปทางเจ้ามารน้อยที่ว่า
ร่างกายที่แผ่คลื่นปราณร้อนแรงอยู่ตลอดของยี่ฟงกำลังสร้างภาพจำอันชั่วร้ายสุดขั้วให้แก่ศัตรู วิชายุทธ์วิหคอหังการในยามนี้แม้จะยังไม่ใช่ระดับสูงสุด ทว่าก็อยู่ไม่ไกลแล้ว ด้วยพลังที่ช่วยเกื้อหนุนเพิ่มพูนอย่างดวงจิตพิสุทธิ์แห่งโลกา
– ธาตุอัคคี พลังวิชาที่มีรากฐานมาจากธาตุอัคคีทั้งหมดในครอบครองของยี่ฟงจึงแข็งแกร่งเกินกว่าขีดจำกัดสูงสุดโดยทั่วไป นับเป็นความได้เปรียบและแต้มต่อที่เหล่าเพลเยอร์ทุกคนไม่อาจก้าวขึ้นมาทัดเทียมได้ในเวลาอันสั้น
เพียงใช้เวลาชั่วอึดใจเดียวมองภาพรวมของสงครามหังโจว ยี่ฟงก็ตัดสินใจได้แล้วว่าจะลงมืออย่างไร หลังจากตาเฒ่าภูผาเพลิงเข้าร่วมประสานงานเป็นคนสุดท้าย
จำนวนของศัตรูในแนวหน้าก็ลดลงไปรวดเร็วมาก เนื่องจากเคล็ดดาบพิชิตภัยกระบวนท่าสุสานนักรบส่งผลทั้งต่อมิตรและศัตรู ภูผาเพลิงจึงไม่ได้ก้าวล้ำเขตเข้าไปแต่เลือกโจมตีเอาจากวงนอก ขณะตัวเจ้าของวิชาอย่างเฒ่าทารกก็กระโดดพล่านไปทั่วไม่มีหยุดพัก โจมตีสกัดกั้นและพยายามยื้อยุดศัตรูไว้ไม่ให้หลบหนีออกไปได้ง่าย
ๆ
กระทั่งยี่ฟงตามมาถึง กระบี่คลาส A
ก็ปรากฏอยู่บนฝ่ามือพร้อมปลดปล่อย ปราณเก้ากระบี่เวหา เข้าขัดขวางศัตรูกลุ่มใหญ่ที่กำลังหลบอ้อมวงสุสานนักรบเพื่อไปรุมล้อมมารตะกละอีกด้าน ซึ่งเพิ่งจะหยุดการหมุนควงของวิชาเกลียวคลื่นมังกรคู่
ปราณกระบี่เก้าเล่มทิ่มแทงลงไปติดต่อกันรวดเดียวจนเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นและเส้นสายโลหิตกระเซ็นซ่าน ศัตรูส่วนหนึ่งไม่ทันรู้ตัวย่อมไม่อาจรอดพ้นการลอบโจมตีไปได้ ร่างจึงถูกกระแทกซัดปลิวย้อนกลับเข้า ไปภายในเขตสุสานนักรบของเฒ่าทารกอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ
ยี่ฟงไม่คิดจะหยุดเพียงเท่านี้ พลันเรียกใช้ความสามารถแฝงในตัวกระบี่เพื่อทำการโจมตีต่อเนื่อง นั่นทำให้วิชาปราณเก้ากระบี่เวหาปรากฏขึ้นมาอีกเป็นครั้งที่สอง และพุ่งทะยานแหวกฝ่าลมหนาวเข้าหาศัตรูที่ยังไม่ทันได้ตั้งหลัก ความรุนแรงของวิชาคลาส A
ก็ไม่ทำให้ใครผิดหวัง
เมื่อมันทิ่มแทงลงบนเนื้อหนังตรึงร่างศัตรู ชั่วอึดใจต่อมาก็ระเบิดออกเสียงดังสนั่นหวั่นไหวอีกครั้ง หน่วยแรกของฝ่ายพันธมิตรหังโจวจำนวนมากที่พลาดพลั้งถึงกับบาดเจ็บปางตาย หลายคนแขนขาขาดแหว่งกระจุยต้องรอฟื้นฟูรักษาอย่างเร่งด่วน
ท่ามกลางเสียงร้องระงมและสีหน้าบิดเบี้ยวของฝ่ายตน เทพจำแลงเมินเฉยไม่สนใจ หันไปตะโกนสั่งการว่า “หน่วยสองลุยเข้าไป! อย่าทิ้งช่วงให้เหล่ามารร้ายได้มีโอกาสพักหายใจ”
