คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #208 : [ImaHana] Chuugaku
Title : Chuugaku
Fandom : Kuroko no Basket
Paring : Imayoshi x Hanamiya
Notes : ลงฉลองสอบผ่าน555
.....................................................................................
Chuugaku
...ชีวิตนั้นน่าเบื่อ...
นั้นคือคำนิยามของคำว่าชีวิตภายในหัวของเด็กหนุ่มคิ้วลูกอ๊อช (?) คนหนึ่งนามฮานามิยะ มาโคโตะตั้งแต่เกิดมาจนปานนี้ด้วยไอคิวที่สูงทำให้ฉลาดกว่าคนทั่วไปและความชั่วร้าย (?) ที่ทำให้เจ้าตัวหลอกใช้คนอื่นให้ทำในสิ่งที่ตนต้องการได้ง่ายๆ จนทำให้เจ้าตัวออกไปทางเบื่อหน่ายกับชีวิตนิดๆ
“โรงเรียนมัธยมต้นที่ไหนก็เหมือนกันล่ะวะ...” ฮานามิยะเอ่ยพึมพำขึ้นมาเบาๆ ขณะที่เดินสำรวจโรงเรียนใหม่ที่ตนต้องมาเรียนนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเนื่องจากโดยผู้เป็นมารดาบังคับมา...ทั้งที่ความจริงอยากเข้าโรงเรียนแบบที่มีพวกห้าวๆ อยูกันมากกว่า (เนื่องจากจะหลอกใช้คนง่ายกว่า)
“เฮ้ย! ระวัง!” ระหว่างที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่นั้นเสียงตะโกนร้องของใครบางคนก็ดังขึ้นมา
“หื้อ? อั๊ก!” ฮานามิยะหันไปทางเสียงเรียกก่อนที่...ลูกบอลสีส้มจะอัดเข้าที่หน้าตนเต็มๆ
“เป็นไรหรือเปล่า!?” เด็กหนุ่มผมดำหน้าตาราวจิ้งจอกคนหนึ่งวิ่งมาหาฮานามิยะพร้อมถามเช่นนี้อออกมา
“โดนบอลอัดเต็มหน้าคงไม่เป็นไรเนอะ!?” ฮานามิยะกุ่มหน้าตนน้อยๆ อย่างเจ็บๆ พลางโยนลูกบอลสีส้มที่น่าจะเป็นของอีกฝ่ายให้ “เอ้า! เอาคืนไปเลยไอ้บ้า!”
“จ้า...” เด็กหนุ่มทำเสียงอ๋อยเมื่อโดนแว๊ดกลับ...ที่จริงก็สมควรโดนแว๊ดหรอก ก็เขาเล่นทำบอลอัดหน้าอีกฝ่ายเสียจนเป็นรอยลูกบอลแถมเลือดกำเดาไหลเลยนิ “...แต่นายไปห้องพยาบาลก่อนดีไหม?”
“ไม่ต้องยุ่ง” ฮานามิยะขู่ฟ่อกลับไป
“อย่าว่างั้นสิ” เด็กหนุ่มหน้าจิ้งจอกเอ่ยพร้อมกับ...จับตัวฮานามิยะแบกขึ้นบ่าหน้าตาเฉย “ไป ไปกัน”
“เฮ้ย! จะพาฉันไปไหน!?” ฮานามิยะแว๊ดลั่น
“ห้องพยาบาลไง” เด็กหนุ่มตอบหน้าตาเฉย “โค้ช! ผมขอพารายนี้ไปห้องพยาบาลก่อนนะครับ!”
“เออๆ จะไปไหนก็ไป อย่าไปก่อเรื่องอีกล่ะ” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่น่าจะเป็นอาจารย์ในโรงเรียนตอบกลับแถมโบกมือเชิงไล่อีกฝ่ายอีกด้วย
“ครับผม!” เด็กหนุ่มขานรับพร้อมวิ่งจากไปโดยมีนายฮานามิยะ มาโคโตะอยู่บนบ่าด้วย
“เดี๋ยวเซ่! ฉันบอกตอนไหนว่าฉันจะไปกับนาย! นี่!” ฮานามิยะโวยใส่คนที่แบกตนวิ่งภายในโรงเรียนอย่างไม่อายใคร...แต่อนิจา เด็กหนุ่มกลับหาได้สนใจเสียงโวยวายแม้แต่น้อย จนกระมาถึงยังห้องพยาบาลซึ่งไร้ผู้คน “ปล่อยฉันลงได้แล้ว! ไอ้หน้าจิ้งจอก!”
“ก็ได้ๆ” เด็กหนุ่มที่แทบหูดับเพราะโดนโวยวายข้างหูข้างรับไปส่งๆ พลางวางตัวอีกฝ่ายลงบนเตียง...เท่านั้นแหละฮานามิยะก็รีบถอยห่างอีกฝ่ายทันทีที่ถูกปล่อยตัว “ไม่เห็นต้องถอยห่างขนาดนั้นเลย ฉันไม่ขืนใจนายหรือน่า”
“สาบานว่านั้นปาก?!” ฮานามิยะค้อนใส่อีกฝ่ายเล็กน้อย “มาถึงห้องพยาบาลแล้วนายจะไปไหนก็ไปเซ่!”
“ก็อาจารย์ห้องพยาบาลไม่อยู่นี่นา ฉันเลยว่าจะทำแผลให้นายด้วยเลย” เด็กหนุ่มหน้าจิ้งจอกตอบกลับหน้าตาเฉย
“ฉันทำเองได้น่า!” ฮานามิยะเอ่ยอย่างเป็นปรปักษ์ชัดเจน...ตามที่สัญชาตญาญของเขาบอก เขารู้สึกว่าหมอนี้เป็นคนที่ไม่สมควรยุ่งด้วยเป็นอันดับหนึ่งเลย!
“อย่าดื้อสิ” เด็กหนุ่มเอ่ยพร้อมกับหยิบยามาเตรียมทำแผลให้อีกฝ่ายหน้าตาเฉย “และนี่หัดพูดกับรุ่นพี่ดีๆ หน่อยเถอะ”
“ห๊า?” ฮานามิยะหลุดร้องออกมาเบาๆ
“นายปีหนึ่งเข้าใหม่ใช่ไหม? ฉันอยู่ปีสอง...” เด็กหนุ่มเอ่ย “...และถ้านายไปพูดแบบนี้กับรุ่นพี่คนอื่นที่ไม่ใช่ฉันโดนเหม็นขี้หน้าแหง”
“...ถ้าให้พูดดีกับนายนี่ไม่ไหวนะ...ให้ความรู้สึกยังกับพยายามพูดกับตาลุงโรคจิตยังไงไม่รู้” ใช่ว่าฮานามิยะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายอายุมากกว่าตนเพราะคงไม่ปีหนึ่งคนไหนมาซ้อมชมรมตั้งแต่เช้าวันแรกของการเปิดเรียนแบบนี้หรอก หากแต่ไม่รู้ทำไมเขารู้สึกไม่อยากอยู่ใกล้หรือพูดอะไรกับรายนี้มากนัก
“ไหงว่างั้นล่ะ” เด็กหนุ่มทำแก้มป่องอย่างแอ๊บแบ๊วจนน่าถีบ
“ก็ตามที่พูดนั้นแหละ” ฮานามิยะกรอดตาไปมาพลางแย่งอุปกรณ์ทำแผลจากอีกฝ่ายมา ทว่าเด็กหนุ่มฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ยอมง่ายๆ ทำให้เกิดศึกแย่งชิงอุปกรณ์ทำแผลกันเกิดขึ้น...จนสุดท้ายผู้แพ้ก็ได้แก่นายฮานามิยะที่จนแล้วจนรอดต้องยอมให้อีกฝ่ายทำแผลให้แต่โดยดีด้วยสีหน้าบูดบึ้งพลางคิดในใจว่า...
