ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทะลุฟ้า ป่วนยุทธภพ (สถานะ จบไตรภาคแรก)

    ลำดับตอนที่ #124 : หมู่มารอาละวาด หังโจวหวนไห้ (4)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 17.05K
      1.21K
      11 ก.ค. 61

    อีกด้านหนึ่ง  กลุ่มช้างพลายที่เพิ่งได้ประจักษ์กับตาถึงความเก่งกล้าสามารถของตำนานเป็นครั้งแรก  พลันรู้สึกกระดากอายที่เคยท้าทายอีกฝ่ายโชว์กันเองในกลุ่มเพื่อน  สุดท้ายไม่ทราบพวกตนจะต้องเคลื่อนไหวโจมตีอย่างไรเพราะมัวแต่เพลิดเพลินไปกับฉากการต่อสู้ปะทะเบื้องหน้า และทางประมุขแห่งพรรคพญายักษาที่เป็นเหมือนแม่ทัพใหญ่ผู้กุมบังเหียน  บัดนี้เผยสีหน้าเครียดกดดัน  พลังฝีมือของสามมารเฒ่าแทบไม่ผิดไปจากคำเล่าลือ บทสรุปในวันนี้เขาพอคาดเดาได้บ้างแล้วด้วยคำสั้น ๆ ไม่กี่คำอย่างเจ็บปวดใจ

    หายนะ ทะเลเลือด หังโจวพินาศ

    ยังมีเจ้ามารน้อยตนนั้นอยู่อีก  นี่มันวันชุมนุมหมู่มารหรือยังไง?สายตาของเทพจำแลงตวัดมองไปทางยี่ฟง  ขวัญกำลังใจตกต่ำลงถึงขีดสุด  ได้แต่คิดในใจโดยไม่กล้าเอ่ยปากสักครึ่งคำ

    กระทั่งสิ่งที่ประมุขพรรคพญายักษากลุ้มกังวลอยู่ในใจเกิดขึ้นจริงในที่สุด ยี่ฟงลงมือเข้าร่วมการประหัตประหารเร็วกว่าที่คิด ตอนแรกเขาคาดว่าชายหนุ่มยากจะค้นหาช่องว่างเพื่อสอดประสานกับสามมารเฒ่าจึงยังไม่คิดบุ่มบ่ามเคลื่อนไหว  แต่เห็นทีจะมองผิดไป  เทพจำแลงจึงทำได้แต่สวดภาวนาขอให้มารน้อยตนนี้ตัดสินใจวู่วามจนทำให้การประสานของทางนั้นพังทลายลงเอง

    ทว่าเทพจำแลงก็ยังขอมากไป  แถมหยั่งวัดศักยภาพของยี่ฟงต่ำเตี้ยไปเสียทุกครั้ง

    มารน้อย?  ในสายตาเหล่าเพลเยอร์ทุกคนแล้วแทบจะเผยร่องรอยหวาดหวั่นพรั่นพรึงกันออกมาอย่างอดไม่ได้เลยด้วยซ้ำเมื่อพวกเขาเผลอมองไปทางเจ้ามารน้อยที่ว่า

    ร่างกายที่แผ่คลื่นปราณร้อนแรงอยู่ตลอดของยี่ฟงกำลังสร้างภาพจำอันชั่วร้ายสุดขั้วให้แก่ศัตรู  วิชายุทธ์วิหคอหังการในยามนี้แม้จะยังไม่ใช่ระดับสูงสุด  ทว่าก็อยู่ไม่ไกลแล้ว  ด้วยพลังที่ช่วยเกื้อหนุนเพิ่มพูนอย่างดวงจิตพิสุทธิ์แห่งโลกา ธาตุอัคคี  พลังวิชาที่มีรากฐานมาจากธาตุอัคคีทั้งหมดในครอบครองของยี่ฟงจึงแข็งแกร่งเกินกว่าขีดจำกัดสูงสุดโดยทั่วไป  นับเป็นความได้เปรียบและแต้มต่อที่เหล่าเพลเยอร์ทุกคนไม่อาจก้าวขึ้นมาทัดเทียมได้ในเวลาอันสั้น

