คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #206 : [HaiHai] 懸案
Title : 懸案
Fandom : Kuroko no Basket
Paring : Haizaki (Shogo) x Haizaki (Shoji)
Notes : …
.....................................................................................
懸案
...เคยเจอปัญหาที่แก้ไม่ตกไหม?...
...ปัญหาที่ดูจะหาทางแก้ไม่ได้...
...อย่างตัวเขาในตอนนี้…
...เขาที่มีน้องชายอยู่คนหนึ่ง...
...น้องชายที่แสนซน...
...จนเข้าขั้นเป็นปัญหาเลยล่ะ...
เสียงดนตรีดังสนั่นไปทั่วบริเวณร้านที่เต็มไปด้วยความคึกคัก กลิ่นแอกลอฮอกฉุนกึกไปทั่วผสมผสานกับกลิ่นบุรี่ที่ลอยคละไปทั่ว ชายหญิงภายในร้านต่างเต้นแหลกไม่สนใจใครเป็นดั่งตัวบอกได้ดีว่าที่นี่เป็นสถานที่เช่นใด
ชายหนุ่มผมดำผู้มีมาดเหมือนนักเลงนิดเดินเข้ามาภายในที่แห่งนี้อย่างดูกลมกลืนเป็นที่สุด...ถ้าไม่ติดว่าเจ้าตัวไม่มีท่าทีสนุกสนานอย่างชาวบ้านหากแต่คล้ายมาหาใครสักคนเสียมากกว่ามาเที่ยวเล่น
ดวงตาสีดำติดดุคล้ายคนปลงโลกในยามนี้กวาดมองไปทั่วภายในร้านที่ห้ามเด็กต่ำกว่าสิบแปดเข้ามาแน่นอน ก่อนที่จะไปสะดุดตาเข้ากับหัวเทาๆ ของใครสักคนหนึ่งจนทำให้เจ้าตัวถึงกับเปลี่ยนจากหน้าปลงโลกเป็นสีหน้าเหมือนอยากเอาหัวโขกเสาตายเสียแทนแล้วเดินเข้าไปหาสิ่งที่สะดุดสายตาตนเมื่อครู่อย่างรวดเร็ว
“โช - โงะ!!! นี่มาทำอะไรในที่แบบนี้อีกแล้วห๊า!?!” ชายหนุ่มผมดำหรือไฮซากิ โชจิทำการสับเข้ากลางหัวสีเทาอย่างรวดเร็ว
“โอ๊ย!!! เจ็บนะ!!! ทำอะไรของพี่เนี่ย!?” คนโดนเขกหัวหันมาแว๊ดกลับใส่พี่ชายบรรเกิดเกล้าของตน...แหม! มาขัดจังหวะตอนกำลังจะจีบสาวพอดีเลยนะ!!!
“ไม่ต้องมาถามเลย! แหกตาดูที่ที่ตัวเองอยู่ตอนนี้สิฟะ! อยากโดนกรรมการนักเรียนหิ้วเข้าห้องปกครองนักหรือไง!?” โชจิแยกเขี้ยวใส่คนอายุน้อยกว่าที่ไม่สำนึกเลยว่าตอนนี้ตนอยู่ในที่ที่ไม่ควรอยู่
“ไม่โดนหรอกน่า! หนีทันอยู่แล้ว!” ไฮซากิ โชโงะทำหน้ามุ่ยก่อนร้องจ๊ากอีกรอบเมื่อโดนตีซ้ำเป็นรอบที่สองยันจุดเดิม “โอ๊ย! ตีอยู่ได้! หัวคนไม่ใช่กลองนะเฮ้ย!”
“ตีบ่อยๆ เผื่อจะหายนิสัยหาเรื่องใส่ตัวไงวะ!” โชจิอยากเอาน้องชายตนไปล้างสมองสักทีเสียจริง...นี่ตกลงเขาเลี้ยงน้องผิดวิธีหรือไงถึงชอบมาในที่ไม่ควรมาแบบนี้เนี่ย!? “ช่วยไปที่ที่คนต่ำกว่าสิบแปดควรไปมากกว่านี้บ้างเถอะ!”
“พี่ขี้บ่นเป็นตาแก่ล้านปี!” ไฮซากิแล่บลิ้นใส่ก่อนที่จะ...รีบใส่เกียร์หมา เผ่นไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะโดนพี่ตัวเองจับเทศ
“ว่าไงนะ!? เฮ้! กลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะโชโงะ!!!” โชจิแว๊ดลั่นใส่น้องชายตัวดีแล้วเริ่มก้าวเท้าหมายจะวิ่งตามไป แต่...
“เดี๋ยวครับเดี๋ยว...จะไล่ล่ากันไม่ว่านะครับ แต่ช่วยจ่ายค่าเหล้าของคนเมื่อกี้ด้วยครับ” ...กลับถูกพนักงานในร้านจับตัวไว้เสียก่อนนี่สิ
“...” โชจินิ่งเงียบไปพร้อมรู้สึกหน้ามืดขึ้นทันตาเมื่อเห็นบิลที่พนักงานอีกคนไปหยิบมาจากเค้าร์เตอร์ให้ตนดู
...สรุป...กูต้องจ่ายค่าเหล้าให้มันใช่ไหมเนี่ย?...
“ไง...หน้าบูดเป็นตูดลิงเชียว...” คำทักเบาๆ ดังออกจากปากชายหนุ่มผมสีฟางข้าวที่ยืนเช็ดแก้วหลังเคาร์เตอร์เครื่องดื่ม ดวงตาสีอ่อนมองยังคนผมดำที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเหมือนคนไมเกรนขึ้น “...โชโงะก่อเรื่องอีกแล้วเหรอครับ?”
“เออ ตามนั้นแหละ” โชจิถอนหายใจออกมาเบาๆ พร้อมปิดประตูร้าน...หรือผับที่เป็นสถานที่ทำงานของตนอย่างแผ่วเบา “มียาแก้ปวดไหมวะมิกะ? ปวดหัวกับโชโงะจริงๆ งานนี้”
“ไม่มีครับ และถึงมีผมว่ามันไม่ช่วยหรอก” มิกะหรือวากะ มิคารุส่ายหน้าไปมาก่อนที่จะยื่นแก้วเครื่องดื่มให้อีกฝ่าย “เอานี่ไปกินแทนแล้วกันครับ”
“ตำราสูตรไหมบอกว่านมร้อนแก้ปวดหัวเนี่ย?” โชจิกรอกตาไปมา แต่ถึงบ่นเจ้าตัวก็รับมาดื่มอยู่ดี
“ไม่แก้ปวดหัว แต่มันเพิ่มความสูงนายได้วะ” ชายหนุ่มผมทองที่เพิ่งโผล่มาจากหลังร้านเอ่ยขึ้น “ดูสิ นับวันยิ่งเตี๊ยนะเนี่ย...”
“เตี๊ยกับแมวสิไอ้บ้า!” โชจิแยกเขี้ยวใส่ “และไอ้ตัวต้นเหตุทำน้องฉันเสียคนอย่างแกไม่ต้องมาพูดเลย!!! ไอ้เรียว!”
“น่าๆ วัยรุ่นมันต้องลองหลายๆ อย่างสิ” ชายหนุ่มผมทอง...อาสึกะ เรียวยักไหล่อย่างไม่สนใจคำโวยวายของเพื่อนตนแม้แต่น้อย
“แต่ระดับนี้ก็ไม่ควรเว้ย!” โชจิยอมรับว่าวัยรุ่นนั้นเป็นวัยที่อยากรู้อยากลอง แต่มันต้องมีขอบเขตบ้างเซ่!