...ขออย่าได้เจอรายนี้อีกเลยจนจบการศึกษาทีเถอะ!...
...บางที...เขาอาจทำกรรมเยอะก็ได้ คำขอถึงไม่เป็นผลเนี่ย...
ฮานามิยะคิดในใจอย่างหม่นหมองเมื่อมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าในยามนี้...ทั้งๆ ที่เห็นว่าตั้งแต่ผ่านเรื่องวุ่นๆ เมื่อเช้าวันแรกของการเปิดเรียนจนตอนนี้ผ่านมาเกือบสัปดาห์นี่ทุกอย่างก็ดูเรียบร้อยดีแล้วแท้ๆ ไม่คิดว่าแค่หนีมากินข้าวเที่ยงคนเดียวที่สวนหย่อมจะเจอไอ้หน้าตาเจ้าเล่ห์นี่อีกรอบเลย!
“ไง...เจอกันอีกแล้วเนอะ...” เด็กหนุ่มหน้าตาราวจิ้งจอกทักทายด้วยรอยยิ้ม
“แต่ผมโคตรไม่อยากเจอคุณเลย” ฮานามิยะเบ้หน้าหนี
“อย่างว่างั้นสิ ฮานะจัง” เด็กหนุ่มทำเสียงหยอกล้ออีกฝ่าย
“ฮานะจังกับแมวน้ำสิ! ไอ้หน้าจิ้งจอก!” ฮานามิยะแยกเขี้ยวใส่คนอายุมากกว่า...ไม่ชอบจริงๆ ไอ้การโดนเรียกเหมือนผู้หญิงเนี่ย!!! “ว่าแต่นายรู้ชื่อฉันได้ไง!?”
...จำได้ว่าไม่เคยบอกนี่หว่า! หรือว่า...
“ฉันไม่ได้ไปหาข้อมูลนายอย่างที่นายคิดแล้วกัน” เด็กหนุ่มหน้าตาราวจิ้งจอกเอ่ยดักอย่างรู้ทัน “ฉันอิมาโยชิ โชอิจิ...ถ้านายลองนึกดีๆ คนฉลาดๆ อย่างนายก็จะนึกออกว่าฉันรู้จักชื่อนายได้ยังไงนะ?”
“หื้อ?” ฮานามิยะขมวดคิ้วเล็กกับคำพูดที่เหมือนจะบอกว่าพวกตนรู้จักกันมากก่อน...ก่อนที่เขาจะเข้าโรงเรียนนี้เสียอีก...
...จะว่าไป...ชื่อมันคุ้นๆ แฮะ เหมือนเคยได้ยินที่ไหน...
“นึกออกไหมเอ่ย? ที่การแข่งระดับประถมปลายเมื่อสองปีก่อนน่ะ” อิมาโยชิลากเสียงยาวพร้อมเอ่ยคำพูดที่เหมือนกับเป็นคำใบ้เพิ่มเติมออกมา
“อ่ะ...” พอพูดแบบนี้ฮานามิยะก็หลุดร้องออกมาเบาๆ พลันภาพๆ หนึ่งแว่บเข้ามาในหัว “...หรือว่าคุณ...ไอ้ผู้แข่งที่นั่งข้างๆ ผมแล้วไปกวนบาทากรรมการคนนั้นน่ะนะ!?”
...จำได้ว่าโดนกรรมการหมายหัวแบบหากพลาดนิดเดียวตัดคะแนนเลยด้วย แต่มันดันชนะเลิศอีก!...
“ปิ๊งป๊อง! ถูกต้องจ้า!” อิมาโยชิเอ่ยอย่างเริงร่า “ดีใจจังที่นายจำได้นะ~~~”
“กวนโอ๊ยกรรมการแบบนั้นถ้าใบ้หน่อยก็จำได้ล่ะ” ฮานามิยะเบ้หน้าน้อยๆ อย่างรู้สึกไม่อยากเข้าใกล้รายนี้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า...เพราะยิ่งนึกได้นี่ยิ่งทำให้เขารู้เลยว่ารายนี้เป็นพวกกวนจนน่ากลัวในระดับไม่ธรรมดาเลยล่ะ
“ก็นะ” อิมาโยชิยักไหล่น้อยๆ “ว่าแต่นายมากินข้าวอะไรตรงนี้คนเดียวเหรอฮานามิยะ~~~~ เข้ากับเพื่อนในห้องไม่ได้หรือไง?”
“เปล่าครับ แค่อยากทานข้าวเที่ยงอย่างสงบๆ ...” ฮานามิยะเหล่มองคนข้างๆ เล็กน้อย “...แต่ดูท่าจะไม่สงบเสียแล้วนี่สิ”
“หว่าๆ อย่าว่างั้นสิ~~~” อิมาโยชิลากเสียงยาวให้หลอนเล่น ดวงหน้าก็ยังคงประดับด้วยรอยยิ้มดั่งปกติ...ไม่มีท่าทีสำนึกว่ามากวนคนอื่นอยู่แม้แต่น้อย “น่าอร่อยจังนะ ขอชิมหน่อยสิ”
“เฮ้ย! นั้นของผมนะ!” ฮานามิยะแว๊ดลั่นเมื่อคนอายุมากหยิบของในข้าวกล่องตนไปกินหน้าตาเฉยทั้งที่ตนยังไม่ทันอนุญาตเลยด้วยซ้ำ
“อร่อยนิ ใครทำเนี่ย?” อิมาโยชิเมินคำโวยวายแล้วเบี่ยงประเด็นไปทางอื่น
“ผม...” ฮานามิยะตอบกลับไปเสียงแผ่วอย่างยอมใจให้ไอ้รุ่นพี่หน้าหนานิดๆ
“ห๊า?” อิมาโยชิหลุดร้องออกมาเบาๆ
“ผมทำเอง มีปัญหาไหม?” ฮานามิยะถามเสียงเข้ม...ถ้าอีกฝ่ายบอกว่าเขาทำอะไรเหมือนผู้หญิงเลย เขาจะถีบให้ ก็ทำไงได้แม่เขาทำงานตลอดนี่หว่า ถ้าไม่ทำกินเองมีหวังได้พึงของกินร้านสะดวกซื้อมันตั้งแต่เช้าจรดเย็นทุกวันๆ แหง
“จริงดิ ยอดเลย!” อิมาโยชิยิ้มร่าพลางไม่วายแย่งข้าวกล่องรุ่นน้องตัวเองกินต่อ (?)
“ไม่ต้องมาทำเป็นชมเลย ผมรู้ว่าฝีมืออาหารผมจืดชีดจะตาย” ฮานามิยะเถียงกลับ
“จืดตรงไหนกัน ลิ้นนายมีปัญหาแล้วล่ะ” อิมาโยชิเลิกคิ้วเล็กน้อย...สำหรับเขาอาหารของอีกฝ่ายเนี่ยรสชาติดีออกไปทางดีมากด้วยซ้ำ แต่เจ้าตัวดันบอกว่ามันจืดชืดเนี่ย...