    เพียงใช้เวลาชั่วอึดใจเดียวมองภาพรวมของสงครามหังโจว  ยี่ฟงก็ตัดสินใจได้แล้วว่าจะลงมืออย่างไร  หลังจากตาเฒ่าภูผาเพลิงเข้าร่วมประสานงานเป็นคนสุดท้าย  จำนวนของศัตรูในแนวหน้าก็ลดลงไปรวดเร็วมาก  เนื่องจากเคล็ดดาบพิชิตภัยกระบวนท่าสุสานนักรบส่งผลทั้งต่อมิตรและศัตรู ภูผาเพลิงจึงไม่ได้ก้าวล้ำเขตเข้าไปแต่เลือกโจมตีเอาจากวงนอก  ขณะตัวเจ้าของวิชาอย่างเฒ่าทารกก็กระโดดพล่านไปทั่วไม่มีหยุดพัก  โจมตีสกัดกั้นและพยายามยื้อยุดศัตรูไว้ไม่ให้หลบหนีออกไปได้ง่าย ๆ

    กระทั่งยี่ฟงตามมาถึง  กระบี่คลาส A ก็ปรากฏอยู่บนฝ่ามือพร้อมปลดปล่อย ปราณเก้ากระบี่เวหา เข้าขัดขวางศัตรูกลุ่มใหญ่ที่กำลังหลบอ้อมวงสุสานนักรบเพื่อไปรุมล้อมมารตะกละอีกด้าน  ซึ่งเพิ่งจะหยุดการหมุนควงของวิชาเกลียวคลื่นมังกรคู่  ปราณกระบี่เก้าเล่มทิ่มแทงลงไปติดต่อกันรวดเดียวจนเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นและเส้นสายโลหิตกระเซ็นซ่าน  ศัตรูส่วนหนึ่งไม่ทันรู้ตัวย่อมไม่อาจรอดพ้นการลอบโจมตีไปได้  ร่างจึงถูกกระแทกซัดปลิวย้อนกลับเข้า ไปภายในเขตสุสานนักรบของเฒ่าทารกอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ

    ยี่ฟงไม่คิดจะหยุดเพียงเท่านี้  พลันเรียกใช้ความสามารถแฝงในตัวกระบี่เพื่อทำการโจมตีต่อเนื่อง นั่นทำให้วิชาปราณเก้ากระบี่เวหาปรากฏขึ้นมาอีกเป็นครั้งที่สอง และพุ่งทะยานแหวกฝ่าลมหนาวเข้าหาศัตรูที่ยังไม่ทันได้ตั้งหลัก  ความรุนแรงของวิชาคลาส A ก็ไม่ทำให้ใครผิดหวัง  เมื่อมันทิ่มแทงลงบนเนื้อหนังตรึงร่างศัตรู ชั่วอึดใจต่อมาก็ระเบิดออกเสียงดังสนั่นหวั่นไหวอีกครั้ง  หน่วยแรกของฝ่ายพันธมิตรหังโจวจำนวนมากที่พลาดพลั้งถึงกับบาดเจ็บปางตาย  หลายคนแขนขาขาดแหว่งกระจุยต้องรอฟื้นฟูรักษาอย่างเร่งด่วน

    ท่ามกลางเสียงร้องระงมและสีหน้าบิดเบี้ยวของฝ่ายตน  เทพจำแลงเมินเฉยไม่สนใจ  หันไปตะโกนสั่งการว่า หน่วยสองลุยเข้าไป!  อย่าทิ้งช่วงให้เหล่ามารร้ายได้มีโอกาสพักหายใจ

    แม้ผลลัพธ์ที่ออกมาจะไม่น่าอภิรมย์นัก  ทว่าชาวหังโจวก็ไม่มีทางเลือก  พวกเขาพยายามสะกดข่มความกลัวในจิตใจและพากันบุกเข้าไปตามคำสั่งราวทหารเดนตาย  เพียงแต่ครั้งนี้มียอดฝีมือระดับสูงไม่ธรรมดาปะปนรวมอยู่ด้วย  ในหมู่คนละลานตาเหล่านี้พวกเขากำลังแฝงตัวอยู่อย่างเงียบเชียบไม่ให้โดดเด่นสะดุดตาก็เพื่อมองหาช่องโหว่ของมารร้าย