“อย่าทะเลาะกันสิครับ...” มิคารุที่กลัวว่าจะมีคนตีกันภายในร้านรีบห้ามปราม “...เดี๋ยวถ้าเจ๊มาก็โดนเขกหัวยกหมู่หรอก”
“...” คราวนี้ทั้งสองถึงกับเงียบเป็นเป่าสากทันใด เมื่อนึกถึงอาเจ๊หรือก็คือเจ้าของร้านนี้และแน่นอนว่าถ้าพวกตนทำร้านเสียหายล่ะก็...นรกถามหาแน่
“แหม ทีนี่เงียบเป็นเป่าสากยกหมู่เลยนะ...กะว่าจะจัดการสักหน่อย” เสียงหวานๆ บ่งบอกถึงควาใเสียดายดังขึ้น และนั้นทำให้...
“ชะแว๊กกกก!!!” ...ชายหนุ่มทั้งสามหลุดร้องออกมากันอย่างพร้อมเพรียง “เจ๊มาตอนไหนเนี่ย!?”
“เมื่อกี้” หญิงสาวผมดำที่เหมือนหนุ่มหน้าสวยเสียมากกว่าซึ่งโผล่มาเมื่อไหร่ไม่รู้ตอบ “แล้วนี่...น้องแกก่อเรื่องอีกแล้วเหรอโชจิ?”
“ครับ...” โชจิพยักหน้ารับต่อเจ้านายตนอย่างไม่กล้าขัด...ไม่ใช่ว่ากลัวโดนหักเงินเดือนหรืออะไรหรอก แต่เพราะรายนี้ไม่ใช่คนที่ควรขัดใจหรือมีเรื่องต่างหาก
“น่าๆ คิดแง่ดี...เดี๋ยวเบื่อคงเลิกเองมั้ง?” หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของร้านตบบ่าปลอบ
“อย่างมันไม่มีทางครับ” โชจิมั่นใจว่าน้องตนไม่ใช่พวกที่จะเลิกสิ่งที่ตัวเองชอบง่ายๆ แน่
“มั่นใจจริงนะ” หญิงสาวหัวเราะคิกคัก
“พอดีรู้นิสัยมันดีเกินกว่าจะปฏิเสธครับ” โชจิเอ่ยตอบ
“ก็นะ...” สาวเจ้ายักไหล่น้อยๆ “...อ๋อและ...เมื่อกี้แถวซอย ### ฉันเห็นน้องนายเข้าร้านเหล้าอีกแล้วแหน่ะ”
“...อีกแล้วเหรอฟะ!? บอกกี่ทีแล้วว่าถ้าจะดื่มรอให้รออายุถึงก่อนนนน!!!” ไฮซากิแว๊ดลั่นก่อนที่จะรีบออกจากร้านไปเพื่อตามไปลากน้องชายตนออกจากร้านเหล้าตามปกติ
“...นับวันโชจิยิ่งเหมือนคุณแม่ห่วงลูกชอบกลว่าไหม?” หญิงสาวเอ่ยอย่างติดตลกเล็กน้อย
“ถ้าผมตอบว่าเห็นด้วยจะโดนโชจิตีหัวย้อนหลังไหมครับ?” มิคารุที่อดเห็นด้วยกับคำพูดเมื่อครู่ด้วยไม่ได้ถาม
“ไม่หรอกๆ เพราะฉันก็เห็นด้วยวะ...และฉันไม่คิดว่าหมอนั้นจะกล้าตีกับฉันหรอก” หญิงสาวยักคิ้วกวนๆ เล็กน้อย
“ถ้ากล้าตีเจ๊ก็บ้าล่ะ!” ชายหนุ่มทั้งสองตอบเป็นเสียงเดียวกันด้วยสีหน้าเหมือนสยองสุดแสน และนั้นทำให้สาวเจ้าหลุดหัวเราะก๊ากออกมาอย่างไม่แคร์ใคร
...วันนี้...สุดท้ายก็วุ่นอีกตามเคย...
ไฮซากิ โชจิคิดในใจอย่างปลงโลกสุดแสนกับเหตุการณ์ในวันนี้...หลังจากที่ไปลากน้องชายตัวดีของตนออกมาจากร้านเหล้าแล้วเอากลับมาส่งมาบ้านเรียบร้อยแล้วเขากลับไปทำงานไม่ถึงชั่วโมงเขาก็โดนโทรแจ้งอีกว่าไอ้ตัวแสบของเขาไปก่อเรื่องอีกจนเขาต้องปวดหัววิ่งเต้นไปหาทางแก้ตัวให้รายนั้นอีกก่อนที่จะเอากลับมาส่งบ้านรอบสองแล้วไปทำงานต่อ แต่พอกลับมาจากทำงานราวๆ เที่ยงคืนกว่าหรือก็คือตอนนี้เขาก็พบว่าน้องชายเขาหายไปเที่ยวไหนไม่รู้อีกแล้ว
...ตกลงไอ้เรียวมันสอนได้ฝังรากลึกกว่าที่เขาสอนหรือไงวะเนี่ย?...
โชจิถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายในขณะที่...เสียงโทรศัพท์มือถือของเจ้าตัวก็ดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มต้องรีบรับโทรศัพท์ทันทีก่อนที่เสียงจะดังไปปลุกมารดาตนที่หลับอยู่ชั้นบนให้ลงมาปวดหัวกับการที่ลูกคนเล็กของบ้านหายตัวไปก่อเรื่อง
“โมชิโมชิ? ใครครับ...” เมื่อกดรับสายโชจิก็เอ่ยถามตามมารยาท
‘...เออ นี่ใช่เบอร์พี่ชายของไฮซากิ โชโงะหรือเปล่าครับ?’ เสียงที่ยังดูหนุ่มแน่นดังลอดผ่านสายมา
“ครับ ใช่ครับ” ไฮซากิ โชจิตอบรับไป...นี่คงไม่ใช่ว่าเจ้าโชโงะไปก่อเรื่องที่ไหนมาจนเขาโดนโทรเรียกไปจ่ายค่าเสียหายนะ?
‘งั้นรบกวนมาเปิดประตูบ้านหน่อยครับ เอามันมาส่งครับ’
“ห๊า?” โชจิสตั้นไปสามวิก่อนที่จะวิ่งไปเปิดประตูบ้านด้วยความเร็ว ก่อนที่จะแทบร้องจ๊ากในเวลาต่อมาเมื่อพอเปิดประมาก็เจอเด็กหนุ่มผมดำคนหนึ่งที่ลากคอคนผมเทาที่ตนรู้จักดีมาในสภาพที่...พูดได้คำเดียวว่าเละ ตาปูด ปากแตก หัวโนราวกับคนหนีหมาไปตกเขามาเสียอย่างไรอย่างนั้น “...ไหงมาในสภาพเหมือนศพขึ้นอืดแบบนี้ฟะ!?”