แม้ผลลัพธ์ที่ออกมาจะไม่น่าอภิรมย์นัก ทว่าชาวหังโจวก็ไม่มีทางเลือก พวกเขาพยายามสะกดข่มความกลัวในจิตใจและพากันบุกเข้าไปตามคำสั่งราวทหารเดนตาย เพียงแต่ครั้งนี้มียอดฝีมือระดับสูงไม่ธรรมดาปะปนรวมอยู่ด้วย ในหมู่คนละลานตาเหล่านี้พวกเขากำลังแฝงตัวอยู่อย่างเงียบเชียบไม่ให้โดดเด่นสะดุดตาก็เพื่อมองหาช่องโหว่ของมารร้าย
ขณะเดียวกันยี่ฟงก็ไม่อยู่เฉย มองเห็นมังกรเฒ่าเกาะกลุ่มอยู่ไม่ห่าง ส่วนสามมารเฒ่ากำลังเก็บกวาดเศษเหลือ จึงฉวยจังหวะเว้นพักช่วงสั้น ๆ นี้กล่าวขึ้นว่า
“ฉันจะบุกฝ่านำไปก่อนให้เอง พวกลุง ๆ อย่าถูกทิ้งห่างกันเกินไปซะล่ะ”
“น้อย
ๆ หน่อยไอ้หนุ่ม!
ไม่รู้จักประเมินตนระวังจะตายไม่รู้ตัว” เฒ่าทารกตะโกนตอบกลับมา
“ยึดฉันเป็นแกนหลัก พวกลุงคอยประสานงาน” ยี่ฟงไม่ไปสนใจ แต่กลับเอ่ยปากสั่งการต่อขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว แม้สามมารเฒ่าจะรู้สึกไม่พอใจก็จำต้องปล่อยผ่านไปก่อน
ส่วนยี่ฟงนั้นย่อมไม่ทำอะไรลงไปโดยไม่คิด เขาประเมินดูแล้วจึงมั่นใจว่าสามมารเฒ่ามีฝีมือความสามารถและประสบการณ์มากพอที่จะเล่นประสานในทุกรูปแบบ แม้แกนหลักจะเป็นคนนอกอย่างเขาก็ตาม หรือหากไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด มันก็ยังดีกว่าที่จะให้เขาแทรกเข้าไปร่วมในการประสานงานของพวกสามมารเฒ่าเอง ในจุดนี้ยี่ฟงหวังพึ่งประสบการณ์ของแก๊งวัยชราล้วน
ๆ
ฝ่ายพันธมิตรหังโจวที่แนวหลังยังคงออกกระบวนท่าโจมตีมาจากระยะไกลไม่หยุดยั้ง บั่นทอนพละกำลังของเหล่ามารร้ายเท่าที่จะทำได้ ขณะหน่วยสองในแนวหน้าก็โหมทะยานใกล้จุดปะทะเข้าไปเรื่อย
ๆ แล้วเช่นกัน เมื่อหน่วยต่อสู้ประชิดถึงเป้าหมาย
แนวหลังก็จำต้องหยุดมือเอาไว้ก่อน
ทางยี่ฟงสะบัดวาดเพลงกระบี่ธาราปัดป้องค่าความเสียหายที่พุ่งมาจากแนวหลังของศัตรู พลางพึ่งวิชาตัวเบาเคลื่อนกายหลบหลีกสุดกำลัง แต่มันก็ทำให้เขาถูกปิดล้อมรวดเร็วไม่แพ้กัน
“ไอ้เด็กอวดดี! พวกข้ากำลังจะไปช่วยเดี๋ยวนี้” เฒ่าทารกตะโกนบอกกล่าวมาเต็มเสียง
หน่วยสองจำนวนเกินครึ่งร้อยต่างแสดงสีหน้าเหี้ยมโหดดุดัน แม้ภายใต้สีหน้าเหล่านี้จะยังเคลือบแฝงไว้ด้วยความไม่แน่ใจ ทว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาก็ใช้ความโกรธสะกดข่มและลงมือโจมตีอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังอะไรอีก ด้วยจำนวนที่มากกว่าย่อมต้องสังหารเป้าหมายที่มีเพียงแค่หนึ่งได้ไม่ยากตามหลักความเป็นจริงไม่ใช่หรือ?