...หากไม่เป็นพวกชอบรสจัดมากๆ คงต่อมรับรสผิดปกติล่ะ
“พูดแบบนี้หาเรื่องกันหรือไงครับ?” ฮานามิยะแยกเขี้ยวใส่พร้อมยกข้าวกล่องตนหนีคนที่แย่งข้าวตนกินซะงั้น
“เปล่าๆ อย่าคิดแง่ร้ายแบบนั้นสิ~~~” อิมาโยชิรีบเอ่ยปฏิเสธไป
“ชิ!” ฮานามิยะเดาะลิ้นเล็กน้อย “ตกลงคุณมีธุระอะไรกับผมครับ? ผมมั่นใจว่าที่คุณมาหาเนี่ยคงไม่ใช่เพราะมาป่วนเล่นๆ แน่”
“ฉลาดสมเป็นนายเลยนะ” อิมาโยชิหัวเราะในลำคอเบาๆ
“ไม่ต้องมายอเลยครับ” ฮานามิยะค้อนใส่คนหน้าจิ้งจอกวงเบ้อเร้อ “มีอะไรรีบพูดมา ไม่งั้นผมไปล่ะนะ”
“โอเคๆ แหม ใจร้อนจัง...” อิมาโยชิทำท่าน้อยอกน้อยใจที่อีกฝ่ายเร่งตนจนน่าถีบสักทีสองที “...ฉันอยากชวนนายเข้าชมรมบาสน่ะ”
“...ห๊า?” ฮานามิยะหลุดร้องออกมาทันทีที่อีกใายบอกจุดประสงค์ของตัวเองออกมา
“เฮ้ๆ อย่าทำหน้างั้นสิ ฉันพูดจริงนะ” อิมาโยชิเอ่ยทันทีเมื่อเห็นท่าทางอีกฝ่าย
“มาชวนอะไรกับผมวะครับ ตัวผมก็ไม่ได้สูงอะไรมากสักหน่อย” ฮานามิยะเอ่ยในเชิงปฏิเสธอย่างชัดเจน
“ก็ใช่ แต่นายวางแผนได้แหง” อิมาโยชิเอ่ย
“คุณเองก็วางแผนเองได้นิ” ฮานามิยะมั่นใจว่าคนที่ถึงขนาดกล้ากวนกรรมการในการแข่งเมื่อตอนนั้นถ้าหากไม่เก่งจริงคงโดนถีบออกจากการแข่งทันแต่แรกแล้ว
“ก็จริง” อิมาโยชิหัวเราะเบาๆ กับความหัวไวเถียงกลับแทบในทันทีของอีกฝ่าย “แต่ก็ยังอยากให้เข้า...ยังไงเสียนายก็เล่นบาสเป็นอยู่แล้วนิ”
“แล้วไอ้คุณท่านรู้ได้ไงวะ!?” ฮานามิยะแวํดลั่น...มันรู้ได้ไงวะ!?
“พอดีตลอดสัปดาห์นี่แอบตามนายแล้วไปเห็นน่ะ” อิมาโยชิตอบหน้าตาเฉย
“พูดจริงพูดเล่นเนี่ย!?” ฮานามิยะถอยออกห่าง
“เฮ้ๆ อย่าทำท่ากลัวแบบนั้นสิ! ฉันล้อเล่น!” อิมาโยชิรีบเอ่ยก่อนที่จะโดนเข้าใจว่าเป็นคนโรคจิตไปจริงๆ “ฉันบังเอิญไปเห็นนายเล่นที่สตรีทบาสเมื่อวันก่อนเฉยๆ”
“ถึงงั้นก็เถอะ แล้วจะมาชวนผมทำแมวน้ำทำไมวะครับ?” ฮานามิยะถอนหายใจอย่างโล่งอกที่อีกฝ่ายไม่ได้เป็นสโตเกอร์จริงๆ แต่ก็ยังคงสงสัยในสาเหตุที่อีกฝ่ายมาชวนตนอยู่ดี
“เอาตามจริงไหม?” อิมาโยชิถามด้วยหน้ายิ้มๆ
“ครับ” ฮานามิยะพยักหน้ารับ
“พอดีเผลอไปทำให้รุ่นน้องสยองจนออกจากชมรมเป็นแถวน่ะ โค้ชเลยองค์ลงสั่งให้ฉันมาหาคนเข้าชมรมให้ได้สักคนไม่งั้นจะสั่งให้ฉันวิ่งรอบสนามพันรอบอ่ะ” อิมาโยชิตอบกลับมาหน้าตาเฉย
“...” ฮานามิยะถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้รับคำตอบแบบนี้ หากมีอีกาบินผ่านแล้วร้องกา กาด้วยคงบ่งบอกความรู้สึกของเด็กหนุ่มได้ดีแน่ ในยามนี้
...สุดท้าย...ก็ยอมมาจนได้...
ฮานามิยะ มาโคโตะในยามนี้รู้สึกปลงมากถึงมากที่สุดกับตัวเองที่ดันบ้าจี้รับคำของรุ่นพี่ที่หน้าตาปานจิ้งจอกแล้วยอมเข้าชมรมบาสในตอนเย็นแบบนี้...ก็นะ รายนั้นเล่นตามหลอกหลอน (?) เขาจนน่ากลัวจนต้องยอมตกลงทำตามประสงค์ของอีกฝ่ายนี่หว่า
“นี่เหรอคนที่นายไปลากเข้ามาได้?” ชายหนุ่มผู้เป็นโค้ชประจำชมรมเอ่ยถาม
“ครับ” อิมาโยชิพยักหน้ารับด้วยสีหน้ายิ้มๆ อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการบังคับคนอื่นเข้าชมรมแม้แต่น้อย
“นี่เธอ...” โค้ชหนุ่มเหล่มองยังเด็กหนุ่มผู้คิ้วหนาราวลูกอ๊อช (ถามจริงเถอะ...เป็นอะไรกับคิ้วฉันจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย? // ฮานามิยะ , ก็อย่างที่บอกทุกครั้ง เพราะอยากแกล้งไงตัวเธอ // s)
“ฮานามิยะ มาโคโตะครับ” ฮานามิยะเอ่ยแนะนำตัวเองกับผู้เป็นโค้ชตามมารยาท
“ฮานามิยะคุง ครูรู้ว่าเธอลำบากใจแต่ช่วยทนกับหมอนี่ทีนะ” โค้ชหนุ่มเอ่ยแบบกึ่งปลงกึ่งเห็นใจให้เด็กหนุ่ม
...เจ๋ง แสดงว่ารู้ความลำบากกับการรับมือหมอนี่สินะ?...
ฮานามิยะกรอกตาไปมากับคำพูดของโค้ชที่บ่งบอกเลยว่า...นายอิมาโยชิ โชอิจิเนี่ยน่าเหนื่อยใจอย่างไม่ธรรมดาแน่นอน และระหว่างที่ฮานามิยะกำลังคิดๆ อยู่นั้น...