“แฮะๆ ขอโทษครับ...พอดีหนักมือไปหน่อย” เด็กหนุ่มผมดำส่งยิ้มแห้งๆ ประมาณบอกว่าสาเหตุที่อีกฝ่ายเป็นแบบนี้มาจากตนล้วนๆ มาให้
“ไอ้หน่อยนี่ไม่หน่อยเลยเฟ้ย! ไอ้รุ่นพี่บ้า!” คนที่โดนลากมาตามพื้นแว๊ดลั่นขึ้นมา
“คำสุภาพ!” คนผมดำเอามืออีกข้างเขกหัวสีเทาอย่างแรง
“ขอโทษครับ!” ไฮซากิรีบเอ่ยก่อนโดนเขกอีกทีสองทีเป็นของแถม
“...” โชจิที่มองเด็กหนุ่มทั้งสองที่ทะเลาะกันอย่างไม่อายใครพลางนวดขมับตัวเองราวคนไมเกรนขึ้น “...เออ...อย่าเพิ่งฆ่าโชโงะมันนะ ฉันขี้เกียจจัดงานศพให้”
“ปากหรือพี่!? ไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า!” ไฮซากิเอ่ยด้วยท่าทีมั่นใจจนน่าถีบสุดแสน
“ก็ปากน่ะสิ” โชจิกรอกตาไปมากับคำพูดของน้องชายตน “ยังไงก็ขอบคุณที่พาไอ้นี่มาส่งนะ...ว่าแต่นายมาเดินเล่นอะไรดึกๆ ดื่นๆ เนี่ย? อันตรายนะเฮ้ย”
“โดนกรรมการนักเรียนโทรตามมาให้ไปเก็บไอ้นี่น่ะครับ มันหนีเร็วจนพวกนั้นตามจับไม่ทันจนตามผมเนี่ย” เด็กหนุ่มผมดำถอนหายใจออกมาเบาๆ “ไม่มีอะไรแล้วผมกลับล่ะ และกรุณาอย่าปล่อยมาหลุดออกจากบ้านอีกนะครับ...ล่ามได้ยิ่งดี ขี้เกียจตาม”
“นิจิมุระซัง! คนนะเว้ยไม่ใช่หมา!” ไฮซากิแยกเขี้ยวใส่พลางแอบเนียนแงะมืออีกฝ่ายที่จับคอเสื้อตนอยู่ออก แล้วรีบไปหลบหลังพี่ชายตนอย่างรวดเร็ว...อย่างน้อยก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่มากระชากตนออกจากหลังผู้ใหญ่แน่นอน!
“อย่างนายน่ะหมาบ้าของแท้เลยมากกว่า” นิจิมุระกรอกตาไปมาก่อนที่จะตัดสินใจเมินรุ่นน้องจอมแสบแล้วรีบกลับบ้านตัวเองโดนไม่คิดเอ่ยลาหรืออะไรกับคนในบ้านนี้ทั้งนั้น เนื่องจากตนต้องรีบกลับบ้านเพราะออกมาโดยไม่ได้บอกคนที่บ้านหรือทิ้งข้อความอะไรไว้เลย
“รุ่นพี่นายดูเฮฮาดีเนอะ” โชจิที่มองคนผมดำที่รีบจากไปราวกับกลัวความซวยจะลอยมาหาอย่างขำๆ
“โหดบรรลัยมากกว่า” ไฮซากิบ่นอุบอิบ
“อย่างน้อยก็ใจดีพอพานายมาส่งบ้านล่ะ” โชจิส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ “และมาทำแผลเลย...นายยังมาคุยกับพี่เรื่องที่แอบหนีเที่ยวอยู่นะ”
“ชะอุ๋ย...” ไฮซากิทำหน้าเจื่อนลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดนี้...งานนี้ไม่แคร้วโดนบ่นอีกแน่
“ไม่ต้องมาหงอยเลย ทำตัวเองนะ” โชจิรีบลากตัวเด็กหนุ่มผมเทาไปนั่งในห้องรับแขกก่อนที่จะเดินไปหยิบกล่องยาที่ถูกใช้เป็นประจำจนผ่านมาไม่ถึงเดือนยาก็เกือบหมดแล้ว “ให้ตายเถอะ ทำไมถึงชอบหนีเที่ยวกลางคืนนักนะ”
“ก็เพราะพี่นั้นแหละ...” ไฮซากิบ่นเบาๆ พร้อมเบ้หน้าน้อยๆ
“หื้อ? เมื่อกี้นายว่าไงนะ?” โชจิที่เหมือนได้ยินเสียงบ่นแว่วๆ ถามขึ้น
“เปล่า” ไฮซากิปฏิเสธหน้าตาย “แค่คิดว่าวันพรุ่งยี้จะไปเที่ยวไหนดีน่ะ”
“ยังคิดจะเที่ยวอีกหรือฟะ?!” โชจิแยกเขี้ยวใส่พร้อมเอาสำลีชุบแอลกอฮอกกดแผลอีกฝ่ายแรงๆ “หัดนอนอยู่บ้านเฉยๆ ตอนกลางคืนบ้างเถอะ!!!”
“โอ๊ย! เจ็บนะไอ้พี่บ้า!” ไฮซากิแว๊ดลั่น “แค่นิดๆ หน่อยๆ ไม่เห็นเป็นไรเลย!”
“เป็นสิวะ! แล้วแกน่ะไม่ต้องเลียนแบบคำพูดไอ้เรียวมันมาเลย!” งานนี้โชจิไม่รู้ว่าจะโทษตัวเองที่เลี้ยงน้องไม่ดีหรือควรโทษไอ้เพื่อนเพี้ยนของตนที่สอนอะไรเพี้ยนๆ แบบนี้มากัน
“พี่หัวโบราณชะมัด!” ไฮซากิบ่นน้อยๆ
“เออ ยอมรับ” โชจิกรอกตาไปมา “และอยู่นิ่งๆ สิฟะ! แบบนี้จะทำแผลยังไงล่ะ!?”
“ก็มันเจ็บนี่หว่า!” เด็กหนุ่มผมเทาทำหน้ามุ่ย
“ก็เห็นบ่นแบบนี้ทุกครั้ง..ถ้าเจ็บนักก็หัดจำหน่อยเซ่! ไม่ใช่กลับมาได้แผลทุกครั้งแบบนี้!” โชจิกรอกตาไปมา
“พี่ขี้บ่น!!!” ไฮซากิเบ้หน้ากับคำบ่นนั้นเล็กน้อยโดยไม่คิดจะเถียงกลับ
“ก็สมควรไหมล่ะ?” โชจิถอนหายใจออกมาเบาๆ “เอาเสร็จแล้ว ไปนอนซะไป เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสายไปเรียนไม่ทันหรอก”
“ไม่ทันก็ช่างสิ เดี๋ยวปีนรั้วเข้าเอา” ไฮซากิเอ่ยก่อนที่จะรีบเผ่นขึ้นห้องตัวเองอย่างรวดเร็วก่อนที่จะโดนเขกหัวจากผู้เป็นพี่สักรอบสองรอบ
“ให้ตายเถอะน่า...” โชจิถอนหายใจออกมาเบาๆ ...ตั้งใจจะจับเทศนานกว่านี้สุดท้ายมันก็หนีบวกกับเขาใจอ่อนเองสิน่า...
...สรุป...นี่เขาเลี้ยงน้องผิดวิธีจริงๆ สินะ?...
กริ้งงงงง กริ้งงงงง
เสียงโทรศัพท์ที่ดังก้องเป็นการรับเช้าวันใหม่ ปลุกให้ชายหนุ่มผมดำที่กำลังนอนหลับอย่างสบายใจเฉิบอยู่นั้นตื่นขึ้นมาจากนิทราด้วยอาการหัวเสียสุดๆ เนื่องจากเมื่อคืนหลังจากไล่น้องตัวเองไปนอนแล้วเจ้าตัวต้องตามเก็บข้าวของที่คนผมเทาโยนไว้อย่างไม่เป็นระเบียบตั้งแต่หน้าบ้านจนถึงในห้องรับแขก แถมต้องค่อยเช็ดรอยเลือดที่หยดตามทางไม่ให้แม่ตนตื่นมาเห็นจนลมจับอีกทีจนกว่าจะได้นอนก็ปาไปตีสองตีสามแล้ว
“อื้อ...อะไรแต่เช้าวะ...” โชจิเดินอย่างงัวเงียลงมารับโทรศัพท์บ้านที่ชั้นล่าง “โมชิโมชิ?”