    ขณะเดียวกันยี่ฟงก็ไม่อยู่เฉย  มองเห็นมังกรเฒ่าเกาะกลุ่มอยู่ไม่ห่าง  ส่วนสามมารเฒ่ากำลังเก็บกวาดเศษเหลือ  จึงฉวยจังหวะเว้นพักช่วงสั้น ๆ นี้กล่าวขึ้นว่า ฉันจะบุกฝ่านำไปก่อนให้เอง  พวกลุง ๆ อย่าถูกทิ้งห่างกันเกินไปซะล่ะ

    น้อย ๆ หน่อยไอ้หนุ่ม!  ไม่รู้จักประเมินตนระวังจะตายไม่รู้ตัวเฒ่าทารกตะโกนตอบกลับมา

    ยึดฉันเป็นแกนหลัก  พวกลุงคอยประสานงานยี่ฟงไม่ไปสนใจ  แต่กลับเอ่ยปากสั่งการต่อขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว  แม้สามมารเฒ่าจะรู้สึกไม่พอใจก็จำต้องปล่อยผ่านไปก่อน

    ส่วนยี่ฟงนั้นย่อมไม่ทำอะไรลงไปโดยไม่คิด เขาประเมินดูแล้วจึงมั่นใจว่าสามมารเฒ่ามีฝีมือความสามารถและประสบการณ์มากพอที่จะเล่นประสานในทุกรูปแบบ  แม้แกนหลักจะเป็นคนนอกอย่างเขาก็ตาม  หรือหากไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด มันก็ยังดีกว่าที่จะให้เขาแทรกเข้าไปร่วมในการประสานงานของพวกสามมารเฒ่าเอง  ในจุดนี้ยี่ฟงหวังพึ่งประสบการณ์ของแก๊งวัยชราล้วน ๆ

    ฝ่ายพันธมิตรหังโจวที่แนวหลังยังคงออกกระบวนท่าโจมตีมาจากระยะไกลไม่หยุดยั้ง  บั่นทอนพละกำลังของเหล่ามารร้ายเท่าที่จะทำได้  ขณะหน่วยสองในแนวหน้าก็โหมทะยานใกล้จุดปะทะเข้าไปเรื่อย ๆ แล้วเช่นกัน  เมื่อหน่วยต่อสู้ประชิดถึงเป้าหมาย  แนวหลังก็จำต้องหยุดมือเอาไว้ก่อน

    ทางยี่ฟงสะบัดวาดเพลงกระบี่ธาราปัดป้องค่าความเสียหายที่พุ่งมาจากแนวหลังของศัตรู  พลางพึ่งวิชาตัวเบาเคลื่อนกายหลบหลีกสุดกำลัง  แต่มันก็ทำให้เขาถูกปิดล้อมรวดเร็วไม่แพ้กัน

    ไอ้เด็กอวดดี!  พวกข้ากำลังจะไปช่วยเดี๋ยวนี้เฒ่าทารกตะโกนบอกกล่าวมาเต็มเสียง

    หน่วยสองจำนวนเกินครึ่งร้อยต่างแสดงสีหน้าเหี้ยมโหดดุดัน  แม้ภายใต้สีหน้าเหล่านี้จะยังเคลือบแฝงไว้ด้วยความไม่แน่ใจ ทว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาก็ใช้ความโกรธสะกดข่มและลงมือโจมตีอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังอะไรอีก  ด้วยจำนวนที่มากกว่าย่อมต้องสังหารเป้าหมายที่มีเพียงแค่หนึ่งได้ไม่ยากตามหลักความเป็นจริงไม่ใช่หรือ?