“เฮ้ๆ นินทาอะไรก็ปิดสีหน้าหน่อยเถอะฮานามิยะ” ...คนที่กำลังโดนนินทาในใจก็เอ่ยขึ้นมาเช่นนี้ ทำให้ฮานามิยะถึงกับสะดุ้งโหยง
“สำหรับเธอหน้าตายแค่ไหนก็คงเดาออกหมดเลยมั้ง” โค้ชหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆ กับคนที่เริ่มสร้างวีรกรรมน่าปวดหัวอีกรอบ (?)
“อย่าว่างั้นสิครับบบบบ” อิมาโยชิลากเสียงยาวชฝนหลอน
“เฮ้อออออ” โค้ชหนุ่มถอนหายใจอีกเฮือกใหญก่อนตัดสินใจเมินคนหน้าจิ้งจอกไปแล้วหันมาคุยกับเด็กใหม่ของชมรมแทน “ฮานามิยะคุง ครูว่าเธอไปรวมตัวกับกลุ่มปีหนึ่งที่ยังเหลืออยู่เถอะ...ก่อนบ้าตามอิมาโยชิเข้า”
“ครับ!” ฮานามิยะที่กลัวบ้าตามที่โค้ชตนพูดหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ รีบใส่ตรีนแมววิ่งไปยังจุดที่โค้ชชี้ไปในทันที
“นี่ๆ นาย...อยู่ปีหนึ่งเหมือนเหรอ?” และทันทีที่ฮานามิยะก้าวเข้าไปถึง...เด็กหนุ่มผิวสีเข้มคนหนึ่งก็เอ่ยทักทายขึ้นมา
“อื้ม” ฮานามิยะพยักหน้ารับคำทักทาย
“เย้! งั้นได้เพื่อนเพิ่มแล้ว!” เด็กหนุ่มผมสีคาราเมลที่อยู่ใกล้ๆ กันพุ่งเข้าหาฮานามิยะ
“เหวอ!” ฮานามินะรีบถอยห่างก่อนที่จะโดนคนผมสีคาราเมลที่ดูเหมือนหมาชอบกลพุ่งเข้าใส่...มันคงให้ความรู้สึกเหมือนโดนหมาตัวใหญ่กระโจนเข้าใส่พิลึก
“เดี๋ยวเถอะโคทาโร่จัง! เกาะคนที่เพิ่งเจอครั้งแรกแบบนี้ได้ไงยะ!?” เด็กหนุ่มผมดำหน้าสวยรีบคว้าคอเสื้อของคนผมสีคาราเมลที่กำลังจะพุ่งหาฮานามิยะอีกรอบเมื่อพลาดเป้าหมายไปในคราวแรก (?) “ขอโทษแทนโคทาโร่จังด้วยนะ”
“เออ...อื้ม...” ฮานามิยะพยักหน้ารับไปพลางมองอีกฝ่ายจับเด็กหนุ่มผมสีคาราเมลมาเทศปานคุณแม่ด้วยท่าทางราวผู้หญิง...
...หมอนี่เป็นนั้นหรือเปล่าหว่า?...
“ถ้ากำลังคิดว่ามิบุจิเป็นแต๋วล่ะก็เลิกคิดซะเถอะ หมอนั้นแมนเต็มร้อยนะ...แถมบทจะโหดก็โหดลากเลือดด้วย”
“ชะแว๊กกกกกก!?” ฮานามิยะหลุดร้องลั่นกับเสียงที่อยู่ๆ ดังมาจากด้านหลังตน ทำให้หลายๆ ชีวิตสะดุ้งโหยงและเมื่อเห็นว่าใครเป็นต้นเหตุให้เด็กหนุ่มหลุดร้องออกมาก็พากันส่ายหน้าอย่างปลงๆ กันแทน “มาเมื่อไหร่ว่าครับ (ไอ้) อิมาโยชิซัง!?”
“เมื่อกี้ ตอนนายกำลังทำหน้าเหมือนนินทามิบุจิน่ะ” อิมาโยชิหัวเราะในลำคอเบาๆ
“อิมาโยชิซัง อย่าเพิ่งแกล้งคนสิครับ...เดี๋ยวออกอีกก็เหลือปีหนึ่งแค่พวกผมสิ” เด็กหนุ่มผมดำหรือมิบุจิ เรโอะเอ่ยปรามรุ่นพี่ตนเอง
“เออ...อย่าบอกนะว่าแกล้งจนเหลือแค่สามคนเนี่ย?” ฮานามิยะคิดกระตุกนิดๆ เมื่อได้ยินคำพุดนี้
“อื้ม” มิบุจิพยักหน้ารับ
“ตอนนี้พวกรุ่นพี่คนอื่นๆ กำลังหาทางลากคนอื่นที่โดนรุ่นพี่อิมาโยชิป่วนกลับเข้าชมรมอยู่” เด็กหนุ่มผิวเข้มหรือเนบุยะ เอย์คิจิ (เวอร์ชั่นยังไม่เป็นกอ... // S , อย่าเพิ่งแกล้งฉัน! เขียนต่อไปเลยไป! // เนบุยะ)
“กรรม...” ถึงฮานามิยะรู้ว่าพวกคนเข้าชมรมบาสในปีนี้ส่วนใหญ่โดนอิมาโยชิแกล้งทำให้หลอนจนถึงขั้นออกจากชมรมกันส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่คิดว่าจะถึงขั้นทำให้เหลือแค่สามคนนิ! ตอนแรกมันมีกี่คนวะ!? แล้วอิมาโยชิไปแกล้งอีท่าไหนกันถึงได้ออกกันจนเหลือแค่นี้!
“ทำใจเถอะพวก...” เนบุนะตบบ่าปลอบคล้ายจะเข้าใจในชะตากรรมของอีกฝ่าย
“จะพยายามทำใจ” ฮานามิยะเอ่ย
“อย่าพูดเหมือนฉันน่าปวดหัวกันนักสิ~~~” อิมาโยชิลากเสียงยาว
“ตัวต้นเหตุน่ะเงียบไปเลยครับ!” เด็กหนุ่มสามคน...ได้แก่ฮานามิยะ เนบุยะและมิบุจิแว๊ดใส่ตัวต้นเหตุที่ทำเอาทั้งชมรมเหลือปีหนึ่งแค่สามสี่คนเป็นเสียงเดียวกัน
“ใจร้ายอ่ะ!!!” อิมาโยชิเมื่อโดนว่าก็ทำแก้มป่องอย่างงอนๆ
“แอ๊บไม่ขึ้นหรอกนะครับอิมาโยชิซัง” ฮานามิยะเมื่อได้โอกาสก็กัดรุ่นพี่ที่ทำท่างอนอย่างเสแสร้งสุดแสน
“ช่วยกรุณาทำตัวดีๆ หน่อยครับ เดี๋ยวมีคนลาออกเพิ่มหรอก” มบุจิถอนหายใจออกมาเบาๆ
“เออ...เรโอะๆ” เนบุยะสะกิดเรียกคนหน้าสวย
“อะไร?” มิบุจิถามแบบสั้นๆ ได้ใจความ
“นู้น...นู้นน่ะ...” เนบุยะบู้ใบ้ไปยังจุดที่ห่างออกมาและ...นั้นทำให้เห็นเด็กหนุ่มผมสีคาราเมลคนหนึ่งเริ่มวิ่งเล่นไปทั่วโรงยิมราวลูกหมาที่วิ่งเล่นรอเจ้าของคุยธุระเสร็จ
“โคทาโร่จัง! อย่าเพิ่งป่วนอีกคนสิ! โธ่!” มิบุจิโวยก่อนที่จะรีบวิ่งไปไล่จับเพื่อนตัวเองก่อนที่จะก่อเรื่องอะไรเข้า...ถึงเพื่อนเขาจะไม่ได้สร้างความป่วนกับคนอื่นเท่าไหร่นักก็เถอะ แต่เจ้าตัวมักจะทำตัวเองเจ็บตัวนี่สิเขาเลยต้องคอยห้ามเนี่ย!