‘นี่ใช่เบอร์บ้านไฮซากิ โชโงะหรือเปล่าครับ?’
“ครับ ใช่ครับ” โชจิคิดกระตุกนิดๆ เมื่อได้ยินชื่อของผู้เป็นน้องชายตน...ไม่ต้องคิดให้เปลื้องสมองก็เดาได้ว่าคงไปก็เรื่องอะไรมาอีกแล้วแน่
‘งั้นกรุณาเชิญผู้ปกครองพบกับทางโรงเรียนหน่อยครับ...เฮ้ย! จะหนีออกนอกโรงเรียนอีกแล้ว! จับเร็ว!’
‘อยู่เฉยๆ ในโรงเรียนสักวันเถอะ! ขอล่ะ!’
‘อ๊ากกก! ปวดหัวกับมันเว้ยยยย!’
‘ฯลฯ’
“...” โชจิเอ๋อนิดๆ กับเสียงโวยวายที่ลอดผ่านสายมา ดวงตาสีดำเหลือบมองนาฬิกาที่ติดบนผนังซึ่งบ่งบอกเวลาสิบโมงนิดๆ พลางถอนหายใจออกมาเบาๆ “เออ...เดี๋ยวไปครับ รอสักครู่”
...นี่ไปโรงเรียนไปถึงสามชั่วโมงก็จะหนีเที่ยวแล้วเหรอ!?...
ยามนี้โชจิปลงจนไม่รู้จะปลงยังจึงได้แต่รีบแต่งตัวเพื่อไปโรงเรียนของน้องชายตนตามคำขอจากทางโรงเรียน เจ้าตัวรีบจัดการตัวเองแล้วเดินทางไปถึงยังโรงเรียนมัธยมต้นเทย์โคว...โรงเรียนที่เขาบังคับให้เข้าเรียนนนั่นแหละ แต่เมื่อมาถึงไฮซากิ โชจิก็เจอปัญหาใหม่เข้าจนได้...
“นี่มัน...ส่วนไหนของอาคารวะ?” ...นั้นคือหลงทางนั้นเอง เจ้าตัวเลยตัดสินใจคว้าตัวเด็กหนุ่มผมฟ้าคนหนึ่งที่เดินผ่านมาพอดีมาถาม “ขอโทษครับ ทางไปห้องปกครองไปทางไหนครับ?”
“? ตรงไปแล้วเลี้ยวขวาก็เจอแล้วครับ” คนโดนถามทำหน้างงเล็กน้อยก่อนที่จะยอมจอบแต่โดยดี
“ขอบค...เฮ้ย! หายไปไหนแล้วล่ะ!?” โชจิมองตามทางที่เด็กหนุ่มชี้ไปพยักหน้ารับแล้วหันมาจะขอบคุณเรื่องที่อีกฝ่ายบอกทางตน ทว่าเมื่อหันมา..กลับไร้ร่างผู้ใดยืนอยู่เสียแล้ว
...เมื่อกี้เขาคงไม่ได้คุยกับผีนะเฮ้ย!...
ชายหนุ่มหน้าซีดลงเล็กน้อยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงใส่เกียร์หมาไปยังห้องปกครองทันที เจ้าตัวยืนสงบสติจากการโดนผีหบอกกลางวันแสกๆ เล็กน้อยก่อนที่จะยกมือเคาะประตูตามารยาท
“ขออนุญาตครับ ผมผู้ปรองครองของไฮซากิ โชโงะครับ” มือหนาค่อยๆ เลื่อนบานประตูออกอย่างช้าๆ ก่อนที่จะ...เอ๋อกินเป็นรอบที่สองของเช้านี้กับสภาพห้องที่ควรจะเรียบร้อยกลับเละสนิก “เออ...เกิดสงครามอะไรกันขึ้นครับเนี่ย?”
“นิดหน่อยครับ ว่าแต่มาก็ดีเลยครับ...จัดการไอ้นี่หน่อยเถอะ” ชายหนุ่มคนหนึ่งส่งยิ้มแห้งๆ ให้พร้อมกับชี้ไปยังเด็กหนุ่มผมเทาที่ถูกมัดปานดักแดอยู่ที่มุมห้อง
“...ไหงแผลเพิ่มขึ้นจากเมื่อคืนอีกแล้วเนี่ย!?” โชจิถึงกับคุมขมับเมื่อเห็นสภาพน้องชายตัวเองที่เละกว่าเมื่อคืนที่ตนทำแผลให้เสียอีก ทั้งๆ ที่เพิ่งมาโรงเรียนไม่ถึงสามชั่วโมงแท้ๆ จะว่ามาจากตอนถูกจับมัดก็ไม่น่าใช่ เพราะเขามั่นใจว่าพวกคนในโรงเรียนคงไม่ฟัดกับรายนี่จนได้รอยแผลเหมือนมีดบาดอย่างนี้ได้แน่
“พอดีมีเรื่องนิดหน่อยน่ะพี่” ไฮซากิตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจนัก
“แบบนี้ไม่นิดนะเฮ้ย” โชจิคุมขมับกับไอ้น้องชายตัวดีที่ก่อเรื่องมายังทำหน้าระรื่นได้อีก
“ใช่ครับ ไม่นิดเลย...” เด็กหนุ่มผมแดงที่ดูน่าจะเป็นกรรมการนกเรียนเอ่ยขึ้น “...เพราะเรื่องที่ไฮซากิเจอคือมีคนบุกโรงเรียนมาต่อยตีกับหมอนี่เลยครับ”
“คราวนี้น่าจะหนักแฮะ” โชจิถอยหายใจออกมาเบาๆ ...คราวนี้ถึงขั้นบุกโรงเรียนอื่นเลยวุ้ย! ทุกครั้งเห็นอย่างมากก็แค่ดักตีหัวนอกโรงเรียนเอง! (แน่ใจนะว่านั้นคือแค่? // s , ถ้าเทียบกับเรื่องที่มันก่อทั้งหมด นั้นคือแค่จริงๆ นั้นแหละ // โชจิ)
“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องแค่นี้เองจัดการเองได้น่า” ไฮซากิดูท่าจะเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
“แค่กับผีสิ!” โชจิค้อนใส่น้องชายตนวงเบ้อเร้ม “แบบนี้แม้แต่ในโรงเรียนก็ไม่ปลอดภัยน่ะสิ! ยังทำสบายใจอยู่ได้อีกเนอะ!”
“ก็มันไม่น่ามีอะไรจริงๆ นี่นา คิดมากไปได้” ไฮซากิทำปากจู๋
“แต่นายหัดคิดมากกว่านี้บ้างก็ดีนะ” เด็กหนุ่มผมแดงส่ายหน้าไปมาอย่างปลงๆ
“นั้นสิ...แบบนี้มันน่าจับมัดให้อาเจ๊คานาเดะสั่งสอนจริงๆ” โชจิเอ่ยด้วยอารมณ์ขุ่นมัวกับท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาวของคนผมเทา
“ตายดิพี่! เจ้านายพี่โหดตายชัก!” ไฮซากิทำหน้าผวาอย่างไม่มีปิดเมื่อได้ยินแบบนี้...ถึงเจ้านายพี่เขาเป็นผู้หญิง แต่ความโหดนี่ระดับปีศาจยังอายเลย!