ซึ่งที่พวกเขาคิดก็ไม่ผิดไปเสียทีเดียว เพียงแต่ว่าผลลัพธ์มันไม่ใช่จะคิดคำนวณกันออกมาด้วยการใช้ตัวเลขไม่กี่ตัวเท่านั้น ยังต้องใส่ความเป็นไปได้ต่าง ๆ อาทิพลังวิชา
อุปกรณ์สวมใส่ และอาวุธศัสตราของเป้าหมาย
รวมไปถึงเทคนิคการต่อสู้เฉพาะตัว
ที่กล่าวมานี้ล้วนแต่เป็นตัวแปรสำคัญที่จะเปลี่ยนผลลัพธ์จากหน้ามือเป็นหลังมือได้เลยทีเดียว
ยี่ฟงที่ถูกปิดล้อมอยู่ใจกลางหน่วยสองของศัตรู สีหน้าเรียบเฉยได้อย่างเหลือเชื่อ กลุ่มคนระลอกแรกที่กำลังจะเข้าโจมตีสังเกตเห็นดังนั้นพลันขวัญผวาแต่พวกเขาไม่อาจถอยหลังกลับได้อีกจำต้องบุกขึ้นหน้าต่อไปพร้อมกุมอาวุธคู่กายไว้มั่นด้วยสองมือ ช่วงจังหวะตัดสินนี้เองที่ยี่ฟงเริ่มเคลื่อนไหว ฝ่ามือทั้งสองซึ่งยังแสดงผลของหมัดพายุเหล็กถูกเหวี่ยงกระแทกลงพื้นจนเกิดเสียงแตกหักและรอยร้าวกระจายออกไป เสียงกระหึ่มจากพลังวิชาสิบฝ่ามือกำหนดฟ้ากระบวนท่าที่หกหมู่มังกรสยบทศทิศแผลงฤทธิ์แผลงเดชขึ้นมากะทันหัน เหล่าศัตรูที่ตัดสินใจคืบคลานเข้าประชิดใกล้จึงยากจะตอบโต้หรือหลบหลีกไปได้ทัน ใจกลางหน่วยสองแห่งฝ่ายพันธมิตรหังโจวเผชิญวิกฤตอย่างไม่มีใครคาดคิด คลื่นปราณมังกรสีทองนับสิบสายแหวกฝ่าทะยานขึ้นมาจากใต้ผืนพิภพก่อนม้วนศีรษะพร้อมกับแยกเขี้ยวคำรามพุ่งเข้าทำลายล้างใส่ทุกสิ่งรอบกายเจ้าของวิชาโดยทันที
เสียงระเบิดและเสียงกรีดร้องหลอมรวมเป็นเสียงเดียว ขณะพื้นดินกำลังสั่นสะเทือนตามจังหวะของการระเบิด ความรุนแรงจากกระบวนท่านี้ผลักกระแทกศัตรูออกไปเป็นบริเวณกว้าง แนวหน้าสุดปลิวไปล้มกระแทกใส่แนวหลังจนทัพปิดล้อมระส่ำระสายไม่เป็นรูปขบวนอีกต่อไป
“ประ…ปราณมังกรทอง!”
“กระบวนท่าโจมตีของเขารุนแรงมากจริง
ๆ”
“ยังมีการโจมตีชั้นสูงเก็บซ่อนไว้อยู่อีกหรือเปล่า?”