“...เหนื่อยไหม? กับไอ้หัวสีคาราเมลนั้น?” ฮานามิยะเมินจากรุ่นพี่ติ๊งต๊องมาถามเนบุยะ
“ไม่มาก เพราะเรโอะช่วยอยู่” เนบุยะยักไหล่น้อยๆ “ทางนายเถอะ...คงรับมือกับอิมาโยชิซังอีกนานเลย”
“นั้นสินะ...” พอได้ยินแบบนี้ทำให้ฮานามิยะรู้สึกปลงกับชะตากรรมตัวเองขึ้นมานิดๆ ที่ต้องรับมือคนหน้าจิ้งจอกบางคน...และคงหนีงานนี้ไม่รอดแน่เพราะพนันได้เลยว่าโค้ชต้องเอาเขาเป็นไม้กันหมา (?) คอยกันไม่ให้อิมาโยชิไปแกล้งคนอื่นแน่ “...เฮ้อ~~~”
“นี่...”
“มีอะไรเหรอ?”
“ว่างนักหรืออย่างไรครับรุ่นพี่?”
“เปล่า ช่วงนี้ก็ไม่ค่อยว่างนักหรอก งานก็เยอะ”
“ถ้าไม่ว่างกรุณาไปสะสางงานตัวเองให้เรียบร้อยด้วยครับ”
“ไม่อ่ะ ไม่อยากทำ”
“ถ้าไม่ทำจะเสร็จไหมล่ะครับ?”
“ฉันมีวิธีทำให้เสร็จทันเวลาแล้วกัน”
“ถึงอย่างนั้น...แล้วทำไมถึงตามผมราววิญญาณตามติดแบบนี้ล่ะครับ!?”
เสียงถกเถียงกันแบบไม่เบาดังไปทั่วทั้งชั้นทางเดินที่คนพลุนพล่านอย่างที่ทำให้พวกอาจารย์ไม่ออกมาว่าเพราะชินเสียงเถียงกันของสองบุคคลนี้ในตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา (?) จากเด็กหนุ่มผมดำคิ้วหนาราวลูกอ๊อชซึ่งกำลังปลงโลกสุดแสนกับชายหนุ่มหน้าตาราวจิ้งจอก...ที่ด้วยความซวยหรืออะไรก็ไม่คนอย่างอิมาโยชิถึงตามติดฮานามิยะมันแทบทุกเวลาและยามนี้ก็กำลังตามคนอายุน้อยกว่าราวลูกเป็ดตามแม่เป็ด
“แล้วนี่จะตามอีกนานไหมครับไอ้รุ่นพี่หน้าจิ้งจอก!?” ฮานามิยะถามอย่างเหนื่อยใจ...นี่เขาควรดีใจไหมเนี่ยที่สามารถกันไม่ให้อิมาโยชิซังไปป่วนพวกเด็กปีหนึ่ง (ที่ลากกลับมาได้) หลอนจนขอลาออกจากชมรมเป็นแถวอีกรอบตามประสงค์ของหลายๆ คนได้แต่มันดันมาเกาะเขาแทนเนี่ย
“ไม่รู้สิ นานมั้ง” อิมาโยชิตอบกลับไปแทบจะทันทีและ...
“เฮ้ย! ทำอะไรเนี่ย!?” ...ตวัดมือยาวๆ ทั้งสองไปโอบเอวอีกฝ่ายไว้
“กอดไง~~~” อิมาโยชิลากเสียงยาวแบบอยากกวนคนเล่น
“แล้วจะกอดทำเผือกอะไรล่ะครับ!? ที่สำคัญนี่มันในที่สาธารณะนะครับ!” ฮานามิยะแว๊ดลั่นพร้อมหาทางแงะมืออีกฝ่ายออกจากเอวตน...ผู้ชายสองคนกอดกันแบบนี้เด่นจะตายชัก!
“ก็ฉันหนาวอ้าาาาาา” อิมาโยชิตอบกลับอย่างออดอ้อน
“แล้วทำไม่ไปใส่เสื้อกันหนาววะครับ!?” ฮานามิยะถามกลับ...ในช่วงเวลาที่ใกล้เข้าสู้ฤดูหนาวเขาไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่อีกฝ่ายจะหนาว แต่ถ้าหนาวจริงก็ไปใส่เสื้อกันหนาวสิ! จะมากอดเขาเพื่ออะไรวะ!?
“ลืมซัก” อิมาโยชิตอบกลับทันควัน
...กรรม...
ฮานามิยะกรอกตาไปมาอย่างเบื่อโลกทันทีเมื่อได้ยินคำตอบ...เขารู้ทันทีว่าอีกฝ่ายโกหกแหงเพราะเมื่อเช้าตอนเข้าโรงเรียนเขายังเห็นอีกฝ่ายใส่อยู่เลย
“อ้าว? ทำอะไรกันอยู่ทั้งสองคน?” ระหว่างที่สองหนุ่มกำลังจีบกัน (ไม่ใช่เว้ย! // ฮานามิยะ , น่าๆ เล่นต่อไปเถอะ // s) กำลังถกเถียงกันปานโต้วาทีอยู่นั้น เด็กหนุ่มผมดำหน้าสวยคนหนึ่งก็เดินเข้าลงมาจากบันำด ปะเข้ากับทั้งสองคนพอดี
“ไงเรโอะ...ช่วยงัดไอ้รุ่นพี่บ้านนี่ออกจากฉันทีได้ไหม?” ฮานามิยะทักคนหน้าสวยพลางชี้ที่คนหน้าจิ้งจอกที่จะแปลงร่างเป็นจิ้งจกเกาะตนอยู่ร่อมร่อแล้ว
“คงยากอ่ะนะ” มิบุจิ เรโอะทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วเดินเนียนไปด้านหลังอิมาโยชิก่อนที่จะ...หยิบลูกแก้วเหล็กเย็นๆ หย่อนใส่คอเสื้ออีกฝ่าย
“อะจึ๋ย! ทำอะไรเนี่ยมิบุจิ!?” อิมาโยชิสะดุ้งโหยงเมื่อมีวัตถุเย็นๆ เข้ามาสัมผัสผิวตนแล้วรีบพยายามเอาสิ่งแปลกปลอมออกจากหลังตน
“ก็หาทางให้คุณเลิกเกาะมาโกะจังไงครับ” มิบุจิเอ่ยหน้าตาเฉยอย่างเคยชินกับการช่วยเพื่อนร่วมชั้นปีคนนี้ออกจากรุ่นพี่หน้าตาปานจิ้งจอกด้วยความที่โดนขอให้ช่วยเรื่องนี้ประจำ “และคุณก็จริงๆ เลยนะ...เลยมากอดกันกลางโรงเรียนแบบนี้เดี๋ยวเขาก็เอาไปลือเล่นให้สนุกปากกันหรอก”
“อยากลือก็ลือไปสิ สนอะไร” อิมาโยชิที่เอาลูกเหล็กลูกน้อยออกจากเสื้อได้แล้วบ่นงึมงำเล็กน้อย...ตนลงมิบุจิรุ่นน้องเขาแน่เหรอฟะ? บ่นยังกับแม่เลย...