“โอเค ข้อนี้ไม่เถียง” โชจิยอมรับว่าเจ้านายตนโหดจริงๆ นั้นแหละ “แต่น่าจะดัดนิสัยนายได้ดีนี่หว่า แถมคู่อรินายมาตอนไหนซัดเรียบชัวท์”
“รวมตัวผมเข้าไปด้วยสิไอ้พี่บ้า!” ไฮซากิมั่นใจว่าถ้าหากพี่ตนทำงั้นจริงและเกิดมีคู่อริมาบุกหาเขาตอนอยู่กับอาเจ๊แกจริงนี่ เกินแปดสิบเปอร์เซ็นหลังจากการคู่อริเขาเสร็จ เจ๊แกมาจัดการเขาต่อแน่!
“ก็นะ” โชจิไม่เถียงว่ารายนั่นอาจอัดน้องตนรวมเข้าไปด้วยข้อหาเอาเรื่องมาให้แหง
“เออ...หยุดทะเลาะกันก่อนครับ” เด็กหนุ่มผมแดงห้ามสองพี่น้องไฮซากิที่เริ่มทะเลาะกันเสียแล้ว “เอาเป็นว่ามาคุยเรื่องแก้ปัญหาเรื่องนี้กันก่อนเถอะครับ ส่วนไฮซากิก็กลับห้องไปเรียนซะ อย่าหนีไปไหนล่ะ ไม่งั้นฉันจะขอให้รุ่นพี่นิจิมุระไปลากนายกลับมาอีกแน่”
“พูดว่าให้นิจิมุระซังไปตื้บฉันเข้าท่ากว่านะอาคาชิ” ไฮซากิค้อนใส่คนผมสีแดง “แล้วบอกให้กลับห้องเนี่ย...โดนมัดแบบนี้จะกระดึบกลับอีท่าไหนวะห๊า!?”
“กระดึบเป็นหนอนไปมั้ง” อาคาชิตอบกลับหน้าตายสนิก
“เอาจริงดิ!?” ไฮซากิสะดุ้งโหยง
“ล้อเล่น” อาคาชิยักไหล่น้อยๆ
“หน้าไม่บอกว่าล้อเล่นสักนิด!” ไฮซากิกล้าพูดเลยว่าไม่เห็นแววล้อเล่จในสายตาอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
“คิดว่าไงล่ะ” อาคาชิถาม
“...” ไฮซากิหน้าซีดลงเล็กน้อยกับคนตัวเล็กกว่าหากแต่โหดปานซาตานกลับชาติมาเกิด
“เออ...เลิกแกล้งโชโงะมันก่อนดีกว่าไหม?” โชจิที่รู้สึกเหมือนน้องตัวเองจะถูกเชือดในไม่ช้ารีบเอ่ยห้าม
“ก็นะครับ...” อาคาชิส่งยิ้มให้คนอายุมากกว่าพลางหยิบกรรไกรจากไหนไม่รู้ตัดเชือกคนผมเทา “...เอ้า รีบกลับไปเรียนได้แล้วไฮซากิ ฉันมีเรียนต้องคุยกับพี่นายนะ”
...เออ...ไม่ใช่ว่าเขาต้องคุยกับพวกอาจารย์เหรอ?...
โชจิแอบทวงในใจเล็กน้อยกับคำพูดเมื่อครู่ของคนผมแดง แต่ก็ไม่ได้ขัดใจหรืออะไรกับอีกฝ่าย
“ชิ! ไปก็ได้...” ไฮซากิรีบพุ่งออกจากห้องปกครองด้วยความเร็วแสง แต่ก่อนไปก็ไม่ลืม... “...ห้ามทำอะไรแปลกๆ นะเว้ย!”
...ทิ้งท้ายเช่นนี้ก่อนไปอีกแหน่ะ
“รู้แล้วน่า ขี้หวงจริงนาย” อาคาชิมองคนผมเทาตามแล้วหัวเราะเบาๆ ก่อนที่หันมาส่งยิ้มให้ชายหนุ่ม “เอาล่ะ มาคุยกับเถอะ...คุณไฮซากิ โชจิ”
“...” ...ทำไมเขาเริ่มรู้สึก...เหมือนกำลังอยู่กลางดงสิงโตหว่า?
...เริ่มรู้สึกอยากตีหัวน้องตัวเองก็วันนี้ล่ะวะ...
ชายหนุ่มผมดำคิดในใจอย่างหัวเสียแบบไม่อาจห้ามได้หลังจากที่ฟังเรื่องทั้งหมดแบบละเอียดยิบจนเห็นภาพได้จากคนผมแดง...ที่บอกถึงเหตุการณ์ที่น้องเขาโดนเข้ามาหาเรื่องถึงในโรงเรียน...
...ไอ้น้องเขาโดนหาเรื่องไม่เท่าไหร่เพราะเห็นประจำจนชิน ถึงจะกังวลเนื่องที่พวกนั้นเข้ามาถึงในโรงเรียนได้นิดหน่อยแต่ก็พอทำใจได้แล้ว ทว่าสาเหตุที่น้องเขาโดนเล่นงานนี่สิทำเอาเขางงเลย...เพราะเห็นพวกที่มานี่มันเหมือนจะมาเอาอะไรสักอย่างที่เป็นของน้องเขานี่แหละ ตกลงโชโงะมันมีอะไรที่พวกนั้นอยากได้ฟะ? ส่วนใหญ่ของในบ้านส่วนใหญ่ก็เป็นของธรรมดาที่หาได้ทั่วไปนี่หว่า?
เรื่องนี้ทำเอาไฮซากิ โชจิคิดไม่ตกจริงๆ ไม่รู้ตกลงสิ่งที่พวกนั้นต้องการคืออะไรแน่ แต่ที่แน่ๆ คือเจ้าตัวไม่กล้าปล่อยอีกฝ่ายกลับบ้านตามลำพังแน่คราวนี้ ก็เลยมาสิงที่โรงเรียนมันเสียเลย
“ตกลงคุณจะมาสิงนี่เนี่ยนะครับ?” คำทักทายเบาๆ ดังออกมาจากอาจารย์คนหนึ่ง...หรือคนเดียวภายในห้องนี่
“ตามนั้นแหละครับ” โชจิตอบ...โอเค เขาพอรู้ว่าเขาไม่ควรอยู่ที่นี่ แต่มันอดไม่ได้นี่หว่า
“จะห่วงน้องจนมาอยู่ที่โรงเรียนไม่ว่าหรอกครับ แต่...” ถ้าเอาตามตรงในใจของอาจารย์หนุ่มคือดีใจด้วยซ้ำที่มีคนมาช่วยเครียสปัญหาที่อาจเกิดจากเด็กหนุ่มผมเทา (ซึ่งแปดสิบเปอร์เซ็นเกิดจากรายนี่แหละ) หรือน้องชายของรายนี่ด้วยซ้ำ แต่ที่เขาสงสัยคือ... “...ทำไมถึงเลือกมาสิงห้องพยาบาลล่ะครับ? ห้องที่ไม่ค่อยมีนักเรียนเข้าออกก็มีตั้งเนอะตั้งแยะ”
“มีเปอร์เซ็นว่าวันนี้โชโงะจะเข้าห้องพยาบาลสูงน่ะ” โชจิตอบ
“ทำไมคิดงั้นล่ะครับ?” อาจารย์หนุ่มถาม
“เพราะหลังจากเกิดเรื่องแบบนั้นมา หมอนั่นมักพาลไปทั่วก่อนที่จะโดนชาวบ้านอัดให้หัวโล่งในเวลาต่อมาน่ะสิ” โชจิถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อนึกถึงนิสัยข้อนี่ของน้องชายตน
“มีไฮซากิเป็นน้องนี่ลำบากจังนะครับ” อาจารย์หนุ่มตบบ่าปลอบ
“ก็ไม่เท่าไหร่หรอกครับ” โชจิหัวเราะเสียงแห้ง
“ว่าแต่ขอเสียมารยาทหน่อยนะครับ...แต่ผมอยากรู้ว่าทำไมไฮซากิถึง...”