ฝ่ายพันธมิตรหังโจวที่จิตใจไม่ค่อยมั่นคง บัดนี้พลันแตกหักพังทลายยากจะเรียกขวัญกำลังใจกลับคืนมาอีก เพียงกระบวนท่าชั้นสูงกระบวนท่าเดียวก็สะกดข่มฝูงชนเอาไว้ได้แล้ว หลังจากนี้กองทัพพันธมิตรหังโจวจะต้องอยู่กับความกลัว ต้องคอยระแวงว่ายี่ฟงจะแสดงท่าโจมตีอันรุนแรงจนพลิกสถานการณ์ออกมาเมื่อไร จะอย่างไรพวกเขาก็เป็นแค่เพลเยอร์ทั่วไป ไม่ได้มีพลังวิชาหรือกระบวนท่าป้องกันสูงส่งคอยรับมืออย่างที่ใครคิด เผชิญหน้ากับปราณมังกรทองแล้วหากไม่สามารถหลบพ้นก็มีแต่ต้องแบกหน้ารับค่าความเสียหายแสนสาหัสไปทั้งแบบนั้น
สามมารเฒ่าที่กำลังตีฝ่าวงล้อมเข้าไปช่วยชายหนุ่ม ยังไม่ทันตั้งตัวก็พบว่าเส้นทางได้ถูกคลี่คลายเรียบร้อยไปก่อนแล้ว มองเห็นหน่วยสองของศัตรูล้มกลิ้งคลุกฝุ่นไม่เป็นท่า บางส่วนบาดเจ็บใกล้ตายเต็มทีอยู่แทบเท้าพวกเขา กระทั่งได้ยินผู้คนกล่าวถึงปราณมังกรทอง แสดงว่าเสียงการต่อสู้ปะทะอันดังเมื่อครู่เกิดจากฝีมือของยี่ฟง ทั้งยังเป็น กระบวนท่าปราณมังกรทองที่หาได้ยากยิ่งอีกด้วย?
“ได้โอกาสแล้วตาเฒ่าทั้งหลาย! ตามมาเร็วเข้า” ยี่ฟงตะโกนเรียกสติคนทั้งสามมาจากบนฟ้า
เพิ่งตีฝ่าหน่วยสองออกมาได้ ยี่ฟงก็ถีบเท้ากระโดดขึ้นสูงมากลางอากาศเป็นท่าต่อเนื่อง พลันสังเกตเห็นสามมารเฒ่ายืนนิ่งเฉยจึงเอ่ยปากเรียกเล็กน้อยตามมารยาท แต่ช่วงที่มัวหันเหไปทางนั้นกลับปรากฏร่างของชายผู้ครองตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ฝ่ายศัตรูไล่ล่าเข้ามาประชิดใกล้กะทันหัน แม้แต่สามมารเฒ่าก็ไม่ทันรู้ตัว ฉะนั้นยี่ฟงจะไปตอบสนองทันได้อย่างไร?
“จะไปไหนมิทราบ!” เทพจำแลงตะโกนถามท้าทาย ขณะนี้เขาไม่อาจทนดูอยู่เฉยได้อีก
พริบตาที่เห็นว่ายี่ฟงกระโดดขึ้นหน้ามาอย่างไม่เกรงกลัว เทพจำแลงก็ถีบเท้าสุดแรงกระโดดตามขึ้นไปทันที พื้นใต้ฝ่าเท้าของเขาถึงกับระเบิดแตกเป็นหลุม ไม่ต้องพูดถึงความเร็วที่เกิดขึ้นเพราะผลลัพธ์แสดงให้เห็นอยู่เต็มสองตา
หยดน้ำยังไม่ทันตกกระทบพื้น ตัวเทพจำแลงก็สามารถย่นระยะทางเข้าประชิดพร้อมโจมตียี่ฟงได้สำเร็จตามที่ตั้งใจแล้ว!
เคล็ดกระบี่สุริยเทพกักขัง
เทพจำแลงตวัดวาดกระบี่ที่กำลังเฉิดฉายเปล่งประกายไปด้วยไอความร้อนใส่ร่างยี่ฟง กระบวนท่าที่รวดเร็วถูกใช้ออกในชั่วอึดใจเดียว ประทับตราด้วยร่องรอยบาดแผลเป็นการชี้เป้า กระทั่งปรากฏเส้นสายเปลวเพลิงสุริยเทพแผ่ขยายเข้าครอบคลุมกักขังยี่ฟงเอาไว้ภายใน ส่วนเทพจำแลงยังคงชี้ปลายคมกระบี่ค้างไว้ขณะกล่าวว่า
“กรงขังแห่งพระเพลิงสวรรค์จะชำระล้างขจัดเภทภัย หมู่มารตนใดล้วนมิอาจรอดพ้น”
สิ้นประโยค ร่างของประมุขพรรคพญายักษาก็ค่อย ๆ
ร่วงหล่นตามแรงดึงดูดของโลก ท่วงท่าสง่างามดุจสุริยเทพ
แสงเงาที่พาดผ่านกระทบกายขับเน้นให้เขาดูยิ่งใหญ่เกินความเป็นจริง
ความคิดเห็น