“รุ่นพี่อาจไม่เสียหาย แต่คนที่อาจเสียหายเป็นมาโกะจังนะครับ” มิบุจิส่ายไปมาอย่างอ่อนใจ “ว่าแต่นี่มีใครเห็นเอย์จังกับโคทาโร่จังบ้างไหม?”
“เนบุยะเมื่อกี้ฉันเห็นที่โรงอาหารแหน่ะ” ฮานามิยะที่เห็นว่าอีกฝ่ายดูจะขี้เกียจสั่งสอนหรือเถียงกับรุ่นพี่ตัวเองตอบกลัลไป “ส่วนโคทาโร่มันก็...นั้นไง”
“หื้อ?” มิบุจิมองตามที่คนคิ้วลูกอ๊อชชี้ไปและคิ้วกระตุกยิกๆ ในเวลาต่อมาเมื่อ...เห็นเด็กหนุ่มผมสีคาราเมลคนหนึ่งกำลังโดดลงจากบันไดทีล่ะสองสามชั้น “โคทาโร่จัง! โดดเล่นตรงบันไดได้ไง!? อันตรายนะย่ะ!”
“อะจึ๋ย! พี่เรโอะ...” นายฮายามะ โคทาโร่ถึงกับเบลกเอี๊ยดทันทีที่เห็นคนหน้าสวยที่กำลังยืนแยกเขี้ยวปานยักษา
“วิญญาณคุณแม่ขี้บ่นเข้าสิงอีกล่ะ” ฮานามิยะที่มองฮายามะที่วิ่งหนีมิบุจิและมิบุจิก็วิ่งตามไปเพื่อจับมาเทศอย่างขบขำก่อนที่จะหมุนตัวกลับแล้วเดินไปอีกทาง
“จะไปไหนเหรอฮานามิยะ~~~” อมาโยชิลอย (?) เข้าหาฮานามิยะอีกระรอบ
“ไปทำงานกรรมการนักเรียนต่อสิครับ ไม่ได้ว่างงานแบบคุณนิ” ฮานามิยะเอ่ยหน้าตาย
“อูย...เล่นซะเจ็บเลย” อิมาโยชิทำหน้าเหมือนเจ็บปวดให้คนอายุน้อยกว่า
“ไม่โอ๋หรอกนะครับ” ฮานามิยะถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ใจร้าย” อิมาโยชิเอ่ย
“ครับๆ” ฮานามิยะกรอดตาไปมากับรุ่นพี่ที่กวนโอ๊ยตนไม่เลิก “ว่าแต่วันนี้คุณต้องไปพบโค้ชไม่ใช่เหรอครับ? มัวมาโอ๋เอ๋อะไรอยู่นี่?”
“ชะอุ๋ย! ลืม!” อิมาโยชิสะดุ้งโหยงเมื่อนึกขึ้นได้ว่าวันนี้ผู้เป็นโค้ชนัดพบตอนเที่ยง...หรือก็คือตอนนี้และแน่นอนว่ามันเลยเวลานัดไปมากโข่งแล้วด้วย “งั้นไปก่อนนะฮานามิยะ!!!”
“ครับๆ” ฮานามิยะมองคนอายุมากกว่าท่วิ่งจากไปด้วยความเร็วสูงอย่างเหนื่อยใจก่อนที่จะเริ่มเดินไปทำงานของตนต่อหลังโดนรั้งเอาไว้อยู่นานสองนาน “ในที่สุดก็สงบได้เลยที...”
เช้าวันเสาร์ที่แสนสดใสจนน่านอนในฤดูหนาวซึ่งใครหลายๆ คนเลือกที่จะนอนซุกในผ้าห่มอุ่นๆ มากกว่าออกไปท้าลมหนาวตั้งแต่เช้าตรู่ชนิดพระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นเลยด้วยซ้ำหากแต่ก็มีคนคิดต่างอยู่บ้างอย่าง...
“ฮานามิยะ~~~” ...เสียงตะโกนเรียกดังลั่นแบบไม่เกรงใจชาวบ้านมากถึงมากที่สุดก็ดังขึ้นขณะนี้เรียกให้เด็กหนุ่มผมดำคนหนึ่งที่นอนขดอยู่ในผ้าห่มงวงเงียลุกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“อื้อ~~ ...หื้อ?” ฮานามิยะเปิดม่านห้องตัวเองออกไปดูว่าใครตะโกนเรียกตนแล้วถึงกับตาสว่างทันทีเมื่อเห็นหน้าตาเจ้าเล่ห์ราวจิ้งจอกที่คุ้นเคย เจ้าตัวรีบเปิดหน้าต่างออกและ...แว๊ดเสียงดังลั่น “อิมาโยชิซัง!? มาบ้านผมได้ไง!? ไม่สิ! รู้บ้านผมได้ไงวะครับ!?!”
“ฉันรู้ด้วยวิธีของฉันแล้วกัน!” อิมาโยชิเอ่ยอย่างเริงร่า “ไปซ้อมกันเถอะฮานามิยะ~~~~”
“ตีห้าเนี่ยนะไอ้รุ่นพี่บ้า! เขานัดตอนแปดโมงไม่ใช่เหรอ!?” ฮานามิยะโวยกลับไป
“ไปก่อนนิดๆ หน่อยๆ ไม่เห็นเป็นไรเลยยยย” อิมาโยชิลากเสียงยาวแบบน่าโดดถีบสักทีสองทีเหลือเกิน
“เป็นสิ! มากด้วย!” ฮานามิยะอยากบอกเหลือเกินว่าไปตอนนี้ดีไม่ดีประตูโรงเรียนยังไม่เปิดด้วยซ้ำ แต่ด้วยความที่รู้ว่าบ่นกับรายนี้ไปก็เท่านั้นจึงบปิดหน้าต่างห้องตัวเองแล้วรีบไปเปิดประตูบ้านลากรุ่นพี่ตัวดีของตนเข้ามาภายในบ้านก่อนที่จะยืนแข็งตายเป็นรูปปั้นที่หน้าบ้านตน (?) จับอีกฝ่ายนั่งบนโซฟาในห้องรับแขกราวตุ๊กตาพร้อมเสริฟชาร้อนๆ ให้พร้อมแบบลืมตัวไปนิด (?) “เอาเป็นว่าอยู่นิ่งๆ ห้ามรื้อของในบ้านผมล่ะ!”
“จ้า” อิมาโยชิขานรับไป และพอได้รับคำตอบเจ้าของบ้านก็เดินออกจากห้องไปเพื่อล้างหน้าตาล้างตาเปลี่ยนชุดให้เรียบร้อย...ทางอิมาโยชิที่นั่งรออยู่ก็มองไปรอบๆ บ้านเล่นไม่ได้ขยับตัวไปรื้ออะไรเล่นอย่างที่ฮานามินะห้ามไว้จนเมื่อเวลาผ่านไปสักพักด้วยความเบื่อหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ เจ้าตัวเริ่มหยิบหมอนอิงบนโซฟามาเล่นและพอหยิบหมอนมาก็พบว่ามีสมุดเล่มหนึ่งวางนิ่งอยู่ใต้นั้น...