“เกเรแบบนี้ใช่ไหมครับ?” โชจิที่พอเดาประโยคต่อไปออกเอ่ยแทรกอาจารย์หนุ่ม “เอาตามจริงคือ...ไม่รู้ครับ ผมไม่รู้ว่าผมเลี้ยงน้องไม่ดีหรือไอ้เพื่อนบ้าของผมกรอกอะไรแปลกๆ ใส่โชโงะมันก็ไม่รู้ครับ”
“งั้นเหรอครับ” อาจารย์หนุ่มพยักหน้ารับเชิญเข้าใจ และในขณะนั้น...
ตึกๆๆๆๆ! ครืน!
“อาจารย์ทาจิบานะ! โชโงะคุงโดนตื้บอีกแล้วครับ!!!” ...เด็กหนุ่มผมเหลืองคนหนึ่งก็เปิดประตูเข้ามาอย่างแรงโดนพยุยเด็กหนุ่มผมเทาคนหนึ่งที่...ดูท่าสติหลุดไปแล้วเอาไว้
“...ทายแม่นจังนะครับ” ทาจิบานะมองคนผมเทาที่ถูกหามเข้ามาจริงๆ ดังที่นายไฮซากิ โชจิว่าจริงๆ ด้วยอาการอึ้งๆ
“ก็นิส้ยมันนี่ครับ” โชจิถอนหายใจออกมาเบาๆ พลางไปช่วยเด็กหนุ่มผมเหลืองหามน้องชายตนเข้ามาในห้องพยาบาลเพื่อทำการรักษา
“เออ...คุณ...” เด็กหนุ่มผมเหลืองมองโชจิอย่างลังเลนิดๆ
“ฉันโชจิเป็นพี่ไอ้นี่ ไม่ต้องห่วงว่าฉันจะลักมันไปเชือดหรอกน่า” โชจิที่รู้ดีว่าลักษณะภายนอกตนเหมือนพวกนักเลงหรืออะไรพวกนี่ขนาดไหนเอ่ย
“อา...ครับ...” เด็กหนุ่มผมเหลืองพยักหน้ารับ “...งั้นผมขอตัวกลับไปเรียนก่อนแล้วกันครับ”
“เออ ตั้งใจเรียนล่ะ” โชจิหลุดพูดคำพูดที่เอ่ยส่งน้องตัวเองเล็กน้อย
“...คุณนี่นิสัยผิดกับหน้าตาเลยนะครับ” ทาจิบานะเอ่ยพลางเริ่มหยิบยาออกจากชั้นอย่างเคยชิน
“หลายคนก็ว่างั้น” โชจิยักไหล่น้อยๆ พร้อมกับช่วยอาจารย์ประจำห้องพยาบาลรักษาแผลให้เจ้าน้องชายตัวดีไป
...อื้อ...ปวดหัว...
ความคิดแรกที่แว่บเข้ามาภายในหัวเด็กหนุ่มผมเทาทำให้เจ้าตัวค่อยๆ ฝืนลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก สิ่งแรกที่ปรากฏเข้าสู่ดวงตาสีเทาคือเพดานสีขาวที่คุ้นตา
...ที่นี่...ห้องพยาบาล?...
“ไง...ฟื้นแล้วเหรอไอ้ตัวแสบ?” เสียงเรียกทักเบาๆ ที่คุ้นหูทำให้คนผมเทาถึงกับสะดุ้งเฮือก
“พี่! ไหงยังอยู่ฟะ!?” ไฮซากิลุกพรวดขึ้นมาจากเตียงที่จะคุมขมับด้วยเองเมื่อเกิดหน้ามืดจากการที่ลุกเร็วเกินไป
“มาคุมนายไง” โชจิตอบกลับหน้าตาเฉย “ไม่งั้นระหว่างทางกลับบ้านได้ถูกดักตีหัวแน่”
“ไม่ต้อง! พี่กลับไปเลย!” ไฮซากิแว๊ดลั่น
“ไม่สนนายหรอก” โชจิแล่บลิ้นใส่
“ถ้าตามผมจนกลับบ้านเดี๋ยวไปทำงานสายนะเอ้อ!” ไฮซากิเอ่ยเตือน
“ไม่เป็นไร โทรบอกเจ๊แล้วว่าจะไปสายหน่อย” โชจิยักไหล่น้อยๆ “หมดข้อแก้ตัวยัง?”
“แก้ตัวที่ไหนล่ะ!?” ไฮซากิแยกเขี้ยวใส่ “ไม่ว่ายังไงพี่ก็กลับเลย! ตอนนี่เลย!”
“ทำไมล่ะ?” โชจิถามอย่างแปลกใจ...ก็ปกติต่อให้โดนเขาคุมก็ไม่เคยมาไล่เขาแบบนี้นี่หว่า แต่ไหงคราวนี้พยายามให้เขากลับก่อนให้ได้ล่ะ? “มีเรื่องอะไรที่บอกพี่ไม่ได้หรือไง?”
“ก็แบบว่า...” ไฮซากิหลบตาวูบและ...รีบลงจากเตียงวิ่งไปนอกห้องทันที “...เอาเป็นว่าพี่รีบกลับไปเลย! ไม่งั้นมีแววความซวยมาหาแน่!”
“เฮ้ย! โชโงะ!!!” โชจิตะโกนไล่หลังคนผมเทาไป...ซึ่งแน่นอนว่าคนโดนเรียกไม่ย้อนกลับมาให้โดนเค้นคอรอบสองแน่ ทำให้โชจิทำได้เพียงถอนหายใจออกมาเบาๆ เท่านั้น “ตกลงนี่เรื่องบ้าอะไรกันวะเนี่ย?”
...แล้วนี่...เขาจะตามต่อหรือกลับบ้านตามโชโงะมันบอกดีวะ?...
ชายหนุ่มผมดำเกิดอาการคิดไม่ตกเลยงานนี้ ว่าควรเลือกอะไระหว่างตามไปต่อหรือกลับบ้านดี และในระหว่างที่กำลังคิดๆ อยู่นั้นเอง...
โครม!!!
...ก็มีเสียงอะไรสักอย่างดังขึ้นทำให้โชจิสะดุ้งเฮือก เจ้าตัวหันไปตามต้นเสียงก่อนที่จะลุกออกไปดูนอกห้องพยาบาลว่าเกิดอะไรขึ้นและ...แทบจะลมจับในเวลาต่อมาเมื่อภาพที่เห็นผ่านหน้าต่างคือเจ้าน้องชายตนที่ออกจากอาคารไปเมื่อไหร่ไม่รู้โดนคนกลุ่มใหญ่ที่ไม่กลัวฟ้ากลัวดินไล่ตามท่ามกลางสายตาของผู้คนจำนวนมาก
“! ละสายตาแป๊บเดี๋ยวโดนไล่ตื้บอีกแล้วเหรอวะ!?” โชจิสบลออกมาเบาๆ พร้อมกับเปิดหน้าต่างตรงหน้าออกและ...
“เฮ้ย! ไฮซากิซัง!!!” ...โดดลงจากชั้นสองทั้งอย่างนั้นเลย ทำให้ทาจิบานะซึ่งเป็นอาจารย์ห้องพยาบาลร้องเสียงหลง หากแต่โชจิไม่สนใจเสียงโวยวายนั้นเมื่อลงถึงพื้นได้โดยสวัสดิภาพก็ทำการวิ่งตามคนกลุ่มใหญ่ไปในทันที
...งานนี้ต้องขอบคุณเจ๊จริงๆ ที่แจกลูกหลงมาบ่อยจนเขาถึกในระดับหนึ่งเนี่ย...