    ซึ่งที่พวกเขาคิดก็ไม่ผิดไปเสียทีเดียว  เพียงแต่ว่าผลลัพธ์มันไม่ใช่จะคิดคำนวณกันออกมาด้วยการใช้ตัวเลขไม่กี่ตัวเท่านั้น  ยังต้องใส่ความเป็นไปได้ต่าง ๆ อาทิพลังวิชา อุปกรณ์สวมใส่ และอาวุธศัสตราของเป้าหมาย  รวมไปถึงเทคนิคการต่อสู้เฉพาะตัว  ที่กล่าวมานี้ล้วนแต่เป็นตัวแปรสำคัญที่จะเปลี่ยนผลลัพธ์จากหน้ามือเป็นหลังมือได้เลยทีเดียว

    ยี่ฟงที่ถูกปิดล้อมอยู่ใจกลางหน่วยสองของศัตรู  สีหน้าเรียบเฉยได้อย่างเหลือเชื่อ กลุ่มคนระลอกแรกที่กำลังจะเข้าโจมตีสังเกตเห็นดังนั้นพลันขวัญผวาแต่พวกเขาไม่อาจถอยหลังกลับได้อีกจำต้องบุกขึ้นหน้าต่อไปพร้อมกุมอาวุธคู่กายไว้มั่นด้วยสองมือ  ช่วงจังหวะตัดสินนี้เองที่ยี่ฟงเริ่มเคลื่อนไหว  ฝ่ามือทั้งสองซึ่งยังแสดงผลของหมัดพายุเหล็กถูกเหวี่ยงกระแทกลงพื้นจนเกิดเสียงแตกหักและรอยร้าวกระจายออกไป  เสียงกระหึ่มจากพลังวิชาสิบฝ่ามือกำหนดฟ้ากระบวนท่าที่หกหมู่มังกรสยบทศทิศแผลงฤทธิ์แผลงเดชขึ้นมากะทันหัน  เหล่าศัตรูที่ตัดสินใจคืบคลานเข้าประชิดใกล้จึงยากจะตอบโต้หรือหลบหลีกไปได้ทัน  ใจกลางหน่วยสองแห่งฝ่ายพันธมิตรหังโจวเผชิญวิกฤตอย่างไม่มีใครคาดคิด  คลื่นปราณมังกรสีทองนับสิบสายแหวกฝ่าทะยานขึ้นมาจากใต้ผืนพิภพก่อนม้วนศีรษะพร้อมกับแยกเขี้ยวคำรามพุ่งเข้าทำลายล้างใส่ทุกสิ่งรอบกายเจ้าของวิชาโดยทันที

    เสียงระเบิดและเสียงกรีดร้องหลอมรวมเป็นเสียงเดียว ขณะพื้นดินกำลังสั่นสะเทือนตามจังหวะของการระเบิด  ความรุนแรงจากกระบวนท่านี้ผลักกระแทกศัตรูออกไปเป็นบริเวณกว้าง  แนวหน้าสุดปลิวไปล้มกระแทกใส่แนวหลังจนทัพปิดล้อมระส่ำระสายไม่เป็นรูปขบวนอีกต่อไป

    ประปราณมังกรทอง!

    กระบวนท่าโจมตีของเขารุนแรงมากจริง ๆ

    ยังมีการโจมตีชั้นสูงเก็บซ่อนไว้อยู่อีกหรือเปล่า?

    ฝ่ายพันธมิตรหังโจวที่จิตใจไม่ค่อยมั่นคง  บัดนี้พลันแตกหักพังทลายยากจะเรียกขวัญกำลังใจกลับคืนมาอีก  เพียงกระบวนท่าชั้นสูงกระบวนท่าเดียวก็สะกดข่มฝูงชนเอาไว้ได้แล้ว  หลังจากนี้กองทัพพันธมิตรหังโจวจะต้องอยู่กับความกลัว  ต้องคอยระแวงว่ายี่ฟงจะแสดงท่าโจมตีอันรุนแรงจนพลิกสถานการณ์ออกมาเมื่อไร จะอย่างไรพวกเขาก็เป็นแค่เพลเยอร์ทั่วไป   ไม่ได้มีพลังวิชาหรือกระบวนท่าป้องกันสูงส่งคอยรับมืออย่างที่ใครคิด   เผชิญหน้ากับปราณมังกรทองแล้วหากไม่สามารถหลบพ้นก็มีแต่ต้องแบกหน้ารับค่าความเสียหายแสนสาหัสไปทั้งแบบนั้น