...มันคืออัลบัมเล่มหนึ่งนั้นเองและด้วยความอยากรู้เจ้าตัวเลยลองเปิดมันดู...ซึ่งภาพด้านในคือภาพของรุ่นน้องสุดซึน (?) ของตนในวัยเด็กนั้นเอง แถมแต่ล่ะภาพทำเอาคนหน้าจิ้งจอกอดอมยิ้มไม่ได้จริงๆ
...น่ารักแฮะ ตอนเด็กดูยิ้มร่าเริงดีทำไมตอนโตถึงชอบทำหน้ามุ่ยนักนะ?...
“บอกว่าห้ามรื้อไงครับ!” เสียงแว๊ดลั่นพร้อมกับอัลบั้มที่ถูกดึงออกจากมือขัดจังหวะการชมความน่ารักของรูปโดยนายฮานามิยะ มาโคโตะเจ้าของบ้านที่กลับเข้ามาหาอิมาโยชิพอดิบพอดี
“ไม่ได้รื้อ แค่หยิบมาดูเอง” อิมาโยชิยักไหล่น้อยๆ
“ดูก็ไม่ได้ครับ! เปิดดูถึงไหนแล้วเนี่ย!?” ฮานามิยะทำหน้าปุเลี่ยนๆ ...ก็แหงล่ะ! รูปแต่ล่ะรูปในอัลบั้มเขามีแต่รูปน่าอายๆ นี่หว่า!
“ตอนนายใส่กิโมโนสีแดงแจ๋น่ะ” อิมาโยชิตอบ
“แบบนี้ก็หลายหน้าแล้วสิ!” ฮานามิยะถลึงตาใส่ “นี่หยิบมาจากไหนวะครับ!?”
“มันวางอยู่ใต้หมอนอิง” อิมาโยชิตอบอีกล่ะรอบด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงสักนิด คล้ายกับว่าไม่สนใจเสียโวยวายนัก ถึงในใจจะเสียดายนิดๆ ที่ยังดูภาพไม่หมดเล่มก็เถอะ
“...” พอได้คำตอบแบบนี้ฮานามิยะถึงกับคุมขมับเพราะรู้ว่าหากมันอยู่ในที่แปลกๆ ที่ไม่ใช่ในชั้นหนังสืออย่างที่ควรเป็นมันจะเป็นฝีมือใคร...
...แม่นะแม่...ทำไมเอาออกมาดูเล่นแล้วไม่เคยเก็บเป็นที่เป็นทางสักทีเนี่ย!?...
“ฮานามิยะ เป็นอะไรอ่ะ?” อิมาโยชิถามขึ้นเมื่ออีกฝ่ายเงียบไป
“เปล่าครับ ว่าแต่นี่นึกคึกอะไรมาแต่เช้าครับ? ผมว่าอย่างคุณคงไม่แค่นึกอยากไปซ้อมพร้อมผมแต่เช้าเฉยๆ จริงๆ หรอกใช่ไหมครับ?” ฮานามิยะรีบเปลี่ยนเรื่องแล้วถามไปอย่างตรงประเด็นไม่มีอ้อมค้อมด้วยความกลัวว่าจะโดนรุ่นพี่หน้าจิ้งจอกกวนโอ๊ยใส่
“รู้ทันสมเป็นนาย” อิมาโยชิหัวเราะเบาๆ “ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่อยากถามว่านายคิดว่าฉันเป็นไงน่ะ”
“ห๊า?” ฮานามิยะหลุดร้องอย่างเอ๋อๆ กับคำถามของอีกฝ่าย
“ก็อย่างที่ถาม...นายคิดว่าฉันเป็นคนยังไง?” อิมาโยชิถามย้ำอีกทีชัดๆ
“เอาตามตรงไหมครับ?” ฮานามิยะถามกลับ
“อืม” อิมาโยชิพยักหน้ารับ
“โคตรเจ้าเล่ห์ ชั่วร้ายและป่วนมากๆ เลยครับ” ฮานามิยะตอบอย่างไม่มีการถนอมน้ำใจแม้แต่น้อย “ถามทำไมเหรอครับ?”
“...โค้ชบอกว่าปีหน้าจะให้ฉันเป็นกัปตันทีมน่ะ” อิมาโยชิตอบ
“แล้ว?” ฮานามิยะยังไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวกับที่อีกฝ่ายถ่อมาถามเรื่องแบบนี้ถึงนี่ทำไมอยู่ดี
“คิดอยู่ว่าจะทำให้ไม่ให้คนเข้าชมรมใหม่หนีแบบในปีนี้น่ะ ฉันเห็นว่านายคงบอกข้อเสียฉันมาตรงๆ แบบไม่เกรงใจแน่ก็เลยมาถามนี่ไง” อิมาโยชิอธิบายเพิ่มเติม
“...ถ้าเรื่องนี้ผมขอบอกเลยว่าแค่คุณเลิกแกล้งชาวบ้านและเลิกทำท่าเหมือนอ่านใจชาวบ้านได้ตลอดก็พอแล้ว” ฮานามิยะถอนหายใจออกมาเบาๆ ...จากการที่โดนใช้เป็นหน่วยกล้าตาย (?) คอยคุมรายนี้แล้วก็เดาถึงสาเหตุที่ชาวบ้านเขาหลอนได้เลย ก็มีอย่างที่ไหนเดาได้ว่าคนอื่นจะทำอะไรจะพูดอะไรต่อจากนี้ล่ะฟะ? “แล้วนี่มาถามแค่นี้? ถ้าแบบนี้โทรมาไม่ง่ายกว่าเหรอครับ?”
“คุยต่อหน้าจับได้ว่าพูดเพราะเกรงใจหรือว่าพูดจริงง่ายกว่าน่ะ” อิมาโยชิยักไหล่น้อยๆ
“โอเค เข้าใจล่ะ” ฮานามิยะถอนหายใจออกมาเบาๆ ...แต่แค่ถึงกับต้องมาหาถึงที่เลยเหรอ? รอไปคุนที่โรงยิมก็ได้นิ? “แล้วนี่กินข้าวเช้ามาหรือยังครับ?”