โชจินึกขอบคุณเจ้านายตนเล็กน้อยพลางคว้าโทรศัพท์มาโทรหาเพื่อนตนเพื่อขอความช่วยเหลือเพราะไม่บ้าพอที่จะลุยกับคนกลุ่มใหญ่ด้วยตัวคนเดียว
‘โมชิโมชิ? วากะครับ...’
“เฮ้! ไอ้มิกะ! ฉันเอง!” โชจิไม่รอให้ปลายสายพูดจบเอ่ยแทรกขึ้นมา
‘โชจิ? มีอะไรเหรอ?’
“ช่วยหาคนช่วยฉันหน่อยสิ! ฉันกำลังตามกลุ่มคนที่ไล่ตื้บโชโงะอยู่น่ะ!” โชจิอธิบายแบบง่ายๆ สั้นๆ ...ซึ่งแน่นอนว่าแค่นี้ก็มากพอทำให้คนที่ช่วยเหลือโชจิในเรื่องนั้ประจำอย่างวากะ มิคารุเข้าใจได้ในทันที
‘...รายนั้นก่อเรื่องอีกแล้วสินะ? แล้วกลุ่มที่โชโงะไปมีเรื่องด้วยประมาณกี่คนล่ะ?’
“อย่างต่ำสามสิบ...” โชจิตอบ
‘โอเค เดี๋ยวหาคนไปช่วย อย่าเพิ่งโดนตื้บตายก่อนล่ะทั้งคู่’
“เออๆ” โชจิขานรับส่งๆ ก่อนที่จะกดตัดสายไปพลางมองเส้นทางรอบๆ เพื่อคิดหาทางหนีทีไล่รวมทั้งหาทางช่วยน้องชายตนไปด้วย “ชิ...ทำไมถึงวิ่งไปทางตันเล่า!”
...จะหนียังไงก็หนีที่มันออกไปในเมืองสิ!...
โชจินึกโทษน้องตัวเองในใจก่อนที่จะวิ่งตัดลัดซอยหนึ่งไปเพื่อไปดักหน้าไฮซากิก่อนที่จะไปถึงยังทางตันจริงๆ และถือว่าเป็นโชคดีเมื่อ...
“เฮ้ย! มาไง!?” ...เจ้าตัวมาโผล่ตรงหน้าไฮซากิ โชโงะพอดีเด๊ะเลย
“เงียบไปเลย! มานี่!!! ห้ามบ่นห้ามพูดอะไรทั้งนั้น!” โชจิเอ่ยเสียงเข้มก่อนที่จะลากไฮซากิกลับทางซอยเดิมที่ตนวิ่งมา
“โหดไปแล้วนะ!” ไฮซากิโวยน้อยๆ
“เงียบ!” โชจิตะคอกใส่เล็กน้อย
“ครับ...” ไฮซากิถึงกับหงอยลงในทันทีเมื่อโดนพี่ตัวเองดุ ทางโชจิเองเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบแล้วก็ทำการวิ่งเลาะตามซอยไปยังเส้นทางอื่นก่อนที่จะออกถนนใหญ่ด้วยการแอบมุดผ่านร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าแห่งหนึ่ง แต่...
“เจอตัวแล้ว!” ...ก็ไม่วายเจอหนึ่งในคนที่ไล่ตามเมื่อครู่อีกจนได้
“ชิบหาย! ยังอุตสาห์ตามมาเจออีก!” โชจิรีบลากคนผมเทาวิ่งต่อใจทันที
“แยกทางกันไหม!?” ไฮซากิถามขึ้นพลางหันกลับไปมองคนที่ไล่ตามพวกตนซึ่งเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ
“เรื่องดิ! แบบนั้นมีแววนายบื้อวิ่งไปทางตันอีกแหง!” โชจิปฏิเสธแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดแม้แต่น้อย
“ไม่ได้บื้อนะเว้ยไอ้พี่บ้า!” ไฮซากิเถียงกลับพลางวิ่งต่อไปก่อนที่ทั้งคู่จะเบรกเอี๊ยดในเวลาต่อมาเมื่อ...
“ชิบ! ซวยของแท้แล้ว!” ...ดันโดนคนกลุ่มหนึ่งมาดักตรงหน้าเสียนิ
“โธ่เว้ย! มันมาดักรอเสียได้!” ไฮซากิสบถออกมาเบาๆ
“จะหนีไงดีวะ?” โชจิยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิดพร้อมกับพยายามมองหาทางหนีทีไล่เผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
“ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ คือพี่รีบหนีดีกว่ามั้ง” ไฮซากิเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “ไม่งั้นคนซวยคือพี่นะเออ”
“ห๊า?” โชจิหลุดร้องอย่างไม่เข้าใจ...ไอ้ที่ว่าคนซวยคือเขาหมายความว่าไงฟะ? คนโดนไล่ตื้บจริงๆ ไม่ใช่เขาเสียหน่อย
“สวัสดีครับ คุณไฮซากิ โชจิ...” ในระหว่างที่กำลังสงสัยอยู่นั้น ก็มีชายหนุ่มหน้าตาแบบ...กวนส้นเท้ามากเดินแทรกกลุ่มคนที่ล้อมรอบพี่น้องไฮซากิอยู่เข้ามา
“นายเป็นใคร?” โชจิถามอย่างไม่ไว้ใจคนตรงหน้า
“คงบอกไม่ได้ล่ะครับ” ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอแบบน่าถีบเสียยิ่งกว่าเดิม“โชจิซัง ผมมีข้อเสนอหนึ่งให้คุณนะครับ”
“ข้อเสนออะไร?” โชจิถาม...ว่าแต่ไหงตาขวากระตุกยิกๆ เลยหว่า?
“ก็...” ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้โชจิ “...ให้คุณมาเป็นของผมไงครับ”
“...ห๊า?” โชจิถึงกับสตั่นไปหลายวิก่อนที่จะหลุดร้องออกมาอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน...
...โชโงะ...ไอ้ที่บอกว่าคนซวยจะเป็นเขาเองคือแบบนี้เองเหรอ!? แล้วนี่อย่าบอกนะว่าที่ทางโรงเรียนบอกว่าพวกนี่จะมาเอาอะไรสักอย่างจากโชโงะนี่หมายถึงเขาน่ะ!?...
“อย่างที่บอกแหละครับ...ถ้าคุณยอมมาเป็นของผม ผมจะปล่อยน้องคุณไป...” ชายหนุ่มเอานิ้วเชยคางคนผมดำขึ้นเล็กน้อย “...ว่าไงล่ะครับ?”
“ไม่มีทางเว้ยยยย!!!” ไม่ทันที่โชจิจะตอบอะไรกลับไป นายไฮซากิ โชโงะก็ทำการโวยลั่น “เอามือสกปกของแกออกจาก ‘ของฉัน’ เลยนะเว้ย!!!”
“ของแกที่ไหนกัน? ตอนนี้น่ะ...” ชายหนุ่มยักคิ้วกวนๆ “...โชจิซังเป็นของฉันต่างหาก”
“ฉันตกลงตอนไหนว่าจะเป็นของแกวะ!?” โชจิยกเท้าถึงคนที่เชยคางตนอยู่จนกระเด็น “หนีเร็ว!!!”
“ไม่ให้หนีหรอก!” คนที่ถูกถีบเมื่อรีบสั่งการลูกน้องให้กั้นตัวทั้งสองเอาไว้ “และคุณไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนับข้อตกลงของผมด้วยนะ โชจิซัง”
“ชิ! งั้น...” โชจิแสยะยิ้มออกมาน้อยๆ “...ขอตื้บพวกแกแทนแล้วกันเว้ย!!!”