    สามมารเฒ่าที่กำลังตีฝ่าวงล้อมเข้าไปช่วยชายหนุ่ม  ยังไม่ทันตั้งตัวก็พบว่าเส้นทางได้ถูกคลี่คลายเรียบร้อยไปก่อนแล้ว  มองเห็นหน่วยสองของศัตรูล้มกลิ้งคลุกฝุ่นไม่เป็นท่า   บางส่วนบาดเจ็บใกล้ตายเต็มทีอยู่แทบเท้าพวกเขา  กระทั่งได้ยินผู้คนกล่าวถึงปราณมังกรทอง  แสดงว่าเสียงการต่อสู้ปะทะอันดังเมื่อครู่เกิดจากฝีมือของยี่ฟง ทั้งยังเป็น กระบวนท่าปราณมังกรทองที่หาได้ยากยิ่งอีกด้วย?

    ได้โอกาสแล้วตาเฒ่าทั้งหลาย!  ตามมาเร็วเข้ายี่ฟงตะโกนเรียกสติคนทั้งสามมาจากบนฟ้า

    เพิ่งตีฝ่าหน่วยสองออกมาได้  ยี่ฟงก็ถีบเท้ากระโดดขึ้นสูงมากลางอากาศเป็นท่าต่อเนื่อง  พลันสังเกตเห็นสามมารเฒ่ายืนนิ่งเฉยจึงเอ่ยปากเรียกเล็กน้อยตามมารยาท  แต่ช่วงที่มัวหันเหไปทางนั้นกลับปรากฏร่างของชายผู้ครองตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ฝ่ายศัตรูไล่ล่าเข้ามาประชิดใกล้กะทันหัน  แม้แต่สามมารเฒ่าก็ไม่ทันรู้ตัว  ฉะนั้นยี่ฟงจะไปตอบสนองทันได้อย่างไร?

    จะไปไหนมิทราบ!เทพจำแลงตะโกนถามท้าทาย  ขณะนี้เขาไม่อาจทนดูอยู่เฉยได้อีก

    พริบตาที่เห็นว่ายี่ฟงกระโดดขึ้นหน้ามาอย่างไม่เกรงกลัว เทพจำแลงก็ถีบเท้าสุดแรงกระโดดตามขึ้นไปทันที พื้นใต้ฝ่าเท้าของเขาถึงกับระเบิดแตกเป็นหลุม  ไม่ต้องพูดถึงความเร็วที่เกิดขึ้นเพราะผลลัพธ์แสดงให้เห็นอยู่เต็มสองตา

    หยดน้ำยังไม่ทันตกกระทบพื้น  ตัวเทพจำแลงก็สามารถย่นระยะทางเข้าประชิดพร้อมโจมตียี่ฟงได้สำเร็จตามที่ตั้งใจแล้ว!

    เคล็ดกระบี่สุริยเทพกักขัง

    เทพจำแลงตวัดวาดกระบี่ที่กำลังเฉิดฉายเปล่งประกายไปด้วยไอความร้อนใส่ร่างยี่ฟง  กระบวนท่าที่รวดเร็วถูกใช้ออกในชั่วอึดใจเดียว  ประทับตราด้วยร่องรอยบาดแผลเป็นการชี้เป้า กระทั่งปรากฏเส้นสายเปลวเพลิงสุริยเทพแผ่ขยายเข้าครอบคลุมกักขังยี่ฟงเอาไว้ภายใน  ส่วนเทพจำแลงยังคงชี้ปลายคมกระบี่ค้างไว้ขณะกล่าวว่า

    กรงขังแห่งพระเพลิงสวรรค์จะชำระล้างขจัดเภทภัย  หมู่มารตนใดล้วนมิอาจรอดพ้น

    สิ้นประโยค  ร่างของประมุขพรรคพญายักษาก็ค่อย ๆ ร่วงหล่นตามแรงดึงดูดของโลก  ท่วงท่าสง่างามดุจสุริยเทพ  แสงเงาที่พาดผ่านกระทบกายขับเน้นให้เขาดูยิ่งใหญ่เกินความเป็นจริง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×