“ยังอ่ะ” อิมาโยชิส่ายหน้าวืด
“งั้นมากินด้วยกันเลยครับ ไม่งั้นเดี๋ยวได้เป็นลมไประหว่างซ้อมหรอก ลำบากผมอีก” ฮานามิยะทำหน้าเหนื่อยหน่ายใจพลางลุกขึ้นเตรียมไปทำข้าวเช้าให้อีกฝ่ายกิน
“ห่วงก็บอกมาเถอะ” อิมาโยชิเอ่ยแซว
“ใครเป็นห่วงคนอย่างคุณกันครับ?” ฮานามิยะค้อนใส่คนที่นั่งหน้ายิ้มอยู่
“อย่าซึนไปหน่อยเลยน่า” อิมาโยชิลากเสียงยาวคล้ายอยากแกล้ง
“ไม่ได้ซึนครับ!” ฮานามิยะแว๊ดกลับไป...และจากนั้นการเถียงกันระหว่างสองหนุ่มภายในบ้านก็ได้เริ่มขึ้นและจบลงเมื่อผู้เป็นแม่ของฮานามิยะเกิดรำคาญเสียงบ่นหรืออย่างไรไม่ทราบแล้วโผล่มาแว๊ดนั้นแหละ ทั้งสองถึงได้หสุดเถียงกันในที่สุด
วันเวลาผ่านไปนับวันจากวันเป็นปีสองปีทั้งฮานามิยะทั้งอิมาโยชิก็ต่างเถียงกันแกล้งกันไปตลอดทุกวี่ทุกวันจนแทบกลายเป็นกิจวัตรที่ทั้งโรงเรียนต่างเคยชินกันไปแล้วและมันคงจะจบลงในไม่ช้าเมื่อยามนี้ได้มาถึงวันสำเร็จการศึกษาของพวกปีสาม...และแน่นอนหนึ่งในคนที่จบไปก็มีอิมาโยชิซึ่งตอนนี้อยู่ปีสามแล้วเช่นกัน
“หว่า แย่จัง...เรียนจบซะแล้วล่ะ” อิมาโยชิที่แอบหนีพวกที่มาชิงของติดตัวคนที่เรียนจบมาที่ดาดฟ้าเอ่ยพลางบิดตัวขี้เกียจเล็กน้อย
“ต้องพูดว่าดีจังที่เรียนจบต่างหากครับไอ้รุ่นพี่หน้าจิ้งจอก” ฮานามิยะที่โดนลากติดมือมาด้วยทั้งๆ ที่ตนไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการรุมทึ้ง (?) เลยเอ่ยแก้คำพูดของอีกฝ่าย “ยินดีที่เรียนจบนะครับ แล้วนี่ไปเรียนต่อไหนครับเนี่ย?”
“ถามทำไมเอ๋ย? เรียนจบแล้วจะไปต่อที่เดียวกันเหรอ?” อิมาโยชิถามกลับ
“จะได้ไม่ไปที่เดียวกันต่างหาก” ฮานามิยะค้อนใส่ “ถามเฉยๆ แหละครับ เพราะยังไงตอนจบผมก็กะไปเรียนที่คิริซากิไดจิอยู่แล้ว ไม่เปลี่ยนที่หรอก”
“หื้อ? ที่นั้นมันโรงเรียนที่เขาว่ามีพวกเกเรเยอะนิ? ทำไมเลือกที่นั้นล่ะ?” อิมาโยชิเลิกคิ้วน้อยๆ อย่างแปลกใจเพราะรู้ว่าอย่างฮานามิยะสามารถไปโรงเรียนดีๆ กว่านี้ได้แน่นอน
“มีคนให้หลอกใช้เยอะดีและคุณก็รู้ว่าผมเป็นเด็กดีอยู่ในระเบียบสักที่ไหนล่ะ” ฮานามิยะถามกลับ
“ก็นะ” อิมาโยชิที่รู้ดีว่าอย่างฮานามิยะหากลับหลับครูบาอาจารย์นี่แหกคอกขนาดไหนยักไหล่นิดๆ “แต่แบบนี้ก็ได้อยู่คนละที่กันสิ เพราะฉันไปต่อที่โทโอวกาคุเอ็นน่ะ”
“...คิดว่าจะไปโรงเรียนดังกว่านี้ซะอีกนะครับ” ฮานามิยะตอนแรกคิดว่าอีกฝ่ายจะไปโรงเรียนระดับแนวหน้าของประเทศหรืออะไรแบบนี้ซะอีก เพราะอย่างอิมาโยชิเนี่ยต่อให้ข้อสอบยากขนาดไหนก็คงสามารถสอบเข้าได้สบายๆ เลยล่ะ
“ยิ่งโรงเรียนดังยิ่งโดนคาดหวังเยอะน่ะสิ ยุ่งยากจะตาย” อิมาโยชิยักไหล่น้อยๆ
“ก็จริง” ฮานามิยะไม่เถียงว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ
“แต่ถึงต่างโรงเรียนฉันก็จะไปป่วนนายบ่อยๆ นะ” อิมาโยชิหัวเราะเบาๆ พลางยกมือลูบหัวอีกฝ่ายเล่น
“อย่ามาอีกเลยจะดีกว่าอีกครับ” ฮานามิยะปัดมืออีกฝ่ายทิ้งอย่างไร้เยื่อใยและนั้นทำให้อิมาโยชิหลุดหัวเราะออกมามากกว่าเดิมเสียอีก....
“อย่าว่างั้นสิฮานามิยะ~~~” ...หน่ำซ่ำยังเอาของบางอย่างยัดมือรุ่นน้องตนหน้าตาเฉยอีกต่างหาก
“ทำไมตะพูดไม่ได้ล่ะ นี่มันปากผมนิ” ฮานามิยะเอ่ยพลางดูสิ่งที่อยู่ในมือตนยามนี้อย่างงุนงง “แล้วนี่ให้กระดุมผมมาทำไมครับเนี่ย?”
“ขอแทนใจไง” อิมาโยชิตอบด้วยรอยยิ้ม
“ขนลุกครับ เอาดีๆ สิ” ฮานามิยะค้อนกลับใส่รุ่นพี่จอมกวนของตนไปทีหนึ่ง
“ก็นี่แหละดีแล้ว” อิมาโยชิยักไหล่น้อยๆ “ฉันชอบนาย”
“ห...ห๊า?” ฮานามิยะที่อยู่ๆ ถูกสารภาพรักอย่างไม่ทันตั้งตัวถึงกับเอ๋อกินทันที
“ฉันชอบนาย ชอบมานานแล้วด้วย...” อิมาโยชิเอ่ยด้วยท่าทีจริงจัง “...คบกับฉันนะฮานามิยะ”
“...” ฮานามิยะนิ่งเงียบ ไม่มีปฏิกิริยาใดตอบกลับมาเลย
“ฮานามิยะ?” อิมาโยชิโบกมือไปมาตรงหน้าคนที่ยืนตัวแข็งทื่อราวรูปปั้น
“ม...” ฮานามิยะที่เริ่มดึงสติกลับมาได้เอ่ยอย่างตะกุตะกักด้วยดวงหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดงฉาด “...ม...ไม่มีทางเว้ย! นี่สมองกลับหรือไงฟะไอ้คุณหน้าจิ้งจอก!?”
“สมองยังดีอยู่น่า” อิมาโยชิยังคงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “เพราะงั้นคบกันนะ”
“ไม่เว้ย! ไปตายซะ!” ฮานามิยะแว๊ดใส่พร้อมใส่เกียร์หมาวิ่งหนีไปในทันที
“ซึนอีกแล้ว...” อิมาโยชิหัวเราะร่าด้วยความรู้ดีว่าท่าทางแบบนี้ของอีกฝ่ายนั้นเป็นเพราะเขิน ไม่ได้รังเกียจที่เขาสารภาพไปแต่อย่างใด...ซึ่งความจริงหากว่าฮานามิยะต้องการปฏิเสธเขาอย่างเด็ดขาดคงต่อยเขาหน้าคว่ำไปแล้ว “...รอด้วยสิฮานามิยะ~~~~”
...แต่แบบนี้ก็น่ารักดีเนอะว่าไหม?...
END
ความคิดเห็น