“พี่เวอร์ชั่นหมาบ้าออกมาแล้วสิเนี่ย” ไฮซากิส่ายหน้าไปมาเมื่อเห็นพี่ตนกำลังตื้บคนแบบโหดไม่ต่างกับไอ้รุ่นพี่หน้านก (?) ของตนเลยสักนิด “แต่ก็ดี...จะได้เลิกหนีกันให้เหนื่อยเสียที”
“มีแค่สองคนอย่ามั่นใจนักเลยเว้ย! แอ๊ก!!!” ชายหนุ่มที่ดูจะเป็นหัวหน้ากลุ่มเอ่ยก่อนที่จะหลุดร้องออกมาเมื่อถูกเท้าของใครสักคนถีบอีกรอบ
“โชจิ! ยังไม่ตายใช่ไหม!?” ชายหนุ่มผมเหลืองมาดนักเลงแบบสุดติ่งที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ตะโกนถามขึ้น
“ถ้าตายต่อให้อยู่โลกไหนผมก็จะไปลากคอกลับมานะครับ!” ชายหนุ่มผมสีฟางข้าวที่ดูเรียบร้อยกว่าคนแรกหากแต่คำพูดโหดกว่าเอ่ยต่อกันติดๆ
“ยังเว้ย! ไอ้บ้า!” โชจิโวยใส่ผู้มาใหม่หรือก็คือเพื่อนทั้งสองหน่อของตนด้วยเสียงติดกวนนิดๆ ตามประสา
“หน็อย เพิ่มมาอีกแค่สองคนอย่าได้ใจป...อั๊ก!” ชายหนุ่มคนเดิมพยายามลุกขึ้นมาอีกรอบหลังถูกถีบถึงสองครั้งสองคราว ก่อนที่จะหลุดร้องมาอีกรอบ...ซึ่งคราวนี้ถึงขั้นสลบไปเลยเมื่อมีหญิงสาวผมดำคนหนึ่งฟาดขาใส่หัวเต็มๆ
“สองที่ไหน? สามย่ะ!” หญิงสาวเอ่ยด้วยท่าทีเหมือนไม่พอใจที่ถูกมองข้าม
“นี่เอาอาเจ๊มาด้วยเหรอ!?” โชจิโวยลั่นเมื่อเห็นว่าสาวเจ้าซึ่งเป็นเจ้านายตนก็มาด้วย...นี่กะฆ่าล้างบางพวกนี่หรือไง!? ก็รู้ๆ อยู่ว่าเจ๊แกโหด!
“พอดีสังหรณ์ความอาจเป็นเรื่องใหญ่ ผมเลยโทรเรียกเจ๊มาด้วยน่ะ” มิคารุซึ่งเป็นคนที่โชจิโมรขอให้ตามคนมาช่วยพวกตนตอบหน้าตายสนิก
“...พี่ เตรียมสวดเถอะ” ไฮซากิที่รู้ความโหดของรายนี้ดีทำการสวดส่งให้ในใจ
“ฉันก็ว่างั้น” โชจิที่ทำไม่ต่างจากน้องตนพยักหน้ารับพลางมองหญิงสาวที่...อัดชาวบ้านปลิวไปคนละทิศคนละทางอย่างสงสาร...
...ขอสวดให้เลยแล้วกัน...อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลยนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจให้เจ๊มาจัดการจริงๆ
“อะไรจะซวยอย่างนี้วะเนี่ย...” คำบ่นเบาๆ หลุดออกมาจากปากของเด็กหนุ่มผมเทาที่บัดนี้มีลูกไอติมสามลูกงอกขึ้นมาซ้อนกันบนหัว
“นั้นมันคำพูดฉันต่างหาก” ชายหนุ่มผมดำที่มีสภาพไม่ต่างกันทำหน้ามุ่ยพลางนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี่...
...หลังจากที่อาเจ๊ตัดการพวกที่มาหาเรื่องพวกเขาได้จนหมด เจ๊แกก็เล่นลากเขาและน้องกลับมาเค้นคอที่ร้านต่อเลยและพอเล่าสิ่งที่เจอทั้งหมดไปก็...โดนแว๊ดลั่นพร้อมกับแจกลูกไอติมบนหัวเนี่ย ส่วนไอ้เพื่อนสองหน่อเขาก็ไม่คิดจะช่วยกันเลยสักนิด!
“หวังว่าฉันจะไม่โดนตัดเงินเดือนนะ” โชจิบ่นขึ้นมาเบาๆ
“เจ๊แกไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอกมั้ง” ไฮซากิส่ายหน้าวืด
“ก็จริง ว่าแต่...” โชจิไม่เถียงว่าปกติเจ้านายตนไม่ใจร้ายขนาดนั้นพลางเหล่มองน้องชายตัวดีของตนเล็กน้อย “...ไอ้ที่นายบอกว่าฉันเป็นของนาย...หมายความว่าไงหื้อ?”
...จากน้ำเสียงตอนนั้นเขามั่นใจว่าไอ้ของฉันนั้นไม่ได้หมายถึงแค่พี่น้องแน่...
“...” พอเจอคำถามนี้คนผมเทาก็ถึงกับนิ่งเงียบไปในทันใด ก่อนที่จะ... “ไม่มีอะไร! ไปล่ะ!”
“เฮ้ย! เดี๋ยว!” ...เผ่นหนีไปด้วยความเร็วแสง จนทำให้นายโชจิทำได้เพียงตะโกนไล่หลังไปเท่านั้น “อะไรกันวะเนี่ย?”
“โชจิซื้อบื้อชะมัด...” ห่างออกไปเล็กน้อย...บริเวณหลังเสาต้นหนึ่ง ชายหนุ่มผมทองคนหนึ่งที่แอบดูสองพี่น้องไฮซากิมาตั้งแต่ต้นถอนหายใจออกมาเบาๆ
“นั้นสินะครับ” ชายหนุ่มผมสีฟางข้าวที่เข้าร่วมขบวนการแอบดูชาวบ้านเช่นกันพยักหน้ารับ “หรือจะบอกว่าโชโงะซึนเกินไปดี?”
สองชายหนุ่มผู้เป็นเพื่อนของโชจิต่างมองภาพตรงหน้าด้วยความปลงสุดแสน...ด้วยความที่ทั้งสองรู้ว่าไฮซากิ โชโงะคิดอย่างไหร่กับเพื่อนตน และแน่นอนว่าเกินคำว่าพี่น้องไปไกลเลยล่ะ...
...เสียแต่ไอ้ตัวต้นเหตุกลับไม่รู้เรื่องเลยนี่สิ ไม่รู้แม้สาเหตุที่น้องตัวเองก่อเรื่องเพราะแค่เรียกร้องความสนใจเลยด้วยซ้ำ...ช่างน่าปวดหัวเวียนเกล้าเสียนี่กระไร
“คงได้แต่ดูต่อไปล่ะนะ” เรียวยักไหล่น้อยๆ ด้วยความเหนื่อยใจกับพี่น้องคู่นี้
“ผมก็ว่างั้น...และหวังว่าสุดท้ายจะไม่ใช่ว่าต้องมานั่งปลอบโชโงะแทนแล้วกัน” มิคารุถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะลากเพื่อนตนออกจากจุดนี้เพื่อกันไม่ให้โชจิจับได้ว่าพวกตนแอบดูอยู่จนโดนแว๊ดย้อนหลังอย่างรวดเร็ว
End
ความคิดเห็น